เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

สิ่งที่คุณกล่าวถึงก็คือ มรรคแปดที่เป็นผล
แล้ว ถามว่า คนอื่นเขาจะรู้และเข้าใจ ในมรรคแปดที่เป็นผล ในตัวผมมั้ยครับ ถ้าคนอื่น ยังไม่ได้เป็นเหมือนที่ผมเป็น
การรู้ทันความจริงของโลก แต่ไม่ไช่ไปไหลตาม คนอื่นที่ยังยึดมั่นถือมั่นในสมมุติอยู่แล้วบอกว่า เป็นการไหลตามกระแสโลก แบบนี้ไม่ไช่นะครับ
เพราะ มันเป็นกระแสที่หลง ที่เบียดเบียน ที่ทำร้าย ทำลายกัน เป็นกระแสที่หลงวัตถุนิยมจนธรรมลายธรรมชาติที่แท้จริง นำไปสู่หายนะโดยรวม ทั้งโลกร้อน พลังงานจะหมด อาหารจะไม่พอกิน จิตใจไร้ศีลธรรม แบบนี้ มันผิดครับ มันไม่ไช่ มรรคแปด ครับ

 

=============

ถูกต้องครับ เป็นความจริงว่า การฝึกสมาธิวิปัสสนา ย่อมต้องเดินตามทางของมัน มันมีมรรควิธีของมัน ความจริงที่สุดของฌาณ8 มันจึงอาจเรียกว่า หาแก่นสารประโยชน์อะไรไม่ได้ ปัญญารู้แจ้งในสภาวะนามที่ปรากฏ มันเป็นอนัตตาธรรม ไม่ใช่สิ่งที่ควรยึดมั่นหรือไปยึดมั่นอะไรได้

เมื่อประมวลปัญญาตั้งแต่ต้นจนจบ จึงรู้แจ้งว่า การเจริญปัญญาทางจิต ควรก้าวเดินอย่างไร ที่เป็นทางตรงที่สุดที่ควรก้าวเดิน [แต่ความจริงพระพุทธองค์ก็ตรัสบอกไว้แล้ว แต่ในเมื่อเราอยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไรจึงต้องพิสุจน์จะได้รู้ความจริงเพื่อบอกผู้อื่นได้]

 

ผมก็เอามาเล่าให้คุณฟัง เพราะกลัวว่า เล่าให้คนอื่นฟังแล้ว เขาจะไม่เข้าใจ หาว่าผมเพ้อเจ้อ ได้อีก ขอบคุณที่คุยด้วยนะครับ

 

ต้องขออภัยท่านวงกลมจุด สหายธรรม กระผมต้องเดินทางไป ตจว. แล้ว วันจันทร์กระผมจะเข้ามาเสวนาธรรมต่อครับ ขอบคุณมากครับ แล้วเจอกันครับ

 

=============

ท่านกล่าวดีแล้วครับ ขอบคุณมาก มาเยี่ยมบ่อยๆนะครับ เพราะบางครั้ง การอธิบายธรรม ย่อมต้องละเอียดอ่อนในการขยายความ เพื่อความเข้าใจที่แจ่มชัด ชัดเจน เพื่อให้สามารถนำไปวางกำลังใจในการปฏิบัติได้ถูกต้องต่อไปครับ

 

อ่านอันนี้ยังครับ

ความเป็นจริง เมื่อใครเข้าถึง อารมณ์อนัตตาธรรมนี้จริงนะ หมายถึงชำระจิตอวิชชาได้จริง บริสุทธิ์แล้วจริง จะไม่มีการทรงอารมณ์นะครับ

นั่นเพราะ หมดอวิชชา หมดอัตตาตัวตนแล้ว ก็คือ ไม่เหลือสิ่งใดที่ยึดมั่นถือมั่น จริงๆ ก็ไม่ต้องทรง เพราะพ้นแล้ว อิสระแล้ว ดับหมดแล้ว การกลับมาที่ร่างเดิม คือกายใจ ก็ไม่ต้องทรงอะไรอีก ไม่ต้องรักษา เพราะมันบริสุทธิ์ของมันแล้วไงครับ

