วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณคณานันท์คะ...

    คุณครูคะน้องชายมีเรื่องรบกวนให้ถามคุณครูค่ะ...

    สวัสดีครับคุณคณานันท์

    ผมขอเรียนถามปัญหาอีกซักครั้ง เพราะทำให้ติดขัดในการปฏิบัติ คือ 2 - 3 ปีก่อน ผมฝันว่ามีพระท่านมาแนะนำให้ทำกสิณทั้ง 10 กอง ท่านทำให้เห็นไล่ไปทีละกอง ถึงวิธีทำ (แต่ก็จำไม่ได้หรอกครับ) แต่กองที่เด่นที่สุดเป็นกสิณสีเหลือง

    พอตื่นขึ้นมาก็มาคิดว่าเรามีวาสนาขนาดนั้นเชียวหรือ แล้วก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก็เลยไม่ได้ทำกองไหน ได้แต่ภาวนาพระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้าบ้าง จับลมไปบ้าง ตามความถนัด

    ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนของปี 2549 ที่ผ่านมานี้ ใจมันอยากฝึกกสิณไฟมาก ก็เลยตัดสินใจว่า เอาวะลองฝึกซัก 3 เดือน... ผมก็ใช้วิธีเพ่งเทียนมาเรื่อยๆ พร้อมภาวนาบทมงกุฏพระพุทธเจ้าไป แต่ลมนั้นจับบ้างไม่จับบ้าง ทำไปประมาณ 2 เดือนเศษ พอมาต้นมกรา ปี 50 ก็ทำไปปกติ แล้วก็นอน ฝันไปว่า อาจารย์มาบอกว่า "ไม่ผ่าน" คืนที่สองก็ทำไปปกติ ฝันอีกว่า "ท่านสอบตก" แล้วก็บอกอีกว่าให้ทำตลอดทั้งวันทั้งคืน... ผมก็มาวิตกว่า กลางคืนไม่นอนได้อย่างไร พรุ่งนี้ต้องไปรับหลาน ก็ทำไปปกติ พอคืนที่สาม ฝันเห็นหน้าอาจารย์ท่าน ท่านเสียดายมากที่เราทำไม่สำเร็จ แต่ท่านก็ต้องวางอุเบกขา

    ทำให้ตื่นขึ้นมาแล้ว ผมก็เสียใจ และเสียดายมาจนทุกวันนี้ ทำไมเราเลวขนาดนั้น ทำไมจิตใจเราหาความเข้มแข็งไม่ได้เลยหรือ

    ก่อนที่จะเขียนมาถามคุณคณานันท์... ที่ผมเรียนให้ฟังไปแล้วว่าฝันเห็นกสิณน้ำ แล้วคุณก็แนะนำกสิณน้ำมา... ผมก็ทำมาทุกวัน คือ ใช้บทพุทธคุณบ้าง บทมงกุฏพระพุทธเจ้าบ้าง พร้อมกับจับลมแล้วนึกถึงนิมิตรเป็นรูปกสิณน้ำให้มีรัศมีกระจายตัวออกมา... ผมทำมาทุกวันตามที่คุณแนะนำ

    แต่เมื่อคืนก็ฝันอีกแล้ว พระท่านทำให้เห็นภาพว่า เรานั่งสมาธิอยู่ แล้วให้มีกองไฟลุกท่วมตัวเรา ท่านบอกว่า "ทำให้ได้"

    พอมาถึงตรงนี้ทำให้ผมลังเลอีกแล้ว ไม่ทราบว่าจะเริ่มกองไหนก่อนดี เพราะเมื่อคืนระหว่างทำกรรมฐานอยู่นั้น ผมตั้งจิตอธิษฐานขอเป็นลูกศิษย์ของพระอุปคุตท่าน เพราะท่านอยู่สะดือทะเลน่าจะฝึกกสิณน้ำได้ดี และขอฝากตัวเป็นศิษย์ของพระโมคคัลลานะ กับหลวงพ่อฤาษีท่านอีกครั้งหนึ่ง

    ครั้งนี้ต้องขอพึ่งคุณคณานันท์อีกครั้งแล้วครับ สงเคราะห์ผมอีกครั้งเถอะ... จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นกับบารมีเก่า กับจิตใจตัวเองแล้ว

    ถึงยังไงผมก็ตัดสินใจไปพระนิพพานชาตินี้แล้ว แต่ห่วงช่วงวิกฤติเท่านั้นว่าจะช่วยคนอื่นไม่ได้ เพราะตัวเองก็ยังเอาดีไม่ได้ และตั้งใจว่าจะพา พ่อ - แม่ ไปพระนิพพานด้วยกันให้ได้ครับ

    ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2007
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post858291 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>jamrus<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_858291", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:27 PM
    วันที่สมัคร: Mar 2006
    ข้อความ: 39 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 12,096 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 501 ครั้ง ใน 39 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_858291 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->สวัสดีค่ะคุณคนานันท์ และเพื่อนๆ
    ขอขอบคุณ คุณคนานันท์ที่แนะนำสั่งสอนการปฎิบัติ จับลมสบายครั้งแรกรู้สึกเก็ง และเจ็บซี่โครง เพราะไม่ค่อยใด้กลั้นลมหายใจยาวๆ นึกถึงพุทธโธ ธัมโม สังโฆ จับจุดนิ่งในใจ แต่ก็หายเก็งและเจ็บ และจับลมสบาย รู้สึกเย็นสบายใจบอกไม่ถูก แผ่เมตตาทั้งสามภพภูมิ พยายามทำตลอดเวลาที่นึกได้ ควบคู่กับจับภาพองค์พระรู้สึกพระวิสุทธิเทพจะจำได้มากเป็นแสงสว่างประกายเย็น พร้อมกับท่องคาถาเงินล้านของหลวงพ่อ คาถาเงินล้านนี้ท่องเป็นปกติ น้อมบูชาพระรัตนตรัย พระคุณคูรบาาอาจารย์ รู้สึกดีมากมีความคล่องตัวทุกๆอย่าง และตอนนี้ได้สวดมนต์บทพระมหาจักรพรรดิอยู่ด้วยค่ะ ตอนก่อนนอนพยายามนั่งสมาธิแข่ง กับเสียงกรนของสามีค่ะจนเป็นปกติ แต่จะหลับในสมาธิบ่อยมาก คุณคนานันท์ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ตอนนี้กำลังอ่านทบทวนบารมี 10 หนังสือหลวงพ่ออยู่ค่ะ มีทานบารมี ได้แก่การให้ทาน ศีลบารมี คือการทรงศีลให้บริสุทธิ์ เนกขัมมบารมี คือการถือบวช ปัญญาบารมี คือทรงปัญญารู้เท่าทันสภาวะตามความเป็นจริง ,,อริยสัจ 4,,วิริยบารมี มีความเพียรไม่ถ้อถอย ขันติบารมี มีความอดทน สัจจบารมี มีความจริงใจ อธิษฐานบารมี คือความตั้งใจ เมตตาบารมี พรหมวิหารสี่ และอุเบขาบารมีค่ะ ขอคุณคนานันท์ได้โปรดแนะนำ บอกด้วยกล่าวด้วยค่ะ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขออนุญาตตอบคุณจำรัสครับผม

