พี่น้องลูกหลานหลวงปู่พุทธะอิสระ

พี่น้องลูกหลานหลวงปู่พุทธะอิสระ



วันนี้หลวงปู่ จะพาสวดมนต์ที่ ราชดำเนิน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ใครสะดวก มาร่วมสวดมนต์กัน
ใครไม่สะดวก ก็ฝากธุระให้คนรู้จักทำไปก่อน แล้วออกมาเลยครับ​

 

มาร่วมกันสวดมนต์กับหลวงปู่พุทธะอิสระ

หลวงปู่ทำ
เพื่อชาติ
เพื่อศาสนา
เพื่อพระมหากษัตริย์

(เพื่อพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่เคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย)

 

สาธุจ้า

ขอฝากข้อความนี้ไว้
เค้าเขียนได้ดีจริงๆ
อุเบกขาอย่างรู้เท่าทัน

ชัชวาล แพ่งวรรธนะ

ไม่แดง ไม่เหลือง ไม่สลิ่ม ชอบกินลอดช่องกระทิ...(กล้วยไข่เชื่อม)

คนมีธรรมนั้นเค้าฉลาดในการดับไฟ...
เค้าไม่ได้ออกไปเผาบ้านเผาเมือง
แต่ออกไปแสดงสิ่งที่คนปกครองบ้านเมืองควรทำในสิ่งที่ถูกต้อง

การดับไฟของคนมีธรรม เค้าดับด้วยสันติวิธี
เอาน้ำเย็นดับไฟ เอาเหตุและผลไปดับปัญหา

คนมีธรรมไม่ได้เอาไฟไปดับไฟ
หรือไปฝักใฝ่พรรคการเมืองใดๆ หรือคนใด คนไหนๆ
เพราะใครดีใครชั่วมันห้ามไม่ได้ พรรคดี พรรคเลวก็ไม่ได้ไปตั้งโจทย์โจมตี

แต่คนมีธรรมที่ลงไปแสดงความคิดเห็นก็
เพราะเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง
เพราะการปกครองหรือวิธีการปกครองมันผิดปกติ

เราจึงออกไปดับไฟ ดับปัญหา...
เพื่อไม่ให้ไฟมันก็จะย้อนกลับมาทำลาย
คนในชาติบ้านเมือง ที่เป็นของเราทุกๆคน

คนมีธรรมดี คนที่มีเหตุผลดี คนที่เชื่อมั่นในการทำดี
จึงดับไฟด้วยความเย็น ด้วยสันติวิธี เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เป็นสุข ที่ได้ร่วมมือกันทำให้ชาติ บ้านเมืองและคนทั่วไปเป็นสุข

คิดดี จึงพูดดี และทำดี ไฟก็สงบ สันติก็ปรากฏ...
เมื่อสงบก็กินลอดช่องต่อได้ปกติ

 

เขาไม่เอากฏหมาย เห็นว่าเขาไม่ถูก
พวกตนจึงรวมตัวกัน กระทำโดยไม่เอากฏหมายบ้าง
ตัดน้ำ ตัดไฟ
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ไม่มีดี
จะไปสวดมนต์ให้ใคร
นี่มันสงคราม
มีผู้ชนะมีผู้พ่าย
หมายถึงกรรมแน่ๆ
อยากสวด จงสวดอยู่บ้าน
หวังให้ความขัดแย้งยุติ
นิรโทษไม่เอา รัฏประหารไม่มี ความรุนแรงอย่าได้เกิด
อย่าให้มีใครตาย ม๊อบเลิกรา ทั้งแดงเหลือง
ขอให้เกิดปัญญา
ขอให้ตื่นจากความลุ่มหลง
อย่าให้เขาใช้เป็นเครื่งอมือ
เพื่อผลประโยชน์เลยเอยยยยยย...