แต่ถ้า ยังต้องทรง(ยังมีตัวทรง ยังมีสัญญาให้ทรง) แม้จะกลับมาที่กายใจ ก็ยังต้องทรง (อันนี้แหล่ะที่เขาเรียกกันว่า พรหมลูกฟัก นิพพานปลอมๆครับ)
Share
Share this post on Digg
Del.icio.us
Technorati
Twitter

 

ขอบคุณคุณก้องมากค่ะ สำหรับคำตอบ

จะพยายามทำตามที่คุณก้องแนะนำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ

ความดี และ ความสุขใด ที่คุณก้องได้มอบให้แก่ผู้อื่น ขอให้ทุกๆ สิ่งนั้นจงส่งผลให้คุณก้องให้ได้รับแต่สิ่งที่ดีงามและเป็นสุขเช่นกันทุกประการนะคะ

 

สวัสดีครับท่านอาจารย์ TJS มโหราจารยธิบดี และพระโพธิสัตว์ผู้มีเมตตาสูงแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง

ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำในการปฏิบัติระดับแอดวานซ์ที่ท่านได้ส่งผ่านทาง PM...เมตตาบารมีของท่านสมกับเป็นผู้ที่มีปณิธานแน่วแน่ต่อพุทธภูมิผู้ที่จะนำพาสัตว์โลกข้ามวัฏฏะสงสารในอนาคตกาลอย่างแท้จริง

ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจปณิธานต่อพระพุทธเจ้าตั้งแต่องค์ปฐมถึงองค์ปัจจุบัน พระแม่ธรณี และพ่อพญายมไว้ว่าไม่ว่าจิตดวงนี้จะอยู่ ณ ภูมิแห่งใดในอนาคตกาลจนกว่าท่านพระโพธิสัตว์องค์นี้จะบรรลุโพธิญาณ หรือเข้านิพพาน ถ้าท่านโพธิสัตว์ได้รับความทุกข์ยากลำบากอย่างไรถ้าไม่เกินความสามารถของจิตดวงนี้ ขอให้สัจจปณิธานนี้จงบังเกิดขึ้นแก่จิตให้รับรู้และช่วยเหลือได้ทันเวลาตามกำลัง...ขอฝากญาติธรรมทั้งหลายของผมในอนาคตที่กำลังท่องเที่ยวในภพภูมิต่างๆ โดยเฉพาะภพภูมิแห่งนาค ตามกำลังบารมีของท่านในพุทธกาลข้างหน้าด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ในฝันได้ไปกราบสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ที่ศาลา แล้วท่านทักว่าเธอคือท้าวสักกะ ปริศนาคืออะไรครับ ผมว่าผมฝันเพ้อเจ้อเกินไป

 

เมื่อคืนผมฝันว่าได้ปราบผู้มีวิชามาก คนหนึ่ง เสร็จแล้ว ผมกลับไปที่บ้าน ปรากฏว่าที่บ้านมันเปลี่ยนไป กลายเป็นหลังใหญ่มากมาก คุณก้องช่วยทำนายฝันอีกครั้งครับ

 

รบกวนดูให้หน่อยครับ ว่าผมปฏิบัติมาถูกทางกับจริตของตัวเองหรือเปล่า หรือว่า ผิดทาง รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณครับ

 

============

อนุโมทนาครับ ที่ยังทรงอยู่เพราะแค่มีดวงตาเห็น แค่รู้สภาวะ ยังไม่ถึงที่สุด ถ้าถึงที่สุดคือหลุดแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ทรง ให้คอยกำกับ ควบคุมไว้

หากเป็นสภาวะที่หลุดพ้นแล้วจริงๆ ย่อมปล่อยทุกอย่างออกไป วางลง หมดสิ้น ว่างเปล่า เป็นบรมสุข เป็นอย่างนั้นครับ

