ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    มีรายงานว่าใช้กระเจี้ยบเขียวใช้รักษาพยาธิตัวจิ๊ดได้ด้วยครับ หรือใช้ใบทองหลางใบมนทานเป็นผักเมื่ยง กับเมี่ยงปลาทูก็ได้

    thaiforestherbs: กระเจี๊ยบเขียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2013
  2. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    สำหรับคุณ xx ที่ถามเข้ามานี่ อาการมันเสี่ยงนะ ที่ว่าขึ้นไปถึงหัว และหน้าตาแล้ว
    ถ้ามันหลุดเข้าไปในสมอง หรือดวงตาได้ นี่ก็เสร็จกัน
    คงไปหาตัวยามาทำกินไมทันแน่เลย

    ก็เลยลองๆทดสอบดูแบบฝันหวานนะ
    หาไอ้หัวกุ้งสด มาทำกลิ่นล่อไอ้ตัวประหลาดนี่ที่บริเวณส่วนล่างของร่างกายนะ
    ให้มันส่งกลิ่นอันรัญจวนใจเป็นไอละเหยพุ่งไปเบื้อบน ถึงหัวเลย ไห้ไอ้เจ้าพยาธิตัวจี๊ดดมเล่น
    เผื่อๆมันชอบ มันจะได้ย้ายวิกมาเพ่นพ่านที่ร่างกายส่วนล่างแทนส่วนหัว

    เอ..รู้สึกว่าจะสำเร็จนะ เห็นมันก้มหน้าก้มตา วิ่งลงมาที่ส่วนล่างของร่างกายกันยกใหญ่
    คงถอนหายใจหาหยูกหายามารักษาทันนะ

    แต่เดือนนี้รอบเดือนคงหดหู่ สุดทนนะ
     
  3. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    อ.suwi คิดว่าล่อตรงไหนจึงจะเหมาะครับ แขน ตัว หรือแถวขาดี ผมลองคิดๆดูถ้าล่อไกลไปกลัวพยาธิจะวิ่งมาราธอนจะไชกันพรุน
     
  4. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ไม่จริงเลย เป็นการกล่าวอ้างกันมากกว่า
    ทั้งกระเจี้ยบเขียวและทองหลางใบมล ไม่อาจใช้รักษาโรคพยาธิตัวจี๊ดได้

    เหมือนกับ น้ำมะนาวโซดา รักษามะเร็งได้ ก็เชื่อกันไป
    เป็นเพราะน้ำมะนาวโซดา มีการทดสอบแล้วว่ามันมีผลต่อการรักษา มะเร็งจริง
    แม้แต่หมอสุวิก็ทดสอบแล้ว น้ำมะนาวโซดานี่รักษาะเร็งได้จริง
    แต่รู้หรือไม่ มะนาวโซดาที่จะรักษามะเร็งได้นะ ต้องกินโด้สหนึ่งเท่าไหร่ ต้องกินเป็นปี้บที่เดียวนะ จึงจะมีผลในการรักษา
    ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะกินสิ่งนี้เป็นยาเพื่อการรักษา (นั่นเป็นเพราะตัวยาอ่อนเกินไป)

    กระเจี้ยบเขียวก็เช่นกัน สารในฝักมีผลต่พยาธิตัวจี๊ดเช่นกัน แต่หากจะใช้สารในฝักนี้รักษา ก็ต้องกินกันแบบหน้ามืดตาลายจนพุงปลิ้นเลย

    แต่ฝักกระเจี้ยบเขียว ใช้รักษาโรคกระเพาะได้ชะงัดนัก ไม่เห็นมีใครพูดถึง
    กินเป็นประจำ มื้อละ ๓-๔ ฝัก โรคกระเพาะก็หายแล้ว
    .
     
