ขอเรื่องรูปนามอีกสักรอบ

ไม่ล่ะค่ะพี่ ก็รู้แล้วนี่ว่าอะไรคือทางตรง อะไรคือเดินเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาเนาะ แล้วจะเดินเลี้ยวไปทำไมใช่มั้ยคะ เพียงแต่น้องเน้นเอาที่วัตถุประสงค์หลักที่เจ้าของโพสต้องการสื่อเท่านั้นแหล่ะจ้า ขอบคุณพี่ที่ช่วยชี้ให้เห็นด้วยจ้า

 

ดีที่สุด ดีกว่าที่เอามาตัดออก แล้วยำใหม่
ทำกันเองวานกันตรวจ
สั่งงานรับงานรีไรต์กันทางไลน์

แล้วบอกว่าผู้ทรงคุณวุฒิทางอักษร
ศาสตร์

 

ใครตัดออกอะไรเหรอ เขาคัดแต่คำพูดของตถาคตออกมาล้วนๆ. เพื่อรักษาไว้ ส่วนคำสาวกใครจะศึกษาใครจะห้ามใครได้ ลุงแมวหัดใจก้างหน่อย อย่ายึดติดสิ่งเดิมๆ เด็กๆเขายังเดินทางสายตรงเลน

 

คนที่เขาศึกษาพุทธวจนเป็นล้านๆคน ไม่ใช่เขาไม่เคยศึกษาคำของครูอาจารย์มานะเขาก็เคยมากันทั้งนั้น ทำไมคนเหล่านั้นเขาหันมาศึกษาพุทธวจน ก็เพราะเขาแค่เพียงอยากรู้จริงรู้ตรงว่าพระศาสดากล่าวไว้นั้นมีอะไรอย่างไร ผมเองก็อ่านมาหลายอาจารย์ก็ได้แรงบันดาบใจมาจากนั่นกันทั้งนั้น. แต่ที่เปลี่ยนมาศึกษาพุทธวจนนั้นก็เพราะเห็นความแตกต่างบ้างผิดไปบ้าง แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะดูถูกเหยียดหยามนักรบผู้กล้าฟันฝ่ากิเลสล่วงหน้าก่อนเราหรอกนะครับ แต่เราจำเป็นจะต้องเดินบนทางที่ถูกต้องเพราะมันคือชีวิตเรา เราจำเป็นที่ต้องแสวงหาความถูกต้องเพื่อปลดปล่อยตัวเราให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งมวลให้ได้. การเกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องง่าย. แล้วอะไรจะดีกว่าคำว่าพุทธวจน

 

ท่านนพท่านแยกแยะการถ่ายทอดที่เป็นระบบได้ดี
ไม่ปนเปกันนะฮะ
เรื่องสติ สมาธิ ปัญญาก็ส่วนหนึ่ง
ส่วนใครสนใจเรื่องกสิณเรื่องกำลังจิตก็อีกภาคหนึ่ง
แต่ภาคนี้สามารถใช้ประโยชน์เสริมหนุนภาคสมาธิได้
แต่ถ้าใครไม่ใส่ใจก็ไม่ต้องฝึก
แต่ฝึกได้ก็ดีไม่ได้เป็นตัวฉุดรั้งมรรคผลตรงไหนฮะ
เพราะคนที่จะฝึกกำลังจิตจะต้องรู้คุณรู้โทษก่อนการ
ฝึกเป็นพวกรู้เหตุรู้ผลมากกว่าคนไม่ฝึกเรื่องนี้เสียด้วย
ซ้ำฮะ
ดังนั้น ผู้มีวิชชานี้รูปแบบชีวิตจะมีวัตรปฏิบัติทุกคน
หากทำเลอะเทอะก็เสื่อมถอยใช้งานใช้การอะไรไม่ได้
แต่ไม่มีเหตุที่จะไปบ่อนทำลายศาสนาตรงๆฮะ

 

ธรรมธาตุที่ละเอียดไม่พอ จะมองธรรมอื่นที่ละเอียดกว่าออกได้อย่างไร เด็กๆเขายังเดินทางตรงเลย นั้นมันเหวล้วนๆ

 

แต่ละคนเกิดมาตามวิบาก เดินไปตามวิบาก
ใครจะมาเป็นโค้ชชีวิตให้ใครได้วะ บ๊องส์ตู่
เป็นโค้ชชีวิตประจำตัวใครได้สักคนไหม???

