ใครเคยฝึกอาโลกกสิณช่วยแนะหน่อยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Sathuja, 8 มกราคม 2014.

  1. Sathuja

    Sathuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +218
    ผมอยากจะเริ่มฝึกกสิณโดยเริ่มจากกสิณแสงสว่างครับ คืออยากรู้ว่า

    1.จะจับภาพแสงสว่างด้วยวิธีใด เอาภาพแบบไหนเป็นนิมิตอะครับ ถ้ามีภาพรบกวนส่งให้ผมดูหน่อยครับ

    2.การเพ่งกสิณถ้าเราไม่เพ่ง แต่เรานึกภาพแสงสว่างเองถ้าไม่มีของเก่ามาเลยจะทำได้ไหมครับ

    3.ตอนนี้มีวัดหรือสำนักไหนในภาคตะวันออก ที่เขาสอน-ฝึกกสิณกันบ้างครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มกราคม 2014
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    โมคคัลลานะ เมื่อเธอมีสัญญาอย่างใดแล้ว เกิดความง่วงขึ้น เธอจงทำไว้ในใจซึ่งสัญญาอย่างนั้นให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้


    - ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรตรึกตรองถึงธรรมที่ได้เรียนมาแล้ว ได้ฟังมาแล้วให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    - ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสาธยายธรรมที่ได้เรียนได้ฟังมาแล้วให้มากจะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    - ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรยอนช่วงหูทั้งสองข้าง และลูบตัวด้วยฝ่ายมือจะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    - ถ้ายังละไม่ได้ เธอจงลุกขึ้นแล้วลูบนัยน์ตา ลูบหน้าด้วยน้ำเหลียวดูทิศทั้งหลาย แหงนดูดาว จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    - ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรทำไว้ในใจถึงอาโลกสัญญา ถือ กำหนดความสว่างไว้ในใจเหมือนกัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำใจให้เปิด ให้สว่าง จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    - ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรเดินจงกรมสำรวมอินทรีย์ มีจิตใจไม่คิดไปภายนอก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    - ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสำเร็จสีหไสยาสน์ นอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าให้เลื่อมกัน มีสติสัมปชัญญะ หมายใจว่าจะลุกขึ้นเป็นนิตย์ เมื่อตื่นแล้วควรรีบลุกขึ้นด้วยตั้งใจว่า เราจะไม่ประกอบความสุขในการนอนและการเคลิ้มหลับอีกจะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    ถ้าไปอ่านตามตำราให้ห้องนี้มุมบนขวามือก็มีอธิบายครับ
    ส่วนอุปกรณ์ไม่มีให้ครับคิดว่าน่าจะหาเองได้.
    ส่วนวัดไหนมีสอนไม่ทราบครับ.ท่านที่แนะหลักการให้เป็น
    หลวงตาท่านหนึ่งวัดอยู่ภูเขาที่สระบุรีแต่ท่านบอกว่า
    ท่านไม่ใช่สายตรงทางด้านนี้ส่วนท่านที่สอนเทคนิคให้
    ท่านเป็นหลวงพ่อมีชื่อท่านหนึ่งที่ละสังขารไปนานแล้วมาแนะนำให้
    เลยไม่รู้จะนำวัดที่ไหนให้ครับ.แต่พอจะแนะนำระดับพื้นฐานให้ได้
    อยู่ครับ.ยังไงก็ลองอ่านๆดูเล่นๆก่อนนะครับ..
    .ส่วนถ้าคุณอยากจะนึกแล้วให้เกิดแสงสว่างเกิดขึ้นเลยก็ทำได้ครับ..แต่
    ไม่ใช่ในเวลาปกติสถานะการณ์ปกติที่เราลืมตานึกๆอยู่.และสภาพทางจิต
    ก็ไม่ใช่ในสภาพจิตในระดับปกติที่ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันทั่วไปครับ..
    เพราะการที่จิตจะสามารถนึกอะไรก็แล้วแต่..แล้วสามารถ
    สร้างเป็นภาพขึ้นมาจนเราสามารถมองเห็นเป็นขอบหรือรูปร่างได้.
    ถ้าเข้าใจว่าเราไม่เคยมีของเก่ามาก่อนอาจจะเป็นภาพขึ้น
    มาได้ยากแม้ในระดับสมาธิระดับเล็กน้อย.แต่ไม่ใช่ปัญหาอะไรครับ
    เพียงแต่ต้องหัดมามองภาพแล้วหลับตาจำ..การจำเป็นการจำในลักษณะ
    ที่กดภาพลง