 

ในส่วนตัวแล้วชอบความเห็นของ คุณtsukino2012 เพราะผมก็ทำแบบนี้
แต่ถ้าใครทำตามคุณหัวมัน ผมก็ว่าไม่ผิดน่ะ
แต่ม็อบในประเทศไทย มันไม่ได้อหิงสา มันไม่ใช่สันติวิธี ทั้งแดงทั้งเหลืองก็พอๆกัน
ที่ผมคิดว่าใกล้เคียงตามหลักอหิงสาและสันติวิธี ผมว่าม็อบ อ.ศศิน เฉลิมลาภ
โดยการใช้เหตุผล แต่รัฐบาลไม่ยอมฟังเขา

ในส่วนเรื่องพระสงฆ์องค์เจ้า ผมขอก็แล้วกัน ถ้าไม่จำเป็นต้องพาดพิง ก็อย่าไปยุ่งเลย
เพราะพระสงฆ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม มีบทบาทในการเป็นที่พึ่งของสังคม
พระอริยสงฆ์กับการเมืองการปกครองก็แยกกันไม่ขาดจริงๆ ตามตัวอย่าง

ปีขาล จุลศักราช ๑๒๑๖ (พ.ศ.๒๓๙๗) พระเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่พระเทพกวี จนเมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(สน) วัดสระเกศถึงมรณภาพ จึงได้ทรงสถาปนาท่านขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ ณ วันพฤหัสบดี เดือน ๑๐ ขึ้น ๘ ค่ำปีชวด จุลศักราช ๑๒๒๖ ตรงกับวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๐๗ นับเป็นสมเด็จพุฒาจารย์องค์ที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
(สมณศักดิ์นี้เดิมใช้คำว่า “สมเด็จพระพุทธาจารย์” คู่กับ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เพิ่งจะเปลี่ยนมาใช้ “สมเด็จพระพุฒาจารย์”ในสมัยรัชกาลที่ ๔)

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ในปี พ.ศ. ๒๔๑๑ นั้น มีพระชนมพรรษาเพียง ๑๕ ปี ๑๐ วันเท่านั้น ยังทรงพระเยาว์นัก จึงต้องมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) อัครมหาเสนาบดี ผู้ใหญ่ในขณะนั้น เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน

วันหนึ่งเจ้าประคุณสมเด็จก็จุดไต้ลูกใหญ่เข้าไปหาสมเด็จเจ้าพระยาในจวนของท่าน ยามกลางวันแสกๆ อีกเช่นเดียวกัน สมเด็จเจ้าพระยาจึงถามว่า มีประสงค์อันใดหรือ จึงถือไต้เข้ามาหากระผมเช่นนี้ เจ้าประคุณสมเด็จตอบไม่อ้อมค้อมเลยว่า
“อาตมภาพได้ยินว่า ทุกวันนี้แผ่นดินมืดมัวนักด้วยมีคนคิดร้ายจะเอาแผ่นดิน ไม่ทราบว่าเท็จจริงจะเป็นประการใด ถ้าเป็นความจริงแล้วไซร้ อาตมภาพก็ใคร่จะขอบิณฑบาตเขาเสียสักครั้งหนึ่งเถิด”

สมเด็จเจ้าพระยา อึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบว่า “ขอพระคุณเจ้าอย่าได้วิตกเลย ตราบใดที่กระผมยังมีชีวิตอยู่ฉะนี้ จะไม่ให้แผ่นดินนั้นมืดมัวหล่นลงไป ด้วยจะไม่มีผู้ใดแย่งแผ่นดินไปได้เป็นอันขาด”

ท่านเจ้าประคุณสมเด็จบอกว่า เพื่อความสบายใจ ให้สมเด็จเจ้าพระยาไปสาบานตัวต่อพระแก้วมรกตในวัดพระแก้ว ภายหลังต่อมาท่านผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเป็นข้าราชการผู้หนึ่ง ที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีส่วนผลักดันให้การบริหารราชการแผ่นดินก้าวเข้าสู่ยุคใหม่


สรุปก็คือ ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ เราอย่าไปปรามาสท่านก็แล้วกัน

 

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550/หมวด 3
มาตรา 63 เสรีภาพในการชุมนุม
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ

 

