พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รูปงานผ้าป่ามหาพุทธบูชา “วิสาขปุรณมี”



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_9589.JPG
      IMG_9589.JPG
      ขนาดไฟล์:
      452.9 KB
      เปิดดู:
      27
    • IMG_9590.JPG
      IMG_9590.JPG
      ขนาดไฟล์:
      430.7 KB
      เปิดดู:
      19
    • IMG_9593.JPG
      IMG_9593.JPG
      ขนาดไฟล์:
      336.7 KB
      เปิดดู:
      21
    • IMG_9594.JPG
      IMG_9594.JPG
      ขนาดไฟล์:
      288.7 KB
      เปิดดู:
      19
    • IMG_9595.JPG
      IMG_9595.JPG
      ขนาดไฟล์:
      307.8 KB
      เปิดดู:
      23
    • IMG_9596.JPG
      IMG_9596.JPG
      ขนาดไฟล์:
      313.8 KB
      เปิดดู:
      19
    • IMG_9597.JPG
      IMG_9597.JPG
      ขนาดไฟล์:
      319.6 KB
      เปิดดู:
      18
    • IMG_9611.JPG
      IMG_9611.JPG
      ขนาดไฟล์:
      536.2 KB
      เปิดดู:
      24
    • IMG_9612.JPG
      IMG_9612.JPG
      ขนาดไฟล์:
      307.7 KB
      เปิดดู:
      22
    • IMG_9621.JPG
      IMG_9621.JPG
      ขนาดไฟล์:
      265.8 KB
      เปิดดู:
      20
    • IMG_9628.JPG
      IMG_9628.JPG
      ขนาดไฟล์:
      207.7 KB
      เปิดดู:
      18
    • IMG_9607.JPG
      IMG_9607.JPG
      ขนาดไฟล์:
      265.9 KB
      เปิดดู:
      20
    • IMG_9631.JPG
      IMG_9631.JPG
      ขนาดไฟล์:
      260 KB
      เปิดดู:
      18
    • IMG_9632.JPG
      IMG_9632.JPG
      ขนาดไฟล์:
      245.9 KB
      เปิดดู:
      21
    • IMG_9663.JPG
      IMG_9663.JPG
      ขนาดไฟล์:
      117.4 KB
      เปิดดู:
      19
    • IMG_9641.JPG
      IMG_9641.JPG
      ขนาดไฟล์:
      468.2 KB
      เปิดดู:
      26
    • IMG_9643.JPG
      IMG_9643.JPG
      ขนาดไฟล์:
      495.5 KB
      เปิดดู:
      18
    • IMG_9665.JPG
      IMG_9665.JPG
      ขนาดไฟล์:
      290.1 KB
      เปิดดู:
      20
    • IMG_9666.JPG
      IMG_9666.JPG
      ขนาดไฟล์:
      295.5 KB
      เปิดดู:
      21
    • IMG_9690.JPG
      IMG_9690.JPG
      ขนาดไฟล์:
      205.7 KB
      เปิดดู:
      20
    • IMG_9691.JPG
      IMG_9691.JPG
      ขนาดไฟล์:
      247.9 KB
      เปิดดู:
      18
    • IMG_9694.JPG
      IMG_9694.JPG
      ขนาดไฟล์:
      274.9 KB
      เปิดดู:
      312
    • IMG_9695.JPG
      IMG_9695.JPG
      ขนาดไฟล์:
      141.7 KB
      เปิดดู:
      311
    • IMG_9696.JPG
      IMG_9696.JPG
      ขนาดไฟล์:
      283.7 KB
      เปิดดู:
      299
    • IMG_9697.JPG
      IMG_9697.JPG
      ขนาดไฟล์:
      286.8 KB
      เปิดดู:
      174
    • IMG_9698.JPG
      IMG_9698.JPG
      ขนาดไฟล์:
      289.9 KB
      เปิดดู:
      281
    • IMG_9699.JPG
      IMG_9699.JPG
      ขนาดไฟล์:
      244.7 KB
      เปิดดู:
      186
    • IMG_9700.JPG
      IMG_9700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      289.4 KB
      เปิดดู:
      176
    • IMG_9703.JPG
      IMG_9703.JPG
      ขนาดไฟล์:
      357.7 KB
      เปิดดู:
      23
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รูปงานผ้าป่ามหาพุทธบูชา “วิสาขปุรณมี”
    วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2557
    ที่ พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต.ตลาดแร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

    ก่อนที่จะเริ่มเวียนเทียน แดดร้อนมากกกกกกกก

    พอพระสงฆ์กำลังจะเริ่มเดินเวียนเทียนรอบพระเจดีย์ฯ
    เมฆมาบังแสงอาทิตย์โดยพลัน เป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ครับ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    [​IMG]

    .

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รูป พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต.ตลาดแร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
    แสงสว่างจากพลังงานไฟฟ้า (โซล่าเซลล์)
    รูปจากพี่แอ๊ว (ส่งมาให้ผมทางไลน์) จะได้ให้ชมภาพกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ข้อความจากพี่แอ๊ว แจ้งมาในไลน์กลุ่มพระวังหน้า

    ขออนุญาตนำบางส่วนของการกล่าวคำถวายระบบโคมประทีปส่องสว่างที่พระอาจารย์นิล ได้นำกล่าวถวายแก่คณะสงฆ์ ณ พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง เมื่อวันวิสาขบูชา มาให้ทุกท่านได้อธิษฐานจิตร่วมกันค่ะ ขอตัดภาษาบาลีออกนะคะ
    "ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายระบบโคมประทีปส่องสว่าง พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ไว้ในพระพุทธศาสนา เพี่อเป็นมหาพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ขออานิสงส์แห่งการบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยระบบโคมประทีปส่องสว่างนี้ จงเป็นพลวปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย แม้เกิดภพใด ชาติใด ขอให้ได้เกิดในบวรพระพุทธศาสนา ในตระกูลสัมมาทิษฐิ มีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย ถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา มีดวงตาแจ่มใส ทั้งมังสะจักษุ ทิพยจักษุ และธรรมะจักษุ มีดวงปัญญาสว่างไสว แตกฉานในศาสตร์ทั้งปวง รู้แจ้งแทงตลอดในสรรพวิชาทั้งหลาย ทั้งทางโลกและทางธรรม มีสุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณวรรณะผ่องใส สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติ รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และเข้าถึงซึ่งนิพพานสมบัติในที่สุด หากยังไม่เข้าถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า " ไม่มี " จงอย่าได้บังเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย นับตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ นิพพานะ ปัจโย โหตุ นิพพานะ ปัจโย โหตุ นิพพานะ ปัจโย โหตุ



    [​IMG]

    [​IMG]

    ภาพจริงคืนวันวิสาขบูชาค่ะ พระเจดีย์สีทองอร่ามเรืองอยู่ท่ามกลางความมืด งดงามมากๆค่ะ

    [​IMG]

    คือเบื้องหลังความสำเร็จ ที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสสร้างบุญกุศลครั้งใหญ่ในชีวิต ท่านมาด้วยวิริยบารมี ขันติบารมีจริงๆ ทุกงาน ท่านลงมือทำเองหมด ด้วยความละเอียดละออ ต้านกระแสสิ่งที่มองไม่เห็นที่มาขัดขวางงานเกือบทุกระบบ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ด้วยความนิ่งสงบ ใช้กำลังกาย กำลังใจ อย่างยิ่งยวด ถึงกับงดฉันภัตตาหารใน7 วันสุดท้ายก่อนงานเสร็จ เพื่อแลกความสำเร็จกับบางสิ่งบางอย่าง ข้อความที่พี่แอ๊ว ส่งมาให้ผม

    ผมเห็นด้วยมากครับ รูปนี้โดนแอบถ่ายด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เพลงหนักแผ่นดิน

    ประพันธ์คำร้องโดย พ.อ.บุญส่ง หักฤทธิ์ศึก
    ขับร้องโดย ส.อ.อุบล คงสิน และศิริจันทร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

    คนใดใช้ชื่อไทยอยู่ กายก็ดูเหมือนไทยด้วยกัน
    ได้อาศัยโพธิ์ทองแผ่นดินของราชันย์ แต่ใจมันยังเฝ้าคิดทำลาย

    คนใดเห็นไทยเป็นทาส ดูถูกชาติเชื้อชนถิ่นไทย
    แต่ยังฝังทำกิน กอบโกยสินไทยไป เหยียดคนไทยเป็นทาสของมัน

    (สร้อย)
    หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน (หนักแผ่นดิน!)
    หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน (หนักแผ่นดิน!)

