เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

คุณghostlinux ให้วิธีคิดมา แต่มันยังไม่ใช่สูตร
แต่ก็พอเอามาใส่ exel ได้
ใครทำเป็น ทำให้หน่อย แบบว่า...ยิ่งแก่ก็ยิ่งคิดเองไม่เป็น .....

"ลองยกตัวอย่างดวงนี้เกิดวันอังคาร ตอนนี้เสาร์เสวยอายุตั้งแต่อายุ 25-35ปี
ตอนนี้อายุ 32ปี10เดือน20วัน ก็เอาไปลบจาก 25ปี แสดงว่าเสาร์เสวยอายุมาได้ 7 ปี10เดือนกว่าแล้ว
เวลาผมเอามาคำนวนจะเปลี่ยนให้เป็นวันก่อน ผมใช้อัตราส่น 1ปีมี 360วัน 1 เดือนมี 30วัน เพราะเข้ากับโปรแกรมที่ใช้พอดี

7ปี คูณด้วย 360 = 2520 วัน
10เดือน คูณด้วย 30 = 300 วัน
บวกด้วยเศษวัน 20 ก็เป็น 2520 + 300 + 20 = 2840 วัน(ที่เสาร์เสวยอายุผ่านมา)
เราก็เอา 2840 ตั้งหารด้วยวันทั้งหมดที่เสาร์เสวยอายุ คือ 3600 วัน(10ปี คูณ 360) หารด้วย 108(กำลังรวมในทักษา)
(2840/3600)*108 = 85.2 หมายถึงจากกำลังรวม 108 เริ่มนับจากเสาร์ เดินหน้าผ่านไปแล้ว 85.2จาก 108(85.2/108)

ถ้าอยากรู้ว่าดาวอะไรเสวยแทรกอยู่ ก็เอาค่าที่ได้มา(85.2) ลบค่ากำลังของดาวที่เสวยไปจนลบไม่ได้หมุนตามวงรอบทักษา
85.2 - 10(กำลังเสาร์เสวยตัวเอง) เหลือ 75.2
75.2 - 19(กำลังพฤหัสเสวยอายุต่อ) เหลือ 56.2
56.2 - 12(กำลังราหู) เหลือ 44.2
44.2 - 21(กำลังศุกร์) เหลือ 23.2
23.2 - 6(กำลังอาทิตย์) เหลือ 17.2
17.2 - 15(กำลังจันทร์) เหลือ 2.2
2.2 - 8(กำลังอังคาร) ผลค่าติดลบ แสดงว่าตอนนี้ อยู่ระหว่างอังคารเสวยแทรก
เราก็จะรู้ว่า เสาร์เสวยอายุ และมี อังคารเสวยแทรก ถ้าจะหาแทรกต่อเราก็เอา 2.2(ค่่าที่เหลือ) หารด่้วย 8(กำลังอังคารที่เสวยแทรก) คูณด้วย 108
แล้วนำไปคำนวนแบบด้านบนอีกรอบ ก็จะรู้ว่าปัจจุบันดาวอะไรเสวยแทรกย่อยต่อ

ยกตัวอย่างต่อ (2.2/8)*108 เท่ากับ 29.7 นำไปทำตามกระบวนการด้านบนอีกรอบ
29.7 - 8(อังคาร) - 17(พุธ) = 4.7 เอากำลังเสาร์มาลบต่อจะเป็นค่าติดลบแล้ว
ตอนนี้ เสาร์จึงเสวยแทรกย่อย อยู่ครับ"

 

ได้เลยครับ บอกล่วงหน้าสักสองสามวันครับ
ประมาณวันที่ 30 ตุลาคมถึง 7 พฤศจิกายนนี้หลวงปู่ท่านไปอินโดครับ

 

ขอบพระคุณครับพี่ ทิพย์

 

-------------------------------------------------------------
ขอบพระคุณครับ คุณ ghostlinux

 

เรื่องเล่า : กว่าผมจะมาเป็นทหารเรือฯ

ตอน : มันไม่เหมือนกัน ในสิ่งที่เหมือนกันฯ

ต้องทำความเข้าใจว่าที่ผมเขียน เป็นเรื่องเล่าไม่ใช่เล่าเรื่อง บางแห่งเอาเรื่องมาเล่าโดยแสดงความคิดเห็นส่วนตัวใส่เข้าไปจนเห็นชัด แต่ดันใช้คำว่าเรื่อง

เล่า เรื่องเล่าของผมไม่เหมือนข่าวตอนเช้าที่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นมีทั้งรูปทั้งคลิป ส่วนของผมไม่ใช่อย่างนั้น เป็นแบบได้ยินมาได้ฟังมาเห็นมาบ้างแต่ไม่ได้

เข้าไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง พอจะจำได้ก็เอามาเล่าสู่กันฟังหรืออ่านกันแกเหงา อีกประการหนึ่งจะเล่าให้อ่านกันก็คือ ก่อนที่ผมจะมาเขียนเรื่องเล่านี้ คุณหนุ่ม

ทิพย์เขามาที่บ้านผมดำเนินการจัดการสมัครเป็นสมาชิกให้ผมและตั้งชื่อให้ผมเสร็จ ตามที่ปรากฏวันเดือนปีตามที่เห็นกัน โดยที่ผมก็ไม่ทราบว่าชื่อที่เขาใช้

ให้ผมว่า พ่อประดู่ 09 มันเป็นมงคลนามหรือเปล่า พอเขาดำเนินการเสร็จก็บอกผมว่า พ่อช่วยเขียนเรื่องเล่าอะไรก็ได้ให้หน่อย อย่าเป็นเรื่องวิชาการนะ

เดี๋ยวจะไปทับทางกัน ผมได้แต่คิดในใจว่าคงกลัวผมเขียนเรื่องการเมืองมั้ง คงกลัวเวปถูกปิดเพราะผม ก็เลยรับปากว่าว่างๆ แล้วจะเขียนให้ แต่มันไม่เป็น

อย่างนั้น เขาบอกผมว่า...พ่อเขียนเลยดีกว่าเขียนเดี๋ยวนี้เลย ผมก็บอกตอนนี้ยังไม่รู้จะเขียนอะไร เขาก็บอกว่าเอาเหอะพ่อ...สิบบรรทัดก็ยังดี ไม่อยากให้

กระทู้มีแต่เรื่องอิทธิปาฏิหารย์ ไม่อยากให้เวปเป็นกระทู้ลิเก ผมก็เลยต้องเขียนวันนั้น เขียนไปต่อหน้าเขาและบ่นในใจว่า มันคิดยังไงของมันนะ ทำยังกะ

เขียนเรื่องให้คนอ่านมันง่ายยังงั้นแหละ...แต่ผมก็รีบๆ เขียนตอนนั้นหวังว่าจะได้จบกันไป ผลคือคุณ HANADA 9 กด LINE มาเป็นคนแรก เข้าทางเขา

ไป หลังจากวันนั้นผมก็หยุดเขียน ได้ผล...แม่บ้านมาบอกว่า...เขาบ่นมาเหมือนน้อยใจว่า...ตกลงพ่อเขาจะเขียนให้หนูแค่นั้นเหรอ...ผมก็เลยต้องเขียน

มาเรื่อยๆ เป็นสาระบ้างไม่เป็นบ้างหวังว่าคงไม่ว่ากัน .......