    ไปที่กลางหน้าอกในช่วงแรกควรทำให้ได้นานที่สุด..
    เพื่อเป็นการโน้มหรือเป็นแนวทางให้จิตได้สร้างภาพนั้นๆขึ้นมาก่อนครับ
    ไม่ใช่เป็นการจำภาพโดยการใช้สมองจำนะครับไม่งั้นจะนานแสนนานกว่า
    จะทำได้.และการมองแบบลืมตาเราก็ต้องฝึกมองผ่านระหว่างคิ้วออกไป
    ด้วยครับ.โดยสมมุติเหมือนกับว่าเรามีอีกลูกนัยต์ตาอยู่ตรงนั้นเพื่อเป็นแนว
    ทางในการสร้างให้เรามีทิพย์จักขุในอนาคตร่วมกันด้วยครับ..
    และควรจะต้องเข้าใจไว้ก่อนนะครับว่า
    กสิณแสงสว่างที่เรามองภาพเพื่อที่จะสร้างอุคคนิมิตร
    คือภาพมีรูปร่างแน่นอนตัวภาพไม่มีการเปลี่ยนแต่ว่าขยับไปได้ทั้งตัวภาพนี้.
    สีของมันจะไม่เหมือนจะกับสีของแสงสว่างที่เรามองในครั้งแรกนะคับ
    ไม่ว่าเราจะมองแล้วหลับตาเพื่อสร้างภาพหรือว่าเราลืมตาแล้ว
    พยายามนึกให้มีภาพปรากฏอยู่ตรงหน้า ณ ตำแหน่งใดก็ตาม
    .และอุคคนิมิตรตั้งต้นของมันยังเหมือนกับตอนที่เราเพ่งไฟ ดูหลอดไฟกลม
    แว๊ปมองพระอาทิตย์บ้าง หรือมองหลอดไฟมีสีต่างๆ หรือแม้ว่าจะ
    คล้ายๆในกรณีที่คุณไปฝึกเพ่งภาพพระแบบองค์ท่านสีใสด้วยครับด้วยครับ.
    แต่ว่าอุคคนิมิตรในระดับนี้ยังเป็นกสิณโทษได้หมดครับคือสามารถโน้มให้เรา
    เสียเวลาหรือหลงทางได้ทั้งนั้นครับมันมีหลักในการหลอกเราได้หมดครับ
    ไม่ว่าจะสร้างอะไรที่สวยกว่า หรือ นิมิตรตั้งต้นสวยกว่า หรือหลอกเราให้ไป
    ติดนิมิตรที่เป็น สภาพแวดล้อมต่างๆครับ....

    และการที่สีของอุคคนิมิตรจะเริ่มเป็นสีเดียวกันกับแสงสว่าง
    ที่เราเพ่งหรือมองไปนั้น
    จิตเราจะเข้าสู่ความเป็นทิพย์และจิตเริ่มจะสร้างภาพได้แล้ว
    และแว๊ปขึ้นระดับฌาน ไปครับซึ่งในกำลังสมาธิระดับนี้จะมีความแตกต่าง
    กันไปขึ้นอยู่กับว่าเราฝึกกสิณอะไร.
    แล้วมันค่อยๆจะขยับไปฌาน ๓ หยาบใกล้ๆ ๔ หยายได้ถ้าภาพมันนิ่ง
    ใสและจะมีประกายแทรกๆ เพิ่มมาจนทำให้เราเห็นเหมือนว่าสว่างเป็น
    ประกายไม่ใช่สว่างเฉยๆ.ระดับนี้ถ้าบังคับได้จิตเราจะเกิดกำลังจิตขึ้นได้ครับ.
    แต่ปกติเราจะมองเห็นเป็นแสงสว่าง
    แบบที่มีจุดกำเนิดไม่ใหญ่มากก่อนแต่ว่าความสว่างของแสงจะขยาย
    วงกว้างถ้าเรานั่งอยู่ในห้องมืดๆเรียกว่าเราจะเห็นแบบเปิดไฟนีออน
    แต่ถ้าเราหลุดจากอารมย์ตรงนี้นิดเดียวหรืออารมย์ตกนิดเดียวแสงจะหายทันที
    หมายความว่ายากที่เราจะเห็นได้ในสภาพปกติธรรมดาครับ

