เมื่อคืนค่ะ....(สอบถามอารมณ์กรรมฐาน)

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย เด็กหัวโต, 26 ตุลาคม 2013.

  1. เด็กหัวโต

    เด็กหัวโต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +18
    เมื่อคืนนี้ ในระหว่างที่นั่งสมาธิ หนูนั่งสมธิแบบยุบหนอ-พองหนอค่ะ รู้สึกว่ามีอาการตัวโยกเอน(เป็นอยู่บ่อยๆค่ะ) ตัวหมุน ตัวพองออกจนรู้สึกว่ามือมันคลี่ออกจากกัน แล้วสักครู่ก้อลอยขึ้น หนูตกใจก้อเลยลืมตา

    แล้วก้อตัดสินใจนั่งต่อค่ะ เกิดอาการเดิมๆ สลับกัน หมุนบ้าง คอผงกบ้าง ส่ายหน้าบ้าง ในบางช่วงเกิดอาการเหมือนหน้าหายไปแทบหนึ่ง ปากแน่น ตึงเหมือนจะพูดไม่ได้ แล้วมือที่ซ้ายทับขวาไว้ ก้อเลื่อนออกจากกัน เลื่อนออก แล้วก้อเลื่อนเข้า มีความรู้สึกว่านิ้วถูกกดให้เล็กลง ตัวแยกออก (คือมันเป็นความรู้สึกค่ะ บอกไม่ถุก แต่ไม่ได้เห็นเป็นภาพว่าตัวเองแยกถูกฉีกอ่ะค่ะ แต่จะว่าเห็นก้อไม่เชิง มันเหมือนคิดนะค่ะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน -*-) ต่อมาก้อมีอาการปากเหมือนดูดลม เบ้ปาก บีบปาก รู้สึกว่าฟันงอก สกปรก(ไม่รู้คิดไปเองหรือยังไง สับสนเหมือนกันค่ะ เพราะช่วงนี้อ่านอาการพวก อสุภะบ้าง ตอนที่คิดว่าเหมือนคนแก่ เลยท่องๆในใจว่า ไม่เที่ยง แต่รู้สึกว่าตัวเองทำมั่วๆอ่ะค่ะแล้วก้อหยุด อาการเหล่านี้เป็นติดต่อกันบ้าง สลับกับพองยุบบ้าง นั่งนิ่งๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จนสุดท้าย มีเวทนาเกิดขึ้นที่ขาและเอว กำหนดปวดหนอแล้วก้อยังไม่หาย (ปกติกำหนดแปปเดียวก้อหาย แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยเกิดเวทนาค่ะ) ก้อเลยออกจากสมาธิในที่สุด

    ขอเพิ่มเติมนะค่ะ คืนก่อนๆหน้านี้ค่ะ จิตมีอาการดิ่งวูบ แล้วก้อสว่าง แต่ว่าแปปเดียวค่ะ ทำยังไงถึงจะทรงไว้ได้นาน หรือว่าควรทำยังไงค่ะ แล้วหนูก็ไม่เข้าใจอีกเรื่อง คือเวลานอนหลับไปแล้ว หรือระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น เคยมีอาการตัวลอย หรือไม่ก้อเกิดอาการ ชาๆ วูบๆทั่วตัว บ้างก้อเหมือนจะคลื่นไส้ บางทีที่เกิดหนูก้อไม่ได้ภาวนาแบบนอนนะค่ะ ก็หลับไปเฉยนี่แหละค่ะ

    หนูสับสนมาก ว่าต้องทำยังไงต่อ อาการเหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าค่ะ รบกวนท่านผู้รู้แนะนำด้วยนะค่ะ หนูฝึกเองอยู่บ้านค่ะ ก่อนหน้านี้ไปฝึกที่คุณแม่สิริค่ะ รบกวนด้วยค่ะ

    ขอบคุณค่ะ :)
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    เมื่อคืนนี้ ในระหว่างที่นั่งสมาธิ หนูนั่งสมธิแบบยุบหนอ-พองหนอค่ะ รู้สึกว่ามีอาการตัวโยกเอน(เป็นอยู่บ่อยๆค่ะ) ตัวหมุน ตัวพองออกจนรู้สึกว่ามือมันคลี่ออกจากกัน แล้วสักครู่ก้อลอยขึ้น หนูตกใจก้อเลยลืมตา

