"ประสบการณ์ถูกผีลวนลามหรือเราคิดไปเอง"

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย montmayatawan, 7 ธันวาคม 2014.

  1. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    อย่าลืมพวกผีมีฤทธิ์ อสุรกายมีฤทธิ์ และ จิตตัวเองที่ออกฤทธิ์ออกเดชจนสร้างบางอย่างขึ้นมาอะนะ (อันนี้จากที่อ่าน พบเจอมาค่ะ )^=^
     
  2. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ภูมิเจ้าที่อ่อนแรงยากจักต้าน!
    ซาตานจรจัดรักหลับไหล
    ร่วมสังวาสเสพกามตามชอบใจ
    หญิงชายใดนอนหงายมักถูกลอง

    นิมิตสิงสู่อำพรางทับร่าง
    อสุรากระหายปราณมังสา
    ยิ่งรักษาตัวดีรสยิ่งโอชา
    เร้าตัณหาทำตบะเคลื่อนเปื่อนมลทิน

    บ้างเป็นหญิงมาลองชายแปลกหน้า
    ปลดเปลื้องผ้ายั่วเย้าชวนไหลหลง
    บ้างเป็นหนุ่มเสเพลเย้ากมล
    ทำจิตใสหมองหม่นติดกามา

    สถานที่แปลกถิ่นสำคัญนัก
    ตามโคจรหอพักบ้านผิดผี!
    ปลูกทิศอับสร้างผิดกรรมวิธี
    ภูมิเจ้าที่ฤทธิ์ต่ำยากจัดการ

    หรือบางทีก็เขาแหล่ะตัวเจ้าที่
    ภูมิภูตผีสถิตพักมานานแสน
    อาจเลี้ยงไว้เรียกลูกค้ามาพักแรม
    รายได้แจ่มประโยชน์พร้อมแบ่งปัน

    รวมความว่าพวกเทพมิจฉาทิฎฐิ
    อมนุษย์เสพติดของบวงสรวง
    ชอบของหยาบย่องเสพรักรันจวญ
    ถูกตีตรวนหลังสิ้นภพจบอเวจี

    หากบางทีสำนึกได้พระมาโปรด
    เสียงสวดๆมนต์พ่นน้ำคลายตัณหา
    แสงแห่งธรรมสว่างใสได้โมทนา
    เลิกมิจฉาสำนึกบาปบำเพ็ญบุญ (บางทีก็ไม่ได้ผล พวกบาปหนา!)

    กรณีรักแท้สังเกตุง่าย
    ไม่มักง่ายติดตามทุกถิ่นฐาน
    แสดงนิมิตห่วงใยทุกโมงยาม
    หนุนกิจการช่วยเหลือทุกคราไป

    หาไม่แล้วพวกนี้ชอบฉาบฉวย
    สัมภเวสีเฮงซวยเล่นทีเผลอ
    กายอ่อนล้าเพลียเหนื่อยสมองเบลอ
    ปล่อยจิตเผลอหลับสนิทเสร็จมัน

    สำเร็จกิจกามแล้วค่อยลาจาก
    บ้างยังยากเสพต่ออีกสักหน
    ด้วยผู้หลับไม่คิดขืนขัดตน!
    เพราะบางคนมีจริตต่างกันไป

    อันผู้ข้าเคยโดนมาบ่อยครั้ง
    กลางวันกลางคืนมันมาได้เสมอ
    หญิงจำแลงให้ท่ามายาเธอ
    ไม่พลั้งเผลอสติมั่นยับยั้งทัน!

    นิมิตเคยล่อหลอกมันให้แลบลิ้น
    แล้วจับปลิ้นกระชากดึงตวัดหงาย
    ยาวเป็นวานี่มันลิ้นหรือไร!
    หายสงสัยนางภูตผีอลเวง ฯลฯ

    วิธีนั้นมีอยู่จักบอกให้
    หมั่นทำบุญแผ่ไปยังเทพรักษา
    คุ้มกายาเรานี้ทุกเวลา
    โดยเฉพาะยามนิทราไม่ห่างไกล

    ยามหลับไหลเตือนข้าให้มีสติ
    จำเริญสมาธิในลมหายใจเข้าออกหนา
    ลมออกรู้เข้ารู้ถ้วนทั่วกายา
    รัศมีจิตนี้หนาเป็นเกราะคุ้มภัย