    ดีแล้วครับที่คุณมาสนใจศึกษาเรื่องบารมีสิบ

    บารมีสิบนอกเหนือจากที่เป็นธรรมมะที่ท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมิต้องบำเพ็ญแล้ว ท่านที่ปรารถนาพระนิพพานชาตินี้ก็ต้องปฏิบัติด้วยเพื่อพระนิพพานครับ

    ที่ทำและเข้าใจอยู่ถูกแล้ว และเราต้องเสริมให้การสร้างบารมีทั้งสิบประการนั้นเพื่อการมุ่งตรงต่อพระนิพพาน เช่น

    ทานบารมี ก็ให้กำหนดจิตเพื่อการละวางความยึดมั่นถือมั่นกับวัตถุทั้งหายเป็นสำคัญ

    ศีลบารมี ก็กำหนดให้เป็นศีลของพระอริยเจ้าตามลำดับไป โดยทรงศีลให้บริสุทธิ์ สามชั้น รักษาศีลเพื่อการตัดสังโยชน์ข้อศีลตปรามาสเป็นสำคัญ

    เนกขัมมะบารมี ให้ทรงกำลังใจในการถือบวชหรือการออกจากกามคุณ ยิ่งใกล้ความเป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูงจิตจะยิ่งคลายตัวจาก ทางโลกเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ หากในเบื้องต้นอาจไม่ปรากฏเข้มข้นมากนัก ให้ปฏิบัติแบบใจสบายไม่ต้องไปเร่ง มันเป็นไปเอง

    ปัญญาบารมี ก็ให้น้อมไปในการพิจารณาวิปัสสนาญาณให้ละเอียด ทบทวนไปมาจนจิตใจเรายอมรับความเป็นจริง

    วิริยะบารมี ก็จงมีความเพียรในการปฏิบัติธรรม ไปเรื่อยๆ ไม่เลิก ไม่หยุด เอาอิทธิบาทสี่มาเสริม

    ขันติบารมี อดทนต่ออุปสรรค ความยากลำบาก การทดสอบ ซึ่งโดนกันทุกคน ตามแต่บุพกรรม ใช้อุเบกขา มาเสริม มองให้เห็นธรรมดา

    สัจจะบารมี ให้จริงใจตังใจในการปฏิบัติเพื่อพระนิพพาน ให้สัจจะก็จงให้สัจจะต่อพระรัตนไตร

    อธิฐานบารมี ให้อธิฐานตรงขอบุญ ขอกุศลทั้งปวงส่งผลให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ใช้ปัญญาให้ฉลาดในการอธิฐานเอาไว้

    เมตตาบารมี ก็จงเมตตาต่อตัวเราปรารถนาให้เป็นสุข คือการบรรลุถึงซึ่งพระนิพพาน รวมทั้งแบ่งปันให้กับผู้อื่นดวงจิตอื่นให้เขาได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเช่นกันครับ

    อุเบกขาบารมีคือการวางอารมณ์ใจในอุเบกขาญาณทั้งปวง ตั้งแสงขารรุเบกขาญาณ การวางเฉย(จากการรู้เท่าทันสภาวะของ)ขันธ์ห้า ร่างกายนี้ อุเบกขาการวางเฉยต่อ โลกธรรมแปด อันประกอบด้วย
    การมีลาภ เสื่อมลาภ
    การมียศ เสื่อมยศ
    มีความสุข มีความทุกข์
    มีคนสรรเสริญ มีคนนินทา

    วางใจของเราให้เกิดอุเบกขาในสิ่งทังปวงจนจิตมองเห็นความเป็น"ธรรมดา"ในทุกสรรพสิ่ง


    การบำเพ็ญบารมีสิบทัศน์นั้น ควรอ่านเรื่องสังโยชน์สิบประกอบด้วย

    ขอโมทนาในความก้าวหน้าและใฝ่รู้ในธรรมครับ

    เรื่องซีดีเสียงสอนสมาธิ ของผมเริ่มมีคนขอเยอะขึ้นแล้ว จะจัดทำและส่งไปให้ครับ รอนิ้ดดนึง
     
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    สวัสดีครับ วันนี้ก้าวหน้าขึ้นมา ก้าวนึงมั้งครับ หลังจากถอยไปหลายก้าว เผอิญติดคำถามอยู่ข้อนึงครับ จริงๆแล้วตัวเรานี่คืออะไรครับ ขันธ์ 5 ไม่ใช่เราแน่ๆ แต่จิตใช่เรารึเปล่าครับ อันนี้ไม่ค่อยมั่นใจ หรือต้องเป็นจิตที่เป็นสภาพเดิมแท้ถึงเป็นตัวเรา คิดเองก็คงเดาสุ่ม ก็เลยขอฝากถามหน่อยครับ กราบขอบพระคุณล่วงหน้าครับ แถมข่าวความคืบหน้าครับ http://www.thairath.co.th/news.php?section=international&content=70735
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2007
  4. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    เรื่องซีดีเสียงสอนสมาธิ ของผมเริ่มมีคนขอเยอะขึ้นแล้ว จะจัดทำและส่งไปให้ครับ รอนิ้ดดนึง
    ขอเข้าคิว หนึ่งชุดค่ะ

    ขอเป็นเอ็มพีสามลงไอพ็อดเลยได้ไหมคะ (แซวน่ะ ยังไม่มีไอพ็อดเลย)
     
  5. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    น้องคุณชธร

    กสินน้ำค่ะ

    น้ำเป็นเรา เราเป็นน้ำ
    น้ำไม่มีก็เสกน้ำออกจากมือ คลื่นใหญ่ก็ทำให้เป็นคลื่นเล็ก ภูเขาไฟระเบิดก็เอาน้ำดับไฟ

    ท่านผู้ฝึกอภิญญาท่านหนึ่ง (ฆราวาส) ได้โจทย์นี้จากพระในนิมิตให้เร่งเรื่องกสิณน้ำ เมื่อสามสัปดา์ห์ก่อน เลยเอามาแชร์ค่ะ ก็ท่องอาโปกสิณังไปทั้งวัน ลองดู

    พี่ไม่เป็นนะคะ แต่ได้ยินมากับตัว เผื่อคุณจะโชคดี

    อนุโมทนาบุญทั้งคุณพี่คุณน้องค่ะ
     
  6. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณลูกหลานหลวงปู่ค่ะ... เมื่อวานนี้จดเอาไว้ว่าจะบอกคุณว่า ความรู้สึกคล้ายกันมากเลยค่ะ... คิดอยู่ตลอดเลยว่า เอ! ทำไมสมาธิเราไม่ก้าวหน้าเลยน้อ... แต่เมื่อได้รับคำแนะนำจากหลายๆ ท่าน แบบนี้แล้ว... จะเดินหน้าเต็มตัวแล้วค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะ
     
  7. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณสุธาทิพย์คะ...

    ขอบพระคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ... น้องชายก็ฝากขอบพระคุณมาด้วยค่ะ
     
  8. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณคณานันท์คะ

    ขออนุญาตเข้าคิวรอรับซีดีเสียงสอนสมาธิชุดหนึ่งด้วยนะคะ...