    คนใดยุยงปลุกปั่น ไทยด้วยกันหวังให้แตกกระจาย
    ปลุกระดมมวลชนให้สับสนวุ่นวาย เพื่อคนไทยแบ่งฝ่ายรบกันเอง

    คนใดหลงชมชาติอื่น ชาติเดียวกันเขายืนข่มเหง
    ได้สินทรัพย์เจือจานก็ประหารไทยกันเอง ทีชาติอื่นเกรงดังญาติของมัน

    (สร้อย)

    คนใดขายตนขายชาติ ได้โอกาสชี้ทางให้ศัตรู
    เข้าทลายพลังไทยให้สลายทางสู้ เมื่อศัตรูโจมจู่เสียทีมัน

    คนใดคิดร้ายราวี ประเพณีของไทยไม่ต้องการ
    เกื้อหนุนอคติ เชื่อลัทธิอันธพาล แพร่นำมันมาบ้านเมืองเรา

    (ซ้ำท่อนสร้อย 2 ครั้ง)


    ------------------------------------------------------------


    หนักแผ่นดิน
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ItxSyvWz6bY&feature=kp]หนักแผ่นดิน - YouTube[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=ItxSyvWz6bY&feature=kp-



    เพลงหนักแผ่นดิน
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=RXOxtUhLldU]เพลงหนักแผ่นดิน - YouTube[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=RXOxtUhLldU-

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เพลงตื่นเถิดชาวไทย
    คำร้อง-ทำนอง: พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ

    (สร้อย)
    ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง
    ชาติจะเรืองดำรง ก็เพราะเราทั้งหลาย
    ถ้ามัวหลับมัวหลง เราก็คงมลาย
    เราต้องเร่งขวนขวาย ตื่นเถิดชาวไทย

    บ้านเมือง
    ยามเฟื่องฟุ้งรุ่งเรือง ก็อย่าลืมขวนขวาย
    เผลอตัวศึกมา เราจะพากันตาย
    จำไว้เถอะสหาย ตื่นเถิดชาวไทย
    (สร้อย)

    ชาติไทย
    เราไม่น้อมยอมใคร จะสู้จนชีพสลาย
    หวังผดุงแหลมทอง เราพี่น้องหญิงชาย
    อย่าให้ชาติสูญหาย ตื่นเถิดชาวไทย
    (สร้อย)



    เพลงตื่นเถิดชาวไทย

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=QaV2wnaxgo0"]เพลงตื่นเถิดชาวไทย - YouTube[/ame]

    -http://www.youtube.com/watch?v=QaV2wnaxgo0-



    ตื่นเถิดชาวไทย

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=7WRvrUh9xLQ"]ตื่นเถิดชาวไทย - YouTube[/ame]

    -http://www.youtube.com/watch?v=7WRvrUh9xLQ-
    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ใต้ร่มธรรม »
    Forum »
    วิถีธรรม »
    กฏแห่งกรรม-ชาติภพ



    แผนที่นรกดูซะ กันหลงทาง
    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,708.0.html-


    พิภพมัจจุราช (พญายมราช)
    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,709.0.html-


    การล่วงเกิน "ผู้มีธรรม"
    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,6654.0.html-


    กรรม
    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,9646.0.html-


    บุพกรรมของพระพุทธองค์
    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,5657.0.html-


    บุพกรรมของพระอัครสาวก
    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,5665.0.html-


    บุพกรรมของพระมหาโมคคัลลานะ
    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,5658.0.html-


    บุพกรรมของพระสิวลี
    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,5660.0.html-


    บุพกรรมขององคุลีมาล
    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,5659.0.html-








    หลวงปู่พุทธะอิสระ เปรต นรก วิญญาณ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=DkkZWZgz-jw]หลวงปู่พุทธะอิสระ เปรต นรก วิญญาณ - YouTube[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=DkkZWZgz-jw-
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนภัย เลขบัตรประชาชน รูปแบบใหม่

    -http://money.sanook.com/184745/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88/-

    นอกจากเครดิตการ์ด กรมสรรพากร ตอนนี้มาถึงศาลแล้ว มีเรื่องอยากเตือนทุกท่านให้ระวังเอาไว้ ถึงการหลอกลวงรูปแบบใหม่

    มีทนายความท่านหนึ่งได้รับโทรศัพท์จากคนที่ไม่รู้จัก เป็นระบบเสียงอัตโนมัติ อ้างว่าโทรจากศาลจังหวัดกรุงเทพมหานคร และแจ้งว่ามีหมายส่งถึงท่าน แต่ไม่สามารถส่งหมายได้ ให้ติดต่อไปยังศาลอาญา มิฉะนั้นศาลจะออกหมายจับไป

    กด 1 หากต้องการฟังซ้ำ

    กด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่

    ด้วยความที่เป็นทนายความ ท่านจึงสงสัยและจับพิรุธได้ ดังนี้

    1. เกิดมาไม่เคยกระทำความผิดใดๆ ตามกฏหมายที่จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา

    2. เบอร์โทรศัพท์แปลกๆ เหมือนโทรมาจากต่างประเทศ

    3. ในประเทศไทยไม่มีศาลจังหวัดกรุงเทพมหานคร

    4. ศาลไม่มีบริการติดตามคู่ความหรือตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์ (ยกเว้นท่านจะโทรไปที่ศาลเพื่อขอข้อมูลเองหรือตรวจสอบจากเว็บไซด์)

    ทนายความท่านนี้จึงตัดสินใจกด 9 เพราะอยากรู้ว่าเขามีลูกเล่นอย่างไร


    สักพักก็จะมีเสียงผู้หญิงรับสาย (มีเสียผู้ชายดังเข้ามาเหมือนกำลังเจรจาเกี่ยวกับคดีความกับคนอื่นอยู่ ทำให้เหมือนจริงว่าโทรมาจากศาล) แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศาล อาสาจะตรวจสอบข้อมูลให้ ขอทราบชื่อ-นามสกุล จึงแจ้งชื่อ-นามสกุลให้ทราบ จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก็จะขอหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ทนายความท่านนี้ไม่ให้ ผู้หญิงคนดังกล่าวก็บอกว่า การติดต่อราชการจะต้องใช้หมายเลขบัตรประชาชน ทนายความจึงบอกไปว่า การตรวจสอบข้อมูลของศาลนั้นไม่ต้องใช้เลขบัตรประชาชนก็ได้ ตรวจจากชื่อนาม-นามสกุลก็ได้แล้ว ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ยังยืนยันว่าต้องใช้เลขบัตรประชาชน ทนายความจึงแจ้งว่าจะไปติดต่อศาลเอง ขอทราบชื่อเจ้าหน้าที่ศาลที่จะต้องติดต่อ ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ตอบมาด้วยเสียงดุๆ ว่าให้ไปติดต่อได้ที่ศาลอาญารัชดา แล้วก็รีบวางสาย ไม่ยอมแจ้งชื่อให้ทราบ

    ทนายความท่านได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวพบว่า

    - ไม่ใช่หมายเลขของศาลอาญารัชดาฯ

    - เป็นรหัสทางไกล 886 ซึ่งโทรมาจากไต้หวัน

    ดังนั้นจึงขอเตือนทุกๆ ท่าน ได้โปรดระวังการหลอกลวงแบบใหม่นี้ไว้ด้วย เพราะหากท่านให้เลขบัตรประชาชน 13 หลักไป ไม่ทราบว่าเขาจะเอาไปทำอะไรบ้าง เลขบัตรประชาชนของท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของท่านได้ เช่น ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลบัตรเครดิต ฯลฯ

    นอกจากนี้ขอให้เตือนเพื่อนๆ ญาติสนิทมิตรสหายของท่านให้ทราบด้วย

    (ข้อมูลนี้ได้รับมาจากผู้หวังดีที่แชร์มาให้ หากท่านเห็นว่าเป็นประโยชน์ให้แชร์ต่อๆกันไป)



    ขอบคุณข้อมูลจากเพจ อี-คอมเมิร์ซ เวิร์คช็อป (e-Commerce Workshop)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • gong 01.png
      gong 01.png
      ขนาดไฟล์:
      158 KB
      เปิดดู:
      176
    • gong 02.png
      gong 02.png
      ขนาดไฟล์:
      49.9 KB
      เปิดดู:
      52
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ความเชื่อโบราณกับเรื่องฮวงจุ้ย


    -http://horoscope.sanook.com/1397852/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AE%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A2/-


    ฮวงจุ้ยกับความเชื่อโบราณ เป็นสิ่งที่สั่งสมกันมาเป็นเวลานาน จากรุ่นสู่รุ่น เป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรม ความเชื่อมีผลต่อการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในแต่ละท้องถิ่นและคนไทยก็ใส่ศาสตร์ฮวงจุ้ยไว้ในความเชื่อมายายนาน ความเชื่อ คือ สิ่งที่สั่งสมกันมาเป็นเวลานาน จากรุ่นสู่รุ่น เป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรม ความเชื่อมีผลต่อการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในแต่ละท้องถิ่น Sanook! Horoscope รวบรวมมาไว้ให้คุณได้ทราบแล้วค่ะ

    ซึ่งแต่ละท้องถิ่นก้จะมีความเชื่อ และประเพณี ปฏิบัติ ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละสังคมนั้นๆ อาทิเช่นการฝังศพของแต่ละเชื้อชาติ ศาสนา ก็จะมีพิธีกรรม พิธีการที่แตกต่างกันออกไป


