ขอเรื่องรูปนามอีกสักรอบ

ตอนจบครับ ลุงแมว...
ถึงการแยกรูปแยกนามได้ ท่านจะเจอกิริยาอย่างที่ข้าพเจ้าบอกได้ด้วยตัวท่านเองครับ...
และช่วงนี้ก็สำคัญมากๆนะคับ อย่าเผลออย่าพลาดในเรื่องสติเป็นอันขาดนะครับ
เพราะว่ามันใกล้จะแยกกันได้แล้ว ให้ท่านสังเกตความ
คิดไปเรื่อยๆนะครับ มันจะน้อยคำลง น้อยคำลง
และเมื่อใดท่านเริ่มสังเกตความคิดที่มันผุดขึ้นได้ก่อนที่มันจะ
กลายมาเป็นคำที่ ๑ ได้นั้น ตัวจิตท่านมันจะดีดความคิดที่เกิด
จากจิตพวกนี้ออกทันทีครับ..ท่านก็จะเห็นก็จะรับรู้ได้เหมือนๆกับ
พวกที่เห็นในสมาธิระดับสูงเช่นเดียวกันครับ...
จะทราบได้ว่าและแยกได้ชัดเจนครับ ว่าอะไร
เป็นความคิดที่เกิดจากจิต กิริยาของจิตกระเพื่อมเป็นอย่างไร
และจะทราบได้ว่า กิริยาความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมเป็นอย่างไร
เรียกว่า กิริยาต่างๆทางความคิดและกิริยาต่างๆที่เกิด
กับจิตที่ท่านสัมผัสได้ มันจะไม่แตกต่างๆกันเลย
กับการที่ท่านแยกได้ในระดับสูงๆและลืมตาใช้ชีวิตปกติครับ.....
และมีกิริยาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับตัวท่าน ที่จะบอกได้ว่า
จิตท่าน ณ เวลานั้นมันสามารถแยกรูปแยกนามได้ก็คือว่า
แม้ว่าตัวท่านจะลืมตาและเดินอยู่ ท่านจะรู้สึกย้ำว่ารู้สึก
ว่าตัวท่านเบามาก เบามากจนท่านรู้สึกว่า เวลาท่านเดิน
เหมือนท่านลอยได้ ทั้งๆที่เท้าท่านยังเหยียบพื้นดินอยู่
และที่สำคัญ สายตาปกติของท่าน มันจะมองไปไกลมาก
กว่าเดิม เช่น สายตาปกติท่านมองเห็นได้ ๒๐๐ เมตร
แต่ ณ ขณะนั้นสายตาท่านมันจะเหมือนกับว่าท่านมองได้ไกลเป็นกิโลอย่างที่ไม่น่าเชื่อครับ...
ส่วนการมองเห็นได้ไกลแค่ไหนแล้วแต่บุคคลนะครับ...
อย่างห่มเหลืองที่ข้าพเจ้ารู้จักท่านมองได้ไกลมากๆๆๆๆ
ตรงนี้เป็นกิริยาที่จะเกิดกับตัวจิตท่านได้ ในขณะลืมตาปกติ
ในระดับกำลังสมาธิไม่มาก
ตรงนี้ต้องอาศัยการปฏิบัติให้เข้าถึงให้ได้ด้วยตัวเองจริงๆนะครับ
แล้วท่านจะเข้าใจ รับรู้และสัมผัสได้ว่า กิริยาทางจิตที่เกิดขึ้นในขณะที่ตัวจิต
มันดีดความคิดที่เกิดจากจิตออกจากตัวมัน ณ เวลานั้น
จะเป็นประมาณอย่างที่ข้าพเจ้าได้เล่าให้ท่านฟังมาก่อนหน้านั้นนั่นเองครับ
.รวมทั้งกิริยาที่ตัวจิตเต้นหรือกระเพื่อมอยู่ตรงลิ้นปี่
ท่านก็จะสัมผัสและรับรู้ได้ และบุคคลอื่นๆก็จะรับรู้ได้ชัดเจนเช่นกันครับ...