    +++ ตรงนี้เป็นส่วนของความรู้สึกที่เกิดขึ้น อะไรมีอยู่ อะไรเป็นอยู่ ก็ยอมรับว่า มีอยู่เป็นอยู่ ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่นั้น

    แล้วก้อตัดสินใจนั่งต่อค่ะ เกิดอาการเดิมๆ สลับกัน หมุนบ้าง คอผงกบ้าง ส่ายหน้าบ้าง ในบางช่วงเกิดอาการเหมือนหน้าหายไปแทบหนึ่ง ปากแน่น ตึงเหมือนจะพูดไม่ได้ แล้วมือที่ซ้ายทับขวาไว้ ก้อเลื่อนออกจากกัน เลื่อนออก แล้วก้อเลื่อนเข้า มีความรู้สึกว่านิ้วถูกกดให้เล็กลง ตัวแยกออก (คือมันเป็นความรู้สึกค่ะ บอกไม่ถุก แต่ไม่ได้เห็นเป็นภาพว่าตัวเองแยกถูกฉีกอ่ะค่ะ แต่จะว่าเห็นก้อไม่เชิง มันเหมือนคิดนะค่ะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน -*-)

    +++ ถูกแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนเห็น สามารถเรียกได้ว่า "มันเป็นการเห็น" ชนิดหนึ่งก็ได้

    +++ แต่อาการนี้ "ห้ามใช้คำว่า คิด เป็นอันขาด" ถ้าหาก "คิด" แล้วเป็นอย่างนั้นได้ "ก็ลอง คิดให้มันเป็นอย่างนั้น ในตอนนี้เลย" ลองดูซิ ว่าจะคิดให้มันเป็นอย่างนั้นได้มั้ย "คิดให้เต็มที่ ตอนนี้เลยนะ"

    +++ ถ้าหาก "คิด" เท่าไร มันก็ไม่ยอมเป็นไปตามที่คิด ก็หมายความว่า "มันเป็นเรื่องที่ คิดเอง เออเอง ไม่ได้" ก็หมายความว่า "มันเป็นเรื่องจริง" เท่านั้นเอง

    ต่อมาก้อมีอาการปากเหมือนดูดลม เบ้ปาก บีบปาก รู้สึกว่าฟันงอก สกปรก(ไม่รู้คิดไปเองหรือยังไง สับสนเหมือนกันค่ะ เพราะช่วงนี้อ่านอาการพวก อสุภะบ้าง ตอนที่คิดว่าเหมือนคนแก่ เลยท่องๆในใจว่า ไม่เที่ยง แต่รู้สึกว่าตัวเองทำมั่วๆอ่ะค่ะแล้วก้อหยุด อาการเหล่านี้เป็นติดต่อกันบ้าง สลับกับพองยุบบ้าง นั่งนิ่งๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

    +++ ตรงนี้ต่างหากที่ "คิด" เพราะเรื่องของ "อสุภะ" เป็นเรื่องที่ "ต้องใช้ ความคิด" เข้ามาทำให้เห็นภาพ

    +++ สรุปคือ ตรงนี้เป็นการเอา กรรมฐาน 2 ประเภท มาผสมกันจน "เละ" นั่นเอง หากปล่อยไว้นานไป "ผู้ฝึก อาจมีปัญหาในการตั้งจิตให้อยู่กับ ความเป็นจริง ไม่ได้"

    +++ หากตรงนี้ "ผู้ฝึก ตั้งเอาเอง" ก็ให้เลือกเอาทางเดียว "จะเอาหนอ หรือ อสุภะ" ให้เลือกแค่อันเดียวเท่านั้น ถ้าหากมีคนอื่นแนะนำ หรือ สอนให้ทำอย่างนี้ "ก็ให้ไปหาคนสอนใหม่ได้แล้ว" มันอันตรายมาก

    *** จะอธิบายให้ฟังดังนี้ ***

    +++ กรรมฐานแบบ "ยุบหนอ พองหนอ" เป็นกรรมฐานที่เน้นไปที่ "ความรู้สึก" เป็นหลัก ไม่เว้นแม้กระทั่ง "อานาปานสติ" ก็เน้นไปที่ "ความรู้สึก กับลมหายใจ" และกรรมฐานทุกชนิด ที่ต้องการความหลุดพ้น ล้วน "เน้นไปที่ความรู้สึก" และเป็น กรรมฐานฝ่าย "นาม" ทั้งสิ้น ไม่มีข้อยยกเว้น

