นับถอยหลัง 66 วัน ที่เราจะต้องลาจากกันไป

สถานที่ประสูติ

 

สถานที่ตรัสรู้

 

สถานที่แสดงปฐมเทศนา

 

สถานที่ปรินิพพาน

 

ปริศนา จาก นิทาน กำเนิดนะโม จากใบลาน ตัวธรรมอีสาน
แปลเป็นหนังสือไทย ว่า

ภควโตบทนี้ เดิมทีนั้นสัพพัญญูสำเร็จใหม่ บ่ทันได้ฉันข้าวน้ำจริงแท้อี่หลี
มีในห้อง คัมภีร์ปฐมสมโพธิ์ นับอ่านได้ ๔๙ เป็นบรรทัดฐาน
อนุมานเป็นวันท่อนี้

คราวนั้นยังมีปุริโสเชื้อ ๒ คนน้องพี่
ผู้หนึ่งนั้นชื่อว่า ตปุสสะ ผู้สองนั้น ชื่อว่า ภัลลิกะ
ทั้งสองเป็นพ่อค้าพาณิชย์ชายนายฮ้อยใหญ่
คุมเกวียนได้เหลือหลายมีมาก ๕๐๐ เล่มแท้อี่หลี
พากันไปขายข้าว สุวรรณภูมิ เมืองใหญ่
ไปฮอดดงไม้ใหญ่ราชา แปลออกมา ได้ชื่อว่า ไม้เกตุ
บอกตามเหตุว่าไม้ม่วงหัวแมลงวัน เทพพระทันจูงโคชักไว้
ถึงสิเอาศรจ้ำแทงโคฮ้อย เหล่าเทพพระเจ้าดึงไว้ บ่ ให้ไป
แล้วจึงบอกให้พี่น้องทั้งสองว่า
องค์พุทโธเจ้าสำเร็จญาณใหม่ๆ บ่ทันได้ฉันข้าวน้ำจริงแท้
ต่อไผผู้ใดปรารถนานีระพานพ้นโลก ให้รีบนำข้าวน้ำถวายเจ้าหน่อพุทโธ
ก็จักเอาตนข้ามสงสารพ้นโลกมหาโอฆกว้างไปได้ดังหวัง
ฯลฯ

หากพิจารณา ด้วยใจเป็นธรรม ไม่คิดว่า คนรุ่นหลัง
แต่โบราณ เขียนนิทานหลอกลวง จะพบ ปริศนาน่าคิด

เป็นเรื่องราวที่ ท่าน ตปุสสะ และ วิภัลลกะ ได้ถวาย
ข้าวสัตตุก้อน สัตตุผง ถวายแด่พระพุทธองค์หลังตรัสรู้ใหม่ๆ
ร้อนถึง ท้าวจาตุโลกบาล ต้องนำบาตรหินคนละเสี่ยง
มาถวายแด่พระพุทธองค์ เมื่อทรงรับแล้วจึงอธิษฐานเข้าเป็นบาตรใบเดียว สีดังแก้ผลึก ได้ ๔ ซีกพอดี
ดังบาลีว่า "จตฺตาโร ปตฺตา เอกปตฺโต โหนตุ"

ซึ่ง ท่าน "ตปุสสะ" และ "วิภัลลกะ" ภายหลังออกบวช
สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ชาวมอญ ศรัทธาเคารพท่านมาก
เพราะ ท่านเป็นผู้อัญเชิญเส้นพระเกศาของพระพุทธองค์
ที่ได้รับการประทานจากพระพุทธองค์ เมื่อครั้งถวาย
ข้าวสัตตุก้อน สัตตุผง นั่นเอง
ไปประดิษฐานที่เจดีย์ ชเวดากอง ประเทศพม่าปัจจุบัน

ในพระไตรปิฎกว่าท่านเป็นชาว อุกกลาปะ
ในตำนานวังพระธาตุ ของมอญ ว่า ท่านเป็นชาว เอิกกะลาปะ
นามของท่าน ตามตำนานว่า "ตะเป้า" กับ "ตะป้อ"

เมือง เอิกกะลาปะ ปัจจุบัน ชื่อ "โอกะลาปะ"
จะเอิก หรือ โอก หรือจะ อุก ก็คือ ดินแดนของชาว "กุลา"

ซึ่ง ก็คือ "กุลา" ที่มาร้องให้ แถว อำเภอสุวรรณภูมิ
จังหวัดร้อยเอ็ด และรอยต่อหลายจังหวัด ที่เราเรียกว่า

"ทุ่งกุลาร้องให้"