    แล้วต่อไปถ้าเข้าได้อีกต้นกำเนิดแสงมันจะย้ายไปย้ายมาได้ แต่ไม่ใช่ว่าเคลื่อนย้ายไปแบบเร็วนะครับ
    มันจะค่อยๆไปหรือไม่วันนี้ปรากฏซ้าย อีกวันขวาอีกวันตรงกลาง
    หรือไม่ก็ไม่ย้ายไปไหน. หน้าที่เราถ้าคิดจะฝึกถึงขั้นนำมาใช้งานให้ได้คือ
    บังคับให้มันย้ายได้ตามใจเราเป็นการสร้างกำลังจิตครับและเราต้องฟิต
    พอสมควรครับ..ตามตำราท่านก็ว่าให้ฝึกขยายวงจริงๆก็คือการกำลังจิตครับ
    และอุคคนิมิตรมันจะไม่เหมือนพวกที่อุคนิมิตร

    ใสพวกนี้เราต้องฝักบังคับให้มันหมุนถึงจะเป็นการสร้างกำลังจิตครับ..
    .เพราะฉนั้นถ้าจะไปคาดหวังว่าจะมองแล้วให้เห็นภาพสีเหมือนแสงสว่าง
    ในเวลาปกติเลยเป็นระดับที่ใช้งานได้คล่องแล้ว.
    แต่ช่วงนี้สิ่งที่เราได้มาก็คือสายตาในการมองปกติเราจะละเอียดขึ้นครับ
    คืออาจจะมองเห็นส่วนนามธรรมได้ด้วยตาเปล่าครับ..
    เราควรตั้งเป้าไว้ว่าเห็นเป็นเคร้าโครงก็พอสีอาจจะไม่เหมือนช่างมัน
    ขอให้มีภาพลอยในอากาศให้ได้ถ้าลืมตา
    และขอให้มีภาพอยู่นานที่สุดถ้าหลับตา
    ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะขยันทำแค่ไหนนะครับ..

    ซึ่งตรงนี้เป็นการสมาธิไม่มากและจะสะสมไปเรื่อยๆก่อน
    แล้วต่อไปถึงจะปรากฏเป็นแสงสว่าง.
    แล้วเราค่อยมาฝึกสร้างกำลังจิตให้ได้ก่อน
    ส่วนจะใช้งานต่อไปจริงหรือไม่ในอนาคตค่อยว่ากันอีกทีครับ

    ปล.ระดับพื้นฐานประมาณนี้ก่อนครับ...​
     
  4. Sathuja

    Sathuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +218
    ถ้าผมจะจับภาพนี้ได้ไหมครับ
    [​IMG]
     
  5. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    1.จะจับภาพแสงสว่างด้วยวิธีใด เอาภาพแบบไหนเป็นนิมิตอะครับ ถ้ามีภาพรบกวนส่งให้ผมดูหน่อยครับ
    ตอบ...ผมใช่พระจันทร์ในคืนเต็มดวงบ้าง
    ใช้หลอดไฟวงกลมที่บนฝ้าซึ่งอยู่ระหว่างหัวนอนพอดีบ้าง แสบตาได้ใจ
    วัตถุให้แสงนั้น ภาพติดตาดีนักแล

    2.การเพ่งกสิณถ้าเราไม่เพ่ง แต่เรานึกภาพแสงสว่างเองถ้าไม่มีของเก่ามาเลยจะทำได้ไหมครับ
    ตอบ...ถ้าการฝึกปัจจุบันต้องพึ่งของเก่า แล้วการฝึกที่ผ่านมาในอดีตเราพึ่งอะไร???
    ดังนั้นคำตอบคือ ได้ครับ ของแบบนี้ ไม่มีเก่าใหม่ ฝึกก็คือฝึก ได้ผลก็คือได้ผล
    ของเก่าที่ว่ามันเพียงจริต แค่สำเร็จไวกว่าคนอื่นแค่นั้น

