เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

หลวงปู่ห้วย วัดประชารังสรรค์ ถวายปัจจัยเป็นค่ารักษาพยาบาลท่านยามอาพาธ หรือตามแต่อัธยาศัย(เป็นช่องทางให้ท่านได้ใช้ประโยชน์)

คุณไปก็ดี จะได้เป็นพยานให้ผมกับพี่นิ่มด้วย

0899676387 เป็นเบอร์ที่ให้ใช้ไลน์มานัด พยายามอย่าโทรฯมา เพราะผมเป็นคนลำคาญกับเสียงโทรศัทพ์มาก
และไลน์มานัดเท่านั้น อย่าไลน์มาถามปัญหา ผมกดตอบไม่ไหว ตัวหนังสือมันเล็ก

 

สวัสดีครับคุณหนุ่มทิพย์
แจ้งโอนค่าสีผึ้งลำดับที่ 42 จำนวน 1000 บาทครับ 06/12/13 08:44
ส่วนค่าน้ำมันเดี๋ยวโอนเพิ่มให้ครับ
ขอบคุณครับ

 

ขอจองน้ำมัน 1 ขวด สีผึ้ง 1 ขวดครับ ขอบคุณมากครับ

 

แจ้งโอนเงินครับ

โอนแล้วครับ จำนวน 600.15 บาท วันที่ 6/12/56 เวลาประมาณ
11.48 น. ครับ

 

สีผึ้งพี่นิ่มก็ให้ยิงได้นะครับ แต่ก็ขอให้แขวนคอแล้วยิง
จะคอกบคอเขียดก็เรื่องของคุณ แต่ถ้ามาตั้งยิงเดี่ยวๆ ก็ให้ไปยิงที่บ้านแก

เพราะถ้ามาตั้งยิงเดี่ยวๆแบบครั้งก่อนที่ยิงพระทรงเมตตาที่บ้านคุณ สงสัยน่าจะแตกอีก

แล้วถ้ารักจะยิงจริงๆ มีของหลายชิ้นให้ยิงครับ นัดมาก่อน แล้วจะพาไปเลือกยิงทุกชิ้นของพี่นิ่มเลยครับ

 

โอนเงินทำบุญ 1960บาท

วันที่ 6 ธค 56 เวลา 13.23น

 

คุณทิพย์ครับ
วันนี้ 13:25 น. ผมโอนเงินค่าสีผึ้งจำนวน 1500.99 บาทแล้วนะครับ สำหรับน้ำมันผมขอแบ่งน้ำมัน 2 ขวด รายได้เข้ากองทุนพระกรรมฐาน รักษาตัวยามอาพาธนะครับ ขอบคุณครับ

 

เคาะครั้งสุดท้ายที่วันพฤหัสบดีที่เวลา 11:04
เมื่อครบ 72 ชั่วโมง ไม่มีใครให้เพิ่ม จะเป็นของท่าน วต นะครับ

 

สวัสดีครับพี่หนุ่มทิพย์

วันนี้ผมได้โอนเงินร่วมบุญบูชาสีผึ้ง 1 ขวด และ น้ำมัน 9 ทัพ 1 ขวดให้เรียบร้อยแล้วนะครับ จำนวน 1000 บาท

ที่อยู่เดิมครับผม

ขอบพระคุณมากครับ

 

ขอร่วมทำบุญ สีผึ้ง 3 ขวดนะครับ
โอนเงินแล้ว วันนี้ จำนวนเงิน 960.77 บาท ครับ

 

รายได้จากสีผึ้งและน้ำมัน๙ทัพ(ที่ได้รับแบ่งจากเพื่อนสมาชิก) 30,000 บาทแรก ผมกับพี่นิ่ม น้อมถวายหลวงปู่ห้วย วัดประชารังสรรค์ เป็นทุนรักษาพยาบาลยามท่านอาพาธหรือเพื่อกิจใดๆตามอัธยาศัย

หากโอนมาแล้ว อย่าลืมกรวดน้ำนะครับ ทำบุญกับพระสุปฏิปันโณ เป็นบุญใหญ่ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และขออโหสิกรรม จะเมื่อไรเวลาใดก็ได้ จะมีน้ำหรือไม่มีน้ำก็ทำได้ นึกขึ้นเมื่อไร จะกี่ครั้งก็ทำได้เสมอ

