ดูจิตให้ดูความพอดีเพื่อปรารภความเพียรละกิเลส (มัฌชิมาปฏิปทา)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 22 กรกฎาคม 2013.

  1. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    newamazing ก็ไม่เคยช่วยตัวเองได้

    ต้องให้หมาแมว ให้ทาน ให้พระพุทธองค์ช่วย เหมือนกัน

    จริงๆ กระทู้นี้ newamazing ควรจะไปเช็คมากกว่านะ ว่าผู้ที่แย้งคำสอนของพระพุทธองค์ คือใคร

    หรือปล่อยให้อะไรสักอย่างมันครอบงำ จนลืมตัวไปว่าตนเองนั้น สนับสนุนแต่ธรรมะจากพระพุทธองค์ และไม่ยอมรับสิ่งที่ถูกบิดเบือนมา?
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เฮ้อ!!!....คนที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย พอๆกับอินทรบุตรเลย

    พูดเองเออเองขัดกันเองโดยไม่รู้ตัว

    ที่พูดไว้ก่อนหน้า "เนื่องจาก มิได้เจริญสัมมาสติมาก่อนการทำสมาธิ"

    พอ"ธรรมภูต"เอาพระสูตรมายัน พลิกลิ้นกลับคำทันที่ว่า
    "เมื่อนั้น สติอยู่เป็นสุข และ สติบริสุทธิ์จึงจะเกิด อันเป็นส่วนของผล"

    ดูมันทำ เถียงพระพุทธพจน์คอเป็นเอ็น พระพุทพจน์ทรงตรัสว่า
    "สัมมาสมาธิฌาน๔นั้น มีองค์ประกอบ(เหตุ)ดังนี้
    เธอบรรลุจตุตถฌาน(ผล) ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัส
    โทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่"
    ^
    ^
    ชัดเจนว่า"เธอบรรลุจตุตถฌาน" หมายถึง"ผล"ที่ได้บรรลุ
    มันก็กล้าเถียงว่า การ"มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่"เป็น"ผล"
    ทั้งที่ องค์ประกอบอันเป็นเหตุแห่ง"ฌาน๔"มีดังนี้

    คนมันโง่จำพวกที่๔(โง่ไม่ยอมรับว่าโง่) ที่ดื้อสุดๆ
    ยังแยกไม่ออกระหว่าง "สัญญา" กับ"สัมมาสติ" แต่เอา"ถิรสัญญา"มาเป็น"สติ"
    บอกตรงๆ "เอื้อมระอาจริงๆ" พระพุทธพจน์ชัดๆโดยไม่ต้องตีความ มันยังแถไปว่า
    ไม่รู้จัก"มรรค" ไม่รู้จัก"ผล" ขนาด"มรรค"มันยังโง่โม้ว่า"ทำมรรคให้แจ้ง"
    "มรรค"เป็นเพียงเหตุให้เกิด "ผล" คือแจ้งในวิชชาความรู้

    แปลกนะ"เตือน" ด้วยหวังไว้ว่าจะหาย"โง่" มันก็พยายาม"โชว์โง่"ไม่เลิก เฮ้อ!!!อายแทนจริงๆนะ

    เจริญในธรรมอันสมควรแก่ธรรมทุกๆท่าน
     
  3. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    คุยก็สนทนาด้วยพุทธวจนหรือหลักฐานซิ หมดมุกที่ไรเอาหลวงตาหลวงน้ามาอ้าง ท่านกำลังทำร้ายหลวงตาหลวงน้าอยู่โดยไม่รู้ตัวเลยพวกศิษย์ไม่เอาไหนนี่เอง
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เฮ้อ!!!...
    "กายในกายเป็นภายใน" ยังไปรู้จัก ไพล่ไป"โม้โชว์โง่"
    ในส่วนของ "จิตละเอียด" "จิตในจิต" "เวทนาในเวทนา"

    รู้จักดีแล้วหรือ "กายในกาย"เป็นอย่างไร่เล่า?
    พระพุทธพจน์ชัดๆ อ่านพระพุทธพจน์แล้ว
    หัดย้อนมาดูตัวเองบ้างว่ายัง"โง่"อยู่หรือเปล่า?
    ไม่ใช่อยากโม้อะไรก็โม้ไป เพราะอยากโชว์เพียงแค่นั้นเอง

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เฮ้อ!!!...