ใครจะเดินตรงเดินอ้อม เดินเข้าคุก เดินออกนอกประเทศ
แล้วเดินกลับไม่ได้
หรือเดินมาให้ลุงแมวดิสเครดิต บ๊องส์ตู่โค้ชใครได้
ถามจริงๆ

 

ตรรกะคุณวิปลาสมากครับ.
นี่หละครับทำเป็นปฏิเสธเรื่องฤิทธิ์ ถึงได้ไม่รู้เรื่องเอาซะเลย
แยกไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นกิริยาทางจิตที่เกิดขึ้นได้ปกติ ณ ขณะนั้น
ทั้งๆที่ได้เขียนไว้ การเห็น ณ ขณะนั้นเป็นกิริยาที่เกิดใน
ขณะที่จิตแยกรูปแยกนามและเขียนเป็นภาษาไทยค่อนข้างชัดเจนนะครับ
อะไรเป็นฤิทธิ์ไม่รู้เรื่อง อะไรเป็นอาการปิติก็ไม่รู้เรื่องอีก
ยังพยายามยัดเยียดว่าเป็นฤิทธิ์
และยังจะมาชี้ให้คนอื่นมองว่าฤิทธิ์ไม่ดี
พูดยังกับว่าจะอ่านตำราตัดแปะมาแล้วจะเกิดฤิทธิ์ได้. ขำมาก
และถ้าได้พูดอะไรทำนองนี้แล้วก็จะไม่มีความสามารถ
ในการเข้าถึง. คอยแต่จะจ้องจับผิดเพื่อโน้มในเข้าไปใน
สิ่งที่ตนยึดมั่นถือมั่น.
เป็นเหตุให้ปรามาสไปเรื่อยๆถึงได้เพี้ยนอย่างทุกวันนี้
เหมือนคนเคยเห็นผลไม้แต่ในภาพถ่าย. พูดเหมือนรู้ประมานว่าได้กินมา
ได้รับรู้รสชาติมาด้วยตัวเอง คนที่เห็นแต่ภาพกับคนที่เค้าได้สัมผัสมา
แล้วเอามาพูดบอกให้เห็นผลไม้นี้มันอร่อยหรือ
ไม่อร่อยมันต่างกันราวฟ้ากับเหวนะครับ
จะบอกอะไรนะครับปกติพระในดงตามที่
เคยสัมผัสมานะครับไม่มีหรอกครับที่กำลังจิต
จะมาจากการสนับสนุนจากระดับผีมีฤิทธิ์นะคับ ๕๕๕
และ ถ้าพระที่มีอภิญญาจิตนะครับ
หรือแม้แต่ฆารวาสพอมีสัมผัสทั่วไปนะครับ. ใครเค้าก็จับได้ครับ
ว่าที่คุณนับถือนั้น นอกจากจะไม่มีกำลังจิต
และไม่มีความสามารถทางจิตแล้ว. ที่สำคัญ
กะแสจากตัวจิตยังโดนตัดการเชื่อมจากข้างบนด้วยครับ
หมายความว่าตัวจิตนั้นยังเข้าไม่ถึง
พระรัตนตรัยเสียด้วยซำ้นะครับ.
เพียงแต่ประเด็นนี้เค้าจะพูดหรือไม่พูดเท่านั้นหละครับ
พวกนี้นะครับเอะอะมักจะ
อ้างตำรา อ้างจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้า
ทำประหนึ่งว่าตัวเองไปนั่งฟังมากับหูตัวเอง
ทั้งๆที่ความสามารถทางจิตเข้าไม่ถึง กำลังจิตไม่มีอย่างนี้
แถมยังเอาตำราประเภทตัดต่อ
ที่คนเค้ารู้กันทั้งประเทศไปฟาดฟันบุคคลอื่นๆไปเรื่อยเปื่อย
กล่าวหาปรามาสทั้งฤาษีที่ปฏิบัติดีและมีสัมพันธ์ที่ดีกับเบื้องบน
ปรามาสทั้งพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากบารมี
ในอดีตกล่าวหาว่าทำเดรัจฉานวิชา ที่แม้แต่
ระดับบุคคลสูงสุดท่านยังให้ความเคารพพระท่านนี้
โดยยึดเอาตำราประเภทตัดต่อมานั้นเอาไว้ฟาดฟัน
เป็นเหตุให้กำเนิดสาวกเพี้ยนๆ นามว่า ขี้ตู่. ซึ่งมีตรรกะวิปลาสนั้น
ก็ได้ไปยึดเอาตำราตัดต่อ มาฟาดฟันเพื่อเอาชนะคนอื่นๆเช่นกัน
พวกนี้มีไม้ตายเหมือนกันหมด ถ้าไปไม่เป็น จำนนด้วยเหตุและผล
ด้วยความสามารถแล้ว. จะอ้างพระพุทธฯอ้างตำราทันที.
ต้องถาม. ขี้ตู่ตรรกะวิปลาสว่า. ในตำราตัดแปะนั้น
พระพุทธฯองค์ไหน. สอนให้พวก(เซนเซอร์) อย่างพวกคุณ
เอาตำราไปฟาดไปฟัน เอาท่านไปอ้างเพื่อยกตน
เพื่อเอาชนะคนอื่นๆเค้าครับ
ศาสนาพุทธเจ้าตำราตัดแปะเค้าสอนคุณหรือครับ
ถึงได้ติดเป็นกมลสันดานครับ

