เพื่อการกุศล เปิดกรุ ประมูล ๑-๒ สค.๕๙ ลพ.ศรีทัต/ลป.ดู่/ลพ.วิชัย/ลป.ขาว/ลป.ม่น/คุณแม่ชีประทุม ราคาเริ่มที่๙๙ บ. น.ท้าย

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย rs83, 2 สิงหาคม 2015.

  1. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380



    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  2. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    [​IMG]




    [​IMG]





    [​IMG]



    หลวงปู่ทวด
    วัดในหาน​






    [​IMG]



    รอยเท้าหลวงพ่อเดิม
    วัดหนองโพ​









    เปิดประมูล
    หลวงปู่ทวด
    วัดในหาน
    และ
    รอยเท้าหลวงพ่อเดิม
    วัดหนองโพ
    ๑๔ ธค. ๕๘
    ๒๐.๐๐-๒๐.๓๐ น.
    ชำระเงิน ภายใน๓วัน
    (หลังจากวันประมูล)
    ราคาเริ่มต้น ๙ บาท
    โปรดระบุด้วยว่าท่านประมูลอะไร
     
  3. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    [​IMG]





    [​IMG]




    พระผงสมเด็จโต วัดพลา
    หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ เสก






    [​IMG]




    [​IMG]




    ล็อกเก็ต
    หลวงพ่อเกษม เขมโก(เก่า)







    เปิดประมูล
    พระผงสมเด็จโต วัดพลา
    หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ เสก
    และ
    ล็อกเก็ต
    หลวงพ่อเกษม เขมโก(เก่า)
    ๑๔ ธค. ๕๘
    เวลา ๒๐.๓๐-๒๑.๐๐ น.
    ชำระเงิน ภายใน๓วัน
    (หลังจากวันประมูล)
    ราคาเริ่มต้น ๙ บาท
    โปรดระบุด้วยว่าท่านประมูลอะไร
     
  4. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    [​IMG]




    [​IMG]




    [​IMG]



    ครูบาศรีวิชัย
    บรรจุ เกศาครูบาศรีวิชัย
    วัดจามเทวี(ครูบาบุญทึม เสก)​







    [​IMG]




    [​IMG]



    หลวงพ่อตะมะยะ
    ชาวพม่านับถือมากที่สุดองค์หนึ่ง​










    เปิดประมูล
    ครูบาศรีวิชัย
    บรรจุ เกศาครูบาศรีวิชัย
    วัดจามเทวี(ครูบาบุญทึม เสก)
    และ
    หลวงพ่อตะมะยะ
    ชาวพม่านับถือมากที่สุดองค์หนึ่ง
    ๑๕ ธค. ๕๘
    เวลา ๒๐.๐๐-๒๐.๓๐ น.
    ชำระเงิน ภายใน๓วัน
    (หลังจากวันประมูล)
    ราคาเริ่มต้น ๙ บาท
    โปรดระบุด้วยว่าท่านประมูลอะไร
     
  5. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    [​IMG]





    [​IMG]



    หลวงปู่แหวน สุจิโน





    [​IMG]




    [​IMG]




    เหรียญเจริญลาภ
    วัดราชประดิษฐ์ ๒๕๑๕










    เปิดประมูล
    หลวงปู่แหวน สุจิโน
    และ
    เหรียญเจริญลาภ
    วัดราชประดิษฐ์ ๒๕๑๕

    ๑๔ ธค. ๕๘
    เวลา ๒๐.๓๐-๒๑.๐๐ น.
    ชำระเงิน ภายใน๓วัน
    (หลังจากวันประมูล)
    ราคาเริ่มต้น ๙ บาท
    โปรดระบุด้วยว่าท่านประมูลอะไร
     
  6. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    รายชื่อจัดส่งวัตถุมงคล(มีดแก้วจักรพรรดิ์และวัตถุมงคลรุ่นก่อน งานประมูล)
    สำหรับผู้ที่จ่ายเงินครบและจ่ายค่าส่งของครบ




    [​IMG]
     
  7. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    หลวงปู่ทวด วัดในหาน จัดสร้างปี 2536 นะครับ เพื่อหาทุนบูรณะอุโบสถ์วัดในหาน ปลุกเสกโดย อ.นอง วัดทรายขาว อ.ทอง วัดสำเภาเชย และ หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม ( อายุ 100 กว่าปีแล้ว ) โดยจัดสร้าง 3 แบบ ดังนี้ครับ 1. รูปหล่อพิมพ์บัวรอบ 2. รูปหล่อพิมพ์เบ้าทุบ 3. เตารีด พิมพ์ใหญ่ ทุกพิมพ์จัดสร้างสี่เนื้อครับ นวะ,ผิวไฟ,สตางค์ และเปียกทอง จำนวนการสร้างไม่แน่นอน แต่เห็นว่าสร้างเยอะมาก ทำให้ราคาหมุนเวียนในตลาดพระยังไม่สูงมาก ( อยู่ที่ หลักร้อย ถึงพันต้นๆ ) มวลสารดี เกจิปลุกเสกเก่ง ราคาไม่แพงน่าใช้มากๆ ( ตัวผมเก็บรุ่นนี้ไว้เยอะทีเดียวครับ เพราะประสบการณ์ดี^^ )

    ปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันว่า พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ทุกรุ่นล้วนเป็นที่แสวงหากันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นพระเนื้อว่าน เนื้อโลหะ หรือเหรียญ เนื่องจากมีประสบการณ์ในทางแคล้วคลาดปลอดภัยมาก โดยเฉพาะในการเดินทางไปไหนมาไหน ผู้ที่มีพระหลวงปู่ทวดติดตัว มักจะปลอดภัยเสมอ ขณะเดียวกัน ก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ทางด้านเมตตามหานิยม และโชคลาภ อีกด้วย

    แต่เนื่องจาก พระหลวงปู่ทวด ที่สร้างในสมัย พระอาจารย์ทิม เจ้าอาวาสวัดช้างให้ เป็นผู้ปลุกเสกนั้น ในทุกวันนี้มีราคาแพงมาก สุดวิสัยที่ชาวบ้านทั่วๆ ไปจะเช่าบูชามาใช้ติดตัวได้ ต่างจึงมองหาพระหลวงปู่ทวด ที่ปลุกเสกโดย พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ซึ่งมีประสบการณ์มากเช่นกัน จนทำให้หลายรุ่นมีราคาแพงขึ้นไปด้วย