    อีกทั้งยังเป็นการปฎิบัติด้วย
    นิมิตสวยไม่ฝันร้ายหม่นหมองศรี
    ยามจวนตัวแผ่เมตตาแด่ผู้มายามราตรี!
    จักให้ดีทรงไว้ตลอดปลอดภัยทุกประการเอย!.
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ปกติ ทั้ง ช และ ญ ครับการถูกคุกคามในลักษณะที่เหมือนกับ
    สัมผัสได้จริงๆด้วยครับ(ถ้าสามารถจับได้นะคับ มันจะยุบได้เล็กน้อยคับ เพราะพวกนั้นจะต้องอาศัย
    การรวมธาตุขึ้นมาเป็นรูปร่างครับ.บางที่มือเราก็ทะลุตัวเค้าได้คับ ปล.เล่าเผื่อใครจะลองพิสูจน์คับ)
    แต่ที่คล้ายๆกันก็คือ. ณ เวลานั้นจิตจะอยู่ในสภาวะเป็นทิพย์ชั่วคราวครับ
    ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกคนแม้ว่าจะไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อนด้วยครับ
    คือคล้ายๆพอจะคิดได้ แต่จะขาดความสามารถในการควบคุมร่างกายคับ.
    เราจะเหมือนมองเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกได้ แบบไม่ต้องลืมตาคับ.
    ความจริงถ้ากระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกได้ก็หายคับ. กิริยาทั้งหมดที่เจ้าของ
    กระทู้เล่ามาเป็นกิริยาที่จิตเข้าสู่สภาวะความเป็นทิพย์ปกติคับ.
    แม้ว่าเราไม่เคยฝึกนะคับแต่ถ้าจิตนี้มันเคย
    ทำได้มาก่อนในอดีตมันจะเกิดขึ้นได้อย่างนี้
    เป็นปกติคับ เพราะมันใช้กำลังสมาธิในการเข้าถึงไม่มากคับ
    และกิริยามันจะใกล้เคียงกับระดับอารมย์ที่เราจะหลับ
    คือเราจะผ่านกิริยานี้ก่อนจะหลับปกตินั่นหละคับ คนปฏิบัติ
    จะต่างจากเราตรงเค้าฝึกจนชำนาญในการเข้าถึงครับ. เริ่มจากหลักนาที
    มาเป็นวินาที. และมาเป็นระดับใช้งานแบบไม่ต้องหลับตาภายในไม่กี่วินาที
    ตามลำดับขั้นตอนที่เล่าคับ.
    และดวงจิตที่คุกคามคุณในอดีตนั้น. กำลังจิตเค้าระดับภูมิวิญญานที่อาศัยอยู่ระดับ
    เดียวกับผิวโลกเรานี้หละคับ และมีจริตออกไปทางยึดติดทางด้านเรื่องเพศมาก่อนด้วยคับ
    ไม่ได้จะว่าบ้ากามนะคับ. แต่เวลามองสาวเค้าจะนึกไปทางเรื่องบนเตียงก่อน
    อันดับแรก พอนึกออกนะคับ
    และที่สามารถทำได้เพราะเสียชีวิตมานานแล้วครับ
    ไม่ใชภูมิจิตของระดับมีฤิทธ์ทั้งหลายที่เราพอนึกชื่อทางสมมุติออกครับ.
    และกะแสจิตพี่หื่นแกยังไม่เชื่อมขึ้นข้างบนด้วยครับจึงไม่มีทางที่จะไปเรียกว่า
    เทวดาได้ด้วยครับ. แต่ส่วนตัวเรียกว่าภูมิเทียบเท่าเทวดาครับ เพราะก็มีหลายภูมิ
    ที่ท่านจะนิสัยดีครับ อย่างน้อยท่านๆแม้จะนิสัยคล้ายๆตอนเป็นคน
    แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านจะมีก็คือ หิริโอตะปะ คือความละอายเกรงกลัวต่อปาบคับ
    คนละประเด็นกับกลุ่มที่มาเจาะเราเพื่อแฮบบุญบารมีนะคับ.
    และปกติวิสัยนักปฏิบัตจะเจอพวกภูตก่อน คือพวกที่แต่งเสื้อแบบหลวมๆ แปลงกายได้
    สามารถเข้าใกล้เราได้ในระดับ ตาต่อตา แต่จะมีเอกลักษณ์คือ จะไม่โดนตัวเราคับ
    และลอยได้ คือเท้าไม่ติดพื้นคับ
    ถ้าเราผ่านพวกนี้ได้คือไม่สนใจ. และมาฝึกกรรมฐานที่สร้างความสามารถพิเศษ.
    ถ้าจิตของเราเริ่มทำได้จริงๆ. พวกอสูรกายถึงจะเริ่มเข้ามาทดสอบเราครับ
    และพวกนี้จะมีเอกลักษณ์ตรงไม่มาเดี่ยวๆครับ. และชอบแบบสุนัขหมู่. จนกว่าเราจะ
    แสดงให้เห็นว่าเราสามารถใช้ความสามารถพิเศษที่สร้างด้วยตัวจิตเราเองได้จริงๆคับ
    แรกๆอาจระเบิดฟอร์มบ้างตามปกติวิสัยของคนที่เริ่มทำได้ และพอเราใช้แบบประนีประนอม
    หรือเพื่อป้องปรามได้เมื่อไหร่
    เค้าถึงเลิกยุ่งกับเราคับ เพราะเค้าจะมองว่าเรามีเมตตาและไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับเค้าคับ

    ปล.ท้ายนี้ปัจจุบันนี้ไม่เกิดแล้วก็ดีครับ. ที่เหลือก็เล่าเสริมให้อ่านไว้เล่นๆคับ
     
  4. montmayatawan

    montmayatawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +47
    พึ่งรู้ว่ามีแบบนี้ด้วย
    จากที่สมาชิกหลายท่านได้ให้แสดงความคิดเห็นมา
    มีหลายอย่างที่พึ่งรู้จริงๆค่ะ
     