ส่วนชื่อตอนในตอนนี้ ความจริงผมตั้งใจจะเอาประโยคนี้ไปใส่ไว้ในตอนที่เขียนเรื่องเขื่อนยันฮี เพราะผมเคยอ่านข้อเขียนหรือคำสัมภาษยณ์ของท่าน ดร.

เกษม จาติกวณิชย์ สมัยที่ท่านอยู่ บริษัท ไทยออยล์ฯ คือท่านพูดทำนองว่า การที่ท่านมีส่วนผลักดันสร้างเขื่อนยันฮี ตอนนั้นมันเหมาะสม(อะไรทำนอง

นั้น)เพราะการผลิตไฟฟ้ายุคนั้นใช้ฟืนเป็นหลัก ฟืนก็แพง,ต้นทุนค่าไฟก็เลยสูง,ป่าก็หมดรวดเร็วมาก แต่ถ้ามาถามท่าน ณ วันนั้น ท่านบอกว่าท่านก็ต้องคิด

ดูก่อน มันทำให้ผมคิดถึงคำว่า"ดีวันหนึ่งแต่อาจจะไม่ดีในอีกวันหนึ่ง" และ "ดีที่หนึ่งแต่อาจจะไม่ดีอีกที่หนึ่ง" ท่านเกษมฯ เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ธนาคาร

ต่างประเทศไม่น้อยกว่า สามสิบธนาคารยินดีให้กู้เงินขอเพียงให้โครงการนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของท่าน รถไฟลอยฟ้าที่มีให้ใช้ทุกวันนี้ ก็เริ่มต้นและ

สำเร็จมาได้ก็เพราะท่านเกษมฯ เป็นโครงการของเอกชน ที่กู้เงินธนาคารโลก โดยที่ภาครัฐบาลไม่เคยให้ความช่วยเหลือเลย และที่สำคัญ เป็นโครงการ

เดียวที่ธนาคารโลกขอมีหุ้นด้วย เป็นเพราะมีท่านเกษมฯ อีกน่ะแหละ ผมเสียดายประโยคแบบนี้เลยขอเอามาใส่ไว้ในเรื่องเล่าตอนนี้........

มาเล่าต่อเรื่องของผม กว่าจะได้มาเป็นทหารเรือ ที่บอกว่ายังไม่เป็นเพราะยังมีสายสะดืออยู่ก็ส่วนหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าเรียนไม่จบด้วยประการใดๆ ก็

ตาม ต้องไปเป็นพลทหารต่อจนครบ 2 ปี ไม่ใช่ไม่จบแล้วจะกลับบ้านไปได้เลย...ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นการหนีทหาร!!!! ในวันแรกที่ไปถึง จะมีการแบ่งนัก

เรียนจ่าออกเป็น 6 ชุด ๆ หนึ่งๆ ประมาณ 70 กว่าคน ส่งไป 6 อาคารหรือ 6 กองร้อย ในกองร้อยหนึ่งๆ จะแบ่งเป็น 6 ตอน ในตอนหนึ่งๆ จะมีนักเรียนจ่า

ประมาณ 16-18 คน อีก 50 คน เป็นพลทหาร อ่านหนังสือไม่ออกก็มี ไม่รู้มือขวามือซ้ายก็มี ไม่เคยกินน้ำแข็งก็ยังมี(ไม่น่าเชื่อแต่จริงผมยืนยันได้) เห็น

ความลำบากรำไรๆ แล้วใช่ไหมครับ กว่าจะฝึกหัดให้เข้าที่เข้าทางจะเป็นอย่างไร? เขามีพลทหารเก่าไว้คอยช่วยแนะนำ เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน,เวลา

อะไรต้องทำอะไร,เรื่องการป้องกันของหาย มื้อเย็นวันแรก เมื่อได้รับคำสั่งว่า..."เชิญรับประทาน" ผมกินข้าวมื้อนั้นอร่อยมาก แกงเนื้อมะเขือยาว กับปลา

เค็ม(ไม่ใช่อวดว่าจำแม่น/แต่จำได้จริงๆ)ข้าวเลี้ยงทหารยุคนั้นยังเป็นข้าวแดง ตอนร้อนๆหรือยังอุ่นๆ อยู่ ก็นิ่มพอกินได้ แต่ถ้าเย็นลงก็จะแข็งมากหน่อย ไม่

เป็นปัญหาสำหรับผม บ้านนอกสมัยผมเป็นเด็กๆ เรื่องหมูเรื่องเนื้อสำหรับชาวบ้านกินกันไม่บ่อยนัก นอกจากคนจีนที่อยู่ตลาดหรือพวกคนรวย ดังนั้นสำหรับ

ผมถือเป็นการต้อนรับที่ดีมากๆเลย กินไปได้สักครึ่งอิ่มเห็นเพื่อนนักเรียนจ่าที่นั่งตรงข้ามร้องไห้ ผมไม่กล้าพูดหรือถามอะไรกับเขา พอมองเห็นผมก็ก้มหน้า

ก้มตากินต่อ เงยหน้าอีกที...เขามองผมแล้วถามว่า นายกินได้เหรอ...น้ำแกงดำยังไงก็ไม่รู้ เขาเขี่ยแกงเนื้อแล้วพูดต่อ...สงสัยเป็นเนื้อควายแน่ๆ เลย...