นี่ คือ เส้นทางการค้า มาแต่โบราณกาล คือ

จาก เมืองอุกกลาปะ เขตแดนพม่าปัจจุบัน
เข้ามา ด่านแม่สอด จ.ตาก
เข้า พิษณุโลก เข้าสุโขทัย เข้าหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
เข้า คอนสาร จ. ชัยภูมิ ผ่าน ชุมแพ จ.ขอนแก่น
แล้ววกเข้า ภูเขียว แก้งคร้อ ที่ จ.ชัยภูมิ อีกครั้ง
ก่อนจะผ่าน กิ่ง อ.โคกโพธิ์ชัย จ.ขอนแก่น
แล้วไป มัญจาคีรี ชนบท บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
ก่อนจะมุ่งไปสู่ บรบือ มหาสารคาม เข้าสู่ร้อยเอ็ด
และ มุ่งสู่ สุวรรณภูมิ เมืองใหญ่

จากนิทานใบลานเก่า ที่เพิ่งหยิบติดมือ มาอ่าน
เมื่อเช้านี้ จึงเอามาฝากให้ได้ขบคิด

ปริศนาซ่อนไว้ ท่านตปุสสะและวิภัลลกะ ไม่ได้ไป
อินเดีย แต่มาค้าขาย ที่ สุวรรณภูมิ เมืองใหญ่

แล้วถ้าเช่นนั้น ท่านทั้งสอง ได้ พบพระพุทธองค์ ที่ไหน?

จะไม่ใช่ ที่ โคกโพธิ์ชัย นี่ดอกหรือ?

 

ปริศนาที่ตั้ง อุรุเวลาเสนานิคม

 

เมื่อต้นสัปดาห์ อาจารย์แม่ ดร.กัญจีรา โทรมา
มาเพิ่งกลับมาจากทำพิธีใหญ่ ที่ วัดป่าบ้านค้อ
ของหลวงปู่ทูล จ.อุดรธานี

และ แจ้งให้ผมทราบว่า อาจารย์แม่ ต้องการให้
หาวันสะดวก ที่จะพา อาจารย์แม่ ไปที่ต้น
"พระศรีมหาโพธิ์" ที่ โคกโพธิ์ชัย จ.ขอนแก่น

ซึ่งผม ได้เรียน อาจารย์แม่ ไปว่า หากจะไปคง
ต้องรีบไป เพราะผมรับปากกับภรรยาว่า ถ้าหลัง
วันที่ 6 มีนาคม 2551 นี้ ไม่เกิดภัยพิบัติอย่างที่
ผมว่า

ผมจะต้องเลิกข้องแวะ เลิกพูดเรื่องการค้นคว้าโดยสิ้นเชิง

ซึ่ง อาจารย์แม่ ตอบว่า ทำไมจะไม่เกิด
ก็วันที่ 18 มีนาคม ที่จะถึงนี่หล่ะจะมีเหตุการณ์..

และวันที่ 2 มีนาคม 2551 อาจารย์แม่ ก็จะจัด
การสัมมนาเพื่อรับภัยพิบัติ ตามที่เราได้ทราบกัน

ดังนั้น...หากหลังวันที่ 6 มีนาคม ยังไม่เกิดอะไร
และผมมีอันต้องยุติตัวเองลงไป

คงต้องฝาก อาจารย์สุธาทิพย์ เป็นภาระต่อด้วยครับ

ขอบคุณครับ

เอกอิสโร

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปภ.ระดมความเห็นต่อร่างแผนปฏิบัติการฯ ภัยพิบัติแห่งชาติ ปี 51-60</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 กุมภาพันธ์ 2551 18:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> นายอนุชา โมกขะเวช อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC) และองค์การยุทธศาสตร์นานาชาติเพื่อการลดภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ (UNISDR) จัดทำโครงการยุทธศาสตร์แผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติ (Strategic National Action Plan (SNAP) on Disaster Risk Reduction) เพื่อให้เป็นยุทธศาสตร์ของประเทศในการลดความเสี่ยงของประชาชนจากภัยพิบัติ โดยได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระดมความคิดเห็นร่างแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติ พ.ศ. 2551 - 2560 (Strategic National Action Plan)(SNAP) on Disaster Risk Reduction 2008 - 2017) ในวันพุธที่ 5 มีนาคมนี้ เวลา 08.30 - 16.00 น. ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ การประชุมมีการนำเสนอแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ และแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อระดมความคิดร่างแผนปฏิบัติการใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการป้องกันและลดผลกระทบ ด้านการเตรียมความพร้อม ด้านการบริหารจัดการฉุกเฉิน และด้านการฟื้นฟูและบูรณะ ซึ่งจะทำให้ได้ยุทธศาสตร์แผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติที่มีเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์และเกิดการบูรณการ ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปสู่ยุทธศาสตร์ของประเทศในการลดความเสี่ยงของประชาชนจากภัยพิบัติต่อไปได้
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