    มาถึงทุกวันนี้ ผู้ศรัทธาเลื่อมใสในพระหลวงปู่ทวด จึงหันมาเช่าบูชา พระหลวงปู่ทวด ที่ปลุกเสกโดยอาจารย์ดังสายใต้รุ่นหลังที่มีคนนับถือมากมาใช้แทน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์นอง วัดทรายขาว อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย หรือหลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม ทุกท่านล้วนมีวิชาความรู้ในทางปลุกเสกพระหลวงปู่ทวดเช่นกัน ทุกวันนี้พระหลวงปู่ทวด ที่อาจารย์นอง อาจารย์ทอง และหลวงปู่สุภา ปลุกเสก จึงได้รับความนิยมกันอย่างกว้างขวาง เพราะเชื่อกันว่า ใช้แทนของพระอาจารย์ทิม ได้อย่างสนิทใจ

    ด้วยเหตุนี้ทางวัดในหาน จ.ภูเก็ต จึงได้จัดสร้าง พระหลวงปู่ทวดขึ้นมาในปี 2536 วัตถุประสงค์เพื่อหาเงินทุนจัดสร้างพระอุโบสถ บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่างๆ ภายในวัดในหานซึ่งขณะนั้นเป็นวัดที่ยากจนมาก

    การจัดสร้างเหรียญหลวงปู่ทวด ครั้งนี้ คณะทำงานวัดในหานได้ประกอบพิธีบวงสรวงสักการะบูชาดวงวิญญาณหลวงปู่ทวด เพื่อขออนุญาตการจัดสร้าง

    สำหรับชนวนมวลสารที่ใช้ สร้างจากก้านชนวนจากการสร้างพระหลวงปู่ทวดรุ่นเก่าๆหลายรุ่น โดยใช้ทรงพิมพ์หลวงปู่ทวดรูปหล่อลอยองค์ที่หล่อดินไทยที่กรุงเทพเป็นแบบ พระทำออกมาได้สวยงามมาก

    สำหรับพระหลวงปู่ทวดที่วัดในหานขึ้นรุ่นแรก จัดสร้างมี 3 แบบดังนี้

    1. รูปหล่อหลวงปู่ทวดเบ้าทุบ เนื้อนวโลหะ เนื้อทองผสมเปียกทอง เนื้อสตางค์แดง และเนื้อสตางค์แดงผิวไฟ

    2. รูปหล่อหลวงปู่ทวดพิมพ์บัวรอบ เนื้อนวโลหะ เนื้อทองผสมเปียกทอง เนื้อสตางค์แดง และเนื้อสตางค์แดงผิวไฟ

    3. เตารีดหลวงปู่ทวด เนื้อนวโลหะ เนื้อทองผสมเปียกทอง เนื้อสตางค์แดง และเนื้อสตางค์แดงผิวไฟ

    ปัจจุบันท่านอาจารย์นอง ได้ถึงแก่มรณภาพแล้วครับเมื่อวันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2542 ณ.โรงพยาบาลโคกโพธิ์ สิริอายุ 80 ปี 60 พรรษา ได้รับพระราชทานเพลิง ณ เมรุวัดทรายขาว เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2545 ซึ่งแม้สังขารของท่านจะสลายไป แต่ความดีของท่านที่มีอยู่มากมายส่งผลให้ท่านยังคงเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ยังอยู่ในความทรงจำของบรรดาลูกศิษย์ นอกจากนี้แล้วความเข้มแข็งในวิทยาคมยังส่งผลให้ท่านกลายเป็นตำนานบทหนึ่งคู่กับพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ใน "ฐานะพระผู้ก่อให้เกิดตำนานความศักดิ์สิทธิ์" ของพระเครื่องเมืองใต้ ที่แผ่บารมีความศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วประเทศในนาม "หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้"

    ดังนั้นพระหลวงปู่ทวด วัดในหาน รุ่นแรก ปี 2536 จึงน่าบูชาเก็บไว้มาก เพราะมีพระเกจิดังถึง 3 องค์ร่วมปลุกเสก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์นองท่านร่วมปลุกเสกด้วย และในขณะนี้ทั้งอาจารย์ทองและหลวงปู่สุภาท่านเป็นเกจิภาคใต้ที่ดังมาก
     
  8. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องผ้ารอยเท้าหลวงพ่อเดิมนั้น ใครเป็นผู้ริเริ่มยืนยันไม่ได้ แต่ปรากฏว่ามีผู้นำเอาผ้าขาวมาให้หลวงพ่อเหยียบรอยเท้า สีที่ใช้ก็คือครามผงผสมน้ำนั่นเอง เอามาทาฝ่าเท้าของท่านแล้วให้หลวงพ่อเหยียบ ในการเหยียบตอนแรกก็เหยียบโดยมีกระดานเปล่าเป็นพื้นรอง ติดบ้าง ไม่ติดบ้าง ไม่ชัดบ้าง ก็ว่ากันไป ต่อมาผู้ที่ได้รับผ้ารอยเท้าไปมีประสบการณ์ ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า
    ตีไม่แตก บางทีก็เอามาโบกไล่เครื่องบินให้วุ่นไปหมด เพราะกลัวเครื่องบินจะมาทิ้งระเบิด บางบ้านรอบๆยับเยินไปด้วยแรงระเบิดทำลาย แต่บ้านที่มีผ้ารอยเท้าหลวงพ่อเดิมกลับปลอดภัย