..ตรงนี้สำคัญนะครับ...ที่เขียนไว้ก็เพื่อเอาไว้เป็น
เครื่องตรวจสอบตัวท่านเองครับ บอกได้เลยการที่ข้าพเจ้าเขียนออกมาอย่างนี้
ยังถือว่าอยู่ในการรับรู้ระดับที่หยาบอยู่ครับ..ไม่ได้แยกได้ละเอียดเลยนะครับ.
ให้ท่านอ่านไว้แล้วดูว่าในขณะลืมตาปกติอย่างนี้
ในกำลังสมาธิไม่มากนั้น...
มันได้เคยเกิดกิริยาอย่างนี้ขึ้นกับท่านหรือไม่ครับ
เขียนไว้เตือนๆกันครับ ป้องกันการหลงตัวเองว่าเราเป็นโน้นเป็นนี้
บรรลุโน้นนี่ แต่ทำไม่ความสามารถในการเข้าใจนามธรรมเราถึงไม่ดีขึ้น
ความสามารถทางจิตก็ไม่พัฒนาขึ้น ไปฝึกกรรมฐานอะไรก็ไม่สำเร็จซักอย่าง
รวมทั้งการรับรู้ทางนามธรรมต่างๆของเราก็ไม่ดีขึ้น..
และที่สำคัญคือการเผลอเข้าใจไปเองว่าตัวเราสามารถแยกมันได้จริงๆครับ.
..กิริยาที่ข้าพเจ้าเขียนนี้ เป็นแค่การแยกรูปแยกนามได้ในเบื้องต้นเท่านั้นครับ...
ถ้าท่านทำได้ ท่านถึงจะเริ่มมาเดินปัญญาเพื่อลดละกิเลสให้ออกจากจิตท่านได้จริงๆครับ...

ปล.ที่ได้เขียนให้ลงกระทู้ ให้ลุงแมว อ่าน หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ...

 

ลม. ควรขอมาต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นะฮะ ยำยีหลักศีล ธรรมวินัย ของพระสัมมาสัมพุทธะสะเละหมดแล้ว

ยุคเสื่อมของศีลธรรมถึงแล้วจริงๆ

 

ยาวเลย
ที่เล่ามาก็อวดของอีก แทนที่จะเอาแต่อริยสัจก็เอาฤทธิ์มาเสริมเติมแต่ง. ทางแห่งความดีความหลุดพ้นก็ถูกผสมผสานทางแห่งมาร. การทำแบบนี้นอกจากจะทำให้ความดีถูกผลักออกจากทางโดยไม่รู้ตัว จนสติเผลอไปคากถุยใส่ใครได้นะ. นี่แหล่ะนามธรรม

 

บ๊องส์ตู่คู่หูมาจากลิงมารอบนี้บ๊งเบ๊ง
แบบอคติคุณนพอีกเหมือนเคย
(แต่ลุงแมวขอไม่เห็นด้วยและไม่อนุญาติให้มาบ๊องส์ตรงนี้นะ)
ลุงแมวพิจารณาแล้วเห็นว่าแต่ละท่านจะมึคุณสมบัติประจำตัวที่ติดมาแต่หนหลังกับอีกส่วนที่มาฝึกฝนเพิ่มเติมจนชำนาญเป็นทักษะเฉพาะตัว และสามารถถ่ายทอดอย่างเป็นระบบได้ก็เป็นการดี และ
ไม่น่าจะจัดเป็นความผิดตรงไหนนะฮะ

หรือบางท่านมีความชำนาญทางด้านการเขียนการประพันธ์ก็แต่งหนังสือเกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองคิดว่าจะ
ขายดิบขายดีก็ทำออกมาก็ไม่ผิดเสียทีเดียวถ้าไม่เป็นการบ่อนทำลายสิ่งหนึ่งสิ่งใด

ลุงแมวเคยได้ฟังว่านักบวชบางรูปสามารถท่องปาฏิโมกข์ได้จบทั้งเล่มในพรรษา
แรก แต่เทศน์ไม่เก่งอย่างนี้ก็มี

จะให้ทุกคนสนใจ หรือต้องฝึกทักษะให้ชำนาญตามใจ
บ๊องส์ตู่คงไม่มีใครทำได้

แล้วลุงแมวถามจริง เรื่องที่บ๊องส์ตู่ชำนาญที่สุดคืออะไร
และทำไมถึงไม่ใช้ความพยายาม
ถ่ายทอดออกมาอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้น่าติดตามล่ะ...

ถึงเวลาหยุดสัญจร แล้วทุ่มเท
เวลามาถ่ายทอดเรื่องที่ตนเองมีความ
รู้ความชำนาญสักเรื่องได้แล้ว
เพื่อลบข้อสงสัยว่าบ๊องส์ตู่ จริงๆแล้ว
มันเก่งวิชชาอะไรกันแน่นฮะ!!!