  5. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    คำถามนี้ไม่ขอตอบวุ้ย มันโป้ไปหน่อย
    แฮะๆๆๆๆ.....หมอได้แอบทดลองทำไปแล้วด้วย จึงรู้ว่าได้ผล
     
  6. tanutpon

    tanutpon สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2005
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอปรึกษา อ. คือผมได้ผ่าตัดจอประสาทตามาเนื่องจากจอประสาทตาลอกอยากได้ยาบำรุงสายตาไม่มีโรคประจำตัว แต่อ้วนสูง 160 หนัก75 อยากได้ยาลดไขมันและผมเป็นร้อนมากเริ่มมีเสียงเหมือนลมออกหู เมื่อยคอและหลังเหมือนหลังแข็งบ่อยมากครับ ทัศนันท์ รักกลาง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2013
  7. BiMode

    BiMode เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +2,322
    ขอถาม อ. สุวิ ครับว่ารางจืดสามารถแก้พิษของสารเคมี สารตะกั่วที่อยู่ในเลือดได้จริงหรือเปล่าครับ?
     
  8. บุษบรรณ

    บุษบรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2,212
    ค่าพลัง:
    +8,603
    สวัสดีค่ะมีบุญมาให้ร่วมอนุโมทนากันค่ะ
    -ร่วมทอดผ้าป่าที่จังหวัดกาญจนบุรี จำชื่ิวัดไม่ได้ค่ะ
    -ไถ่ชีวิตโคจำนวน 1 ตัว ในวันนี้ที่วัดพระศรีมหาธาตุค่ะ
    -ทำสังฆทาน 1ชุด
    -ห่มผ้าหลวงพ่อสัมฤทธิ์
     
  9. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เธอผู้นี้ ได้ PM มาปรึกษาหมอสุวิ ตามข้อความข้างล่างนี้
    อาการเจ็บป่วยแบบนี้มันน่ารำคาญนะ หากเป็นมากๆนี่ แทบไม่อยากเคี้ยวอาหารเลย
    และอาการโรคนี้หากลุกลามจนวาระสุดท้าย มันคืออาการโรค ที่อยู่ในคัมภีร์มุขโรค (ถามอากู๋ เอาเองนะ ว่ามันเป็นอย่างไร)



    คำตอบของอาการโรคนี้ ค่อนข้างประหลาดนะ การรักษายิ่งประหลาดใหญ่
     
  10. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เราทุกคนรู้ว่ากายมนุษย์ประกอบด้วย ธาตุสี่ มี
    ธาตุดิน ๒๐(บางตำราว่า ๒๑)
    ธาตุน้ำ ๑๒
    ธาตุลม ๖
    ธาตุไฟ ๔

    ธาตุที่จับต้องได้ มีธาตุดิน(๒๐) กับธาตน้้ำ(๑๒) เราเรียก อาการ ๓๒ ประกอบกันเป็นกายมนุษย์
    และมีธาตุ ทีึ่จับต้องไมได้แต่สัมผ้สได้ ด้วยอยะตนะที่ละเอียด คือธาต ลม และธาตุไฟ

    อาการป่วยของคุณ บุษบรรณ เกิดจาก ธาตุไฟกำเริบ (อ่านให้ละเอียดนะ)

    ธาตุไฟมี ๔ ตัว
    จะมีลักษณะ ๓ อย่าง มากเกิน(เรียกว่าธาตุกำเริบ) น้อยเกิน(เรียกว่าธาตุหย่อน) มากบ้างน้อยบ้าง เอาแน่ไม่ได้ไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น(เรียกว่าธาตุพิการ)

    ไฟธาตุตัวที่ ๑ ปริณามัคคี ไฟธาตตัวนี้เป็นไฟธาตุย่อยอาหาร เกี่ยวข้องกับตับ น้ำดี ฯลฯ
    หากมากเกิน จะทำให้ การย่อยอาหารเร็ว แสบท้อง เป็นมากจะเป็นโรคกระเพาะ เพราะกรดเกิน และเป็นโรคตับให้มือเท้าบวม ฯลฯ
    หากน้อยไป ทำให้อาหารไม่ย่อย จุกเสียด ท้องอืดเฟ้อ ฯลฯ
    หากพิการ (คือคุมไม่ได้ เดี๋ยวมากเดียวน้อย) จะเกิดโรคกรดไหลย้อน โรคตับอ่อน ให้มือเท้าบวมๆยุบๆ