  5. montmayatawan

    montmayatawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +47
    เก่งจัง ตอบเป็นกลอนได้สัมผัสคล้องจองมากๆค่ะ
    อ่านจบแล้วมีหลายสิ่งที่มากระทำตอนเราหลับ
    ผีทำก็น่ากลัว ถ้าเป็นคนทำยิ่งน่ากลัว
     
  6. montmayatawan

    montmayatawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอบคุณที่ให้ความรู้ค่ะ
    ที่จำได้ตอนนั้นจะเห็นทุกอย่างเหมือนเรานอนในห้องค่ะ
    พอลืมตาสัมผัสนั้นจะหายไป
    ก็จะรู้ตัวว่าเมื่อกี้คงฝัน แต่ง่วงมากจนต้องนอนต่อ

    พอหลับตาเท่านั้นล่ะ สัมผัสผิวด้านในมาแบบเดิม
    ที่แปลกคือไม่ได้รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนโดนผีอำทั่วๆไป
    ขยับตัวได้แต่ไม่มีแรงขยับ ลืมตาขึ้นมาสัมผัสก็หายไป
    มองแล้วไม่เห็นใครหรืออะไร แต่หลับตาต่อก็เป็นแบบเดิม

    พอตื่นนอนเสื้อผ้าก็อยู่เหมือนเดิม ถ้าจะให้เล่ารายละเอียดมากกว่านี้
    บอกตรงๆว่าเขินค่ะ เล่าไม่ถูกกลัวจะดูเรทเกินไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2014
  7. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    เคยเล่าไปแล้วไง เจอผีลวนลามที่ขอนแก่นอ่ะ 18+ เล่ามากไม่ได้

    ไปตามอ่านกระทู้ที่เดิมนะ ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้) หน้า 27 เดี๋ยวกระทู้นี้เค้าจะโดนอุ้มอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2014
  8. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    เหรอ กระทู้ไหนนึกไม่ออก เรท x เลยเหรอ
     
  9. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    นอกจากคนธรรพ์ตามที่ท่านเจ้าคุณบอกไว้แล้ว

    ยังมีเทพอีกจำพวกหนึ่งคือ ครุฑ ครับ

    พวกนี้ฤทธิ์เดชมากมาย สามารถเข้าบ้านผู้คนที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สูงพอ
    ครุฑเป็นเทพที่นับว่าตัณหาแรงประเภทหนึ่ง ดังนิยาย "กากี"

    แฟนเก่าเคยโดนเพราะเอาครุฑมาไว้ที่บ้าน เลยให้นำออกไป
    หญิงที่โดนลวนลามมักเป็นคนมีเสน่ห์ได้ระดับหนึ่ง

    วิธีแก้ก็คือ สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ หมั่นแผ่เมตตาทุกคืน
    หรือหาวัตถุมงคลมาติดตัวไว้เสมอ ครับ

    จริงๆแล้วครุฑทำได้กับหญิง แต่ถ้าไปล้อเล่นกับพวกมีวิชา
    อาจเจอผู้นั้นใช้กำลังฌานคว้าจับตัวมาทุบตีได้เหมือนกัน.....5555
    :cool:
     
  10. montmayatawan

    montmayatawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +47
    อยากรู้เหมือนกันค่ะ
    (smile)
     
  11. montmayatawan

    montmayatawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอบคุณคุณ nirvana ที่ให้ความรู้ค่ะ
    ถ้าเจอที่มีวิชาสามารถจับมาทุบตีได้ด้วยหรือคะ?
    เพราะว่าครุฑน่าจะมี..เค้าเรียกกันว่าอะไร
    นึกไม่ออกค่ะ มีวิชา มีกำลัง มากกว่า
     
  12. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865

    ถ้าคุณมนต์อยู่ในยุทธจักร นักฝึกอภิญญา

    จะทราบว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติที่ทำกันประจำ ครับ

    หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    จับช้างของลาวเอากะลาครอบไว้ทั้งโขลง
    เป็นที่ทราบกันดีในหมู่พวกเล่นอภิญญา

    โลกลี้ลับยังมีอะไรให้ตื่นเต้นอีกมาก
    แต่ช่วงนี้แนะนำให้สวดมนต์ แผ่เมตตา ประเสริฐที่สุด
    เมื่อบารมีเต็มถึงขั้น เดี๋ยวมีเทพเทวามาปกปักษ์รักษาเอง ครับ
     
  13. montmayatawan

    montmayatawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +47
    คงไม่สามารถอยู่ในยุทธจักรการฝึกอภิญญาได้แน่ๆค่ะ
    เพราะยังมีกิเลสเพียบบบบบบบบบบบ

    หลวงปู่ศุขจับช้างได้ทั้งโขลงด้วยกะลาเดียว
    ท่านทำแบบไหนหรอคะ ขยายกะลาให้ขยายใหญ่แล้วครอบทั้งหมด
    หรือว่าย่อช้างให้มีขนาดเล็กๆแล้วเอากะลาครอบ