    +++ ศัตรู ของกรรมฐานฝ่ายนามคือ "ความคิด" ดังนั้นครูบาอาจารย์ทั้งหลาย จึงใช้ "คำบริกรรม" มาเป็นเครื่องป้องกัน "ไม่ให้ความคิดเข้ามารบกวนความรู้สึก" ไม่ว่าจะเป็น "หนอ หรือ พุทโธ" ก็ตาม

    +++ แม้แต่ ตัวคำบริกรรมเองก็ตาม ครูบาอาจารย์ท่านก็จะเน้นไปที่ "ผู้บริกรรม" ซึ่งก็คือ "ตนเอง" หรือ "ใจกลางของคำบริกรรม" ซึ่งก็คือ "กิริยาจิต" ทั้งหมดนี้ ก็เป็นกรรมฐาน "ฝ่ายความรู้สึก" และเป็น "ฝ่ายนาม" ทั้งสิ้น

    +++ ยกเว้นแต่ผู้ที่ "ไม่รู้จัก ความรู้สึก" หรือ "หมดความสามารถที่จะ ทำความรู้สึก ให้เป็นสมาธิได้" เพราะ "ความคิดฟุ้งซ่าน" มีมากเกินไป ท่านจึงให้คิดในเรื่องของ "อสุภะ" เพื่อให้เกิดความเบื่อหนายในความคิด จนกว่าจะวางความคิดลงได้ แล้วกลับมาอยู่กับความรู้สึกแทน จนกว่าจะได้สมาธิ

    +++ สาเหตุที่สำคัญ ที่ให้หาทางตัดความคิดทิ้ง ก็เพราะ "ความคิด นั่นแหละ เป็นตัวบดบัง ความเป็นจริง" ทำให้ มองไม่เห็นความจริง และ ยิ่งคิดยิ่งทุกข์ ที่สำคัญที่สุดคือ "คนที่ฆ่าตัวตาย สาเหตุทั้งหมดมาจาก ความคิดนั่นเอง"

    *** ตอนนี้คงพอมองตนเองออกบ้างแล้วนะ ว่าควรฝึกอะไร ระหว่าง "หนอ กับ อสุภะ" ให้เลือกเอาอย่างเดียวเท่านั้น ***

    จนสุดท้าย มีเวทนาเกิดขึ้นที่ขาและเอว กำหนดปวดหนอแล้วก้อยังไม่หาย (ปกติกำหนดแปปเดียวก้อหาย แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยเกิดเวทนาค่ะ) ก้อเลยออกจากสมาธิในที่สุด

    +++ จนกว่าจะรู้ "วิธีเดินจิต ในการแยกเวทนา" ให้ออกไปจาก ตน ได้ จึงจะพ้นด่านนี้

    ขอเพิ่มเติมนะค่ะ คืนก่อนๆหน้านี้ค่ะ จิตมีอาการดิ่งวูบ แล้วก้อสว่าง แต่ว่าแปปเดียวค่ะ ทำยังไงถึงจะทรงไว้ได้นาน หรือว่าควรทำยังไงค่ะ แล้วหนูก็ไม่เข้าใจอีกเรื่อง คือเวลานอนหลับไปแล้ว หรือระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น เคยมีอาการตัวลอย หรือไม่ก้อเกิดอาการ ชาๆ วูบๆทั่วตัว บ้างก้อเหมือนจะคลื่นไส้ บางทีที่เกิดหนูก้อไม่ได้ภาวนาแบบนอนนะค่ะ ก็หลับไปเฉยนี่แหละค่ะ

    +++ ตรงนี้เป็นอาการของ "การถอด กายแห่งความรู้สึก" หรือเรียกสั้น ๆ ได้ว่า "กายเวทนา" ตรงนี้ถูกต้องแล้ว

    หนูสับสนมาก ว่าต้องทำยังไงต่อ อาการเหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าค่ะ รบกวนท่านผู้รู้แนะนำด้วยนะค่ะ หนูฝึกเองอยู่บ้านค่ะ ก่อนหน้านี้ไปฝึกที่คุณแม่สิริค่ะ รบกวนด้วยค่ะ

    +++ ให้ศึกษาทำความเข้าใจ หากต้องการฝึกทางด้าน "ความรู้สึกตัว" แล้ว ให้อ่านกระทู้นี้ดู

    http://palungjit.org/threads/ฝึก-กรรม-ฐาน-ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย.512443/
     