และยังเข้าไปโชว์ ความฉลาดน้อยมาก
ระดับจักรวาลแบบไม่ยอมรู้ตัว
และแสดงตรรกะวิปลาสในห้องต่างๆ เช่นห้องพระคำข้าว
และห้องอื่นๆที่ปนไปด้วยความอิจฉาริษยา.
ปนไปความอยากดีอยากเด่น
การอยากได้รับการยอมรับจากสังคม
แถมยังมาแสดงความสามารถเที่ยวสั่งสอนบุคคลอื่น
ในเชิงไม่สร้างสรรค์ สร้างแต่ความรังเกียจให้หมู่มวล
สมาชิกที่ได้เข้ามาอ่าน สอนเค้าไปเรื่อยเปื่อย ยกตนเหนือคนอื่น
ทั้งๆที่ตนไม่มีความสามารถเหมือนบุคคลที่ตนสอนนั้น
โดยไม่ได้เจียมเนื้อเจียมตัวในภูมิธรรมของตนเอง
ประหนึ่งว่าบุคคลที่อ่านรับประทานหญ้าแห้งหรือหญ้าสดเหมือนตนเอง
และยังเข้าใจว่าตนเองเป็นระดับโน้นระดับนี้ไปเรื่อยเปื่อย
ทั้งๆที่ตนไม่มีความสามารถทางจิต
เป็นที่เฮฮาขำขัน ของหมู่มวลสมาชิกที่ได้อ่าน ประหนึ่งว่า
ยกกอง ตลกขายหัวเราะรายวันมาไว้ที่ห้องอภิญญาสมาธิ
ถึงที่เลยที่เดียว
เป็นที่มาของฉายา. บต.เพี้ยน. จอมตรรกะวิปลาส
ที่ได้สร้างมาจากฝีมือเองตนเองล้วนๆ ไม่มีตัวแสดงแทน

 

ลม. ถกเถียงเรื่องหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนาเกิดประโยชน์กว่า ถ้าตนเองไม่รู้ก็ไปสืบค้นมา เท่ากับพัฒนาปัญญาตนเอง ไม่จมปลักกับเรื่องเดิมๆ

ถ้าเถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง ปิดคอมฯ ไปดูหมา 4 ตัว ที่เลี้ยงไว้เถอะ คิกๆๆ ไม่เปลืองไฟด้วย

 

เดี๋ยว จะไปกันใหญ่

จะเล่า ประวัติ บิ๊กตู่ ให้ฟังนิดหน่อย

บิ๊กตู่ ไม่ใช่ คนที่ปฏิบัติมากับ กลุ่มพุทธวัจนะ โดยตรง ถ้าให้เดา น่าจะเป็น
สายลงมือปฏิบัติ " อุกฤษ " เน้นว่า " อุกฤษ " แต่ กำหนดผิด ไปเข้าใจ
การ "เพ่งเวทนากาย" จนชีวิตหาไม่ แล้ว ผ่านพ้นได้ ก็ให้ราคาว่า บรรลุ

บิ๊กตู่ ปฏิบัติตาม คอส ที่เข้มงวด บีบคั้น พร้อมด้วยอุปทานหมู่ และ ครูฝึกจ้ำจี้จำไช
เรียกว่า ....ไม่แน่ใจว่า " สายหนอคอนกหัก " หรือ " สายโกเอ็นขาด " จนกระทั่ง
พี่แก สลบเหมือดหน้ามืดไป สองรอบ รอบแรกก็เลยกินโซดา รอบสองเที่ยวสกิดทายา