    3.ตอนนี้มีวัดหรือสำนักไหนในภาคตะวันออก ที่เขาสอน-ฝึกกสิณกันบ้างครับ
    ตอบ...อันนี้บ่ฮู่เด้อ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    ได้ครับและดีสุดแล้วครับสำหรับความคิดส่วนตัวนะครับ.
    เหตุผลเพราะว่าจะได้กสิณแสงสว่างควบด้วยครับ
    นอกจากกสิณภาพพระที่จะพัฒนาต่อยอดไปสู่
    อภิญญาจิตภายในระดับที่สามารถเห็นส่วนนามธรรม
    ได้ด้วยตาเปล่าในอนาคต..และถ้าคุณสามารถฝึก
    จนถึงระดับที่ ปรากฏเป็นอุิคนิมิตรแบบที่มีความ
    สว่างของแสงได้แล้วอาจจะเข้าให้ได้หลายครั้งก่อนนะครับ.
    ให้คุณไปมองภาพรูปอื่นๆ หรือมองอุปกรณ์อื่น
    ในกสิณกลาง.แสงสว่างนี้ก็ยังปรากฏได้
    สามารถพิสูจน์คำพูดที่กล่าวมาได้ครับ.

    และกิริยาที่สัมผัสทางนิมิตรจะเป็นอย่างที่เล่า
    ให้ฟัง(กรณีนี้คือโน้มไปทางกสิณแสงสว่างด้วย)
    .แต่ต้องฟิตพอสมควรนะครับ.ช่วงที่ยาก
    ที่สุดจะเป็นช่วงที่จะพัฒนาจากตอนที่เราเริ่ม
    เห็นนิมิตรในระดับอุคคนิมิตรไปยังระดับที่ทาง
    ตำราเรียกว่าปฏิภาคนิมิตรคือเริ่มมีประกายร่วมด้วย
    เพราะมันมักจะค้างในช่วงนี้นานต้องอาศัยกำลังสติ
    และกำลังสมาธิพอสมควรถ้ามีเวลาว่างก็ลองได้เลยครับ
    ถ้าฝึกตรงนี้สำเร็จได้ทิพย์จักขุควบด้วยมันจะสามารถพัฒนา
    ในระดับที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าด้วยครับ.ส่วนกำลัง
    จิตขึ้นอยู่กับความสามารถในการเปลี่ยนนิมิตร
    ตรงนี้แล้วแต่เราจะได้พวกความสามารถในอภิญญา ๕
    ตามมาแต่จะละเอียดแค่ไหนขึ้นอยู่กับระดับกิเลสเราครับ
    .แต่ถึงตรงนี้ได้.ในชีวิตปกติจะป้องกันเรื่องอารมย์
    กระทบจากภายนอกได้ดี.อาจมองเห็นส่วนนามธรรมได้
    ด้วยตาเปล่า แบบมองโน้น มองนี้ เด่วค่อยว่ากัน.

    ส่วนถ้าจะใช้ภาพนี้มองผ่านคอมให้ปรับภาพให้เล็กหน่อยครับ
    สูงซัก ๒ นิ้วกำลังพอดี เพื่อให้จิตมีวงในการสร้างภาพได้ทั้งองค์
    ไม่งั้นเด่วโพกัสบน ล่างหาย โพกัลล่างบนหายอีก โพกัสกลาง
    หายทั้งบนทั้งล่าง..ส่วนถ้าภาพพระใสมีมิติ ถ้าสามารถเพิกภาพ
    และสร้างขึ้นมาใหม่ได้ และเพิกได้อีก ไปต่ออรูปฌานได้ด้วยครับ
    หรือถ้าเบื่อๆไม่มีอะไรทำ.ถ้าภาพนิ่งและมีประกาย.ให้ลองอธิษฐาน

    จิตดูในเรื่องที่อยากทราบไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน.จังหวะที่เรากำลังอธิษฐาน
    เด่วจิตจะย้อนมาช่วงสภาวะที่จิตเป็นทิพย์อัตโนมัติเราเพียงรักษากำลัง
    สมาธิไว้ซักพักเด่วมี อะไรให้ดูสนุกๆเหมือนดูวีดีโอ.ส่วนครั้งต่อไปสำหรับเรื่อง
    ที่ต้องการทราบ ไม่ต้องอธิษฐานครับ แค่ครั้งแรกเพราะท่านจะสงเคราะห์
    ตลอดหน้าที่เราอยู่ในอารมย์นี้ให้นานที่สุดพอครับ

