เมืองบาดาลสวรรค์ & เรื่องดีดี..มีไว้แบ่งปัน

และนี่ก็อีกหนึ่งของดีของวัดถ้ำเมืองนะ ค่ะ

 

รูปปั้นพญานาคนั้น ขอเดาว่ามีความเกี่ยวข้องกับสถานที่ๆ สร้างวัด

ขอนำเรื่องเล่าของหลวงตาม้ามาฝากด้วยนะ (อ่านเจอมาค่ะ)

หลังจากกราบลาหลวงปู่ดู่แล้ว หลวงตาได้เดินทางโดยรถไฟไปยังเชียงใหม่ แล้วเริ่มออกธุดงค์กำหนดจิตตามหาสถานที่ที่มีกระแสพลังงานเกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ดู่ไปเรื่อยๆ จนไปถึงพระบาทสี่รอย ท่านได้พบกับผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ได้บอกเล่าถึงตำบลเมืองนะว่า มีถ้ำที่มีบรรยากาศเหมาะสมกับการปฏิบัติธรรม ซึ่งท่านได้ฟังแล้วรู้สึกว่ามีลักษณะคล้ายกับที่ตามหาอยู่ ท่านจึงได้ออกธุดงค์ต่อไปยังเมืองนะ

พญานาคที่ถ้ำฮก
เมื่อธุดงค์มาถึงเมืองนะ ในช่วงแรกหลวงตาได้ไปพักอยู่ที่ถ้ำฮก ซึ่งท่านเล่าให้ฟังว่า “ที่ถ้ำฮกจะมีงูอยู่ตัวหนึ่ง ตัวสีเขียวเหลือบแดง แล้วมีหงอนด้วย ก็คือพญานาคนั่นหล่ะ เค้าจะมาขดตัวอยู่ใกล้ๆกับกลดที่เราปฏิบัติธรรมทุกวัน แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไร ต่างคนต่างอยู่” โดยหลวงตาได้อยู่ปฏิบัติธรรมที่ถ้ำนี้ประมาณ 1 เดือน แต่เนื่องจากถ้ำฮกเป็นถ้ำลึกที่มีทางน้ำใต้ดินไหลผ่าน ทำให้ถ้ำมีความชื้นมาก ไม่สะดวกต่อการอยู่ปฏิบัติธรรมนัก ท่านจึงได้ออกธุดงค์หาถ้ำอื่นต่อไป พบถ้ำเมืองนะ ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวพันกับหลวงปู่หลวงตา

 

หลังออกจากถ้ำฮก หลวงตาได้ธุดงค์ตามกระแสพลังงานของหลวงปู่ดู่ไปเรื่อยๆ จนได้พบกับถ้ำเมืองนะซึ่งในสมัยนั้นมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมจนมองไม่เห็นปากถ้ำ แต่เมื่อแหวกต้นไม้เข้าไปกลับพบว่าในถ้ำซึ่งเป็นถ้ำร้างนั้นกลับสะอาดสะอ้านมากเหมือนมีใครมาปัดกวาดเช็ดถูอยู่ทุกวัน ท่านจึงได้กำหนดจิตดูก็พบว่าใต้ถ้ำแห่งนี้เป็นเมืองบาดาล และมีพญานาคอยู่เป็นจำนวนมากคอยเฝ้ารักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ทวดและหลวงปู่ดู่เอาไว้ ท่านจึงตัดสินใจอยู่ปฏิบัติธรรมที่ถ้ำเมืองนะแห่งนี้เรื่อยมา

 

ภพภูมิต่างๆที่ถ้ำเมืองนะ

ขณะที่ปฏิบัติธรรมอยู่ถ้ำเมืองนะ หลวงตาได้เจอกับภพภูมิต่างๆที่อาศัยกันอยู่ในบริเวณนี้บ่อยครั้ง โดยท่านเล่าให้ฟังว่า “เคยเห็นเทวดาใส่ชฎามายืนอยู่หน้าถ้ำ เราเห็นแต่ก็ไม่ได้สนใจ เขาเห็นเราไม่สนใจก็เลยบอกว่า ‘ตุ๊นี่หยิ่งจริง วันหลังไม่มาดีกว่า!’ หลังจากนั้นลองเรียกเขายังไง เขาก็ไม่ยอมปรากฏตัวมาหาอีกเลย... หรือบางครั้งนั่งพักอยู่ในถ้ำ ก็เห็นเหมือนคนเดินผ่านหน้าไป แล้วก็เดินหายเข้าไปในผนังถ้ำต่อหน้าต่อตาเลยก็มี แต่เราก็เฉยๆไม่ได้สนใจอะไร”