    ๒ ไฟธาตูตัวที่ ๒ ชื่อ ปริทัยหัคคี ไฟธาตุตัวนี้ เกี่ยวพันกับการเดินของเลือดลม ก็คือหัวใจนั่นเอง
    หากมากไป(กำเริบ) หน้าจะแดง หัวใจเต็นเร็ว ความดันโลหิตสูง
    หากน้อยไป(หย่อน) ความดันจะต่ำ มือเท้าเย็น
    หากพิการ มือเท้าเย็น ชีพขจรอ่อนตัวเย็น แต่ภายในร้อนดุจเอาไฟเข้าไฟเผาอยู่ภายใน เหงื่อแตกเป็นเม็ดโตๆดุจเม็ดข้าวโพด

    ไฟธาตุตัวที่ ๓ ชื่อ ชิรณัคคี ไฟธาตตัวนี้จะเกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ
    เมื่อกำเริบ จะทำให้กำเดากำเริบด้วย ให้ปวดหัวปวดท้ายทอย ตึงไปที่ขมับ หลังหู เป็นไข้(ไข้กำเดา)
    วิ่งเข้าไปในลูกตาทำให้ตาแห้ง ปวดเคือง ประสาทตาลอก(มีอาการของสัณตัปปัคคีด้วย)
    เมื่อหย่อน ทำให้ตัวเย็น หนาวสะท้าน เป็นไข้ (โดยมากเกิดตอน เชื้อโรคโจมตีได้ที่และเกิดอาการโรคแล้ว)
    เมื่อพิการ ทำให้ร่างกายทรุดโทรม ชราภาพ เป็นโน่นเป็นนี่ไม่ขาดสาย หาเหตุแห่งโรคไม่ได้ ดังต้อง ลมเพลมพัด

    ไฟธาตตัวที่ ๔ ชื่อ สันตัปปัคคี เป็นไฟธาตุ ที่ให้ชีวิตของมนุษย์ ให้ความอบอุ่น แกร่างกาย เป็นไฟธาตุทีวิ่ง ในกายคู่กับลมสุมนา ในเส้นกลางกาย
    ถ้ากำเริบ มากไป จะร้อนรุ่มภายใน ขัดอกขัดใจ มีโทษะไรเหต ลิ้นจะแดง บวม เจ็บตามขอบลิ้น ถูกอะไรนิดๆหน่อยๆ ลิ้นจะเป็นแผล เจ็บมาก
    ถ้าหย่อน น้อยไป ลิ้นจะเป็นฝ้าขาว หนาวสั่นภายในลึกๆ กินอาหารไร้รสชาค
    หากพิการ จะรู้สึกไม่สบายไปทั่วตัว เจ็บไปหมด ไม่รู้อยู่ ให้ผุดลุกผุดนั่ง ดังต้องคุณไสย์ โบราณว่าถึงที่สุดไม่ต้องรักษา ตายแล

    การรักษาโรคพวกนี้แต่โบราณ ก็ใช้ยาปรับธาตุ
    ถ้ากำเริบ ก็ให้ยาเย็น เช่นยาเขียว
    ถ้าหย่อน ก็ให้ยาปรับไฟธาตุ ยาบำรุงไฟธาต
    ถ้าพิการ จะให้ยาไม่ร้อน ไม่เย็น(ยาอุ่น) เพื่อปรับธาตุ

    การรักษาเรื่องเกี่ยวกับธาตุไฟ หย่อน กำเริบ พิการนี้ ยังมีการรักษาอีกแบบ โดยการนวด ซึ่งจะเกิดผลระงับอาการหย่อนกำเริบพิการได้อย่างรวดเร็ว
    เมื่อนวดและกินยาปรับธาต เพียง๑-๓ วันก็หายแล้ว

    หากรักษากันแบบธรรมดานี่ รักษากันเป็นปีก็ไม่หาย อาการโรคก็แปรไปแปรมา จนท้ายสุดก็ไมรู้เป็นอะไรกันแน่
    มึนไปทั้ง คนป่วยและหมอ
     