    ที่ถามไม่ได้กวนนะคะ ถามเพราะอยากรู้จริงๆ
    เคยได้อ่านมานิดหน่อยค่ะว่า
    ผู้ที่ฝึกจนชำนาญสามารถกำหนดได้
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    จะเล่าอะไรให้ฟังนะครับ.ฟังหูไว้หูนะครับ.เด่วจะเผลอไปเข้าผิดคิดว่าพวกดวงจิต
    ระดับภูตอสูรกาย หรือระดับวิญญานมีฤิทธิ์เนื่องจากอยู่มานาน กมลสันดานหื่น
    กามทั้งหลายแหล่.เป็นพวกครุฑ เป็นพวกคนธรรพ์ หรือเป็นพยานาคอะไรก็ตาม..
    พวกนี้สายตาเราจะต้องดีในระดับหนึ่งครับ.และเราจะต้องพอทราบลักษณะเฉพาะ
    กระแสจิตของกลุ่มท่านๆเหล่านี้..ข้อหนึ่งที่เราต้องระลึกเสมอว่า.พวกนี้โดยปกติ
    จะเป็นภูมิวิสัยที่ระดับคลื่นความถี่หรือกระแสจิตปกติจะสูงกว่าระดับคลื่นความถี่
    บนโลกใบนี้ปกติ.เพราะฉนั้นบรรดาพวกภูมิจิตมีฤิทธิ์ทั้งหลายแหล่ ที่ชอบแปลงกาย
    เป็นระดับโน้น ระดับนี้ หากเราพอมีกำลังสติบ้าง และตรวจดูกระแสจิต.ล้านทั้งล้านเปอร์เซนต์
    กระแสคลื่นพวกแอบแฝงทั้งหลายนี้ จะไม่เชื่อมขึ้นไปข้างบนครับ ซึ่งกระแสที่เชื่อมนี้ดวงจิต
    ทั้งแต่ระดับสวรรค์ชั้นแรกยังๆไงก็ต้องเชื่อมครับ..เหมือนๆเราไปอีกทีหนึ่งได้ ทำไม่พวกนั้น
    เค้าถึงรู้ว่าเราเป็นมนุษย์นั้นหละครับ เพราะกระแสจิตยังไงๆมันก็จะเชื่อมกับภูมิที่เราอยู่อาศัย
    เค้าถึงรู้ว่า ไอ้นี้เป็นมนุษย์ ท่านนั้น ท่านโน้นมาจากภูมินี้ ภูมินั้นครับ..

    และโดยปกติวิสัยแล้วพวกคนธรรพ์ทั้งหลายเนี่ยจะชอบ
    อาศัยอยู่ตามป่า..มีลักษณะนิสัยออกแนวศิลปิน..บางกลุ่มแต่งตัวคล้ายๆเราๆนี่หละครับ
    ชอบใส่ฮูดคล้ายๆพวกเด็กแนว..รูปร่างแม้ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ หน้าตาก็จะยังดูเป็นเด็กวัยรุ่น..
    พบเห็นได้ที่ป่าที่ชื่อคล้ายๆเม็ดมะม่วงชนิดหนึ่ง...
    ..กลุ่มพยาครุฑ.หรือกลุ่มที่กระแสจิตเป็นครุฑนั้น..โดยปกติวิสัยจะไม่ค่อยมาวุ่นวาย
    อะไรบนโลกนี้..มีนิสัยค่อนข้างถือตัว ดูมีความหยิ่งทนงในตัว.ที่สำคัญมากมายไปด้วยฤิทธิ์
    สามารถพบเจอได้แถวๆภูเขาพระสุเมรช่วงที่เป็นหน้าผาสูงชั้นมีป่าไม้ขึ้นเยอะๆ.
    ไม่ใช่แถวๆที่ดูเป็นน้ำแข็งที่เป็นที่อยู่ของบรรดาพระอริยะที่ชอบมาสอนมนุษย์ที่ถูกชะตาทั้งหลาย
    ..และมักไม่ได้กระพือปลีกบินแพ๊บๆ.เหมือนนกแบบที่หลายๆ
    คนเคยเห็นตามทีวี หรือในฝัน..การกระพือปลีกครั้งหนึ่งหมายถึงการแว๊ปหาย แล้วไปแว๊ปโผล่
    อีกยังต่ำแหน่งหนึ่งครับ..ถ้าคุณมองไกลๆเห็นเท่าปลายเข็มหมุด เพียงแค่ ๒ แว๊ปเสี้ยววินาที
    คุณจะได้เห็นแบบที่เป็นตราประจำธนาคารแห่งหนึ่งได้ชัดเจน.แล้วคุณจะสัมผัสได้ว่า.แม้ว่าจะ
    ดูภายนอกน่ากลัว แต่ก็ดูมีเมตตา ใจดี และปนไปด้วยฤิทธิ์อำนาจทางจิตที่ซ่อนไว้เบื้องหลัง
    ว่างๆไปอ่านตำนานพยาครุฑ ที่เคยปะชะดะ กับผู้ที่ได้ชื่อว่ามีฤิทธิ์มากในอดีตดูเล่นๆได้ครับ..
    และพวกวัตถุต่างๆที่ทำเป็นรูป เป็นร่างคล้าย เทพนั่น เทพนี้.หรือแม้แต่รูป ห่มเหลืองหรือพระพุทธ
    ต่างๆอะไรก็ตาม..กระแสจิต หรือ พลังงานที่อยู่ในนั้น มันขึ้นอยู่กับ.
    พื้นฐานและระดับความสามารถทางจิต ของผู้ที่บรรจุลงไปด้วยครับ..
    ประกอบกับสภาวะจิตใจของผู้ครอบครอง..
    ถ้าเรามีความดีพอ ต่อให้เราห้อยก้อนหิน ก้อนหินก็ศักดิ์ได้ครับ.เพราะจิตเราจะเชื่อมกับ
    ข้างบนเสมอ. แต่การห้อยรูปแทนก็ยังจำเป็น เพื่อเป็นแนวทางให้จิตมีทางเดินไปเชื่อม
    กระแสดีๆข้างบนอยู่ จึงแยกจากกันไม่ได้..แต่อย่าพยายามรีบไป ตัดสินว่า พวกนั้นพวกนี้
    เค้าเป็นอย่างนี้..อะไรก็ตาม วัตถุอะไรก็ตาม ดีไม่ดี ให้เราดูว่า หลังจากที่เราครอบครอง
    วัตถุชิ้นนั้นแล้ว วัตถุนั้น ส่งเสริมให้เราดีขึ้นไหม เช่น ละอายต่อการละมิดศีลไหม
    ละอายต่อการทำบาปทั้งปวงไหม ใจเย็นขึ้นไหม คิดพูดอะไรแต่ในสิ่งที่ดีๆไหม
    มีน้ำใจต่อคนอื่นๆไหม มีเมตตาขึ้นไหม หลังจากนั้นถ้าเรามีฐานอย่างนี้.
    สิ่งที่เราขอสิ่งที่เราหวังก็จะประสบความสำเร็จได้ง่าย.ตามเหตุและปัจจัยครับ..
    อย่างนี้ถึงจะถือว่าเป็นวัตถุแทนและเป็นมงคลครับ...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าไปปน
    รวมกับวัตถุมงคลประเภทที่มีระดับ นิสัยไม่ดีทั้งหลาย..ที่มีจริตส่งเสริมให้เรา
    ออกไปในทาง กิน กาม เกียรต์ อย่างนี้พึงระวังไว้ครับ...

