ถ้าเกิดเราทำเลวทรามไว้นี่เเก้กรรมได้หรือเปล่าครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย noum77, 11 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. noum77

    noum77 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2010
    โพสต์:
    189
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +620
    ยกตัวอย่างเช่นเรา ฆ่าคนตาย โกงเงินชาวบ้าน อะไรเเบบนี้เเล้วเรากำลังได้รับเวรกรรมอยู่นี้เรา สามารถเเก้กรรมได้หรือเปล่าครับ ผมว่าไม่น่าได้นะครับ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีคนตกนรก ถามผู้รู้หน่อยครับ
     
  2. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ก็แล้วแต่คน
    อย่างวิธีแก้ตกนรกก็เป็นพระอริยะ ไม่มีวันตกนรก
     
  3. twentynine

    twentynine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +992
    แก้ไม่ได้ ทำได้แต่ทำดีหนีกรรมชั่ว เป็นพระอรหันต์แล้วก็ยังต้องรับกรรมถ้ากรรมนั้นให้ผลอย่างเช่นพระโมคคัลลานะที่โดนโจร500คนทุบจนกระดูกแหลก แต่ถ้าเข้านิพพานแล้วกรรมก็ตามไปให้ผลไม่ได้แล้วทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    เหมือนหนึ่งว่า เราเอาข้าวสารมาหุงสุกดีแล้ว ลองทำข้าวสุกให้กลับคืนเป็นข้าวสารดูว่าจะเป็นได้หรือไม่.. ถ้าทำได้ ก็แก้กรรมเก่าได้ทำนองเดียวกัน...

    ลองตรองดูเถิดว่า ผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมากในจักรวาลนั้น หามีใครเทียบเท่าพระพุทธเจ้าได้ไม่ แต่พระองค์ก็ไม่ทรงสามารถแก้กรรมเก่าที่สำเร็จไปแล้วได้...ถ้าว่า..ทรงทำได้ คงจะมีคำสอนทำนองนี้ว่า..

    .."ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอจงอย่าเดือดร้อนใจเลย กรรมชั่วอันใดที่เธอทำมา สามารถแก้ได้ด้วยอาการต่างๆดังนี้ เธอจงไปอาบน้ำหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือจุดประทีปปักกลางแจ้ง๑๐๐ดอก หรือกวาดลานวิหาร หรือจับหญ้าเขียวหรือโคมัยสด ฯลฯ ดังนี้ เธอย่อมพ้นจากวิบากเลวทรามทั้งหลายโดยไม่มีส่วนเหลือ..."

    มีแต่คำตรัสสอนให้เร่งเพ่งเพียรแผดเผากิเลสแต่อย่างเดียวเท่านั้น..นั่นหมายถึงว่า ให้ทำกรรมในปัจจุบันให้ดี..ละเว้นบาปเวรที่ชั่วให้มาก..ไม่ทำตนวิบัติเหมือนที่เคยทำมา...หรือพลั้งพลาดมา..

    พระพุทธศาสนาเป็นกรรมวาทีและวิริยะวาที คือสอนให้เชื่อเรื่องกรรมว่าทำกรรมทั้งดีชั่วย่อมมีผลตามมาเสมอ จึงต้องเพียรระมัดระวังสังวรในการละชั่ว ทำดี..ไม่ใช่งอมือและเท้า หรือไปทำพิธีกรรม หรืออ้อนวอนขอร้องให้ผู้เป็นใหญ่มาแก้ไขปัญหาอะไรๆให้ตนไปด้วยอาการสบายๆซึ่งไม่มีเหตุผลรองรับ...มีแต่พระพุทธศาสนาเท่านั้นที่สอนให้คนมีปัญญา..ทราบเหตุผลต้นปลายของที่ไปที่มาได้โดยตลอดสาย ... ไ ม่งมงาย.. แม้เกิดสงสัยก็สงสัยด้วยเหตุผลตามจริง ไม่ใช่สงสัยเพราะไม่ฉลาด หรือแม้เขาตอบให้ก็ยังฉลาดเท่าเดิม...เพราะตนถือทิฏฐิผิดอื่นแน่นหนาแล้ว.. มาถามเอาเท่ห์หรือเพื่อล่อทำมิจฉาวาจาโต้เขา อันเป็นบาปภัยแก่ตนไป เพราะไม่รู้หรือบอดเขลา...และพึงทราบว่า..ด้วยปัญญาเท่านั้น เราจึงสามารถแก้ปัญหาในชีวิตทุกชนิดได้อย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ และไม่ทุรนทุรายเพราะทุกข์ที่ประดังเข้ามาทุกด้าน...