  11. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ในกรณีของคุณ บุษบรรณ
    ไฟธาตุในตัว มีทั้งหยอน ทั้งกำเริบ

    ไฟธาต ปริณามัคคี หย่อนไปนิด ทำให้ท้องอืดเฟ้อ อยู่เนืองๆ (ยังไม่มากนัก-ไม่ปรากฏอาการเด่นชัด)
    จุดนวดรักษา อยู่บริเวณอกใกล้ลิ้นปี่

    ไฟธาตุ ปริทัยหัคคี ถือว่าปกติ
    จุดนวดรักษา อยู่บริวณกลงอกซ้ายขวา(ตรงกับบริเวณหัวใจ ซ้ายขวาของกระดูกอก)

    ไฟธาตุ ชิรนัคคี กำเริบนิดๆ แต่ก็ยังถือว่าปกติ
    จุดนวดรักษา อยู่บริเวณ หลังคอ ระหวางกระดูกคอข้อที่ ๗ และกระดูกอก ข้อที่ ๑

    ไฟธาตุ สัณตัปปัคคี กำเริบมากไปนิด ทำให้ขอบลิ้นเป็นแผล เจ็บที่ขอบลื้นลึกๆใกล้กรามซี่สุดท้าย ทำให้คิดว่า โดนฟันกัด
    จุดนวดรักษา อยู่ใต้กระดูกไหปลาร้า ต่อกับกระดูกอก

    พรุ่งนี้ ให้คุณบุญบรรณ โทรหาผม พร้อมหาน้ำกิน ๑ ขวดใหญ่
    จะนวดรักษาและทำยาให้
     
  12. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543


    คำตอบของอาการประสาทตาลอกก็อยู่ที่เรื่องของ ไฟธาต หยอน กำเริบ พิการ เช่นกัน

    หากตองการยา ติดต่อหลัง mic ตรับ
     
  13. ถวาย

    ถวาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +4,484
    ท่านอาจารย์เราฝึกบริกรรมคาถาธาตุดึงพลังในอากาศธาตุเข้ากาย ช่วยได้ไหมครับ สอบถามขอความรู้ ขอบคุณมากครับผม
     
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ขอ ก๊อปปี้ นำมารวมกันไว้ในที่นี้

    คำตอบ
    อ้อ ... ให้ออกกำลังกายด้วยนะ เพราะพิษพวกนี้จะทำให้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
     
  15. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    กายมนุษย์ ประกอบด้วยธาตุ ๔
    การดึงพลังธาตุ รอบตัว เข้าในกายจะทำให้ กายแข็งแกร่งขึ้น

    กายมนุษย์มีธาตุดินเป็นหลักและเป็นใหญ่ พวกจิตวิญญานมีธาตุลมเป็นใหญ่
    สองธาตุนี้เป็นปฏิปัก ซึ่งกันและกัน หากมีพลังเท่ากัน ก็กินกันไม่ลง

    ดังนั้นในการฝึก ครูบาอาจารย์ จะให้ฝึกเดินธาตุดินก่อน (ปัฐวีกสิณัง) เพื่อให้กายแข็งแกร่ง ไม่ให้จิตวิญญานต่างๆ เบียดเบียนเราได้ง่ายๆ

    จากนั้น ก็ให้เดินธาตุอื่นๆประกอบ ซึ่งในแต่ละคนจะเดินธาตที่ ๒-๓ นี้แตกต่างกัน โดยให้ธาตุนั้นมาเสริมธาตุดิน ให้ทรงอำนาจมากขึ้น(แล้วแต่งาน)

    แต่สุดท้าย ก็ต้องเดินธาตุให้ครบทั้งห้าตัว คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม และ อากาศธาตุ
     
  16. บุษบรรณ

    บุษบรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2,212
    ค่าพลัง:
    +8,603
    เพิ่มาเปิดเวปดูอาการเป็นแบบที่อาจารย์บอกจริงๆค่ะ ปวดหัวข้างขวาตึงปวดท้ายทอย ขอบลิ้นที่เจ็บก้อตำแหน่งเดียวกับที่อาจารย์บอกจริงๆค่ะ เดี๋ยวอีกสักครู่จะโทรหานะคะ
     