    นิสัยที่ฝังแน่นจนเป็นกลมสันดานนี้แก้อยากจริงๆ

    ก็บอกแล้วว่า "ต้องยกพ่อแม่ครูบาอาจารย์"ท่านไว้ อย่าเอามาแอบอ้าง

    ยังไม่เคยชี้ถูก ชี้ผิดในเรื่องที่เกี่ยวกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ (ยกเว้นพวกทุศีลปลิ้นปล่อน)

    ที่ถกกันนั้นพระสูตรล้วนๆ ที่เป็นพระพุทธพจน์

    แต่พอ"หมดมุข" เหมือนใครบางคนที่ทุศีลชอบทำเป็นประจำ

    อย่าทำให้"พ่อแม่ครูบาอาจารย์"ต้องบอบช้ำและหมองลงไปเลย

    การยอมรับความจริงนั้น ไม่ได้หมายความว่า เรา"พ่ายแพ้"แต่อย่างไรเลย

    กลับเป็นการแสดงออกของคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองเท่านั้น

    มุขชอบแอบอ้างพ่อแม่ครูบาอาจารย์ฝ่ายปฏิบัติดีปฏิบัตชอบมาบังหน้า

    แต่ความจริงแล้ว ยังหลงไหลศรัทธาอยู่กับ "นักบวชทุศีล" คนนั้นอยู่

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  6. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เอ้า ก็ผมยกมาแล้ว ให้ดูแล้ว ทำไมไม่อ่านหละ?
     
  7. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ก็อ่านผมไม่ได้กล่าวว่าท่านใดผิดท่านใดถูก ถูกผิดก็ว่ากันไป เราสนทนากันมันอาจจะทั้งถูกทั้งผิดดวยกันทั้งนั้น ผมกล่าวว่าท่านชอบเอาหลวงปู่หลวงน้าเป็นตัวตัดสินท่านเลิกเถอะแบบนี้ ผมสนทนามาผมไม่เคยเลยไม่เคยยกจริงๆทั้งๆผมกนับถือท่านทั้งนั้นทุกองค์เสมอกันในความเป็นสรณ ไม่มีความเป็นพิเศษ
     
  8. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เอาหละ ปล่อยธรรมภูตให้จินตนาการมั่ว เอาความหยาบช้ามาปนเปื้อนพระไตรปิฎก มาพักใหญ่ๆ แล้ว คิดว่า คงได้เวลาชี้แจงความจริงแล้ว

    เรื่องพระสารีบุตรนับเม็ดฝนนั้น ได้มีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ในข้อความชัดเจน ดังนี้

    ได้ยินว่าคนอื่นยกพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสีย ชื่อว่าสามารถเพื่อจะทันปัญญาของพระสารีบุตรเถระหามิได้.

    นัยว่า เหตุนั้นแล พระเถระจึงยืนตรงพระพักตร์ พระศาสดา บันลือสีหนาทว่า
    "พระเจ้าข้า เมื่อฝนตกแม้ตลอดกัลป์ทั้งสิ้น ข้าพระองค์ก็สามารถเพื่อจะนับ แล้วยกขึ้นซึ่งคะแนนว่า หยาดน้ำทั้งหลายตกในมหาสมุทรเท่านี้หยาด, ตกบนแผ่นดินเท่านี้หยาด, บนภูเขาเท่านี้หยาด"

    แม้พระศาสดาก็ตรัสกะท่านว่า "สารีบุตร เราก็ทราบความที่เธอสามารถจะนับได้.
    "ชื่อว่าข้ออุปมาเปรียบด้วยปัญญาของท่านนั้น ย่อมไม่มี."


    เหตุนั้นแล ท่านจึงกราบทูลว่า :-
    "ทรายในแม่น้ำคงคา พึงสิ้นไป น้ำในห้วงน้ำใหญ่ พึงสิ้นไป ดินในแผ่นดิน พึงสิ้นไป การแก้ปัญหาด้วยความรู้ของข้าพระองค์ ย่อมไม่สิ้นไปด้วยคะแนน."

