พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนภัย ! เมื่อมิจฉาชีพเคาะกระจกรถ บอกขับดี ๆ หน่อย

    -http://hilight.kapook.com/view/111914-

    [​IMG]



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ J-AOB สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

    เตือนภัย ! เมื่อมิจฉาชีพเคาะกระจกรถ "บอกขับดี ๆ หน่อย" พร้อมหลอกให้ลงจากรถ แต่ทว่าคนขับจำหน้ามิจฉาชีพได้ เลยรอดตัว

    เป็นเรื่องราวที่เตือนภัยคนใช้รถใช้ถนนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เพราะมิจฉาชีพสมัยนี้มาแนวแปลกแนวใหม่ ขนาดระวังตัวแล้วระวังตัวอีก บางครั้งก็ยังพลาดเสียรู้ให้กับคนร้ายพวกนั้น..

    สำหรับเรื่องราวล่าสุดที่เราจะนำมาเตือนกันอีกรอบ เป็นเรื่องที่หลายคนเคยเจอ เคยเห็นคนโพสต์เตือนผ่านโซเชียลต่าง ๆ แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบ วันนี้เราก็ขอนำเรื่องราวของคุณ J-AOB สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่เจอคนร้ายแบบจัง ๆ มาให้ได้ทราบกัน ขอบอกเลยว่า จำหน้าพี่คนนี้ไว้ให้ดี ๆ !

    "เจอกับตัวเอง ! มิจฉาชีพขี่มอเตอร์ไซค์มาเคาะกระจก บอกขับดี ๆ หน่อย.....ลงมาดูสิ"

    วันนี้ 23/11/57 เวลาประมาณ 14.30 น.

    ผมกับแฟนขับรถอยู่บนถ.บรรทัดทอง กำลังรถติดไฟแดงมีมอเตอร์ไซค์ ขับมาจอดตรงประตูซ้ายข้างหลังด้านคนนั่งแล้วเคาะกระจกผมกับแฟนตกใจนิดหน่อย ก็เปิดกระจกไป

    มันบอกว่า : "ขับรถระวังหน่อย เมื่อกี้ตรงสะพานอ่อนอะ บลา ๆ ๆ (ผมฟังไม่ออกมันพูดเบา)"
    แฟนผมก็ถามไป : ว่าชนโดนเหรอ ?
    มันก็ตอบ : "ก็ลงมาดูสิ"

    ทีนี้ ผมก็หันไปพอเห็นหน้ามัน ปุ๊บ!!

    สมองนี่ประมวลผลในเสี้ยววิ เฮ้ย ๆ ๆ นี่มันคุ้น ๆ อาการเหมือนเดจาวู จำได้ขึ้นมาว่ามันคือมิจฉาชีพที่เคยอ่านเจอนี่หว่า

    ผมงี้ยืนขึ้นเลย 555+ ไม่ใช่ละ

    ผมบอกมัน : "หน้าพี่มันเต็มอินเทอร์เน็ตหมดละ เลิกเหอะ"

    5555+ ได้ผล ! มัน.....สตั๊นท์ไป 3 วิ

    ทีนี้ผมก็พูดไปว่า : ถ้าคิดว่าจะเอา... เดี๋ยวขับตามไปที่ สน.ตำรวจ เลยนะ แต่รถมันก็ยังติดอยู่และรถมันก็ไปต่อไม่ได้เหมือนกัน

    ผมเลยบอกต่อว่า : ไม่ต้องละ ข้างหน้ามีป้อมตำรวจขับตามมาเลยดีกว่า

    ทีนี้มันบอก : "ให้มันแล้วไปเถอะ"

    สรุป ก็ลาจากกันแบบฮา ๆ เพราะหน้ามันเจื่อนได้ใจจริง ๆ ครับ

    แฟนผมจากที่ตกใจเรื่องมัน กลายเป็นฮาและบอกว่าที่น่าตกใจ คือ "เธอจำได้ไง" 55555+

    ดูหน้าไว้นะครับ คนเดียวกันกับที่แปะลิงก์ให้เลยครับ มันทำเป็นอาชีพชัวร์ facebook.com/ShowPix

    อยากจะเตือน คนที่อยู่แถว ๆ ปทุมวัน คลองเตย พระราม 4 เพราะคนคน นี้ เท่าที่ผมค้นหารูปทางกูเกิลดู ก็พบว่า มีคนเจอกรณีเดียวกันเลย คือ อ้างว่าโดนทับเท้า บาดเจ็บ จะรีบไปรับลูกและให้ลงมาดูเท้ามันซึ่งจะทาอะไรดำ ๆ เอาไว้

    และนี่คือ ภาพที่ผมเคยเห็นในอินเทอร์เน็ตและดันฟลุคจำได้ขึ้นมาครับ

    "ระวังผู้ชายคนนี้ ถ้าเจอเพราะเป็นคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วเคาะกระจกบอกว่าเราเลี้ยวไปทับโดนขาเขาให้ลงมาดู อย่าลงเด็ดขาด ! เพราะผมเจอมันสองครั้งแล้ว ผมเลยบอกมันว่ามุกเดิม เดี๋ยวไปโรงพักเจอกันถ้าทับกันจริง พอเดินมาที่รถก็โดนไอแพดถ่ายเลย ผมบอกว่าถ่ายไว้แล้ว เดี๋ยวจะลงกระจายให้ทั่วกรุงเทพฯ มันหายในบัดดลฯ"

    โชคดีของคุณ J-AOB ที่สามารถจำหน้ามิจฉาชีพคนนี้ได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่จำไม่ได้ล่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงมาตัวคนเดียวแล้วเปิดประตูรถลงไปดูล่ะ อาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นก็ได้ ยังไงก็จำหน้าเอาไว้และฝากแชร์ส่งต่อกันด้วยนะคะ

    [​IMG]


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่องจุดเวนคืน 537 แห่ง ตลอดแนวก่อสร้าง รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ


    -http://money.kapook.com/view105578.html-




    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ความคืบหน้าโครงข่ายรถไฟฟ้าในประเทศไทย

    [​IMG]

    สำรวจจุดเวนคืนตลอดแนวก่อสร้าง รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต ทั้ง 16 สถานี พบเป็นที่ดิน 262 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 275 หลัง เบื้องต้นตั้งงบเวนคืนไว้กว่า 7,863 ล้าน

    วันนี้ (26 พฤศจิการยน 2557) หนังสือพิมพ์แนวหน้าออนไลน์ รายงานว่า จากมติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ได้มีการเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน และร่าง พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าจำนวน 4 สายทาง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปดำเนินการตรวจสอบสภาพและวางแผนออกแบบกิจการขนส่งต่อไปนั้น โดยในส่วนของสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) นั้น มีระยะทาง 19 กม. ประกอบด้วย 16 สถานี ซึ่งคาดว่าจะใช้ค่าจ่ายในการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 52,972 ล้านบาท และได้ตั้งงบเวนคืนเบื้องต้นไว้ประมาณ 7,863 ล้านบาท

    ทั้งนี้ หากพิจารณาในส่วนของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ดังกล่าว จะพบว่ามีการ เวนคืนทั้งหมด 537 ราย แบ่งเป็นที่ดิน 262 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 275 หลัง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในจุดขึ้นลงสถานี และศูนย์ซ่อมบำรุง โดยเริ่มต้นตั้งแต่ สถานีบีทีเอสหมอชิต เรื่อยไปตามแนว ถนนพหลโยธิน ข้ามทางยกระดับอุตราภิมุข (โทลเวย์) ผ่านห้าแยกลาดพร้าว รัชโยธิน เกษตร อนุสาวรีย์วงเวียนหลักสี่ ตลาดยิ่งเจริญ ไปจนถึง กม.ที่ 25 ก่อนเบี่ยงเข้า ถนนลำลูกกา ผ่านสถานีตำรวจคูคต และไปสิ้นสุดที่คลอง 2 โดยมีอาคารจอดแล้ว 2 แห่ง และศูนย์ซ่อมบำรุง 130 ไร่

    สำหรับสถานีทั้ง 16 แห่ง นั้นได้แก่ สถานีห้าแยกลาดพร้าว สถานีพหลโยธิน 24 สถานีรัชโยธิน สถานีเสนานิคม สถานี ม.เกษตรศาสตร์ สถานีกรมป่าไม้ สถานีบางบัว สถานีกรมทหารราบที่ 11 สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ สถานีสายหยุด สถานีสะพานใหม่ สถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ สถานีสถานี กม. 25 และสิ้นสุดที่คูคต เป็นสถานีสุดท้าย

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.naewna.com/business/132611-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทำประกันฯอะไร อย่างไรแล้วเอาไปหักภาษีได้

    -http://money.sanook.com/236009/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AF%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89/-

    การลงทุนระยะยาว หรือ การออมระยะยาวเป็นแนวทางที่รัฐบาลส่งเสริมมาโดยตลอด เพราะนอกจากเป็นหลักประกันให้กับผู้ออมในอนาคตแล้ว การมีปริมาณเงินออมในระบบมาก ทำให้ระบบโดยรวมของประเทศมีฐานเงินออมซึ่งสำคัญต่อการลงทุนของระบบเศรษฐกิจ ไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ ซึ่งมีภาระนอกจากดอกเบี้ยแล้วยังมีต้นทุนของอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

    และสำหรับการส่งเสริมการออม มาตรการสำคัญที่นำมาสนับสนุนหรือสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ออมก็คือมาตรการทางภาษี สำหรับรูปแบบการออม ที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสามารถนำเงินส่งหรือลงทุนเพื่อการออม มาใช้หักลดหย่อนภาษีในการคำนวณภาษีประจำปี นอกจากการลงทุนใน กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF แล้ว ยังมี การลงทุนในประกันภัย บางประเภทสามารถนำมาหักลดหย่อนได้อีกด้วย

    แล้วรู้หรือไม่ มีประกันภัยแบบใดบ้างที่ได้ลดหย่อนภาษี วันนี้ เราจะมาแนะนำประกันภัยที่นำมาหักลดหย่อนภาษีได้คือ