  17. บุษบรรณ

    บุษบรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2,212
    ค่าพลัง:
    +8,603
    อาจารย์คะปีที่แล้วที่ไปวัดโบสถ์วรดิษฐ์ ขากลับแวะวัดป่าโมก พบรูปปั้นยักษ์อยู่หลังโบสถ์ เข้าใจว่าท่านท้าวเวสสุวรรณ ไม่ทราบจะใช่สาเหตุมั้ยคะ
     
  18. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ถาม
    1. เราสวดมนต์ทุกวัน ทำไมยังมีอมนุษย์ มาเบียดเบียนได้อีก อย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องสวดมนต์สิคะ (คิดแบบโกรธๆ)


    ตอบ
    การทำบุญจะประกอบด้วย ทาน ศีล ภาวนา
    การสวดมนต์ เป็นหนึ่งในการทำบุญ (การนั่งสมาธิ สวดมนต์ = ภาวนา)
    การทำบุญย่อมเกิดบุญ แก่ตัวเราเอง และเราอาจอุทิศบุญให้ใครก็ได้ตามแต่เราปรารถนา

    การเบียดเบียน เป็นการกระทำที่ทำให้ผู้ถูกเบียดเบียนเดือดร้อน แต่ผู้กระทำสมความปรารถนา
    เช่น นกอินทรีย์ล่ากระต่าย เป็นอาหาร กระต่าย ยอมถูกเบียดเบียน หากเราไปช่วยกระตายให้พ้นภัย แต่นกไม่ได้อาหารกิน ย่อมอดหยาก
    เราผู้ช่วยกระต่าย ย่อมถูกนกอินทรีย์ กล่าวหาว่า ไปเบียดเบียนเขา ทำให้เขาไม่มีอาหารกิน ต้องอดหยาก และอาจทำให้ลูกนกตัวเล็กๆต้องอดตายได้

    พระพุทธองค์สอนพวกเราว่า สภาพธรรมทั้งหลาย ย่อมเป็นเช่นนั้นเอง
    และสอนเรา ไม่ให้จองเวร ไม่ให้ผูกเวร ไม่ให้อาฆาต ไม่ตั้งอยูในความพยาบาทจองเวร ฯ(ดูในบทแผ่เมตตา)
    และสุดท้าย สอนเราให้ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ดูแลตนให้พ้นทุกภัยทั้งหลาย

    ความคิดของคุณที่ว่า "อย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องสวดมนต์สิคะ (คิดแบบโกรธๆ)"
    นี่เป็นความคิดที่ตั้งอยู่บนความประมาทโดยแท้
    เบียดเบียนตนเอง(ก็เราสวดมนต์ให้เกิดบุญแก่ตัวเองนี่-ไม่สวด ตัวเองก็อดนิ)
    และเบียดเบียนผู้อื่น ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย (ก็เราอุทิศบุญครอบคลุมไปหมด-ไม่สวดมนต์แล้วจะเอาบุญที่ใหนไปอุทิศ)

    การกล่าวโทษผู้อื่น มักดูกันเฉพาะหน้า ไม่ได้ระลึกถึงเหตุในอดีต
    ในกรณีของคุณ เห็นโทษที่ถูกเบียดเบียนในปัจจุบัน ทำให้ป่วยแบบแปลกประหลาด
    เราก็กล่าวโทษว่า ถูก อมนุษย์เบียดเบียน
    แต่ในตอนที่เราไปเบียดเบียนเขา ในอดีต เรากลับนึกไม่ได้

    ในกรณีนี้ หากเราเจอ ผู้เบียดเบียน เป็นสัมมาทิฐิ เขาก็ลงโทษจากเบาๆไปหาหนัก เพื่อให้สำนึกตน และขอขมากรรมต่อเขา
    หากไม่รู้สำนึก หรือลืมเลือน การลงโทษ ก็จะดำเนินไปเรื่อยๆ

