ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

โดยสรุป ตัวผมมีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิห้อง เลยมีความรู้สึกเย็นแทนที่จะร้อน ซึ่งบ่งบอกว่าตัวผมมาทางธาตุไฟ

ขอคำชี้แนะหน่อยครับว่าควรจะเน้นฝึกต่ออย่างไรดีครับจึงจะเหมาะสม

ขอบพระคุณมากครับ

 

จริงๆแล้วการฝึกธาตุกัมมัฏฐานนั้นจะตั้งใดก็ได้ขึ้นมาเป็นธาตุในการพิจารณา ไม่ว่าจะธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ขึ้นอยู่กับจริตของตัวผู้ฝึก แต่ที่สำัคัญก็คือต้องเดินธาตุให้สมดุลย์

ปกติการเดินธาตุนั้นถ้าเป็นอนุโลมหรือการเกิด(ปฏิสนธิ)จะตั้งไว้ที่ธาตุดิน แล้วเติมน้ำ ต่อมาหุงด้วยไฟ แล้วตามด้วยลม ชิวิตจึงเกิด...ก็จะเดินธาตุดิน-น้ำ-ไฟ-ลม

ในทางกลับกันก็คือปฏิโลมหรือการจุติ (ตาย) ก็คือเอาลมออก ไฟก็ดับ น้ำก็เน่า ดินก็สลาย....ก็จะเดินธาตุลม -ไฟ-น้ำ-ดิน

ทั้งอนุโลมและปฏิโลมต้องฝึกคู่กันไปให้ชำนาญ เมื่อชำนาญชัดแจ้งเป็นอนุศัยแล้ว ก็นำธาตุขึ้นสู่วิถี การเดินธาตุก็จะเป็น ไฟ-ดิน-ลม-น้ำ หรือจะเรียกว่าการสมาสัปต์ธาตุ...

วิถีธาตุที่สมาสัปต์จะเป็นทิศทางการเดินของจักรวาลหรือจักรราศี...ซึ่งก็เกี่ยวเนื่องกับวิชาโหราศาสตร์และ ฤกษ์ ยาม แสง กำลังดาว เกี่ยวเนื่องสืบต่อกันไปค่ะ...ค่อนข้างจะยากหน่อยค่ะ

 

จำเป็นครับ คนโบราณที่ท่านให้เอาปรอทแช่เหล้าขาว หรือบางครั้งได้ยินว่าน้ำมะนาวนั้น เนื่องจาก
๑ เป็นการทำความสะอาดปรอทก่อนนำไปดูดพิษที่บาดแผล
๒ ฤทธิ์ของเหล้าขาวหรือมะนาวทำให้พิษจากบาดแผลทุเลาลงด้วยเพราะพิษเป็นด่างเมื่อเจอกับกรดมะนาวหรือเหล้าขาวทำให้เป็นกลาง
๓ เป็นตัวกลางที่ทำให้ปรอทดูดติดกับบาดแผลแน่นสนิทดี
๕ เหล้าขาวทำให้บาดแผลเย็นลดอาการปวดแสบปวดร้อนได้

อย่างไรก็ตามปรอทมีคุณด้านการดูดพิษโดยไม่ต้องพึ่งวัตถุอื่น แต่คนโบราณเห็นว่าการมีตัวช่วยอย่างน้ำมะนาวและเหล้าขาวเกิดประโยชน์ประการต่างๆดังที่กล่าวมาจึงมีการเขียนอุปเท่ห์การใช้ปรอทไว้ดังนั้นครับ

 

ใช่ครับสนับสนุนตามที่คุณพรหมณีเขียนตอบว่าเป็นธาตุน้ำ กรณ๊อย่างคุณพรหมณีธาตุไฟผ่านยากเริ่มแรกจะร้อนจัดมาเลยกว่าจะผ่านได้ต้องอดทนกันหลายยก อย่างคุณเป็นธาตุน้ำ ทั้งนี้การฝึกสมาธิทุกครั้งให้ดูใจตัวเองว่า ใจอยู่ที่ไหน และอารมณ์อย่างไรที่ทำให้เรานั่งสบาย

 