    ปู่โคน อินยิ้ม อดีตมัคทายกวัดหนองโพได้กล่าวถึงการเหยียบรอยเท้าหลวงพ่อเดิม ท่านเหยียบรอยเท้าต้องยกเท้าขึ้นลงอย่างนั้นว่า
    “หลวงพ่อท่านบอกเป็นปริศนาว่าฉันใช้กรรมเขาให้หมด กรรมที่ฉันตกปลอกช้างที่จับเอามาช่วยงานไงละ มันไปไหนไม่ได้ ก็ยกขาขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อให้หายเหนื่อย ฉันก็เลยผ่อนใช้กรรมเขาไป”
    เมื่อหลวงพ่อเดิมท่านประทับรอยเท้าครั้งหนึ่งก็จะเอามือสองข้างกดที่หัวเข่าแล้วเป่าเพี้ยงลงไปพ้วงหนึ่ง ทุกครั้งเป็นการกำกับ และเมื่อท่านไปเหยียบรอยเท้าครั้งใหญ่ที่ค่ายจิรประวัติ มณฑลทหารบกจังหวัดนครสวรรค์ ท่านเคยใช้นะปัดตลอดเหยียบรอยเท้าทะลุ ครั้งละ ๑๐ ผืน เพื่อให้ทันกับเวลาและจำนวนทหาร ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เพราะหลวงพ่อเดิมท่านไม่อาจเลี่ยงได้ เพราะท่านไม่คาดว่าเขาจะให้ท่านเหยียบมากมายขนาดนั้น
    ครามที่ใช้ผสมน้ำนั้นมีหลายสี สีน้ำเงินแก่ก็มี น้ำเงินอมฟ้าก็มี น้ำเงินอมดำก็มี และที่ออกม่วงก็เคยพบ แต่ที่เหมือนกันก็คือ ถ้าถูกน้ำแล้วจะละลาย เพราะครามกลัวน้ำเป็นอย่างยิ่ง สีจะซีดจางหรือไม่ อยู่ที่การรักษาสภาพไม่ให้ถูกความชื้น ถูกแดดหรือถูกเหงื่อจนชุ่ม นั่นคือผ้ารอยเท้าของเทพเจ้าแห่งวัดหนองโพ
    อาตมาเรียนถามหลวงพ่อเดิมเรื่องรอยเท้าของท่านว่า
    “ที่หลวงพ่อเหยียบรอยเท้าให้เขาไปนั้น มันดีอย่างไรครับ บอกให้กระผมได้ตาสว่างสักครั้งหนึ่งเถิดขอรับ”
    เทพเจ้าแห่งวัดหนองโพมองดูหน้าอาตมาก่อนจะกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงอันดังกังวานว่า
    “เอ้อ ตาดีก็ได้ ตาร้ายก็เสีย หูดีก็ได้ หูร้ายก็เสีย”
    อาตมาถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เพราะหลวงพ่อเดิมท่านตอบไม่ตรงคำถาม จึงรุกเข้าไปถามใหม่
    “ไม่ใช่อย่างนั้นหลวงพ่อครับ กระผมต้องการรู้ว่าที่เขาเอาไปใช้กันน่ะดีทางไหนกันแน่ ถึงได้มาขอกันจนเหยียบไม่ได้หยุด”
    “เอ้องั้นเรอะ ฟังนะ เขาว่าดีเอาไปโพกหัวแล้วยิงไม่ออก โพกหัวแล้วตีไม่แตก นั่นว่ากันอย่างนั้น ฉันไม่ได้ว่านะ เขาว่ากันไปเองแหละ”
    “อ้าวแล้วอย่างนั้นหลวงพ่อให้เขาเอาไปทำไมกันล่ะครับ ถ้าหลวงพ่อไม่ได้ว่าดี เขาว่ากันเองล่ะก็”
    “เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับฉันนี่คุณ ธรรมะของฉันที่ฉันฝากไว้ในรอยเท้ามันไม่ใช่อย่างที่เขาเล่าลือกัน”
    “ธรรมะอะไรกันครับหลวงพ่อ ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อย ผมงงไปหมดแล้ว”
    เทพเจ้าแห่งวัดหนองโพนิ่งสักครู่ เหมือนจะรวบรวมจิตแสดงธรรมให้อาตมา ซึ่งเป็นภิกษุหนุ่มฟัง อาตมาก็นิ่งคอยฟัง หลวงพ่อเดิมได้เผยธรรมะในรอยเท้าของท่านอย่างแจ่มแจ้ง ซึ่งอาตมาเชื่อแน่ว่าผู้ที่มีรอยเท้าของท่านคงไม่มีโอกาสรู้ เพราะมัวแต่ไปคิดว่ามหาอุด คงกระพัน กันลูกปืนเสียเป็นส่วนใหญ่ หลวงพ่อเดิมท่านว่าอย่างนี้
    “รอยเท้าของฉันเหยียบไว้เป็นที่ระลึกว่า ฉันคือหลวงพ่อเดิม ที่ในหลวงท่านพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูนิวาสธรรมขันธ์ หมายถึงว่า เป็นที่ตั้งแห่งธรรมทั้งปวง ฉันปฏิบัติในกรอบแห่งความดี ฉันไม่เบียดเบียน ฉันสร้างความเจริญในถิ่นกันดาร ฉันทำดีเพื่อให้พระศาสนารุ่งเรือง เมื่อได้รอยเท้าของฉันไปแล้วก็จงระลึกว่า หลวงพ่อเดิมท่านทำดี เราควรทำความดีเจริญรอยตามรอยเท้าของท่านไปเป็นคนดี คิดดี ทำดี อยู่แต่ในศีลธรรมอันดีงาม นั่นแหละรอยเท้าของฉันจึงจะขลัง ไม่ใช่เอาไปโพกหัวแล้วยิงไม่ออก แต่ไม่เคยมีใครถามฉันสักราย เห็นแต่เอารอยเท้าไปติดตัวแล้วหายเงียบไป”
    อาตมาได้ฟังจบลงแล้วน้ำตาคลอ มันซาบซึ้งใจจริง ๆ ตั้งแต่บวชมาจนคิดจะสึกก็เพิ่งพบหลวงพ่อเดิมนี่แหละที่ท่านมีปรัชญาอันซาบซึ้งใจของอาตมา อาตมากล้าพูดได้ว่า หกเดือนที่อยู่วัดหนองโพ ทำให้อาตมาเป็นพระเต็มตัว ความคิดสึกหมดไป เพราะเห็นแล้วว่าพระที่ดีอย่างหลวงพ่อยังมี พระที่ไม่ดีที่เราเคยเห็นมานั้นเทียบกับท่านไม่ได้ เหมือนเพชรกับแก้วที่ไม่อาจมาเคียงคู่กันได้เลย
    หลวงพ่อเดิมยังให้แง่คิดกับอาตมาอีกอย่างหนึ่งในวาระนั้นว่า
    “คุณฟังฉันให้ดี ๆ นะ คนที่มาวัดนั้นร้อยละแปดสิบเป็นพวกคนโง่ จ้องจะมาเอาแต่ของขลัง เพราะเขายังห่างธรรมะ ร้อยละยี่สิบเข้ามาหาธรรมะมาสนทนาธรรมกับฉัน มีเพียงไม่กี่คนที่ถามฉันเหมือนที่คุณถามฉัน ก็จะบอกกับเขาว่า
    “เอารอยเท้าฉันไปนะ ฉันเป็นอุปัชฌาย์ของเธอ ฉันเป็นพระที่เธอนับถือ ฉันไม่เก่งอะไรหรอก แต่ฉันสร้างความดี เธอจงเอารอยเท้าฉันไปดูให้ติดตา แล้วทำความดีตามรอยเท้าฉัน แล้วจะประสบความสุขความเจริญทั่วหน้า”
    หลวงพ่อเดิมท่านสอนเรื่องการบวชโดยกล่าวกับอาตมาว่า