ปลาเค็มอะไรเนี่ย...เราไม่เคยกิน...แล้วเขาก็ร้องไห้...ทั้งหมดที่ตั้งอยู่ข้างหน้าเขากับที่อยู่ข้างหน้าผม...มันเหมือนกัน/แต่ทำไมมันไม่เหมือนกัน มันไม่

เหมือนกัน ในสิ่งที่เหมือนกัน เขาร้องไห้กินไม่ลง แต่ผมอะหร่อย ทั้งที่อาหารมื้อนั้นก็อย่างเดียวกัน ไม่แค่นั้น โรงเรียนพลทหารต้อนรับผมด้วยขนมอีกต่าง

หาก...แกงบวชมัน อร่อยจะตาย...เพื่อนข้างๆ ผมและตรงหน้าผมกินไม่ได้อีกแล้ว...เราหรืออร่อยแต่พวกบอก...นายกินเข้าไปได้ยังไง..........นี่คือ

เรื่องจริง!?!?!?......ก่อนออกจากโรงอาหาร...จ่าเวรบอกว่า...มีแผงขายข้าวขายขนมอยู่บริเวณหน้าโรงเรียน........พร้อมทั้งบอกหนทาง.......ไม่

ต้องบอกหรือตามไปดู...ก็รู้ว่า...แม่ค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า.....

พอตอนหัวค่ำก็มีแถวรับการอบรม... 1) คือให้ท่องวินัย 9 ข้อให้ได้ แล้วจะมีการสอบถามรายตัว ใครท่องไม่ได้มีโทษ..........2) เริ่มให้ความรู้เรื่อง

ขนบ,ธรรมเนียม,ประเพณี ของทหารเรือ ยามต้องตีระฆังไม่เกิน 8 ที(แล้วก็มีนิทานประกอบ) ทหารเรือต้องไม่ถือหัว คือ ข้ามหัวกันได้ให้เหตุผลว่า เรือ

มันมีข้อจำกัดเรื่องที่นอน ดังนั้นใครมีธุระอะไรก็ไม่ต้องปลุกไม่ต้องขอโทษ เดินข้ามได้เลย ต้องมีการสวัสดีกันเมื่อเจอหน้ากันครั้งแรกของวันนั้นๆ ใครจะ

มีพระมีสร้อยเหรียญดังแค่ไหน ก็ห้ามถือสาเวลาโดนข้ามหัว นี่ก็ไม่เหมือนกัน/ในสิ่งที่เหมือนกัน แถวบ้านผมถ้าข้ามหัวกันเองก็โดนผู้ใหญ่ดุแล้ว...เพื่อนมึง

มันไม่ถือ แต่พระที่คอมันห้อยอยู่ล่ะ...ไอ้นี่...เดี๋ยวตีหลังขาด!!!





แรกๆ บรรดาครูๆ ทั้งหลายท่านก็ไม่ดุมากนัก เพราะคงกลัวพวกเราจะหนีเสียก่อน แล้วก็จะเสียอนาคตกัน การทำโทษก็ค่อยๆ จากเบาไปหาหนัก คืนวัน

เสาร์ก็เอาเรื่องที่จะทำให้พวกเราฮึกเหิมมาเล่าให้ฟัง ผมยังเคยถามครูๆ เลยว่า ผมเห็นเรือรบที่ชื่อ เรือศรีอยุธยา จมอยู่หน้าวัดอรุณฯตอนที่ไปสอบเข้านัก

เรียนจ่า ฯ ครูท่านก็เล่าให้ฟังอย่างสนุกสนาน เกี่ยวกับการที่เรือหลวง ศรีอยุธยา จมเพราะโดนระเบิดของคนไทยกันเอง แม้กระทั่งสงครามทางเรือที่เกาะ

ช้างฯ ทุกคนก็คงอยากรู้เหมือนๆ กัน ว่าที่เขาพูดกันว่า เรือ ธนบุรี และเรือ ศรีอยุธยา มีปืนใหญ่มากที่สุดของไทยจริงไหม? ครูก็ตอบว่าจริง เป็นปืนขนาด

ลำกล้อง 8 นิ้ว ผมถามว่า มีคนแถวบ้านผมเขาบอกว่า คนเข้าไปนอนในปากกระบอกปืนได้ใช่ไหม? เรียกเสียง...ฮา...ได้พอสมควร คนบ้านนอกเป็นอย่า

นั้นจริงๆ ผมได้ยินเขาพูดกันแบบนั้น ก็เลยเอารูปมาให้ดู...ขอขอบคุณทุกท่านที่ทำรูปไว้ให้ผมเอามาเผื่อแผ่ ด้วยความเคารพครับ


อยากจบเร็วๆ และไม่อยากให้รำคาญนาน จะได้ไม่รบกวนหน้ากระทู้ เลยเอาเรื่องเล่าของครูๆ ทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับกรมหลวงชุมพร กับจอมขมัง

เวทย์ มาใส่ไว้ในตอนนี้ คือเวลาที่เป็นวันหยุด ในตอนหัวค่ำบรรดาครูทั้งหลายที่เป็นนายยามหรือผู้ช่วยนายยามก็จะเอาสิ่งละอันพันละน้อยมาเล่าสู่กัน

ฟัง ก็เป็นวิธีการของครูๆ ท่านแต่ละคน หนึ่งในนั้นถ้าไม่เป็นเรื่องนายยัง หาญทะเล ก็เป็นเรื่องหลวงพ่ออี๋ และที่ขาดไม่ได้ ก็คงเป็นเรื่องของตากัน

จอมขมังเวทย์ ตามที่ผมคัดลอกเอามาให้อ่านกัน คือดูจะง่ายและเร็วดีกว่านั่งพิมพ์เอง ก็ขอขอบคุณท่านที่เขียนไว้ให้ผมลอก ถึงอย่างไรเราก็ลูกพ่อ

เดียวกัน เชิญอ่านครับ.....