เพิ่มเติมจากการใช้ปรอทดูดพิษแตนครับ เป็นอุทธาหรณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง ตามธรรมชาติปรอทมีคุณสมบัติดูดพิษอยู่แล้ว ถ้าปล่อยไว้แน่นอนว่าจะปวดนานกว่านี้แน่ครับ ดีที่ว่าปรอทก็คือยาตัวหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการดูดพิษออกมา ตามธรรมชาติของที่ใช้ดูดพิษมีหลายชนิดครับ ข้าวตอกพระร่วงก็ใช้ได้ แร่เขาอึมครึมก็ใช้ได้ เป็นคุณสมบัติตามธรรมชาติของธาตุเหล่านั้นเองครับ คนยุคก่อนได้ผ่านประสบการณ์มาได้บันทึกเอาไว้ให้คนรุ่นเราได้เรียนรู้ ยุคนี้ถ้าไม่มีใครศึกษาก็คงไม่มีการส่งต่อความรู้ไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานแน่นอน

ขอบคุณที่ติดตามกระทู้ครับ ถือว่าเราศึกษาร่วมกันครับ

 

เวลาไปหาอาจารย์โยธินผมก็เอาปรอทของเก่ามาให้อาจารย์ลองตรวจพุทธคุณ ล่าสุดพออาจารย์จับปรอทของผมท่านจะขนลุกชนิดหนังเห่อขึ้นมาแบบเห็นกันชัดๆ ถามว่าผมเอาไปเสกเพิ่มยังไง ภาวนายังไง ตอบได้ชัดๆเลยครับว่าใช้คาถาจักรพรรดิ์และภาวนาด้วยพุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณังคัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะเป็นที่พึ่ง

 

วันนี้ มีเรื่องมาถามครับ

ที่เขาว่าเหล็กไหลจันทรานั้น มีจริงหรือเปล่าครับ แล้วถ้าจะนำไปผสมกับ ปรอท อาจารย์ โยธินเคยได้ทำบ้าง ไหมครับ ผมเห็น ในอินเตอเนตเขาบอกว่า เป็นลาวาที่มาผสมกับหิน
ส่วนประกอบมีทั้งเหล็หและหิน แต่หนักไปทางเหล็ก
และถ้าอาจารย์เคยทำ ปรอทจะเด่นในทางไหนครับ หรือถ้าอาจารย์จะลองทำ เดี๋ยวผมบูชากับพี่ๆแล้วส่งไปให้ครับ แต่เป็นแบบ ผงที่แตกออกนะครับ

เผื่อจะได้ของดี

 

ขอบคุณมากครับที่ติดตามกระทู้

เรื่องเหล็กไหลจันทราไม่ทราบจริงๆครับ อาจารย์โยธินท่านยังไม่เคยทำผสมธาตุชนิดนี้ครับ ที่ลองทำมาแล้วก็มีเหล็กย้อย แร่บางไผ่ เหล็กไหลอกธรณีครับ อาจารย์โยธินเคยปรึกษากับพระอาจารย์สมบูรณ์ วัดหงษ์ ว่าจะลองใช้เตาหลอมที่มีความร้อนสูงพันองศาขึ้นไปเข้าธาตุดู ถ้ามีโอกาสอาจได้เห็นของดีๆแปลกๆขึ้นมาครับ

 

เมื่อคืนผมไล่อ่านจนหมดทุกหน้า มีบางหน้าถ้ารายละเอียดมากก็อ่านผ่านแบบเร็วๆ

เท่าที่จับใจความได้ ปรอทที่สำเร็จแล้วเวลาสัมผัสแล้วไม่มีสีดำติด แต่พระปรอทที่ผมได้รับมาจากพระวัดนึงที่ผมไปทำบุญด้วย นั้นเวลาสัมผัสแล้วจะดำครับ และเนื้อพระปรอทตรงผิวๆ จะมีลักษณะยุ่ยๆเล็กน้อย บางครั้งจับองค์พระปรอทก็จะมีเศษเล็กๆ หลุดติดออกมาด้วยครับ

เท่าที่ได้อ่านข้อความจากพี่ทิพยจักรบอกเล่าไว้ เลยรู้สึกพระปรอทที่ผมมีนั้นยังอยู่ในขั้นแรกๆเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าผมเข้าใจอย่างนี้ถูกต้องมั๊ยครับ

 

เรื่องแร่บางไผ่ที่พี่ๆลงไว้นั้นดีมากครับ

เมื่อปลายปีที่แล้วผมเช่าพระมาจากในเวป ซึ่งมีแร่บางไผ่เป็นส่วนผสมออกที่วัดสามง่าม สร้างประมาณปี 2530 กว่าๆ

หลังจากนั้นเลยได้ไปกราบหลวงพ่อไวพจน์ที่วัด ได้พูดคุยกับท่านเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของแร่บางไผ่ ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านใช้มือข้างหนึ่งจับพระแร่บางไผ่ไว้ส่วนอีกมือนึงแช่น้ำกรด (ไม่ได้ถามว่าน้ำกรดเข้ข้นขนาดไหน) ท่านบอกว่า มือที่แช่น้ำกรดไม่เป็นอะไรเลย อันนี้ท่านลองมากับตัวท่านเอง