  3. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    กรรมฐานสาย
    หนอ?
    เป็นการถามตัวเราเอง
    ว่านี่ยุบหรือพอง

    ถ้าเอาแบบจะนั่งสมาธิให้ทรงฌาน แบบแน่นๆ เป๋งๆ
    ก็ต้องทน
    แล้วคำถามมันจะกลายเป็นคำตอบ

    ถ้าสงสัยเรื่องอาการตัวพองมือพอง
    โยกไปมา
    ก็ตอบว่าทุกคนถ้าเริ่มจะเข้าสมาธิที่จะมีอาการ
    แน่น เป๋ง จะเป็นอย่างนี้ทุกคน

    แล้วปรกติเค้าจะนั่งต่อ จนมันแน่น มันเป๋ง
    ส่งนนั่งไปทำไมให้แน่นให้เป๋ง

    ต้องรอให้คำถาม มันกลายเป็นคำตอบ

    กรรมฐานสายหนอ?
    จะปล่อยให้คำถามเป็นคำถาม
    อย่าไปหาคำตอบ
     
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    คุณว่า ยุบหนอ? ถามหรือตอบหละ
    พองหนอ? เนียะถามหรือตอบ

    ถ้าคุณไม่ทราบ ก็แสดงว่าตัวรู้ ไม่ได้โดนดู
     
  5. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    บางทีนะ
    คนภาวนาหิวมากๆ ง่วงมากๆ อยากในกามมากๆ
    อะไรงี้
    หรือภาวนามาลึกไปหน่อย

    ลืมตามองหน้าท้อง
    เอามือกุมเอาไว้
    บางที่เรา แยก แยกไม่ออก
    ว่านี่ยุบหรือพอง

    อาการแยกไม่ออกเรียก
    อายตนะ

    เราเลยถามว่า นี่มันยุบหรือมันพอง เหวย

    จะปล่อยให้คำถามเป็นคำถาม
    หรือจะปล่อยให้คำถามเป็นคำตอบ

    ตัวรู้เท่านั้น
    ที่จะรู้ว่ารู้
     
  6. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เพิ่มๆๆ
    อาการแยกออก
    เรียกว่า สอง อายตนะ
    หรือมันแยกไปอีกก็ นับไปเองเถอะ
     
  7. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    มีคนถามผมว่าสอนอรูปสมาบัติทำไม
    มีคนท้วงว่าเนิ่นช้า
    ธุระมาก

    ผมโดนพวกรูปไม่ต่างจากว่าง
    ว่างไม่ต่างจากรูป ขับดัน

    ไม่ได้อยากบอกเลย
     
  8. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เช่นมีคนเกิดส่งสัยเพราะผมเขียนชวนให้สงสัย

    คุณจะปล่อยให้สงสัยเป็นคำถาม
    หรือให้สงสัย
    เรื่องอรูปสมาบัติคืออะไรหว่า
    ปล่อยให้มันเป็นคำตอบ

    ตัวรู้แหละ
    ที่จะรู้ว่ารู้
     
  9. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    อาการอันแรกเป็นปิติเรียกว่าอุเพ็งปิติเป็นปิติแบบโลดโผน บางคนก็เป็นไม่นานก็หาย แต่ก่อนจะหายก็ต้องเจอสักพักหนึ่งครับ แต่จะหายไปเมื่อคุณไม่สนใจมันแล้วมันก็จะค่อยๆหายไปเอง
    การปฏิบัติก็ต้องอยู่ในองค์ปฏิบัติครับ ใช่ว่าปฏิบัติเพื่อให้หรือไม่ให้มันเห็นอะไร เรื่องของแสงอย่าไปสนใจมันครับ หากสนใจมันแล้ว หากว่ามันมาแล้วไม่ยอมไปอีกจะทำอย่างไร
    เจริญในธรรมครับ
     
  10. เด็กหัวโต

    เด็กหัวโต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +18
    ขอบคุณทุกๆคำแนะนำเลยนะค่ะ หนูอ่านเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง เพราะหนูยังไม่รู้อะไรอีกมากๆมายๆเลยค่ะ ยังอ่อนประสบการณ์อยู่มากโข T^T จะพยายามตั้งใจทำความเข้าใจให้มากขึ้นนะค่ะ

    **********ขอบคุณอีกครั้งค่ะ :)*****************

    ข้อสงสัยเพิ่มเติม (แฮะๆ ^w^)