 

ศีลธรรมเสื่อมไม่เสื่อมลุงแมวไม่ชี้เวลานี้
ตอนนี้ขอชี้ว่าสมองมาจากลิงเสื่อมแน่นอน
เหมือนบ๊องส์ตู่เพราะเล่นเกินไปว่ะ ไม่เป็นที่เป็นทาง

 

ลุงแมวจะมีญานหยั่งรู้ใครมีจริตนิสัยที่ติดมาแต่ละชาติก็แล้วแต่ลุงแมว. ถ้าใครจะแสดงฤทธิ์ก็แสดงไปอย่าเอามาปนกับคำสอนพระพุทธเจ้า. เป็นสิ่งนอกศาสนาเขาทำกัน ทำให้คำสอนนั้นผสมผสานในสิ่งที่พระองค์ทรงติเตียนอย่างมากในเรื่องฤทธิ์. ทำให้ผู้ใหม่ต้องมีโอกาสหลุดลอยไปจากความดีที่พระองค์ทรงตรัสรู้มาด้วยความยากเย็น. พวกฤทธิ์ทั้งหลายเราก็เคยมีเคยเป็นกันมาหลายชาติแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในสังสารวัฎ.จะวนไปกับของเก่าๆเน่าเหม็นทำไมเสียเวลาเปล่าไปชาติหนึ่ง. ให้สนใจในเรื่องอริยสัจอย่างเดียวให้มากทำให้เต็มกำลังเท่าที่เรี่ยวแรงจะพึงมี. ลุงแมวยังมีความเห็นแบบนี้นั้นลุงนังอีกไกลมากนะ. นอกจะไม่ปกป้องความดีแล้วยังเป็นการส่งเสริมในสิ่งที่ไม่น่าสงเสริม

 

ที่นี้มาดูรูปนามกันมันเป็นยังไง. ก็อะไรๆที่คุณสัมผัสด้วยทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ยกเว้นทางใจที่มีแต่นามอย่างเดียว. นั้นแหล่ะรูปนามอยู่ตรงนั้น มันเกิดดับไปพร้อมกัน. ขั้นนี้โยนิโสรู้ได้ว่านั้นรูปนั่นใจนี้เรียกว่าขั้นพิจารณาเป็นจินตาญาน แต่ยังไม่ถึงขั้นแยกรูปออกจากนามได้จริงๆ. จะเริ่มมองเห็นการแยกรูปนามก็ต้องเริ่มต้นที่ปฐมฌานจะให้ชัดก็ฌานที่4เลยเพราะรูปกายนี้ดับไปแล้ว

 

ทุกวันนี้สิ่งที่มองยังไม่ทุกข์พออีกเหรอ อยากมีตาทิพย์ไว้เห็นเรื่องราวอื่นทำไม
ทุกวันนี้สิ่งที่ได้ยินยังไม่ทุกข์พออีกเหรอ อยากมีหูทิพย์ไว้ฟังเรื่องคนอื่นทำไม
นัยยะอื่นๆก็เหมือนกัน. มันแก้ทุกข์ได้เหรอ.
มีหลวงพ่อสายในดงที่เขาว่ากันนะครับเป็นพระที่มีชื่อเสียงมากรู้จักกันทุกคนถ้าเอ่ยชื่อ ท่ายอมรับกับพระ อจ ว่าท่านเสียเวลาฟรีๆกับเรื่องฤทธิ์มาหลายสิบปีท่านยังก้าวไม่พ้นปุถุชนภูมิเลย ตอนนี้ท่านหันมาสนใจอริยสัจเต็มที่ก่อนท่านจะละสังขาร นี่คือตัวอย่างสำหรับท่านที่ยากพบพระนิพพาน. และท่านที่ชอบพูดเรื่องฤทธิ์หรือเห็นดีด่วยผมบอกเลยท่านเองยังก้าวไม่พ้นปุถุชนภูมิ อย่าเสียเวลาอยู่กับสิ่งเก่าๆที่เคยเป็นมามีมาหลายชาตินับครั้งไม่ถ้วนผมเตือนด้วความหวังดีนะครับ.

 

คำกล่าวอาจมีบางส่วนที่ถูกต้องตามคำสอนนะฮะ
แต่ถ้าเสียงนั้นออกจากปากผู้ยึดติด ก็ไม่น่าฟังนะฮะ

 

บ๊องส์ตู่ฟังให้ดีนะฮะ
ชาวพุทธแค่มีธรรม ไม่จำเป็นต้องมีฤทธิ์
แต่ผู้มีธรรมและมีฤทธิ์นั่นคือชาวพุทธแท้
จำไว้นะบ๊องส์ตู่ว่า คนไม่มีธรรมมันมีฤทธิ์ไม่ได้
(ไม่เกี่ยวอาคมมนต์ดำนะ)

 

การยึดติดไม่น่าจะเกิดกับคนทีไม่สนใจเรื่องพันนั้นน๊า

 