พี่ยักษ์หน้าถ้ำใหญ่นอกจากนี้ ลูกศิษย์หลวงตาจะรู้กันดีว่า ที่ถ้ำนี้มีเทวดาอยู่ท่านหนึ่งซึ่งทุกคนจะเรียกว่า “พี่ยักษ์” เวลาใครมาถ้ำเมืองนะก็มักจะแวะมากราบไหว้พี่ยักษ์ซึ่งหลวงตาได้หล่อเป็นรูปยักษ์ยืนเฝ้าอยู่หน้าถ้ำเสมอ เวลาใครมานอนค้างปฏิบัติธรรมที่ถ้ำ ก็จะตั้งจิตอธิษฐานบอกพี่ยักษ์ไว้ว่าต้องการจะตื่นกี่โมง พอถึงเวลาที่บอกกล่าวไว้นั้น บางคนจะได้ยินเสียงกระทืบพื้นดังตึงๆ บางคนก็โดนเคาะหัว บางคนก็ฝันว่าพี่ยักษ์ไปเรียกในฝันก็มี ทำให้แต่ละคนสามารถตื่นขึ้นมาได้ตรงเวลาโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเลย ซึ่งเรื่องพี่ยักษ์นี้เป็นเรื่องที่มีหลายคนเคยพบเจอจนกลายเป็นเรื่องปกติของลูกศิษย์วัดถ้ำเมืองนะไปแล้ว

ขอจบเรื่องวัดถ้ำเมืองนะไว้แต่เพียงเท่านี้นะคะ ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่ให้พื้นที่ในการนำเรื่องราวมาเล่า และขอบคุณผู้อ่านด้วยค่ะ

 

ด้วยความยินดีค่ะ..ขอบคุณแทนสมาชิกด้วยค่ะ
ที่นำเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง
ทำให้เมืองบาดาลสวรรค์..คึกคัก

 

วันนี้มีเรื่องมาโม้เรื่องนึงค่ะ
เรื่องก็มีอยู่ว่า....(หุหุ)
ระยะนี้จะเห็นว่า ทุกท้องที่ประสบกับภัยแล้ง
เวลาเราผ่านไปตามเส้นทางแถวบ้าน
มองเห็นผืนนาข้างทางแล้วก็สะท้อนใจค่ะ
ดินขาวโพลนทีเดียวเชียว มันจะแห้งอะไรได้ขนาดนั้น
งานนี้ก็เลยมีการทดลอง..คล้ายๆ ทำพิธีแห่นางแมว อิอิ

 

บริเวณใกล้ๆ ที่ทำงาน
จะมีศาลพระเจ้าตากอยู่ค่ะ ห่างกันประมาณเกือบสองกิโลเมตร
ที่ศาลพระเจ้าตากก็จะมีรูปปั้นพญานาคสีทอง
อยู่รอบระเบียงศาล จำนวน ๘ ตน

 

ส่วนใหญ่จะมีความเชื่อกันว่า
พญานาคเป็นสัญลักษณ์หรือเป็นสิ่งที่นำความชุ่มชื่น
ความชุ่มฉ่ำ ความอุดมสมบูรณ์ มาในบริเวณที่พญานาคอยู่ได้
เรามีมณีนาคาที่บ้าน ๒ องค์
ก็เลยมีการทดลองค่ะ โดยบอกมณีนาคาที่บ้านว่า
ถ้าทำให้ฝนตกในเขตบ้านเรือนประชาชน
ที่อยู่ในบริเวณศาลพระเจ้าตากได้
เราก็จะสร้างพญานาคแล้วนำมณีนาคานี้
ไปอยู่ประจำกายพญานาค ๒ ตน คู่กัน ที่วัดแห่งนี้ค่ะ
โดยขอดูว่า วันที่ ๔,๕,๖ ก.ค. ๕๘ จะมีฝนตกหรือไม่..:boo:

 

อุ้ต้ะ..มัวแต่โม้ สายแล้วอ่ะ
แล้วจะมาโม้ต่อนะคะ...
ว่าได้ผลประการใด
rabbit_run_away

 