    1ค่าเบี้ยประกันชีวิตของตัวผู้มีเงินได้ ซึ่งในส่วนนี้ ผู้ออมนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท และมีเงื่อนไข คือ
    ต้องเป็น กรมธรรม์ประกันชีวิตมีกำหนดเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
    ค่าเบี้ยประกันชีวิตนี้ ต้องไม่รวมค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ
    และ กรณีเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีผลประโยชน์ตอบแทนคืน ผลประโยชน์ตอบแทนคืนนั้นจะต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี หรือเบี้ยประกันชีวิตสะสม
    ทั้งนี้ การทำประกันชีวิต ต้องเป็นของบริษัทประกันที่ประกอบกิจการในประเทศเท่านั้น

    2. ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท และมีเงื่อนไขดังนี้

    ผู้มีเงินได้ต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา มารดา
    บิดา มารดา มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท
    ถ้าผู้มีเงินได้ มิได้อยู่ในประเทศไทย บิดา มารดาต้องอยู่ในประเทศไทย
    และ กรณีผู้มีเงินได้หลายคนร่วมชำระเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา ให้เฉลี่ยหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดาตามจำนวนผู้มีเงินได้ แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท

    3. ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญของตัวผู้มีเงินได้เอง สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15ของเงินได้และต้องไม่เกิน 200,000 บาท
    และเมื่อรวมกับเงินที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน หรือค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้

    ต้องเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
    ผู้มีเงินได้ต้องได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น ทั้งนี้ ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยครบถ้วนแล้วก่อนได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญ
    ผู้มีเงินได้ได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญเป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอขณะมีชีวิตอยู่
    และ บริษัทประกันชีวิตที่ออกกรมธรรม์ต้องเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการในประเทศไทย


    [​IMG]

    [​IMG]

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ng78.png
      ng78.png
      ขนาดไฟล์:
      455.2 KB
      เปิดดู:
      385
    • ng79.png
      ng79.png
      ขนาดไฟล์:
      80.5 KB
      เปิดดู:
      388
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ในหลวงของคนไทย ช่วยกันเผยแพร่ครับ

    สารคดี My King ในหลวงของเรา
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=UIeQCaZNIGc]สารคดี My King ในหลวงของเรา - YouTube[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=UIeQCaZNIGc-


    พระราชกรณียกิจของในหลวง

    -http://www.youtube.com/watch?v=3HBwikkxngE-


    พระราชดำริในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=fUYA9-_uIc4]พระราชดำริในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม.mpg - YouTube[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=fUYA9-_uIc4-


    พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาสังคม
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=-F5fFuQecrk]พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาสังคม - YouTube[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=-F5fFuQecrk-


    สารคดี โครงการแก้มลิง
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=6GOdm4UF1YM]สารคดี โครงการแก้มลิง - YouTube[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=6GOdm4UF1YM-


    วิดีโอ พระราชกรณียกิจ ในหลวง
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=mrqJ3_t976Y]วิดีโอ พระราชกรณียกิจ ในหลวง บีบไฟล์ - YouTube[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=mrqJ3_t976Y-


    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องการบริจาคอวัยวะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • p00.jpg
      p00.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      69
    • p1.jpg
      p1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      726.8 KB
      เปิดดู:
      77
    • p2.jpg
      p2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      661 KB
      เปิดดู:
      38
    • p3.jpg
      p3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      781.3 KB
      เปิดดู:
      42
    • p4.jpg
      p4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      666.9 KB
      เปิดดู:
      38
    • p5.jpg
      p5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      807.3 KB
      เปิดดู:
      35
    • p6.jpg
      p6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      690.8 KB
      เปิดดู:
      38
    • p7.jpg
      p7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      676.9 KB
      เปิดดู:
      28
    • p8.jpg
      p8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      711.4 KB
      เปิดดู:
      31
    • p9.jpg
      p9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      645.1 KB
      เปิดดู:
      41
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องการบริจาคอวัยวะ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • p10.jpg
      p10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      628.2 KB
      เปิดดู:
      55
    • p11.jpg
      p11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      540.2 KB
      เปิดดู:
      54
    • p12.jpg
      p12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      582.5 KB
      เปิดดู:
      79
    • p13.jpg
      p13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      654.1 KB
      เปิดดู:
      73
    • p14.jpg
      p14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      602.5 KB
      เปิดดู:
      61
    • p15.jpg
      p15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      711.9 KB
      เปิดดู:
      75
    • p16.jpg
      p16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      689.1 KB
      เปิดดู:
      56
    • p17.jpg
      p17.jpg
      ขนาดไฟล์:
      703.1 KB
      เปิดดู:
      62
    • p18.jpg
      p18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      701.5 KB
      เปิดดู:
      55
    • p19.jpg
      p19.jpg
      ขนาดไฟล์:
      897.9 KB
      เปิดดู:
      34
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เปิดวิธีเด็ดๆ ไล่จับคนร้ายโกงเงินซื้อของทางอินเทอร์เน็ต

    -http://hilight.kapook.com/view/112223-





    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ ZeedTaza สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

    เปิดวิธีไล่จับคนร้ายโกงเงินซื้อของทางอินเทอร์เน็ตเด็ด ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากหรือเรื่องง่ายจนเกินไป โดยทาง คุณ ZeedTaza สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เป็นผู้นำเสนอวิธีเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ

    เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2557 ในโลกอินเทอร์เน็ตกำลังแชร์กระทู้ในเว็บไซต์พันทิป ของคุณ ZeedTaza ซึ่งเป็นการนำเสนอวิธีจับคนร้ายที่โกงการซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยวิธีที่ไม่ยากไม่ง่าย ทางเจ้าของกระทู้ได้นำเสนออยู่ 2 วิธีด้วยกัน หลังจากถูกโกงเงินซื้อสินค้า นั่นคือ ตามตัวเอง หรือไม่ก็ส่งเรื่องให้กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นผู้จัดการ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามข้อมูลด้านล่างเลยจ้า

    มาระบายประสบการณ์กันค่ะ ซื้อของทางไหน โดนใครโกงไปบ้าง....

    ช่วงนี้หลายคน ๆ ซื้อของทางเนตแล้วโดนโกงเพิ่มขึ้นเยอะมากกกกกก คิดว่าคงทำกันเป็นแก็งค์ เป็นล่ำ เป็นสันเลยมั้งค่ะปีนี้ เฮ้ออ

    จขกท. เป็นอีกคนที่พึ่งโดนโกงครั้งแรกค่ะ หลังจากที่ซื้อของงออนไลน์มา 4-5 ปีประจำ เนื่องจากมันถูกกก !! + เบื่อฝ่ารถติดออกจากบ้าน

    ขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองก่อนนะคะ เราอยากได้มือถือสำรอง เลยสั่งซื้อมือสอง จากเว็บชื่อดัง โอ้ แอ๋ว แอ๊บ 555+ เสร็จแล้ว เลยคุยตกลงซื้อขายกับผู้ขายทางไลน์ (คนขายชื่อนายอภิชัย ปxxx) จะได้มีหลักฐานเก็บไว้ ก่อนโอนได้ขอชื่อ นามสกุล บัตรประชาชน (มันให้ใบขับขี่มาแทน) เบอร์ติดต่อ bookbank+ภาพถ่าย เอาไว้

    พอเราเช็คว่าชื่อบัญชีที่โอนกับชื่อบัตรตรงกัน พอเช็คประวัติจาก google และทางเว็บว่าไม่มีประวัติเสียอะไร ก็โอนเงินไปค่ะ พอโอนเสร็จปุ๊ป ก็ตามนี้ค่ะ บอกว่าส่ง ems ให้แล้ว และ หายแวปปปปป ออกจากไลน์ไป เร็วยิ่งกว่านรกนะ


    โทรศัพท์ก็ปิดหนีไปตามระเบียบ ประกาศก็ลบไแล้วจ้า (ข้อผิดพลาดของเราจุดแรกนะคะ ใจร้อนเกินไป ในกรณีนี้ควรให้ส่งแบบ พกง. แม้มันจะปฎิเสธว่าส่งไม่เป็นค่ะ, ของเรานัดรับไม่ได้เพราะอยู่ ตจว.อะจ้ะ)

    เสร็จแล้ว เราก็รอ 2 วัน เฟิมว่าโดนโกงแน่แล้ว เราก็รวบรวมหลักฐานที่เก็บมา + หาข้อมูลมันจาก google หาให้ได้มากที่สุดนะค่ะ

    - และนี่เป็นหลักฐานอื่น ๆ ที่เราพอหาได้ เมื่อค้นข้อมูลจากพี่กู๋นะค่ะ เจอรูปถ่าย 2 ใบ แต่งงานแล้ว อายุ 31 ปี บ้านเกิดอยู่ที่อ่างทอง ลงประกาศจากลพบุรี และบัญชีปลายทางทั้ง 2 บัญชีของมันเกิดที่ กทม. ค่ะ และบุคคลที่ใช้ชื่อนี้ยังไม่มีประวัติการโกงบนเว็บ และประวัติการโกงทางคดีอื่น ๆ (อันหลังนี่เราให้พี่เราช่วยเช็ก) เด๋วเราจะมาบอกวิธีเช็กข้อมูลด้านล่างนะค่ะ

    รูปถ่ายของนายอภิชัย ปxxx ค่ะ ขออนุญาตเอาออกไปนะค่ะ อีกรูปขอไม่แฉนะค่ะ มันถ่ายกับเมียหรือกิ๊กมันค่ะ

    และต่อไปนี้.... เป็นขั้นตอนการจับคนร้ายที่เราพอรวมๆมาได้ ผิดพลาดตรงไหนไปขออภัยค่ะ ช่วย ๆ กันเสริมจะได้มีประโยชน์กับผู้อื่นกันค่ะ (หลาย ๆ คนพอรู้ว่าโดนโกง คิดว่าไงก็ตามคืนไม่ได้แน่ ๆ คิดใหม่นะคะ เพื่อน จขกท. ทำตามนี้ได้คืนมาเยอะค่ะ)

    1. ตามสืบเอง หรือ

    2. รวบรวมข้อมูลส่งให้ กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กทม.