แล้ว บิ๊กตู่ มาวกเข้ากันกับ กลุ่มพุทธวัจนะ ตรงไหน

ตรงที่ พี่แกไปชอบใจ ธรรมโศลกอธิษฐาน เนื้อ หนัง เอน กระดูก หากไม่เหือด
หายไป และยังไม่บรรลุ จะไม่ขอหยุดการปฏิบัติ ซึ่ง มันเอาไป เสริฟการนั่งภาวนา
สลบเหมือดได้ [ พูดง่ายๆ บิ๊กตู่ กระโดดเปรียบเทียบ พุทธวัจนะ ด้วยตัวเขาเอง โดย
เอา การปฏิบัติอุกฤษ มา จับเปรียบเทียบ ..... กลุ่ม พุทธวัจนะ ที่ บิ๊กตู่ เข้าไปสนับสนุน
นั้นเกิดทีหลัง เกิดขึ้น เพื่อ เอามา เสริฟเสริมตัวเขาเอง การโจมตีว่า เขาไปลอกกลุ่มพุทธวัจนะ
จึงเกาไม่ถูกที่คัน พูดในแง่หูทิพย์ ตาทิพย์ ปฏิสัมภิทา เฮีย !! มะอึง ขี้โม้ ]

ดังนั้น ในแง่ ความเพียรเพ่ง อันนี้ ต้องให้ คะแนน

แต่ ในแง่ การออกมาแล้วติดคิดเปรียบเทียบ ตรงนี้ต้องคอยย้อนแย้ง

หากมีตาทิพย์ ตาธรรม ต้องมองเห็น น้ำอดน้ำทน ความเพียร แม้นจะ เป็น ตัณหานำหน้า
อยู่ก็ตาม พวกหูทิพย์ ตาทิพย์ควรจะ ยินดีที่เจอ ปฏิปทาเดียวกัน ธาตุเดียวกัน ไม่ใช่
ไปเห็น ว่าเขาก๊อปปี้หนังสืออย่างเดียวโดยไม่ฝึกมาเลย

เว้นไว้แต่ หูทิพย์ ตาทิพย์ ขี้โม้ !!!! ไม่มีอยู่จริง มันก็ เห็นผิด มั่วนิ่ม กล่าวหาว่า เขา
มาทาง อ่านตำรา เพียงอย่างเดียว ทูเร่ !!!


ปล. ชีวิตก่อนหน้าการปฏิบัติอุกฤษ บิ๊กตู่ เป็น " ป๋า " คอยเลี้ยง " อีหนู " ดังนั้น ลิ้นของบิ๊กตู่
จะ ฉับไว เป็นพื้นนิสัย การเสวนาด้วย คนที่คุยด้วย แล้วไม่ทัน อิตถีอินทรีย์ ของตน แม้จะเป็นบุรุษ
มันจะเกิดความมันส์ หวาดเสียว สนุก ไปตามลิ้นของ บิ๊กตู่

 

คา ปู ชิ โน โอะ ทู้ เร่ !!! สาสสสสสส


คาถา กันผีเปรต อ้างอุปทาก ลพ.KLVY สอนก๊อปปี้ ไม่รู้แม้น จิตตั้งมั่น

 

เถึยงทำไมหลักธรรมะ
หากเป็นหลักธรรมจริงๆ แล้วไม่มีเรื่องต้องเถียง
ใครใคร่นำแสดงก็นำมาแสดงเลย

เรื่องที่เราไม่ทราบเราจะสดับตรับฟังอย่างเดียว
เพื่อทราบและเพื่อความเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อเถียงนะฮะ


ดังนั้น ใครอยากแสดงก็แสดง ใครอยากเถียงอยากแถ
ก็ทำไป ลุงแมวจะฟังสิ่งที่ย้งไม่รู้หรือรู้มาแต่ยังไม่ตรง
นะฮะ

 

สังเกต จิตวิวัฏ ที่มันมี เป้าหมายไปทาง ความสงบ

การโต้แย้ง โลกเขาจะเห็น ว่า เป็นการโต้แย้ง ถกเถียง น่าระอิดระอา

การย้อนแย้ง จะเป็นเรื่องศรัทธาในมนุษย์ ที่มีความเพียรเฉพาะตน
ต่างคนต่างรับผิดชอบ งาน นั้นอยู่ ทำได้ก็ดีไป ทำไม่ได้ก็ไม่มีการ
ตำหนิ