    ส่วนถ้าคุณอยากทราบแบบที่ส่วนตัว
    คิดว่าปัจจุบันยังไม่มีใครเทียบเท่าท่านได้.
    ให้ค้น โดยใช้คำค้นข้างล่างนี้ครับ
    05.สมาบัติ 8 ปฏิสัมภิทาญาณ ม้วน 3 หน้า A
    ประมาณนี้ครับ​
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ลองดูครับ

    รู้ลมเข้า-ออก ไปเรื่อยๆ

    พอนิมิต พอจะสว่างๆ เป็นปุยนุ่น มันจะสว่างๆ อยู่ตรงหน้า
    เบี้ยวไปมา ตามแต่ความสงบของจิต

    ก็ประครองนิมิตให้ชำนาญ
    คือ เวลานั่งสมาธิ สูดลมหายใจเข้า ก็น้อม นิมิตให้ปรากฎ
    พยายามจำ จุดที่ทำให้ปรากฎ
    ลมหายใจเข้าเมื่อไร มันจะมีปิติชนิดนึง คือ ผรณาปิติ
    ลักษณะจะแผ่ซ่านไปทั่ว
    จากกระหม่อมแผ่ออกลงมาบ่าไหล่มั่ง แผ่ขยายจากกลาง อกมั่ง

    พยายามทำตรงนี้ให้ชำนาญ คือ
    เวลาภาวนามาถึงจุดนี้ อธิฐานไว้
    เหมือนพูดในใจว่า
    ด้วยอำนาจคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอแสงสว่างจงปรากฎ

    ฝึกความชำนาญด้วยการทำบ่อยๆ เนืองๆ

    หากทำให้นิมิตปรากฎได้อย่างรูปที่ 5ก็ดี

    ทีนี้ หาก ยังทำไม่ได้ถึงรูปที่ 5
    ก็เอาแค่เพียง รูปที่ 2หรือ 3หรือ 4 ก็ใช้ได้
    ก็เพียงพอต่อการน้อมไปในอาโลกสิณ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 copy.jpg
      1 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.2 KB
      เปิดดู:
      471
    • 2 copy.jpg
      2 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.6 KB
      เปิดดู:
      638
    • 3 copy.jpg
      3 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.5 KB
      เปิดดู:
      444
    • 4 copy.jpg
      4 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.3 KB
      เปิดดู:
      802
    • 5 copy.jpg
      5 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.7 KB
      เปิดดู:
      1,551
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    เทคนิค การน้อมไปใน อาโลกสิณ

    คือ พอเราทำสมาธิรู้ลมเข้าออกจนนิมิตปรากฎ
    ก็ให้สูดสมหายใจช้าๆลึกๆ ซัก สามสี่ครั้ง จากนั้นก็ลืมตา
    กล่าวบทอุทิศบุญกรวดน้ำไป

    หลังจากกรวดน้ำ เสร็จ

    แล้วให้ตั้งสมาธิใหม่ จำภาพนิมิต ที่เห็น
    ให้อยู่กลางกลาย จากนั้น สูดลมหายช้าๆ ลึกๆ ค่อยสูดลม
    พร้อม นึกตาม ให้แสงสว่าง ค่อยๆ กระจายออก ดั่งรูปที่ 1 จนไปถึงรูปที่ 7

    ฝึกให้ คล่อง ฝึกให้ชำนาญ

    ขณะที่ นึกแผ่ออกพร้อมสูดลมหายใจ
    ปิติ ผรณาปิติ จะต้องปรากกฎด้วยเสมอ
    หากฝึกชนชำนาญ ปิติจะเบาปราณีตขึ้น พร้อมการแผ่ขยายการนึกแสงสว่าง

    หากชำนาญตรงนี้เมื่อไร จะน้อมไปฝึกทิพจักษุได้ง่าย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.7 KB
      เปิดดู:
      285
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46 KB
      เปิดดู:
      201
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46 KB
      เปิดดู:
      232
    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43 KB
      เปิดดู:
      236
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.5 KB
      เปิดดู:
      243
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.3 KB
      เปิดดู:
      198
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.5 KB
      เปิดดู:
      220
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อีกนิดนึง