ตากันผู้นี้มีอายุมากกว่าเสด็จเตี่ย แต่เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน คือ หลวงปู่ศุข ตากันเป็นคนร้อนวิชา เมื่อสึกออกมาแล้วจึงมาปลูกกระท่อมอยู่บนหน้าผา

แห่งหนึ่งในสัตหีบ สร้างความเดือดร้อนให้กับเรือทุกลำที่เข้ามาในรัศมีพลังจิตของแก ถ้าอยากให้เรือดีดังเดิมต้องจ่ายค่าผ่านทาง วันหนึ่ง แกไปสะกด

เรือของกองทัพเข้า เรื่องนี้ทราบถึงพระเนตรพระกรรณของเสด็จฯ การปะทะอาคมจึงเกิดขึ้น โดยพระองค์เดินทางไปสัตหีบด้วยตนเอง


เมื่อไปถึงพระองค์เสกผึ้งฝูงใหญ่เข้ามาต่อยตีตากัน แต่ตากันกลับเอาผ้าขาวม้าปัด ผึ้งเหล่านั้นก็กลายเป็นใบไม้ แล้วตากันก็ปล่อยเสืออาคมวิ่งเข้าใส่

ส่วนฝ่ายเสด็จเตี่ยก็ปล่อยความธนูออกสู้ จนฝุ่นตลบ ในที่สุด ตากันก็โยนผ้าขาวม้าขอสงบศึก แล้วจึงกลายเป็นสหายต่างวัยตั้งแต่นั้นมา

ครั้งหนึ่งตากันเคยคุยโอ้อวดว่า ตนเคยลงไปเดินในทะเลเป็นครึ่งข่อนวัน เสด็จเตี่ยโปรดคนจริง จึงมีรับสั่งให้มัดตากันไว้ในกระสอบแล้วถ่วงในทะเลเป็น

เวลา ๑ วัน เมื่อครบก็ดึงตากันขึ้นมาปรากฏว่าตากันนั่งอยู่ในท่าสมาธิ หัวเราะร่า แถมยังไม่เปียกเลยสักนิด เสด็จในกรมจึงตั้งชื่อให้อ่าวแห่งนั้นว่า "อ่าวตา


กัน" หรือ "อ่าวดงตาล" ในปัจจุบัน

ว่ากันว่า หลวงพ่ออี๋ สัตหีบ เป็นลูกศิษย์ของตากันนี่แหละ






ปืนขนาดลำกล้อง 8 นิ้ว ดูยังไงก็เข้าไปนอนไม่ได้ แต่คนที่เล่าให้ได้ยินได้ฟัง เขาพูดอย่างนั้นจริงๆ และพูดแบบ...ยังกะตาเห็น...รูปปืนของ เรือธนบุรี

ตอนนี้อยู่ที่ โรงเรียนายเรือ แต่ผมเห็นเมื่อปี 2509 ยังประจำอยู่บนเรือ ที่จอดลอยลำหน้าโรงเรียนนายเรือ เรียกเสียง ฮือฮา จากพวกนักเรียนจ่าได้ไม่

เบา เห็นตอนที่เรือฝึกภาคทะเล พาพวกเราออกทะเลด้วยเรือรบเป็นครั้งแรก..............

 

ฝีมือการทายและการเขียนให้น่าอ่านนั้น คุณghostlinux สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้ไม่ยาก แต่ถ้าจะเปิดรับศิษย์ ขอให้คิดให้ดี เพราะผมยังอ่านแนวเธอไม่เคยเข้าใจเลย....มันเป็นเทคนิคเฉพาะตัวจริงๆ

เครื่องมือในการทำนายของคุณghostlinux นั้นให้รายละเอียดดีมาก ต้องยกย่อง อ.พลังวัชร์ ที่ทำเครื่องมือออกมาได้ละเอียดครบถ้วนตามความต้องการของนักพยากรณ์แล้วยังให้ใช้ฟรีอีก


คุณวินัยถามผมแบบลองภูมิ ว่าเราเห็นดวงแล้วจะรู้ไหม ว่าเจ้าของดวงมีพันธะอะไรผูกพันอยู่ ก็ตอบว่าสามารถรู้ได้ แต่ผมไม่เก่ง และถ้าจะถามต้องให้จำเพาะเจาะจง ต้องถามเป็นเรื่องๆ เพราะภาระผูกพันธ์ของแต่ละคนมีมากน้อยแตกต่างกัน แล้วแต่ว่าจะถามอะไร

อย่างถ้าเอาดวงนี้มาถาม ก็ทำนายได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีใครเข้ามาขายขนมจีบ

ถ้าจะเอาแบบง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือขนาดหนักแบบคุณghostlinux ก็ดูที่ดาวลอยอย่างเดียว แต่คนที่ดูดาวลอยได้แตกฉานนั้น ต้องชั้นครูเลยครับ เพราะดาวลอยสามารถดูถึงความผูกพันโยงใยไปได้มากมาย ทั้งแสงทั้งรังษีทั้งธาตุ ฯลฯ

ถ้าเอาแบบง่ายๆประสาผม (ก็ดูฟรี จะให้ยากกว่านี้ต้องเก็บตังค์) ก็ดูที่ดาวเจ้าการ

อย่างคุณวินัยถามเรื่องความรัก ก็ดูที่ดาวปัตนิไว้ก่อน นั้นคือดาว๓ และดาวจรคือ3

เคยเขียนอยู่บ่อยๆตามตำรา ว่าถ้าศรีถึงปัตนิ จะได้คู่
ตอนนี้เจ้าชะตาอายุย่าง33ปี ทางทักษาตกภูมิ๖ จึงได้ดาวอังคารเป็นศรี
ก็ศรีถึงปัตนิไปหนึ่งละ
ตอนนี้ดาว3จรทับ๖ซึ่งเป็นตนุลัคน์ ก็นับเป็นสองละ
จรอยู่ในเรือน๕ และ๕เดิมก็ทับลัคน์อยู่ ก็นับเป็นสามละ
5จรอยู่ในเรือน๒ และ๒เดิมก็ทับลัคน์อยู่อีก ก็ซ้ำเข้าไป
ดาว3จรทับ๙ เกตุ9ก็จรเล็งลัคน์ด้วย... แบบนี้ให้เอาไปขัง ก็ยังจะได้ร่วมหอลงโรงเป็นแน่


ดาว3เจ้าการลองทับ๖คู่มิตร ถึงได้เป็นประเด็น
ดาวอังคารเป็นตัวแทนความขยัน คล่องตัวและความร้อนรน คนที่มาจีบก็น่าจะเป็นคนประมาณนี้ ลอยอยู่ตอนนี้ได้ตำแหน่งอุจจาวิลาศ คือเกือบจะเป็นอุจจ์หรือเกือบจะเป็นเศรษฐี ฐานะก็ไม่ขี้เหร่นัก

แต่ที่ยังไม่ลงเอยช่วงนี้ น่าจะมีสาเหตุ
ดูแต่ศรี ดูกาลกิณีบ้าง
ภูมิ๖ มี๘เป็นกาลี ตอนนี้จรทับ๗เดิม และเสาร์จรก็ทับลัคน์อยู่ เลยอาจะเป็นสาเหตุ แม้เสาร์กับราหูจะเป็นคู่มิตรกันไม่ทำร้ายกัน แต่เสาร์กับจันทร์ในภพตนุก็ยังเป็นคู่แตกแยกพลัดพราก
ลองรอให้เสาร์7ย้ายไปก่อน ก็พอดีหลังวันเกิดเจ้าชะตา
หลังวันเกิด เจ้าชะตาตกภูมิอาทิตย์ ดาวพุธ๔เป็นศรี ในเรือนอังคาร

อาจจะรอถึงต้นเดือนเมษายน คงจะได้เห็นงานมงคล......