"ปฏิรูปเทส"

ที่ชื่อว่า ปฏิรูปเทส ได้แก่ ประเทศใดที่บริษัททั้ง ๔ เที่ยวไป ประ-
เทศที่บุญกิริยาวัตถุทั้งหลายมีทานเป็นต้นย่อมเป็นไป ประเทศที่นวังคสัตถุศาสน์
ย่อมรุ่งเรือง การอยู่ในปฏิรูปเทสนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นมงคล
เพราะเป็นปัจจัยแห่งการบำเพ็ญบุญของสัตว์ทั้งหลาย ก็ในข้อนี้มีเรื่องของชาว
ประมงผู้เข้าไปสู่เกาะสิงหลเป็นต้นเป็นตัวอย่าง.
อีกนัยหนึ่ง ที่ชื่อว่าปฏิรูปเทส ได้แก่ ประเทศ คือ (โพธิมณฑล)
ควงแห่งต้นโพธิเป็นที่ตรัสรู้แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ประเทศที่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าแสดงพระธรรมจักร ประเทศ คือควงแห่งต้นคัณฑามพพฤกษ์ที่พระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ทรงทำลายความมัวเมาของเดียรถีย์ทั้งปวง
ในท่ามกลางบริษัท (ซึ่งมาประชุมกันในเนื้อที่) ถึง ๑๒ โยชน์ ประเทศที่เสด็จ
ลงจากเทวโลก (ที่สังกัสสนคร) ก็แม้หรือว่า ประเทศอื่นใดอันเป็นที่ประทับ
ของพระผู้มีพระภาคเจ้ามีเมืองสาวัตถีและเมืองราชคฤห์เป็นต้น การอยู่ใน
ปฏิรูปเทสนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็น มงคล เพราะเป็นปัจจัยให้
ได้อนุตตริยะ ๖ ประการ.

 

<TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle></TD></TR><TR><TD class=tcat align=middle>พระธาตุมุเตา หรือ พระมหาเจดีย์ชเวมอดอ</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="90%" align=center border=0><THEAD><TR><TD class=tcat align=middle> Photo Details </TD></TR></THEAD><TBODY id=collapseobj_photoinfo><TR><TD class=alt1 vAlign=top align=middle>Poster: paang (see this users gallery)

ศาสนสถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ใน
เมืองหงสาวดี เป็นพระธาตุเก่าแก่อายุกว่า 1,200 ปี เคยพังทลายลงมาเพราะแผ่นดินไหวเมื่อ พ.ศ. 2473
หรือเมื่อ 74 ปีที่แล้ว ต่อมาได้รับการบูรณะปฎิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2497 ปัจจุบัน
พระธาตุมุเตามีความสูงประมาณ 125 เมตร​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

เมืองสาวัตถีไม่ได้อยู่ที่อินเดีย...แต่คือเมืองหงสาวดี ที่พม่า
<O</O​

ความที่ จะยกมาต่อไปนี้ เป็นความย่อใน

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปภ.ระดมความเห็นต่อร่างแผนปฏิบัติการฯ ภัยพิบัติแห่งชาติ ปี 51-60</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 กุมภาพันธ์ 2551 18:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

อย่าหวังอะไรกับรัฐบาล ท่านอนุชาเป็นพี่ชายดิฉันเอง (พ่อท่านเป็นพี่ชายแม่ดิฉัน) เจอกันเมื่องานสึนามิ ท่านพูดได้แค่ตามรัฐมนตรีมหาดไทยสั่ง สมัยนั้นคือท่านโภคิน ตอนนี้... งานท่านในยามภัยพิบัติคือตามคำสั่งรมต. เสียงจากรากหญ้าไม่ตรงความถี่ค่ะ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ศาสนา...ทำให้จิตใจแข็งแกร่ง ไม่ใช่อ่อนแอ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ขอเชิญคุณ...เอกอิสโร
ไปพิสูจน์ค้นหาความจริงที่ "หลักโลกุตตระ" ถ้ำกระบอก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...
ความไม่เที่ยง...เป็นทุกข์...ไม่มีตัวตน...
หากจะหาความเที่ยงแท้ในโลกนี้ย่อมไม่มี...ฉะนั้นเราจะหาความทุกข์กันทำไม...สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเหลือเลย...