    “นี่แน่ะคุณ คุณลองนึกย้อนกลับไปดูซิว่า ก่อนที่คุณจะกล่าวคำขอบวชน่ะ ต้องพากเพียรท่องขานนาคขนาดไหน ต้องสวมเสื้อครุยแบบเนติบัณฑิตขลิบทองสวยงาม เข้าขบวนแห่ พ่อแม่ญาติพี่น้องก็ดีใจกันใหญ่ว่า เออ ลูกหลานเราได้บวชแล้ว จะได้เป็นบัณฑิตสมกับที่ได้ตั้งใจนำตัวเข้าอุปสมบท
    เข้ามาแล้ววนโบสถ์สามรอบวันทาเสมาเข้ามาในพระอุโบสถ กล่าวคำขออุปสมบทกับเหล่าสงฆ์ต่อเบื้องหน้าพระพักตร์ของพระประธานในโบสถ์ที่แทนองค์สมเด็จพระบรมศาสดา ทีละคำ ๆ ไม่ใช่บวชได้เลยนะ ต้องเอาผ้าไตรถวายอุปัชฌาย์แล้วออกไปให้พระกรรมวาจาจารย์ถามแล้วสอบอีกว่า ครบถ้วนตามพุทธบัญญัติไหม ครบแล้วก็จะมาบอกกับอุปัชฌาย์ว่าครบแล้ว
    ต้องทำตามขั้นตอนกว่าจะได้บาตรมาสะพาย กว่าจะสำเร็จเป็นองค์พระสงฆ์ต้องสวด ญัตติจตุตถกรรม จึงสำเร็จเป็นภิกษุสภาวะ ตายจากฆราวาส มีนามใหม่เป็นนามสำหรับภิกษุ เช่น หลวงพ่ออุปัชฌาย์ท่านจะกล่าวว่า “พุทธสโรนามะเต แปลว่า เจ้ามีนามว่า พุทธสโรภิกขุ”
    เห็นไหมล่ะว่าการเป็นภิกษุนั้นยากแค่ไหน แต่เวลาสึกซีง่ายเหลือเกิน เพียงแต่ไปคุกเข่าต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ แล้วกล่าวคำสั้น ๆ ว่า
    “ข้าพเจ้าขออกจากการเป็นสงฆ์”
    พระอุปัชฌาย์ก็จะเอื้อมมือไปปลดสังฆาฏิออกจากบ่า แล้วกล่าวคำให้สึกได้ง่าย แต่คุณเห็นไหมว่าสำคัญแค่ไหน
    สึกออกไปแล้วบางคนแทนที่จะไปเป็นบัณฑิตหรือทิด เปล่าเลยพอสึกเช้า ค่ำก็กินเหล้าเมาหยำเป กลับกลายเป็นหมาไป อย่างน่าเสียดายที่สุด ดูเถิดบวชเรียนมาสามเดือน พอสึกเสร็จกลายเป็นหมาไปแล้ว”
    คำว่า พอสึกเช้า ค่ำไปกินเหล้าเป็นหมา เป็นคำพูดจากปากหลวงพ่อเดิม อาตมาไม่ได้แต่งเติมเสริมแต่ง หลวงพ่อเดิมท่านเป็นพระที่พูดตรงไม่อ้อมค้อม ท่านพูดออกมาจากใจของท่านจริง ๆ
    กล่าวจบหลวงพ่อเดิมท่านชี้ไปที่เสื้อนาคที่ทางวัดมีไว้ให้สวมเวลาเป็นนาค ท่านย้ำอีกว่า
    “นั่นเห็นไหมล่ะ มีตะลอมพอกเป็นเทวดา สึกเช้า เมาเย็นพวกนี้ไม่สมกับได้บวชได้เรียน ไม่เป็นบัณฑิตกลับเป็นหมาไปได้”
    อาตมาก็เลยถามหลวงพ่อเดิมต่อไปว่า “ก็แล้วบวชพรรษาเดียวกับหลายพรรษามันแตกต่างกันอย่างไรขอรับ”
    หลวงพ่อเดิมท่านก็หัวเราะหึ หึ เหมือนเคยก่อนจะอธิบายว่า
    “บวชสามพรรษาเขาว่าได้ปริญญาตรี เจ็ดพรรษาปริญญาโท สิบพรรษาปริญญาเอก บวชพรรษาเดียวสองพรรษายังเป็นทิดไม่ได้ รู้ไหมล่ะ ทิดมาจากคำว่าบัณฑิต”
    แล้วท่านก็ชี้ไปที่สุดสำหรับแต่งบวชนาคของวัดหนองโพ เห็นเป็นเสื้อครุยแบบปริญญาแล้วก็มีมงกุฎแบบตะลอมพอกพร้อมอยู่สำหรับให้พ่อนาคใส่ ดูสวยงามแล้วท่านก็อธิบายต่อไปว่า
    “คนเราเป็นฆราวาส เป็นหนุ่ม มันสุก ๆ ดิบ ๆ แล้วมาบวช พอเป็นพ่อนาคก็ต้องเป็นเทวดา คือสวมชุดตะลอมพอกอย่างนั้น เรียกว่าเป็นเทวดาไม่ใช้มนุษย์ธรรมดาแล้ว เพราะจะได้เป็นสงฆ์ เป็นบัณฑิต พอเข้าไปอยู่หน้าอุปัชฌาย์ก็เป็นพรหมแล้ว ทีนี้พอบวชเสร็จแล้วสึกบางคนแทนที่จะเป็นบัณฑิต หรือเป็นทิด กลับกลายเป็นเดรัจฉานไปเสียทันตาเห็น”
    อาตมาเรียนถามหลวงพ่อเดิมเมื่อเห็นท่านค้างคำพูดเอาไว้เพื่อให้รู้ตลอด
    “เป็นเดรัจฉานได้อย่างไรขอรับ”
    “เป็นซี่ ทำไมจะไม่เป็น ก็พอสึกตอนเช้าก็กินเหล้าเมาเย็นหยำเปอย่างนี้ เรียกว่าบวชไม่ได้ประโยชน์ สึกแล้วกลายเป็นเดรัจฉานไป”
    นี่คือแนวคิดของหลวงพ่อเดิม ท่านเกลียดคนกินเหล้า เกลียดพวกบวชแล้วสึกออกไปเป็นคนชั่ว เป็นขี้เหล้า ท่านไม่ชอบคนกินเหล้าเมายา
    ตอนที่อาตมานวดให้หลวงพ่อเดิม ตอนหนึ่งท่านก็เล่าให้ฟังว่า
    “เธอฟังไว้นะ สมเด็จพระบรมศาสดาของเรา เมื่อท่านเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แห่งกรุงกบิลพัศดุ์นั้น ท่านเล่าเรียนเชี่ยวชาญในวิชาการทุกด้าน ไตรเวทก็ทรงเชี่ยวชาญ การใช้ศรชัยไปจนถึงตำรับพิชัยสงครามต่าง ๆ เรียนการปกครองคนหมู่มาก แต่แล้วก็ทรงได้พระสติว่า วิชาหนึ่งที่ไม่ได้เรียนก็คือ วิชาการพ้นจากกองทุกข์ การเวียนว่ายตายเกิด จึงทรงออกแสวงหาความหลุดพ้น เป็นพระบรมศาสดาในที่สุด”
    อาตมาฟังแล้วก็เกิดสติคิดขึ้นมาว่า หลวงพ่อเดิมองค์นี้ท่านมิได้เก่งแต่เพียงวิชาอาคม เพี้ยง ดี เพี้ยง ดี แต่อย่างเดียว แต่ท่านยังมีธรรมะที่ลึกซึ้งและกินใจ สำหรับสั่งสอนผู้คน แม้แต่ตัวของอาตมาเองที่ต้องการจะสึก ยังไม่อาจสึกได้เหมือนที่ต้องการ
    “มีหลายรายเอารอยเท้าฉันไป แล้วเอาไปประกอบกรรมชั่ว ไปปล้นเขา ไปจี้เขา ไปลักวัวลักควายเขา ถูกยิงตายคาที่ หายโหง รอยเท้าฉันอยู่กับตัวช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้เดินตามรอยเท้าฉันไปในทางที่ดี กลับแหกคอกไปในทางชั่วแล้วจะมาหวังพึ่งอะไรได้เล่า”
    ดังนั้นมีมีรอยเท้าหลวงพ่อเดิมแล้ว จะใช้ในทางที่ดี ๆ เดินตามรอยเท้าหลวงพ่อเดิมไปให้ตลอดแล้วจะไม่ตายโหง อย่าเดินคนละทางกับรอยเท้าหลวงพ่อเดิมท่าน มิฉะนั้นจะลำบากภายหลัง
    นี่คือปรัชญาชีวิตในรอยเท้าหลวงพ่อเดิมที่ฝากเอาไว้กับบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายให้ได้คิดกันต่อมา
    ที่มา
     