 

มารายงานตัวครับ พี่หนุ่มทิพย์
ขอขอบคุณ คุณนายน้ำ5 ด้วยครับ สาธุ

 

-----------------------------------------------------------
กราบสวัสดี คุณพ่อประดู่ครับ พ่อเขียนมาให้อ่านเยอะๆเลย ได้มุมมองมาก

 

นักเรียนจ่าวินัย ติดใจแม่ค้าขายขนมบัวลอย อยากจะจีบแต่ทำเหมือนไม่เป็น คู่แข่งก็เยอะ

หนุ่มทิพย์เลยให้สีผึ้งไปใช้จีบสาว

วินัยใช้ไม่เป็น ถามถึงวิธีใช้ หนุ่มทิพย์ลำคาญ เลยบอกให้ป้ายที่เปลือกตา เวลาเจอหน้าให้จ้องตาแม่ค้าแล้วกระพริบถี่ๆ...

งานวัดสัตหีบ หนุ่มทิพย์ส่งวินัยขึ้นชก ถ้าชนะจะได้กินบัวลอย

มุมน้ำเงิน วินัย ศิษย์หนุ่มทิพย์ ค่ายป่าแดงส่งเข้าประกวด
น้ำหนักชั่งเมื่อเช้า 154ปอนด์ แต่พอสร่างเมา เข้าห้องน้ำไปล้วงคออ้วกออกมา จึงต้องไปชั่งใหม่ ได้ 150ปอนด์ ผ่านเกณฑ์

ประวัติการมงคลสมรส ขึ้นแต่งมาสามครั้ง ชนะ1 แพ้2
สมบัติที่มี บ้านหนึ่งหลัง รถสองคัน ลูกสามคน บัตรเครดิตเต็มวงเงิน4ใบ
ความฝันสูงสุด กินบัวลอยฟรีตลอดชีวิต

หลังการชก วินัยเป็นฝ่ายชนะคะแนน แต่ตาบวม ปากเจ่อ เอาสีผึ้งทาตาไปกินบัวลอย
เจอแม่ค้า ก็กระพริบตาถี่ๆ แต่กระพริบได้ข้างเดียว บัวลอยก็ไหลออกตรงมุมปาก แม่ค้าใจอ่อน สงสารนึกว่าสติไม่ดี ยอมแต่งงานด้วย

จบ....

มีตอนสำคัญ

วินัย : พี่...จีบผู้หญิงมันยากไหม กะคนเก่าผมเมา ไม่ทันระวังตัว เลยตกเป็นผัวมัน แต่คนนี้กลัวมากเลย...เอาไงดีพี่!
หนุ่มทิพย์ : ถ้าเอ็งจีบติด ได้หรือเสีย
วินัย : ได้ซิพี่
หนุ่มทิพย์ : เออ.. แล้วถ้าจีบไม่ติด เสียอะไร
วินัย : ก็ไม่เสียอะไร
หนุ่มทิพย์ : ก็เออ...ไม่มีอะไรจะเสีย แล้วจะกลัวทำไม
วินัย : ก็ผมขาดความมั่นใจอ่ะ...
หนุ่มทิพย์ : เป็นผู้ชาย เสน่ห์มันอยู่ที่ความมั่นใจ ตั้งใจทำอะไรแล้ว ทำให้จริง กะยิรา เจ กะยิราเถนํ คาถาเสด็จเตี่ย ท่องไว้ด้วย
วินัย : พี่มีของดีสร้างความมั่นใจไหมอ่ะ
หนุ่มทิพย์ : เอ็งเอานี่ไป สีผึ้งอาจารย์นิ่ม
วินัย : ใช้ไงอ่ะ?
หนุ่มทิพย์ : ......มีลูกมาสามคนแล้ว เอ็งเอาอะไรป้ายปาก?
วินัย : วาสลีน แต่บางครั้งก็ป้ายอย่างอื่นด้วย!
หนุ่มทิพย์ : .......เออ ยอม เอ็งเอาสีผึ้งป้ายตาละกัน เวลาเจอหน้าแม่ค้า จ้องตาไว้ แล้วให้กระพริบตาถี่ๆ เป็นจังหวะ
วินัย : เค้าจะไม่คิดว่าเราปัญญาอ่อนเหรอ
หนุ่มทิพย์ : สีผึ้งมันแรง เชื่อดิ๊

...................

 

ขออภัยจริงๆครับที่เขียนแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง พื้นฐานการอ่านดวงของผมเป็นแนวเฉพาะตัวผสมจากตำรา(หลายเล่ม/อาจารย์)ขึ้นมาเอง
ถ้าจะอธิบายแบบสั้นๆยังไงก็เข้าใจได้ยาก เพราะพื้นฐานวิธีการอ่านจะมีมุมมองที่แตกต่างไป และวิธีการอ่านดวงของผมคนทั่วไปเขาไม่ใช้กัน(ไม่นิยม)
จะว่าไปก็ต้องมาเรียนพื้นฐาน(แนวที่ผมใช้)ตั้งแต่ต้นเหมือนเปิดหลักสูตรพื้นฐานขึ้นมาใหม่เลย ถึงจะพอจูนกันติด:'(

ป.ล.ดวงที่ฝากไว้ยังไม่ได้ดู ขอติดไว้ก่อนนะครับเดี๋ยวจะทยอยดูให้อีกทีครับ

 

ผมเป็นหนี้อยู่นานแล้ว ยังไม่ลืม ถ้ามีตารางนี้อยู่
ผมยังมีเงินก้อนโตเป็นค่ารักษาพยาบาลพระเถระอยู่ อาจจะยกยอดทั้งหมดถวายหลวงปู่ห้วยในคราเดียว ซึ่งผมจะนำวัตถุมงคลในชุดนี้ขอเมตตาท่านอธิฐานจิตให้อีกครั้ง และหากเป็นไปได้ จะขอบารมีหลวงปู่มีชัย ครูอาจารย์ของคุณนายน้ำ5ด้วย