    ส่วนความเชื่อตามหลักการของชัยภูมิ และฮวงจุ้ยนั้น เป็นการสั่งสมประสบการณ์ ของผู้คนในยุคสมัยที่เทคโนโลยี่ยังไม่เจริญ แต่ประสบการณ์เหล่านี้เกิดจากการลองผิดลองถูก การพบจอของจริงมาก่อน แล้วจึงนำมาสั่งสอนลูกหลานกันต่อๆ มาอีกทอดหนึ่ง จึงกลายเป็น ความเชื่อ เป็นสังคม และเป็นวัฒนธรรม

    การปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงยุคปัจจุบัน อย่างคำสุภาษิต ที่ว่า "ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน" นั่นย่อมหมายถึง คนที่ผ่านประสบการณ์มาก่อนนั้น ย่อมที่จะได้พิสูจน์แล้วว่า สิ่งๆนั้นจริง หรือไม่ อย่างไร ควรที่จะปฏิบัติตาม หรือไม่


    [​IMG]


    หลักความเชื่อของคนในการปลูกบ้าน

    "อย่าปลูกเรือนค่อมตอ อย่านอนรอขวางตะวัน อย่าสร้างบ้านหน้าประจัญ อย่าปลูกบ้านเรียงแถว อย่างทำเรือนคูน้ำไหหล อย่าปิดรูทางไหล อย่าปลูกไหล่ทาง อย่าแยก 2 บันได อย่าปลูกบ้าน ทางโค้ง อย่าอยู่ 4 แยก อย่าแฉกทางไหล อย่านอนบนไฟ อย่าอยู่ใจกลาง อย่าไปทางลาด อย่าบาดขุนเขา อย่าเฝ้าปากถ้ำ

    อย่าประจัญหน้าผา อย่าชะล่าดินไหล อย่าอยู่กลางไพร อย่า ใช้น้ำสด อย่าปลูกบ้านใต้ต้นไม้ อย่าเข้าซอยตัน อย่าประจัญบ้านใหญ่ อย่าเข้าทางลอด อย่าตั้งร้านตีนบันได อย่าฝังเสาตะเคียน อย่าเลียนแบบวัด อย่าจัดอย่างวัง อย่านั่งท่อนซุงอย่าปรุงเรือนคู่ อย่าจั่วแทงกัน อย่าหัน 4 ทิศ ทางลมอย่าขวาง อย่าปลูกมุมแหลม อย่าเข้าทางลอด อย่าออกคอสะพาน อย่าอยู่ชายธง อย่าตรงปากเหว อย่าเดินลอดคาน อย่าผ่านหน้าต่าง อย่าปลูกไม้ป่า อย่าบ้าไม้ว่าน อย่าพิศดารปลูกตานี อย่าหามผีเข้าบ้าน

    อย่าพลีในเรือน อย่าเชือดในเล้า อย่าเฝ้าเรือนป่วย อย่าช่วยไกวเปล อย่าเห่ก่อนคลอด อย่าลอดก่อนเคราะห์ อย่าสะเดาะตอนโชคดี อย่าตีก่อนรุ่ง อย่ามุ่งก่อนแต่ง อย่าแข่งกับนาย อย่าชายกว่าหญิง อย่าอิงคำภีร์ อย่าดีกว่าอาจารย์ อย่าผลาญก่อนไถ อย่าจัญไรก่อนตาย อย่าใหม้ก่อนจุด อย่าฉุดก่อนรัก อย่าปักใจเชื่อ อย่าเจือจุนแกง"


    ทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อมาแต่โบราณกาล เรื่องการปลูกบ้านของไทยเรา และประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงค่ะ ท่านผู้ใดที่คิดจะปลูกบ้าน ก็ลองพิจารณาดูทำเลให้ ดีๆ เหมาะ และไม่ขัดกับหลักความเชื่อโบราณ ก็จะสามารถ มีบ้านที่อยู่ยั้งยืนยงและคนใน ครอบครัวก็อยู่อาศัยกันอย่างร่มเย็นเป้นสุขไม่มีีภัยอันตรายใดๆ มาแผ้วพานได้เลย


    [​IMG]


    รายละเอียดของหลักความเชื่อในการปลูกบ้าน

    อย่าปลูกเรือนค่อมตอ หมายถึง ตอไม้ที่มีรากเยอะ มีมด แมลง งู อยู่ใต้ดิน เพราะใต้ต้นไม้ใหญ่เป็นโพรง เป็นดินร่วน จึงกลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ใหญ่น้อยได้ เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสัตว์มีพิษต่างๆ สามารถปล่อยก๊าซพิษออกมาบนพื้นบ้านได้ ถ้าพื้นเป็นไม้ ไม้จะบวมดีดตัวหนีสารพิษ สารพิษจะซึมขึ้นมาทำให้คนในบ้านเจ็บป่วยง่าย อย่างไร้สาเหตุ โบราณจึงห้ามปลูกเรือนค่อมตอ

    อย่านอนรอขวางตะวัน หมายถึง บ้านสมัยก่อนที่มีบริเวณ เค้าจะไม่ให้ปลูกเรือนขวางตะวันขึ้นลงจะร้อนยิ่งเป็นสมัยนี้บ้านเป็นตึกกันหมด ยิ่งทำให้คลายความร้อนยากขึ้นกว่าเดิม อย่าปลูกเรือนหันหน้ารับแดด แดดเช้ายังพอทน แต่แดดบ่ายสิสุดทน ร้อนทั้งวัน ทั้งคืนเชียวนะคะ

    อย่าสร้างบ้านหน้าประจัญ

    ประจัญหน้าวัด หรือศาลเจ้า ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีจิตใจมีพลังงานของคนอยู่ตรงนั้น

    ประจัญหน้าโรงพยาบาล เพราะมีวิญญาณคนเกิด คนตายมากมาย พลังงานที่พวยพุ่งเข้ามาบ้านเรา ก็จะมีทั้งวิญญาณ ทั้งเชื้อโรคจะทำให้คนที่อาศัยในบ้านป่วยง่าย ป่วยหนัก เหมือนที่เค้าห้ามไม่ให้คนป่วยไปโรงพยาบาลไม่ให้ไปงานศพเพราะจะติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่าย

    ประจัญทางสามแพร่ง เวลาแต่งงานเดินผ่านทาง 3 แพร่งก็ไม่รู้จะเลี้ยวไปทางไหนต้อง ยืนรอตรงทาง 3 แพร่ง เวลาแห่ศพก็มักจะมายืนรอตรงทาง 3 แพร่ง เพราะไม่รู้ทางไป พอรู้ทางเลี้ยวไปแล้ว ลืมเรียกผีไปด้วย ผีก็เดินเข้าบ้านเราเลย เพราะผีก็ไม่รู้ทาง

    ทาง 3 แพร่งเป็นจุดอันตราย เพราะเวลารถขับมาไฟรถทุกคันฉายเข้าบ้านเราตลอด คนในบ้านก็จะผวาตลอด คนยิงกัน วิ่งหนีมา ถ้าบ้านเปิดโล่งก็จะโดนลูกหลง โดนกระสุน ได้ง่าย คนในบ้านอาจโดนยิงตายโดยบังเอิญ


    [​IMG]


    อย่าปลูกบ้านเรียงแถว จะเหมือนศาลาศพจะเกิดการประจัญหน้ากัน เปรียบเทียบกัน ต่อเติมบ้านเหลื่อมล้ำกัน เกินหน้าเกินตากัน ทำให้เกิดการเปรียบเทียบ เกิดการกระทบ กระทั่งกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน อย่างบ้านทาวเฮาส์ในปัจจุบัน น้อยนักที่จะอยู่กันแบบสงบสุข

    อย่าทำเรือนคูน้ำไหล คือ อย่าปลูกบ้านค่อมคูคลอง ทางน้ำไหลที่ลงมาจากยอดเขาเวลาหน้าน้ำ อาจจะพัดพาน้ำป่ามาพังบ้านเราได้ง่ายดายนัก งูเงี๊ยว เขี้ยวขอ สัตว์มีพิษจะขึ้น บ้านเราได้ง่ายดาย ลูกเด็กเล็กแดงจะตกน้ำตาย ของมีค่าตกน้ำตกท่าได้ง่าย พอน้ำแห้งดินก็ถล่มยุบตัว

    อย่าปิดรูทางไหล อย่าปิดรูบ่อน้ำบาดาล อย่าเอาดินไปถม เพราะเวลาเราถ่ายของเสียลงไปในบ่อเกรอะ บ่อซึม ไหลลงไปที่ต่ำไปเจอบ่อน้ำบาดาลถ้าปิดรูทางไหลจะทำให้เกิด การอัดแน่นของแก๊ซทำให้เกิดเหตุการณื ส้วมระเบิดได้เพราะมีแก๊ซอัดแน่นมากเกินไป โดยเฉพาะทางภาคเหนืองของไทยที่ยังมีกาซกะฃำมะถันอยู่ในใต้ดินเยอะเป็นเขตภูเขาไฟนั่นเอง