  9. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    พระผงพิมพ์สมเด็จโตออกวัดพลา ปี2510 มีส่วนผสมผงสมเด็จบางขุนพรหมที่สมเด็จโตท่านเสกไว้บรรจุกรุวัดบางขุนพรหม ทางวัดได้รับจากเจ้าอาวาสวัดบางขุนพรหมเมื่อคราวเปิดกรุอย่างเป็นทางการครับ พระชุดนี้เสกโดยหลวงปู่ทิม หลวงพ่ออุตมมะเทพเจ้าชาวมอญจังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่อหอม และเกจิสายตะวันออกร่วมกันปลุกเสกอย่างเข้มขลัง พระผงสมเด็จฯ คือพระเนื้อผง หลวงปู่ทิมวัดระหารไร่ ทำการปลุกเสกให้แก่วัดพลาในปี 2510 พระผงพิมพ์สมเด็จโต ผสมผงพระสมเด็จบางขุนพรหม จักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง พระสมเด็จฯ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๔ ติดต่อมาจนถึงต้นรัชกาลที่ ๕ แม้จะมีอายุการสร้างเพียงร้อยกว่าปี แต่วงการนิยมพระเครื่องยกย่องให้เป็นจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง ทั้งๆ ที่พระเครื่องเก่าๆ นั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งมีอายุการสร้างเก่ากว่าพระสมเด็จฯ เป็นร้อยๆ ปี แต่วงการนิยมพระเครื่องก็ยังยกย่องพระสมเด็จให้เป็นหนึ่ง ดังนั้น ไม่ว่าพระเกจิองค์ใดในยุครัตนโกสินทร์จึงสร้างพิมพ์พระสมเด็จขึ้นแทบทุก อาจารย์ บางองค์สร้างแล้วดังก็มีแต่จะหามีพระเกจิอาจารย์องค์ใดที่สร้างแล้วดังเทียบ เท่าพระพิมพ์สมเด็จที่สมเด็จพุฒาจารย์โต นั้นไม่มีเลย พระผงพิมพ์สมเด็จโตวัดพลาหลวงปู่ทิมวัดระหารไร่เสกจึงเป็น จักรพรรดิ์แห่งพระเครื่องของสยามประเทศ เด่นสง่าเหนือผู้อื่น เสริมดวงบารมีท่วมท้น 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน เหมาะแก่ผู้ที่ต้องประมูลงาน นายหน้า ขายประกัน เสริมความรัก เล่นหุ้น เสี่ยงโชคทุกชนิด ทำมาค้าขาย รับราชการ แคล้วคลาด มหาอำนาจ เรียกโชคลาภ มีแต่เจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน เมตตาแรงมากๆๆๆ คัดสวยพิเศษ***
    " พระผงพิมพ์สมเด็จโตวัดพลาหลวงปู่ทิมวัดระหารไร่เสก " สร้างขึ้นประมาณปี2510 รุ่นนี้ เป็นวัตถุมงคลล้ำค่าอีกรุ่นหนึ่ง ที่ทาง "วัดพลาได้นิมนต์หลวงปู่ทิมวัดระหารไร่มาเสกให้ " ได้จัดสร้างขึ้นด้วย "มวลสารมงคล" ชนิดพิเศษต่างๆ มากมายนานาชนิด อาทิ เช่น ผสมด้วย
    ###พระผงพิมพ์สมเด็จโต### เป็นผงพระที่ได้มาจาก "พระสมเด็จ" รุ่นเก่าโบราณแท้ๆ ที่ได้จัดสร้างขึ้นมา เมื่อครั้งสมัยของ "สมเด็จพุฒาจารย์" (โต พรหมรังสี) ที่ได้ชำรุดแตกหัก เช่น
    ผงของพระสมเด็จวัดระฆังทุกรุ่น
    ผงของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมทุกรุ่น
    ผงของพระสมเด็จวัดเกษไชโยทุกรุ่น
    ###ผงวิเศษ###
    เช่น
    ผงอิทธิเจ ผงปัถมัง ผงมหาราช และ ผงพุทธคุณวิเศษอื่นๆ อีกมากมาย ฯลฯ เป็นต้น
    ###ผงที่เกิดจากการลบยันต์ต่างๆ###
    ซึ่งได้รวบรวมมาจากพระเกจิคณาจารย์ดังๆ จากทั่วฟ้าเมืองไทย
    ###เกสรดอกไม้แห้ง###
    ที่นำมาจากวัดทั่วประเทศไทย
    ###ผงปูน###
    ที่ได้มาจากการกระเทาะจากพระอุโบสถวัดระฆัง วัดบางขุนพรหม และ วัดเกษไชโย
    ###ผงธูป###
    ที่ได้มาจากการบูชาพระพุทธรูปในวัดระฆัง วัดบางขุนพรหม และ วัดเกษไชโย
    ###ผงจากพระกรุเก่าวัดดังๆ###
    ที่ได้ชำรุดแตกหัก เช่น
    สมเด็จพระปิลัทน์
    พระกรุวัดสามปลื้ม ฯลฯ เป็นต้น และ
    มวลสารมงคลอีกมากมายเหลือคณานับ เกินที่จะบรรยายหมดได้ในคราวเดียว
    โดย ผงทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ได้นำมาประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก เพื่อบรรจุคุณ บรรจุฤทธิ์เพิ่มเติมเข้าไปอีกครั้ง เพื่อเพิ่มพุทธคุณให้มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์สุดที่จะพรรณาได้
    พุทธคุณเด่นในด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยพุทธคุณจึงแรงมากๆๆๆ และมีประสบการณ์สูงมาก จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่อยากให้ตำแหน่งหน้าที่การงานเจริญเติบโตก้าวหน้า หรือ ผู้ที่มีใจใฝ่ทางด้านการเสี่ยงโชคลาภทุกชนิด ควรมีไว้บูชาพกพาติดตัวไว้เป็นอย่างเนืองนิจ ทั้งผู้ที่นิยม และศรัทธา รวมไปถึงผู้นำ นักการปกครอง ผู้บังคับบัญชา หรือ นักบริหารทุกระดับชั้น ข้าราชการทุกตำแหน่ง ทุกประเภทไม่ว่าชั้นผู้ใหญ่ ชั้นผู้น้อย นายทหารทุกเหล่าทัพ (โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติภารกิจอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้) ตำรวจ ครูบาอาจารย์ นักพูด นักขาย (ที่ต้องหายอดลูกค้า) นักเจรจา ดารา นักร้อง นักแสดง ผู้ที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นทุกประเภท นักกีฬาทุกประเภท นักทำมาหากินทุกประเภท มนุษย์เงินเดือน ผู้ที่ต้องแข่งขันกับผู้อื่น ไม่ว่าทั้งโดยตรง หรือโดยอ้อม พ่อค้า แม่ค้า ประชาชนทั่วไป ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง

    พุทธคุณแรงเกินราคา คุ้มค่ามากๆๆๆ กับความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน การมีชื่อเสียง ตำแหน่งที่สูงขึ้น การมีโชคลาภขั้นสูง มหาเสน่ห์ มหานิยมที่รุนแรง การชนะเหนือคู่แข่งขันทั้งหลาย ฯลฯ เป็นต้น

    คาถาของหลวงปู่ทิม
    "มะอะอุ ทุกขัง อนิจัง อนัตตา พุทโธ พุทโธ"
    หลวง ปู่ทิมท่านว่าเป็นคาถาที่ดีและก็สั้น และพุทธคุณของคาถาบทนี้ก็สูงมากอยู่ที่คนปฏิบัติ ท่านยังกรุณาเล่าให้ฟังว่า มีใครคนหนึ่งที่อยู่ตลาดมาปรับทุกข์ให้ท่านฟังว่า ขายของก็ไม่ดีทะเลาะกับเมีอยู่ที่บ้านแทบทุกวัน ญาติพี่น้องต่างเกลียดชัง อยากจะขอคาถาให้เขารัก หลวงปู่จึงให้คาถาบทนี้ไป ปรากฏว่าเดี๋ยวนี้ ชายผู้นั้นมีความสุขแล้ว จะไปไหนเมียก็ตามไปด้วย ญาติพี่น้องก็รักใครกันดี ผู้เขียนจึงมั่นใจว่าพุทธานุภาพในคาถาบทนี้จะประสบผลสำหรับผู้ที่ปฏิบัติ เป็นประจำสม่ำเสมอ ถ้าผู้ใดได้รับคาถานี้ไป ขอให้นึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และคุณหลวงปู่ทิมเป็นที่ตั้งทุกอย่างก็จะอำนวยโชคพอสมควรกับบุญกรรมของบุคคล นั้น
     
  10. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    พระเนื้อดินเผาผสมเถ้าอัฐิครูบาเจ้าศรีวิชัย โดยนำเถ้าอัฐิมาใช้เป็นมวลสารผสมในองค์พระเครื่อง ได้มาจากบริเวณที่ตั้งเมรุชั่วคราวในงานพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดจามเทวี เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2489 ผสมกับมวลสารพระสกุลลำพูนที่ชำรุด และมวลสารอื่นๆ

    การจัดสร้าง วันที่ 22 พฤศจิกายน 2489 ถึงปี 2491 นับการสร้างเป็นรุ่นแรก มีพระครูประสาสน์สุตาคมเจ้าอาวาสตำแหน่งในขณะนั้น เป็นประธานการจัดสร้าง มอบให้แก่ผู้ร่วมทำบุญจัดสร้างกู่เก็บอัฐิของครูบาเจ้า จัดสร้างรุ่นที่สอง วันที่ 15 เมษายน 2496 ลักษณะของพิมพ์ รูปแบบต่างๆ ก็เหมือนกับรุ่นแรก รุ่นที่สามจัดสร้างในปี 2505 โดยครูบาทึม พรหมเสน ลักษณะองค์พระ ใต้ฐานจะเจาะรูบรรจุเส้นเกษาของครูบาเจ้าศรีวิชัยไว้ทุกองค์ อุดด้วยครั่งแบบโบราณ ของล้านนา ส่วนด้านหลังองค์พระจะปั๊ม จามเทวีลำพูน ส่วนรุ่นที่สี่รุ่นสุดท้ายจัดสร้างในปี 2511 จัดสร้างโดยใต้ฐานจะไม่มีการเจาะอุดครั่ง มีแต่เพียงปั๊มด้านหลังคำว่า จามเทวีลำพูน เท่านั้น

    พุทธคุณ ดีเด่นทางด้าน เมตตา และแคล้วคลาด เป็นพระที่มีประสบการณ์ของผู้ที่ศรัทธาของครูบาเจ้าท่าน
     
  11. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    หลวงพ่อตะมะยะ เป็นที่เคารพของประชาชนชาวกะเหรี่ยง-ชาวพม่า ในฐานะเป็นพระสายกัมมัฏฐาน มีความเมตตาต่อประชาชนโดยไม่เลือกว่าเป็นใคร ฝ่ายไหน แต่หากมีความเดือดร้อน อดอยาก ที่วัดเขาตะมะยะ จะมีข้าวและอาหารเจให้กินทุกวัน โดยชาวบ้านต่างให้ความศรัทธา นับถือพุทธศาสนา ถือศีลกินเจกันทั้งเมือง

    หลังจากหลวงพ่อตะมะยะมรณภาพ ที่วัดก็ยังคงหุงหาอาหารให้ประชาชนกินฟรีเหมือนเดิม ขณะเดียวกันยังคงมีประชาชนหลั่งไหลมาสักการ สรีระร่างของท่านอย่างต่อเนื่อง ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

    สุดยอดแห่งพระอริยะสงฆ์ดินแดนพม่า นามหลวงพ่อ ตะมะยะ สยาดอว์ พระอริยะสงฆ์แห่งชายแดนไทย - พม่า ที่ว่ากันว่าท่านเหาะได้





    หลวงพ่อตะมะยะ สยาดอว์" พระอัจฉริยเจ้าแห่งพม่าซึ่งยิ่งด้วยอิทธิจิตฤทธิ์อำนาจและบุญญาบารมีใหญ่หลวงที่สุดแห่งยุคร่วมสมัย (เหาะเหินเดินอากาศให้คนเป็นพันๆเห็นได้เป็นเรื่องปกติ เนรมิตข้าวเลี้ยงประชาชนเป็นพันๆหมื่นๆได้เป็นเรื่องธรรมดา) จนแม้หลวงพ่ออุตตมะเองยังชื่นชมเป็นที่ยิ่งว่า "จะหาพระแบบหลวงพ่อตะมะยะไม่ได้อีกแล้วในยุคนี้..!!!!!!" ที่แม้แต่ นางอองซาน ซูจี ยังให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง
     