    มาเริ่มที่ข้อแรกค่ะ ตามสืบเอง ฉบับรวบรัด (ขอบคุณข้อมูลจาก pantip วิธีพี่ช่วยได้มาก ๆ เลย)

    1. เริ่มสงสัยติดต่อไม่ได้ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า ผ่านไป 1-2 วันยังติดต่อไม่ได้ งานเข้าแน่ ๆ

    2. พอแน่ใจแล้วว่างานเข้า รีบไปแจ้งความแล้วส่งใบแจ้งความ แนบกับกระทู้ที่โดนโกงส่งให้ Admin ขอเลข IP ก่อนเลยนะคะ ขั้นตอนนี้ต้องทำก่อนเลย

    3.นำเลข Ip ตรวจสอบว่าเป็นผู้ให้บริการ ที่ไหน เช่น TOT TT&T เป็นต้น เช็กได้จาก เน็ตเลยค่ะ ไม่ยาก ๆ

    4.ทราบแล้วว่าเป็นโทรศัพท์เป็นของใคร TOT/TT&T ให้ไปแจ้งขอเบอร์บ้านด่วน โดยนำใบแจ้งความเบิกทางให้เราทั้งหมด

    5.ได้เบอร์บ้านมา และที่อยู่มันก็ไม่ยากแล้วค่ะ แค่นี้ก็น่าจะเห็นแวว คนร้ายแล้ว (ตรงนี้อาจจะขอให้ตำรวจช่วยค้นที่อยู่ หรือ ลองเสริจที่อยู่จาก google จากเบอร์โทรศัพท์ หรือจาก yellow page ก็ได้ค่ะ) (พอได้ที่อยู่มาแล้ว ก็ลากเพื่อนไปรุมกระทืบเลยค่ะ!!)

    อีกนิด

    - เราสามารถสืบจากเลขที่บัญชีว่าเป็นของใคร โดยโทรไปที่ call center ธนาคาร แจ้งเลขที่บัญชี ก็รู้สาขาที่เปิดบัญชี ได้แล้วค่ะ

    - ถ้าเรามีเลขบัตรประชาชน ให้ไปเวปนี้ค่ะ เราจะรู้ว่ามันเป็นคนจังหวัดอะไร ตรวจสอบเลขบัตรประชาชน

    - ค้นหาบุคคล : ใช้ค้นหาชื่อ หาญาติ หาเบอร์ ได้หมดค่ะ

    - ในระหว่างรอ อาจจะโทรไปหาญาติเค้าที่เราได้เบอร์มา ถามว่ารู้จักคนชื่อนี้ ๆๆ มั้ย แล้วเล่าเหตุการณ์ไปคุยกับเค้าดี ๆ เผื่อเค้าจะพอรู้จักบ้างค่ะ

    วิธีที่ 2 รวบรวมข้อมูลส่งให้ กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กทม.จัดการ

    [​IMG]



    1. พิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดที่โดนโกง ตามนี้เพื่อไปยื่นกับ สน.ท้องที่ (ไม่งั้นคุณจะใช้เวลานานมากค่ะ ถ้าไปปากเปล่า)

    2. เตรียมหลักฐานการโอนเงิน , เลขบัญชีที่ท่านโอนเงินไป , หลักฐานการติดต่อระหว่างคุณกับมิจฉาชีพ เช่น e-mail, เบอร์โทรศัพท์ หรือหมายเลขพัสดุ

    3. แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ท้องที่ที่คุณไปโอนเงิน ว่า "ถูกฉ้อโกง" เพื่อลงบันทึกประจำวัน และออกใบแจ้งความเพื่อดำเนินคดี

    4. นำใบแจ้งความ, หลักฐานการโอนเงิน และ สำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียหาย ข้อมูลผู้ขาย ส่งทาง admin เวปเพื่อขอ ip address

    5. กรอกแบบฟอร์มดำเนินดีของกองปราบ ตามนี้ (save และเอาไปปริ้นเองนะค่ะ)

    6. นำเอกสารข้อ 2-5 ส่งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี)

    ที่อยู่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
    ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคาร B ชั้น 4 ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. 10210

    คำแนะนำ : ต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า "ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีจน กว่าคดีจะถึงที่สุด" ส่งเป็นแบบตอบรับนะค่ะ จะได้รู้ว่าถึงแล้ว ซัก 2-3 วันโทรเข้าไปเฟิมกับเจ้าหน้าที่ถึงเคสที่เราส่งไปอีกทีค่ะ

    อย่างที่หลายคนพูด เรื่องเหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่าย แต่มีเพื่อน จขกท. ทำตามขั้นตอนนี้แล้วได้คืนก็มีค่ะ ไม่ใช่ไม่มีเลย เราเลยพอเอาแนวทางมาแบ่งปันบ้าง

    ตอนนี้ จขกท.ได้ที่อยู่มาแล้ว กำลังส่งให้คุณตำรวจดำเนินการต่อไป ซึ่งในเคสนี้ เป็นไปได้ว่า นายอภิชัย ปxxx อาจเป็นแค่หน้าม้า เป็นแก็ง หรือป็นคนร้าย แต่ก็มีความผิดค่ะ เพราะชื่อบัญชีกับชื่อในบัตรประชาชนที่เราโอนไปเป็นคนเดียวกัน เมื่อเราสาวตัวถึงนายอภิชัย ปxxx ได้ อาจพบเบาะแสในการตามตัวต่อไป ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

    ท่านไหนที่โดนโกงแล้วจับคนร้ายได้แล้วบ้างค่ะ อยากให้เอาข้อมูลมาช่วย ๆ กันแชร์เผื่อเพื่อนๆคนอื่นที่กำลังเจอปัญหานี้เหมือน ๆ กันค่ะ

    ปล.หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะค่ะ จขกท.ไม่ได้เก่งอะไร พอเล่นอินเทอร์เน็ตเป็นบ้าง ก็พอหาข้อมูลรวม ๆ บ้างไปตามประสา ข้อมูลบางส่วนรวบรวมที่หาได้จาก pantip และที่อื่น ๆ มานะคะ ขอขอบคุณผู้ที่แนะแนวทางให้ก่อนหน้า มีประโยชน์จริง ๆ ค่ะ มีตรงไหนผิดไปก็ขออภัยค่ะ

    ขออนุญาตแทกห้องแป้งนะค่ะ เข้าไปอ่านบ่อยเผื่อมีประโยชน์จ้า

    ปล. ถ้า tag ผิดห้องไปบ้าง ต้องขออภัยนะคะ

    -----------------------------------------

    Update... 1 ธ.ค. 57

    ไม่คิดว่าหลังจากพิมพ์ออกไปไม่นานจะมีคนเข้ามาอ่านและแชร์เยอะขนาดนี้ แหะ แหะ.... มาเห็นอีกที เฟสแม่ จขกท. ก็มีอะ....อร้ายยยยย ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะคะ และขอให้หลายคนที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ตามจับคนร้ายให้ได้ค่ะ

    เมื่อสักครู่ มีคนหลังไมค์มาเยอะเลยค่ะ ว่าโดนนายอภิชัย ปxx หลอกมาเหมือนกัน

    บางรายก็บอกว่าเป็นนายอภิชัยตัวจริงให้เราลบทู้ออก แปลกนะค่ะมีนายอภิชัย ปxxx ทักมาหลาย account เลย...คนเราไม่น่าจะกลายร่างได้เร็วขนาดนั้นนะคะ เอาไงดีค่ะ นักสืบ pantip ช่วยหน่อย....

    ปีนี้หลายคนคงโดนกันเยอะจริง ๆ จำได้ว่าตอน จขกท. นั่งแจ้งความอยู่ ยังมีน้อง ๆ เด็ก ๆ หลายคนรอคิวแจ้งความอยู่ด้านหลัง ร้องไห้บ้างก็มี

    กระทู้นี้อาจช่วยได้บ้าง ไม่ได้บ้างอย่างไร แต่เราคิดว่าอย่างน้อยก็พอเป็นแนวทางในการสืบนะค่ะ แต่ที่ดีที่สุดคือการป้องกันหรือแก้ที่ต้นเหตุค่ะ

    ตอนแรก จขกท. จะเอารูปคนขายมาใส่เพิ่ม หลังจากที่ตอนแรกลบหน้าออกไป คิดว่า ลงแล้วคงต้องลงให้ถึงที่สุด เนอะ ไง รอก่อนแล้วกัน'

    ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีเบื้องต้นที่ทางเจ้าของกระทู้ได้นำเสนอมา ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยสำหรับคนที่ชอบซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cheat01.jpg
      cheat01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      135.2 KB
      เปิดดู:
      44
    • cheat02.jpg
      cheat02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      134.6 KB
      เปิดดู:
      37
    • cheat03.jpg
      cheat03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.6 KB
      เปิดดู:
      181
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. tawatd

    tawatd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +2,020
    สวัสดีปีใหม่(ล่วงหน้า)ครับ ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้าทุกท่าน
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กางรายละเอียด แก้กฎหมายค้ำประกัน ใครได้ ใครเสีย

    -http://money.kapook.com/view106264.html-


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    รัฐบาลเตรียมแก้ไขกฎหมายค้ำประกัน หวังปลดล็อกคนค้ำประกัน เชื่อการแก้ไขกฎหมายใหม่ไม่กระทบต่อภาคธุรกิจโดยรวม

    วันที่ 3 ธันวาคม 2557 นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่20) พ.ศ. 2557 ว่าด้วยการลดภาระของผู้ค้ำประกัน ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไป ว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวจะออกมาเพื่อคุ้มครองสิทธิและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ค้ำประกันและผู้จำนอง เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ค้ำประกันไม่มีอำนาจต่อรองกับเจ้าหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบอาชีพให้กู้ยืม ทำให้ทุกครั้งที่เกิดปัญหาผู้ค้ำประกันจำต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกับตัวลูกหนี้ และยังพบว่าผู้ค้ำประกันบางรายต้องถูกฟ้องร้องถึงขั้นล้มละลายอีกด้วย