ถ้าเจ้ากรรมนายเวรไม่ยินยอม ให้เค้าไปเคลียร์กับหลวงปู่ห้วย เพราะความตั้งใจเราทำถวายหลวงปู่ฯ

ส่วนรายได้ที่เกินจากนั้น ผมยกให้พี่นิ่มตัดสินใจใช้ประโยชน์นะครับ หากขัดข้องให้รีบแจ้ง จะได้ผันปัจจัยได้ถูกต้องตรงใจ

โมทนาร่วมกับทุกท่านครับ

 

เรื่องเล่า : เล่าเรื่องของแม่ที่แกสอนผมให้รู้จักดูว่าข้างขึ้นข้างแรมจากดวงจันทร์มันต่างกันอย่างไร ?

ตอน : สอนเมียให้ดูดวงจันทร์

เคยเขียนทิ้งไว้เมื่อตอนที่แล้วว่าแม่บ้านผมไม่รู้ว่าวันนั้นที่ผมถามเขาว่าข้างขึ้นหรือข้างแรม เขาตอบว่าไม่รู้ ทั้งๆที่ตอนนั้นดวงจันทร์อยู่

เต็มหน้าเขา ความจริงผมคิดว่าผมแกล้งถามเขาเล่นๆ โดยไม่คิดว่าเขาจะตอบไม่ได้ ไม่คิดว่าเขาจะไม่รู้จริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับแม่ผม

ที่อ่านหนังสือไม่ออกนอกจากเขียนชื่อได้ เพราะแม่ผมเกิดปี พ.ศ. 2444 สอนผมได้ว่าข้างขึ้นเป็นอย่างไร ข้างแรมเป็นอย่างไร

และแยกแยะได้ว่ากี่ค่ำ พร้อมทั้งบอกได้ว่าวันนั้นดวงจันทร์จะขึ้นเวลาเท่าไร ผมจำชื่อหนังสือที่สมัยผมเรียนชั้น ม.ศ. 1 (รุ่นแรก)เป็น

หนังสือที่เกี่ยวข้องรวมๆ เรื่องของวรรณคดี มีเรื่องเกี่ยวกับสมเด็จเจ้าแตงโม และบทความที่เขียนโดย ร. 6 ที่เรียกว่าบทความเพราะใช้

นามแฝงว่า "อัศวพาหุ" ที่ผมจำได้เพราะมีข้อสอบให้บอกว่า อัศวพาหุคืออะไร ผมอยู่กับปู่มานาน เขียนตอบไปด้วยความมั่นใจว่า

อัศวพาหุแปลว่าแขนของม้า เพราะตอบผิดข้อนี้เลยทำให้ผมรู้จักอ่านคำนำ หรือจำนามปากกาหรือนามแฝงของผู้แต่ง ในหนังสือเล่ม

นี้มีอยู่เรื่องหนึ่งคือ การหาฤกษ์หายามสำหรับนำทัพออกรบทัพจับศึก มีวิธีการคิดว่าวันนี้กี่ค่ำเดือนจะขึ้นกี่โมงกี่ยาม โดยมีค่า K หรือ

ค่าคอนสแตนด์ เป็นตัวตั้ง แล้วคูณด้วยจำนวนค่ำ เศษออกมาจะเป็นบาท เรื่องนี้หมอดูจะให้ความรู้ได้ดีกว่าผมว่าสูตรเป็นอย่างไร เช่น

สมมติว่าเป็นขึ้น 8 ค่ำ x k = 12 น. 2 บาท หรือพูดไทยๆ ว่า 12 โมง 12 นาที เพราะ 1 บาท = 6 นาที แต่แม่ผมบอกไม่ได้

หรอกว่าคำนวนอย่างไร บอกได้แต่ว่า"ก็ดูมาแล้วก็จำเอา ดูมาตั้งแต่เป็นเด็ก จำได้เมื่อไรก็ไม่รู้ แต่จำได้ก็แล้วกัน" ผมก็เลยได้จาก

แม่มาแค่นั้น มาเจอในหนังสือที่ว่า ก็ได้เพิ่มมาอีกอย่าง แต่ก็อธิบายให้ใครรู้ไม่ได้ พอโตมาเริ่มรู้จักดวงดาว และรู้จักดวงจันทร์(แต่