    "ผู้ฝึก อาจมีปัญหาในการตั้งจิตให้อยู่กับ ความเป็นจริง ไม่ได้" หนูไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าจะรบกวนคุณ ธรรมชาติ ช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้หรือไม่ค่ะ แล้วถ้าปฏิบัติเละเทะเอา 2 ฐานมารวมกันนานวัน จะเกิดอะไรขึ้นค่ะ(อันนี้หนูจะเลิกเอามายำกันเละแล้วค่ะ แต่อยากทราบเฉยๆ)
    ถ้าหนูจะเลือกปฏิบัติแบบสาย หนอ เวลาที่รู้สึกว่าตัวแยก แบะออก มือแยกจากกัน เห็นฟันยื่น สกปรก หนูจะต้องกำหนดอย่างไรค่ะ????
     
  11. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ผมก็ไม่รู้ว่าควรเชื่อตามที่ผมจะพิมพ์หรือเปล่านะ
    ข้อความข้างบนดูแล้วชวนงง สับสนมะ

    คุณเชื่อมะถ้าเราทู่ซี้นั่งทน
    ถ้ามีเวลาพอ
    อย่าไรเสีย ข้อสงสัยทั้งปวง จะโดนกดทับจนกลายเป็นคำตอบในที่สุด
    แต่อาจจะต้องนั่งนานหน่อย

    ไอ้ตรงนั้นจะสงบ จนน่าติด
    ที่เค่าว่าติดในความสงบ

    แต่ถ้าไม่ลองติดดู
    เราจะจินตนาการไปซะก่อน
    บางที่นั่งให้มันติดสงบไปเลย
    จำนนต่อกิเลสในความสงบไปก่อน

    ทุกปัญหาจะโดนความสงบที่ยังไงก็จะมาถ้าทู่ซี้ทนต่อไป
    กดทับจนเมคเซนส์ทั้งสิ้น
    ทุกข้อสงสัยที่เตรียมไว้จะถาม
    เรา และเราจะกดกันเองจน สงบ

    ถามว่าถ้าติดสงบแล้วทำไง
    คุณต้องมองให้เห็นโทษภัยในความสงบนั้น

    แต่ถ้าอยากสงบต่อเมื่อเกิดข้อสงสัย
    ว่าถ้าเราติดความสงบจะทำไง
    ให้ทู่ซี้ทนนั่งต่อไป จนควงามสงสับกลายเป็นคำตอบ
    เหลือเชื่อ คำถามก็คือตำตอบ

    เหมือนที่ท้องยุบกะท้องพอง
    ไม่ได้ต่างอะไรก้นเลย ถ้าเราสงบ
     
  12. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เพิ่มๆๆๆ
    ผมกำลังเพลิน เป็นนันทิ แปลว่าเพลิน
    เป็นวิปัสนูกิเลสป่าวช่างมันก่อน
    จะสงบ

    เช่น
    เราไปในสถานที่ๆสงบ อาจจะเพราะเสียงไม่รบกวน คนไม่รบกวน
    อากาศ อุณหภูมิไม่รบกวน
    เราชอบที่นี่ ไม่คับข้อง
    เราสุข
    และเราต้องการสุขนี้ เราก็โดนความสงบเข้ากดทับได้
    ถ้าเรานั่งหรืออยู่แถวนั้นๆๆนานๆๆ

    และเมื่อเราสงบเราดูข้อสงสัย
    เช่นสงสัยเรื่องกระทู้นี้ เปิดโทรศัพท์มือถือก็ได้ถ้ามีอ่านกระทู้

    ความสงสัยโดนความสงบในสถานที่นี้ๆ กดทับ

    สงบนี้ ในมหาสติปัฐฐานสูตร โพฌชงค์บัพพะ
    เรียกว่า ปัสสะทิ

    ความลังเลสงสัย
    ในนีวรณืบัพพะ เรียกว่า วิจิกิจฉา
     
  13. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ขออนุญาติท่านเจ้าของกระทู้
    ขอเสียมารยาท
    ถือวิสาสะใช้เนื้อที่กระทู้
    แสดงอาการหน่อยนะครับ
    อภัยเถอะนะครับ


    ต่อนะครับ
    เอาเข้าจริงๆเรื่อที่เราสงสัยกันทั้งหมด
    มือพองเท้าพอง ตัวโยกโคลง
    อะไรนี้มีคนคนเดียวที่จะตอบได้
    คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    และตอนนี้ท่านตายไปแล้ว