    อ้างอิง : พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓

    และหลวงตามหาบัว ได้เทศนาเอาไว้อย่างชัดเจน มีใจความดังนี้
    "ความสามารถดังพระสารีบุตรที่มีในตำราว่า ฝนตกทั้งเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่มีเวลาหยุดยั้งเลยนั้น พระสารีบุตรสามารถจะนับเม็ดฝนได้ทุกเม็ดโดยไม่ให้ขาด หรือผ่านพ้นความรู้ของท่านไปได้แม้แต่เม็ดเดียว"

    อ้างอิง : Luangta.Com - ��ǧ����Һ�� �ҳ����ѹ��

    ธรรมภูต เอาความหยาบช้าส่วนตัว มาบิดเบือนแก้ไขพระไตรปิฎก
    โดยมีเหตุ เกิดจากความชั่วช้า 3 อย่าง

    อย่างแรก คือ ความไม่แตกฉานในการปฏิบัติธรรม การไม่เคยเข้าถึงสภาวะแห่งการรู้เฉยๆ มัวแต่คิดจินตนาการเอาเอง จึงไปปรามาสเอาว่า "เพราะเราทำเองไม่ได้ พระอรหันต์ท่านจึงทำไม่ได้เช่นกัน"

    อย่างที่สอง คือ ความไม่แตกฉานในภาษาไทย ไม่สามารถอ่านความที่แท้จริงได้ ในประโยคว่า "นับแล้วยกขึ้นซึ่งคะแนน" ธรรมภูต ไม่มีความรู้ จึงแปลไม่ออก

    อย่างที่สาม คือ ธรรมภูต รับความจริงไม่ได้ ว่าตนเองผิด แย้งพระอรหันต์

    เมื่อความชั่วทั้ง 3 อย่างมาประกอบกัน เลยเกิดการบิดเบือนพระไตรปิฎก เพื่อให้ตนเองถูก

    บิดเบือนอย่างไร?

    ก็ในประโยคที่ว่า "นับแล้วยกขึ้นซึ่งคะแนน"
    คือการที่ธรรมภูต กล่าวตู่พระไตรปิฎก ว่า พระไตรปิฎกบันทึกไว้ผิด คำว่า คะแนน แท้จริงแล้วคือ คำว่า คะเน

    อ้างอิง
    เชิญช่วยกันระดมความคิดเห็นเรื่อง"จิต" เพื่อสัจธรรมความจริง - หน้า 15 - PaLungJit.org

    ตอนธรรมภูตแสดงความชั่วช้านี้ ธรรมภูต ยังใช้การคิดเดาเอาด้วยสมอง(ที่ยังตีความภาษาไทยไม่แตกฉาน) คิดเดาเอาว่า มันต้องเป็นเช่นนั้น แล้วก็บิดเบือนพระไตรปิฎกเอาเสียดื้อๆ เลย

    จากนั้นจึงยกเรื่องนั้นขึ้นมาเป็นฐาน เพื่อบอกว่าผมยกคำพูดครูบาอาจารย์แบบผิดๆ มา เพื่อแย้งธรรมภูต

    ที่แท้จริงคืออะไรกันแน่?

    คะแนน คือ แต้มที่เป็นผลแห่งการนับ ในลักษะของการนับแบบไม่คลาดเคลื่อน นับอย่างถูกต้อง จึงจะเรียกว่าคะแนนได้ หากเป็นการคาดคะเนเอา จะไม่สามารถใช้คำว่า "คะแนน" ได้ (พจนานุกรมพุทธศาสน์ และ พจนานุกรมภาษาไทย)

    ประโยคที่บอกว่า "ข้าพระองค์ก็สามารถเพื่อจะนับ แล้วยกขึ้นซึ่งคะแนน"
    คือ การที่พระไตรปิฎก กล่าวไว้ชัดเจน ว่า พระสารีบุตร สามารถนับเม็ดฝนทั้งสิ้น แล้ว ยกขึ้นมากล่าวว่า ผลที่ได้จากการนับ คือ แต้ม หรือ คะแนน หรือ จำนวนที่ถูกต้อง ของเม็ดฝน คือจำนวนเท่าไร