    นี่คือประโยชน์ในปัจจุบันที่ผู้มีใจศรัทธาสดับพระธรรมของพระพุทธเจ้าจะได้รับ ทั้งยังมีกำไรเอื้อต่อประโยชน์ในภพต่อไป จนถึงประโยชน์อย่างยิ่งคือการไม่ผุดเกิดอีกในที่ทั้งปวง ในที่สุด..


     
  5. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    บาปกรรมไม่หายไป แต่ทำให้เบาบางได้ ก็โดยหมั่นสั่งสมบุญ ทำให้ตามไม่ทันได้ ก็โดยเข้านิพพาน
     
  6. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    กรรมแก้ไม่ได้..แต่ถ้าแก้ตัวนี่แก้ได้..แก้ที่จะไม่ทำเลวๆแบบเดิมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2014
  7. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ความเข้าใจเรื่องกรรม

    ขออนุญาตครับ

    ท่านคิดว่าท่านศึกษามาดีแล้วหรือ?

    ความเข้าใจเรื่องกรรมของท่านพอแล้วหรือ?

    ถึงกับเก่งกล้าสามารถ ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า


    แต่พระองค์(พระพุทธเจ้า)ก็ไม่ทรงสามารถแก้กรรมเก่าที่สำเร็จไปแล้วได้

    ช่างเก่งกล้าสามารถเสียจริงๆ

    ลุงมหา

     
  8. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    เรียน คุณแสงเทียน คะ


    บุญ(กรรมดี)นั้น เราถือว่าเป็นคนละส่วนกับบาป(กรรมไม่ดี) ค่ะ


    เหมือนสีขาว กับสีดำ


    ดังนั้นถ้าเราทำกรรมไม่ดี แล้วกำลังได้รับกรรมอยู่ เราควรทำบุญ(สีขาว)เพื่อไปเจืองจางบาป(สีดำ)


    ซึ่งหมายถึง ให้เรารีบสร้างบุญเพื่อมาช่วยเหลือเรา ในตอนที่เรากำลังถูกบาปเล่นงานอยู่นั่นเอง


    ยกตัวอย่างเช่น อานิสงฆ์ของการให้สังฆทานนั้น เมื่อเราเกิดมาชาติต่อๆไปคำว่าไม่มี(ซึ่งก็คือความยากจน)จะไม่เกิดกับเราอีกต่อไป ***แต่ต้องเป็นสังฆทานจริงๆนะคะ


    ดังนั้น หากชาติใดมีบาป(กรรมไม่ดี)เข้ามาส่งผลให้เราเสียทรัพย์ ฯลฯ บุญจากการถวายสังฆทานก็จะส่งผลให้เราสามารถประคับประคองฐานะความเป็นอยู่ และเอาตัวรอดจากสถานการณ์นั้นได้


    ส่วนในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิดไปภพภูมิต่างๆ เช่น สวรรค์ นรก เป็นต้น ขึ้นอยู่กับจิตก่อนตายของเรา ว่าจิตนั้นเป็นบุญ หรือเป็นบาป ค่ะ


    ถ้าก่อนตายจิตเป็นบุญก็ได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีๆ เช่น สวรรค์ หรือ พรหม (ในกรณีที่จิตก่อนตายเป็นสมาธิในขั้นฌานสมาบัติ)