    ขอบพระคุณมาล่วงหน้าค่ะ
     
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณchdhorn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_859291", true); </SCRIPT> ด้วยครับ

    ดูจากที่คุณเคยปฏิบัติได้เก่านั้น เยี่ยมมากๆเลยครับ ทำได้ดี ทรงมโนมยิทธิได้คล่องแคล่วอยู่แล้ว เสียดายไปเจอ "คนคล้ายหวังดี" ทักให้เราเลยไปทิ้ง"ดี" เสียอีก

    ต้องลองไปถามคนที่เขาทักก่อนว่า เขาเคยฝึกไหม เขาทำได้หรือเปล่า เขาทำสิ่งที่ยิ่งไปกว่านี้ได้หรือไม่ หากเขาตอบไม่เคย ไม่ได้ ก็เเปลว่า เขาไม่รู้จริง ป่วยการเปล่า

    แต่ไม่เป็นไรครับ ทำให้เราได้รู้คุณค่าสิ่งที่เราเคยเสีย หรือได้ละทิ้งไปครับ

    ก็ขอให้ขอขมาพระรัตนไตรและเริ่มต้นกันใหม่ให้ ตรงและตั้งมั่น มั่นคง ยิ่งกว่าเดิม

    ขอเล่าเรื่องแนวนี้ให้ฟังครับ

    เรื่องมีอยู่ว่า มีพระที่เก่งปริยัติท่านหนึ่งได้ไปธุดงค์ในป่า วันหนึ่งท่านไปเจอถ้ำที่มีพระป่าจำพรรษาอยู่ คุยสอบถามไป พระป่าท่านก็เล่าว่า ได้ตามหลวงปู่ท่านหนึ่งมาบวชตั้งแต่เป็นเณร หลวงปู่ท่านก็สอนวิชชาให้หลายอย่าง โดยที่ท่านไม่ได้เรียนหนังสือเลย

    พระในเมืองก็ได้ถามว่า แล้วถ้ำอยู่ไกลบ้านขนาดนี้ ท่านหากินหาฉันอย่างไร พระป่าท่านก็ว่าหลวงปู่ท่านสอนคาถาเอาไว้ให้ ว่าแล้วก็เอาหม้อดินใบเล็กๆมาสอง ใบ เอาใบไม้ปิดไว้แล้วก็ว่า คาถา พอเปิดออกก็ปรากฏ ว่าหม้อใบหนึ่งมีข้าวสวยอยู่เต็ม อีกใบ ก้ปรากฏแกงอยู่เต็ม ทั้งสองท่านก็ฉันกันพอดีอิ่ม


    พอเย็น พระในเมืองก็สนใจอยากได้คาถาของวิชชานี้บ้าง อยากทำได้ ก็ถามพระป่าและขอคาถา พระป่าท่านก็ใจดีบอกให้

    คืนนั้นพระในเมืองท่านก็มานั่งคิดนอนคิดตามประสาท่าน โดยใช้ปัญญาความรู้ทางปริยัติเต็มที่ที่ท่านได้ปธ. มา คิดพิจารณาอยู่ทั้งคืน

    พอเช้า ก็รีบไปบอก พระป่าทันที ท่านๆ คาถาที่ท่านให้ผมน่ะ ผมไปเปรียบเทียบกับที่เรียนมาแล้วแล้ว คาถานี้ผิดบาลีไวยากรณ์นะนี่ผมหวังดี ผมบอกให้

    ทางพระป่าท่านก็เริ่มลังเลสงสัย เพราะท่านเองไม่เคนเรียนหนังสือมาอยู่ป่าตลอด แถมพระท่านนี้ก็เรียนสูงจบปธ.มาด้วย ก็เริ่มสงสัยแล้วว่าคาถาของเราที่หลวงปู่ท่านให้มาถูกหรือผิดกันแน่

    คราวนี้เอาใหม่ว่าคาถาใหม่ ทำอย่างไรข้าวก็ไม่มา แกงก็ไม่มี อดกันทั้งคู่ สุดท้ายหลวงปู่ท่านทราบในญาณก็ต้องกับมาสอนพระป่าท่านนั้นใหม่ให้ทรงอารมณ์เหมือนเดิมได้

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ..........ธรรมมะเป็นปัตจัตตัง รู้ได้ด้วยตนเอง ความก้าวหน้าในผลแห่งการปฏิบัติ เจ้าตัวก็รู้เอง การรู้วาระจิตผู้อื่นเจ้าตัวก็รู้เอง เราทำได้ก็พึงรักษาเอาไว้อย่าให้คนที่เขาทำไม่ได้มาทำให้เราเสื่อมจากความดี

    ก็ขอให้ก้าวหน้าในธรรมให้ยิ่งขึ้นไปครับ รักษาธรรมเอาไว้ ถึงเราจะฝึกได้ง่ายแต่ก็เป็นของที่ทรงคุณค่าครับ คุณเองปฏิบัติไปไล่ตามได้จนจบแน่ๆครับ จากของเก่าที่เคยทำได้



    ส่วนของคุณน้องชาย

    พระท่านมาโปรดโดยตรงอยู่แล้วครับโดย พระท่านเมตตาแนะนำให้ฝึกกสิณสิบกอง แสดงได้ว่ามีบารมีเก่าที่เคยได้กสิณครบทั้งสิบกองมาก่อน

    เนื่องจากกสิณมีหลายกองก็เลยเกิดความสับสน ลังเลว่าควรฝึกกองไหนก่อนดี

    ที่แนะนำให้ไปก็คือกสิณน้ำที่คุณทำได้จนชินแล้ว

    พระท่านก็เลยมาเข้าฝันให้ฝึกกสิณไฟต่อ (หมายความว่าเปลี่ยนกองไล่กองได้แล้ว)

    ก็ไม่ต้องสงสัยครับ มาต่อกองกสิณไฟต่อเลยเอาให้สุดอารมณ์ปรากฏนิมิตรกสิณไฟ จากดวงไฟ ค่อยๆขาวขึ้น ใสขึ้นเรื่อยๆ จนเปร่งแสงใส สว่างเป้นแก้วประกายพรึกกลายเป็นดวงเพชรระยิบระยับแพรวพราว

    กสิณทุกกองเมื่อถึงฌานสี่ มีอารมณ์ มีนิมิตรเหมือนกันเสมอกันคือ ปรากฏเป็นแก้วประกายพรึกเป็นเพชรแพรวพราวครับ

    พอทำได้ก็เปลี่ยนกองครับเอากสิณในกลุ่มธาตุก่อนไล่ไปกสิณสีครับ

    พระท่านเห็นช้าไปนิดหนึ่ง เพราะพวกคล่องๆกสิณนี่ เขาล่อวันเดียวสิบกองเลย กองหนึ่งวันหนึ่งนี่ก็นับว่าช้าไปนิด

    หากเล่นกสิณกันนี่เขามีมาไล่กองแบบอนุโลมปฏิโลม ไล่ฌาน สลับฌาน ควบกอง ย่อ ขยาย ย้ายตำแหน่งกสิณกันแบบคล่องสุดๆดังใจครับ

    ดังนั้นเอางี้ ไล่กสิณให้ได้วันละกองก่อนครับ แต่ให้ตั้งมั่นทรงได้ หลับตาเห็นลืมตาเห็นและไม่ต้องให้คนรู้ ทำแบบเนียนๆ