    อย่าปลูกไหล่ทาง ไหล่ถนน ไหล่เขา ไหล่แม่น้ำ ทางลาดทางไม่เสมอ ขาบ้านจะสั้นข้างยาวข้างจะทำให้เกิดการรับน้ำหนักที่ไม่สมดุลมีการถาโถมไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง มากเกินไป เพราะฉะนั้นบ้านที่ปลูกลักษณะนี้จึงพังง่ายกว่าบ้านแบบอื่นๆ ความสมดุลของฐานรากไม่มีขาบ้านด้านที่ยาวกว่าจะหักพังได้ง่ายกว่าขาข้างที่สั้นกว่า

    อย่าปลูกเรือนอกแตก อย่าปลูกเรือนคู่ เรือนอกแตกไม่ดี เพราะเวลาฝนตกน้ำจะไหลลงมารวมอยู่กลางหลังคา มีปัญหาอะไรก็จะมาสุมอยู่ที่คนกลาง

    อย่าแยก 2 บันได เพราะบ้านเราไม่ใช่โรงเรียน ไม่ใช่วัดจะทำให้คนในบ้าน่สนใจไม่แคร์กันทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ช่วยกันทำมาหากิน


    [​IMG]


    อย่าปลูกบ้านทางโค้ง อย่าโก่งคันศร อย่านอนทับคาน ปลูกบ้านทางโค้ง รถจะแหกโค้งเข้ามาชนบ้านเราบ่อย ไฟสาดส่องเข้ามาจะผวา คิดว่าขโมยเข้าบ้าน

    อย่านอนทับคาน ไม่ดีเพราะในคานมีเหล็ก มีแร่ธาตุ ในตัวคนเราก็จะมีแร่ธาตุที่ดึงดูดกันได้เปรียบเสมือนแม่เหล็ก แต่ความเป็นจริงเค้ากลัวคานหล่นทับตัวเวลาบ้านพังลงมา คาน หรือเสา จะหล่นมาทับคนตายคาบ้าน

    อย่าอยู่ 4 แยก บ้านที่อยู่ 4 แยก รถ หรือคนพุ่งมาจากทางไหน ก็เห็นเราหมด รถจะแหกโค้งพุ่งมาชนเราง่าย

    อย่าแฉกทางไหล คล้ายทาง 3 แพร่ง ทางน้ำวน ปากคลอง มีวังน้ำวน อันตราย เรือไปล่มตรงนั้นบ่อยมาก มีสัตว์ดุร้ายชอบไปเล่นน้ำวนบริเวณนั้น

    อย่านอนบนไฟ อย่านอนบนจอมปลวก โพรงงู ซึ่งมีก๊าซพิษต่างๆ จอมปลวกมีสัตว์เป็นล้านๆที่บ้านเรือนไทยสมัยโบราณทำใต้ถุนสูงเพราะต้องการให้อากาศถ่ายเทสะดวก มีอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์เข้ามาถ่ายเทก๊าซพิษออกไป จึงจะอยู่กันได้อย่างปลอดภัย

    อย่าอยู่ใจกลาง พื้นที่ๆ เป็นแอ่งกะทะ อย่าปลูกบ้านในแอ่งกะทะ เพราะเมื่ออยู่นานไป อากาศเป็นพิษ น้ำท่วม พื้นที่ๆ ต่ำที่สุด จะเกิดมลภาวะได้ง่ายมาก เพราะลมไม่พัดผ่านลงไปถึงใจ กลางนั่นเอง เช่นพื้นที่แถบแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ใจกลางเมืองเชียงใหม่ อากาศเสียมากพอๆ กับ กทม เพราะเป็นพื้นที่แอ่งกะทะนั่นเอง จะให้ดี ซื้อที่รอบๆนอก อากาศจะดีกว่าค่ะ

    ุ>>> อ่านต่อเรื่องความเชื่อโบราณอื่นๆ คลิก!

    ขอบคุณข้อมูลจาก รับออกแบบบ้าน อาคาร ร้านค้า กิจการ ตบแต่งภายในภายนอกตามหลักฮวงจุ้ย
    ขอบคุณภาพประกอบจาก


    ความเชื่อโบราณกับเรื่องฮวงจุ้ย
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี



    -http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B4-




    โครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากพระปรีชาสามารถในศาสตร์ต่างๆของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เช่น โครงการเกี่ยวกับดิน น้ำ ป่า และวิศวกรรม โดยการดำเนินงานของโครงการดังกล่าวจะมีหน่วยงานพิเศษของทางราชการเป็นตัวกลางในการประสานงาน คือ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ


    โครงการพระราชดำริเกี่ยวกับป่า

    โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา
    โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จ.นราธิวาส
    โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จ.สกลนคร
    โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จ.เพชรบุรี เน้นเรื่องป่าเปียก, ป่าชายเลน
    โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี เน้นเรื่องสภาพแวดล้อม การฟื้นฟูป่าชายเลนและโครงการอนุรักษ์หญ้าทะเล
    โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ จ.เชียงใหม่ เน้นเรื่องทฤษฏีการปลูกป่า 3 อย่าง
    โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำแม่อาว จ.ลำพูน เน้นเรื่องการพัฒนาและฟื้นฟู
    โครงการห้วยองคต จ.กาญจนบุรี เน้นเรื่องการฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อม (rehabilitation)
    โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี เน้นการรักษาสภาพป่าชายเลนโดยวิธีทางธรรมชาติ
    โครงการพัฒนาปากน้ำปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
    โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่ปิง จ.เชียงใหม่และลำพูน เน้นการปลูกป่า การทำแนวกันไฟ
    โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าขุนแม่กวง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร
    โครงการศูนย์ศึกษาวิจัยธรรมชาติและป่าพรุสิรินทร จ.นราธิวาส

    โครงการพระราชดำริเกี่ยวกับดิน

    โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ฉะเชิงเทรา
    โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นราธิวาส
    โครงการศูนย์ ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี
    โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงใหม่
    โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มแม่อาว จ.ลำพูน
    โครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม จ.ราชบุรี
    โครงการทดลองแก้ปัญหาดินเปรี้ยว จ.นครนายก
    แนวพระราชดำริ "แกล้งดิน"
    แนวพระราชดำริเกี่ยวกับการนำ "หญ้าแฝก" มาใช้ป้องกันการพังทลายของดิน
    แนวพระราชดำริ "ห่มดิน" เพื่อการฟื้นฟูดินที่เสื่อมสภาพ

    โครงการพระราชดำริเกี่ยวกับน้ำ

    โครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก จ.ลพบุรี,จ.สระบุรี
    โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำแม่อาว จ.ลำพูน
    โครงการห้วยองคต จ.กาญจนบุรี
    โครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก
    โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่ปิง จ.เชียงใหม่,จ.ลำพูน
    โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี
    โครงการน้ำดีไล่น้ำเสียตามคลองต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร
    โครงการบำบัดน้ำเสียโดยใช้พืช บึงมักกะสัน จ.กรุงเทพมหานคร
    แนวพระราชดำริ "แก้มลิง"
    โครงการพระราชดำริฝนหลวง"
    โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี เน้นการบำบัดน้ำเสียชุมชน โดยวิธีทางธรรมชาติ
    โครงการผันน้ำเข้าที่ส่วนพระองค์ บริเวณพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา
    โครงการป้องกันน้ำท่วมด้วยการเบี่ยงน้ำ คลองลัดโพธิ์ กรุงเทพมหานคร
    โครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยทอน จังหวัดหนองคาย
    ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี

    โครงการทางด้านวิศวกรรม

    โครงการทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี
    โครงการสะพานพระราม 8
    โครงการด้านการจราจร เกี่ยวกับการขยายถนนคอขวดจุดต่างๆ
    ไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์จากพืชของไทย
    กังหันชัยพัฒนา
    ฝายแม้ว หรือการจัดทำฝายชะลอน้ำ เพื่อฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม

    แนวพระราชดำริอื่นๆ

    แนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่
    แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
    โรงเรียนกาสรกสิวิทย์

    อ้างอิง
    แหล่งข้อมูลอื่น

    มูลนิธิชัยพัฒนา
    พระปรีชาทางด้านภูมิสถาปัตยกรรมโดย ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
    โครงการในพระราชดำริ


    ------------------------------------------------------


    พระองค์ผู้ทรงสอนให้ตกปลาเป็น
    ไม่ใช่นำปลาให้กิน วันต่อวัน

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    sithiphong
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กู้บ้านผ่าน ไม่ได้แปลว่า ผ่อนบ้านไหว

    -http://money.kapook.com/view89036.html-

    [​IMG]

    เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ThinkOfLiving.com

    หลายคนดิ้นรนอยากเป็นเจ้าของบ้านสักหลัง ด้วยการทำงานหนักและพยายามเดินบัญชีสวย ๆ เพื่อให้สามารถขอกู้ซื้อบ้านผ่านฉลุย ทั้งยังตื่นเต้นดีใจที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อบ้าน แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว การซื้อบ้านกลับมีปัจจัยอื่น ๆ นอกเหนือจากแค่กู้บ้านผ่านเท่านั้น กระปุกดอทคอมจึงมีบทความดี ๆ ที่อธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง การกู้บ้านผ่าน และการซื้อบ้านไหว ที่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่จาก เว็บไซต์ ThinkOfLiving.com มาฝากให้ได้ทำความเข้าใจกันค่ะ

    “กู้บ้านผ่าน” ไม่ได้หมายความว่าจะ “ซื้อบ้านไหว” โดย ThinkOfLiving.com

    บ่อยครั้งที่เราเห็นคนใกล้ตัวคิดจะซื้อบ้าน จากที่ทีแรกตั้งงบประมาณไว้ 3 ล้านบาทก็คิดว่าพอสมควรแล้ว แต่พอเขาศึกษาบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ เข้าโครงการนี้ออกโครงการนั้น วิ่งวนไปอยู่สักพักหนึ่ง งบประมาณซื้อบ้านที่ตั้งไว้ทีแรกที่ 3 ล้านบาท ก็ขยายขึ้นไปเป็น 4-5-6 ล้านตามลำดับ ในระยะเวลาอันสั้น แล้วก็ไปหยุดอยู่ตรงงบประมาณสูงที่สุดที่พอจะกู้ธนาคารผ่านได้ โดยลืมไปเลยว่าตัวเองตั้งงบไว้ทีแรกเพียง 3 ล้านบาท … ยิ่งกู้บ้าน 100% จับเสือมือเปล่ายิ่งดี เพราะยังสามารถเก็บเงินก้อนเอาไว้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งเข้าบ้านได้ หรือบางรายหนักไปกว่านั้น ขอกู้เกินราคาบ้าน โดยส่วนเกินยอมให้ธนาคารคิดดอกเบี้ยแพงหน่อยไปเป็น​ "ค่าตกแต่ง" จะได้ไม่ต้องเสียเงินก้อนในการตกแต่งบ้านด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่า "ฉันกู้ผ่าน"

    จริง ๆ ประโยคที่ว่า "ฉันกู้ผ่าน" กับ "ฉันซื้อไหว" มันไม่ได้มีความหมายเหมือนกันนะครับ หลาย ๆ คนชอบคิดไปเองว่า 2 ประโยคนี้มีความหมายเดียวกัน หรือไม่ก็หลงอยู่ในประโยคแรกแต่ไม่ได้คิดถึงประโยคที่สอง ด้วยเมฆหมอกที่มาบังตาจากความอยากได้อยากมีเกินกำลัง ของมันแน่อยู่แล้วครับว่า บ้านเดี่ยวราคา 5 ล้านบาท ส่วนใหญ่ย่อมดีกว่าทาวน์เฮาส์ราคา 3 ล้านบาทอยู่แล้ว

    "กู้ผ่าน ผ่อนได้ เดี๋ยวเงินเดือนก็ขึ้น ได้โบนัสมาก็โปะ ปีสองปีแรกรัดเข็มขัดหน่อย ปีต่อ ๆ ไปก็ผ่อนสบาย ๆ แล้ว" คงจะเป็นเสียงในใจของคนหลาย ๆ คน ที่ลืมคิดไปว่าหากเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ไม่เพิ่ม บริษัทที่ทำอยู่ลดพนักงาน หรือไม่จ่ายโบนัสจะทำอย่างไร ?

    ถ้ามีเงินเก็บ สามารถหยิบมาใช้ได้ หรือขยันทำงานมากขึ้น รับงานพิเศษ หาทางเอาตัวรอดได้ก็แล้วไป แต่ถ้าวินัยทางการเงินไม่พอ หรือเศรษฐกิจหดตัวแรง ๆ เงินช็อต อาจจะนำมาสู่การยึดทรัพย์เพื่อชำระเงินกู้ได้นะครับ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่เห็นธนาคารเอาบ้านมือสองมาขายทอดตลาดกันอยู่บ่อย ๆ หรอก … หลายคนยิ่งไปกว่านั้น กดเงินสดดอกเบี้ย 20-28% มาใช้ โดยไม่รู้ว่ายิ่งเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง

    เรามาลองรู้จักคำว่า "พอดี" กันบ้างดีไหมครับ ? แต่ก่อนที่ผมจะพาไปรู้จักนั้น เดี๋ยวผมจะหยิบยกตัวเลขทางสถิติมาให้เห็นกันก่อน เพื่อที่จะได้เข้าใจภาพรวมคร่าว ๆ ของบ้านเมืองเรา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ผมตัดสินใจเขียนบทความชิ้นนี้ขึ้นมา … ข้อมูลประกอบ รายงานนโยบายการเงิน เดือนมีนาคม 2557 โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย


    [​IMG]

    นี่เป็นตัวเลขล่าสุดของ หนี้สินภาคครัวเรือนต่อ GDP ซึ่งแสดงให้เห็นว่าครอบครัวไทยมีความสามารถกู้เงินมาใช้จ่ายได้เก่งมาก ภายใน 3 ปี ก็ทำให้หนี้สินครัวเรือนพุ่งจาก 63% ก่อนปี 2554 จนเฉียด 80% ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2556


    [​IMG]

    ต่อมาเป็นตัวเลข NPL หรือหนี้เสียจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (ซื้อแล้วผ่อนไม่ไหว) ที่มีแนวโน้มในขาขึ้นชัดเจน จาก 10,000 กว่าล้านบาท พุ่งไปเกือบแตะ 25,000 ล้านบาทในเวลาเพียง 3 ปี



    ดูตัวเลขแล้วก็หนาว ๆ ร้อน ๆ เนอะ หลาย ๆ คนเห็นแล้วก็อาจจะโทษนู่นโทษนี่ ต่อว่านโยบายรถคันแรก ต่อว่าบัตรเงินสด ต่อว่าโฆษณาที่ทำให้ดูเหมือนว่าการกู้เงินเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ขับรถเข้าไปปุ๊บได้เงินออกมาปั๊บ ยังมีรถใช้อยู่ แต่ลืมต่อว่าไปอย่างหนึ่ง … "ตัวคนกู้" นั่นเอง …

    ของอย่างนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกครับ สถาบันการเงินหลาย ๆ แห่งชอบโทรมาชวนให้ทำบัตรบ้าง กดเงินบ้าง กู้รถ กู้บ้านเกินกำลังบ้าง แต่ถ้าตัวคนกู้ไม่เอาด้วยเสียอย่าง เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้คุณจับปากกาเซ็นชื่อลงในเอกสาร ธุรกรรมทางการเงินก็คงจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าสาเหตุหนึ่งคงจะมาจากการที่หลาย ๆ คนมีความรู้ในเรื่องนี้น้อยเกินไป ว่าใช้จ่ายอย่างไรเรียกว่า "ไหว" และใช้จ่ายอย่างไรเรียกว่า "ไม่ไหว"

    การที่เราจะหาคำว่า "พอดี" ได้นั้น เราก็ต้องมารู้จักความหมายของ "ฉันกู้ผ่าน" กับ "ฉันซื้อไหว" เสียก่อน

    ฉันกู้ผ่าน หมายความถึง จำนวนเงินที่ธนาคารคิดว่าสามารถทำกำไรจากคุณในความเสี่ยงที่เขายอมรับได้ (ไม่ใช่คุณยอมรับได้)

    ฉันซื้อไหว หมายความถึง จำนวนเงินที่คุณสามารถจ่ายได้โดยไม่สร้างเดือดร้อนต่อตนเองและคนรอบข้าง

    เงินกู้ก็เหมือนมีด ใช้ดี ๆ ก็เกิดประโยชน์ ใช้ผิดก็อาจจะเฉือนทำร้ายตัวเองรวมถึงคนที่อยู่รอบ ๆ เราได้ด้วย ดังนั้นธนาคารพาณิชย์จึงถูกตั้งเกณฑ์ขั้นต่ำในการปล่อยสินเชื่อขึ้นมา จากตัวเลขที่เรียกว่า "อัตราส่วนรายได้ต่อภาระจ่ายชำระหนี้" หรือ DSCR: Debt Service Coverage Ratio ซึ่งคำนวนจากการเอาเงินได้มาหารภาระที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน เช่น

    เงินเดือน 50,000 บาท

    ผ่อนชำระหนี้ 10,000 บาท

    ก็เรียกว่ามี DSCR = 5 เท่า

    โดยตัวเลขนี้ในเหตุการณ์ทั่วไปจะถูกกำหนดไม่ให้ต่ำกว่า 2 เท่า ก็คือเงินเดือน 50,000 บาท ผ่อนชำระหนี้ได้สูงสุด 25,000 บาท นั่นเอง


    [​IMG]