ขออภัยที่ล่าช้าสม่ำเสมอครับ

 

เป็นรูปแบบเฉพาะตัวนั้นดีแล้วครับ จุดประสงค์คือให้แม่นยำและง่ายต่อการคำนวนเข้าไว้

ที่ผมสนใจเพราะมีหลายอย่างที่ใช้เหมือนหลวงพ่ออภิสิทธิ์ เวลาที่ให้ท่านสอนให้ผมก็มักจะตามไม่ทัน เพราะวิธีใช้ไม่คุ้นเคย

ผมกับคุณghostlinux ใช้คนละแนวนั้นดีแล้ว จะเป็นประโยชน์กับสมาชิกมากกว่า ว่าแม้คนละวิธีแต่ก็คำทำนายเป็นแนวทางเดียวกันหรือไว้ให้เปรียบเทียบ

....ตอนนี้ไปซื้อหนังสือ "เลข7ตัวมหัศจรรย์" ของ อ.ศ.ดุสิต มาอ่าน ไม่รู้ว่าใช้7ตัวฐานเดียวกับของคุณghostlinux ที่ใช้ดูยามอยู่หรือเปล่า

 

ตำราเลขเจ็ดตัว ของ อ.ศ.ดุสิต ผมไม่เคยอ่านนะครับ แต่ที่เคยอ่านที่คนเขาพูดถึงกันว่า เล่มแรกจะเป็นพื้นฐาน
ส่วนพื้นฐานจะเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว เล่มถัดไปๆจะเหมือนรวมเกร็ดเคล็ดวิชาในการทำนาย
แต่จะไม่อธิบายลึกเหมือนบอกแนวและวิธีใช้ไว้เฉยๆ ในส่วนของเคล็ดวิชาต่างๆ ต้องทดลองนำไปใช้ดูครับ
เรื่องเลขเจ็ดตัวพอพื้นฐานเข้าใจดีแล้ว ก็ลองหัดอ่านพื้นดวงจับแนวทางในการอ่านดูก่อน
พอจับหลักการในการทำนายได้ ก็ไม่ยากที่จะเรียนดวงกาลชะตาครับ หลักการเดียวกัน
แค่ต้องอ่านให้เป็นดวงยามเท่านั้นเอง เลขเจ็ดตัวพื้นฐานไม่ยาก แต่หลักการเบื้องสูงค่อนข้างปกปิดกัน
ส่วนใหญ่อาศัยความชำนาญเฉพาะตัวทำนายกันเสียมากกว่าครับ

 

ขออภัยพี่หนุ่มทิพย์ และเพื่อนสมาชิก,

ผมขอทำการอัพเดทตารางในช่วงเย็นวันนี้ครับ

ขอบคุณครับ

 

ไม่ใช่ความผิดอะไร หากไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเพิ่มเติมก็ไม่ต้องก็ได้ครับ

วันนี้ผมต้องเข้ามาดูงานที่บริษัทฯ เลยไม่ว่างจะส่งพัสดุ และหาโอกาสจะเลื่อนส่งด้วย เลยอ้างโน้นอ้างนี้ไปเรื่อย แต่คงจะเอาของเข้าขอบารมีหลวงปู่มีชัยเป็นแน่นอน ขอให้พี่นิ่มว่างจากงานกฐินวันนี้ก่อน

จำนวนผู้มาร่วมงาน30กว่าคันรถบัส ทำเอาเจ้าอาวาสฯปลื้มมาก...คณะของพี่นิ่มล้วนๆ

จะส่งของดีตอบแทนให้นะครับ เป็นค่าแรง

 

ผมว่าจะซื้อโฆษณาของทางเวปพลังจิต เป็นการอุดหนุนกันเอง แต่รอคุณพุทโธภควา(คุณชนะ) กลับจากต่างประเทศก่อน เธอจะช่วยผมจัดพัสดุให้ด้วย

ที่จะให้เธอมาช่วย คือเรื่องคัดภาพสวยๆทำโฆษณาให้นั้นแหละครับ เธอเคยเรียนด้านนี้มาก่อน ผมเองก็เรียน แต่ถ้าทำคนเดียวแล้วขี้เกียจ.... ใครอยากช่วย จะขอบคุณมาก

 

มาดูดวงที่ติดค้างไว้ดวงแรกนะครับ ดวงหญิงโอ๋ ทายช่วงหลังวันเกิดไปแล้วปลายปีเลย

พระ ๗ เสวยอายุ ๗ เสวยแทรก ๗-๕ เสวยแทรกย่อย(๕เสวยย่อย6ธ.ค.)
ภูมิปี ๗ ภูมิเดือน ๔-๗ / จรปี ราศีกันย์ จรเดือน ราศีเมษ-พฤษภ

หลังวันเกิดจะเป็นช่วงที่ทางมหาทักษา พระเสาร์จะเข้ามาเสวยอายุใหม่พอดีจัดเป็นช่วงเปลี่ยนวัย
ดวงนี้ตั้งแต่อายุ 37ปีเต็มมา มีคนมาชอบพออยู่แล้ว(ลองหมุนชันษาดูนะครับ)
เพียงแต่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน แต่จะสนับสนุนทางความเป็นอยู่การครองชีพดีพอสมควร
แต่เนื่องจากดาวที่ส่งผลเป็นคู่ในวัยนี้คือ ๒๗ที่กุมลัคน์ให้ผล เจ้าชะตาจึงมักยังไม่ค่อยพอใจในสภาพที่เป็นอยู่
และช่วงอายุ 39เต็มเป็นต้นมา ชันษาจรทับ๕ดาวปัตนิก็ต้องมีคนสนับสนุนเป็นคู่คอยให้ช่วยเหลืออยู่แล้ว
ปัญหาคงเป็นที่สภาพที่แยกกันอยู่และความไม่มั่นคง(๒๗)ทำให้เจ้าชะตาอยากให้มันดีกว่านี้
หลังวันเกิดไปเจ้าชะตาจะดิ้นรนแสวงหาความมั่นคงในชีวิต เพราะ๗จะเริ่มเข้าเสวยอายุ
เนื่องจากเสาร์เป็นภูมิปีตั้งแต่เข้าปีมะเมียมา พอเสวยอายุซ้อนเข้าไป แรงผลักดันที่จะเปลี่ยนแปลงจะเริ่มหนักขึ้น
ดาวคู่๒๗ อาจจะทำให้เกิดการโยกย้ายในช่วงปลายปีไปหลังเสาร์เสวยอายุ ตรงนี้มีผลถึงเรื่องความรักด้วย
เจ้าชะตาอาจจะดิ้นรนหาคนรักใหม่ หรือแสวงหาโอกาศที่ดีกว่า ตามอิทธิพลของเสาร์ที่ทรงอิทธิพลมากในช่วงนี้