    อย่างไรคุณก็ทำได้สำเร็จจบหมดทุกกองครับ

    ถึงยังไงผมก็ตัดสินใจไปพระนิพพานชาตินี้แล้ว แต่ห่วงช่วงวิกฤติเท่านั้นว่าจะช่วยคนอื่นไม่ได้ เพราะตัวเองก็ยังเอาดีไม่ได้ และตั้งใจว่าจะพา พ่อ - แม่ ไปพระนิพพานด้วยกันให้ได้ครับ

    ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ


    อย่างไรคุณตั้งจิตเอาไว้ดีแล้วครับ การพาพ่อแม่ไปพระนิพพานได้ เป็นการตอบแทนพระคุณขั้นสูงสุด เป็นมหากุศลที่ลูกพึงตอบแทนพระคุณพ่อแม่ได้หมดครับ ขอโมทนาบุญอย่างที่สุดกับทั้งสองคนพี่น้องด้วยครับ<!-- / message --><!-- edit note -->
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    Xorce<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_860230", true); </SCRIPT> นะครับ


    แท้ที่จริงเราคือจิตอันเป็นอาทิสมานกายครับที่เข้ามาอาศัยร่างกายเนื้อนี้ ตามแรงกรรม ทั้งกรรมดีกรรมชั่วที่เราทำมา

    และเสวยกรรม ใช้สมบัติบนโลกที่สมมุติว่าเป็นเราเป็นของเรา เป็นของพ่อแม่เรา หากเราตายไปตอนนี้ ร่างกายเราก็ดี ข้าวของเครื่องใช้สมบัติของเราก็ดี ก็ทิ้งเป้นของโลกของคนอื่นให้เขาไปสมมติว่าเป็นของเขากันต่อ ตามแรงยึดเหนี่ยวของอุปทานของแต่ละคน

    ส่วนเรา(อาทิสมานกาย) ก็เดินทางต่อไปด้วยแรงของกรรม ท่องเที่ยวในสังสารวัฏฏ์ไม่มีที่สิ้นสุด ยาวนานหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ มีเพียงบุญที่คอยหนุนให้เราไม่ทุกข์ยากไม่ลำบากจนเกินไป เกิด ตาย ตาย เกิด ไม่สิ้นสุด เกิดมาดีก็ดีหน่อย หากเกิดมาในอบายก็ทุกข์แสนทุกข์

    ตราบจนมาพบพระพุทธศาสนาก็จึงเห็นหนทางหลุดพ้นจากการเดินทางอันไม่สิ้นสุดของสังสารวัฏฏ์ไปได้ หากปัญญามี บารมีถึงไม่ติดภาระกิจ การไปพระนิพพานชาตินี้นับเป็นสิ่งประเสริฐสุดเป็นบุญอันหาที่เปรียบไม่ได้แล้วครับ ขอโมทนาบุญด้วย

    เราแท้จริงคืออาทิสมานกาย ที่ปรากฏด้วยกรรมดีกรรมชั่วครับ

    บุญมีมาก อาทิสมานกายก็สว่าง สดใส
    กรรมมากก็เศร้าหมอง โกโรโกโส
     
  11. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ขอถามพี่ๆ ครับ คือ ผมชอบการปฏิบัติธรรมครับ แต่ทำไม่ค่อยจะเป็น
    เวลาบอกคนอื่น ก็ไม่กระจ่างชัด เพราะ ตนเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง
    การทำสมาธิก็ไม่แน่นอน ได้แค่อุปจารสมาธิเองครับ
    1.ผมอยากรู้เรื่องธรรมมะแบบง่ายๆ ป้อนข้อมูลแล้ว เข้าใจทันที เอาไว้บอกคนอื่นที่หัวแข็ง
    2.อยากรู้เรื่องการทำวิปัสนากรรมฐาน ทำอย่างไรคับ ให้รู้แจ้ง เห็นผล
    3.วิธีทำสมาธิแบบท่านอนครับ แบบอาณาปาณสติ มโนมยิทธิ
    4.การถวายหนังสือพระไตรปิฎกแด่พระภิกษุ มีผลอย่างไรครับ คือว่าผมซื้อมาอ่านแล้วไม่เข้าใจ เลยถวายพระไป จะบาปมั้ยครับ
     
  12. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณคณานันท์คะ

    กราบขอบพระคุณคุณครูเป็นอย่างสูงค่ะ... ตอนนี้ทั้งพี่ทั้งน้องพยายามปฏิบัติในแนวทางของตัวเองอยู่ตลอดค่ะ... ถ้าคนหนึ่งคนใดเผลอ อีกคนก็จะช่วยเตือนค่ะ... เอ้ย! หลุดแล้วนะ ทำต่อๆ... ( แต่ส่วนใหญ่พี่เองนั่นแหละค่ะที่จะเผลอซะเยอะ แฮะ! แฮะ!... มีน้องดีก็ดีแบบนี้เนอะ )

    เมื่อทำไปแล้ว ได้ผลในการปฏิบัติอย่างไรจะมาเล่าให้ฟังนะคะ...

    อ้อ! เมื่อคืนทำพิธีไหว้ครูกันใหม่ตามที่คุณครูสอนในหน้าแรกๆ น่ะค่ะ... เผื่อที่ผ่านๆ มา อาจพลั้งเผลอทำอะไรผิดพลาดกันไปจะได้ขอขมาพระท่าน และครูบาอาจารย์ทุกๆ ท่านด้วยนะคะ
     
  13. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ผมว่าคุณ chdhorn และน้องชาย ไม่ใช่ธรรมดานะครับ มาให้กำลังใจ
    ฝึกตามคุณคณานันท์แนะ ไม่นาน ผมตามหลังอยู่เลยภาพลูกแก้วยังไม่คงตัว
    แต่เห็นตลอด
     
  14. ๑กุหว่าใจ๋๑

    ๑กุหว่าใจ๋๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2006
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,730
    กราบอนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ เห็นความเจริญก้าวหน้าของแต่ละท่านแล้วก็รู้สึกชุ่มชื่นใจ ตอนนี้ครอบครัวแห่งสัมมาทิฏฐิ ก็เริ่มเติบโตขึ้น มีพี่น้องร่วมธรรมมากขึ้น ผมเองก็พยายามฝึกฝนตนเอง ตามโอกาสที่จะพอทำได้ครับ ก็ขอฝากตัวเป็นกัลยาณมิตรกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
  15. KimGuidDi

    KimGuidDi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +267
    ช่วงนี้จิตใจค่อนข้างเร่าร้อนบ่อยครับ ทั้งที่ก้อฝึกกรรมฐานค่อนข้างบ่อย และค่อนข้างเจอกับเรื่องแย่ๆ แต่ก้อคิดว่าคงจะเป็นกรรมเก่าน่ะครับ แต่พอมองคนในสังคมก้อพบว่ามีอีกมากมายเลยสำหรับคนที่มีอาการฉุนเฉียวง่ายหรือเพราะว่าจะถึงกาลที่เรียกกันว่ากลียุครึปล่าว แล้วต้นปีหน้านี้เราจะฉลองปีใหม่กันอย่างมีความสุขไหมครับ
     
  16. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    1.ผมอยากรู้เรื่องธรรมมะแบบง่ายๆ ป้อนข้อมูลแล้ว เข้าใจทันที เอาไว้บอกคนอื่นที่หัวแข็ง
    -
    จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิต เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ

    บันทึกคติธรรม หลวงปู่ดุลย์ อตุโล


    2.อยากรู้เรื่องการทำวิปัสนากรรมฐาน ทำอย่างไรคับ ให้รู้แจ้ง เห็นผล
    - ฝึกแนวทางมหาสติปัฎฐาน 4 เป็นทางสายเอก เป็นทางตรงสู่พระนิพพาน ลองศึกษาดูครับ http://dungtrin.com/sati/

    3.วิธีทำสมาธิแบบท่านอนครับ แบบอาณาปาณสติ มโนมยิทธิ
    - สมาธิทำได้ทุกอิริยาบถ

    4.การถวายหนังสือพระไตรปิฎกแด่พระภิกษุ มีผลอย่างไรครับ คือว่าผมซื้อมาอ่านแล้วไม่เข้าใจ เลยถวายพระไป จะบาปมั้ยครับ
    - มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา
    ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า สำเร็จด้วยใจ

    ที่คุณถวายหนังสือพระไตรปิฎกด้วยความบริสุทธิ์ใจ ของที่ถวายพระได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ถวายกับพระสุปฏิปัณโณ ก็รับรองได้ว่าได้บุญ 100% เต็ม ถ้าไม่ึครบก็ลดหย่อนกันตามไป

    พระไตรปิฎกอ่านยากก็จริงแต่ถ้าตั้งใจศึกษาจริงๆซะอย่างโดยมีอิทธิบาท 4 มันก็ไม่มีอะไรยาก แต่เริ่มแรกไม่ควรไปอ่านพระไตรปิฎกเลย ควรศึกษาธรรมพื้นฐานแบบง่ายๆก่อน เช่น หนังสือของพระสุปฏิปัณโณทั้งหลาย เมื่อจิตถึงระดับนึงแล้ว พร้อมที่จะศึกษาธรรมขั้นสูงอย่างลึกซึ้งแล้วก็ค่อยไปอ่านพระไตรปิฎกได้ครับ

    ตำราทางธรรมนั้น ครูบาอาจารย์ท่าน เจียไว้ให้แล้ว
    เปรียบเสมือน เพชรทุกหน้า แต่หนังสืออื่นๆ หน่ะ มันก็มีเพชรอยู่แต่คุณก็ต้องไปเจียมันเองจะเจียได้มากน้อย ก็ขึ้นกับว่า คุณภาพของเครื่องเจียของผู้เจีย

    ขอโมทนาในคุณความดีที่คุณตั้งใจทำในอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี และที่จะทำต่อไปในอนาคตก็ดี ทั้งหมดทั้งมวลด้วยครับ _/\_
     
  17. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ถ้ามองโลกในแง่ดีหน่อย ก็คิดซะว่าเรามีสติรู้ไม่เท่าทันมันครับ
    ไม่ต้องโทษใคร โทษตัวเองไว้ก่อนครับ

    ขอก๊อบบทความที่พี่คณานันท์ลงไว้มาให้อ่านครับ

    ---------------------------------------------------
    ความก้าวหน้าในธรรมนั้น ท่านผู้ปฏิบัติ พึงต้องพิจารณา ใคร่ครวญในข้อธรรมการปฏิบัติที่เรียกว่า "ธรรมมะวิจะยะ" ว่า

    -ธรรมใดที่ทำให้เจริญ (จากความดี จากกุศล จากฌาน จากญาณทัศนะ จากคุณธรรม) ธรรมข้อนั้นพึงทำให้เจิญยิ่งขึ้นไป

    -ธรรมใดที่ทำให้เสื่อม (จากความดี จากกุศล จากฌาน จากญาณทัศนะ จากคุณธรรม ) ธรรมข้อนั้น พึงละ พึงเว้น พึงหลีกเลี่ยง

    -ข้อปฏิบัติ ปฏิปทาใดทำให้เจริญ( ในการทำความดี ในการการสร้างกุศล ในสามัคคีธรรม ในการทำฌาน ในการก่อให้เกิดญาณทัศนะ ในความสิ้นอาสวะ ในการสร้างบารมีทั้งสามสิบทัศน์ ) พึงปฏิบัติให้ยิ่งขึ้นไป

    - ข้อปฏิบัติ ปฏิปทา ใดที่ทำให้เสื่อม ( ในการทำความดี ในการสร้างกุศล ในสามัคคีธรรม ในการทำฌาน ในการก่อให้เกิดญาณทัศนะ ในความสิ้นอาสวะ ในการสร้างบารมีทั้งสามสิบทัศน์ ) ปฏิปทานั้น พึงละ พึงเว้น พึงหลีกเลี่ยง

    -ค่อยๆขัดเกลา กิเลส เครื่องเศร้าหมอง ออกไปจากจิตใจทีละน้อย ทีละน้อย จนปรากฏ ดวงจิตที่ประภัสสร พึงติโทษโจษตนเองไว้เสมอ สิ่งใดที่ทำให้ใจเราบริสุทธ์ขึ้นได้ก็พึงทำ เมื่อใดที่เราหยุดโจษโทษตัวเองก็เหมือนเราหยุดทำความบริสุทธ์ของใจให้ปรากฏ ปล่อยให้กิเลสเครื่องเศร้าหมองให้มาจับมาเกาะพอกพูนเข้าไปอีก เรามีใจเป็นแก้วแล้วก็ควร หมั่นเช็ดถู ดูแลใจเราให้สะอาด สว่าง แพรวพราว

    - อย่าได้ไปสนจริยาของผู้อื่น ว่า เขาจะดี จะเลวอย่างไร ความดีความเลวของเขา ไม่ได้ทำให้เราพ้นทุกข์ไปได้ ยิ่งเราไปติเตียนผู้อื่นมากเท่าไร ใจเราก็ยิ่งเศร้าหมอง ยิ่งมันปาก มันอารมณ์ แต่ถ้าเราดูใจของเราเองในขณะนั้น เราจะเห็นว่าสีของจิตเราหมองคล้ำด้วยกิเลส

    -อย่าได้ไปดูเยี่ยงอย่างผู้อื่นที่เขาทำบาปอกุศล แล้ว มาให้เหตุผลกับตนเองว่า "ทำไมทีผู้อื่นยังทำได้ " "เขาก็ทำอย่างนี้เป็นปรกติ"
    ขอยกตัวอย่างว่า ถ้ามีผู้คน เห็นหมามันกินอุจจาระได้ เราจะอ้างว่า เราก็กินได้เช่นกันหรือไม่ ดังนั้นเมื่อกระแสโลกเชี่ยวกรากในบาป อกุศล เราชาวธรรม ไม่จำเป็นที่จะต้อง เลวไปตามกระแส ทางโลก

    ถ้าใจเรา"ฝืนกระแส" ว่าทำไมอย่างโน้นอย่างนี้ ใจเราจะเหนื่อย กับการต้าน การทวน กระแสที่เชี่ยวบ่า

    การสู้กับกระแสทางโลกที่ดีที่สุด คือ "การอยู่เหนือกระแส " อยู่ในสังคมที่มากด้วยคนหลากหลายทั้งชั่วทั้งดี แต่เราไม่ยอมให้ตัวเราชั่วไปได้ อยู่ในทุกข์โดยไม่ทุกข์

    การอยู่ในหมู่ สหธรรมมิกผู้มีคุณธรรมความดี มีความเอื้อเฟื้อในธรรม อยู่ในสามัคคีธรรม ยินดีในความดี ความเจริญในหมู่เพื่อน ย่อมเป็นสิ่งประเสริฐที่จะทำให้ก้าวหน้าในธรรมให้ยิ่งๆขึ้นไป

    พวกเราทั้งหลาย การที่ได้มาประสบพบกันแม้จาก หลายที่ หลายแห่ง ต่างวัย ต่างกรรม ต่างวาระ แต่กลับมาได้พานพบกันได้นี้ นับว่าเป็นบุญที่เกื้อหนุนมาให้พบ มาให้ช่วยเหลือ มาให้สงเคราะห์กันในความดี

    ขอกราบโมทนาในความดี ความงาม ในการปฏิบัติของทุกท่านด้วย
    ขอความเจริญไพบูลย์ในธรรมจงบังเกิดมีแด่ทุกๆท่านด้วยเทอญ.......
     