    แต่ถ้าก่อนตายจิตเป็นบาป เช่น นึกถึงกรรมไม่ดีที่เคยทำมา หรือโศกเศร้าเสียใจ ฯลฯ ก็จะไปภพภูมิที่ไม่ดี เช่น นรก เปรต อสุรกาย เป็นต้นค่ะ


    ดังนั้น พระท่านจึงให้เรารู้จักสร้างบุญ คือ ทำแต่ความดี ให้ทาน รักษาศีลให้บริสุทธิ์ และสร้างบารมี คือ พยายามทำจิตของตนให้บริสุทธิ์ด้วย เช่น สวดมนต์ไหว้พระ ระลึกนึกถึงภาพของพระพุทธเจ้าบ่อยๆ เพื่อให้จิตระลึกนึกถึงความดีของท่าน จิตจะได้เป็นกุศล


    ทั้งนี้ก็เพื่อให้จิตคุ้นเคยแต่ความดี แต่บุญกุศล จะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี เพื่อสร้างความดีให้มากขึ้นๆ จนหลุดพ้นในที่สุด


    ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีอะไรที่แน่นอน เพราะจิตของเราคุ้นเคยแต่กับกิเลส ถ้าไม่ฝึกฝนอบรมจิตของตัวเองให้ดีๆ ก็มีโอกาสพลาดท่าไปยังภพภูมิที่ไม่ดีได้


    เพราะฉะนั้น พระท่านจึงให้เราหมั่นเพียรสร้างความดีต่างๆให้ครบ ทั้งทาน ศีล และภาวนา เพื่อให้จิตเราบริสุทธิ์จนหลุดพ้นในที่สุด เพราะมีแต่จิตของพระอริยเจ้าคือพระโสดาบันขึ้นไปเท่านั้น ที่จะบริสุทธิ์ตลอดเวลา จึงไม่มีโอกาสที่จิตจะเป็นบาปจนพลาดตกนรกอีกต่อไปค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2014
  9. พุธทสิณ

    พุธทสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2013
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +404
    เรียนคุณ จขกท
    ....อันเรื่องของกรรมนั้นใครทําสิ่งใดไว้ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นไม่ว่าทางกรรมดีหรือไม่ดีล้วนได้รับผลทั้งนั้น....ไม่ช้าก็เร็ว...และขื้นกับแรงของกรรมนั้นทั้งกรรมเก่าและกรรมใหม่...ไม่มีผู้ใดหนีกรรมแก้กรรมได้ดอก....แม้แต่พระพุทธเจ้าผู้หลุดพ้นแล้วก็ยังได้เสวยกรรมเก่าของพระองค์ตอนใกล้จะปรินิพพาน...อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ....พวกพราหมณ์ลงอาบนํ้าในแม่นํ้าคงคาเพื่อล้างบาบ....บุคคลอ้อนวอนพระเจ้าเพื่อไถ่บาบ...นั่นคือความเชื่อของเขาเหล่านั้นแม้แต่ชาวพุทเราๆก็เอาความเชื่อนั้นมาใช้เพื่อปกปิด-เพื่อหลีกหนีกรรมอันชั่วของตน...
    ท่านจงตรองดูแบบง่ายๆว่าในปัจจุบันนี้มีสาสดาใด...มีพระอาจารย์สํานักไหน...บุคคลใด...ที่กล้าประกาศว่าสามารถแก้กรรมได้...คนเหล่านั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้หลอกลวง เป็นผู้คดในข้องอในกระดูก...

    ถ้าหากกล่าวว่าแก้กรรมในปัจจุบัน..เรี่มคิดใหม่ทําใหม่แต่เดียวนี้-ย่อมส่งผลดีในภายหน้ายังงี้ัยังพอเป็นไปได้ด้วยเหตุและผลเพราะถ้าทําเหตุที่ดีย่อมได้ผลที่ดีตามมา...กรรมดีมีให้เลือกทําเยอะแยะจงเลือกทําเทอญ

    เอาง่ายๆหากเชื่อว่าการทําบุญสะเดาะเคราะห์สามารถแก้กรรมได้ก็ทดลองดูลองเดินไปตีหัวคนแล้ววิ่งเข้าวัดขอไปแก้กรรมอะไรต่างๆนาๆในวัดดูอย่างน้อยกรรมในปัจจุบันก็จะส่งผลบัดนั้นให้เห็นในทันที...