ลองมองทางตรีวัย๖(พฤษภ)ดูก็ได้ ทางเรือนไม่มีดาวลอย ๖ เจ้าเรือนเองถูกเสาร์ทับมาสองปีกว่า
๖ลอยในเรือนปุตตะเป็นเกษตรหมายถึงความรักและมีคนมาชอบพอ จะบอกว่าไม่มีตรงนี้ยืนยันว่ามันต้องมี
แต่เสาร์ที่ทับศุกร์นี้ทำให้ไม่ค่อยพอใจในชีวิตรักเท่าไหร่ อึดอัดและหาทางที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ถ้าเป็นไปได้
ดังนั้นเมื่อเสาร์ย้ายเข้าพิจิกไป ความกดดันที่ส่งให้เจ้าชะตาไม่พอใจจะลดทอนลง สบายใจขึ้น
๗ภูมิปีจะจรไปทับ ๘ คู่มิตร ตรงนี้เจ้าชะตาจะพบคนถูกใจคนใหม่และจะได้เขามาช่วยเหลือ(ศุภะชันษา)
จรปีก็จะเป็นจุดปัตนิของชันษาปี มี๘จรอยู่ทับ๔กำเนิด บ่งบอกซ้ำว่ายังไงก็ได้คนใหม่เข้ามา
เพียงแต่๘กับ๔ จะขัดกันทำให้น่าจะมีปัญหากับคนเก่า แล้วไปตกลงปลงใจกับคนใหม่(งานนี้ช้างก็คงฉุดไม่อยู่และ)

ประมวลผลจากที่ดูมาด้านบนจะเห็นว่าเจ้าชะตามีคนคบหาและดูแลให้ความช่วยเหลือมาได้ระยะใหญ่แล้ว
เพียงแต่ไม่ค่อยพอใจในสภาวะที่เป็นอยู่นัก อีกไม่นานก็จะเจอคนใหม่ที่ถูกใจกว่า
ทำให้มีปัญหากับคนเก่าและอาจจะต้อง เปลี่ยนแปลงหรือโยกย้ายที่อยู่ไป ดวงนี้เรื่องคู่มีปัญหาในพื้นดวง
ไม่ได้แต่งงานง่ายๆแน่ แต่เขาไม่ขาดคู่และคนสนับสนุน เพียงแต่มันไม่พอใจเสียทีเพราะพื้นดวงมันเป็นแบบนั้น

ดวงนี้ถ้าจะว่าเรื่องคู่ถ้าจะให้นิ่งสงบ ก็ต้องหลังอายุ50แล้ว ตอนนั้นพฤหัสปัตนิจะเสวยอายุ
บวกกับทางตรีวัย เรือนปัตนิจะเป็นเรือนวัยในอายุ 50-58ปี ถึงตอนนั้นถ้ายังไม่พอใจเรื่องคู่
ก็จะเป็นช่วงพบคู่วงรอบสุดท้ายแล้ว แต่ตอนนี้ไปอีกหลายปีเจ้าชะตาก็ไม่ขาดคนคบหานะครับ
แค่มันไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน และยังอาจจะดิ้นรนไม่พอใจสภาพอยู่ดี

 

ดวงคุณภัทร์ ที่ตกค้างไว้เป็นดวงถัดไป

ปัจจุบันเจ้าชะตาอายุ 39 ปีกว่า
พระ ๕ เสวยอายุ พระ ๘ เสวยแทรก
ภูมิปี ๗ / จรปี ราศีกรกฏ

ทางมหาทักษา ๕ เสวยอายุ พื้นดวง๕กุม๓อยู่ในเรือนมรณะเป็นช่วงวัยที่เจ้าชะตาแสวงหาความเปลี่ยนแปลง
หาความก้าวหน้าความมั่นคงในชีวิต มีโอกาศใหม่ๆเข้ามาหลากหลาย และอาจจะทำให้เดินทางโยกย้ายบ่อยหน่อย
ทางตรีวัยปัจจุบันก็อยู่ที่ราศีมีนเรือนมรณะที่พฤหัสอยู่พอดี เรียกว่าย้ำในจุดมรณะพอดี
ทางที่ดีคือ จะได้เดินทางไกล ย้ายบ้านไปพบโอกาศสิ่งใหม่ๆมากในช่วงวัยนี้ และในวัยนี้คงได้ไปต่างประเทศ
จุดที่ต้องระวังคือ ๐ จรที่ทับเรือนมาหลายปี เจ้าชะตาต้องระวังสุขภาพเป็นพิเศษ
ให้ระวังโรคภัยที่เรื้อรังและยากแก่การรักษาอาจจะมาก่อกวนให้ทุกข์ร้อนยาวนานได้
ยังไงในวัยนี้ก็จะพบความสำเร็จ เพียงแต่ต้องโยกย้ายจากถิ่นฐานเดิมเสียก่อนไปตั้งตัวใหม่จึงจะดี

ลองมองทาง ๘ ที่เป็นวัยแทรกเป็นเจ้าเรือนปัตนิพื้นเดิมอยู่พันธุ ถ้าดวงนี้อาภัพคู่ซึ่งตามพื้นดวงก็มีแววแบบนั้น
ตั้งแต่ ๘ เสวยอายุ ก็น่าจะเริ่มมีคนเข้ามาด้อมๆมองๆสนใจเจ้าชะตาแล้วหละครับ ไม่น่าพลาด
อีกประการ๗ภูมิปี ก็จะย้ายไปทับ๘ในปลายปีนี้ ถ้าคิดจะมีคู่จริงๆก็จะมีคนเข้ามาให้ตัดสินใจ
ในส่วนอื่นในพื้นดวง ๗กุม๑๙ ในเรือนลาภะ เจ้าชะตาปีนี้ก็จะมีลาภผลใหญ่ สำเร็จในกิจการ
ถ้าจะเริ่มต้นลงทุนธุรกิจก็อาจจะต้องย้ายถิ่นก่อน แล้วจะตั้งตัวลงทุนเปิดกิจการได้สำเร็จ
โดยเฉพาะธุรกิจที่ติดต่อกับคนแดนไกล ก็จะมีแนวโน้มไปได้ดีในช่วงนี้