    และจะบอกอะไรให้นะครับ..ต่อให้คุณจะสำเร็จกสิณ ๑๐ กอง
    หรือเอาแค่ทำให้คนสัมผัสได้จริงๆซักกองสองกองก็พอ การที่คุณจะทำให้ใคร
    ซักคนดิ้นเหมือนสุนัขโดนน้ำร้อนลวกมันง่ายๆแสนง่ายแล้วครับ.
    และต่อให้คุณจะมีครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิคอยหนุนคุณและแถมให้คุณสามารถสร้างอาวุธทิพย์
    พิเศษอะไรขึ้นมาได้ และคุณสามารถใช้ได้จริงๆ สัมผัสได้จริงๆ ไม่ใช่แบบหลับตา
    หรือว่าใช้ได้แต่ในนิมิตร..ถ้าคุณได้มีโอกาสไปปะชะดะกับภูมิพวกนี้จริงๆ.
    ร้อยทั้งร้อยเราจะสู้เค้าไม่ได้ครับ.เพราะเราจะแพ้เค้าเรื่องของความเร็วครับ
    .อย่าลืมว่าพวกที่เกิด

    แล้วมีฤิทธิ์กับพวกที่มาสร้างฤิทธิ์ภายหลังความชำนาญมันจะต่างกันครับ
    และถ้าท่านๆเหล่านั้นคิดจะทำให้เรากลับเข้าร่างกายไม่ได้จริงๆ มันเป็นเรื่อง
    ธรรมดาและธรรมดามากมันมีทริคแค่นิดเดียวครับเพียงแต่ท่านๆเหล่านั้นจะไม่ทำกันครับ..