    หากมีบุญดีเปิดทาง(นี่คือสิ่งที่หมอสุวิ ยุให้พวกท่านๆทั้งหลาย บ้าทำบุญกัน)
    บุญก็จะเปิดทางสามารถหาคนแก้ไข รักษาให้ได้ง่ายๆ(แต่ยังต้องขมากรรม)

    กรณีของคุณบุษบรรณ ปากและใจเร็วไปหน่อย ไปปรามาส มหาเทพเข้า
    นี่หากปรามาสอริยะสวฆ์เข้าละก็ ต้องธรณีสารแน่นอน(ซึ่งจะแก้ยากกว่า)
    หมอได้เจรจาต่อรองไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
    เพียงคุณ จัดชุดเครืองขมากรรม จุดธูปเทียน กลางแจ้ง ผลไม้สัก ๒-๓ลูก น้ำสักแก้วหนึ่ง
    กล่าวขอขมากรรม และตรวจน้ำอุทิศบุญให้ท่าน
    เรื่องก็จบ
    ความจริงเรื่องนี้ ผมตอบคุณเงียบๆใน PM ก็ได้
    แต่ท่านต้องการให้ประกาศความผิดของคุณให้โจ่งแจ้ง (ก็คุณบ่นๆพูดๆในที่สาธารณะนี่)
    และให้ทำการขอขมากรรม โรคคุณจึงจะหายขาด

    อาการโรคของคุณ เป็นโรคที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์มุขโรค(โรคอันเกิดในปากและคอ)ในหัวข้อที่ ๕ ชื่อ ยาโตมังสะ
    (ถามอากู๋เกิล ในรายละเอียด)
    โรคนี้เมื่ออาการดำเนินไปจนปรากฏโรค
    จะเกิดเป็นเนื้องอกแข็งๆ ขึ้นที่ข้างลิ้นทั้งสองข้าง ดุจงาช้าง เจ็บมาก อย่าว่าแต่กินอาหารเลย แค่ขยับลิ้นพูดก็น้ำตาไหลแล้ว
    และอาการก็ยังดำเนินต่อไปอีก ฯ(ไม่ขอบรรยายนะ)

    และโรคที่อยู่ในคัมภีร์นี้ เกือบทุกอาการทุกหัวข้อ มันก็คือมะเร็งในช่องปากนั่นเอง

    ถาม
    2. ในอนาคตการป้องกันธาตุไฟกำเริบ ควรทำอย่างไรคะหรืิอควรปฎิบัติอย่างไรให้ร่างกายรักษาสมดุลได้


    ตอบ
    ปกติร่างกานมนุษย์ จะจัดการบาลาซ์น สมดุลย์ของธาตุสี่ ในตัวอัตโนมัติอยู่แล้ว
    รวมทั้งไฟธาตุทั้งสี่ด้วย
    อาหารการกิน ความชอบไมชอบในรสอาหาร ความเป็นอยู่ สภาพภููมิอากาศประจำถิ่น ฤดูกาล ทุกอย่างล้วนเกี่ยวพันกันกับ สมดุลย์ของธาตในตัวเรา ทั้งสิ้น
    คำตอบข้อนี้คงยากที่จะตอบให้กระชับแบบฟันธงได้

    พลังจากบุญและการอธิษฐาน การออกกำลังกาย ทานอาหารให้เหมาะแก่ฤดูกาลและโภชนาการ คือคำตอบของคำถามนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2013
  19. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543


    ไม่น่าใช่ที่วัดทั้งสองนี้
    .
    .
     
  20. บุษบรรณ

    บุษบรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2,212
    ค่าพลัง:
    +8,603
    นับว่าเป็นความโง่เขลาของตัวเองโดยแท้จริงค่ะ ที่คิดเร็วไปหน่อย
    อยากรบกวนถามเรื่องเครื่องขอขมากรรมว่าต้องมีอะไรบ้าง และมหาเทพองค์ไหนที่ดิฉันได้เผลอปรามาสท่านคะจะได้ขอขมาให้ถูกต้อง ขอบพระคุณค่ะอาจารย์ที่เมตตา
     

แชร์หน้านี้

Loading...