รสแห่งความสงบ แน้วโน้ม การปรารภเห็นว่า นั่นสงบ ตรงนี้จะเป็นเรื่อง อธิษฐาน
บารมี เป็นเรื่อง การตั้งจิตไว้ถูก

ถ้า ตั้งจิตไว้ตรง มันจะ เข้าหา สันติ เข้าไปเรื่อยๆ โดยไม่ ติดภาพภายนอก
ที่ใช้เป็นอุบาย

แต่.......ด้วยความที่ " ทาน บุญ ความดี " อันเป็น อุปกิเลส กิเลสของคนดี
ยังไม่เคยยก ....นิวรณ์ธรรม จึงยังปรากฏเป็น ความรำคาญบ้าง ความพอใจ
อยากได้อะไรรื่นหูบ้าง ความท้อถอยตำหนิจิตตนบ้าง ความฝุ้งในธรรมอันเกิด
มายาคติไม่ใช่ธรรมออกมาจากจิตบ้าง มันจะ ทำให้เรา ผลิกตกไปข้าง จิตไม่ตั้งมั่น
จิตไม่ตั้งตรง ยังเป้าหมาย

กำหนดเห็น ความแปรปวรของ จิต อย่างนั้นไปตรงๆ อย่า ฉวยจิตเป็นตน แล้ว
เห็น ความปลิ้นปล้อนของจิต โดยไม่ตำหนิ ไม่แสร้งทำเฉย ไม่เบือนไปอารมณ์
บัญญติกุศลอื่นๆ แต่ ทำการเห็น สัจจธรรม ของจิต ไปตรง จะค่อยๆ รู้
การกำหนดละวางจิต สลัดคืนจิต จนเห็น ต้นทางปฏิบัติ ต้นทางจิตตั้งมั่น
ต้นทางกำหนดรู้ รูปนาม โดยไม่ข้องอยู่ แต่ก็แลเห็น ความวิจิตร ที่โลก เขาเป็นอย่างนั้น

 

ดังนั้น

การฟังธรรม ไม่ใช่ การฟังเอาจาก ข้างนอก หรือ ฟังจาก บุคคลอื่น

การฟังอย่างนี้ ไม่ใช่ ฐานะของคน ปฏิบัติธรรม


การฟังธรรม จะอาศัย กุศลภายนอก เป็นเครื่อง ห้อมล้อมจิต ให้ เห็น ธรรมภายใน
ที่แสดงอยู่ ไม่ใช่ตัวตน บุคคล เรา เขา เป็นเพียง ปัจจัยการ ผัสสะ อุบายอบรมจิตเท่านั้น

 

ถ้ากำหนดถูก

จะเห็น ทุกข เห็นก้อนทุกข์ เห็นการบีบคั้น

อย่าไปฉวย ก้อนทุกขนั้น ขึ้นมา ให้แลอยู่ห่างๆ

แม้นแยก บางอย่างออกมา แล ดูห่างๆ อย่า จงใจ รักษา จิตผู้รู้

แต่ให้เห็นไปว่า มันไม่เที่ยง เดี๋ยวก็ แยกออกมา เป็นผู้ย้อนแย้งโดยไม่ติดข้อง ใฝ่แต่ธรรม
เดี๋ยวก็ หายไปกลายเป็น ผู้คิดเอาสัญญาปัญญานำหน้า(นิวรณ์เกิด สมาธิหาย) เดี๋ยว
ก็กลายเป็นผู้เพ่ง(ติดกุศลอารมณ์บัญญัติการทำตามๆกันไปที่เขาสรรเสริญว่าดี )

 