    ขอกราบเรียนคุณมหา
    หรือสิ่งที่ท่านกล่าวว่ามานั้นท่านก็คงลืกหนาบางตื้นเหมือนกัน...ขอให้ท่านชี้แจงว่าพระพุทธเจ้าแม้พระองค์เองก็อยู่เหนือกฎแห่งกรรม ท่านอย่าได้กล่าวหาลอยๆอย่างไม่มีที่มาที่ไปอย่างงี้เดียวจะทําให้คนอื่นหลงผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิเห็นผิดว่ากรรมเป็นสิ่งที่หนีได้แก้ได้อย่างง่ายดาย...
    กรรมเก่าของพระพุทธเจ้า...แม้แต่พระอัครสาวกพระโมคคัลลานะเถระเจ้าก็ยังได้ชดใช้กรรมเก่าของท่านทั้งนั้นนั้นมีอยู่ท่านจงไปไตร่ตรองดูอีกครั้ง..
     
  10. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    พระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ล่วงเกินได้หรือ?

    ขออนุญาตครับ

    ขอให้ท่านไปค้นคว้าศึกษาเอาเองว่า

    พระพุทธองค์นั้น พระองค์ท่านเป็นผู้มี บุญบารมี สูงที่สุดในแต่ละยุคในแต่ละสมัย

    ต่อให้พระองค์มี เจ้ากรรม นายเวร พระองค์ก็ทรงมี บุญบารมี มากเพียงพอที่จะ อุทิศกุศลผลบุญให้ เจ้ากรรม นายเวร เหล่านั้นได้ อย่างเหลือเฟือ

    ส่วนองค์ พระมหาโมคคัลลานะ นั้น ด้วยพระเมตตาขององค์ท่าน
    ที่ไม่ต้องการให้เจ้ากรรม นายเวร ยังอาฆาตุมาดร้ายองค์ท่านอยู่
    ท่านจึงได้ทรงเมตตา กลับไปให้เขาฆ่า เพื่อให้สิ้นสุดเวร สิ้นสุดกรรม ต่อองค์ท่าน

    แม้ว่า องค์ท่านจะไม่สนใจตรงนี้ก็ได้ เพราะด้วยบุญบารมีขององค์ท่าน
    เหล่าเจ้ากรรม นายเวร ทำอะไรองค์ท่านไม่ได้อยู่แล้ว

    เพียงแต่องค์ท่าน เมตตา สงสารเขาเหล่านั้น
    องค์ท่านไม่อยากจะให้เขาเหล่านั้น มีจิตอาฆาตมาดร้าย
    เที่ยวติดตามหาองค์ท่านเพื่อ เอาคืน ต่อไปในอนาคต ให้หนี้เวรหนี้กรรมยืดยาวออกไปได้อีก

    ที่ผมแย้งมาก็เพราะว่า ท่านผู้เขียน ถึงกับกล้าหาญบังอาจ
    เอ่ยอ้าง ล่วงเกินพระพุทธองค์ ว่า


    นี่ชาวพุทธสมัยนี้ กล้าล่วงเกินพระพุทธองค์ขนาดนี้เลยหรือ?

    พระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ล่วงเกินได้หรือ?


    ท่านที่กล่าวหามาก็ขอให้สำรวมระวังด้วย

    ที่ท่านกล่าวมา เป็นท่านกล่าว หรือ เป็นผมกล่าว เป็นผมเขียน หรือ เป็นท่านเขียน

    ผมพูด ผมเขียน แค่ไหน ผมย่อมรับผิดชอบแค่นั้น

    ที่ท่านยกขึ้นมา จะให้ผมรับผิดชอบ ท่านละอายใจบ้างไหม?