    หากเราไม่กลัวผี เช่น สามารถออกวิเวกคนเดียว ตามป่า ตามถ้ำได้
    ก็ไม่น่าห่วง

    แต่หากว่าเป็นคนกลัวผี อันนี้ น่าห่วง สำหรับการฝึกอาโลกสิณ กสิณไฟ และ ทิพจักษุ
    แต่ก็มีทาง คือ ต้อง อบรมอสุภะ กรรมฐาน กับกายคตาสติ ให้มั่นคงก่อน
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    1.) ความจริงก็ได้หมด ขอให้เห็นเป็นโครงร่างแสงสีขาวๆออก ทองนิดๆ
    หรือ ขาวอมฟ้าก็ได้ เน้นให้เห็นเป็นโครงร่างทรงกลมสีขาว
    แต่ที่เราฝึกเรากำหนดพระจันทร์จะง่ายกว่า
    และ ก็เพ่งจากพระจันทร์จริง



    [​IMG]


    [​IMG]


    2.) ได้เหมือนกันแต่จะช้าและยาก แต่ถ้าคนที่ฝึกลักษณะนี้จะเก่ง
    เรื่องการสร้างภาพให้ชัด เช่นจินตนาการอะไร นึกอะไรก็จะเห็นภาพ
    ชัดมาก แต่ปัญหา คือ ได้นิมิต ช้า สู้ เราเอา นิมิตจากภาพติดตา
    จะเร็วและง่ายกว่า ส.ต เราเอาทั้งสองแบบ ฝึกสลับกันวันเว้นวัน



    3.) ไม่รู้ เหมือนกัน เพราะตอนที่เราอยู่เมืองไทย เราอยู่ กรุงเทพฯ
    เราเจออาจารย์ที่วัดยานนาวา สอนให้วันนึงและให้ไปฝึกเองที่่บ้าน
    เพราะดิฉันไม่มีเวลาฝึกเพราะต้องมาตปท
     
  11. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ผมเคยฝึกกสิณแสงสว่างเพื่อใช้ในการฝึกวิชชาธรรมกาย แนะนำให้ใช้ลูกแก้วขาวใสขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว มาเป็นดวงนิมิตดูนะครับ ลูกแก้วหาแบบที่ไม่มีรอยตำหนิใดๆ มีขายตามร้านค้าเกี่ยวกับสังฆภัณฑ์บางร้าน ผมเคยซื้อแถวท่าพระจันทร์ครับ เวลาใช้ก็นำมาวางไว้บนสำลีสีขาว แล้วใช้แสงสว่างตามธรรมชาติลอดเข้ามา ปกติผมจะฝึกในห้องที่มีหน้าต่างเปิดกว้างแสงสว่างเข้าได้ นั่งตรงกลางระหว่างหน้าต่างกับลูกแก้ว จะสังเกตได้ว่าแสงสว่างที่ลอดผ่านเข้ามาด้านหลังจะกระทบดวงแก้ว และเห็นดวงแก้วสว่างเป็นดวงใส จัดมุมให้เหมาะๆจนเห็นว่าแสงสว่างดูกระจายไปทั้งดวง ท่านผู้รู้บอกว่าการฝึกกสิณแสงสว่างนั้นควรใช้แสงจากธรรมชาติจะดีที่สุด เพราะถ้าฝึกจากแสงไฟแสงนีออนจะเป็นกสิณโทษได้

    ฝึกเพ่งให้พอจำภาพได้แล้วหลับตานึกให้จำได้ในใจ ภาพเลือนไปก็เพ่งแล้วหลับตานึกใหม่ไปเรื่อยๆครับ จนชำนาญดีแล้วจะจำภาพนิมิตได้ติดตาติดใจครับ

    ส่วนภาพตัวอย่างนี้ผมส่งมาให้ดูว่าเวลาวางลูกแก้วบนสำลีสีขาวแล้ว แสงสว่างที่ตกกระทบจะเห็นเป็นอย่างไร ขอให้ฝึกกับลูกแก้วจริงและแสงธรรมชาติจริงๆนะครับ จึงจะดีไม่มีโทษ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2014
  12. Sathuja

    Sathuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +218
    ต้องเอาภาพกำหนดไว้อย่างไรครับ เวลาผมกำหนดลมหายใจภาพจะไม่ชัด เวลากำหนดภาพไว้ข้างหน้ามันเหมือนเอาตาไปมอง เวลาจับภาพจริงๆแล้วต้องนึกภาพเหมือนนึกหน้าคนหรือเปล่าครับ ...แต่ถ้าผมลองนึกให้ภาพไหลไปตามลมหายใจก็จะชัดอยู่ แบบนี้ใช้ได้ไหมครับ
     
  13. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    เจอผีบ่อยๆเดี๋ยวก็หายกลัวเองครับ 555+ เจอจนชิน
     
  14. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    อยากฝึกมั่ง
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    สมมุติว่าถามผมนะ.ถ้าในกรณีที่เรามองภาพแล้วหลับตาเพื่อจะนึกนะครับ
    ให้เราใช้สายตาเราจริงๆมองมาที่ลิ้นปี่ครับ.จะตัดวงจรการใช้สายตามอง
    ในนิมิตรได้ครับ..ถ้าภาพหายก็ให้ทำอย่างนี้เรื่อยๆสังเกตุดูว่าภาพจะขึ้น
    มาของมันเอง..ส่วนถ้าลืมตามองให้กำหนดจิตไว้ตรงที่กลางระหว่างคิ้วก่อน
    พอมองภาพแล้วละสายตาไปที่อื่นๆ
    เพื่อให้ภาพปรากฏที่อื่น.ให้พยายามทำความรู้สึกที่ระหว่าง
    คิ้วไว้เพื่อสร้างสายตาการมองในช่วงเริ่มต้นให้กับตาที่สาม
    หรือเรียกว่าเป็นอุบายในการสร้างทิพย์จักขุก่อน.

    ในช่วงแรกๆภาพก็จะหายๆไปเป็นปกติ
    ขึ้นอยู่กับว่าเราจะขยันทำอย่างนี้เท่าไร.และระหว่างวันเรานึกภาพให้มาอยู่
    ตรงระหว่างกลางลิ้นปี่ได้นานเท่าไร ส่วนถ้าภาพหายไปให้ย้ายจิตมาตาม
    ลมหายใจไม่เกินครั้งที่ เดี๋ยวภาพที่หายจะปรากฏขึ้นมาได้เองครับ
     
  16. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    คุณนพกานต์คะ วันนี้เห็น กสิณตาเปล่า มาเองแบบไม่ได้กำหนด และไม่สามารถบอกได้ว่าจะปรากฏเมื่อไรนะคะ ชักเริ่มเห็นสีแปลกๆขึ้นเรื่อยๆ อย่างวันนี้ดวงกลมสีออก เหลืองอ่อนคะ และก็มีดวงแบบส้มแดงคล้ายพรุที่โพสต์อีกกระทู้นึงอะคะ แต่ดิฉันช่วงนี้ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไร เพราะมีเรื่องเคลียดๆเกี่ยวกับโดนหลอกลวงและโกงเงิน ขู่กรรโชก มาตลอดสามปี ทุกอย่างมันเผยออกมาอย่างขาดสะบั้นวันนี้เอง แต่พ่อดิฉันแนะนำให้เงียบและปล่อยมันไป เพราะ ถ้าดิฉันฟ้องคนที่ทำ นั้นเข้าคุก ดิฉันก็ต้องโดนด้วยเพราะ ดิฉันไปจ้างเขาทำ และเค้ายักยอกเงินรัฐบาลมาให้ดิฉันและเอาเปอร์เซนต์ ครึ่งนึงทุกครั้ง ตอนนี้ดิฉันมาทราบว่า ผู้หญิงคนนี้หลอก ฟันเงินดิฉันไปเยอะมากๆ

    จนตอนนี้ดิฉันแทบอยากยกบ้านให้ญาติๆของเพื่อนชายที่ตาย เพราะดิฉันผิดเองที่มองคนอื่นในแง่ร้าย และไปเข้ากับคนโกง ที่มาทำเป็นพูดดีเข้าข้างว่าสู้เพื่อ ดิฉัน และเอาเงินโกงๆรัฐบาลมาให้ดิฉัน และตัวเองคนละครึ่ง ดิฉัน ทำให้ตอนนี้ดิฉันติดหนี้สำนักงานกฏหมายโนตาลีส แต่มันก็เป็นประสบการณ์สอนอะไรมากมาย ดิฉันมีสองทางให้เลือกตอนนี้คือถ้า ขายบ้านได้กำไร ก็เป็นอิสระกลับไทยได้ แตถ้ายังขายไม่ได้ ดิฉันต้องอยู่ที่นี้ต่อ สอบเอาบัตรประชากรให้ได้ ซึ่งก็กินเวลาหนึ่งปี

