กัลยาณมิตรหาได้ยากเพราะอะไรครับ??

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 14 พฤษภาคม 2015.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    สำหรับลุงแมว
    แค่ตามอารมย์ทันก็หรูแล้วครับ
    อานิสงค์พลอยได้ตามมาคือปล่อยว่าง
    และปล่อยวางได้เร็วขึ้นครับ
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    " โวหาร "

    " ปล่อยวาง " เป็นโวหาร ที่ ปุถุชนสำคัญว่า นี่คือ ที่สุด แห่งธรรม

    จริงๆแล้ว

    จิตที่ปล่อยวาง จะต้องเกิด " ปิติ "

    เมื่อจิตมี ปิติ ให้กำหนดรู้ ปิติ นั้นเป็น สิ่ง เกิด แล้วก็ดับ .....เพื่อ สำรอกออกไปอีก

    สำรอก ปิติ แล้วได้อะไร ได้เห็น ลำดับลำดาของการดับไปของ " ปิติ " ซึ่งจะทำให้
    เกิด อามิสหากจิตยังปรารภแค่โวหาร สร้างภาพนักปฏิบัติ ก็จะไปติด สุข และ อุเบกขา

    หาก สำรอก ปิติ แล้วได้อะไร ได้เห็น ลำดับลำดาของการดับไปของ " ปิติ " ซึ่งจะทำให้
    เกิด อามิส อันเป็น อาพาธของจิต เป็นการหวลกลับไปยัง ภพ ชาติ ชรา มรณะ จึงกำหนด
    รู้ความดับของปิติ จิตมี ปัสสัทธิ แล้วแลอยู่ [ ยกจิตน้อมไปสู่ นิรามิส ]

    จิตไม่ห่างจาก ฌาณ3

    เมื่อ กำหนดรู้ทั่วถึงซึ่ง พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก อันถูก ชี้แล้ว ยกขึ้นให้เห็นแล้ว
    หากสามารถ ข้ามผ่าน พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก ไปได้ การปรารภแบบ " โวหาร "
    จะอันตรธานหายไปเอง ไม่ใช่เพราะ อำนาจชักจูง หรือ กระเตงจากใคร

    คนที่รู้ทั่วถึงซึ่ง ฌาณ3 ย่อมเป็นที่สรรเสริญจากบัณฑิต

    ภาวนาเห็นความดับของ ปัสสัทธิไปอีก .....จิตย่อมใครครวญ วิจัย ธรรมอย่างใด
    อย่างหนึ่งแน่ โดยไม่ต้องจงใจเจตนาตรึกอีก ไม่ต้องฟังจากใครข้างนอก มีความ
    สงบตั้งมั่นภายใน แล้วแลอยู่

    .....................................................
    .....................................................
    .....................................................

    ธรรมะ ทำไมมี จุดๆ เพราะ ทิศทางของธรรม จะต้อง พ้นบัญญัติ หากยังบัญญัติ
    ได้ ก็แปลว่า ยังขี้โม้ ธรรมะที่ไม่ขี้โม้ ย่อมมีที่สุด คำบรรยาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    " ปล่อยวาง " โดยมาก เป็น กามสัญญาในอดีต ที่ผุดขึ้น โดยไม่ทันกำหนดรู้
    การเกิด การดับ ของ " สัญญาขันธ์ "

    หากกำหนดรู้ อดีตที่ดับไป ไม่เผลอเพลิน ไม่สำคัญผิด ตามเห็นได้ว่า สัญญาเกิดดับ
    ก็จะยกการภาวนาได้

    แต่ถ้า กำหนดเห็นสัญญาเกิด ดับไม่ได้ ....พระพุทธองค์ ตรัสเรียกว่า สัตว์สัญญาเสีย

    สัตว์สัญญาเสีย จะภาวนาไม่ขึ้น เพราะ ไม่มีเหตุปัจจัยเพียงพอ ในการบรรลุธรรม

    จึงควรกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ไม่เผลอเพลินใน อดีต [ ไม่ล่วงไปอนาคต จะไปบรรลุเอาในอนาคต ]