ก่อนแค่เคยเห็นแต่ไม่รู้จัก)ทั้ง Planet และ Star ก็พอจะอธิบายได้บ้าง ? ก็เลยถือโอกาสสอนเมีย และเอามาเขียนให้เพื่อนสมาชิก

ได้อ่านกัน โปรดอย่าคิดว่าเอาความไม่รู้ของเมียมาประจาน แต่เพียงคิดว่าบางทีอาจจะมีบางคนเหมือนเมียผม จะได้เข้าใจง่ายๆ

เพราะแม่บ้าน(หรือเมีย)ผมต้องอธิบายให้เธอเข้าใจง่ายๆ จริงๆ จะไปบอกเธอว่าเหตุที่เราเห็นดวงจันทร์เพียงด้านเดียวเพราะดวงจันทร์

ก็หมุนโลกก็หมุนแล้วเกิดความเร็วสัมพัทธ์ เดี๋ยวเธอเกิดตอบมาว่า ถ้ายังงั้นถ้านรกหรือสวรรค์อยู่ที่ดาวหางฮัลเล่ย์ 1 ปีสวรรค์ ก็เท่า

กับ 74 ปี โลกมนุษย์ผมคงยุ่งหาเรื่องอธิบายกันยาว.....

ผมเริ่มต้นด้วยการบอกเธอว่า...........

1. รู้ไว้ง่ายๆ ว่า ดวงจันทร์หันด้านเดียวเข้าหาโลกไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหมือนที่เพลงร้องว่า ดูซินั่นพระจันทร์สวยเด่น...ที่กลาง

จันทร์นั้นโบราณว่า มียายกับตาทำนา 2 คน.. เพราะดูเมื่อไร ก็เห็นอย่างนั้น ตามที่ กุศล โกมลสิงห์ ร้องไว้(ถ้าจำไม่ผิด)

2. คำว่าเดือนขึ้น หมายถึงเวลาที่ดวงจันทร์ โผล่ขึ้นที่ขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน เราสามารถ

มองเห็นด้วยตาเปล่า

3. ดวงจันทร์หรือเดือน มันเอาทางไหนขึ้นมันก็เอาทางนั้นตก

4. คำว่าเดือนตก หมายถึงดวงจันทร์ลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก

5. ทุกๆวัน เดือนจะขึ้นช้าจากวันก่อนๆ วันละ 50 นาที โดยประมาณ

6. ข้างขึ้น เดือนจะขึ้นเวลากลางวัน และตกเวลากลางคืน ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมงกว่าๆ หรือ 12 ชั่วโมงกว่าๆ และ/หรือ 12

ชั่วโมงตรงก็ได้ เป็นไปตามฤดูกาลเหมือนกับเรื่องของดวงอาทิตย์ ถ้าอยู่ในที่โล่งๆ หรือไปอยู่ทางฝั่งทะเลชอำหรือหัวหิน วันขึ้น 8 ค่ำ

จะเห็นเดือนขึ้นจากขอบฟ้าประมาณเที่ยงวัน แล้วไปตกเที่ยงคืน

7. ข้างแรม เดือนจะขึ้นเวลากลางคืน ถ้าไปอยู่แถวชอำหรือหัวหิน วันแรม 7 ค่ำ จะเห็นเดือนค่อยโผล่ มายิ้มให้ประมาณเที่ยงคืน

แล้วไปตกเที่ยงวัน

8. ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนในโลกนี้ มันก็จะเป็นอย่างนี้

9. ข้างขึ้น ดวงจันทร์จะเอาทางด้านสว่างขึ้น

10. ข้างแรม ดวงจันทร์จะเอาทางด้านมืดขึ้น (หรือแม่ผมเรียกด้านแหว่ง)

แล้วจะรู้อย่างไรว่า ข้างขึ้นหรือข้างแรม ? และกี่ค่ำ ? ... ไปหยิบร่มกันแดดมา 1 คัน กับกระดาษอีก 2 แผ่น เอาแผ่นใหญ่ๆ หน่อย

สีดำ 1 แผ่น สีเหลือง 1 แผ่น(นานๆ จะได้ใช้สักครั้ง) เมื่อได้ของมาครบแล้ว เอากระดาษสีเหลืองมาทำวงกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 15

นิ้ว แล้วขีดเส้นให้มีระยะห่างทุก 1 นิ้ว เขียนตัวเลขกำกับ ตั้งแต่ช่องที่ 1 ถึงช่องที่ 15 ช่องกึ่งกลางจะตกที่เลข 8 แล้วเริ่มสอน