    ถามหน่อยหนึ่งนะครับ..คนที่เค้ามีอภิญญาจิตหรือมีฤิทธิ์จริงๆในระดับใช้งานได้จริง
    สัมผัสได้จริงๆ เค้าจะมาท่องสวดมนต์คาถากันไหมครับ..เอาแค่เห็นผีธรรมดา เอาท่อง
    นะโม ท่องพุทธโธ ให้มันถูกให้ได้ก่อนก็พอครับ ไม่ต้องนับบทคาถายาวๆครับ...
    กำลังฌาน กำลังสมาธิ หรือจะเป็นเซียนสวด มันใช้ได้อย่างมากไม่เกินพวกภูมิดวงจิต
    ที่อยู่มานานหรือพอมีกำลังเท่านั้นหละครับ ภูมิดีๆที่เป็นหลงผิดก็ยังมี แต่หลงผิดใน
    แนวทางเดินของผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพเนื่องจากยังเข้าใจคลาดเคลื่อน ไอ้พวกหื่นกาม
    ทั้งหลายแหล่ระดับจิตมันจะเอาอะไรไปมีฤิทธิ์ได้มาก พวกนี้ด้วยความหื่นกามเป็นทุน
    ด้วยกำลังจิตที่พอมี มันจะสร้างสัญญาเช่นมันรู้ว่าเราชอบอะไรมันก็จะพยายาม
    สร้างสัญญาหลอกไปแบบนั้นเพื่อให้เราไปหลง และสุดท้ายก็เพื่อที่จะสนอง
    ในเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกิยรติ์ เพราะฉนั้นเราต้องพึงระวังดีๆอย่าไปเผลอ
    ปรุงร่วมครับ การปล่อยเฉยๆไม่ต้าน ไม่อะไรนั่นหละครับ ก็คือการไปปรุงร่วมแล้ว
    เพียงแต่ที่เราห้ามไม่ได้ เพราะเรามีกำลังสติที่จะระลึกให้คิดได้ตอนนั้นไม่พอ
    หรือมีกำลังสมาธิสะสมต้านไม่พอ หรือมีถิทธิ์ที่่สร้างจากกำลังจิตไม่พอ
    แต่ปลอดภัยสุดคือการของบารมีพระหรือครูบาร์อาจารย์จะดีกว่าและเรา
    จะปลอดภัยส่วนกำลังสติและสมาธิสะสมเราค่อยมาสร้าง ใครจะสร้างกำลังจิต
    ร่วมด้วยก็สุดแล้วแต่ และใครจะสร้างความดีจนมีพันธมิตรทางภพภูมิ
    มาคอยป้องกันให้ก็สุดแล้วแต่บุคคคลครับ..
    การสร้างสัญญาของพวกนั้นก็เพื่อหลอกดวงจิตเราให้หลงว่าเป็นโน้นเป็นนี่
    ถ้าเราพอมีกำลังสติบ้างในสภาวะที่จิตเป็นทิพย์และรักษาอารมย์ได้นาน
    เราจะเห็นภูมิที่แท้จริงของพวกนี้ได้เองครับ..
    เอาภูมิเทวดาขึ้นไป ก็ต้องอย่างน้อยศีล ๕ และมีความละอายเกรงกลัว
    ต่อบาปแล้วครับ..ยังไม่ต้องไปนับภูมิระดับเทพ พรหม หรือสูงกว่านี้..

    เอาไว้ให้เราได้ไปเจอพวกนี้จริงๆ ให้จิตเรามีความสามารถทำได้จริงๆ สัมผัสได้จริงๆ
    ให้ตาเราดีกว่าก่อน ให้ตัวจิตเรามันมีความสามารถทางจิตออกไปภายนอกให้ได้ก่อน
    ไม่ใช่ต้องสวดคาถา สวดมนต์ หรือต้องหลับตาก่อน.ไม่ใช่ว่าพอมีความสามารถ
    ภายในแบบเชื่อมครูบาร์อาจารย์ได้แล้วจะมั่นใจ นั่นมันเป็นอภิญญาจิตภายใน
    เกิดจากการรักษาอารมย์ให้เกิดความเป็นทิพย์กับจิต แต่มันไม่ได้สร้างกำลังจิต
    ไม่ใช่เกิดจากตัวจิตจริงๆ
    ที่มีกำลังจิตสามารถทำได้ครับ..เพราะถ้าเราไปโลดโพ้นใน
    วงการนี้จริงๆ มันวัดกันที่กำลังจิต และความสามารถพิเศษทางจิตที่ตัวจิตสร้างได้
    วัดกันที่พันธมิตรทางภพภูมิ วัดกันที่ระดับของเมตตาในจิต ที่จะทำให้ไปไหน
    ปลอดภัยและได้รับการต้อนรับด้วยความเป็นมิตร..
    ไม่ใช่แค่ถอดจิตได้ แล้วไปหมายหมั่นปั่นมือว่าตนแน่.
    เรื่องพวกนี้ไม่ต้องฝึกอะไรก็ทำกันได้แบบไม่ตั้งใจกันหมดหละครับ.
    ส่วนใครมาฝึกก็สุดแล้วแต่ครับ แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีประโยชน์
    อะไรครับ.เพราะไม่ได้สร้างให้เราเกิดปัญญาอะไร...
    และไม่ใช่ว่าพอจะหลับตาเห็นโน้นเห็นนี้ได้ แล้วไม่รู้ระดับกำลังจิต
    ไม่รู้ว่าท่านนั้นๆจริงๆแล้วมาจากภูมิไหน..แล้วด่วนสรุป
    ที่ส่วนตัวพอรู้จัก ประเภทรับดูดวง ตรวจอดีตชาติ ความสามารถทางจิต
    ภายในเป็นเลิศ และตาดีกว่าปกตินั้น นอน ICU มาหลายหลายแล้วครับ
    เหตุเพราะไม่รู้ต้นกำเนิดของภูมิเหล่านั้น.เพราะตนไม่มีกำลังจิตพอในการ
    ไปเชื่อมตรงนี้มีแต่ความสามารถทางจิตภายใน..
    สุดท้ายจำไว้อย่างหนึ่งนะครับ..ถ้าจิตเราไม่มีฤิทธิ์และไม่พอมีความสามารถจริงๆ
    พวกมีฤิทธิ์เค้าไม่เสียเวลามายุ่งกับเราหลอกครับ.
    .เหมือนเราไปท้าเด็กต่อยนั่นหละครับ..
    ถ้ายังไม่มีอย่างที่ว่ามานี้ ก็อ่านๆ ฟังๆ ขำๆ เล่นๆ
    ตามความเข้าใจไปก่อนแล้วกันนะครับ..
    ส่วนจะเข้าใจอย่างไรต่อนนี้..
    ไม่ใช่เรื่องสำคัญมากครับ.
    แต่ถ้าได้เข้าไปสัมผัส ไปเห็นจริงๆ ไปรู้จริงๆ ทำได้จริงๆ
    มีความสามารถจริงๆที่ทำได้.จะพอเข้าใจเรื่องที่เล่าให้ฟังมาครับ...