    แล้ว ยกธรรมปัจจุบัน เป็นใหญ่ เอามากาง เอามาแสดง เอามาแบเบอร์ [ เป็นคำแผลง จาก อกาลิโก เอหิปัสสโก โอปนสยิโก ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  4. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ถ้ายังงั้นลุงก็เร่งอีกนิดเดียวแซงได้เลยครับ เหตุเพราะวางอุเบกขาได้เร็ว แสดงว่าสติต้องดี เมื่อสติดีปัญญาก็พร้อม เมื่อกระทบหรือผัสสะ. ลุงก็มองแล้วพิจารณาว่าทำไมหรือใครที่ต้องเกิด เช่นเค้าด่า หูได้ยิน แล้วใครโกรธ ถ้าด่าเราๆโกรธถ้าด่าลุง(สมมุติ). ผมก็ไม่โกรธ จริงใหมครับ ทีนี้ก็จับได้แล้วว่าตัวเรามีจึงโกรธถ้าไม่มีตัวเราก็ไม่โกรธ แล้วจะดับตัวเราที่ไหนละจึงจะไม่มีตัวเรา ดับที่กายคือมหาภูมิท้้ง4รึ ไม่ใช่แน่เพราะเราไปชี้หน้าด่าศพไม่เห็นมันโกรธเลย แล้วดับที่ไหนละ ที่จิตยึดไงครับ จิตยึดว่าเรา ตัวเรา เค้าด่าเรา จึงโกรธจริงใหมครับ ถ้ารู้ยังงี้ก็วางอุเบกขาได้เลยก่อนที่จะเกิดไงครับ อย่ายึดเราตัวเราไงครับ. พูดง่ายแต่ทำยากครับ5555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เททิ้งสิ่งที่เต็ม
    แล้วเติมสิ่งที่ขาด
     
  6. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๑.๓๙

    แหม..แต่เราลืมไปแล้วอ่ะ ว่าได้เห็น เข้าใจ หรือสัมผัสไตรลักษณ์รึเปล่าน๊า
    เรื่องการเกิดแก่เจ็บตาย ก็จำไม่ได้แล้ว ว่าเคยให้ความสำคัญมากน้อยแค่ไหนกัน

    การเห็นคนอื่นๆ เป็นมิตรได้หมด ในปัจจุบันนะ
    สำหรับเราแล้ว ใช้ของพื้นๆ มากเลยครับ เช่น
    - การเอาใจเขามาใส่ใจเรา
    - ใช้เคล็ดวิชา "พี่น้องญาติเพื่อน" กับทั้งหมด ทุกชีวิต
    - เขาทำไม่ดี ไม่ถูก ก็เพราะมีเหตุปัจจัย ให้ทำเช่นนั้น
    - เขาไม่รู้ เขาจึงทำเช่นนั้น ถ้าเขาฉลาดอย่างเรา เค้าคงไม่ทำแน่ เนอะ
    - บางเรื่องก็เป็นการเข้าใจผิดของเราเองอ่ะนะ เหตุด้วยมุมมองที่ต่างกันไป
    - และอื่นๆ อีกมากมาย
    แต่ถ้าโอเวอร์โหลด ก็ฟิวส์ขาดบ้าง ซักครู่นึง
    ตามธรรมชาติดั้งเดิมของตัวเอง หึหึหึ (สันดานเดิม)

    จะใช้คำธรรมะสูงๆ สวยๆ เราก็ใช้ไม่ค่อยเป็น
    การศึกษาเตี้ยน่ะครับ และก็ไม่ชอบจำ แต่ชอบเข้าใจ
    จึงไม่สามารถบอกได้ว่า มีหลักธรรมอื่นใดอีกหรือไม่ ตามที่ท่านถาม


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / เจ้าสำนักใบไม้ในป่า

    .
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กราเท้าขอนุญาติ

    ตรงที่กล่าวว่า

    "ถ้ารู้ยังงี้ก็วางอุเบกขาได้เลยก่อนที่จะเกิดไงครับ อย่ายึดเราตัวเราไงครับ"