เมื่อคืนฝันว่า ไปเดินเอ้อระเหยที่ทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่ง คล้ายว่าที่นั่น กำลังจะมีงานนิ
ทางเดิน เล็ก แคบ ทอดยาวไปสู่ปากถ้ำ..แต่เค๊ายังเดินเอ้อระเหย อ้อล้อ มิเร่งรีบ
อ่าอ่า

 

น่าสงสารพญานาคโน๊ะ ช่วงนี้คง หัวหมุนแย่ไม่รู้จะไปช่วยใครมั้งเทน้ำเทท่า...5555
ทุกพื้นที่แห้งแล้งประสบปัญหาภัยแล้งกันเยอะเลย...

 

ช่วยๆ กันจ้ะ ก็อยากเห็นท้องทุ่งนาสีเขียวนิ

 

ปรากฏว่าวันที่ 4,5,6 ก.ค.58 มีเมฆฝนดำมืด
ทั้ง3วันค่ะ..พระอาทิตย์ไม่ส่องแสง..แดดไม่มี
ลมแรงๆแต่ฝนไม่ตกอ่ะ...:'(

 

เช้าวันอังคารคือเมื่อวานนี้..มองท้องฟ้าแล้วใจหายแว้บบ
เมฆหายไปหมดเลย. เหลือเบาบางมากแถมลอยอยู่สูงค่ะ
มองเห็นแล้วรู้สึกว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของความแห้งแล้งชัดๆ
เราเลยลองวิธีใหม่ค่ะ...

 

นำมณีนาคาและมณีนาคีไปที่วัดตอนสายๆของเมื่อวานค่ะ
แล้วบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในบริเวณวัดบอกท่านพญานาคผู้เป็นใหญ่
เปิดทางให้เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าจิตกระแสพญานาคที่อยู่ในดวงแก้วทั้งสอง
มีบารมีพอที่จะมาสร้างประโยชน์ให้ที่แห่งนี้ได้หรือไม่
ถ้ามีบารมีพอก็ขอให้มีฝนตกพอทำนาได้ภายในเจ็ดวัน
เราไม่ได้บังคับขู่เข็ญนะแค่เสี่ยงทาย..อิอิ

 

การเสี่ยงทายครั้งนี้มีพยานด้วยค่ะ
ถ้าชาวบ้านสามารถทำนาได้...ก็จะอนุญาตให้
สร้างพญานาคสองตนที่วัดแห่งนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์
ของความอุดมสมบูรณ์ค่ะ...พอเราขับรถออกจากวัด
มาทานข้าวกลางวันในบริเวณใกล้ๆ ก็มองเห็น
เมฆฝนเริ่มก่อตัว...ชักเริ่มมีความหวังแฮะ

 

น่าเห็นใจเกษตรกรและชาวนานะคะ ปีนี้แล้งจริงๆ
ดูข่าวไปเมื่อสองสามวันก่อนค่ะ น้ำในอ่างเก็บน้ำและในเขื่อนลดลง ไม่เพียงพอกับการทำเกษตร
แต่พ่อหลวงของเราก็มิได้ทรงนิ่งนอนใจ ทรงมีพระราชดำรัสให้ทำฝนหลวง และตอนนี้บางจังหวัดก็เริ่มมีฝนตกแล้วค่ะ
เนื่องจากสภาพอากาศบางพื้นที่ยังไม่มีความเหมาะสมในการทำฝนหลวง จึงต้องรอจังหวะ เป็นหน้าที่ของกรมฝนหลวงค่ะ
ฝนหลวงเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏา แล้ว

ขอเอาใจช่วยนะคะ ทุกๆ คนที่เดือดร้อนเรื่องน้ำและอากาศร้อนค่ะ

 

ตอนเย็นผู้สื่อข่าวหมู่บ้านก็รายงานข่าวมาว่า
ฝนตกค่ะ....ตกเท่าประพรมน้ำมนต์...อิอิ

 

วันนี้....เมฆฝนมาแต่เช้า. ทำให้เราได้ลุ้นๆ
พอตอนเย็น ผู้สื่อข่าวหมู่บ้านก็รายงานว่า
ฝนตกมากกว่าเมื่อวาน...เราก็ยังบอกว่า
ตกทั่วถึงเลยแฮะ...บ้านเราฝนก็ตก
น้องนาคา..น้องนาคี. น่ารักจัง อิอิ(kiss)