    ทีนี้เรามาดูอัตราเฉลี่ยของประเทศไทยกันบ้างนะครับ ตรงนี้เป็นตัวเลขที่รวมรวบยอดประชากรทุกฐานะ ตั้งแต่มหาเศรษฐี จนถึงชนชั้นกลางที่สามารถกู้บ้านผ่านได้ ปรากฏว่ามีอัตราส่วนรายได้ต่อภาระจ่ายชำระหนี้ (DSCR) อยู่ที่ 4.4 เท่าโดยเฉลี่ย คิดง่าย ๆ ก็คือ มีเงินเดือน 44,000 บาท ผ่อนชำระหนี้ 10,000 บาท เหลือ 34,000 บาท เอาไว้ใช้จ่ายในแต่ละเดือนรวมถึงจ่ายภาษีรายได้ส่วนบุคคลด้วย ซึ่งผมก็เห็นว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างเหมาะสม สามารถใช้จ่ายกันได้อย่างสบาย ๆ ไม่เกินตัว

    สำหรับบางคนไม่ใช่อย่างนั้นนะสิครับ สมมุติว่า นายเปี๊ยก มีรายได้ 50,000 บาทต่อเดือน (600,000 ต่อปี) อยากได้ทาวน์เฮาส์ราคา 2 ล้านบาท ผ่อน 20 ปี ดอกเบี้ย 6% ก็จะอยู่ประมาณ 15,600 บาทต่อเดือน เหลือใช้ 34,400 บาทต่อเดือน (คิดเป็น DSCR = 3.2 เท่า) – คำนวณสินเชื่อด้วยโปรแกรมจากธนาคารอาคารสงเคราะห์


    [​IMG]

    แต่พอเปี๊ยกดูบ้านไป ๆ มา ๆ แล้วก็เห็นว่าข้าง ๆ โครงการนี้ก็มีบ้านเดี่ยวอยู่ห่างไปไม่ไกล ในราคา 3.2 ล้านบาท ผ่อน 20 ปี ดอกเบี้ย 6% ก็จะต้องจ่าย 24,900 บาทต่อเดือน เหลือใช้ 25,100 บาทต่อเดือน อัตราส่วน DSCR ลดลงเหลือ 2 เท่าเศษ ซึ่งเปี๊ยกเองก็สามารถกู้ผ่านได้อยู่ …

    [​IMG]

    สายตาที่เคยมองทาวน์เอาส์ก็ถูกความฝันของบ้านเดี่ยว 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พร้อมสวนรอบข้างมาแทนที่ ลืมไปเลยว่าตัวเองเคยตั้งงบไว้ไม่เกิน 2 ล้านบาทเพราะ "กู้บ้านเดี่ยวผ่าน" ก็เลยเทใจมาที่บ้านที่ใหญ่กว่า ตั้งใจว่าจะรัดเข็มขัด ลดค่าใช้จ่ายอย่างอื่นเอา

    บังเอิญเปี๊ยกลืมไปว่า เงินเดือนแต่ละเดือนก็ต้องถูกหักภาษีไปนะ ต้องส่งประกันสังคมด้วยนะ หากเดือนไหนป่วยก็ต้องไปหาหมอด้วยนะ ประกันรถยนต์ก็ต้องจ่ายทุกปีนะ … แล้วพออยู่บ้านเดี่ยวค่าใช้จ่ายการดูแลบ้านก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ไหนจะดูแลรักษาต้นไม้ ตัดหญ้ารอบบ้าน จ่ายค่าส่วนกลางที่มักจะแพงกว่าโครงการทาวน์เฮาส์ทั่ว ๆ ไป … ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ได้คำนึงถึงเหตุการณ์สุดวิสัย ที่เปี๊ยกไม่อาจคำนวณได้ ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาเศรษฐกิจโลก อุบัติเหตุ หรือเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไม่มีเงินก้นถุงเหลือมาใช้จ่ายในส่วนนี้

    บ้านนั้นจัดเป็นการลงทุนก็จริงอยู่ เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากขึ้นก็จริงอยู่ แต่เราก็ไม่ต้องคิดไปว่าเราจะอยู่บ้านที่เราจะซื้อนี้ไปจนตายนะครับ … คนส่วนใหญ่มักคิดอย่างนั้น แต่แท้จริงแล้วบ้านสามารถขายเปลี่ยนมือและไปหาที่ใหม่ได้ตลอดเวลา ตราบใดที่เรามีสตางค์พอก็สามารถขยับขยายได้ … แต่สิ่งที่จะทำให้เรามีสตางค์ไม่พอนั้น ก็คือ "ดอกเบี้ย" คนเรากู้ธนาคารมักจะลืมเรื่องดอกเบี้ย หรือเงินจ่ายเปล่า ๆ นั้นไปเลย

    ทาวน์เฮาส์ 2 ล้านบาท ผ่อน 20 ปี ดอกเบี้ย 6% ผ่อนเดือนละ 15,600 บาท รวมต้องจ่ายทั้งหมด 3.744 ล้านบาท เป็นดอกเบี้ย 1.744 ล้านบาท

    บ้านเดี่ยว 3.2 ล้านบาท ผ่อน 20 ปี ดอกเบี้ย 6% ผ่อนเดือนละ 24,900 บาท รวมต้องจ่ายทั้งหมด 5.976 ล้านบาท เป็นดอกเบี้ย 2.776 ล้านบาท

    คิดหยาบ ๆ ปีแรก 3.2 ล้านบาท ดอกเบี้ย 6% ตกเดือนละ 16,000 บาท … นี่คือเงินที่เสียไปฟรี ๆ นะครับ ไม่ได้ลดต้นนะ แต่เป็นส่วนกำไรของธนาคารต่างหาก

    ผมเข้าใจว่าทุกคนอยากได้บ้านในฝัน แต่ถ้าเราซื้อบ้านอย่างมีสติอยู่ด้วยความพอดี ปัญหาการเงินหลาย ๆ อย่างก็คงจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งถ้าเกิดขึ้นแล้วธนาคารเขาก็ไม่ได้มาเดือดร้อนกับคุณด้วยนะครับ ดอกเบี้ยวิ่งทุกวัน ขนาดน้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี 54 หลายคนขอประนอมหนี้หยุดผ่อนได้ 3 เดือน แต่ดอกเบี้ยก็ยังไม่หยุดเดินนะ คิดทุกเม็ด ถ้าผ่อนไม่ไหวก็จับบ้านไปขายทอดตลาด หรือรีไฟแนนซ์ที่ยืดเวลาผ่อนนานขึ้น ให้คุณจ่ายต่อก้อนน้อยลงแต่เขาก็ได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเหมือนกัน

    ความพอดีที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละคนนั้นคงไม่ใช่อัตราส่วนใด ๆ ที่คนอื่นเป็นผู้กำหนดขึ้น หรือเป็นสัดส่วนค่าเฉลี่ยประชากร มันแทนกันไม่ได้ครับ เพราะบริบทต่างกัน แต่ละคนมีภาระไม่เท่ากัน มีลักษณะการใช้ชีวิตแตกต่างกัน มีความพอใจในความมั่นคงไม่เท่ากัน ดังนั้นเกณฑ์ที่ดีควรจะเป็นเกณฑ์ที่ไม่ได้กำหนดลงไปอย่างเฉพาะเจาะจง

    อย่างเช่นคำถามที่ผมชอบใช้ ..

    หากคุณมีความคิดแม้แต่แว้บเดียวว่า "ฉันจะจ่ายไหวไหม ?" นั่นแหละครับ สรุปได้เลยว่า "คุณจ่ายไม่ไหว" แต่กำลังหาเหตุผลมาสนับสนุนความเกินพอดีของตนต่างหาก

    ปล. คำถามนี้ไม่ใช่ "คุ้มค่าเงินไหม" นะครับ เรื่องคุ้มค่าเงินเป็นเรื่องแพงหรือถูก ซึ่งต้องพิจารณาทุกครั้งก่อนที่จะซื้อสินค้าทุกชนิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • h1.png
      h1.png
      ขนาดไฟล์:
      243.7 KB
      เปิดดู:
      46
    • h2.png
      h2.png
      ขนาดไฟล์:
      104.2 KB
      เปิดดู:
      82
    • h3.png
      h3.png
      ขนาดไฟล์:
      218.8 KB
      เปิดดู:
      56
    • h4.png
      h4.png
      ขนาดไฟล์:
      192.8 KB
      เปิดดู:
      43
    • h5.png
      h5.png
      ขนาดไฟล์:
      72.1 KB
      เปิดดู:
      49
    • h6.png
      h6.png
      ขนาดไฟล์:
      299.8 KB
      เปิดดู:
      51
    • h7.png
      h7.png
      ขนาดไฟล์:
      244.1 KB
      เปิดดู:
      47
    • h8.png
      h8.png
      ขนาดไฟล์:
      79.8 KB
      เปิดดู:
      51
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ธงชาติ เพลงความหมายดี จาก คสช. หวังคนไทยสำนึกคุณแผ่นดิน

    -http://hilight.kapook.com/view/102826-




    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย

    เพลง ธงชาติ เพลงเนื้อหาดี ๆ ที่ คสช. โพสต์ในเฟซบุ๊ก เพื่อหวังปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รู้คุณแผ่นดิน