ปากดีเนาะ คิดว่าตัวเองเก่งมาก หรือไง เห็นโม้ว่าเป็นอาจารย์
สอนกสิณมหาภูตด้วย
งั้นช่วยไปแสดงความสามารถพิเศษ
ให้บุคคลที่ ๓ ดูให้ประจักษ์อย่างที่ผมทำได้ให้ดูหน่อยนะครับ..
เอาง่ายๆ ขอแค่เรียกพลังงานให้ดูหน่อย แค่ ๕ กองในกสิณมหาภูตก็พอ
ทำได้หรือเปล่าครับ ถ้าทำไม่ได้ ก็เงียบๆไปซะ เข้าใจนะ..
และบทความทั้งหมดผมเขียนเองกับมือครับ
โดยไม่ได้ดูตำราแม้แต่เล่มเดียว เขียนจากประสบการณ์
ยังมาบอกว่าก๊อบปี๊ ให้ญาติคุณไปหามาหน่อยนะครับ
ว่าที่ผมเขียนผมไปก๊อบมาจากใคร..
และผมไม่ได้อ้างคับ ผมเคยบวชและจำพรรษาที่วัดนั้นมาก่อน
๒ เดือนกว่าครับ ทุกวันนี้ก็ยังไปอยู่ครับ...
เพราะฉนั้นถ้าไม่รู้จริงอะไร อย่าเจือกพูดมั่วนะครับ..
อายเค้าครับ..อุตสาห์ไม่พูดชื่อตรงๆ เจือกขุดขึ้นมาอีก..
ยอมรับจริงๆเลยครับ ว่าคุณ นี่นิสัยมันระยำตัวพ่อเลยครับ..


เก่งแต่วาจาเนาะ เก่งแต่กล่าวตู่เนาะ เก่งแต่พูดความเท็จเนาะ
เก่งแต่ยัดความเลวเนาะ เก่งแต่เอาความดีเข้าตัวเนาะ
ปฏิบัตมา เป็นสิบๆปี มันทำให้คุณเก่งเรื่องแบบนี้หรือครับ..
ถึงไม่แปลกใจว่า ทำไมคุณถึงทำได้แค่โหมดเห่าหอน บ๊อกๆ
สร้างศัตรูไปเรื่อยเปื่อย..
มีใครเคยบอกคุณไหมครับ ว่าคุณพูดจาเหมือนพวกไร้มารยาท
เหมือนพวกที่ ขาดการอบรมบ่มนิสัย มันบ่งบอกได้ถึงต้นตะกูล
ผู้ให้กำเนิดได้เลยนะครับ เคยได้ยินไหมครับ สำเนียงส่อภาษา
กิริยาส่อสกุล..

ตัวเองเป็นตัวยง ในการก๊อบตำราเอามาแปะ
พอเห็นคนอื่นๆเอามาเขียน มาบอกว่าเค้าก๊อบปี๊
มาเหมือนคุณหรือคับ
ทำไมครับ.พอคนอื่นๆทำอะไรจะคิดว่า
เค้าจะต้องเลวระยำเหมือนคุณหรือครับ
กล่าวว่าเค้าอ้างโน้น อ้างครูบาร์อาจารย์ไปทั่ว
ทำเป็นรู้ดี ไม่รู้จริงเรื่องครูบาร์อาจารย์เค้า
สงบปากสงบคำไปเลยดีกว่ามั่งครับ...
ว่าแต่คุณ เหอะ เรียนมาจากสำนักไหนครับ
น่าอายจังเนาะ มีลูกศิษย์ นิสัยเลวระยำ ต่ำช้าขนาดนี้..
ฝึกสำนักไหนครับ กสิณมหาภูตอะไรเนี่ย ฝึกแบบไหนครับ
สำเร็จในนิมิตร หรือสำเร็จในโลกจินตนาการหรือครับ ๕๕๕๕
หรือฝึกเพื่อเอาไว้ด่า คนอื่นๆเค้าหรือครับ..


หากในเวบนี้นะครับ มีใครออกมายอมรับว่าตนเองระยำเป็นอับดับ ๑
รับรองว่า ไอ้ตนนี้ได้อันดับ ๒ ไม่เป็นรองใคร..
และกลมสันดานอย่างนี้ วาจาเหมือน สุนัขเห่าหอนอย่างนี้
มันคงคิดว่าตนเท่ห์
ถึงได้เที่ยว กล่าวปรามาสไปทั่ว
ยึดแต่สิ่งที่ตนได้รู้ ได้อ่านมา ต้องแบบตนเท่านั้นที่ถูกต้อง..
ไม่อ่านความ สาวความจริงที่บุคคลอื่นๆถ่ายทอด แล้ว สะเร่อ
กล่าวหาว่าคนโน้นคนนี้ไปทั่ว
สร้างกมลสันดาน พฤติกรรมทางจิตย่ำแย่ จิตใจที่แสนต่ำ
เป็นตัวอย่างชี้ให้เห็น ในด้านที่เลวได้ชัดยิ่งกว่าใคร