ผมยัง ไม่ได้เป็น ไม่ได้อยู่ในสภาวะนั้นครับ หรือว่าท่านวงกลมจุด ถึงแล้ว อาศัยอยู่แล้วเป็นปกติในสภาวะนั้นครับ ก็ขออนุโมทนาด้วยครับ

 

===============

ขออนุโมทนาครับ อันความปราถนาดีที่ท่านมีต่อกระผมมากมายอย่างไร ขอความปราถนาดีผลดีผลสำเร็จจงกลับคืนสนองแด่ท่านเช่นกันเสมอกันครับ สาธุ

 

============

คนหนึ่งคน มีกายหนึ่งกาย จิตที่อาศัยกายมีจิตเดิมที่จุติจิตเป็นประธาน และบางคนอาจมีอวตาลจิตอื่นประกอบสนับสนุนช่วยเหลือ ขอให้ท่านพึงสบายใจว่า ท่านมีส่วนร่วมกับท่านเท้าสักกะองค์อินทร์พระองค์หนึ่งครับที่เป็นบรมครูเทพผู้ช่วยเหลือคุ้มครองครับ ขอให้ยึดหลักความดี ปฏิบัติตน ด้วยหลัก16ประการ เมื่อบารมีท่านถึงพร้อมสำเร็จ ท่านย่อมยกภูใมิจิตที่สูงขึ้นมีดาวดึงส์ทิพย์วิมาน เป็นทิพย์สมบัติครับ ถึงเวลานั้นท่านย่อมทราบทุกอย่างด้วยจิตของท่านได้เองครับ กระผมไม่สามารถกล่าวได้ครับเป็นเรื่องของสวรรค์ครับ

 

===========

ท่านปราบผู้มีวิชามากผู้นั้นอย่างไร ด้วยอะไร ท่านมีชัยชนะเหนือเขาผู้นั้นอย่างไร

บ้านของท่านเปลี่ยนไปใหญ่ขึ้น นิมิตย่อมหมายถึงสิ่งดีงาม ความเจริญรุ่งเรืองงอกงาม ที่ก้าวหน้าดียิ่งขึ้นครับ

หากจะทำนาย ฝัน ซึ่งอาจจะเป็นความฝันที่จริงหรือไม่จริง ก็ตาม แต่สามารถทำนายได้ว่า การกำหราบปราบผู้มีวิชามาก ได้สำเร็จ ย่อมส่งผลที่ดีงามให้ท่านจะมีความเจริญรุ่งเรื่องก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปครับ

แต่จากการตรวจสอบเป็นฝันที่ดี เป็นนิมิตที่ดีครับ
นิมิต ย่อม หมายถึง นิมิต ไม่ควรยึดมั่น หากแต่ควร เห็นประโยชน์ในการนำไปเพื่อ พัตนาจิต แม้นิมิตทีดี ก็ไม่ควรประมาท แต่ก็ควรตั้งใจสร้างเหตุปัจจัยที่ดี เพื่อผลที่ดี หรือหากนิมิตไม่ดี ก็ยิ่ง ควรไม่ประมาท ควรแก้ไขเหตุปัจจัยที่ไม่ดีให้ดีงาม เพื่อผลที่ดีที่จะได้รับในอนาคต คือแก้ไขให้ร้ายเป็นดี นั่นเอง

นิมิตจึงไม่ใช่สิ่งที่จะนำไปปรุงแต่งพอกพูนกิเลสของตน ไม่ใช่สิ่งที่จะนำไปยึดมั่นครอบงำจิตดึงจิตให้ต่ำลง หากแต่จงใช้นิมิตให้เป็นไปเพื่อการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเพื่อความเจริญงอกงามของจิตที่ดีงามให้ ดีงามยิ่งๆขึ้นไปครับท่าน

 