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ..ประมาณนี้หละครับ...
     
  15. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    ไม่มีใครในสมัยนี้เคยเห็นหรอกครับ เพียงแต่เป็นบันทึกเป็นตำนานเล่าขานกันต่อมา แต่ในความคิดส่วนตัวของผม ผมคิดว่าหลวงปู่คงจะขยายกะลาให้ใหญ่แล้วครอบช้างทั้งโขลงไว้ เรื่องอภิญญาแบบนี้ต้องมีเฉพาะผู้มีฤทธิ์ได้ฌาน 4 จึงจะทำได้ คล้าย ๆ กับมโนมยิทธิ คือมีฤทธิ์ทางใจ สามารถอธิษฐานจิตอะไรก็ได้ ทำของหนักให้เป็นของเบา ทำของเบาให้ใคร ๆ ยกไม่ขึ้น แล้วแต่จิตจะคิดพิสดาร เรื่องแบบนี้ต้องเจอกับตัวเองเห็นด้วยตาตัวเอง แล้วถึงจะเชื่อ ถ้ายังไม่เห็นก็อย่าเชื่อ และถ้าจะเชื่อขึ้นไปอีกชนิดร้อยเปอร์เซนต์ ก็ต้องทำได้เองเท่านั้นจึงจะเชื่อว่ามีจริง
     
  16. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ธันวาคม 2014
  17. montmayatawan

    montmayatawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +47
    อ่านข้อความของคุณ nopphakan จบแล้ว
    แอบฮาตรงชื่อป่าคล้ายๆเม็ดมะม่วงชนิดหนึ่ง

    ขอบคุณที่ให้ความรู้เพิ่มเติม
    และเล่าอะไรหลายๆอย่างให้ฟังค่ะ
    หลายๆเรื่องได้รู้เพิ่มเติม
    จากที่สมาชิกหลายๆคนได้แสดงความคิดเห็น

    ขอบคุณคุณchaokhun ที่แชร์เรื่องหลวงปู่ศุข
    ให้ฟังเพิ่มเติมนะคะ
    เรื่องที่คิดว่าของหนักเป็นของเบา
    จะคล้ายๆตอนเกิดไฟไหม้ จะมีคนตกใจจนยกทีวี
    ตู้เย็นใหญ่ๆได้ด้วยคนเดียว
    แต่พอหายตกใจแล้วยกไม่ไหว
    ต้องให้หลายคนยกหรือเปล่า

    ที่คุณ dowlung เขียนไว้ก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ
    ไม่ต้องขอโทษจ้า นอกเรื่องแบบนี้ชอบค่ะ
    ได้รู้อะไรที่หลากหลายดี
    :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2014
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    จะพูดให้ฟังอีกรอบนะครับ..ถ้าเราดูแค่เพียงการแต่งกายหรือมองจากภายนอก..
    เราอาจจะไม่ทราบความเป็นจริงได้ครับ..เหตุเนื่องจากว่า เมื่อใดก็ตามที่เรายัง
    มองเห็นเป็นภาพได้อยู่..ยังไงๆก็ยังไม่พ้นการปรุงแต่งขึ้นมาเพื่อให้เป็นรูปเป็นร่างครับ..
    ไม่ว่าจะปรุงแต่งจากจิตเราเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี อย่างน้อยก็เพื่อยังให้เรียก
    ภาษาสมมุติให้ถูกครับ..แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ถ้าไม่มีภาพได้เลยจะดีครับ
    (เช่น ฝรั่งเห็นอย่างนั้น เราเห็นอย่างนี้ อินเดียเห็นอย่างนั้น
    หรือปรุงแต่งจากภายนอก ฝรั่งให้เห็นอย่างนี้ อินเดียให้เห็นอย่างนั้น
    เราให้เห็นอย่างนี้ หรือการปรุงแต่งร่วมทั้งจากภายนอกและภายใน
    เราอยากเห็นอยากนี้เค้าให้เห็นอย่างที่เราอยากเห็น
    ฝรั่งอยากเห็นอย่างนี้เค้าให้เห็นอย่างที่ฝรั่งอยากเห็น
    สุดท้ายก็เพื่อความจำได้ตามภาษา ตามสมมุติของแต่ละภูมิภาคครับ)..

    ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้สามารถเป็นได้ทั้งความจริงและไม่จริง
    การที่เราจะทราบตรงนี้ได้จึงจำเป็นจะต้องอาศัยกำลังสติทางธรรม เพื่อให้เข้าใจตรงจุดนี้.
    และต้องอาศัยระดับกำลังสมาธิ และการเดินปัญญาเพื่อลดละกิเลส เพื่อป้องกันสัญญาที่อาจ
    เกิดจากกิเลสลึกๆในใจเราที่ออกไปปรุงแต่งร่วมกับภายนอก ในทางปฏิบัติบางที่ท่านจึง
    บอกให้เข้าออกซัก ๔ ถึง ๕ ครั้งเพื่อดูว่านิมิตรที่เห็น หรือการเห็นนั้นยังคงเดิมหรือเปล่า
    หรือที่เคยแนะนำจะบอกว่า ให้รักษาอารมย์ไว้ให้ได้นานที่สุดแล้วมองนิมิตรให้นานที่สุด
    โดยใจความหลักทั้ง ๒ หลักการก็เพื่อที่จะสร้างกำลัง
    สติทางธรรมเพื่อที่จะเป็นตัวบอก ตัวรู้ในเรื่องของการปรุงแต่งจากสัญญาตรงนี้นั้นเอง..
    แต่ทางพุทธนั้นท่านจะสอนว่าไม่ต้องสนใจทุกนิมิตรที่เกิดขึ้น หากว่าเราไม่สามารถทราบ
    ได้เลย ณ เวลานั้นๆว่าวัตถุประสงค์ที่เห็นคืออะไร เพราะจะขวางการปฏิบัติเราได้ ด้วยความ
    อยากรู้ อยากทราบคำตอบในสิ่งที่เห็น และอาจเข้าใจในสิ่งที่เห็นคาดเคลื่อนได้ครับ..
    นี้เป็นประเด็นทั่วๆไป ส่วนประเด็นต่อมา.ถ้าเราจะพ้นเรื่องการปรุงแต่งได้ มันจะต้องไม่มีคำว่าภาพ
    หรือเป็นภาพเกิดขึ้น จะเหลืออยู่แต่ในรูปของพลังงานคลื่นความถี่ครับ.
    ซึ่งเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ณ ปัจจุบันนี้สามารถที่จะตรวจพบได้.
    ระดับความดี ระดับกำลังบุญ ระดับบารมี จะส่งผล
    ให้จิตมีคลื่นความถี่แตกต่างกัน อย่างกระแสบุญเป็นคลื่นเย็น กระแสบาปเป็นคลื่นร้อนฯลฯ
    เป็นเหตุส่วนหนึ่งของความสามารถต่างๆที่สามารถทำได้
    หนึ่งในนั้นก็คือการสร้างเป็นภาพ เราจึงพบว่า ถ้าเราเจอระดับสัมพะเวสี มักจะปรากฏไม่สวยงาม
    พูดขาดๆเกินๆ ฯลฯ อะไรทำนองนี้นั่นก็เพราะความแตกต่างในเรื่องของ ระดับความดี กำลังบุญ
    ระดับบารมี ต่างๆเหล่านั้นที่เปลี่ยนเป็นคลื่นความถี่ชนิดหนึ่งนั้นเอง ซึ่งความถี่ตรงนี้
    ก็จะแตกต่างกันและมีเอกลักษณะเฉพาะกลุ่ม เราจึงจะทราบได้ว่าแหล่งต้นกำเนิด
    คลื่นความถี่จากดวงจิตนี้มาจากตรงไหนครับ..นี้ตัวอย่างคร่าวๆครับ...

    เพราะฉนั้นถ้าต้องการทราบว่า ดวงจิตใดๆก็ตามนั้น เป็นคลื่นความถี่ระดับใด เราจำเป็น
    จะต้องสามารถที่จะจับคลื่นความถี่ต่างๆเหล่านั้นให้ได้ก่อน พวกนี้สามารถฝึกกันได้ทุกคนครับ
    และถ้าทำได้ก็เป็นมนุษย์ปกติธรรมดาๆนี้หละครับ ไม่ใช่พวกผู้วิเศษอะไรแน่นอนครับ..
    แต่โดยมากถ้าเรายังอยู่ภายใต้สัญญาการปรุงแต่งเป็นภาพ โดยมากมักมักจะโน้มเผลอให้เรา
    เขาข้างตัวเอง และหลงตัวเองได้ ก็เพราะมันเกิดจากการปรุงแต่งภายในจิตของเราเอง ซึ่งถ้า
    ยังละเอียดพอ เราอาจจะเผลอหลงตนว่าเป็นผู้วิเศษ ผู้มีอภิญญาจิต อะไรต่างๆได้แบบไม่รู้ตัว
    ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรครับ เพราะมันสามารถแก้ด้วยการเจริญสติ เดินปัญญาได้ครับ..

    ปล.พอจะเข้าใจเพิ่มมากขึ้นนะครับ
     
  19. montmayatawan

    montmayatawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอบคุณค่ะคุณ nopphakan ที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
    และอธิบายเรื่องราวต่างๆให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ
     
  20. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ไปอ่านมาแล้วครับ ว่าแต่เครื่องหมายนั้นหมายถึงอะไร หมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ไหน
     

แชร์หน้านี้

Loading...