ท่านก็เล่ากรรมวิธีและที่มาของแร่บางไผ่ให้ฟังอีกนิดหน่อย

มาตอนนี้ก็ถึงบางอ้ออีกแล้วครับ มิน่าล่ะแร่บางไผ่จึงมีอิทธิคุณมากเหลือเกิน เพราะมีปรอทแทรกอยู่ด้วยนั่นเอง หลวงพ่อท่านบอกว่า แร่บางไผ่โดยส่วนมากพบแถบจังหวัดนนทบุรีแถวบางบัวทอง บางใหญ่ ท่านบอกว่าชาวบ้านแถบนี้ที่มีแร่บางไผ่ก็มีความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินได้ดี เรือกสวนไร่นาที่ทำก็ได้ผลผลิตดี เป็นเพราะว่าความศักดิ์สิทธิ์ของแร่บางไผ่ที่สถิตย์อยู่บริเวณนี้

 

ยังงี้ครับ พระปรอทโดยทั่วไป ใช้ตะกั่วคลุกกับปรอท แล้วกดพิมพ์ เนื้อจะยุ่ยๆเล็กน้อย เปียกนิดๆ ถูมือสีดำ พระปรอทแบบนี้ทำกันมากที่สุด ไม่จัดอยู่ในกลุ่มปรอทสำเร็จ แต่จัดอยู่ในมงคลปรอทประเภทหนึ่ง

ปรอทสำเร็จที่ว่าคือการทำปรอทให้แข็งตัวโดยพิสดาร เช่นปรอทเหล็ก ปรอทกินเงินกินทอง ปรอทหมากพลูปูนยา

สูตรของปรอทสำเร็จมีหลายสายหลายวิชา อย่างในกระทู้นี้ก็มีทั้งสายพม่า อินเดีย ไทย ความจริงวิชานี้ก็มาจากพราหมณ์อินเดียนั่นแหละครับ

ปรอทสำเร็จอย่างปรอทเหล็กนั้น ที่แก่กล้ามากใช้เหล็กทั้งก้อน ของไทยเราใช้กะทะเหล็ก อาจารย์โยธินท่านใช้ผงเหล็ก ตามปกติปรอทกับเหล็กกวนยังไงก็ไม่เข้ากัน แต่ใช้น้ำว่านซัดเข้าไปเรื่อยๆ ปรอทจะกินเหล็ก โดยเบื้องต้นปรอทที่กินเหล็กจะสามารถนำแม่เหล็กมาดูดติดได้ แต่พอหุงปรอทเหล็กไปเรื่อยๆ เชื้อเหล็กหมดสภาพเอาแม่เหล็กมาดูดอีกก็ไม่ติด

ปรอทหมกพลูปูนยาสูตรของหลวงปู่ละมัยผมเองไม่ทราบลึกเท่าไหร่่ ทราบแต่หลวงปู่สมนึก อายุ ๘๑ ปี ท่านเป็นสหมิกธรรมกับหลวงพ่อสร้อย วัดเลียบ ท่านเล่าให้ผมฟังว่าเอาปรอทกวนเข้ากับปูนแดงจนเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อแข็งตัวให้ลองเขี้ยงอัดฝาผนังหรือพื้น ถ้าแตกแสดงว่ายังไม่สำเร็จต้องมากวนใหม่

ปรอทมีอีกหลายสูตรมากมายครับ เฉพาะที่เห็นของอาจารย์โยธินก็สองสามสูตรเท่าที่จำได้นะครับ

หรืออย่างคุณพรหมณี หุงปรอทโดยใช้น้ำมะนาว ใช้ไฟเย็นอันนี้ก็ผาดโผนไปอีกแบบ และเป็นความสามารถเฉพาะตัว

ขอตอบไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณที่ติดตามกระทู้

 