    ( แต่จากเซ้นท์ฌาณของดิฉัน ดิฉันรู้สึกว่า จะเป็นอย่างหลังมากกว่า คือ ต้องอยู่ยุโรปอีกปี จนสอบได้เป็นประชากร เพราะดิฉันรู้สึกว่า ตัวเองมีกรรมพัวพันกะที่ยุโรป ไม่สามารถหุดไปไหนได้ )

    คุณ นพพกานต์ช่วยใช้ฌาณดูให้หน่อยได้ไหมคะว่าดิฉันจะขายบ้านได้กำไรในเร็วๆนี้ หรือ ว่าขายยังไม่ได้ และต้องอยู่ยุโรปต่อ?

    p.s ดิฉันอยากกลับไปเมืองไทยเพราะมันสบายกว่าที่นี้มาก บ้านก็ไม่ต้องจ่ายให้ธนาคาร และ ลำพังเงินมรดกที่ดิฉันได้แต่ละเดือน ไปใช้เมืองไทยได้สบายๆโดยไม่ต้องทำงานเลย และยิ่งอยู่กะพ่อกะแม่ ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2014
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    อืมครับ..ขอบคุณสำหรับเรื่องราว.เรื่องขายบ้านได้หรือเปล่า
    ปกติไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับทำนองนี้เลยครับ.บ้านหลังหนึ่งภายใน
    ครอบครัวที่จะขายก็ยังขายไม่ได้เหมือนกันครับ ๕๕๕ เพราะเจ้าที่
    เป็น ญ เค้าเลือกคนที่จะมาอยู่มากเลยครับเด่วมีเวลาคงต้องได้ไปนอนค้าง
    ซักหน่อย..จะเอาแต่ประมาณคุณหมอ
    หน้าบ้านก็คุณหมอ ติดกันก็มีแต่คุณหมอ.เลยยังค้างๆเติง แต่กรณีคุณ
    ช่วยส่งรูปบ้านถ่ายรูปหน้าบ้านหรือภายในมาให้ดูใน pm. ก็ได้ครับ.เพื่อว่าทางนั้นจะไม่ซีเท่าไร
     
  18. ความตาย-1

    ความตาย-1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +44
    มีแต่ข้อความไร้สาระ หาแก่นสารที่แท้จริงไม่ได้ ให้ฝึกแบบที่เค้าบอก อีก 100 ปี พันปี ก็ไม่เกิด
     
  19. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    รูปบ้านอยู่ในโน๊ตบุ๊คที่ เจ้ง และยังไม่ได้ซ่อมเลยคะต้องรอเดือนหน้า ความจริงสัญญาจะถ่ายรูปตุ๊กตาให้คุณนพดูด้วย แต่ก็อย่างว่าอีกคะ ผู้หญิงคนที่ว่า ก็ยืมไปทั้งกล้อง ยืมไปทั้งเงิน จนเค้ากลับจากอัฟริกามาแล้วยังไมคืน และก็โทรไม่ติดอีกด้วย จริงๆดิฉันอยากจะจัดการยัยคนนี้มาก แต่แค่นี้ก็นำความวุ่นวายมามากพอแล้ว ดิฉันรู้ว่างานนี้ขาดทุนย่อยยับ แต่ก็ยอมขาดทุนเพื่อเอาตัวรอด ดิฉันอาจจะยกบ้านให้โนตาลิสไปฟรีๆ และ กลับไทยเพราะลำพังเงินมรดกที่ได้รับแต่ละเดือนไปใช้ที่ไทยก็สูงอยู่
    ส่วนรูปบ้านต้องรอคอมซ่อมเสร็จก่อนคะ
     
  20. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
    ไหน คุณพี่ลองยกตัวอย่างโพสที่ทำอะไรแล้วดูมีสาระ
    ซักโพสซิครับ อยากชมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...