    ให้เปลี่ยนใหม่ไปทาง ธรรมปฏิบัติ คือ กำหนดรู้ คุณ และ โทษ ของ อุเบกขา

    คุณ คือ ทำให้จิตโคจรอยู่ใน ฌาณจิต
    โทษ ของมันคือ มันไม่เที่ยง

    ดังนั้น บัณฑิตพึง เสพคุณวิเศษนั้นให้มากๆ พร้อมทั้งกำหนดรู้ โทษ คือความไม่เที่ยง

    เมื่อจิต สลัดคืนไม่เหลือ แม้นอุเบกขา ของเด็กๆ ที่เรียกว่า " ตัวตน " ก็ไม่ต้อง
    ไปเสียเวลาพิจารณาอีก เพราะ ตัดแล้วที่ ราก [ เป็นลักษณะ สิกขา อุบายอันยอดเยี่ยม ที่ห่างจาก ข้าสึก ]

    [ จริงๆจะมี บทกำหนดรู้ ความอาพาธของจิต การกำเริบกลับไปใน รูปฌาณ อรูปฌาณ
    แต่นั่นจะเป็น ขั้นสูง ขั้นต้นๆ เอาที่ สักกายทิฏฐิ ให้กระเด็น ไม่ข้ามรุ่น ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    สิ่งที่เรารู้และเข้าใจแล้ว
    ก็ปล่อยๆไปจำได้บ้างไม่ได้บ้าง
    ก็ช่างมัน(คำเฉพาะต่างๆในคำภีร์)
    เหมือนเทน้ำที่เต็มถ้วยออก

    เพื่อเติมสิ่งใหม่ๆ ที่ยังไม่รู้หรือเพิ่งจะได้ยินได้ฟัง
    นะฮะ
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คำว่า " ห่างจากข้าสึก " ภาวนาด้วยอุบายห่างจากข้าสึก

    คนที่ กำหนดรู้แล้วซึ่ง อรรถสาระแห่งธรรม คำว่า อยาตนะ จะทราบชัดทำไม
    ต้อง ภาวนาห่างจากข้าสึก

    เราจะ ละอัตตา หากไปตรึกตั้งธง เราจะละอัตตา เราจะวางอัตตา จิต มันจะไป
    สร้าง นามรูป คือ อัตตา เป็นผัสสะ ....ดังนั้น สฬายตนะเกิด อยาตนะเกิด ทันที !!!
    [ ทำให้เกิดการสร้างภพ อยู่ในฌาณ หลายชนิด และนั่่นคือ เหตุการเกิดขึ้นของสัตว์
    ชนิดสูงๆ ที่ถือว่า เอาตัวไม่รอด ]


    การภาวนา โดยเอา อยาตนะออก หรือ อีกสำนวนหนึ่ง คือ ห่างจากข้าสึก ไม่กระทบผัสสะ

    หนทางนั้น พระพุทธองค์ อธิบายซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

    การภาวนาที่ไม่ใช่ อยาตนะ นั้นมีอยู่แน่ ไม่ใช่การไป ไม่ใช่การมา ไม่มีการเข้าหา
    ไม่มีการตั้งอยู่ ..........อยาตนะนั้น คือ "......................"


    ปล. จะเห็นว่า เน้นภาวนาไม่ใช่อยาตนะ ...แต่สุดท้ายก็ยกคำว่า อยาตนะ ....ตรงนี้เป็น ความพร่องของ บัญญัติ
    เป็นสิ่งที่ สุดขอบของบัญญัติ ดังนั้น ไม่ควรถือเอา บัญญัติ คำใดคำหนึ่ง เป็น ธรรม ที่เป็นของแท้
    แต่อนุโลมกล่าวไปตาม โลก เท่าที่จะ ชี้ไปได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ทีนี้ พึงทราบว่า

    คนทีไม่ได้มุ่งทำฌาณ ทำสมาบัติ มีจริตค่อนไปทาง " วิตกจริต " ไม่ได้แปลว่า คนบ้า
    แต่หมายถึง " ดวงจิตที่มีพฤติจิตเห็นคุณค่าของการบัญญัติเส้นเสียงสูงต่ำเป็นความ
    เผลอเพลินของจิต "

    เวลาคนไม่ชำนาญในสมาบัติ ฟังธรรมที่เป็น สุญญตา หรือ อ่านคัมภีของเซน

    " จิตมันจะสว่างๆ ตาจะสว่างๆ รอบๆจะสว่าง แต่ไม่มีการให้ค่า " มีสภาวะ โลก
    ราบลง ละลายเป็นเพียง รูปนาม