ก็แสดงว่าการทำปรอทให้แข็งเพียงอย่างเดียว...ทางอินเดีย...เขาน่าจะมีมานานแล้ว...แต่ผมว่าก็ยังเป็นแค่ขั้นแรกๆในการทำปรอทให้แข็ง...ผมว่าต้องมีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้องด้วยอย่างเช่นการปลุกเสก...หรือการอธิฐานจิตให้มีฤทธิ์เป็นต้น...ตามที่พวกเราเสาะหากันคือปรอทสำเร็จที่เหอะได้หรือใช้รักษาโรค...หรือเป็นยาอายุวัฒนะ...ไม่ใช่การทำให้ปรอทแข็งเฉยๆ....แล้วใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้...ปรอทก็เป็นธาตุชนิดหนึ่ง...ที่เอามาปลุกเสกก็ขลัง....เหมือนกับธาตุือื่นๆเช่น ทองแดง เงิน ทอง นาค นิเกิล อะลูมิเนียม สังกะสี ตะกั่ว ดีบุก ฯลฯ เอามาปลุกเสกก็ขลังยิ่งไม่ออก ฟันไม่เข้าเหมือนกัน คงต้องมีอะไรแตกต่างมากกว่านี้....ไม่งั้นจะเอามาทำให้แข็งเล่นๆทำไม.......ติดตามตอนต่อไป....

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/7dVNFRhAbxc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ดูเหมือนทำไม่ยากเลยนะปรอทให้แข็งของอินเดียวนี่แต่ว่าไม่รู้ใช้ว่านยาอะไรซึ่งใส่ลงไปแล้วทำให้ปรอทแข็งได้เลย.......

<iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/UBJeRM4mSvc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ทำปรอทให้แข็งเป็นรูปได้ดังใจเจ๋งดี

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/WRuMZBisagY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>



<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/Kxl85_mXZL4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/fJBPcRGEFFQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ก้อนใหญ่ดี

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/QYfTigqs0qs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

เหมือนปั้นดินเหนียวเลย....ทำง่ายจังทำไมไม่ซับซ้อนเหมือนไทยเลย....ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ....ต้นกำเนิดก็คงจะง่ายแบบนี้แหละ....พอมาถึงปลายอะไรๆก็ดูยุ่งยากและสลับซับซ้อนไปหมด....แต่ทำได้เหมือนกันหรือจะดีกว่าด้วยซ้ำ....ปิดบังกันมากเกิน

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/HEjsQFVbPKM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ลองของขลัง.....พระท่ากระดานอาจมีปรอทผสมอยู่ด้วย.....

<iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/HD9U4UKjmz4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/_Wcs_k8i3X8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ตามธรรมชาติปรอทมีคุณสมบัติพิเศษในตัวดีอยู่แล้ว เช่นการกันไข้ป่า กันภูติผีปีศาจ กันคุณไสยเป็นต้น

การทำปรอทให้แข็งด้วยการซัดว่านยา อย่างที่ชาวอินเดียทำนั้น ปรอทที่แข็งขึ้นมาจะมีคุณสมบัติเป็นทนสิทธิ์ หรืออย่างที่หลวงปู่ละมัยท่านทำ หรือที่อาจารย์โยธินท่านทำก็เช่นกัน

ตามภาพที่เห็นจากคลิป ครูบาอาจารย์ชาวอินเดียเขาก็จะไม่บอกเคล็ดหรอกครับ เพราะการทำปรอทให้แข็งนั้น ไม่ใช่ว่าชาวอินเดียทุกคนจะทำกันเป็น มันเป็นวิธีลับเช่นกัน ที่เราเห็นมันปลายทางของเขาแล้ว

เมื่อปรอทแข็งในเบื้องต้น แทบทุกตำราจะกล่าวเหมือนๆกันคือซัดซ้ำ ทวีว่านยาเข้าไป ๔ ครั้งบ้าง จนถึงพันครั้งบ้าง แล้วแต่สูตร อาจารย์โยธินเคยคิดเล่นๆว่าอย่างสูตรหาดอกลำโพงมาทวีตัวยาซัดซ้ำเข้าไป คงต้องปลูกลำโพงกันหลายๆไร่ ถ้าคำนวนตัวเงินคงต้องมีทุนในการสร้างเป็นล้านเลยทีเดียว

ที่เห็นปรอทหลวงปู่ละมัย หลวงปู่ลืม อาจารย์ทองหล่อ เซียนสู และอาจารย์โยธินก็นับเป็นบุญตาแล้วครับ เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าปรอทซัดว่านยามีอยู่จริง

 

ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆ และมีประโยชน์ครับ บางอย่างเป็นความรู้ที่หาไม่ได้ตามหนังสือทั่วไป

 

อันนี้ขั้นตอนเดียวเลย....ดูแล้วง่ายๆ...แต่ว่าน้ำเขียวๆนั่นแหละว่านยาอะไรเท่านั้นเอง...ไม่ซับซ้อน.....ปรอทก็เหลวๆทำครั้งเีดียวไม่ต้องซ้ำ ได้ปรอทแข็งเลย.....

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/7dVNFRhAbxc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>