  12. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    การจัดสร้าง พระนิรันตราย มปร ปี ๑๕ วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราช วรวิหาร​



    ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนนะครับว่า กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะปั่นกระแส ใดๆทั้งสิ้น แต่เนื่องจากมีหลายท่านยังครางแคลงใจอยู่ว่าหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ไม่ได้เข้าพิธีนี้ แต่เนื่องจากหลักฐานและข้อมูลที่ข้าพเจ้าค้นหาได้นั้นให้ผู้อ่านพิจารณาเอาเองครับ หากผิดพลาดประการได้ด่าผมคนเดียวครับ

    “วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราช วรวิหาร” เป็นอีกหนึ่ง “พระอารามหลวงชั้นเอก” ที่มีความสำคัญและโดดเด่นถึง ๒ ประการคือ ประการแรก เป็นวัดที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างขึ้นเป็นพระอารามหลวงของพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณีว่า บนผืนแผ่นดินไทยเมืองใดเป็นเมืองหลวงจะต้องมีวัดสำคัญประจำ ๓ วัดคือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และ วัดราชประดิษฐ์ โดยจะเห็นได้ว่าที่ กรุงเก่า (พระนครศรีอยุธยา) และ สุโขทัย, สวรรคโลก, พิษณุโลก ก็มีวัดทั้ง ๓ ชื่อนี้ ประการที่สอง เพื่ออุทิศถวายแด่คณะธรรมยุตนิกายโดยเฉพาะคือเมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผนวช พระองค์ทรงเป็นหัวหน้านำพระสงฆ์ชำระข้อปฏิบัติก่อตั้ง คณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตนิกาย วัดราชประดิษฐ์ฯ จึงนับเป็นพระอารามแห่งแรกของคณะธรรมยุต ซึ่งจากความสำคัญของวัดราชประดิษฐ์ฯ ทั้งสองประการนี้ พระมหากษัตริย์ ในรัชกาลต่อ ๆ มาก็ทรงรับวัดราชประดิษฐ์ฯ เข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ทุกพระองค์สืบมากระทั่งทุกวันนี้ วัดราชประดิษฐ์ฯ จึงเป็นวัดที่มีความสำคัญใน พระมหาจักรีบรมราชวงศ์ อีกวัดหนึ่ง

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงสถาปนาวัดราชประดิษฐ์ฯ ขึ้นเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๐๗ และในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ นับเป็นศุภวาระมงคลวโรกาสที่วัดราชประดิษฐ์ฯ ได้สถิตสถาพรมีอายุ ครบ ๑๐๘ ปี หากเป็นคนก็จะเรียกว่ามีอายุครบ ๙ รอบนักษัตร พอดี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ทิม อุฑาฒิมมหาเถร) อ่านว่า “อุดาทิมะมะหาเถระ” เจ้าอาวาสในขณะนั้นเมื่อครั้งยังดำรง สมณศักดิ์ที่ “พระธรรมปาโมกข์” ได้ประชุมปรึกษาหารือพระภิกษุและสามเณรทั้งวัดโดยต่างมีความเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจัดงานสมโภชตามโบราณราชประเพณีประกอบกับวัดราชประดิษฐ์ฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก จึงได้ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้งานสมโภชครบ ๑๐๘ ปี ครั้งนี้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์พร้อมเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีอีกด้วย โดยทางวัดได้กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ๑๖-๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕ และมีวัตถุประสงค์ ๓ ประการคือ

    (๑) สมโภชพระอารามหลวงที่มีอายุครบ ๑๐๘ ปี

    (๒) สมโภช “พระนิรันตราย” องค์ประจำวัดซึ่งรัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานประจำวัดธรรมยุตตามพระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ สมเด็จพระบรมชนกนาถ ซึ่งองค์ของวัดราชประดิษฐ์ฯ นี้มีหมายเลขลำดับที่ ๑๔ และต่อมาได้ถูกโจรใจบาปทำการโจรกรรมไป แต่ไม่นานนักก็ติดตามกลับคืนมาได้โดยฝีมือของตำรวจภายใต้การควบคุมของ พล.ต.ต.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น ผู้บังคับการตำรวจนครบาลเหนือ (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น)

    (๓) จัดสร้าง “พระนิรันตราย” (ขนาดบูชา) พร้อม “พระกริ่งนิรันตราย” และ “พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช (สา)” หรือ “พระกริ่งโสฬส รุ่น ๒” (รุ่น แรกสร้างเมื่อครั้งจัดงานสมโภชครบ ๑๐๐ ปีวัด พ.ศ. ๒๕๐๗) นอกจากนั้นยังมี “เหรียญนิรันตราย” อีก ๒ แบบคือ “พัดยศ” หรือ “เจริญยศ” และแบบ “เสมา” หรือ “เจริญลาภ” รวมทั้ง “พระกริ่งนิรันตรายขนาดเล็ก” และ “พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔” พร้อม “ล็อกเกตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ขณะทรงถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแก่ “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” เพื่อให้พุทธศาสนิกชนนำไปสักการบูชาโดยรายได้นำบูรณ ปฏิสังขรณ์วัดราชประดิษฐ์ฯ ที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา


    สำหรับการจัดสร้างวัตถุมงคลนั้นทางคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ทิม)” เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระธรรมปาโมกข์” เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และ พลเอกประภาส จารุเสถียร รองหัวหน้าคณะปฏิวัติในขณะนั้นเป็นประธานฝ่ายฆราวาสโดยกราบบังคมทูลอัญเชิญเชิญเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเสด็จฯ เททองหล่อ “พระนิรันตราย” (ขนาดบูชา) เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ จำนวน ๙๐๘ องค์ ตามจำนวนสั่งจองจากนั้นจึงนำทองชนวนที่เหลือจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเททองไปจัดสร้าง