1. ใช้มือขวาจับร่มแล้วกางร่ม หันหน้าไปทางทิศเหนือ สมมติว่าร่มเป็นดวงจันทร์ กำลังขึ้นทางทิศตะวันออก เอาเทปสีขาวเขียนว่า

"ด้านบน" เอาไปแปะที่ส่วนบนของร่ม แล้วค่อยๆ เอาร่มขึ้นผ่านบนหัว แล้วเอาไปตกทางแขนซ้าย จะเห็นว่าดวงจันทร์สมมติที่เป็น

ร่ม เอาด้านไหนขึ้นก็เอาด้านนั้นตก เพราะดวงจันทร์หันด้านเดียวให้โลก คือถ้าเอาทางด้านสว่างขึ้นก็จะเอาทางด้านสว่างตก และถ้า

เอาทางด้านมืดขึ้นก็จะเอาทางด้านมืดตก

2. เอากระดาษที่เราแบ่งไว้เป็น 15 ช่อง มาวางกับพื้น เอาด้านบนสุดหรือทางด้านที่กำหนดเป็นเลข 1 ไว้ทางตะวันออก

3. เอากระดาษสีดำปิดทับตั้งแต่เส้นที่ 1 คงเหลือช่องที่ 1 ไว้เป็นสีเหลืองส่วนเดียว นี่คือขึ้น 1 ค่ำ เพราะ เพราะเดือนเอาทางสว่าง

ขึ้น และสว่างเพียงส่วนเดียว แล้วขยับไปทุกวัน วันละส่วน พอถึงกึ่งกลาง หรือเลข 8 นี่คือขึ้น 8 ค่ำ และเพิ่มไปเรื่อยๆ จนเปิดเห็นสี

เหลืองทั้งหมด นั่นคือ ขึ้น 15 ค่ำ

4. วันต่อไป เอากระดาษสีดำ ปิดส่วนบน 1 ช่อง อีก 14 ส่วนจะสว่าง นั่นคือวันแรม 1 ค่ำ เพราะดวงจันทร์เอาทางด้านมืดขึ้น หรือที่แม่

ผมเรียกว่าเอาทาง"แหว่งขึ้น" แล้วขยับเพิ่มขึ้นทุกวัน พอไปถึงกึ่งกลาง หรือเลข 8 นี่คือแรม 8 ค่ำ และเพิ่มไปเรื่อยๆ จนสีดำปิดทั้ง

หมด นั่นคือ แรม 15 ค่ำ

5. วันต่อไปก็จะไปเริ่มที่ข้อ 3 คือขึ้น 1 ค่ำ สำหรับเดือนขาดคือเดือน 1,3,5,7,9,11 ข้างแรมจะมีแค่ แรม 14 ค่ำ ก็หมั่นสังเกตุเอา

เอง เอาแบบที่พระพุทธองค์สอน ทำบ่อยๆ ก็เกิดปัญญา แต่ถ้าจะถามให้ตอบก็ตอบไม่ได้ เพราะแม่ไม่สอนไว้ ได้แต่ให้แนวไว้ดูข้าง

ขึ้นข้างแรม...............จบ

หมายเหตุ : ถ้าคุณหนุ่มทิพย์ มีปัญหาว่า ดวงจันทร์มันหมุนตลอดนะ ให้คุณหนุ่มทิพย์ ลองใช้ความกล้าสักวัน โดยเป็นคนเชิดหนัง

ตลุง ให้แม่บ้านคุณหนุ่มทิพย์เป็นคนยืนขึงจอหนัง ระหว่างที่คุณหนุ่มทิพย์เชิดหนัง ให้แม่บ้านหมุนจอหนังเล่น ตัวหนังหรือเงาของ

หนังก็ไม่หมุนไปด้วยหรอก เรื่องนี้ก็เหมือนกับเราเอาดวงจันทร์เป็นจอหนัง เอาโลกเป็นตัวหนัง เงาของโลกที่ไปทาบทับกับดวงจันทร์

เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ คือมากขึ้นหรือน้อยลงแต่ไม่หมุน เป็นค่าประจำมนุษย์สังเกตได้ก็เอามาใช้ประโยชน์เพื่อแบ่งเป็นเดือน เป็นข้าง

ขึ้นข้างแรมหวังว่าคงนึกออก ถ้านึกไม่ออกไปบอกให้เมียมาขึงจอ(ถ้ากล้า)!!!