    อย่าไป เออะอะ กับ สภาวะสว่าง ไม่เอาอะไร

    ให้กำหนดรู้ โอภาสนี้ คือ สิ่งขวางกั้น สมาธิ ขวางกั้น นิพพาน เข้ามา

    น้อมดีๆ ไม่จงใจ ก็อาจจะ เห็น ช่องทางบางประการ ที่พระอานนท์ บอกว่า มีอยู่ๆ


    [ ถ้ากำลัง สมถะไม่พอ จิตจะวิ้งๆ เหวี่ยงๆ มันจะไม่ยอมแหวกออกไป อย่าไปครั้นคร้าม
    แต่ก็อย่า ยืนอยู่ ให้รีบหาที่ สะดวกแก่การ บำเพ็ญสมณะธรรม เสีย โดยไม่ต้อง
    หมายมั่น ผล อะไร
    ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  11. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ไปมั่วธรรมที่อื่นเถอะเราอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกันเลย ไปวิ่งตามเกิด-ดับไปเรียนพุทธวจนะว่าเวทนาดับได้ไหมแล้วค่อยมาโพส ไปทำศีลให้ครบก่อน อย่าเอาวาทะศีลปมาใข้ ไปซะอย่าได้มาเลยสักเกตุซิในนี้มีใครสนใจบ้างใหม รึชั่งมันจะโพสใครจะทำไม อ้อแล้ววิ่งตามดูจิตให้ทันอย่ายุ่งกับคนอื่นเค้า. ต่างคนต่างแสดงสิ่งที่ตนจะแสดง อย่าได้ก้าวก่ายซึ่งก้นและกัน ผ่านมาผ่านไป มีคำโบราณว่าไว้ สวรรค์ นิพพานมีทางไม่เดิน. นรกไม่มีทางแต่ก็พยายามหาทางไปจนได้
    ป.ล.ไปกำหนดกฏเกณ์อะไรที่ไหนก็ไปกำหนดไปเถอะ. มัวแต่กำหนดนั้นนี่ แต่พระพุทธเจ้าให้วาง. ไม่ให้กำหนดอะไรทั้งนั้น วางให้หมด นี่ศาสนาเอกวีกำหนดให้หมด กำหนด1ต้อง1กำหนด2ต้อง2กำหนดมากๆเลยกำหนัดผลเลยเป็นศาสดาแห่งการกำหนดกำหนัด มันไม่รุ้กำหนดให้รุ้ มันรู้กำหนดให้ไม่รู้ ถามจิงจะให้แปลคำว่ากำหนดตามพจนานุกรมใหมว่าแปลว่าอะไร มั่วไม่เลิก วกวนวนเวียนเนื้อไม่มีน้ำยังไม่มีอีกเหลือแต่ชามร้าวๆใบเดียวเดินเที่ยวขอไปทั่ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  12. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๒.๓๓

    เพื่อเติมสิ่งใหม่ๆ ที่ยังไม่รู้หรือเพิ่งจะได้ยินได้ฟัง
    เติมไปเติมมา บางทีก็งง แล้วตูจะเติมไปทำไมหว่า
    เท่าที่มี ก็มากเกินพอแล้ว ล่ะมั้ง นะ หึหึหึ
    (สันดานเดิม ยโสโอหัง อวดดี ดื้อด้าน ดื้อดึง ดื้อรั้น ๕๕๕)

    อ่านทวนถึงตรงนี้ ก็นึกถึงกลอนมนตราบทนึง ขอยกมานะครับ ว่า

    ...ยโส โอหัง และบังอาจ
    ทุ่มเท มุ่งมาด ปราถนา
    ดื้อด้าน เกินใคร ในโลกา
    ตัวข้า ท้าทาย ไปทั่วแดน

    ...ทุกแคว้น แผ่นดิน ทุกถิ่นหน
    ทุกตน ทนสู้ กูไม่ถอย
    ปักหลัก บากบั่น มั่นใจคอย
    เราสู้ ไม่ถอย จนก้าวเดียว

    กลอนมนตราบทนี้ มาพร้อมลมโหมกระหน่ำอย่างแรงเกินปกติ
    ในค่ำคืนหนึ่ง นานแล้ว ได้ร่ายมนต์ไว้ใน "ข้าคือ...นักรบแสง..."