ไม่ต้องทำตามข้าพเจ้าหรอก
เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่าคนเราทุกคนมีสติปัญญาและวิจารณญาญเป็นของตัวเอง
ยิ่งยุคสมัยนี้ด้วยแล้ว การค้นหาข่าวสารข้อมูลแสนง่ายดาย แค่คลิกเดียว
อยากรู้อะไรก็ได้รู้ ไม่ต้องคอยให้ใครคอยจูงจมูก
จะสันติ อหิงสา หรือใช้ความรุนแรงหรือไม่นั้น
ทั้งข้อมูลข่าวสารและภาพ ท่านทั้งหลายสามารถค้นดูได้ด้วยตัวเอง

 

ความคิดเห็นของผม
กับของคุณ อ๋อง ชัชวาล แพ่งวรรธนะ
เหมือนกันครับ

คือผู้มีธรรม แสดงความเห็นด้วยธรรม
แสดงเหตุที่ไม่ชอบใจ แสดงเหตุที่ไม่ปรกติ
ไม่ใช้ ไฟมาดับไฟ
แต่ที่บุคคลบางคนอ้างว่าตนมีธรรม
และไปร่วมกับม๊อบ ไปปลุกระดม
ไม่ว่าจะแดงหรือเหลืองหรือฝ่ายอื่นๆ
ที่มาก่อม๊อบ สร้างความโกลาหล
ตัดน้ำ ตัดไฟ ทำให้มีผู้เดือดร้อน
อย่างนั้น มิใช่แสดงความเห็นด้วยธรรม
อันนั้นเรียกตาต่อตาฟันต่อฟัน
ยุยงส่งเสริม ให้คนเกลียดกัน
ยิ่งเป็นสมณะ
ยิ่งไม่ควรแสดงตัวแบ่งฝั่งฝ่ายทางการเมืองให้ชัดเยี่ยงนี้
อยากแสดงความเห็น ก็แสดง ณ ที่ที่ตนอยู่ได้
เหมือนที่บุคคลทั้งหลายเปลี่ยนหน้าโปรไฟล์
ให้เป็นรูปป้ายไม่เอานิรโทษ

ม๊อบเหลืองม๊อบแดง กำลังโดนใช้เป็นเครื่องมือ
พอตายขึ้นมาก็จับมือใครดมไม่ได้
โดนพวกนักการเมืองสนตะพาย

 

เท่าที่เห็นด้วยตาก็คือ
ไม่ว่าม็อบฝ่ายไหนก็โดนฝนตกไล่ทั้งนั้น

 

มารไม่มีบารมีไม่เกิดค่ะ
ขนาดฝนตกใส่ประชาชนก็ยังไม่ยอมถอย
การทำความดีมันก็ยากอย่างนี้่แหละ

 

ตอนนี้ ตัดน้ำตัดไฟ ยึดหน่วยงานราชการแล้วนะครับ
ไม่ใช่ชุมนุมโดยสงบแล้ว

 

แตกต่างกันคนละแนวเลยครับ
สมัยนั้นพระท่านร้องขอ เพื่อความสงบสุข
ดูสิ่งที่พระสมัยนี้ทำสิครับ
ทำไมไม่ออกปากขอบิณฑบาตรทั้งสองฝ่ายให้เลิกรากันล่ะครับ
ไปสนับสนุนให้รบรากันอีกต่างหาก
แล้วคำว่าปรามาสนั้น หมายว่า กล่าวสิ่งที่ไม่จริง
แต่สิ่งที่พระพุทธอิสระทำนั้น เห็นๆกันอยู่ ออกสื่อมากมาย
เข้าไปเดินในกลุ่มม๊อบได้ ทำไมไม่ขอให้เขาเลิกรา
ตัดสินกันด้วยสันติวิธี ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่น
(อย่างน้อยคนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ย่อมได้รับความเดือดร้อน)

 

เอ้ ผมว่าผมก็เขียนอ่านเข้าใจง่ายแล้วน่ะ ทำไมถึงอ่านไม่รู้เรื่อง หรือว่าอ่านรู้เรื่อง แต่ทำเป็นไม่รู้