    นางนฤมล กล่าวต่อว่า เชื่อว่าการแก้ไขกฎหมายใหม่ครั้งนี้จะช่วยสร้างวินัยให้กับตัวลูกหนี้ด้วย ขณะที่สถาบันการเงินที่เป็นผู้ปล่อยกู้หรือปล่อยสินเชื่อก็ต้องมีความรอบคอบในการประเมินความเสี่ยงมากขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่มีธนาคารบางแห่งออกมาระบุว่า การแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ทำให้การขอกู้หรือปล่อยสินเชื่อยากขึ้นจึงไม่เป็นความจริง

    ด้านนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการกรรมการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า การจะแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฉบับนี้ จำเป็นต้องพิจารณาว่าผลกระทบเกิดขึ้นกับฝ่ายใดบ้าง ถ้ากระทบสถาบันการเงินเพียงอย่างเดียวนั้น ต้องลองกับไปย้อนดูก่อนว่า ที่ผ่านมาสถาบันการเงินก็มีการทำบัตรเครดิต โดยที่ไม่มีผู้ค้ำประกัน เหตุใดจึงสามารถทำได้ ส่วนข้อเสนอที่จะขอเปลี่ยนสถานะผู้ค้ำประกันให้เป็นผู้กู้ร่วมนั้น คงต้องดูกันว่าในทางปฏิบัติผู้ค้ำประกันจะเต็มใจเปลี่ยนสถานะเป็นผู้กู้ร่วมหรือไม่

    และในส่วนที่ภาคธนาคารออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ ตนมองว่าสิ่งที่ออกมาเรียกร้องนั้นเป็นปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้น อีกทั้งการแก้ไขกฎหมายใหม่ ก็มีสาระสำคัญ เพื่อเป็นการคืนความเป็นธรรมให้กับผู้ค้ำประกันเท่านั้น จึงไม่น่าจะมีผลกระทบต่อสถาบันการเงิน

    ขณะที่นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สิ่งที่สร้างความกังวลให้กับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้ คือ ประเด็นในเรื่องของการค้ำประกัน และผลกระทบในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งในเรื่องนี้หากมีการแก้ไขกฎหมายใหม่จริง ก็ไม่น่าจะกระทบต่อภาคธุรกิจโดยรวม เพียงแต่ธนาคารและสถาบันการเงินต้องปรับตัว เพื่อรองรับกับกฎหมายใหม่ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ให้ได้เท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า กฎหมายฉบับนี้อาจส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งกระทรวงการคลังในฐานะผู้ค้ำประกันให้กับรัฐวิสาหกิจ การค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อมที่ค้ำประกันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ได้สินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่ธนาคารพาณิชย์ในฐานะค้ำประกันให้กับเอกชนก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน และได้รายงานให้รองนายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว โดยหลังจากนี้จะมีแนวทางแก้ปัญหาคือให้แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฉบับนี้อีกครั้ง

    สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายว่าด้วยการลดภาระผู้ค้ำประกันนั้น อาทิ

    การให้ผู้ค้ำประกันรับผิดชอบเฉพาะหนี้ที่ระบุไว้

    เจ้าหนี้ไม่ส่งหนังสือแจ้งผู้ค้ำประกันพ้นผิด

    ผู้ค้ำประกันสามารถรับผิดชอบเฉพาะส่วนได้ เป็นต้น

    และในส่วนของสาระสำคัญของกฎหมายว่าด้วยการลดภาระผู้ค้ำประกันที่ธนาคารพาณิชย์ต้องการให้แก้ไขเพิ่มเติม อาทิ

    ผู้ค้ำประกันเป็นผู้กู้ร่วม

    การใช้สิทธิ์เกี่ยงในการรับผิดชอบหนี้ คือ ต้องติดตามทวงหนี้จากลูกหนี้ ให้หมดก่อนจึงจะสามารถติดตามจากผู้ค้ำประกันได้ เป็นต้น


    -http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/108289/%E0%B8%81%E0%B8%A1-%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2.html-

    กม.ค้ำประกันใครได้-ใครเสีย ข่าวสังคม - ครอบครัวข่าว3
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]




    ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า
    ชมรมพระวังหน้าและสมาชิก
    สมาชิกไลน์พระวังหน้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9-1.png
      9-1.png
      ขนาดไฟล์:
      500.5 KB
      เปิดดู:
      108
    • 9-2.png
      9-2.png
      ขนาดไฟล์:
      520 KB
      เปิดดู:
      119
    • 9-3.png
      9-3.png
      ขนาดไฟล์:
      278.1 KB
      เปิดดู:
      119
    • 9-4.png
      9-4.png
      ขนาดไฟล์:
      320.1 KB
      เปิดดู:
      118
    • 9-5.png
      9-5.png
      ขนาดไฟล์:
      495.4 KB
      เปิดดู:
      121
    • 9-6.png
      9-6.png
      ขนาดไฟล์:
      324.1 KB
      เปิดดู:
      102
    • 9-7.png
      9-7.png
      ขนาดไฟล์:
      450.1 KB
      เปิดดู:
      120
    • 9-8.png
      9-8.png
      ขนาดไฟล์:
      83.4 KB
      เปิดดู:
      142
    • r9 05122557.png
      r9 05122557.png
      ขนาดไฟล์:
      700.5 KB
      เปิดดู:
      437
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [​IMG]

    [​IMG]




    ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า
    ชมรมพระวังหน้าและสมาชิก
    สมาชิกไลน์พระวังหน้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    'ในหลวง' ทรงสอน 'พุทธศาสนานี้ ปฏิบัติที่ไหน ปฏิบัติอย่างไร'
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 ธันวาคม 2550 16:04 น.
    -http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9500000146355-

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาปสาทะอันแน่วแน่มั่นคงในบวรพุทธศาสนา โดยได้เสด็จออกทรงพระผนวช ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม-5 พฤศจิกายน พ.ศ.2499 ในระหว่างนั้นได้ทรง ศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ดังที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงเล่าถึงพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะทรงพระผนวชว่า

    “...พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะได้ทรงพระผนวชตามราชประเพณีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นหามิได้ แต่ทรงพระผนวชด้วยพระราชศรัทธาที่ตั้งมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง มิได้เป็นบุคคลจำพวกที่เรียกว่า “หัวใหม่” ไม่เห็นศาสนาเป็นสำคัญ แต่ได้ทรงเห็นคุณค่าของพระศาสนา ฉะนั้น ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาสามัญก็กล่าวได้ว่า “บวชด้วยศรัทธา” เพราะทรงผนวชด้วยพระราชศรัทธา ประกอบด้วยพระปัญญา และได้ทรงปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด...”

    และสมเด็จพระสังฆราช ยังได้ทรงกล่าวถึงพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในทางพุทธศาสนา ว่า

    “...ในด้านหน้าที่ราชการนั้น ก็ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางพระพุทธศาสนา ตามราชประเพณีโดยมิได้ขาดตกบกพร่อง เช่น พระราชกรณียกิจเนื่องในเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนา พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ในการบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และในหัวเมือง พระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์แด่พระสงฆ์ในการเอื้ออำนวยแก่การปกครองคณะสงฆ์และเชิดชูผู้ทรงศีลทรงธรรมให้เป็นที่ปรากฏ ตลอดถึงพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ การสั่งสอนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    ในด้านที่เป็นการส่วนพระองค์นั้น ก็ทรงปฏิบัติพระองค์ยึดมั่นอยู่ในคุณธรรมของพระพุทธศาสนา มีราชธรรม เป็นต้นดังกล่าวแล้ว ทรงศึกษาพระพุทธศาสนา และทรงนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นการส่วนพระองค์ในโอกาสต่างๆ และบำรุงพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นจำนวนมากมิได้ขาด...”

    นอกจากการทรงสนทนาธรรมกับสมเด็จพระสังฆราช แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนและสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ ฝ่ายวิปัสสนาธุระหลายรูป อาทิ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) วัดราชผาติการาม กทม., หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร, หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู, หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์, หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย, หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ จ.เลย, หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา, พระอาจารย์แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร, หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี, หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง, หลวงปู่สิม พุทฺธ-จาโร วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่, หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน, หลวงปู่หลุยส์ จันทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง จ.เลย, หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี, พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม จ.สกลนคร, หลวงปู่นำ ชินวโร วัดดอนศาลา จ.พัทลุง, หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี, หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ฯลฯ

    พระองค์ทรงรอบรู้ธรรมะอย่างแตกฉาน ลุ่มลึก ทรงบำเพ็ญสมาธิวิปัสสนาภาวนาอย่างสม่ำเสมอ ดังพระราชดำรัสในโอกาสที่คณะผู้แทนพุทธสมาคมทั่วประเทศเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิตาลัย วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2523 ซึ่งมีความบางตอนที่ได้ทรงอรรถาธิบายถึงเรื่องการปฏิบัติในพุทธศาสนา ดังนี้

    “...เนื่องจากที่ได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายหวังในบารมี ให้ปกเกล้าบ้านเมืองนั้น ก็เป็นอย่างหนึ่งที่น่าคิด เพราะว่า บ้านเมือง ประกอบด้วยบุคคล และแต่ละบุคคล จะต้องทำ ด้วยตนเอง ตามหลักของพระพุทธศาสนา แต่ละคนจะต้องการอะไร ก็ต้องการความสุขคือความสงบ และความ สุขและความสงบนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยตนเอง ฉะนั้น ที่จะให้คนอื่นมาปกป้องรักษา ก็เป็นสิ่งที่ยากถ้าตัวเองไม่ทำ อันนี้เป็นข้อที่สำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา แต่การที่จะอาศัยคนอื่น ก็อาศัยได้ โดยดูผู้อื่นที่ปฏิบัติดีชอบ และคอย ฟังสิ่งที่ผู้อื่นที่เราเห็นว่าปฏิบัติดีชอบได้พูดได้แนะนำ ดังนี้ ก็เป็นสิ่งที่อาศัยผู้อื่นได้ ฉะนั้น ก็จะต้องมีการพิจารณาของ ตัวเองว่า ผู้ที่น่าที่จะดูการปฏิบัติ หรือฟังข้อแนะนำ ในการปฏิบัติและทำตาม อันนี้ เป็นสิ่งที่ช่วยให้บุคคล ได้บรรลุถึงความสำเร็จความสุขได้...

    การปฏิบัติเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เริ่มสนใจก็เริ่มทำได้แล้ว

    มาถึงปัญหาของพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งลำบากที่สุด ที่จะเห็นพระพุทธศาสนา และที่จะเห็นประโยชน์ของพระพุทธศาสนา เพราะแต่ละคนก็มีกายและใจของตัว แต่ละคนมีความรู้ หรือปฏิปทาของตัว แล้วแต่ภูมิแต่ขั้น การที่จะปฏิบัติตามพระพุทธศาสนานั้น ย่อมจะเป็นแล้วแต่บุคคล แล้วแต่สภาพของตัว ฐานะนี้ไม่ได้หมายถึงฐานะทางการเงินการทอง หรือความเป็นอยู่ แต่หมายถึง ฐานะของจิตของแต่ละคน ฉะนั้น ถ้าว่าไป พุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ลุ่มลึก ที่ลำบากที่จะสั่งสอน หรือที่จะเรียน เพราะว่า แต่ละคนจะต้องทำตามฐานะของตัว หรือจะว่าได้ว่าพุทธศาสนามีหลายชนิด แต่ละคนก็มีพุทธศาสนาของตัว ฉะนั้น การที่จะสั่งสอน การที่จะชี้แจง การที่จะฟัง การที่จะเรียนพุทธศาสนานั้น จะต้องพยายามที่จะทำด้วยตนเอง

    ...การปฏิบัตินั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยมากพูดถึง ปฏิบัติก็กลัวกัน เพราะว่าปฏิบัตินั้นมีวิธีต่างๆ แล้วก็โดยมากวิธีต่างๆ นั้น บรรยายกันมาว่า ต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องทรมาน ต้องเหนื่อย ต้องเสียเวลามาก ไม่สามารถที่จะปลีกตัวออกมาปฏิบัติ

    ความจริงปฏิบัติพระพุทธศาสนาตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ใช่ของยาก แต่ละคนทำได้ทั้งนั้น แต่ว่าก็จะต้องมีความตั้งใจ

    เมื่อเราอยากที่จะปฏิบัติธรรม มีความอยากแล้วก็หมายความว่าเรายินดี เราอยากที่จะปฏิบัติ มีข้อนี้เป็นต้น ถ้าเราสนใจพระพุทธศาสนา และปฏิบัติธรรมของพระพุทธศาสนา เริ่มสนใจก็เริ่มทำได้แล้ว เพราะว่าคนเราไม่อยากปฏิบัติ ขี้เกียจปฏิบัติ หรือไม่คิดอ่านที่จะปฏิบัติ ก็ย่อมไม่ได้ปฏิบัติ เมื่อไม่ได้ปฏิบัติแล้วความมืดก็ครอบคลุม เพราะว่าไม่ได้เปิดไฟ

    ทรงเปรียบการปฏิบัติเหมือนการเปิดไฟเมื่อไฟสว่างก็พอใจสบายใจ เรียกว่า “ฉันทะ”

    แต่ถ้าเราอยากขึ้นมา อยากและก็เห็นว่าศาสนานี้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ก็ย่อมเป็นการเปิดไฟ แม้จะริบหรี่ก็เป็นความสว่างให้เห็น อย่างเช่น เราเข้าไปในห้องที่มืดแล้ว เราก็ไม่รู้จักห้องนั้น ไม่ทราบว่าสวิทช์ไฟอยู่ที่ไหน เรามีไฟฉาย แล้วก็เปิดไฟฉายอันริบหรี่นั้น หรือไม้ขีดไฟที่เป็นแสงสว่าง ไปหาสวิทช์ไฟ ถ้าเราไม่ไปหาสวิทช์ไฟ เราก็ไม่สามารถที่จะเปิดไฟที่อยู่ในห้องนั้น คือ มีหลอดไฟ มีสายไฟ มีสวิทช์ครบถ้วนในห้องนั้น เราไม่สามารถจะพบนอกจากบังเอิญ โดยบังเอิญเราไปแตะสวิทช์ไฟแล้วก็เปิดขึ้นมา แต่ว่าโดยมากก็ต้องทำ

    เมื่อหาได้แล้วด้วยไฟริบหรี่เรามีอยู่กับตัว ก็สามารถไป เปิดไฟได้ ไฟริบหรี่นี้คือ การสนใจเบื้องต้น เมื่อเราไปเปิดไฟได้แล้วก็จะสว่างขึ้นมา มันสว่าง ไฟที่อยู่ในห้องนั้นอาจจะไม่สว่างเต็มที่ อาจจะมีหลายแห่ง ก็เปิดไฟอันนั้น ก็มีความ ปีติยินดีแล้ว ก็เป็นอันว่า เราพอใจในการปฏิบัติเช่นนั้น คือเปิดสวิทช์ไฟมันมีความสว่างดี เปิดสว่างดีก็ย่อมมีความพอใจสบายใจ มีความร่าเริงใจ ความร่าเริงใจนี้ ความสบายใจเบื้องต้นนี้ เป็นปัจจัยสำคัญของการปฏิบัติพุทธ-ศาสนา ท่านเรียกว่า “ฉันทะ” คือ ความพอใจในการปฏิบัติ มีความพอใจในการค้นคว้า

    ความเพียร ความอดทน ความเอาใจใส่ และทบทวน ทำให้การปฏิบัติก้าวหน้า

    เมื่อมีความพอใจในการค้นคว้า เราก็ต้องค้นคว้าต่อไป ไม่ใช่พอใจเพียงแค่นั้น เพราะว่าความสว่าง ความดี ความสุข ความพอใจในการปฏิบัตินั้น ยังมีอีกมาก ก็ต้องเพียรที่จะปฏิบัติงานของพุทธศาสนา อันนี้ก็จะต้องมี “วิริยะ”

    วิริยะ สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อเริ่มต้นแล้วต้องมีวิริยะ หมายความว่า ต้องเพียร ต้องมีความขยัน “วิริยะ” นี้คู่กับ “ขันติ” คือ ความอดทน บางทีเวลาเราทำงานอะไรก็ตาม ในทางโลกทางธรรมเราทำงานแล้วเหนื่อย เมื่อเหนื่อยก็ต้องมีความอดทนในความเหนื่อยนั้น ก็ต้องมีความเพียรที่จะปฏิบัติต่อไป ฉะนั้น พูดไปก็ต้องเห็นว่า ความเพียร กับ ความอดทน นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้งานใดๆ บรรลุผลได้ เมื่อมีความเพียรมีความอดทนแล้ว สิ่งอื่นก็มา แต่ในความเพียร ในความอดทนนี้ ก็ต้องมีการเอาใจใส่ เอาใจใส่นั้นคือ ติดตามอยู่ตลอดเวลาว่า งานของเราไปถึงไหน แล้วก็ไม่ควรจะเผลอ ต้องให้มีการดูติดตามไม่ฟุ้งซ่าน

    เมื่อปฏิบัติเช่นนั้นก็ยิ่งก้าวหน้าไปใหญ่ งานต่างๆ ก็จะมีความสำเร็จได้ ไม่ใช่งานทางพุทธศาสนาเท่านั้น งานอื่นๆ งานใดในโลก งานในหน้าที่ หรืองานในทางส่วนตัว งานทุกอย่างนั้น จะก้าวหน้าไปได้โดยดี จะไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะว่าราบรื่นได้ เพราะว่าแม้จะมีอุปสรรค อุปสรรคเหล่านั้นไม่ใช่อุปสรรคที่จะข้ามไม่ได้ ถ้ามีความเพียรความอดทนความเอาใจใส่

    การปฏิบัติงานจะต้องทบทวนอยู่เสมอ ดูให้ชัดว่างานที่เราทำไปมันไปถึงไหน งานนั้นไปในทางที่ถูกต้อง หรือไม่ เพราะบางทีถ้ามีความอดทน มีความเพียร และมีความเอาใจใส่ อาจจะเอาใจใส่อย่างไม่ถูกต้องนัก คือ เช่นเดียวกับการเดินทางไปที่ไหน สมัยนี้ต้องแล่นรถ เราก็แล่นรถไปตามทาง มีทางแยกไหน เราก็เห็นว่าทางนี้ถูกต้องแล้ว แต่ว่าแท้จริงเราเลี้ยวผิด อาจจะเป็นได้ เพราะว่าดูทางเป็นเช่นนั้น ก็จะต้องทบทวนอยู่ว่าทางนั้นถูกต้องหรือไม่

    ...ที่กล่าวมานี้ ก็เป็นทางที่จะให้ได้ปฏิบัติงานของธรรม หรือปฏิบัติพุทธศาสนาในทางที่เรียกว่า “ปฏิบัติ” เริ่มต้นตรงนี้อย่างนี้ และที่ว่านี้ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับการปฏิบัติงานทุกอย่าง ไม่ใช่งานของการปฏิบัติธรรม เป็นประโยชน์สำหรับการปฏิบัติงานของตัว ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งผู้หญิง ทั้งผู้ชาย มีประโยชน์ทั้งนั้น ใครมีหน้าที่อะไร มีงานอะไร ถ้าทำตามหลักนี้ ก็มีความสำเร็จแน่ๆ บอกว่าแน่ ไม่ใช่อาจจะ เป็นสิ่งที่แน่ เพราะว่า จิตใจของเราจะได้ปฏิบัติในทางที่ถูก