    หลังจากที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้ระงับการออกอากาศช่องฟรีทีวีและเคเบิล ตั้งแต่ประกาศรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา และได้มีการเปิดเพลงปลุกใจรักชาติมากมาย จนกลายเป็นกระแสฮิตให้บรรดาชาวเน็ตเข้าไปขอเพลงจากเฟซบุ๊กของ คสช. กันอย่างมากมายนั้น

    แต่มีเพลงเพลงหนึ่ง ซึ่งทาง คสช. ได้โพสต์มิวสิควิดีโอลงในเฟซบุ๊ก (25 พฤษภาคม 2557) เพื่อหวังกระตุ้นจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ นั่นก็คือเพลง "ธงชาติ" พร้อมระบุข้อความว่า.. "ธงชาติ ปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดิน" โดยหวังว่าเพลงนี้จะปลุกจิตสำนึกคนไทยให้กับมารักและสามัคคีกันได้ดังเดิม


    สำหรับ เนื้อเพลง "ธงชาติ" มีดังต่อไปนี้

    เพลง ธงชาติ
    เนื้อร้อง : หลง ลงลาย
    ขับร้องโดย : คณะนักร้องประสานเสียง Wattana Little Angels (จากรายการ ครอบครัวเดียวกัน ช่อง TPBS ออกอากาศเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2555)

    ธงชาติไทยไม่ใช่เพียงผืนผ้า
    เอาสีมาทาให้เป็นสามสี
    แต่กว่าจะเป็นไตรรงค์ผืนนี้
    เบื้องหลังยังมีเรื่องราวตั้งมากมาย

    ทั้งความทุกข์ ทั้งชีวิตของบรรพชน
    หล่อรวมปะปนอนาคตลูกหลานไว้
    แต่วันนี้ที่ได้เห็นผืนธงไทย
    น้ำตาแทบจะไหลให้สงสารแผ่นดิน

    นานแค่ไหนที่เหมือนคนไทยลืมรักชาติ
    ปล่อยไตรรงค์โบกสะบัดอย่างเดียวดายเสียจนชิน
    ถึงเวลาเหลียวมองธงคู่แผ่นดิน
    ฟังเพลงชาติให้ได้ยินเสียงหัวใจกันและกัน

    ให้ลึกซึ้งถึงความทุกข์ของบรรพชน
    รู้สึกกังวลอนาคตของลูกหลาน
    ถ้าเห็นสามสิ่งจากผืนธงเหมือน ๆ กัน
    เมื่อใดก็เมื่อนั้น สันติสุขจะคืนมา


    ชมตามลิงค์


    http://www.youtube.com/watch?v=lyUahtJ9reo#t=13
    -http://www.youtube.com/watch?v=lyUahtJ9reo#t=13-
    คลิป ธงชาติ หลง ลงลาย โพสต์โดย คุณ Nattawut Laorsuwan
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เป็นหนี้บัตรเครดิต ทําไงดี เรามีคำแนะนำมาฝาก

    -http://money.kapook.com/view89516.html-

    ลดหนี้…… บัตรเครดิต เทคนิคดีๆ ที่ควรรู้ (ธนาคารกสิกรไทย)

    เป็นหนี้บัตรเครดิต ทําไงดี ไม่จ่ายบัตรเครดิต หนี้บัตรเครดิต ไม่จ่าย ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ควรทำอย่างไร วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝาก

    ปัญหาหนึ่งของคนมีหนี้บัตรเครดิตที่ยังไม่มีวินัยในการใช้จ่ายเงิน แถมใช้จ่ายเงินด้วยความฟุ่มเฟือยหรือใช้จ่ายเงินไม่เป็น อาจก่อให้เกิดปัญหาไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ทันเวลาที่กำหนด ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามมา ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ ค่าปรับจากการผิดเงื่อนไขการชำระ ดอกเบี้ยที่คิดจากยอดค้างชำระ ทั้งนี้ ยังไม่รวมผลเสียจากความเครียดที่มีเพิ่มขึ้น และสุขภาพจิตที่เสียไปเมื่อขาดเงินชำระหนี้

    เริ่มแรกเมื่อใช้บัตรเครดิตใหม่ ๆ ไม่มีใครคิดอยากเป็นหนี้ แต่พอเริ่มใช้สักระยะหนึ่งแล้ว รู้สึกว่าตนเองมีกำลังซื้อจากเงินในอนาคตมากขึ้น จากเดิมที่เคยชำระแบบเต็มวงเงิน เริ่มเปลี่ยนเป็นการชำระเพียงบางส่วน ดังนั้น หากไม่มีวินัยในการใช้เงินที่ดีแล้ว จะเริ่มมีการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตจาก 1 เดือน เป็น 2 เดือน 3 เดือน และในที่สุดก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งส่งผลต่อการขอกู้เงิน หรือการขอสินเชื่อในครั้งต่อ ๆ ไป เช่น ในอนาคตหากมีความประสงค์ต้องการซื้อบ้าน รถยนต์ จะทำให้สูญเสียโอกาสในการกู้เงิน เพราะการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินต่าง ๆ ในปัจจุบัน ใช้วิธีดูประวัติการผ่อนชำระผ่านทางระบบข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (Credit Bureau) กล่าวคือ หากเป็นผู้ที่มีประวัติการผ่อนชำระไม่ดี อาจไม่สามารถกู้เงินได้อีกในครั้งต่อไป ดังนั้น คุณผู้อ่านควรรู้จักวิธีบริหารจัดการหนี้ เผื่อไว้สำหรับเวลาที่เดือดร้อนเรื่องเงินจริง ๆ จะได้สามารถพึ่งพาเครดิตของตัวเองได้ ไม่ต้องไปขอหยิบขอยืมเงินใครมาใช้

    สำหรับวิธีบริหารจัดการหนี้นั้น ขอเริ่มจากหนี้ที่ง่ายที่สุด คือ หนี้บัตรเครดิต การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมีความง่ายและสะดวกสบาย แต่ หากขาดการวางแผนที่ดี อาจก่อให้เกิดเป็นหนี้สินได้ หนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้อันดับแรกที่ควรชำระ เนื่องจากดอกเบี้ยสูงและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตจะ เริ่มคิดดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่มีการจ่ายเงินแทนลูกค้าออกไป สำหรับเทคนิคการบริหารจัดการหนี้บัตรเครดิตอย่างถูกวิธีนั้น มีดังต่อไปนี้

    ไม่มีเงินจ่าย อย่าได้รูดบัตร ใช้จ่ายให้น้อยกว่า หรือเท่ากับเงินสดที่มีเท่านั้น

    ชำระเต็มจำนวน... ตรงตามเวลา จะช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย รวมถึงค่าปรับต่าง ๆ ได้

    ถือบัตรที่เหมาะกับ Lifestyle มีส่วนช่วยลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลงได้ เช่น เติมน้ำมันผ่านบัตรเครดิตให้ส่วนลดสูงถึง 5% เติมเงินค่าเดินทางรถไฟฟ้าผ่านบัตรเครดิตมีส่วนลดพิเศษ เป็นต้น

    อ่าน Statement อย่างละเอียด เพื่อทบทวนรายจ่ายในแต่ละเดือน

    ใช้ Statement เป็นบันทึกการใช้จ่าย ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น

    ใช้สิทธิประโยชน์จาก Point อย่างเหมาะสม ไม่เป็นเหยื่อโปรโมชั่น ของบัตรเครดิต

    เป็นหนี้บัตรเครดิต ทําไงดี

    สำหรับผู้ที่เริ่มมีหนี้บัตรเครดิต และต้องการหาทางออก มีเคล็ดลับดี ๆ ในการลดหนี้ ก่อนอื่นควรรู้จักกับหนี้ที่เหมาะสมของบัตรเครดิตก่อน คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า มีหนี้บัตรเครดิตเท่าไร ถึงจะไม่เกินตัว สำหรับจำนวนหนี้ที่ต้องผ่อนชำระบัตรเครดิตนั้น ไม่ควรเกิน 10% ของรายได้สุทธิต่อเดือน หรือ ไม่ควรกู้เกิน 20% ของรายได้สุทธิตลอดทั้งปี เพราะจะส่งผลต่อการผ่อนชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ เคล็ดลับในการลดหนี้บัตรเครดิต ขอแนะนำ เทคนิคดี ๆ ที่ควรรู้ มีดังต่อไปนี้

    อันดับแรกต้องใจแข็ง ไม่ก่อหนี้เพิ่ม ซื้อเฉพาะสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น อาหาร ยารักษาโรค ค่าเดินทางมาทำงาน เสื้อผ้าตามความจำเป็น ฯลฯ มีข้อคิดดี ๆ สำหรับการประหยัดเงินเพื่อมาชำระหนี้เพิ่ม คือ “ถึงแม้ว่าจะถูกแค่ไหน ถ้าไม่ใช้ ก็ไม่ซื้อ”