ผมบอกว่าพระสงฆ์เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ในอดีตก็เคยมีที่พระสงฆ์มีบทบาทในการเมือง (ดังตัวอย่างที่กล่าวไว้) ดังนั้นการที่หลวงปู่พุทธะอิสระ ท่านจะทำอะไรก็เป็นสิทธิของท่าน
ถ้าท่านทำไมดี ฟ้าดินก็ลงโทษเอง ผมจึงได้สรุปว่าคนธรรมดาอย่างเราๆ อย่าไปปรามาสท่าน (ชั่วดีก็ช่างท่านเถอะ) ซึ่งผมไม่ได้เปรียบเทียบว่าสิ่งที่ท่านทำเหมือนกับสมเด็จโต

 

ใครทำอะไรไว้ไม่ดี ฟ้าดินจะลงโทษเอง
ถ้าคุณคิดว่าผมปรามาส ก็ปล่อยเป็นเรื่องฟ้าดินเถิดครับ
และถ้าคุณจะบอกว่าอย่าไปปรามาสเขาเลย
ก็แค่พิมมาตรงๆเลยสิครับ
จะชักแม่น้ำมาทำไมตั้งมากมาย

 

จะไล่คนชั่ว คนบ้าอำนาจ ออกจากอำนาจ จะ เดินไปบอกเขาว่า พี่ๆลุกออกไปที กินอิ่มแล้วก้แบ่งคนอื่นมั่ง
มันจาไปไหม

มันต้องแบบนี้แหละ ออกไปได้แล้ว กุจะกินมั่ง

โดยส่วนตัวนะไม่ชอบ ปชป อย่างมาก แต่ไอ้เหลี่ยมมันชั่วมาก ทุกวันก็ชั่งใจอยู่ จะออกไปไล่ดีไหม

เราลูกศิษย์หลวงปู่นะ เราว่าท่านไม่ต้องออกม็อบคนก็รู้จักมากมาย เงินบริจากล้นหลาม ท่านออกมาช่วยม็อบมีแต่เสีย (อย่างน้อยลูกศิษย์คนหนึ่งละครับที่ผมรู้จักเป็นเสื้อแดง โทรมาบ่นกับผม) แต่ก็พยายามเข้าใจนะว่าท่านรักชาติ ท่านจึงเสียสละเปลืองตัวมากกกก
เปลืองเงินด้วย พระนาคปรกก้ยังไม่เสร็จ โรงเจก็ยังไม่เสร็จ จ่ายตังค์ซื้อที่ปลูกป่า
บ๊ะแล้วจะไปหาตังค์ที่ไหนเนี่ย

ก่อนท่านออกม้อบ เราฝันอ่ะว่าได้ไปกราบท่าน ท่านพููดว่า

"ร่ำเรียนมาก็มาก บ้านเมืองลำบากขนาดนี้ ไมคิดจะช่วยเหลืออะไรกันบ้างเหรอ"

พอตื่นมาก็ 555 กุจะทำไรได้ว่ะ อย่างมากก้ไปม้อบเย้วๆๆ ทั้งค่ารถ ค่าโรงแรม ค่าข้าว โอ้ยสารพัด นั่งดูบลูอยู่บ้านจะดีกว่า

ผมว่า ประเด็นหลักที่ทำให้เกิดเหตการณ์เหล่านี้ มันคือการแย่งอำนาจ เพราะอำนาจคือผลประโยชน

ถ้าเราทำให้ โทษของการทุจริต คอรรัปชั่นรุนแรงมากๆ เช่น

1.บัญญัติให้คดีการทุจริตคอรัปชั่น ไม่มีอายุความ
2.การทุจริตที่ได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสิบล้าน มีโทษทางอาญาคือประหารชีวิต
มีโทษทางแพ่ง คือริบทรัพย์ ทั้งหมดที่มีโดยไม่ต้องพิสูจน์ ที่มาของทรัพย์