    ที่ปล่อยให้ธรรมภูตหลงมานาน ไม่ได้แก้ความให้ ก็อยากจะเห็นว่า ธรรมภูต นั้นมีความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จริงขนาดไหน เมื่อเวลาผ่านไป จะมีความสำนึกได้หรือไม่

    ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่า ธรรมภูต ไม่ได้มีความเคารพในพระรัตนตรัย
    สิ่งที่เมื่อก่อนตนเองเคยกล่าวไว้แบบไม่มั่นใจว่า "น่าจะ" ภายหลังกลับมั่นใจกลายเป็น "ความจริงแท้" ที่ผู้อื่น แม้แต่พระอรหันต์ก็กล่าวแย้งกับธรรมภูตไม่ได้

    กิเลสมันบังตาไปหมดแล้ว จนพร้อมที่จะย่ำยี หยิบยกเอามาเป็นเครื่องมือสำหรับการสนองกิเลสตนเอง

    และเมื่อธรรมภูต เอาพระรัตนตรัย มากระทำการเช่นนี้ ธรรมภูต ก็จักกลายเป็น นิยตบุคคล ผู้มีปลายทางที่ไปแน่นอนแล้ว
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เฮ้อ...คนมันชั่วช้า มันก็ชั่วช้าวันยังค่ำ

    พระสูตรชัดๆขนาดนั้น มันยังจะเถียงอีก

    แปลมาได้"คะแนน" ว่า"แต้ม" เป็นเล่นไพ่ไปได้

    ซึ่งเป็นคำใหม่ ไม่มีใช้ที่ไหนในพระสูตร

    อยากจะเอาชนะจริง ก็หาอะไรที่มีเหตุผลกว่านี้หน่อย

    อย่าเอาสันดานชั่วช้าแบบที่ทำๆมาใช้เลย "เวรกรรมมีจริง"

    ยกมาทั้งที มีการตัดตอนก็ทำไปได้ "นับแล้วยกขึ้นซึ่งคะแนน(แต้ม)ว่า"

    เต็มประโยคต้องแบบนี้

    "ข้าพระองค์ก็สามารถเพื่อจะนับ แล้วยกขึ้นซึ่งคะเนว่า"

    อย่า"โชว์โง่" อีกเลย อายคนอ่านหนะ

    จำไว้นะอย่าทำ พลาดแล้วอย่าตามแก้ ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง

    เจริญในรรมทุกๆท่าน
     
  10. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ก็ในพระไตรปิฎก เขาบันทึกไว้เช่นนั้น
    ธรรมภูตจะบอกว่า มันไม่ใช่ พระไตรปิฎก มันต้องเขียนแบบที่ธรรมภูตบอก อย่างนั้นหรือ?

    หลวงตามหาบัวก็ยืนยัน แปลความตามเช่นนั้น
    "ความสามารถดังพระสารีบุตรที่มีในตำราว่า ฝนตกทั้งเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่มีเวลาหยุดยั้งเลยนั้น พระสารีบุตรสามารถจะนับเม็ดฝนได้ทุกเม็ดโดยไม่ให้ขาด หรือผ่านพ้นความรู้ของท่านไปได้แม้แต่เม็ดเดียว"

    ธรรมภูต กำลังกล่าวว่า หลวงตามหาบัว โชว์โง่ อย่างนั้นหรือ?
     
  11. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    เอาอีกแล้วหลวงตามาอีกแล้ว เขาว่าคุณต่างหาก
     
  12. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เออ มนุษย์เรา มันก็แปลกดีนะ มันเห็นกันชัดๆ ทนโท่ มันก็ปิดตาข้างนึงเสียแบบนั้น

    ก็ผมพูดแบบเดียวกับหลวงตาพูด แล้วจะบอกว่า ผมโชว์โง่ แต่ไม่พูดถึงหลวงตา มันยังไงๆ อยู่นะ?

    แล้วถ้าเอาแค่พระธรรม พระไตรปิฎกเขียนแบบนึง ธรรมภูตดันไปบอกว่าพระไตรปิฎกผิด ต้องเขียนแบบธรรมภูตว่า อันนี้เขาเรียกว่าอะไรดีหละ newamazing?