  18. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    อนุโมทนาทุกๆท่านครับ เห็นแล้วมันชื่นใจครับ มีคนดีๆมาช่วยๆกันมาก เป็น กองทัพธรรม เราจะทะนุบำรุงศาสนาด้วยกันให้เจริญ ให้เจริญดั่งพุทธทำนาย ช่วยซึ่งกันเเละกัน ช่วยคนอื่น
     
  19. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ข้าน้อยและน้องชาย...

    ขอน้อมเศียรเกล้าก้มกราบพระบาทแห่งองค์สมเด็จพระศาสดาด้วยความระลึกในพระคุณยิ่งแห่งองค์พระทศพลทุกๆ พระองค์

    อีกทั้งขอน้อมกราบขอบพระคุณพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย อีกทั้งครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆ กันมา มีองค์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และองค์หลวงพ่อฤาษี แห่งวัดท่าซุงเป็นที่สุด รวมไปถึงพระโพธิสัตว์ทุกๆ ท่าน สาวกภูมิทุกๆ ท่าน

    ขอน้อมกราบขอบพระคุณบิดา มารดา ที่ให้กำเนิด ข้าพเจ้า และน้องชายมาด้วยความรัก ความเมตตา ณ สถานที่ และกาลเวลาที่พระธรรมคำสั่งสอนแห่งองค์พระผู้มีพระภาคเจ้ายังสถิตย์สถาพรอยู่

    อีกทั้งขอกราบขอบพระคุณคุณวีระชัย และทีมงานเว็บพลังจิตทุกๆ ท่าน ที่ทำให้ข้าพเจ้า น้องชาย และท่านผู้ปฏิบัติธรรมท่านอื่นๆ ได้มีโอกาสเข้าถึงทางพระธรรมคำสั่งสอนแห่งองค์พระศาสดา อีกทั้งครูบาอาจารย์ทั้งหลายมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ... ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านนะคะ...

    และที่สุดต้องขอกราบขอบพระคุณคุณครูผู้ชี้แนะแนวทางแห่งแสงสว่างให้ข้าพเจ้าและน้องชาย... คุณคณานันท์... ขอขอบพระคุณค่ะ

    วันนี้เกิดอาการปิติ ซาบซึ้ง และสำนึกในพระคุณของทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆท่าน ขึ้นมาอย่างล้นพ้น...

    คุณครูคณานันท์คะ

    วันนี้มีเรื่องความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของทั้งสองคนพี่น้องมาเล่าให้ฟังค่ะ อีกทั้งมีเรื่องดีๆ (สำหรับคนในครอบครัวน่ะค่ะ... แต่อยากจะเล่าให้ฟังด้วยน่ะค่ะ) อีกเรื่องค่ะ

    ขอเล่าเรื่องดีๆ ที่ว่าก่อนนะคะ

    คือ ตัวเองมีหลานเล็กๆ (ที่เกิดจากน้องชายคนโตค่ะ... คนละคนกับคนที่ปฏิบัตธรรม... คนนั้นคนเล็ก) อยู่ 2 คน (และที่กำลังจะตามมาเกิด... ตอนนี้อยู่ในท้องแม่ของเขาอยู่ค่ะ) หลานคนโตตอนนี้อายุประมาณ 3 ขวบค่ะ... แกมีพัฒนาการทางสังคมที่ล่าช้ากว่าวัยไปหน่อย เพราะเกิดจากการเลี้ยงดูที่ใช้แต่ความรุนแรงของผู้เป็นพ่อและแม่แท้ๆ ของแกเอง

    แกเพิ่งจะเริ่มหัดพูดได้ไม่กี่เดือนนี้เอง... ก่อนที่แกจะเริ่มพูดได้ (คือตั้งแต่แกยังแบเบาะ) ตัวเองและน้องชายคนเล็กพยายามสวดมนต์... โดยเฉพาะบทพุทธคุณห้องต้นให้แกฟัง... และสอนให้แกหัดไหว้ 1 พระพุทธ 2 พระธรรม 3 พระสงฆ์... พอแกเริ่มจะยอมพูดพวกเราก็พยายามสอนให้แกสวดมนต์ด้วยคำว่า "พุทโธ" บ้าง "นะโม" บ้าง แต่แกไม่ยอมพูด แถมบางทียังอาละวาด รำคาญไม่อยากฟังบ้าง

    วันนี้ก็เช่นเคย พอมีโอกาสอยู่กับแกอีก น้องชายก็พูด "พุทโธ ธัมโม สังโฆ" ไปเรื่อยๆ... อยู่ๆ แกก็พูดออกมาว่า "อุดโธ" "โธ" "โธ"...

    แค่นี้เราสองคนก็ดีใจกันมากเลยค่ะ... จะพยายามสอนให้แกพูดให้ได้ทุกวัน อยากให้แกชินจนติดอกติดใจของแกไปตลอดชีวิตค่ะ... หลานคนที่สองเราก็พยายามสอนอยู่ค่ะ แต่แกเพิ่งจะขวบกับไม่กี่เดือน... เรื่องพูดก็เลยไว้ก่อน แต่แม่คนนี้... ตอนนี้เห็นรูปพระ รูปในหลวง บ้านหลังเล็กๆ ตาม สองข้างถนน (แกเข้าใจว่าเป็นศาลพระภูมิน่ะค่ะ) เป็นต้องยกมือไหว้ปลกๆ... แค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ... สำหรับตอนนี้

    เรื่องที่สอง... ขอเล่าเรื่องการปฏิบัติธรรมของน้องชายให้ฟังค่ะ...

    เมื่อวานหลังจากที่พิมพ์คำถามของเขาเสร็จ... พอสัก 3 - 4 ทุ่ม ก็มานั่งลุ้นกัน... พอตอนเช้ารีบลงมาต่อเน็ตให้เขาก่อนเลยค่ะ... พออ่านคำตอบที่คุณครูให้เสร็จ เขาก็ลองจับภาพกสิณทันทีเลย... เขาบอก เออ! จริงๆ ด้วย กสิณน้ำ ชัด และคล่องที่สุดเลย... ยังบอกเขาเลยค่ะ ว่าคุณครูให้ไล่กสิณไปวันละกอง... แต่คนที่เล่นกสิณจริงๆ น่ะ เขาไล่ 1 วัน สิบกองเลยเนอะ... เขาก็ ฮื่อ!...