หนุ่มทิพย์มาถามว่า เราคำนวนได้ไหมว่า เราอยู่เส้นรุ้ง(Latitude)เส้นแวง(Longtitude)ที่เท่าไร ตอบว่าได้ แต่เราจะต้องมี

Nautical almanac ที่จะบอกเราว่าวันนี้ดวงอาทิตย์จะผ่าน Longtitudeเวลาเท่าไร ที่เมืองกรีนิต หรือที่เรียกกันว่าเวลา GMT แล้ว

เราก็มาจับเวลาว่าตรงที่เราอยู่ ดวงอาทิตย์ผ่านหัวเรา(ตำแหน่งดวงอาทิตย์อยู่สูงสุด)เวลาเท่าไร ก็เอาไปคิดง่ายๆ ว่า 1 Long = 4

นาที ผลลัพธ์จะออกมาว่าเราอยู่ที่ Long. ที่เท่าไร เข่น Nautical almanac บอกว่า วันนี้ On Meridain 1200 Hrs. แล้วเวลาที่

เราวัดดวงอาทิตย์ผ่านหัวเราหรือขึ้นสูงสุด 1200 Hrs.พอดี และเวลาที่เราใช้Zone Time + 7 Hrs. หรือเราอยู่ที่เวลาต่างจาก กรี

นิต 7 ชั่วโมง ทางตะวันออก นั่นคือเราอยู่ที่ประเทศไทย Long. 105 E .เพราะประเทศไทยใช้ ZT +7 หรือ Long 105 E. แต่ถ้า

เราได้เวลาที่ 1204 Hrs. ก็แสดงว่าเราอยู่ที่ Long. 106 E.(E = EAST) 15 Long = 1 Hrs ( 1 ชั่วโมง)ส่วน Lat ก็หาได้จากการ

วัดสูงของดวงอาทิตย์ ตอนที่ผ่านหัวเรา ถ้าดวงอาทิตย์อยู่ Lat.เดียวกับเราก็จะสูง 90 องศา ถ้าวัดได้ 60 องศา แสดงว่า อยู่ Lat.

ต่างจากเราไปทางเหนือหรือใต้ 30 องศา แล้วก็ไปคิดเพิ่มเติมจากค่า Diclination ของดวงอาทิตย์ในขณะนั้นอีกที ที่ต้องระวังก็เรื่อง

เวลา เพราะเวลาต่างกัน 1 องศา = 4 นาที หรือ 1 นาที เท่ากับ 15 NM. 1 NM.= 1,853.2 เมตร การทำตามที่อธิบายสำหรับหนุ่ม

ทิพย์นี้เขาเรียกว่าหา ON MERIDIAN ซึ่งได้ Lat.จากการวัดสูงของดวงอาทิตย์ และได้ Long จากการ RUN เส้นที่วัดแดดไว้ก่อน

หน้านี้ การวัดแดดวัดดาวบนบกน่ะมันหมู วัดตามยอดภูหรือหลังคาโดมน่ะมันง่าย ผิดก็ไม่เป็นไร แต่ลองลงไปอยู่เรือแล้ววัดขณะที่เรือ

โคลงแกว่งไปมาข้างละ 15 องศา ขอบฟ้าเอียงไปเอียงมา ยืนยังยากแล้ว บางคนอาจจะอาเจียนเสียก่อนที่จะได้วัด มันไม่ง่าย ถ้า

ผิดอาจจะเป็นอันตรายเช่นเรืออาจจะไปเกยตื้นได้ วัดเล่นน่ะง่ายแต่วัดเป็นงานน่ะยาก อย่างน้อยต้องทันเวลา มืดไปก็ไม่เห็นขอบฟ้า

ยังไม่มืดก็ไม่เห็นดาว มีเมฆมาบังในช่วงเวลาสำคัญก็วัดไม่ได้ ท่านผู้ชำนาญท่านบอกไว้เป็นภาษาไทยๆ ว่า ถ้าจะให้เนี๊ยบจริงๆ ต้อง

คนที่วัดมาไม่น้อยกว่า 3,000 ครั้ง(สามพันครั้ง) คิดว่าง่ายไหมครับ คนอยู่เรือตลอดอย่างผมจะรู้ว่าปีหนึ่งๆ ถ้าไม่ขยันจริง วัดได้ไม่กี่