จรปีในราศีกรกฏชนกับศุกร์ตนุเศษ ซึ่งเป็นเจ้าเรือนสหัชชะ-กัมมะ เจ้าชะตาในปีมะเมีย
ก็มีแนวโน้มจะเปลี่ยนงาน เพื่อโอกาศทางการเงินที่ดีกว่า ๘ จรทับ๒เจ้าเรือนจุดจรในกดุมภะ
มีเกณฑ์ลงทุนกู้ยืม หมุนเงินมาเพื่อโอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่ รอพุธเจ้าเรือนจรดีๆ อยู่ในมุมเหมาะๆ
ธุรกิจที่ลงทุนหมุนเงินนี้ก็จะเริ่มก้าวหน้าเดินหน้าไปได้โดยดี พระ๕เองก็จรทับจุดจรปีอยู่
ทำให้โอกาศทางการค้า(๕๖) โดยเฉพาะธุรกิจกับคนต่างชาติ(๕มรณะทำงานเพราะจุดวัย)
จะเป็นไปได้โดยดี โดยเฉพาะงานลงทุนใหม่เปิดกิจการใหม่(๕เจ้าเรือนปุตตะด้วย)

ผมไม่เน้นทางชันษาจรมากเพราะพี่หนุ่มทิพย์คงอ่านไว้แล้ว ลองเอามาอ่านผสมกันดูก็ได้ครับ
แต่โดยรวม สรุปปีนี้เจ้าชะตาจะเริ่มต้นในกิิจการงานใหม่ มีการลงทุนกู้ยืมมาเพื่อการนี้
มีโอกาศเดินทางไกลไปต่างประเทศ ไปติดต่อธุรกิจและขยายโอกาศทางการค้าการลงทุนต่างๆ
ความรักถ้าโสดอยู่ ก็จะมีคนเข้ามา มีโอกาศใช้ชีวิตคู่ เพียงแต่ดวงนี้เรื่องคู่เสียอีกเหมือนกัน
ถึงมีเข้ามาก็อาจจะไม่ได้ดังใจหรือถูกใจนัก คบหาอยู่กินกันแบบไม่แต่งงานอาจจะขัดกันน้อยกว่า
สุขภาพเอง ให้ระวังปัญหาโรคภัยเรื้อรังอาจจะกำเริบเอาได้ ถ้ามีปัญหาอยู่แล้ว
แต่โดยรวมๆจัดเป็นปีที่ดีสำหรับเจ้าชะตา รอปีหน้าพฤหัสจรเข้าทับลัคน์ ก็จะพบการเปลี่ยนแปลงใหญ่
สิ่งที่ลงทุนไปก็จะเริ่มเดินหน้าประสบความสำเร็จ ก้าวหน้าต่อไปครับ

อ้อถามเรื่องโชคลาภ ตอนพฤหัสเสริดทับลัคน์ช่วงปลายปีก็จะมีอยู่ครับ จะมีเข้ามาให้ลุ้น
ส่วนเรื่องรถบ้าน พอ๗ย้ายทับ๘ ยังไงก็เป็นช่วงตั้งตัว รถบ้านถ้าตามดวงที่มองเป็นช่วงเริ่มต้นกิจการด้วย
อาจจะได้ทั้งรถบ้านและคนรู้ใจเลยทีเดียว


เคลียร์ดวงที่ค้างไว้แล้วนะครับ อาจจะไม่ละเอียดนักถ้ามีคำถามหรือสงสัยเพิ่มเติม ถามเพิ่มเติมได้ครับ

 

สวัสดีพี่หนุ่มทิพย์ และเพื่อนสมาชิกร่วมขบวนการทุกท่าน,

อัพเดทตาราง 19 ต.ค. 57 (เร็วกว่าเวลาที่วางไว้ ต้องไปทำธุระข้างนอก)

ขอบคุณครับ

 

วันนี้ต้องตื่นแต่เช้ารีบเข้าบริษัทฯ เพราะเป็นคนเดียวที่รับหน้าญี่ปุ่นได้ (เป็นคนหน้าด้าน)

นึกว่าจะต้องพลาดร่วมงานกฐินวัดป่าแดง....

กำลังจะออกจากบริษัทฯ ก็มีนกบินมาเกาะรถ นึกถึงแฟนขึ้นมาเชียว เวลาไปไหนมาไหนที่มีสาวๆอยู่เยอะๆ ชอบมาเกาะแสดงความเป็นเจ้าของ ผมก็ดุต่อหน้าคนอื่นไปหลายทีแล้ว ว่าอย่ามาเกาะเป็นนกเอี้ยงแบบนี้อีก อายเค้า!

ใครดูออกว่านกอะไร... ผมดูไม่เป็น
เชิญให้ลงจากรถดีๆ แต่ดันมาอึใส่หลังคารถให้ต้องล้างอีก

รีบขับไปวัดป่าแดงช่วงเที่ยง

เจอคณะผู้ศรัทธามาร่วมงาน ถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลการจราจร ยืนยันว่า32คันรถ
งานนี้ถ้านับคนขับไม่รวมเด็กรถ ก็น่าจะมาร่วมงานไม่น้อยกว่า32คน แต่ไม่รู้พี่นิ่มนับยังไงได้สองพันกว่าคน....มาถึงก็ถามหาแต่พระปิดตาฯ



เบื้องต้น นับกฐินได้ไปล้านห้า ผ้าป่าอีกต่างหาก...งง
จะยังไงก็ฝากโมทนาร่วมกัน



ท่านสุวิระ จะเดินทางไปเยี่ยมกำลังพลที่สามจังหวัดชายแดนใต้พรุ่งนี้ พี่นิ่มก็รีบวิ่งไปเอาพระปิดตาฯมาให้ท่าน เผื่อท่านจะฝากมอบให้กำลังพล

ท่านสุวิระเป็นนักกรรมฐาน เห็นไม่มีใครสังเกตก็อธิฐานขอดูคุณพระฯ แป๊บเดียวหันมาถามพี่นิ่ม....(ปัจจัตตัง) พี่นิ่มได้ยินคำถามก็ยิ้มเฉ่ง