    หดหู่มะ คนเดียวที่ตอบได้ในโลก
    เค้าตายไปแล้ว

    ดังนั้นที่เราพยายามกันนี้คือหาเหตุปัจจัย
    มาทำให้ ความสงสัยได้หายไป คือดับ นิโรโธ
    หรือเอาเหตุปัจจัย ที่จะทำให้ ความสงสัยเกิด ออก

    เรื่องของวิสัยของพระพุทธเจ้า
    อาการของคนทำสมาธิทรงฌาน
    จริงๆแล้วเราหาคำตอบไม่ได้แน่ๆ

    เราต้องปราถนาพระโพธิญาณ
    แล้วก็เป็นพระพุทธเจ้าเราจึงจะตอบได้
    มีแต่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น

    ดังนั้นถ้า ถ้าความสงสัยมันมา และมันหายไป
    เราจึ่งสนใจ ปัจจัยสุดท้าย ที่ทำให้มันเกิด
    หรือปัจจัย แรก ที่ทำให้มัน ดับ

    เรียกว่า ธาตุ(element)มนสิการ ในมหาสติปัฐฐานสูตร
     
  14. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ดังนั้นอาการติด ความสงบ
    ในสมาธิ สมาถะ เราเอามาเป็นเครื่องพิจารณาก็ได้

    ว่าปัจจัยสุดท้ายที่จะทำใก้เราติดความสงบ
    และปัจจัยแรกที่ทำให้อาการติดความสงบหายไปจากเรา

    เรียกว่า
    จิตตานุปัสสนา
     
  15. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ขออนุญาติสำแดงการติดสงบนะครับ

    เช่นผมก็สงสัย
    แท้ที่จริงผมก็สงสัยว่ามือผมก็พอง เท้าผมก็พอง
    ตัวก็โยกโครง น้ำตาไหล รู้สึกเหมือนตัวลอยเหมือนบินได้

    เอาเข้าจริงๆแล้วเป็นไปไม่ได้ที่ศักยะภาพของผมจะทราบ
    คือ รู้ หละ
    ว่าจริงๆแล้วมันคืออะไร

    ทุกครั้งที่ความลังเลสงสัยหายไป
    มันเกิดจากความสงบกดทับเสมอ

    เลยจนปัญญา ทางทางไหนไม่ออก
    ทุกครั้งที่สงสัย กดทับด้วยความสงบทุกครั้ง

    ถือว่าผมติดความสงบมะ
    สงสัยมะ
     
  16. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เพราะบางที่น้ำตาไหล มือพองเท้าพองตัวลอย
    อาจจะ อาจจะนะ ลังเลหละ
    อาจจะไม่ใช่ ปิติ
    เรียกว่าธรรมะวิจายะ
     
  17. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เช่นทุกครั้งที่ผมไม่มั่นใจว่าที่ภาวนามามันถูกหรือผิด

    ผมไม่สนใจใครอะไร
    ผมสนใจแค่ผมสงสัยมะ
    ทำไม
    ทำไม
    ทำไม
    ผมสงสัย
    มันหายไปหรือยัง

    แล้วค่อยไปรอดูใหม่ว่า
    ทำไม
    ทำไม
    ทำไม
    เราสงสัย

    แล้วทำไม
    ทำไม
    ทำไม
    ความสังสัยมันหายไป

    มันหายไปจริงเหรอ?
    วิจิกิจฉา ล้วนๆ
     
  18. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เหมือน
    ยุบหนอ?
    พองหนอ?

    นี่เราถามเองตอบเองเหรอ?

    ถ้ามันเกิดเป็นคำถาม
    ไม่เคยมีใครภาวนา ยุบหนอ พองหนอ
    เพื่อถามอะไรตอบอะไร ซักคน ไม่เห็นมีใครเค้าทำ
    มีผมนี่แหละ

    ยุบหนอ?
    พองหนอ?
     
  19. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เห็นความลังเลสงสัย
    ที่ดันมีการเกิดก่อน เกิดหลังมะ
    มันไม่ได้เกิดพร้อมกัน
     
  20. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนก็เรียกธาตุ
    เพราะเกิดก่อน เลยเรียกธาตุ
    และเกิดหลัง ก็เรียกว่าธาตุเพราะเกิดที่หลัง

    ไม่มีลำดับเหตุการณ์
    ไม่เรียกธาตุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...