ครั้งหรอกครับ นอกจากจะอวดกันไปเอง ....ขอขอบคุณมากครับ.........สวัสดีครับ

 

ขอจองสีผึ้งเพิ่มอีก 1 ขวดครับ
ลำดับที่ 21 (nopsena) เดิม 2 ขวด+เพิ่ม 1 ขวด = 3 ขวดครับ
ขอบคุณครับ

 

จากรูปข้างล่าง
ดวงแรกต้องนับเป็นข้างขึ้นถูกต้องหรือไม่ครับ เพราะหันด้านสว่างขึ้น
แล้วความสว่างเลยครึ่งดวงมาแล้ว ก็นับว่าเกินขึ้น 8 ค่ำ

ดวงที่สอง หันด้านมืด ต้องนับเป็นข้างแรม และประมาณแรม 8 ค่ำ เพราะเกินครึ่งดวงมาแล้ว

ส่วนเดือนขาด คือเดือนอะไร มีผลต่อการนับพระจันทร์หรือไม่ครับ

 

จองสีผึ้ง 1 ขวด ครับ

 

ผมจะอาราธนา บูชาเองนี้แหล่ะครับ ทดสอบเเขวนคอผมเองเลย (เเต่ไม่ทดสอบกับอาวุธ) ถ้าเเขวนคอเเล้วเป็นอย่างไรจะเเจ้งให้ทราบครับ
เพราะมั่นใจในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

 

เดิมมาเอาที่ผมเลยครับ ผมแขวนเสร็จ ผมทดสอบให้ทันที
ผมมั่นใจในสิ่งที่ผมมี

 

ผมติดตามมาเรื่อย ๆ ครับ มั่นใจต้ังเเต่เจตนาผู้สร้างเเล้วครับ เคยไปที่วัดห้วงพัฒนา
ไปกราบหลวงปู่สุพจน์ ตามไปบูชาเสือสมิง เพราะบูชาในกระทู้ไม่ทัน ทั้งหมดทั้งมวลตามกำลังศรัทธาเเละโอกาสที่เหมาะสมครับ ผมขอทวงเรื่องดวงหน่อยครับ ผมเกิดโคราช เเต่พี่ไม่ว่างไม่เป็นไรครับ
คิดว่าถ้าทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็ไม่ต้องกังวล

 

หนังสือจดหมายเหตุเจ้าพระยาภูธราภัยปราบฮ่อ พ.ศ. ๒๔๑๗
รายงานการทัพของพระสุริยภักดีเจ้ากรมตำรวจสนมทหารซ้าย

“ ครั้น ณ วันพุธขึ้นค่ำหนึ่งเดือน ๓ ปีกุล สัปตศก เวลาบ่าย

ข้าพเจ้าจุดธูปเทียนดอกไม้บูชาไหว้พระและสวดมนต์ภาวนา คิดถึงคุณบิดรมารดา ครูปัชฌาย์ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณธรรมอันพิเศษ จงช่วยป้องกันสรรพเหตุภยันตราย แล้วอาบน้ำพระพุทธมนต์ชำระกาย

เสร็จสวมเสื้อเชิ้ตชั้นใน สอดถุงเท้ารองเท้านุ่งแพรพื้นสีวัน สวมเสื้อชั้นนอกคาดประคตและสายกระบี่ติดห้อยห่วง สวมประคำทองหมวกยอดแล้วออกนั่งคอยฤกษ์อยู่

ณ ที่ว่างข้างหอนั่งมีเตียงตั่งตามสมควรในที่พัก ผินหน้าสู่ทิศสิริมิให้ต้องผีหลวงหลาวเหล็กเทวาทิศมฤตยูราหูจร และพระกาล พร้อมนายหมวด นายกอง ไพร่พลทหาร แต่งตัวเต็มยศตามฐานานุศักดิ์

ณ วันนั้น ฝนตกหนักตั้งแต่เวลาเช้าโมงเศษจนถึงเที่ยง แล้วตกประปรายมาจนเวลาบ่ายจวนจะยกไปยังไม่หยุด มีลมว่าวเป็นพายุพัดตรงทางที่จะยกทัพอากาศเป็นพยับทึบ เมฆหมอกมืดคลุ้มชอุ่มมัวทั่วฟ้า เมื่อข้าพเจ้าออกนั่งคอยฤกษ์นั้น ฝนตกเป็นละอองพออยู่ได้