    ใยมิใช่ตัวท่าน ที่ต้อง รับผิดชอบ ข้อเขียนของตนเอง?

    ครูบาอาจารย์ท่านบอกเล่าว่า


    "หนี้เวร หนี้กรรม ก็เหมือน หนี้สินเงินทอง"
    "เมื่อเราเป็นหนี้เวรหนี้กรรมเขา เราก็ต้อง ชดใช้ เวรกรรม ให้เขา"
    "แต่เราก็สามารถ สร้างกุศลผลบุญ เพื่ออุทิศ ให้เจ้ากรรม นายเวรได้"
    "และเราก็สามารถ สร้างกุศลผลบุญ เป็นกลุ่ม เป็นหมู่ เป็นคณะ เพื่ออุทิศ ให้เจ้ากรรมนายเวร ได้เช่นเดียวกัน"

    "เพียงแต่ว่า ต้องอุทิศกุศลผลบุญ จนให้เจ้ากรรมนายเวรพอใจ"

    "เพราะถ้ากุศลผลบุญที่อุทิศให้ สิ้นสุดการส่งผล เมื่อไร"
    "เจ้ากรรมนายเวร เขาก็ยังคงมีสิทธิ์อันชอบธรรม ที่จะทวงหนี้เวร หนี้กรรม ได้เหมือนเดิม"


    "เหมือนนาย ก. เป็นหนี้นาย ข."
    "นาย ก. จะใช้หนี้นาย ข. เอง"
    "หรือ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง นาย ก. จะใช้หนี นาย ข. แทนนาย ก. ก็ย่อมได้"
    "เพราะที่นาย ข. ต้องการ ก็คือ หนี้ ที่ได้รับการชำระคืน เท่านั้นเอง"


    ขอโมทนาบุญ
    ลุงมหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2014
  11. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    เคยอ่านเจอพระพุฒโฆษาจารย์ ผู้รจนาคัมภีร์อรรถกถาพระวินัย เขียนสรุปไว้ในผลงานของท่านว่า

    "ขึ้นชื่อว่าผลกรรมแล้วไม่มีใครสามารถห้ามได้ นั้นก็หมายความว่า คนเราเมื่อทำอะไรลงไปแล้วไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม
    ถึงคราวที่ความดีความชั่วจะให้ผลนั้นย่อมไม่มีใครห้ามได้ แม้พระพุทธเจ้าของเราเองก็ทรงห้ามไม่ได้"
     
  12. พุธทสิณ

    พุธทสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2013
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +404
    ผมยอมรับว่าปัญญาน้อยนิดมิอาจหานกล้าล่วงรู้...กฎแห่งกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้...แต่เคารพในคําสั่งสอนของพระองค์...น้อมนํามาปฐิบัติตามความเป็นจริง
    ไม่เคยคิดเอาตํารามาเป็นครู...เอาเข้าไปทับถมหํ่าหั่นผู้ใด..แต่เอาผลของการปฐิบัติจริงๆนั้นมาเป็นครูเรามองเห็นตามความเป็นจริงที่มีอยู่....


    ยอมรับว่าระอายใจ และอนาจใจในเวลาเดียกันคือ,เรามีพระพุทธเจ้าเปรียบเสมือนพ่อคนเดียวกันแต่ด้วยความรู้มากจนขาดปัญญาพิจารณา,เมตตาจิด จืงเสียโอกาศที่จะช่วยเหลือกันไป.

    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
    สาธุ


     
  13. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ขออนุโมทนาท่านพุทธกสิณในความเพียรที่จะช่วยเปลื้องใครๆที่รู้ผิดให้รู้ถูก แต่บุคคลที่รู้ผิดเห็นผิดจนดิ่งแล้ว..นอกจากตนจะแก้ไขตนเองแล้ว ไม่อาจมีใครช่วยเขาได้...แม้พระพุทธเจ้าก็ทรงละเว้นเสียเพราะเป็นความเหนื่อยเปล่า...