    แล้ว newamazing สนับสนุนพุทธวจน ไม่ใช่หรือ newamazing จะมองผู้ที่บิดเบือนพุทธวจน เฉยๆ เช่นนี้หรือ?
     
  13. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    คุณยกหลวงปู่หลวงตาออกได้ป่าวท่านมาเกี่ยวอะไร ให้ยกคำพระพุทธเจ้าโน้นแล้วตีความหมายกันเอา นี้เล่นยกหลวงปู่มาท่านเกี่ยวอะไรกับความเห้นนี้ ยังไม่เข้าใจอีก ถ้าเกิดความคิดคุณผิดหลวงปู่หลวงตาไม่ผิดไปด้วยเหรอผิดก็ให้ผิดที่คุณ ลูกศิษย์อะไรวะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  14. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    กลัวอะไรกับคำพูดหลวงตาหละครับ?
    ทำไมทำเหมือนพระอรหันตสาวกไม่มีตัวตน มีแค่พระพุทธองค์ กับ ตนเองที่ฟังคำจากพระพุทธองค์ พระรัตนตรัย นี่มีแค่สองอย่างเหรอครับ?

    อีกอย่างหนึ่ง ในเมื่อตนเองยังเป็นปุถุชนอยู่ ยังจะไปอาจหาญว่าตัวเองตีความหมายในพระไตรปิฎก ได้เก่งกาจกว่าพระอรหันต์เชียวหรือ?
    จะบอกว่า ให้ข้ามหน้าหลวงตามหาบัวไปเลย ไม่ต้องไปสนว่าท่านพูดอะไร คำพูดของท่านไม่มีน้ำหนัก ให้เอาปุถุชน เอาธรรมภูต มันไปไปตีความพระไตรปิฎกเอาเลย
    ถ้าธรรมภูตบอกว่าอย่างไง เชื่อธรรมภูตได้เลย ไม่ต้องเชื่อพระไตรปิฎก ไม่ต้องเชื่อพระอรหันตสาวก

    ความคิดพันกันมั่วขนาดนี้ ยังเป็นพุทธกันอยู่หรือเปล่า?
     
  15. ss_solomon

    ss_solomon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +54
    พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
    คะแนน ความหมาย เครื่องหมายในการนับ, หน่วยที่ใช้กําหนดค่าในการสอบหรือแข่งขันเป็นต้น.


    พจนานุกรม ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร
    คะแนน คำแปล สิ่งที่เป็นเครื่องหมายของการนับ.

    พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
    คะเน ความหมาย ก. กะ, คํานวณเอาอย่างหยาบ ๆ, เช่น คะเนให้พอดี.

    พจนานุกรม ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร
    คะเน คำแปล ก. กะ, กำหนด, คาด, หมาย, ประมาณ.

    พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
    หยาด ความหมาย ก. หยดลง. น. เม็ดฝนหรือนํ้าค้างเป็นต้นที่ไหลยืดหยดลง เช่น หยาดฝน หยาดน้ำค้าง หยาดเหงื่อ.
     
  16. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    เวลาคุณจะเสนอคำครูอาจารย์อะไรก็นำเสนอได้ในมุมมองของครูผู้ศึกษามาก่อนหน้าเรา เป้นตัวอย่างในการปฎิบัติ ไม่ใช่ไปยัดเยียดว่าเก่งกว่าครูอาจารย์ที่ท่านยกไป มันดูท่านโง่ๆยังไงก็ไม่รู้ในการสนทนาแต่ละครั้ง และถ้าการสนทนาท่านเป็นคนเข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อนจะเป็นอย่างไรกับครูอาจารย์ที่ท่านยกมา โดยเฉพาะเรื่องนับเม็ดฝนนับเส้นผมอะไร นี่มันหาข้อสรุปได้ป่าวล่ะ มันคิดกันคนละแบบ แต่คุณยกครูอาจารย์มาว่าถ้าไม่เชื่อตามนี้ คู่สยทนาเก่งกว่าสิ่งที่ท่านยกมาเหรอ มันดูแคบไปหน่อยมั้ย และคุณก็เป็นอย่างนี้เสมอ เมื่อสนทนาในหัวข้ออะไรคุณหมดมุกมีคนว่าคุณคุณก็จะไปยกตัวอย่างครูอาจารย์ที่กล่าวคล้ายหรือเหมือนคุณมา คุณก็จะบอกว่าคู่สนทนาด่าว่าสิ่งที่คุณยกมา ม้นดูทุเรียนมากรู้ป่าว
     