    เริ่มต้นปฏิบัติด้วยการ “ดูใจ” เพื่อให้เกิดความสงบคือสมาธิ

    คราวนี้ก็ยังไม่ได้พูดถึงว่า พุทธศาสนานี้ ปฏิบัติที่ไหน ปฏิบัติอย่างไร เพราะว่าคนที่ศึกษาพระพุทธศาสนา หรือมาตั้งเป็นพุทธสมาคม หรือเป็นกลุ่มศึกษาพุทธศาสนา บางทีก็ยังไม่ทราบว่า การปฏิบัตินั้นเริ่มที่ไหน เพราะที่พูดถึงวิธีการที่จะปฏิบัติได้นั้น ก็ไม่ได้บอกว่าเริ่มปฏิบัติตรงไหน นอกจากมาเปรียบเทียบ ว่า เข้าไปหาสวิทช์ไฟ เพื่อจะเปิดให้ความสว่าง และเมื่อมีความสว่างแล้ว ก็ดูทางได้ และไปดูทางที่จะทำให้สว่างยิ่งขึ้น และสวิทช์ไฟนั้นอยู่ที่ไหน คือ สวิทช์ไฟนั้น เราเอาแสงไฟเท่าที่ริบหรี่นั้นไปฉาย แล้วก็ไปเปิด สวิทช์ไฟ สวิทช์ไฟนี้คืออะไร เพราะว่า ท่านพูดอยู่เสมอว่า พระพุทธศาสนานั้น เมื่อได้ปัญญาก็มีความสว่าง เมื่อปฏิบัติธรรมก็ได้ปัญญา ได้แสงสว่าง ปัญญานั้นก็ดูจะเป็นสวิทช์ไฟ

    แต่ถ้าดูๆ ไป ปัญญานี้ปัญญาอะไร ก็ปัญญาในธรรมนี้ ปัญญาในธรรมไม่ใช่สวิทช์ไฟนั้นจะพบอย่างไร แต่การที่จะบอกว่า สวิทช์ไฟคืออะไรนั้น ก็คือใจเรา ใจหรือจิต จิตหรือใจก็ได้ แล้วบางทีท่านก็เรียกว่าจิต บางท่านก็เรียกว่าใจ บางท่านก็บอกว่าจิตคือใจ บางท่านก็บอกว่าใจคือจิต บางท่านก็บอกว่าจิตไม่ใช่ใจ หรือบางท่านก็บอกว่าจิตคือเป็นอาการของใจ อาการของใจนี้แปลว่าอะไร ใจเป็นสิ่งที่เรามีทุกคน เป็นสิ่งที่เรา ไม่เห็น เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น แต่ว่าใจนี้จะเป็นผู้บงการการกระทำของเราทั้งหลาย จึงต้องพยายามดู แต่ถ้าใจนี้เราไม่ดูก็ไม่เห็น ถ้าดูด้วยตา ด้วยตาที่มองดูภูมิประเทศดูใครต่อใครนั้น ดูตึกดูอาคารนั้น ตานั้นจะไม่เห็น ท่านก็เรียกว่าตาใจ คือความรู้ ตาใจนั้นก็คือ เป็นสิ่งที่จะใช้สำหรับได้ปัญญา ได้เห็นแสงสว่าง ปัญญา

    คราวนี้เราก็เจอแล้วว่า ส่วนหนึ่งของสวิทช์ไฟ หรือส่วนหนึ่งของกลไก ที่จะทำให้มีความสว่างคือใจ ใจนี้เมื่ออยากทราบ ก็จะต้องปฏิบัติหลายอย่าง ตอนแรกเราจะไม่สนใจ เพราะว่า เมื่อเราดูไป เราก็เกิดความฟุ้งซ่าน เราเกิดความรู้สึกโลภ รู้สึกอาจจะโกรธด้วยซ้ำ จึงทำให้มีสิ่งที่มาปิดคือ ปิดในสิ่งที่ท่านเรียกว่า โมหะ คือความโง่ ความไม่รู้ หรือรู้ไม่จริง มันปิดบังใจ และปิดบังความจริง ฉะนั้น จะต้องหาทางที่จะเปิด เปิดม่านนั้น เมื่อเปิดม่านนั้น ก็จะต้องพยายามที่จะทำให้ใจนี้สงบ อันนี้ก็มาถึงเรียกว่า สมถะ หรือ สมาธิ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้น่ากลัวเท่าที่ว่า บางคนก็บอกว่า การนั่งสมาธินี้ ระวังดีๆ อาจจะเป็นบ้าก็ได้ อาจจะแย่ ลำบาก ไม่มีทางที่จะทำ น่ากลัว แต่ว่าสมาธินี้ก็ต้องเริ่มอย่างเบาๆก่อน คือว่าจะต้องมีความตั้งใจ ให้จิตใจนี้ไม่ไปเกาะเกี่ยวกับอะไรก็ตาม หมายความว่า จะต้องเริ่มต้นด้วยการปัดกวาดสิ่งที่เป็นม่าน หรือจะเป็นสิ่งที่คลุม ไม่ทำให้สงบได้ ไม่ทำให้เกิดความนิ่งแน่ได้

    การที่จะให้เกิดความสงบคือสมาธินี้ จึงต้องพยายามดูให้เห็นว่า อะไรมาปิดบัง เมื่อถอนสิ่งที่ปิดบังนั้น ทันใดก็ได้สมาธิ โดยมากเราจะทำอะไร เราก็คิดถึงอะไรสารพัดไม่แน่ คือหมายความว่า เราไปติดเรื่องอื่น อย่างสมมติว่าเราจะเดินไปไหน ถ้าสมมติว่าเราลุกขึ้นยืน แล้วก็เราอยากออกจากห้องโถงนี้ เราไม่เห็นประตู เราไม่เห็นอะไร เราจะต้องถอนสิ่งที่อยู่ข้างหน้าตาเราก่อน หันไปในทางที่จะเป็นสิ่งที่เหมาะสม ในการกระทำคือ ประตู สมมติว่าเราดูฝาผนัง หรือดูม่าน หรือดูเพดาน สิ่งเหล่านั้นมันปิดบัง มันไม่เห็นประตู เราก็จะต้องเอาจิตใจของเรา เอาออกไปจากฝาผนัง หรือออกจากเพดาน หรือออกจากม่าน เอาไป ไว้ที่ประตู หมายความว่า ขั้นแรกเราต้องการประตู เราก็จะต้องทิ้งฝาผนัง หรือเพดาน หรือม่านที่เรากำลังดู หมายความว่า สิ่งที่กีดขวางไม่ให้สามารถที่จะได้เห็นสิ่งที่เราต้องการ

    ถ้าเราบอกว่าเราดูฝาผนัง ดูเพดานบ้าง ดูม่านบ้าง แล้วก็เราไม่มีทางที่จะดูประตู แต่ว่าถ้าเราตัดสินใจปั๊บว่า ตอนนี้ไม่ใช่ภาระของเราที่จะดูเพดาน ดูฝาผนัง หรือดูอะไร เป็นภาระที่จะไปหาประตู เราก็จะถอน ออกมาจากสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ที่กำลังฟุ้งซ่านอยู่ ส่วนมากเราก็มีความชอบอะไร ก็เรียกว่า “กามราคะ” มี “โทสะ” คือพยาบาท หรือบางทีก็ไม่ใช่โทสะ หรือราคะอะไร มีความฟุ้งซ่านแกว่งไกว ไปที่นั่นที่นี่ เดี๋ยวอันนี้ก็ไม่เอา อันโน้นก็ไม่เอา มันไม่มีทางที่จะมีความสงบ หรือบางที เราก็พยายามหาความสงบ เราไม่มีความ เพียรพอ เรามันง่วง เรามันหาว บางทีเราก็เกิดมีสิ่งที่ทำให้ไม่สามารถ มันย่อหย่อน บางทีก็ไม่เชื่อว่ามีประตูด้วยซ้ำ ต้องปัดกวาดความลังเลสงสัยอะไรต่างๆ เหล่านี้ สิ่งที่ไม่ดีคือ สิ่งที่ทำให้ฟุ้งซ่าน ทำให้เราไม่สามารถ ที่จะทำใจให้นิ่งๆ เพราะว่ามีสิ่งที่มาปิดบังดังนี้ แต่ถ้าเราพยายามที่จะดูว่ามีสิ่งที่ปิด และก็บอกว่า เอาตอนนี้มันไม่ใช่เรื่อง ไม่ใช่เวลาที่จะเอาสิ่งมาปิดบัง ถอนปิดบัง เหล่านี้เราก็ได้สมาธิ ได้ทันทีเลย นี่เรียกว่า สมาธิ

    จุดเริ่มต้นของการปฏิบัติธรรม อยู่ที่ตัวสมาธินี้ ซึ่งเรามีทุกคน

    สมาธินั้นเราอาจจะได้เป็นเวลาเพียงครึ่งวินาที มันก็เป็นสมาธิแล้ว แต่ว่าเป็นสมาธิที่อ่อนมาก แต่ก็เป็นสมาธิข้อสำคัญที่จะต้องได้ อันนี้ให้เห็นว่าสมาธิคืออะไร โดยมากคนเราเมื่อเป็นเด็ก เป็นนักเรียน ท่านก็สอน คือหมายความว่า ครูบาอาจารย์หรือพ่อแม่ก็สอนให้ตั้งจิตตั้งใจเรียน ก็หมายความว่า ทำสมาธินั้นเอง แล้วเราก็เรียนว่า ถ้าเราตั้งใจในสิ่งนั้นๆ ให้ดีมันก็ทำได้ เรียกว่ามีสมาธิ เพราะว่า จิตเราไปเพ่งอยู่อันเดียว แต่คนเราถ้าไม่มีสมาธิเสียเลย หมายความว่า เป็นคนฟุ้งซ่านจริงๆ เป็นคนที่ไม่ได้เรื่อง จะเรียนอะไรไม่ได้ จะพูดก็ไม่ได้ ไม่มีทางอะไรเลย คือว่าขึ้นชื่อว่าเป็นคนไม่มีสมาธิ ไม่ใช่ว่าคนเรา เราเสียใจเหลือเกินว่า เรามันขาดสมาธิ ถ้าคิดว่าเราขาดสมาธิ เท่ากับเรามีสมาธิอยู่แล้ว เพราะรู้ว่ามีคำว่าสมาธิ เราได้เรียนรู้แล้ว ถ้าไม่มีสมาธิในตัวเลยหมายความว่า ไม่มีความดีเลยในตัว ก็ไม่สามารถที่แม้จะคิด จะมีคำว่าสมาธิ