    สมจริงดังที่ท่านสรุปไว้ว่า.."
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"..นั่นเทียว

    ขอเราทั้งหลายตั้งปวารณาให้แน่นหนาว่า ธรรมใดที่ผิดพลาดไปจากพระธรรมของพระสัมมาสั
    พทธเจ้าขอเราอย่าได้รับเอาเลยโดยประการทั้งปวง..เพื่อความเกษมสวัสดีของตนในสังสารวัฏ..
     
  14. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ทิฏฐิข้างบนนี้ คือตัวอย่างของกับดักชนิดหนึ่งในสังสารวัฏ ที่หากใครๆเสพส้องแล้ว ไม่อาจหลุดพ้นไปได้เลย..
    เพราะเห็นว่ามีตัวตนบุคคลอะไรที่สามารถควบคุมบังคับบัญชาแม้กระทั่งที่ตนทำไว้แล้วได้ อันไม่มีในคำสอน ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ตรัสสอนแต่เรื่องเหตุและผล หรือเหตุปัจจัยที่ไหลสืบเนื่องกันไป..เช่นเพราะเหตุนี้ ผลเช่นนี้จึงมีได้..

    เจ้าของทิฏฐิท่านนี้ เชื่อว่าแม้พระพุทธเจ้า ย่อมทรงย้อนเวลาที่ผ่านไปแล้วเพื่อแก้ไขบาปเก่าที่เคยทรงกระทำไว้เเล้วในอดีตได้ด้วยพระฤทธิ์..

    การคิดเองเออเองโดยไม่อิงหลักเหตุผลตามพระธรรม เป็นได้แต่ความคิดที่ไม่ถูก เสียหายยิ่งนัก ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2014
  15. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    ขออนุญาตตอบในประเด็นที่ว่า

    "พระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ทั้งหลายนั้น ท่านอยู่เหนือกฎแห่งกรรม หรืออยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมกันแน่ ?" นะคะ อุอุ ^__^

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ทั้งหลายนั้น ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ในแง่ที่ว่า เืมื่อใดก็ตามที่อกุศลกรรมต่างๆส่งผล เมื่อนั้นขันธ์ ๕ (ร่างกาย)ของท่านก็จะต้องรับผลของอกุศลกรรมนั้น ตามกฎแห่งกรรมที่ท่านได้เคยกระทำมาค่ะ

    แต่ด้วยเหตุที่ท่านเป็นพระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ ดังนั้นจิตของท่านจึงหลุดพ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง แม้ขันธ์ ๕(หรือร่างกาย)ของท่านจะต้องรับผลของกรรมดังกล่าว แต่จิตของท่านไม่ได้เป็นทุกข์ไปด้วย ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าท่านอยู่เหนือกฎแห่งกรรมค่ะ ^__^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2014
  16. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    อันไหนเป็นท่านเขียน อันไหนเป็นผมเขียน ผู้รู้ย่อมพิจารณาได้

    ขออนุญาตครับ

    อันไหนเป็นท่านเขียน อันไหนเป็นผมเขียน ผู้รู้ย่อมพิจารณาได้

    ใครคิดเอง ใครเออเอง ? ผู้รู้ย่อมต้องรู้!

    เพราะมันก็ชัดเจน เห็นอยู่โทนโท่ อยู่แล้ว

    ขอโมทนา

    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2014
  17. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ที่ถูกต้อง พระอริยะประเภทอื่นๆ ยังคงมีกิเลสอยู่ ยกเว้นพระอรหันต์

    ขออนุญาตครับ

    ถ้าแก้ไข "พระอริยสงฆ์" เป็น "พระอรหันต์" ก็จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

    การเขียนคำตอบทางธรรม ต้องพิจารณาให้ครบถ้วน ควรตรวจแล้วตรวจอีกให้สมบูรณ์

    ขอโมทนาบุญ
    ลุงมหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2014
  18. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    เรื่องกรรม เป็นเรื่องใหญ่ ที่ถูกต้อง ที่ควรแก้ไขให้สมบูรณ์