    “พระกริ่งนิรันตราย ทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก, พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชสา (กริ่งโสฬส)” และ “เหรียญพระนิรันตราย” ทั้งสองแบบ ดังกล่าวข้างต้นอย่างละ ๕๐,๐๐๐ องค์ เท่ากันยกเว้น “พระบรมรูปรัชกาลที่ ๔” ประทับยืนแบบเดียวกับองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ใน ปราสาทพระจอมเกล้า (ปราสาททรงพระปรางค์) สร้างจำนวน ๑๐๘ องค์ และ “ล็อกเกต” จำนวนหลักร้อยเช่นกันซึ่งหลังการสร้างวัตถุมงคลเสร็จแล้วได้จัดทำ พิธีพุทธาภิเษกและมังคลาภิเษก ภายใน พระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐ์ฯ ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕ รวม ๙ วัน ๙ คืน ซึ่งตรงกับช่วงวันสถาปนาวัดพอดีโดยนิมนต์พระคณา จารย์ผู้ทรงวิทยาคุณในขณะนั้น ทั่วพระราชอาณาจักร เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก คืนละ ๑๒ รูป รวมทั้งหมด ๑๐๘ รูป เท่ากับอายุของวัดราชประดิษฐ์ฯ ทุกประการ
    โดยสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2515 เพื่อสมโภชครบ 108 ปี วัดราชประดิษฐ์ฯ ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก โดยขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์พร้อมเสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธีนี้ด้วย
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เสด็จฯ ทรงเททองหล่อ “พระนิรันตรายจำลอง” (ขนาดบูชา) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2515 จำนวน 908 องค์ ตามจำนวนการสั่งจองของประชาชนโดยทั่วไป จากนั้นนำทองชนวนที่เหลือจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเททองหล่อพระนิรันตรายจำลองดังกล่าวไปจัดสร้าง “พระกริ่งนิรันตราย” ทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก, พระกริ่งโสฬส ม.ป.ร. ตลอดจนเหรียญพระนิรันตรายทั้ง 2 แบบ คือ เหรียญพิมพ์พัดยศที่เรียกกันว่า “เหรียญเจริญยศ” และ เหรียญพิมพ์เสมา ที่เรียกกันว่า “เหรียญเจริญลาภ” มีจำนวนการจัดสร้างดังนี้
    1. พระบูชานิรันตราย จำนวน 908 องค์
    2. พระกริ่งนิรันตรายเนื้อโลหะผสม พิมพ์ใหญ่ จำนวน 999 องค์
    3. พระกริ่งนิรันตรายเนื้อโลหะผสม พิมพ์เล็ก จำนวน 999 องค์
    4. กริ่งโสฬส ม.ป.ร. จำนวน 50,000 องค์
    5. เหรียญเจริญยศ จำนวน 50,000 เหรียญ
    6. เหรียญเจริญลาภ จำนวน 50,000 เหรียญ
    7. พระชัยวัฒน์แบบปั๊ม ไม่ทราบจำนวน
    ฯลฯ


    หลังจากทางเสด็จพระราชดำเนินเททอง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2515 ผ่านไป ทางคณะกรรมการได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษก และ มังคลาภิเษก ภายในพระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐ์ฯ ระหว่างวันที่ 16-26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 รวม 9 วัน 9 คืน อันเป็นระยะเวลาที่ตรงกับช่วงครบรอบสถาปนาพระอารามแห่งนี้ คณะกรรมการจึงได้นิมนต์พระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทั่วพระราชอาณาจักรมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกและมังคลาภิเษก คืนละ 12 รูป รวม 108 รูป เท่ากับอายุของวัดราชประดิษฐ์ในปี พ.ศ. 2515 ซึ่งพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณที่มาร่วมประกอบพิธี ประกอบด้วย
    1. หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
    2. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ
    3. หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า จ.ระยอง
    4. หลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.อยุธยา
    5. หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา
    6. หลวงพ่อโชติ วัดตะโน
    7. หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล จ.อุดรธานี
    8. หลวงปู่เทสก์ วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
    9. หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง จ.เลย
    10. หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
    11. หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี
    12. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี
    13. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง จนนทบุรี
    14. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
    15. หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง จ.นครปฐม
    16. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี จ.สมุทรสาคร
    17. หลวงพ่อรวย วัดตะโก จ.อยุธยา
    18. หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี
    19. พระอาจารย์วัน อุตฺตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม จ.สกลนคร
    20. หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง
    21. หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เป็นต้น
    วัตถุมงคลที่จัดสร้างในคราว “ฉลอง 108 ปี” วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม เป็นอีกวัตถุมงคลที่ถึงพร้อมด้วย พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และพระมหากษัตริยาธิคุณ เพราะมีประสบการณ์เรื่อง “แคล้วคลาด” เป็นเยี่ยม เนื่องจากประกอบไปด้วยพระคุณของ “พระรัตนตรัย” และ “พระมหากษัตริยาธิคุณ” ของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงคุณประเสริฐที่ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินไทยถึง 2 พระองค์ ทั้งล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 และล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 เป็นวัตถุมงคลที่ควรอาราธนาติดตัว
    ที่มา : หนังสือมหามงคลแห่งแผ่นดิน โดย คุณอลุย์นันท์ทัต กิจไชยพร

    บทความและภาพประกอบ เครดิตจาก

    http://www.tourwat.com/4308/
     
  13. มาใหม่ครับ

    มาใหม่ครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +1,201
    12358226_924573984291322_861788100_n.jpg
    โอนแล้วครับ
    ที่อยู่จัดส่ง
    สมชัย เทียบปิ่นหยก
    11/46 ม.พิมลราช 3 ถ.บ้านกล้วย - ไทรน้อย ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี 11150
    ขอบพระคุณครับ
     
  14. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    พระผงสมเด็จโต วัดพลา
    หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ เสก​



    [​IMG]



    [​IMG]


    เลี่ยมกรอบเงินครับ​
     
  15. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    น่าสนใจทุกรายการครับ
     
  16. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ต้องมาประมูลนะครับ(deejai)(deejai)(deejai)(deejai)(deejai)
     
  17. Moon of Wanpan

    Moon of Wanpan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2013
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +1,009
    แจ้งโอนเงินค่ะ
    โอนวันที่ ๙ ธ.ค.๕๘ เวลา ๑๘.๕๙ น.
    จำนวน ๖๖๐.๐๐ บาท
    ธ.กสิกรไทย
     
  18. suwat.su

    suwat.su เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    7,644
    ค่าพลัง:
    +55,535
    โอนเงินแล้วครับ
    9 ธ.ค 58 เวลา 21.33 น.
    จำนวน 1,700 บาท
    ธนาคาร กสิกรไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 117828.jpg
      117828.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.2 KB
      เปิดดู:
      45
  19. pcharn

    pcharn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2013
    โพสต์:
    2,340
    ค่าพลัง:
    +2,830
    แจ้งโอนเงิน 530 บาท เมื่อวันที่ 10/12/2558 เวลา 14.37 น. ที่จัดส่งตาม pm ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpeg
      image.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      98.7 KB
      เปิดดู:
      41
  20. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    รายชื่อจัดส่งวัตถุมงคล(มีดแก้วจักรพรรดิ์และวัตถุมงคลรุ่นก่อน งานประมูล)
    สำหรับผู้ที่จ่ายเงินครบและจ่ายค่าส่งของครบ​




    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...