. สมควรแล้วที่ชาติก่อน ถึงได้เกิดเป็นกบ ร้องอ๊บๆ
ถึงได้มีลิ้นถึงยาว ปลิ้นปล้อน ติดเชื้อมา..
ไปโม้แหลก แถมแดกดัน ในกระทู้กสิณ
พอให้แสดงให้ดูกลับหมดท่า
เพราะทำได้แต่ในนิมิตร เพ้อเจ้อ ๕๕๕
กลัวเสียหน้า กลัวเสียฟอร์ม
มาโม้ต่อ ว่าเป็นครู สอนตาทิพย์
สอนกสิณมหาภูต อยากจะขำให้ฟันร่วง
มั่นใจว่า ตนเองเก่งหนักเก่งหนา
บทเวลาให้แสดงฤิทธิ์ให้ดูหน่อย
ทำไม่ได้ แล้วมาอ้างกลับว่าคนอื่นขาดเมตตา

จิตใจดำ ก็ตอนที่ เข้าเข้าไปเผือก ไปคุย ไปโม้ทับ
แล้วด่าคนอื่นๆ เจือกไม่คิด
เรื่อง กาแฟ คาปูชิโน่ เค้าแค่เขียนแซวเล่นๆกันขำๆ
แต่สันดาน คนระยำชอบจับผิด
เรื่องเล็กๆ เอามากล่าว เอามาตู่สร้างความเท็จ
คนระยำขี้โม้ เปรตรวี
มีอะไรเป็นเครื่องวัดความดีของตนได้บ้างในอดีต..
ถ้าไม่ติด ว่าพอมีครูบาร์อาจารย์ที่คอยดูแล เปรตตัวนี้อยู่บ้าง..
ประกันได้ว่าคงเพี้ยนไปอีกคน
เอาง่ายๆและสั้นๆ ตอบหน่อยซิ ที่ปฏิบัติมาเป็นสิบๆปี
ได้อะไรมั่งไหมนอกจากกลมสันดานเลวๆ
อย่างที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ครับ..
ปล.เด่วเรื่องรูปนาม เปรตรวี ก็จะมาโม้อีกตามฟอร์ม
ว่าแบบตนนี้หละดีที่สุด ว่าแต่ว่าตอนนี้ ตัวจิตเปรตวีร์
เห็นความคิดที่เกิดจากจิต เห็นความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕
นามธรรมแล้วหรือยังครับ นิสัยถึงได้เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ครับ

 

สงสัยแมวหน้าดำเริ่มคัน. ลงมาเลยลงสนามไปพบมาจากดินนู้นคู่นี้สมน้ำสมเนื้อเลยยอดกบี่ตามหลักการเลยทั้งคู่ข้าน้อยขอชม

 

กั๊กๆ ใส่เป็นชุดเลย .....

คุณคร้าบ


คุณเข้าใจว่า เพ่งกสิณ มีอำนาจกสิณ เสกโน้น เสกนี่ แล้ว เหนือโลก หรืองับ

โง่ จิหาย

การที่ สำเร็จกสิณ แล้วไป หลงโลก หลงรูปนาม เสกนามรูป รูปนาม ขึ้นมา
อันนี้ในทางธรรมเขาเรียก สังขตธรรม หรือ สังขารธรรม

หรือ สังขารขันธ์

iJiหาย หลงสังขารหัวปักหัวปำ เท่านี้ ก็เพียงพอแล้ว ที่จะยก สัจจะธรรม
กล่าวกับ คุณว่า ทำตามๆกันไป หรือ ก๊อปปี้ หรือ หลงสังขาร

เหมือน กรณี หลวงปู่เส็ง ....จำชื่อไม่ได้แม่นเท่าไหร่ ท่านนี้ ศิษย์หลวงปู่มั่น
ท่านเก่งกสิณ ดำน้ำ ดำดิน คุบกับเทวดา ทุกอย่างทำได้หมด เขียนเป็น
ตำราหรือเปล่า ก็เขียน รู้สึกจะชื่อ " ทิพยอำนาจ " แต่ของท่าน ไม่มี
เรื่อง ยืมจมูกชาวบ้าน ยืมบารมีชาวบ้าน จะมีก็แต่ ทำบุญของตนให้มากๆ
เพื่อกั้น

แล้วไง

แล้วก็ไม่ได้ สามัญผล อะไรเลย ...หลวงปู่มั่นฟันธงอีกต่างหาก "หลงสังขาร"
"ติดตำรา" ทำแต่ ธรรมก๊อปปี้ ....ก็ไอ้ที่เขียน ประสบการณ์การฝึกทั้งหมด
นั่นแหละ เขาเรียกว่า ก๊อปปี้ ไม่ได้มี ข้อเท๊จจริงอะไรเป็น ของตน แม้แต่นิดเดียว


หลวงตามหาบัว ท่านก็ร่วมฟันธง ธรรมะของจริง รู้จริง เอามาเขียนไม่ได้หรอก
ของมัน พ้นบัญญติ หากไป บัญญติเมื่อไหร่ นั่น สังขารขันธ์ มารมันหลอกแล้ว !!!