  17. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    newamazing ฟังภาษามนุษย์รู้เรื่องไหมครับ?

    "ความสามารถดังพระสารีบุตรที่มีในตำราว่า ฝนตกทั้งเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่มีเวลาหยุดยั้งเลยนั้น พระสารีบุตรสามารถจะนับเม็ดฝนได้ทุกเม็ดโดยไม่ให้ขาด หรือผ่านพ้นความรู้ของท่านไปได้แม้แต่เม็ดเดียว"

    ข้อความนี้ มีอะไรให้คลาดเคลื่อนได้อีกไหมครับ? หลวงตามหาบัวสรุปได้ชัดเจนไหมครับ?

    อุปาทานในหัวเยอะมากเลยนะครับ พระอรหันต์ท่าน เห็นอย่างไร รู้อย่างไร ก็พูดไปอย่างนั้น

    มีแต่ไอ้พวกกิเลสเยอะนั่นแหละ ต้องมีเงื่อนไขสารพัด แบบนั้นแบบนี้ บิดเบือนสัจธรรมไปหมด เพื่อสนองกิเลสตนเองอะไรสักอย่าง

    จะแถอะไร ก็แถได้สารพัดหละครับคุณ แต่เรื่องที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง คือ สัจธรรม

    ถ้าบอกว่าพระอรหันต์ไม่ถูก ก็แปลว่า คุณรู้ดีกว่าพระอรหันต์ คุณจะใช้คำพูดให้มันฟังซับซ้อน บิดพลิ้วเปลี่ยนประเด็นยังไงก็ได้ แต่สัจธรรม ก็คือ พระอรหันต์เห็นอย่างนึง คุณเห็นอีกอย่างนึง

    คุณจะใช้เทคนิคโจมตีตัวบุคคล สาดโคลนใส่ผมแทน ว่าผมชั่วช้า ยังไง มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงความจริงข้อที่ว่า

    คุณเห็นผิดจากสิ่งที่พระอรหันต์เห็น

    ถ้าคำพูดพระอรหันต์ คำพูดครูบาอาจารย์ ยกมาอ้างอิงไม่ได้ เป็นที่พึ่งพิงไม่ได้ พระสงฆ์ก็ไม่สามารถเป็นสรณะได้ แบบนี้คุณกำลังจะทำลายพุทธศาสนา จากภายในหรือเปล่าครับ?

    พุทธศาสนา จะเสื่อมก็เพราะภายใน เพราะพวกนับถือแบบจอมปลอม บิดเบือน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มั่วไปหมด แบบนี้แหละครับ
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ต้องขอบใจมากที่ยก ทำให้ง่ายขึ้น

    คะแนน เครื่องหมายในการนับ แน่นอน ไม่ต้องทำเครื่องหมายในพระสูตร

    คะเน ในที่ขอใช้คำว่ากำหนด ชัดเจนที่สุด

    พระสูตรว่า "พระเจ้าข้า เมื่อฝนตกแม้ตลอดกัลป์ทั้งสิ้น
    ข้าพระองค์ก็สามารถเพื่อจะนับ แล้วยกขึ้นซึ่งคะแนนว่า
    หยาดน้ำทั้งหลายตกในมหาสมุทรเท่านี้หยาด,
    ตกบนแผ่นดินเท่านี้หยาด, บนภูเขาเท่านี้หยาด"

    น้ำฝนตลอดกัลป์ เอาเป็นว่ากี่ปีดีหละ มีหลายความคิดเห็น
    เอาเป็นว่า หลายปีมากๆๆๆขนาดนับไม่ถูก