    พอสักทุ่มหนึ่ง นั่งคุยกันมาในรถ... เขาบอกว่า ...ไล่กสิณได้หมด 10 กองแล้วนะ... ไอ้เราก็ หา!... ดีจังเลย ดีจังเลย... อนุโมทนาด้วยนะ... ปิติเกิดเลยค่ะ... แต่เขาก็บอกว่า... แต่ยังทำไม่ถึงที่สุดที่คุณครูแนะให้ทำนะ คือ กสิณทุกกองทำได้ถึงขั้นที่สว่างจ้าไปหมด (ในสมาธิ... เวลาที่หลับตา) แต่ไม่ยอมเป็นประกายพรึก และที่สำคัญเวลาลืมตากลับไม่เห็นสว่างเท่าเวลาหลับตา... คุณครูบอกให้เห็นเหมือนกันทั้งเวลาลืมตาและหลับตา... เขาบอกว่า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่ผ่านๆ มา เขาจะจับลมอยู่ฐานเดียวหรือไม่ คือเฉพาะที่ปลายจมูกเท่านั้น... มันจึงเหมือนกับได้แค่ฌาณ 4 หยาบเท่านั้น ไม่ลงไปถึงฌาณ 4 ละเอียด... ก็เลยบอกเขาไปว่า... ใจเย็นๆ นะ แค่นี้ก็พัฒนาขึ้นตั้งเยอะแล้ว เมื่อเช้ายังทำไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ... เดี๋ยวถึงบ้านแล้วพี่จะรีบถามคุณครูให้นะ... เขาก็ ฮื่อ! ก็ดีสิ...

    ดีจังค่ะ ดีใจแทนน้องจังเลย

    ส่วนของตัวเอง... ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าก้าวหน้าได้ไหม... แต่ก็อยากเล่าถึงการปฏิบัติให้ฟังค่ะ

    คือ เมื่ออ่านคำสอนที่คุณครูแนะนำไว้ตั้งแต่หน้าแรกๆ รวมไปถึงคำสอนที่แนะนำเฉพาะ ที่ผ่านๆ มา... ตอนนี้ เลยจับลมพริ้วไหวเป็นสายเข้า - ออก ตลอดสาย... พร้อมๆ กับ (แฮะ! แฮะ! จะว่าโลภมากไปไหมคะนี่... ไหนๆ ก็หายใจแล้ว)

    1. ดึงพลังปราณทิพย์เป็นละอองเพชรเกล็ดแก้วแวววาวจากพระนิพพาน... โดยมีสมเด็จองค์ปฐมท่านนั่งเป็นประธานอยู่...
    2. ดึงพลังธรรมชาติ ซึ่งมี ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุธรรม และธาตุอื่นๆ ที่ไม่ทราบว่ายังจะมีอะไรอีกบ้าง (แต่ขอรับเฉพาะที่เป็นสัมมาทิฐิเท่านั้น) โดยขอตรงจากแม่พระธรณี (ตามที่คุณครูบอกค่ะ) ...
    3. ดึงพลังจักรวาล ซึ่งก็ขอรับทั้งหมดที่เป็นสัมมาทิฐิเช่นกันค่ะ โดยขอจากจ้าวแห่งจักรวาล (ไม่ทราบจะขอจากท่านไหนดีค่ะ เลยเรียกแบบนี้)

    พลังทั้งสามสายนึกให้เห็นเป็นแก้วใสแพรวพราวพลิ้วไหวมาพันรวมกันเป็นเกลียวกับลมหายใจที่เป็นแก้วใส รวมกันเป็นสี่สายไหลผ่านเข้ามาทางจมูก...

    เมื่อเข้ามาภายในกายแล้ว... ขออาราธนาสมเด็จองค์ปฐม (ปางพระนิพพาน ที่ท่านกำลังนั่งบนพระแท่นที่ประทับ พระบาทอยู่ที่พื้นทั้งสองข้างน่ะค่ะ) มาไว้ภายในกาย... แต่ขอให้ท่านย่อองค์ให้เล็กกว่ากายตัวเองนิ้ดนึง เพื่อให้เห็นพระองค์ท่านทั้งองค์ที่เป็นแก้วใสแพรวพราวได้ทั่วทั้งองค์...

    เมื่อลมทิพย์เข้ามาในกายมาสัมผัสกับองค์ขององค์สมเด็จองค์ปฐมท่าน... ภายในตัวจะสว่างไสวไปหมดเลยค่ะ... และจะเห็นลมไปจนถึงท้อง พร้อมๆ กับพลังทิพย์ทั้งหลาย กระจายสว่างพราวไปทั้งร่าง

    และเมื่อลมหายใจออกมาภายนอกก็จะดึงเอาสิ่งไม่ดีต่างๆ อีกทั้งโรคภัยไข้เจ็บออกมา เป็นเส้นสีดำ... (แต่ตอนนี้ยังไม่ได้นึกให้เห็นอวัยวะภายใน ที่เคยเห็นก่อนนะคะ... อยากจับลมให้สบายๆ ก่อน เลยเอาแค่นี้ค่ะ)... สิ่งที่ทำนี้เห็นได้ชัดเจนทั้งลืมตา - หลับตาค่ะ... พยายามทำทุกอิริยาบถ แต่ก็ยังเผลอบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับหลานๆ... (นึกออกไหมคะ... เหมือนจับปูใส่กระด้งจริงๆ ค่ะ)

    อ้อ! ในช่วงเวลาที่มีโอกาสได้นั่งขัดสมาธิเป็นเรื่องเป็นราว... ปกติที่ผ่านๆ มา จะนั่งได้ประมาณแค่ 30 นาที (เพราะความสูงกับความกว้างของตัวเองก็เกือบๆ น้องๆ สาวไซด์ยุโรปน่ะค่ะ... อิ! อิ! ) ใน 30 นาทีนั้นน่ะ พลิกแล้วพลิกอีก พลิกแล้วพลิกอีก...

    แต่มาตอนนี้... นั่งดูลมเข้า - ลมออก ไปเรื่อยเลย เวลาที่มีความคิด หรือความฟุ้งเกิดขึ้น ก็จะเหมือนเรากำลังดูลมอยู่... แล้วมีความคิดวิ่งผ่านมาตรงกลางระหว่างสายลมกับตาของเราบ้าง... หรือเหมือนกับเราเหลือบไปดูความคิดด้วยหางตาบ้าง... หรือถ้าเผลอหนักๆ ก็คือ หันหัวมองตามความคิดนั้นไปเลย... แล้วก็จะ... เฮ้ย! เฮ้ย! จะไปไหน กลับมาดูลม... ตอนที่น้องชายบอกว่าจะถึงเวลาไปรับหลานที่โรงเรียนแล้วนะ... พยายามจะลืมตา จะยกแขนยกขา มันไม่อยากทำเลยค่ะ... ไม่อยากจะเลิกเลยจริงๆ... หนังตานี่หนักอึ้ง ลืมแทบไม่ขึ้นเลย... ไม่อยากจะขยับเนื้อขยับตัวเลย... แต่ก็ค่อยๆ หายใจเข้าให้แรงขึ้นๆ ทีละน้อยเหมือนที่คุณครูแนะนำค่ะ... (เพราะเคยกายในสะเทือนมาแล้วหนถึงสองหนค่ะ... เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังค่ะ) พอมาดูเวลา... เอ๋อ! เป็นไปได้ยังไงนี่ ชั่วโมงกว่าแน่ะ... โดยไม่เมื่อย ไม่ปวดขาเลยนะนี่... ดีจังเลย

    ที่ว่าเคยกายในสะเทือนน่ะค่ะ... คือ ก่อนที่จะรู้จักหลวงพ่อฤาษีท่าน... ก็ก่อนหน้านั้นหลายปีอยู่เหมือนกันค่ะ... อยากฝึกกรรมฐานแต่ไม่มีโอกาสไปไหน... เลยหาซื้อตำรับตำรามานั่งอ่านกันแล้วก็ลองทำตามท่านนั้นบ้างท่านนี้บ้างไปเรื่อยๆ... ส่วนใหญ่จะเป็นพระปฏิบัติสายหลวงปู่มั่น กับ หนังสือของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำน่ะค่ะ...