ประการหนึ่งก็ใกล้เวลา ยังมีอีก ๑๕ นาที จะสุดฤกษ์ แลลักขณาจรจากราศีซึ่งกำหนดไว้

ข้าพเจ้านึกเสียใจด้วยฤกษ์บนมิเปิดช่องให้ได้แก่ฤกษ์ล่าง ฤกษ์ในก็ขัดขวางยังไม่สะดวกดี จึงน้อมกายถวายบังคมลงมายังใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ กรุงเทพมหานคร กระทำสัตยาธิษฐานเสี่ยงพระบารมีบรมโพธิสมภารว่า ถ้าพระองค์จะดำรงสิริรัตนราไชศวรรยาอยู่ช้านานถึงกาลสมัย มีพระราชเดชาศักดานุภาพปกคลุมคุ้มครองข้าขอบขัณฑสีมามณฑลทั่วสกลอาณาจักร และเชิดชูพระเกียรติยศอยู่ปรากฏสืบไปเบื้องหน้าแล้ว ขอให้ฝนหายหมดมืดมัวมีแสงแดดสว่างบอกลางดีซึ่งจะมีชัย

พอขาดคำลงชั่วอึดใจ ฝนก็หายขาดเม็ด เมฆเกลื่อนกระจายออก เห็นดวงอาทิตย์ถนัดเป็นอัศจรรย์

เวลานั้นบ่าย ๒ โมง ๑๘ นาที จวบจันทคลาคล่องสะดวกดี ทั้งลมนอกก็พัดเร่งกระพือเตือนดูเหมือนจะส่งหลังให้รีบไป ได้พร้อมด้วยฤกษ์ใน บน ล่าง ต้องตำรับวางเป็นอุดมโชคได้ ข้าพเจ้าชักกระบี่ออกจากฝักถือข้างมือซ้าย ย่างเท้าก้าวเดินโดยทิศศรีวัน ให้ลั่นฆ้องสามที ออกจากประตูที่พัก ขึ้นช้าง แล้วให้โห่สามลา เดินช้างตามเกล็ดนาคาก่อน

จึงผ่อนไปทางท่าฝาเฝือย ลงข้ามลำน้ำคานขึ้นหน้าบ้านพานหลวงออกประตูป่า พระสงฆ์สวดชยันโต ซัดน้ำพระพุทธมนต์ ให้นายไพร่ถ้วนทุกตัวคน ”

credit : คุณyarnnasart

....................................

ผมพยายามหาเทียบเวลาตามปฏิทิน แต่ไม่สามารถ
ปี สัปตศก เข้าใจว่าเป็นปีที่ลงท้ายด้วย ๗
แต่เป็นปีกุล ก็มี พ.ศ.2407
พ.ศ. 2417 กลับเป็นปีระกา
ใครรู้โดยแท้จริง ช่วยบอกให้เป็นกุศลคลายเขลาหน่อยเถิด

.....................................

ท่านพระสุริยภักดีเจ้ากรมตำรวจสนมทหารซ้าย น่าจะเป็นผู้เชียวชาญในการวางฤกษ์มิน้อยเลย อาจจะเป็นด้วยตำแหน่งหน้าที่ของท่าน ที่ต้องศึกษาพิชัยสงครามในการจัดทัพ
การศึกสำคัญที่ต้องชนะ โดยไม่สูญเสีย หรือเสียให้น้อยที่สุด

ส่วนเรื่องการอธิฐานโดยอ้างอิงจากพระบารมีของพระเจ้าแผ่นดิน ในการทำกิจสงครามบ้านเมือง ก็ต้องใจทหารหาญ สร้างขวัญกำลังใจได้ดี ถือเป็นทหารของพระราชาโดยแท้

ว่าแต่...ยุคนั้น ยังขี่ช้างอยู่เลย........

 

ดวงเกิดของคุณคาบเกี่ยวอยู่สองราศี
คุณต้องเล่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆมาก่อน

เล่าเรื่องคุณแม่มาหน่อยนะครับ หรือคุณพ่อก็ได้
คิดว่าอาภัพใคร ก็เล่าเรื่องคนนั้น จะได้วางดวงถูก