    พระสูตรกล่าวถึง"หยาดน้ำ" ไม่ได้บอกว่า"เม็ดฝน"
    "หยาดน้ำ" หยดน้ำที่มารวมกันไหลไป

    ว่ายังไงอีก "หลายน้ำทั้งหลาย" เท่านี้หยาด เท่านั้นหยาด ชัดเจนนะ

    ปล. การจะเป็นหางเครื่องให้ใคร ควรพิจารณาด้วยความรอบคอบ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  19. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ความจริงก็คือความจริง คุณจะถกเถียงกับใครก็หาเหตุผลมาคุยกัน ไม่ใช่ว่าพอไม่ตรงกับสิ่งที่คุณยกมา เขาว่าคุณบ้า ก็หมายความว่าคุณเห็นไม่ตรงกับเขา แน่นอนคุณอาจถูกหรือเขาอาจจะถูก มันเป้นเพียงการถกเถียงระหว่างคุณกับเขา คุณก็ไปหาคำครูอาจารย์ท่านใดมาแล้วก้บอกว่า นี่คุณกำลังด่าหลวงปู่หลวงน้าผมอยู่นะ คุณเพลี้ยนไปแล้วมันจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เฮ้อ!!!....
    ที่"โชว์โง่" หนะ ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่า"ใคร"ที่กำลัง"โชว์โง่"
    แต่อย่ามาลากเอา"พ่อแม่ครูบาอาจารย์"ให้เสียหายไปด้วยสิ
    แบบนี้"นรก"ชัดๆ โดยไม่ต้องตีความใดๆเลย

    พวกชอบลากเอา"พ่อแม่ครูบาอาจารย์"มาบังหน้า
    ก็มีแต่พวก"ทุศีล" ที่ขาดความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น

    "ท่านพระอาจารย์หลวงตา"พูดถึงเม็ดฝนตกตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน"ใช่หรือไม่?
    พระสูตรว่าไงหนะ "เมื่อฝนตกแม้ตลอดกัลป์ทั้งสิ้น"


    แล้วกัปป์ กลัป์ หนึ่งนี้อะนะ บางที่อธิบายไว้จนไม่รู้จริงๆว่ากี่ปี มันคนละเรื่องกันเลย
    จำเอาไว้นะ เท่าที่ทำมายังคิดว่า "ชั่วช้า"ไม่พอ อย่างที่"อินทรบุตร"ชอบกล่าวหา
    ก็เอาเลย "โชว์โง่" ต่อไป แต่อย่าพยายามลากเอา"พ่อแม่ครูบาอาจารย์"มาให้เสียหายไปด้วย
    เพราะความเขลาเบาปัญญาแท้ๆ
    เพียงเพื่อต้องการเอาชนะให้ได้ โดยไม่นำพาว่าความเสียหายจะลุกลามไปถึงไหน

    พระสูตรชัดเจนเอามากๆ "หยาดน้ำ" หยดน้ำที่มารวมกันแล้วไหล
    "หยาดน้ำทั้งหลายตกในมหาสมุทรเท่านี้หยาด,
    ตกบนแผ่นดินเท่านี้หยาด, บนภูเขาเท่านี้หยาด"

    เพื่อจะได้หาย"โง่"ได้บ้าง "ธรรมภูต" ยอมเสียเวลา เพื่อการกุศลในครั้งนี้
    เปรียบ"เม็ดฝน"เหมื่อน
    "เหรียญที่อยู่ในหีบรูปทรงต่างๆทั้งหลายในท้องพระคลัง แล้วยกขึ้นกำหนด(คะเน)"
    การยกขึ้นมากำหนด เพื่อโน้มน้อมจิตไปกำหนดรู้ปริมาณของสิ่งเหล่านั้น เป็นฐานะที่จะเป็นไปได้

    แต่การแอบอ้างเอาพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาบังหน้านั้น ไม่ใช่ฐานะที่จะรอดจาก"กรรมชั่ว"ได้
    หาย"โง่"ไวๆนะ สู้อุตส่าห์หวังดี ให้พิจารณาตนเอง กลับ"โชว์กล้าม"เสียใหญ่โต

    เจริญในธรรมทุกๆท่่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...