ขอบคุณท่าน ทีเจมากครับที่ช่วยทำนายฝัน ก็แค่อยากให้ท่านทีเจ รู้เห็นด้วยน่ะครับ อีกอย่าง เรื่องสภาวะหลุดพ้นนั้น คำตอบที่ท่านทีเจต้องรู้เองก็คือ ท่านทีเจ เอาจิตของท่าน ค้นหาดวงจิตของผมลองดูสิครับว่า ผมมีดวงจิตมั้ยครับ อย่าดูในหัวสมองนะครับ เผื่อท่านทีเจอาจเข้าใจสภาพที่ผมเป็น ก็ได้นะครับ

 

อันนี้ ต้องให้ท่าน ทีเจ เข้ามาดูในนิมิตรด้วยตัวเองครับ ซึ่ง ท่านทีเจเองก็ต้องเอาจิตเข้ามาดูใน นิมิตร นี้ด้วยตัวเองครับว่า ผมปราบยังไง ตัวที่ผมปราบเป็นตัวยังไง เข้าดูใน คำว่านิมิตร ที่ผม พิมสีชมพูเลยครับ เอาจิตเข้ามาดูเลยครับ

 

=============

ทราบครับ และสำหรับท่าน การทำนาย จะทำนายสิ่งที่เห็นในปัจจุบัน คือไม่มี

ส่วนอนาคตก็ทราบดีว่า ไม่มี แต่ก็จะไม่กล่าวว่าไม่มี เป็นสภาพที่อาศัยปัจจุบันเป็นเหตุ เพราะปัจจุบัน หลุดพ้นแล้ว ห่างไกลแล้วได้อย่างแท้จริง เห็นแล้วเป็นสภาพที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไร โล่งโปร่ง ครับ

อนึ่งหากการปฏิบัติธรรมของผม การเดินมรรคติดขัดอะไร ต้องขอรบกวนท่านช่วยชี้แนะ อธิบายขยายธรรมด้วยครับ

 

ก็เป็นสหายธรรมกันแล้วนี่ มีอะไรปรึกษาได้นะครับ ยินดีครับ

 

=========

วิชา ในความหมายของพระผู้มีพระภาคเจ้า ย่อมหมายถึง วิชา คือความร้จริง รู้แจ้ง

วิชาในฝ่ายมาร ย่อมหมายถึง อวิชา คือ วิชาที่ เป็นฝ่ายมาร หรือฝ่ายลบ ฝ่าย หิงสา ฝ่าย มิจฉาทิฏฐิ หรือหมายถึง หลงวิชา ย่อมเป็นอวิชา ร้ายอย่างหนึ่ง

ความรู้จริง ความเข้าถึงวิชา อย่างแท้จริง ย่อมอาจหมายถึงความเข้าถึงอวิชา จริงด้วยเช่นกัน เมื่อใดที่เห็นสว่าง ย่อมรู้แจ้งในความมืด เมื่อใดที่เห็นความมืด ย่อมรู้แจ้งความสว่าง เป็นต้นครับ

จิตผมมันแปลกตรงที่ไม่ปราถนาเข้าไปรู้อะไรภายนอกครับ แต่ส่วนที่มันรู้เรื่องภายนอก มันเกิดของมันเองครับ แต่ไม่ว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิด ก็ไม่ได้กังวลหรือยึดมั่นอะไรครับ ทุกอย่างมันก็เกิดดับ มันทำหน้าที่ของมันและเมื่อทำหน้าที่เสร็จก็ดับลง เป็นอย่างนั้นครับ

ตัวรู้ ย่อมเกิดรู้ของมันเพราะเป็นธรรมชาติรู้ หากฝึกมาดีแล้วชำนาญแล้วเป็นปกติ การเกิดรู้ มันเกิดแบบไม่ต้องปรุงแต่ง แต่มันจะเกิดหรือไม่เกิดก็ช่างมัน คำตอบจะมีหรือไม่ก็ไม่ได้กังวล ภายนอก รู้ก็คือรู้ ไม่รู้ก็คือรู้ว่าไม่รู้ ไม่ควรยึดถือก็เท่านั้นครับ

แต่ด้วยจิตที่มันรู้ ก็รู้ปล่อยวาง จิตท่านสว่างมากครับ สาธุ