ทีนี้ คนมีธรรมจริง ปฏิบัติจริง รู้จริงเนี่ยะ ท่านจะพูดยังไงก็ได้ พูดแล้ว เป็นธรรมหมด

ฮะเอ่อ

ยกตัวอย่าง หลวงตาพูด " ฮีพ่อฮีแม่ " ฟังแบบเอาหูปุถชนไปฟัง มันก็อย่างหนึ่ง
ฟังแบบ " ตั้งจิตให้ตรง " มันก็อย่างหนึ่ง


กลับไป กสิณ

หาก อำนาจกสิณ ใช้ออกมาแล้ว เป็น อุบายให้ คนใดคนหนึ่ง บรรลุนิพพาน
เนี่ยะ อำนาจกสิณเพื่อของจริง รู้จริง

ถ้าไม่ใช่ และ ไม่รู้ว่า ใครจะบรรลุ แล้ว มะอึงใช้อำนาจกสิณ มะอึงใช้ทำเฮียอะไร

มันมีแต่เรื่อง หลอกแด สำหรับคนที่ ยังอาศัยเชื่อ อาศัยความคิด เท่านั้นที่
จะกล้มกราบ ส้นตี ของมะอึง อายเฮีย !!!


มะอึง ยังอาศัย ความคิด ความเชื่อ ของ อุปทานแห่งสัตว์ ทำมาหาแด มะอึง
จะเอาอะไรมาอ้างว่า รู้ชัดในคุณ และ โทษ ของจิตติดคิด ในเมื่อมะอึง ยังอาศัย
ประโยชน์จากสิ่งนั้น อยู่

 

น้องๆ หนูๆ คนไหน ชอบกสิณ แนะนำ ฟังหลวงพ่อพุธ สอนกสิณ สักนิด !!!

กสิณนั้นดี ฝึกลงไปเถอะ ขอให้ถึง ขั้นเสกโน้น นั่น นี่ ได้

แต่ เสก โน้น นั่น นี่ได้ หลวงพ่อพุธ สอนว่า ให้ตามสังเกต " ความสงสัย มันดับ "

พอความสงสัยดับ ลอง ใช้อำนาจกสิณอีกที ทำได้ไหม ในเมื่อ เหตุมันดับไปแล้ว

คือ ความสงสัยในอำนาจแห่งจิต มันดับลงไปแล้ว เพราะว่า มันทำได้ เมื่อฝึกเมื่อหัด
ใครก็ทำได้

และ ที่ให้เห็นไปที่ สงสัยมันดับ เพราะอะไร ก็เพราะ นั่นแหละ เหตุของภาวสวะ
สาสวะ อาสวะ

สงสัยมันดับไปแล้ว จะต้อง ทำกสิณ เล่นกสิณ อีกไหม !!!

แต่ถ้า ปัญญาไม่พอ ยก ความสงสัย คือเชื้อ คือภพ อันมีชาติ ชรา มรณะ ตามปรกติไม่ได้
พระพุทธองค์ก็บอกว่า ให้ตามดูความ พอใจ(ฉันทะธรรม) มันเกิด มันดับ

ดังนั้น กสิณ เขาเอามาฝึก เพื่อทวนกระแส ไปเห็น ตัวเหตุ ตัวปัจจัยการ ไม่ใช่เรื่อง
อำนาจแห่งสัตว์ แต่ไปเห็น ธรรมที่มันเกิดดับ ก็เพราะ มีเหตุ เหตุดับ ทุกอย่างก็ดับไป

ตามฝึก ตามเล่น ตามเห็นอยู่แบบนี้ จึงชื่อว่า เป็นผู้มีสติ มีความเพียร พิจารณา กายคตาสติ


แค่ฝึกหัด แค่เริ่มต้น เท่านั้น

 

แมวน่าดำนี่รู้ไปหมดทุกเรื่องเลย ไม่รู้อยู่เรื่อง. เรื่องทำตนให้น่ารัก