    อันดับต่อมา ควรชำระหนี้ที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูง ๆ ก่อน หากมีเฉพาะบัตรเครดิต ควรเลือกปิดบัตรที่มียอดหนี้คงเหลือต่ำ ๆ ก่อน แล้วทยอยปิดบัตรที่มียอดคงเหลือน้อยใบต่อไป เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการลดหนี้ ทั้งนี้ ควรมีการบันทึกบัญชีรับ-จ่าย ควบคู่กันไปด้วย เพื่อดูความสามารถในการชำระหนี้เพิ่ม (จะได้หมดเร็ว ๆ) และหากต้องการมีวินัยในการใช้จ่ายเงิน แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ “บัตรเดบิต” แทน “บัตรเครดิต” เพื่อที่จะได้ใช้จ่ายตามเงินที่มีอยู่ในกระเป๋า ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีเงินมาชำระหนี้บัตรเครดิตหรือไม่ ซึ่งการใช้บัตรเดบิตก็เป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ดีอีกทางเลือกหนึ่ง และพยายามหาทางเพิ่มรายได้ เพื่อนำมาชำระหนี้

    อันดับสุดท้ายที่แนะนำ คือ การขายสินทรัพย์เพื่อนำมาชำระหนี้ พิจารณาสินทรัพย์ที่มีอยู่และไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หากนำมาชำระหนี้แล้วจะทำให้ลดดอกเบี้ยจ่ายและเงินต้น ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง

    นอกจากนี้ การวางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้าเป็นรายเดือน จัดแยกค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค และใช้จ่ายให้อยู่ในงบประมาณที่กำหนด จะช่วยให้คุณมีเงินเหลือเก็บมาชำระหนี้มากขึ้น


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    ธนาคารกสิกรไทย
    โดย คนอง ศรีพิบูลพานิชย์
    ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกสิกรไทย
    -http://k-expert.askkbank.com/Article/Pages/A4_015.aspx-



    เป็นหนี้บัตรเครดิต ทําไงดี เรามีคำแนะนำมาฝาก
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    .

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tfb cr1.png
      tfb cr1.png
      ขนาดไฟล์:
      387.4 KB
      เปิดดู:
      348
    • tfb cr2.png
      tfb cr2.png
      ขนาดไฟล์:
      97.8 KB
      เปิดดู:
      493
    • tfb cr3.png
      tfb cr3.png
      ขนาดไฟล์:
      85.7 KB
      เปิดดู:
      513
    • he1.png
      he1.png
      ขนาดไฟล์:
      223.7 KB
      เปิดดู:
      46
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ศึกษา สามก๊ก เรียนรู้ "ความพ่ายแพ้" ศึกษา "ขงเบ้ง"

    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1401521266-





    เมื่อเอ่ยนามของ "ขงเบ้ง" ภาพลักษณ์ที่ปรากฏมันเป็นเรื่องของกลยุทธ์ เรื่องของเสนาธิการ นักวางแผน

    นั่นก็เห็นได้จาก "แถลงการณ์หลงจ้ง"

    อันขงเบ้งบรรยายให้เล่าปี่ฟัง ณ เขาโงลังกั๋ง สร้างความประทับใจเป็นอย่างสูง ที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือ เป็นการ

    คาดสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ และถูกถ้วน

    1 แยกแยะกำลังแต่ละฝ่าย

    1 กำหนดแนวทางจะสามัคคีกับกำลังฝ่ายใด ทำการสัประยุทธ์ โค่นล้ม บ่อนทำลายและกำราบฝ่ายใด

    ข้อเสนอคือให้สามัคคีซุนกวน พุ่งปลายหอกเข้าใส่โจโฉ

    1 ความยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่งก็คือ ภายหลังผ่านศึกเช็กเพ็ก หรือศึกผาแดง แผ่นดินจีนก็ได้เข้าสู่ยุคของ "สามก๊ก" อย่างเป็นจริง

    ที่สำคัญก็คือ ก๊กของเล่าปี่เริ่มมีสถานะทางการเมือง

    กระนั้น ผู้คนก็มักจะมองแต่ในด้าน "รุก" ทั้งทางการเมือง ทั้งการทหาร กระทั่งมองข้ามบทบาท 1 ซึ่งล้ำเลิศเป็นอย่างยิ่งของขงเบ้ง

    นั่นก็คือ บทบาทใน "การถอย"



    แท้จริงแล้วศึกระหว่างขงเบ้งกับสุมาอี้นั้นเหมือนกับขงเบ้งจะเป็นฝ่ายรุก เพราะเป็นฝ่ายยกกำลังจากเสฉวนไปปักหลักอยู่ที่เขากิสาน

    จ่อคอหอยของราชวงศ์วุย

    เหมือนกับการรุกจะเป็นจุดแข็ง แต่ต้องยอมรับว่ากำลังของขงเบ้งยกมาไกลอย่างยิ่ง ปัญหาที่ต้องประสบก็คือ เรื่องเสบียง

    นั่นก็คือ เรื่องส่งกำลังบำรุง

    กลยุทธ์ของสุมาอี้จึงดำเนินไปอย่างรู้เท่าทัน คือ ตั้งอยู่ในฐานที่มั่น ประวิงเวลา ไม่ยอมออก

    อาศัย "เวลา" มาเป็น "อาวุธ"

    เพราะยิ่งอยู่นานทัพของขงเบ้งยิ่งประสบความยากลำบาก ขวัญกำลังใจของกำลังพลรวนเรระส่ำระสาย คิดถึงบ้าน

    ความพยายามของขงเบ้งคือยั่วยุให้อีกฝ่ายออกมาปะทะ

    เป็นความพยายามอย่างแรงกล้ากระทั่งถึงกับส่งผ้าถุงไปให้สุมาอี้เพื่อหยามหยัน แต่แทนที่สุมาอี้จะตกเป็นเหยื่อ กลับสอบถามทหารที่เดินสารมาอย่างสุขุมเยือกเย็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของขงเบ้งกระทั่งรู้ว่าสุขภาพของขงเบ้งไม่น่าจะดี

    ที่สุด 6 ครั้งที่ยกไปยังเขากิสานของขงเบ้งจึงลงเอยด้วย "การถอย"



    หลี่ปิงเอี้ยน ซุนจิ้ง นักวิเคราะห์กลยุทธ์คนสำคัญของจีนศึกษาขงเบ้งและสรุปการถอย 6 ครั้งของขงเบ้งว่าดำเนินไปอย่างชาญฉลาดยิ่ง

    ครั้งที่ 1 ใช้ยุทธวิธีทำให้ฉงน ถอนตัวออกมาอย่างปลอดภัย

    ครั้งที่ 2 ใช้การซุ่มตีแทงทวนสวนกลับแล้วจึงถอย

    ครั้งที่ 3 ใช้กลยุทธ์ "ถอยให้ 3 ช่วง" ตีข้าศึกพ่ายยับ สามารถถอยออกจากสนามรบได้อย่างราบรื่น

    ครั้งที่ 4 ใช้วิธีเพิ่มเตาถอยอย่างมีจังหวะ

    ครั้งที่ 5 ดักซุ่มตีที่บอกบุ๋น ทำลายล้างข้าศึกอันไล่ตามมาและนำทัพถอยกลับไปยังเสฉวนอย่างสะดวกดาย

    ครั้งที่ 6 อันเป็นการถอยครั้งสุดท้าย

    เพราะขงเบ้งแพ้ภัยตนเอง ล้มตายในสนามรบยังดำเนินกลยุทธ์ "ขงเบ้งตาย ขู่สุมาอี้จนขวัญบิน"

    ขงเบ้งเคยกล่าว "เมื่อคิดถึงประโยชน์ต้องคำนึงถึงผลเสีย คิดถึงความสำเร็จต้องคำนึงถึงความล้มเหลว ดังเช่นศาลา 9 ชั้น แม้สูงก็ต้องพัง ฉะนั้น ผู้เงยหน้ามองสูงอย่างละเลยเบื้องล่าง มองไปข้างหน้าอย่าละเลยข้างหลัง"

    และย้ำว่า "ผู้สันทัดในการแพ้จะไม่มีวันล่มสลาย"



    ผู้คนศึกษาสามก๊ก ศึกษาขงเบ้ง มักจะศึกษาและชื่นชอบในด้านชัยชนะ

    กระทั่งมองข้ามด้านพ่ายแพ้

    ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ชีวิตมักมี 2 ด้านวนเวียนไม่ขาดสาย เพราะเมื่อชนะก็มักฮึกเหิมกระทั่งประมาท ไม่นานต่อมาความล้มเหลวพ่ายแพ้ก็มาเยือน

    ในความ "พ่ายแพ้" หากเรียนรู้ ไม่นานก็จะมีโอกาส "ชนะ" ได้





    ...............





    (ที่มา:มติชนรายวัน 31 พ.ค.2557)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • samkok01.png
      samkok01.png
      ขนาดไฟล์:
      384.8 KB
      เปิดดู:
      32
    • samkok02.png
      samkok02.png
      ขนาดไฟล์:
      100.1 KB
      เปิดดู:
      32
    • samkok03.png
      samkok03.png
      ขนาดไฟล์:
      110.1 KB
      เปิดดู:
      33

แชร์หน้านี้

Loading...