    ขออนุญาตครับ

    ที่ถูกต้องควรจะแก้ไขจาก

    ให้เป็น

    ถึงคราวที่ความดีความชั่วจะให้ผลนั้นย่อมไม่มีใครห้ามได้ แม้พระพุทธเจ้าของเราเองก็ทรงห้ามทั้งหมดไม่ได้"

    ถ้าจะพูดกันว่า แม้พระพุทธองค์ก็ทรงห้ามกรรมชั่วให้ผลไม่ได้
    ควรศึกษา ควรทำความเข้าใจ เรื่อง "พุทธกิจ๕" ให้ละเอียด

    ทุกๆวันพระพุทธองค์จะทรง ส่องพระญาณเพื่อโปรด ผู้ที่มีวาสนา ที่พอจะโปรดได้ เช่น

    องคุลีมาร ถ้าพระพุทธองค์ไม่ทรงเมตตาช่วยเอาไว้ องคุลีมาร ก็คงจะทำมาตุฆาต สำเร็จ

    เมื่อพระองค์ได้ทรงเมตตา แสดงธรรม แล้ว ชวนมาบวช ท่านองคุลีมารจึงได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้

    จากผู้ที่จะ มาตุฆาต กลับกลายไปเป็น พระอรหันต์

    ใช่พระพุทธองค์ได้ทรง แก้ไขกรรม ให้ องคุลีมาร?


    ขนาดท่าน อาจารย์ปู่โทน หลำแพร ท่านก็เคยเสกผ้าขะม้า เป็นตัวท่านเอง
    แล้วปล่อยให้เขาฆ่าท่านด้วยความเคียดแค้น

    แถมคนที่ทำฌาปนกิจท่าน ก็เป็นเพื่อนรักของท่านเอง
    ตัวท่านก็ย้ายมาอยู่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ และท่านก็ไม่ได้เปลี่ยนชื่อแซ่แต่อย่างใด

    จนเพื่อนรักที่เคยฌาปนกิจท่าน ได้ยินเรื่องราวของท่านจากศิษย์ท่านอื่นๆสงสัยเลยตามมาดูถึง อ.ตาคลี
    จึงได้พบ จึงได้เจอท่าน และท่านจึงยอมรับว่า ที่ฌาปนกิจไปนั้น เป็นท่านเสกผ้าขะม้าเป็นตัวท่านเอง

    ท่านยังบอกว่า


    "มันเกลียดกูนัก กูเลยต้องเสกผ้าขะม้าให้มันฆ่า มันจะได้หายแค้นกู"

    ถ้าท่าน อ.ปู่โทนยังขนาดนี้
    แล้ว อ. ของท่าน หลวงปู่โลกเทพอุดร จะขนาดไหน
    แล้ว องค์พระโมคคัลลานะ จะขนาดไหน
    ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพระพุทธองค์เลย

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
    ลุงมหา

     
  19. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240
    รักษาศีล๕ให้ครบถ้วน
    ไม่ประมาทในความตาย
    เ้คารพ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ด้วยใจจริง
    มีใจรักในพระนิพพานเป็นอารมณ์ คือ ต้องการพ้นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิด
    รักษาจิตได้ จนเป็นพระโสดาบัน

    เท่านี้ ท่านก็จะพ้นจากบ่วงกรรมเก่า คือตายไปไม่ต้องไปรับกรรมเก่าๆที่ำทำไว้
    ไม่ต้องไปตกนรก ไม่เป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน

    คือจะไปเกิดแต่ สวรรค์ พรหม มนุษย์ มีแต่ความสุข สลับๆกันไป จนไปสู่พระนิพพาน










    ปล. นับถือน้ำใจท่าน ddman อย่างสูง
     
  20. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    สาธุ สาธุขอรับท่านเปาฯ ไม่ได้เห็นท่านมาระยะหนึ่งแล้ว ระลึกถึงท่านอยู่เนืองๆนะครับ..:cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...