    เติมไป ก็ไม่ทำให้จิตสูงขึันไปกว่าระดับที่ยืนนิ่งอยู่นี้
    แต่ก็นะ บางทีมันก็ทำให้มองได้กว้างไกลขึ้นบ้าง ละมั้ง นะ
    หรือทำให้เห็นมุมมองต่างๆ ที่แตกต่างออกไป แต่เพื่ออะไรล่ะ

    เมื่อคล้ายๆ กับว่า ดับทุกข์ได้แล้ว (คลาดเคลื่อนบ้าง ก็ช่างหัวเรา หึหึหึ)
    ดับไฟที่ไหม้อยู่บนศรีษะได้แล้ว ก็มองไม่เห็นเหตุที่จะต้องวิวัฒนาการต่อไปอีก หรือเปล่าน๊า ๕๕๕


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อารมย์เฉยๆ ที่ทำให้เราไม่สั่นคลอน
    สำหรับลุงแมว
    ไม่ได้เกิดเพราะการกดข่มนะครับ

    เกิดจากการถ่วงดุลย์ โดยทันทีใช้สติขั้นเบื้องต้น
    ด้วยการมองเห็นอนิจจัง หรือ อนัตตา หรือทุกขัง
    ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งหรือทั้งสอง หรือสามอย่างไปพร้อมกัน
    ทำให้ระงับการปรุงแต่งจนเกิดอารมย์พอใจ ไม่พอใจ
    อยากได้ ไม่อยากได้
    แล้วมีความเฉยๆเกิดขึ้นครับ
     
  14. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    โพสต์นี้มีสิ่งที่ถูกใจ 2 อย่างคือ
    เวลาที่โพสต์ 22.33 น.
    บทกวี กลอนมนตรา ....ยะโส โอหังและบังอาจ.,,,
     
  15. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    คนพวกที่ชอบก่อกวน พูดวกวนเก้อยาก ทำทีพูดธรรมะเอามาหลอกด่า
    หาสาระไม่ได้ โยงออกนอกเรื่อง พูดเรื่องนี้ก็ไปโยงเอาเรื่องนั้นมาพูดจนสับสน
    บางที่นำไปพูดแบบธรรมะชั้นสูงทำให้ดูเหมือนว่าดีในที่นี้มีเยอะ

    ก็ใช้แบบวิธีลงพรหมทันต์ แบบพระองค์ลงโทษพระฉันนะซิ
    คือ ไม่พูดด้วย ไม่ต้องไต่ถาม อยากทำอะไรก็ทำไป ไม่ต้องอ้างอิงเอามาพูดคุยด้วย
    ใช้วิธีสนทนากับคนที่พูดคุยกันได้ (หลังไมล์) ต่อต้าน ยกเลิก พูดคุยกับคนๆนี้ แค่นี้ก็เฉาตายแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 พฤษภาคม 2015
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    การน้อมนำธรรมบทใดเข้าสู่ใจ
    ให้จิตเบิกบาน รู้ตื่นกับสิ่งแวดล้อม
    ปัจจุบนั
    และการละวางธรรมใดเพื่อให้จิตว่าง
    จิตปล่อยวาง
    ของแต่ท่านไม่จำเป็น ไม่ได้จำเพาะเจาะ
    จงต้องเป็นแบบเดียวกันทุกคน

    สำหรับลุงแมวน้อม
    หลักพระไตรลักษณ์เข้ามาพิจารณา
    กายสังขารตนเองและสุนัขที่เลี้ยงไว้
    เป็นเพื่อน4ชีวิต เห็นความเปลี่ยนแปลง
    ทางกายภาพทุกวันๆ
    ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นคือสุนัขตัวอายุน้อยสุด
    8 เดือน
    มันโตขึ้นๆ และเคลื่อนอย่างคล่องแคล่วว่องไวขึ้น
    ตัวที่โตสุด 2ปีเศษ
    หยุดเติบโตและเคลื่อนไหวช้าลง นอนมากขึ้น

    ส่วนตัวเองผิวหนังตึงรัดกระดูก และมีวงขาวๆ
    ดางเล็กๆ เกิดตามแขนหลายวง
    ตามขามีบ้างแต่ไม่มาก

    นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงไปที่เรียกว่า อนิจจัง
    และอยู่เหนือการควบคุมเรียกอนัตตา
    ทุกชีวิตต้องผ่านเส้นทางนี้เพื่อ
    รอวันแยกธาตุดินน้ำไฟลม
    กลับไปรีไซเคิ่ล กลับมาในรูปใหม่ นามใหม่
     
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ลุงแมวว่าภรรยากลับบ้านเฉพาะวันอาทิตย์ ในเมื่อโดนกระซวกเอาบาดบาดแผลคงลึกพอสมควร คิกๆๆ ควรบอกลูก-เมียให้กลับบ้านทุกวันเพื่อช่วยล้างแผลทุกวันเถอะขอรับ (deejai) ปล่อยไว้อาจกลายเป็นบาดทะยักใจนะ

    https://www.youtube.com/watch?v=BYxPj8NGRO4
     
  18. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ลุงนี่แหละทางเดียวที่จะมุ่งสู่จุดหมายได้ จะเริ่มที่ไหนจะเริ่มยังไงสุดท้ายต้องเดินทางนี้จะเรียกชื่ออะไรก็ตาม ผมเรียกว่ากายนุสติ เห็นกาย หรือรูปตามความเป็นจริง จิตจะเบื่อหนายคลายกำหนัดไปเอง จะเฉยๆกับสิ่งแวดล้อมจะมีสติพิจารณาด้วยปัญญา โลกนั้มีจริงเพียงอย่างเดียวคือพระดำรัสแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกนั้นล้วนเป็นที่ประชุมกันไม่มีแก่นไม่มีแกนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีเกิด-ดับ เป็นมายา เห็นนะเห็นจริงแต่สิ่งที่เห็นมันไม่จริงครับ นี่แแหละที่ผมบอกว่าศาสนาพุทธคือศาสนาแห่งความจริง ต้องใช้ทั้งสติและปัญญา ถึงจะเห็นความจริง เห็นการเกิด-ดับ เห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นความไม่เที่ยง จึงจะรู้และเข้าใจว่าเรามิใช่ผู้วิเศษสามารถกำหนดทุกสิ่งให้ตามใจเรา เมื่อเรากำหนดไม่ได้ดังปราถนาจึงทุกข์ เมื่อไม่ยอมรับตามสภาพความจริงไปฝืนตามจิตเราเมื่อไม่ได้จึงทุกข ถ้ายอมรับเสียก็จบก็ไม่ทุกข ปล่อยให้มันเป็นไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็นรึต้องเป็นก็จบ นี่แหละที่เค้าเรียกปล่อยวาง เห็นสักแต่ว่าเห็น คือจิตรู้และเข้าใจธรรมคือธรรมชาติรู้ว่ามันต้องเปลี่ยนแปลงต้องเป็นไปตามกาล ใครว่าสวยแต่เรารู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้าต้องเหี่ยว รู้ว่าต้องแก่ คนอื่นสวยเราจึงเฉยๆ จิตไม่ยินดีรึยินร้ายใดๆ เพราะเห็นความจริงในสรรพสิ่ง ขอลุงทำไปเรื่อยๆวันหนึ่งลุงจะหลุดออกจากบ่วงแห่งมาร จะพบกับอิสระ ครับ สาธุ
    ป.ล. ขอนำคำตรัสครั้งสุดท้ายของบรมครูมาฝากลุงนะครับ ท่องให้ขึ้นใจเลยนะครับ. พระองค์ตรัสครั้งสุดท้ายว่า พวกเธอจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด สติเป็นศรัตรูของความประมาทครับ. ถ้าจะอยู่ด้วยความไม่ประมาทได้ นั้นคือต้องมีสติปัญญาทุกวินาที ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2015
  19. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อย่ามาพูดธรรมเอ๊กซ์นะฮะ มาจากดิน
    วันนี้จะไปเปิดท้ายตลาดนัดไหนบ้างครับ!!?

    เห็นกางเต๊นท์ตลาดกัลยาณมิตรรอลูกค้าอยู่
    ขอให้ขายดิบ ขายดีนะฮะ!!
     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    เท่าที่สังเกตนะฮะ คงสู้ตลาดทำมะพิลึพิลั่นไม่ได้ ยิ่งโลดโผนโจนทะยานมากเท่าไหร่ (one-eye)คนมุงกันเต็ม คิกๆๆ:d(deejai)
     

แชร์หน้านี้

Loading...