    ฉะนั้น จุดเริ่มต้นของการปฏิบัติธรรมอยู่ที่ตัวสมาธินี้ ซึ่งเรามีทุกคน มีแต่ว่าให้เห็นว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติธรรม คือ จากสมาธิที่เรามีธรรมดาๆ ที่เมื่อเด็กๆ ครูบาอาจารย์พ่อแม่ได้สั่งสอนบอกว่าต้องตั้งใจ แต่นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของสมาธิ เพราะเหตุว่า การที่จะปัดกวาดสิ่งที่ปิดกั้นสมาธิที่ท่านเรียกว่า “นิวรณ์” การปิดกั้นนี้ เราจะเอาออก มันต้องมีสมาธิเพื่อให้มีสมาธิ อันนี้พวกเราที่อยากจะศึกษาสมาธิ และศึกษาการปฏิบัติธรรมติดอยู่ตรงนี้ เพราะเราไปหาอาจารย์ ท่านบอกว่าต้องทำสมาธิ มีนิวรณ์ 5 อย่างนั้นๆ มีสิ่งที่ปิดกั้น การที่จะทำให้สิ่งที่ปิดกั้นนั้นออก จะต้องตั้งใจ ต้องมีสมาธิเพื่อจะเอาเครื่องปิดกั้นนั้นออก เราก็งง โดยมากไม่มีที่ไหนที่จะสอนให้ทำสมาธิโดยได้บอกว่า ให้เอาเครื่องปิดกั้นนี้ออก บอกว่าต้องระงับนิวรณ์ทั้งสิ้น ก็หมายความว่า การระงับนิวรณ์นี้ต้องใช้อะไร ก็ต้องใช้สมาธิ จะทำอย่างไร ไก่มาก่อนไข่หรือไข่มาก่อนไก่

    ความจริงใช้สมาธิระงับนิวรณ์ จริงๆ ท่านไม่ได้พูดผิด แต่ว่าเราไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าเราต้องการสมาธิ แล้วเราต้องใช้สมาธิ เพื่อระงับนิวรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปิดกั้นสมาธิ เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ แต่ว่าถ้าเข้าใจแล้วว่า สมาธิเรามีอยู่ทุกคน มิฉะนั้น เราไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าเราไม่มีสมาธิ หรือไม่มีทุนเดิม เราไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีความฉลาดมากหรือน้อยก็แล้วแต่ แต่ว่ามีความฉลาด มีความดี มีวาสนา ทุกคนมีมากหรือน้อย เท่านั้นเอง หรือดี หรือชั่ว เท่านั้นเอง แต่เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่งแล้ว เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราทำสมาธิได้ เพราะเหตุว่าเราได้ทำมาแล้ว เราทำมาถึงเกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ก็มีความดีอยู่ในตัว ความชั่วมี แล้วก็โดยมากใครๆก็ว่า มนุษย์มีกิเลส มีความชั่วเลวทรามต่างๆ ต้องขัดเกลา เราก็หัวหดเลย แต่ว่าความจริงไม่เป็นเช่นนั้น คือความจริงทั้งหมดที่ครบถ้วนไม่เป็นเช่นนั้น

    ความจริงเรามีความเลวทรามชั่วในตัวทุกคน มากหรือน้อย โดยมากก็มาก และเรามีความดีทุกคนมากหรือน้อย แต่โดยมากก็น้อย อย่างไรก็ตามมีน้อยๆ นี่มันเป็นทุนเดิมทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่มี ทุกคนสามารถที่จะปฏิบัติงานของธรรมนี้ได้ทุกๆคน ไม่เว้นสักคน แต่ว่าจะต้องหาหรือขุดความดีที่เรามีเป็นทุนเดิมนี้ มาทำให้เกิดความดีเพิ่มขึ้น ฉะนั้นก็ใช้สมาธิที่มีอยู่เดิม อาจจะสมาธิแย่ๆก็ได้ แต่ว่าเป็นสมาธิ

    สมาธิมากระตุ้นทำให้เกิดสมาธิที่ดีขึ้น ฉะนั้น สมาธิที่ดีขึ้นนั้นก็มีได้ทุกคน ก็อาศัยความเพียร ความอดทน ที่อาจมีสมาธินี้ ก็เปรียบเทียบได้กับไฟฉายเล็กๆ หรือไม้ขีดไฟริบหรี่ ไฟริบหรี่นั้นก็สามารถที่จะใช้อันนี้สำหรับไปทำให้สมาธิใหญ่ขึ้น ดีขึ้น อันนี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้สมาธิ

    เราทำสมาธิให้นิ่ง จิตใจให้นิ่ง ก็จะมาเห็นใจของเรา ใจจะไม่เป็นสิ่งที่ลึกลับ

    สมาธินี้ถ้าเราเอามาใช้ คือสร้างสมาธิให้ดีขึ้นหน่อย แล้วเอามาใช้ ไม่ต้องทำสมาธิให้หนักแน่นมากนัก แต่ว่าเป็นสมาธิที่ควบคุมได้ เราจะมาเห็นใจ เราทำสมาธิให้นิ่ง จิตใจให้นิ่ง ก็จะมาเห็นใจของเรา ใจจะไม่ เป็นสิ่งที่ลึกลับ ใจจะเป็นสิ่งที่เปิดเผย คือเราเปิดเผยตัวเราเอง ถ้ากลัวว่าคนอื่นจะมาเห็นใจเรา จะมาทะลุทะลวง เข้ามาในใจเรา ไม่ต้องกลัว เราทะลุทะลวงเข้าในใจของตัวเราเอง ดูใจนี้ก็จะเห็นได้ ต่อเมื่อใจนั้นได้รับ ที่เรียกว่า “อารมณ์” คือ สิ่งที่เราเห็นได้ด้วยตา ได้ฟังด้วยหู เป็นต้น เวลาเข้ามาแล้วเราจะเห็นว่าใจ นี้ อันนี้พูดอย่างลับ ใจนี้จะมีความรู้สึกอย่างไร คือ ตัวใจนี้เป็นรูปร่างอย่างไร ใจนี้จะชอบ ชอบใจหรือไม่ชอบใจ อันนี้ใช้สมาธิที่ทำให้ใจนี้นิ่งก่อน แล้วก็เมื่อมีอารมณ์ ซึ่งอารมณ์เข้ามาทุกเมื่อตลอดเวลา อารมณ์เข้ามา เรากั้นอารมณ์นั้นไว้ เท่าที่ความสามารถด้วยการระงับนิวรณ์ ใจนั้นจะกระเพื่อม ถ้าเปรียบเทียบได้ จะเห็น จะเห็นในใจแต่ละคน

    ถ้าคิดจริงๆ ดูว่า ใจนี้เป็นน้ำนิ่ง สมมติว่าเราเอาน้ำมาใส่ ไม่ต้องมาก เอาน้ำมาใส่ชามอ่างก็ได้ กลับบ้านไปหาชามอ่าง เอาน้ำมาใส่ให้เต็ม เอาชามอ่างนั้นมาวางไว้แห่งหนึ่ง แล้วน้ำนั้นจะนิ่ง ทิ้งไว้ให้นิ่งสักครู่ คราวนี้เปรียบเทียบกับใจ ใจหรือน้ำนิ่งนั้นแล้วเราก็ไปหาอะไรอย่างหนึ่ง จะเป็นก้อนกรวด หรือจะเป็นอะไรก็ตาม โยนลงไป น้ำนั้นเป็นอย่างไร น้ำนั้นจะกระเพื่อม หรือชามอ่างนั้นวางไว้ เราไปผลัก น้ำจะเป็นอย่างไร น้ำจะกระเพื่อม เราจะเห็นน้ำกระเพื่อม กระเพื่อมอย่างไร เราก็เห็น ถ้าเราโยนอะไรเล็กๆลงไป น้ำจะกระเพื่อมเหมือนเป็นคลื่นเล็กๆ เสร็จแล้วถ้าเราผลักเอา มันจะกระเพื่อมๆไปอีกอย่าง ถ้าเราเอาน้ำใส่เต็มอ่าง ชามอ่าง นั้นอาจจะทำให้น้ำกระฉอกออกมา หรือถ้าโยนอะไรที่ใหญ่ เราโยนลงไปน้ำต้องกระเซ็นออกมา ทำให้โต๊ะหรือ อะไรที่เราวางไว้เปียกหมด ถ้าเราผลักน้ำก็อาจจะต้องหก นี่แหละใจ
    เราจะเห็นได้ว่า ใจของเรา เมื่อได้รับการกระทบอย่างไรก็ตาม ด้วยอารมณ์ใดก็ตาม ใจนั้นจะกระเพื่อม คือ ใจนั้นจะเหมือนน้ำ ใจนั้นจะมีคลื่น ใจนั้นจะทำให้มีความเคลื่อนไหว เราก็เห็นได้ ถ้าใจนั้นโดนอย่างแรง ก็อาจจะหกอาจจะออกมา หมายความว่า สมมติว่าเราอยู่เฉยๆ ใครเข้ามาตีหัว หรือต่อย เราก็โกรธ แล้วก็ ต่อยตอบไปเลย นี่ใจมันหกออกมา เราก็ดู ในการดูใจนี้ ก็เป็นการดูปฏิกิริยาของใจ คราวนี้ก็ได้ถึงเห็นใจแล้ว ใจที่เคลื่อนไหว เคลื่อนไหวต่างๆ และก็ใจนี้ ทำให้เรามีความสุข มีความทุกข์ ใจนี้เอง เมื่อมีความสุข บางทีก็ลิงโลด ดีใจมาก อาจจะทำให้เสียก็ได้ กระโดดโลดเต้น หกคะเมนลง ขาหักได้ เป็นสิ่งธรรมดา คือ หมายความว่า แม้แต่มีความสุข ก็ทำให้มีความทุกข์ ต่อไปได้