 

ขอเชิญคุณ...เอกอิสโร
ไปพิสูจน์ค้นหาความจริงที่ "หลักโลกุตตระ" ถ้ำกระบอก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

ท่าน " หนุมาน ผู้นำสาร " โปรด ขยายความ สักนิดได้มั๊ยครับ
ว่า จะให้ผมไป "พิสูจน์ค้นหาความจริง" เรื่องอะไร?

เผื่อว่า จะได้ตัดสินใจ เดินทางไป วันพรุ่งนี้เลย

เวลาผมเหลือน้อยแล้วครับ

 

ยังเชื่อกานอีกเน๊าะว่าจะเกิดอีก66วัน
มันเกิดน่ะเกิดแน่ๆแต่ไม่เร็วปานนี้หรอกคับ

 

*** ถึง คุณเอกอิสโร ****

ขอเชิญชวนทีมวิจัยเกี่ยวกับศาสนา ไปพิสูจน์เรื่องเกี่ยวกับศาสนาพุทธ
หาก ผู้มีความสามารถด้านจิตวิญญาณไปด้วย ให้ไปในถ้ำกระบอก
จะสามารถรับรู้เหตุการณ์สิ่งต่างๆ ในอดีตได้
ให้ท่านศึกษาข้อมูล กับพระที่ทำหน้าที่เจ้าอาวาส ก็จะได้ข้อมูลอีกมาก
แล้วท่านจะได้รู้ความจริงที่เกิดขึ้น ที่ไม่มีในตำราอีกมากและสำคัญ
ขอให้ท่านอย่าได้วิตก หากมีคนเชื่อและปฏิบัติสัจจะมากขึ้น
เหตุการณ์ต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
กรรมไม่สูญหาย แต่เบี่ยงเบนหักเหได้

อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด
ขอให้ท่านทำดีที่สุด เหตุการณ์จะเกิดตรงหรือไม่ตรง ไม่ใช่ความผิดของท่าน
ให้ถือว่าท่านพยายามเตือนแล้ว เชื่อไม่เชื่ออยู่ที่ตัวบุคคล
โลกเมตตาเสมอ เมื่อมีผู้เชื่อในสัจจะธรรม คือปฏิบัติตนตามคำสอนขอศาสดา ด้วยสัจจะ
ทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงไปตามการกระทำในแต่ละวินาทีของมนุษย์

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑

 

*** ขออำนาจโลกุตตระ และ สัจจะ ****

เมื่อ...ทีมงานของท่าน
รวมตัวกับทีมงานอื่นๆ
ร่วมกันจับมือทำสมาธิรอบ "หลักโลกุตตระ" ที่วัดถ้ำกระบอก
อธิษฐานขอให้ความจริง ในพุทธศาสนาปรากฏขึ้น
ความจริงต่างๆ ก็จะถูกท่ายทอดออกมา ทั้งทางจิตวิญญาณ และทางกายภาพ
สิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา จะค่อยๆปรากฏขึ้นสู่สายตาชาวโลก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑

 

เมื่อเราตีหัวคนๆหนึ่งเพราะความโกรธ...แต่เขากลับตอบโต้ไม่ได้เพราะเรามีฐานะบารมีสูงกว่า...เขาจะมีความพยาบาทเคียดแค้นเราเพียงไหน...หากวันใดที่เรามีฐานะต่ำกว่า...ย่อมถูกเอาคืนเป็นแน่...แต่ความเคียดแค้นที่สุมในใจไว้นาน...ยิ่งนานวันก็ยิ่งพอกพูน...นานมากเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น...พอเขาได้ที...อาจไม่ใช่แค่ตีหัวเรากลับ...อาจมากกว่านั้นหลายเท่า...
แต่...หากเราปฏิบัติดี...หมั่นสวดมนต์แผ่เมตตา...ปฏิบัติเจริญสมาธิขออโหสิกรรมต่อเขา...ให้สิ่งของแก่เขาเป็นสินน้ำใจ(ถวายสังฆทาน)...เพื่อแสดงความสำนึกผิด...และเป็นมิตรกับเขา...ความโกรธย่อมลดน้อยลง...น้อยลง...จนได้รับการให้อภัยในที่สุด...
หรืออีกกรณีคือ...ท่านผู้มีอำนาจมากๆมีบารมีมากๆ...มาไกล่เกลี่ยให้...เพื่อจะได้ลดการจองเวรกันไป...แต่ก็ต้องมีข้อแม้ที่จะต้องชดเชยคืนให้กันบ้าง...ทำกุศลใหญ่แผ่ออกไปโดยผู้มีบุญใหญ่...ตะบะแกร่ง...
สิ่งที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่มีเหตุและผล...หากไม่มีเหตุจะมีผลได้อย่างไร...