    แล้วอยู่ๆ วันหนึ่ง... นั่งๆ ไป... ตัวค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นๆ จนตัวค่อยๆ หายไป... ลามจากขาขึ้นมาถึงคอ... พอมาถึงคอ กำลังจะขึ้นหัวเท่านั้นแหละค่ะ... อารามตกใจลุกพรวดเลย... ตัวนี่สั่นพั่บๆ จากข้างในออกมาข้างนอกเลย... เหมือนกับสั่นออกมาจากกระดูกเลยน่ะค่ะ... แต่ยังโชคดีที่เป็นอยู่ไม่นานเท่าไหร่... แต่ก็หลายเดือนอยู่ ... แล้วในช่วงนี้จะทำสมาธิไม่ได้เลย อาการสั่นจะเกิดอยู่ซะเรื่อยเลย

    พอค่อยยังชัว... เอ้า! เอาใหม่... คราวนี้พอนั่งไปๆ มีอาการขนพองสยองเกล้า... ขนตั้งชูชัน... เห็นเหมือนกับมีแต่วิญญาณ ( ขอโทษค่ะ มาในสภาพขนพองสยองเกล้าจริงๆ ยิ่งกว่าในหนังอีก) พวกเขาอยู่รอบตัวเราไปหมดเลยค่ะ หาช่องว่างไม่เจอเลย... คราวนี้กระโจนพรวดเลย... แล้วตั้งแต่นั้นมา อีกหลายปีมากเลยค่ะ... จะมีอาการกลัวผีจนขึ้นสมองเลย... แถมหลายๆ หนก็จะมีอาการเสียวสันหลังวาบๆ หรือกลัวจนตัวสั่นพั่บๆ ขึ้นมาเฉยๆ แบบไม่มีสาเหตุ แถมจะมีอาการตกใจง่ายมาก สะดุ้งหวาดกลัวง่ายมาก... คือ จะเป็นเองอยู่ข้างใน ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังค่ะ...

    มาค่อยยังชั่วเอาก็เกือบ 6 หรือ 7 ปี ให้หลังจากเหตุการณ์ล่ะค่ะ... อาการค่อยๆ หายไป (แบบไม่รู้ตัวเหมือนกัน) ก็ตอนที่มาฝึกมโนมยิทธิแล้วนี่ล่ะค่ะ... นี่แหละค่ะประสบการณ์สยองขวัญจริงๆ... เพราะฉะนั้นเมื่อคุณครูแนะนำให้ค่อยๆ ออกจากสมาธิ ถึงเข้าใจแบบไม่ต้องอธิบายเลยค่ะ

    วันนี้รบกวนเวลาของคุณครู และสมาชิกท่านอื่นๆ นานมากเลย... ขอประทานโทษทุกๆ ท่านด้วยนะคะ... คราวหน้าจะพยายามทยอยๆ พิมพ์แล้วกันค่ะ... วันนี้อารามปิติมาก เลยรีบพิมพ์รวดเดียวหมดเลย

    ขอประทานโทษนะคะ

    ขอคุณครูคณานันท์ให้คำแนะนำ สั่งสอนด้วยนะคะ... ขอบพระคุณมากค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2007
  20. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    1.ผมอยากรู้เรื่องธรรมมะแบบง่ายๆ ป้อนข้อมูลแล้ว เข้าใจทันที เอาไว้บอกคนอื่นที่หัวแข็ง
    -
    จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิต เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ

    บันทึกคติธรรม หลวงปู่ดุลย์ อตุโล


    2.อยากรู้เรื่องการทำวิปัสนากรรมฐาน ทำอย่างไรคับ ให้รู้แจ้ง เห็นผล
    - ฝึกแนวทางมหาสติปัฎฐาน 4 เป็นทางสายเอก เป็นทางตรงสู่พระนิพพาน ลองศึกษาดูครับ http://dungtrin.com/sati/

    3.วิธีทำสมาธิแบบท่านอนครับ แบบอาณาปาณสติ มโนมยิทธิ
    - สมาธิทำได้ทุกอิริยาบถ

    4.การถวายหนังสือพระไตรปิฎกแด่พระภิกษุ มีผลอย่างไรครับ คือว่าผมซื้อมาอ่านแล้วไม่เข้าใจ เลยถวายพระไป จะบาปมั้ยครับ
    - มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา
    ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า สำเร็จด้วยใจ

    ที่คุณถวายหนังสือพระไตรปิฎกด้วยความบริสุทธิ์ใจ ของที่ถวายพระได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ถวายกับพระสุปฏิปัณโณ ก็รับรองได้ว่าได้บุญ 100% เต็ม ถ้าไม่ึครบก็ลดหย่อนกันตามไป

    พระไตรปิฎกอ่านยากก็จริงแต่ถ้าตั้งใจศึกษาจริงๆซะอย่างโดยมีอิทธิบาท 4 มันก็ไม่มีอะไรยาก แต่เริ่มแรกไม่ควรไปอ่านพระไตรปิฎกเลย ควรศึกษาธรรมพื้นฐานแบบง่ายๆก่อน เช่น หนังสือของพระสุปฏิปัณโณทั้งหลาย เมื่อจิตถึงระดับนึงแล้ว พร้อมที่จะศึกษาธรรมขั้นสูงอย่างลึกซึ้งแล้วก็ค่อยไปอ่านพระไตรปิฎกได้ครับ

    ตำราทางธรรมนั้น ครูบาอาจารย์ท่าน เจียไว้ให้แล้ว
    เปรียบเสมือน เพชรทุกหน้า แต่หนังสืออื่นๆ หน่ะ มันก็มีเพชรอยู่แต่คุณก็ต้องไปเจียมันเองจะเจียได้มากน้อย ก็ขึ้นกับว่า คุณภาพของเครื่องเจียของผู้เจีย

    ขอโมทนาในคุณความดีที่คุณตั้งใจทำในอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี และที่จะทำต่อไปในอนาคตก็ดี ทั้งหมดทั้งมวลด้วยครับ

    สำนวนนากามูระวันนี้ ฟังแล้วไม่ต่างจากสำนวนคุณคณานันท์แล้ว ถ้าไม่มีอวะตาร์บอกไม่ได้ว่าใครพูด
    ท่านน้อง (เดิมไม่คอยพูด) ปัจจุบันดาบพ้นฝักกรีดอธรรมกระจาย
    ข้าน้อยชื่นชมในธรรม ขออนุโมทนา...จากใจจริง

     

แชร์หน้านี้

Loading...