    การศึกษาพุทธศาสนาคือการศึกษาอริยสัจ

    พุทธศาสนาศึกษาอะไร ก็ศึกษาความทุกข์นี่เอง ความทุกข์เป็นสิ่งที่คนไม่ชอบ จึงต้องการพ้นทุกข์ พ้นทุกข์สำหรับตัวเองแต่ละคนๆ แต่ว่าการให้พ้นทุกข์นี้ยากมาก เพราะว่ามีความรู้สึกว่า ไม่เป็นทุกข์ มีความรู้สึกว่าเป็นสุข อยากได้ อยากมีความสุข แล้วก็ใครมาทำให้เราเป็นทุกข์ หรือแม้แต่มีความสุข แต่หากน้อยลงไป ก็ทำให้เราโกรธ ทำให้เราไม่พอใจ แล้วก็เดือดร้อน ฟุ้งซ่าน แล้วก็ไม่มีความสุข แล้วก็มีความทุกข์

    ฉะนั้น การศึกษา พระพุทธศาสนา ก็คือ การศึกษาว่า ทุกข์นี้มาจากไหน ทำไมเราไม่ชอบความทุกข์ เราเป็นทุกข์ในทุกข์ เราก็จะต้องดูทุกข์นี้เป็นอะไร ให้เข้าใจว่าเป็นอะไร แล้วเราก็จะต้องเห็นว่า ทุกข์นี้มีเหตุผล มีต้นเหตุ เมื่อมีต้นเหตุแล้ว ก็ต้องดูว่า เราระงับทุกข์ได้ตรงไหน บอกว่ามีทุกข์ ต้องบรรเทาทุกข์ ความจริงทุกข์นั้นบรรเทาไม่ได้ ต้องปล่อยให้ไปตามเรื่องของมัน แล้วก็เสร็จ แล้วมันก็หายไป เพราะว่ามีทุกข์ มันก็ไม่มี มันก็หมดไปได้ สุขมี สุขก็หมดไปได้

    เหตุนี้ การที่พระพุทธศาสนา หรือ พระพุทธเจ้าให้เราศึกษา ก็คือ ศึกษาให้เห็นว่า ทุกข์นั้นมันมาจากไหน ให้รู้ว่าทุกข์เป็นอย่างไร เป็นอะไร แล้วก็ทุกข์มาจากไหน จะเห็นว่าทุกข์ ก็ต้องมีการไม่ทุกข์ก็ได้ เมื่อมีการไม่ทุกข์ ก็มีการหมดทุกข์ได้ มีการหมดทุกข์ได้แล้ว ก็เห็นได้ว่ามีทางจะหมดทุกข์ อันนี้ ท่านก็เรียกว่า “อริยสัจ”

    ฉะนั้น การศึกษาพุทธศาสนา ก็คือ การศึกษาอริยสัจนั้นเอง แต่ก่อนที่จะศึกษาอริยสัจ หรือได้ทราบอริยสัจ ก็ย่อมต้องดูกลไก ของการศึกษาพระพุทธศาสนา เข้าใจว่าจะต้องเริ่มจากที่ได้กล่าวเมื่อตะกี้นี้ คือ จุดเริ่มต้น คือ ดูใจด้วยเครื่องมือที่มี คือ สมาธิ แล้วก็ในการนี้ ในตอนต้นนั้น ก็ต้องมีความพอใจในการ ที่จะปฏิบัติ คือ ชอบใจ มีฉันทะแล้วก็ความเพียรในการทำ มีความจดจ่อในการทำ มีความสำรวจในการทำ คือ ได้ศึกษาอริยสัจ และเข้าใจในอริยสัจ

    การศึกษาพระพุทธศาสนา ต้องทำด้วยความสุจริต

    การศึกษาพระพุทธศาสนานี้ เป็นสิ่งที่ไม่ยาก ถ้าจิตใจจดจ่อ ถ้ามีความตั้งใจจริง และมีความซึ่งเรียกกันทุกคนว่า “ความสุจริต” ทุกคนต้องสุจริต ถ้าทุจริตแล้วไม่มีทาง เพราะว่าไปในทางที่ผิดทุกครั้ง ไปในทางที่คิดว่าดี คิดว่าสะดวก แต่ว่ามืดมนไปในทางที่ผิดทั้งนั้น ฉะนั้นต้องมีความสุจริต เวลาให้โอวาทกับใคร หรือท่านผู้ใหญ่ให้โอวาทกับผู้อื่น ก็ต้องพูดว่าขอให้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต วางตัวด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทุจริต อันนี้ก็เพื่อให้งานของส่วนราชการ หรือส่วนงานนั้นดำเนินไปด้วยดี เพราะว่า ถ้าทุจริตแล้วก็พัง แต่ว่าการงานของพระพุทธศาสนา เป็นการงานของแต่ละคน เป็นส่วนตัวแท้ๆ ก็ต้องทำด้วยความสุจริต เหมือนกัน ถ้าไม่ทำด้วยความสุจริตแล้ว ตัวเองก็เท่ากับเอาก้อนหินมาถ่วงที่คอ แล้วโยนลงไปในนรก

    ...พูดมานานก็เพราะว่าพุทธศาสนานี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องสนใจ เป็นสิ่งที่ทุกคนจะได้ประโยชน์ถ้าเข้าในทางที่ถูก และเป็นสิ่งที่ไม่ยากที่จะปฏิบัติ พูดว่าไม่ยากในการปฏิบัติ ไม่น่าที่จะพูดนาน ถ้าเป็นสิ่งที่ง่ายๆ แต่ว่าจะง่ายถ้าตั้งจิตให้ถูกที่ถูกทาง ด้วยความเพียร และด้วยความจดจ่อ ด้วยความรู้รอบคอบ คือ การสำรวจให้ดี ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ยาก ถ้าได้พูดให้ยาวก็เพราะว่า สิ่งที่ง่ายนี้ ทุกคนอาจจะยังไม่เห็นหรือเห็นยาก เห็นยากในสิ่งที่ง่ายจึงต้องพูดยาว แต่ถ้าทุกคนเห็นสิ่งที่ง่ายแล้วก็ไม่ต้องพูดยาว ถ้าสมมติว่า ทุกคนเห็นว่าง่ายจริงๆ หมายความว่า เห็นส่วนที่ง่าย จะพูดได้สั้นมาก คือ ท่านทั้งหลายขอให้มีความเพียรในการปฏิบัติจิตที่ถูกต้องที่ดี อันนี้ก็หมด พูดแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องพูดอื่น หรือแม้จะบอกว่า ถ้าพูดอย่างนี้ก็ยังยาว ถ้าท่านทั้งหลายมาแล้วก็รู้ว่า ทุกคนรู้ว่าง่ายแล้วรู้จริง ไม่ใช่รู้เก๋ๆเฉยๆ รู้จริงว่าง่าย ซึ่งง่าย บอกว่าสวัสดีเท่านั้นเองก็พอ ไม่ต้องมานั่ง มายืนให้เมื่อย ไม่ต้องมาพูดให้คอแห้งเปล่าๆ ก็เพียงสวัสดี เพียงว่าปฏิบัติดีชอบก็พอ แต่มันยากที่ว่าไม่เห็นว่าง่าย ฉะนั้นในที่นี้ ก็พูดเกินไป พูดมากไป ก็จะเป็นอันตรายเหมือนกัน เพราะว่า อาจจะมีคนคัดค้านก็ได้ในคำพูดที่พูดออกไป ซึ่งอาจจะดูเหมือนว่าเป็นทฤษฎี ความจริงไม่ใช่ทฤษฎีแหวกแนวอะไร เป็นส่วนหนึ่งของการสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแท้ๆ ไม่ใช่สิ่งที่คิดค้นขึ้นมาโดยไม่มีหลักฐาน

    ขอให้ได้ไปปฏิบัติแต่ละคน ในจิตใจของแต่ละคน

    ถ้าท่านทั้งหลายมาวันนี้มาให้พร คือ ตามที่บอกว่าเป็นทางการว่า มาให้พร ในโอกาสวันเกิดที่ผ่านมาแล้วเมื่อเร็วๆนี้ ท่านมาที่นี่ แล้วท่านก็ต้องนั่งอยู่นาน แต่ก็ขอขอบใจที่ท่านมาด้วยความปรารถนาดี และดีใจมากถ้าทุกคนที่อยู่ในกลุ่มสมาคม หรือชมรม หรือชุมนุม ที่จะศึกษาพุทธศาสนา จะไปคิดทบทวนหน้าที่ของกลุ่มต่างๆ ดังกล่าวมานี้ และ หน้าที่ของแต่ละคนที่ว่า ไม่ใช่ว่าจะบอกว่าจะเผยแพร่พระพุทธศาสนา สั่งสอนพระพุทธศาสนา ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ขอให้ได้ไปปฏิบัติแต่ละคน ในจิตใจของแต่ละคน และทุกคนจะเป็นศาสนาใดก็ตามในประเทศไทย ก็จะได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติของท่าน คือว่าเป็นประโยชน์ผู้อื่น ในการปฏิบัติประโยชน์ของตน

    ฉะนั้น ถ้าทุกคนได้ปฏิบัติประโยชน์ของตนอย่างแท้จริง อย่างจริงๆ ไม่ใช่เบี่ยงบ่ายไปในทางทุจริต ทำ จริงๆ ในประโยชน์ของตน ของธรรมของตัว หรือของโลกของตัว เป็นอันว่าได้ประโยชน์แล้ว สำหรับทุกคนในโลก ...เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นทั้งหมด เพราะว่าแผ่ความดี แผ่รัศมี เช่นเดียวกับที่เราว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ท่านตรัสรู้แล้วก็แผ่รัศมีออกมา เราได้รับทั้งนั้น แม้จะเป็นคนที่ไม่ใช่พุทธศาสนา ก็ได้รับประโยชน์ของการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า...”

    (จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 85 ธ.ค. 50 โดยกองบรรณาธิการ)






    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...