น่าจะเข้าป่าได้แล้วน๊านี่พูดแบบนี้เขาเรียกว่าคนมืดคนบอด คนที่มีธรรมนะถึงเขาจะได้ฤทธิ์มาเพราะเหตุปัจจัยที่สมควร แต่เขาไม่เอามาอวดให้ผู้คนหลงทางหรอกเขาจะพูดแต่มรรคๆๆๆๆๆ ใครกันน๊ามีธรรมจะพูดในสิ่งที่พระองค์รังเกลียดขยะแขยง. ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าผิดน๊าลุง

 

บ๊องส์ตู่ไม่ลองถามสมาชิกดูว่า
ธรรมะเจ๊งๆ ของบ๊องส์มันได้รับความนิยม
จริงไหม???
ดูง่ายๆ มีวันว่างจากทีบ๊องส์ตู่ไม่โดนด่าบ้างไหม
แต่ต่อไปคงมีนะ เพราะเขาหมดแรงด่าเขาด่ากันจนเพลีย
เพราะต้องด่าฝากไปถึงบอสบ๊องส์ตู่ด้วยก็มีบ่อยๆ

 

ลุงแมวลองหาสิ่งที่ผมกล่าวแล้วผิดธรรมาซิที่สมควรโดนด่ามาซิมีมั่ย. แต่ถ้าคำยียวยล่ะก็ด่าไม่ว่ากัน. เพราะผมกระทุ้งให้ถึงใจทดสอบอารมณ์กันให้เห็นถึงสิ่งที่มีอยู่ แต่ธรรมนั่นตรงชัดเจน เพราะกลั่นกรองมาแล้ว

 

เป็นความคิดแบบยึดติดไม่เป็นกลางๆ
เลยคิดว่าต้องอย่างนี้อย่างเดียวเท่านั้น
ไปเป็นนักขายนักโปรโมทหนังสือ พทวจน.
นั่นแหละเหมาะทีเดียว เพราะเชื่อว่าหนังสืออื่น
ไม่มีคุณค่าทั้งหมด

 

อะไรจะมีค่าตรงเท่ากับพุทธวจนล่ะลุงแมว ไหนบอกมาสักเล่มซิ. มันไม่ใช่เรื่องยึดติด มันเรื่องถูกต้องสมควรศึกษาหรือจะเถียง

 

อืมมๆๆ ลุงแมวคะ

ถ้าเรามาทางเรื่องแยกรูปนามเพื่อเดินปัญญา ลด ละ เลิก ลอก วาง กิเลสนี่ เราก็คงเล็งเห็นแล้วว่าฤิทธิ์มันไม่ใช่สิ่งที่ยึดได้เนาะ มีแต่สติ สมาธิ และปัญญาที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสู้กับกิเลสและพาเราเดินไปสู่ความไม่มีอันเป็นจุดหมายได้

ยอมรับว่าตัวเองยังโง่อยู่มาก แต่เท่าที่อ่านเมนท์คุณนพที่โพสในทู้นี้มา ก็ยังไม่เห็นว่ามันมีฤิทธิ์ๆเดชๆตรงไหนเลยอ่ะค่ะ มีแต่อ่านแล้วมาเทียบกับสภาวะที่ตัวเองเคยเจอ แล้วก็ทำให้เข้าใจขึ้นเยอะเลย และจะเห็นได้ชัดเลยว่า คุณนพจะเน้นเรื่อง สติ ตลอด ไม่ให้ไปหลงในสิ่งที่จะทำให้เราเนิ่นช้า ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ผู้อ่านใหม่ๆที่ยังโง่อย่างนู๋สื่อได้ชัดเจนค่ะลุงแมว เอ๊ะ รึว่านู๋อาจจะโง่เกินไปรึเปล่านะ 555

 

"คำภีร์พระปิฎก"ฉบับ....ที่ถอดความจากต้นฉบับโดย
นักบาลีชุดทางการ

ถ้าบ๊องส์ตู่มีลูกชายบวชเรียนที่ มหาจุฬา...
เขาจะเรียนศาสนาด้วยหนังสือพระไตาปิฎกนั้น
พร้อมกับคนอื่นๆ

หนังสือ พทวจน.จะเอามาอ่านประกอบนั่นเป็นเรื่อง
ส่วนบุคคลต้องรับผิดชอบตัวเองหากไปยกมาตอบ
ข้อสอบแล้วสอบตก จะร้องโวยวายไม่ได้นะ

 

แล้วในนั่นมีอะไร ถ้าไม่ใช่พุทธวจนที่ว่าดี. ส่วนคำปะปนมาท่านคิดว่าดีป่าวล่ะ

 

คุณน้องมีใครสามารถที่จะมองไกลได้เป็นกิโลๆล่ะ. เดี๋ยวไม่ไปฝึกกันเพื่อสิ่งนั้นกันเหรอ