คือทำให้โทษมันมีมากกว่าคุณ ผมว่า คนที่จ้องจะเข้ามาแสวงหาประโยชน์ทางการเมือง ทุจริตจะลดน้อยลง ประเทศจีนประหารกันเยอะมากเมื่อสมัยหลายๆปีก่อน ถึงตอนนี้แทบไม่มีใครกล้า

แล้วคนที่เข้ามาเสนอตัว จะต้องถือว่ายอมรับกฎเกณเหล่านี้ คนที่เห็นว่าไม่คุ้มจะเลิกไปเองครับ คนแรกก็ทักษิณนั่นแหละ

 

ยุคนี้เป็นยุคที่เห็นชัดเจน ระหว่าง ความดี ความชั่ว แยกได้ ว่าใครทำลายชาติและจ้องคอยทิ่มแทงจาบจ้วงสถาบัน

 

ก็ดีนะครับ แต่หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็อดคิดไม่ได้ว่า
คงจะมีนักการเมืองที่หวังเสี่ยงตายเข้ามาเปลี่ยนกฏหมาย
เพื่อหาผลประโยชน์อยู่ดีแหละครับ
อย่างในตอนนี้
ถ้าบุคคลเหล่านั้นกลัวตายกลัวโทษ
คงไม่กล้าโกงกินหลายพันล้านหรอกครับ
เพราะถ้าตัดสินโทษขึ้นมา
โทษติดคุกยาวเกินอายุขัยแน่นอน

 

อย่าให้คนไม่ดี ตระกูลคนโกง คนที่จาบจ้วงสถาบัน มาทำลายประเทศชาติ

 

เฮ้อ ผมว่าสิ่งที่ผมพูดมันเข้าใจง่ายมากเลยน่ะ ทำไมถึงไม่เข้าใจ
ผมไม่เคยไปชุมนุม เลือกตั้งผมก็กาช่องไม่ลงคะแนน
การเมืองผมไม่ยุ่ง และผมก็ไม่เคยบอกว่าคุณปรามาส
ผมแค่เตือนสติทุกๆ คน เนื่องจากพระสงฆ์ก็อยู่ทั้ง 2 ฝ่าย เช่น

วันนี้(26 พ.ย.) มีรายงานข่าวว่าที่ บริเวณ พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ พระครูสุเทพสิทธิคุณ หรือ หลวงพ่อพันเทวา เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง เกจิอาจารย์ชื่อดังของเชียงใหม่

ได้นำคณะสงฆ์อีก 4 รูป ไปประกอบพิธีกรรมเพ่งดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่า นานกว่า 40 นาที เพื่อขอบารมีของสุระเทพช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายที่กำลังทำลายประเทศไทยและช่วยคุ้มครองรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

หลวงพ่อพันเทวาได้เผยว่า ขณะนี้บ้านเมืองแทบจะลุกเป็นไฟ ประชาชนเดือดร้อน จึงได้ขอพรให้เทพทุกองค์แผ่บารมีให้ช่วยลดความรุนแรง โดยปัญหาทั้งหลายเพราะมีคนทำคุณไสยใส่รัฐบาล ซึ่งหลวงพ่อพันเทวาได้ย้ำอีกว่าภายในทำเนียบรัฐบาลมีดินโรงศพและกระดูก7ป่าช้าอยู่ แม้จะมีการทำพิธีมาหลายครั้งแต่คุณไสยนั้นก็ยังไม่คลี่คลาย

ทั้งนี้มีข้อมูลระบุว่า พระครูสุเทพสิทธิคุณ หรือ หลวงพ่อพันเทวา เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง เป็นพระอาจารย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย

เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง ผมไม่อยากให้คนโจมตีพระสงฆ์

 

ผมขอบอกว่าผมไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีสงฆ์(แต่บุคคลอื่น ไม่รู้)
ผมเพียงแสดงความเห็นเรื่องความเหมาะสมเท่านั้น
โดยที่ไม่ได้แบ่งแยกด้วยว่าฝ่ายไหน
ผมแสดงความเห็นต่อความถูกต้อง
โดยใช้มาตราฐานความยุติธรรมและศีลธรรมเป็นตัวตั้ง