หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทุเรียนทอด, 16 พฤษภาคม 2011.

  1. กวาวชไม

    กวาวชไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,336
    ค่าพลัง:
    +14,779
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wIDdjxjZhYxYd2rE" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/a25/MQzDhO.jpg" /></a>

    รายการนี้เป็นพระเอกของการประมูลทั้งสามวันเลย สุดยอด:cool:
     
  2. jirayarn

    jirayarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +4,290
    สอบถาม คุณทุเรียนทอด พอทราบเกี่ยวกับเหรียญหมูไหมครับ พอดีผมประมูลได้ครับ ขอบคุณครับ
     
  3. แหยมla

    แหยมla เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +5,575
    สอบถามด้วยครับ รูปนี้ทันหลวงปู่รึเปล่าครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. Siriphon

    Siriphon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    507
    ค่าพลัง:
    +1,005
    ประสบการณ์พระกสิณของหลวงปู่อยู่หน้าไหนครับ หรือมีเรื่องใหม่ๆรบกวนด้วยครับ
     
  5. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    เห็นด้วยครับ.. :cool:
     
  6. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    เมื่อหลายปีก่อน ตรงกับปีกุน เป็นปีที่หลวงปู่ครบ 7 รอบ อายุ 84 ปี ทางลูกศิษย์จึงไปหาเหรียญรูปหมูมาถวาย เพื่อให้หลวงปู่ไว้แจกลูกศิษย์ที่มากราบครับ เหรียญหมูนี้พุทธคุณเด่นเรื่องเมตตา และทางลาภครับ.. :cool:
     
  7. jirayarn

    jirayarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +4,290
    ขอบคุณสำหรับข้อมูล ครับ คุณทุเรียนทอด
     
  8. แหยมla

    แหยมla เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +5,575

    ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล ทุกวันนี้ได้แต่เสียดายตัวเองที่ไม่เคยได้ไปกราบหลวงปู่ตอนที่ท่านยังทรงสังขารอยู่และก็ยังไม่เคยไปวัดเทพธารทองเลย มารู้จักหลวงปู่ก็กระทู้คุณทุเรียนทอดนี่แหละครับ ถึงหลวงปู่ท่านจะไม่อยู่แล้วแต่ยังไงก็ต้องหาโอกาสที่จะไปทำบุญที่วัดของท่านครับ และขอมีส่วนร่วมงานบุญที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ทุกๆงานครับ
     
  9. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    [​IMG]

    งานสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลสรีระสังขาร แด่องค์หลวงปู่วิชัย เมตติโก
    ณ ศาลาใหญ่ วัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง อ.เมือง จ.จันทบุรี

    มีขึ้นทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2556 - วันที่ 18 เมษายน 2556
    เริ่มสวดเวลา 20.00 น. เป็นต้นไป

    จึงขอเรียนเชิญศิษยานุศิษย์ ผู้ศรัทธา และศาสนิกชินทั้งหลายร่วมเป็นเจ้าภาพ และฟังสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลถวายแด่องค์หลวงปู่วิชัย เมตติโก ตามวันเวลาดังกล่าว..

    หากท่านไม่สะดวกในเวลาดังกล่าว ก็สามารถมากราบนมัสการสรีระสังขารขององค์ท่านที่บรรจุอยู่ในหีบทองได้ทุกวัน ไม่จำกันวันและเวลาครับ.. และขออนุโมทนา สาธุ กับทุกท่าน มา ณโอกาสนี้ครับ..




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2013
  10. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    ขอขอบคุณ และอนุโมทนากับพี่ แหยมla ด้วยครับ.. :cool::cool::cool:



     
  11. jedsadatum21

    jedsadatum21 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2011
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +3,277
    ขอบคุณท่านทุเรียนทอดสำหรับข้อมูลครับ อนุโมทนาสาธุครับ:cool::cool:
     
  12. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    พอดีไปค้นเจอข้อมูลเกี่ยวกับกสิณ เห็นว่ามีประโยชน์มากต่อการศึกษาประดับความรู้ และเรื่องเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงเกี่ยวกับพระกสิณที่องค์หลวงปู่พิศดูสร้างได้เป็นอย่างดี หากท่านใดยังไม่ค่อยเข้าใจว่า กสิณ คืออะไร และ พระกสิณ หมายความว่าอย่างไร ลองศึกษาจากข้อความตรงนี้ดูก่อน แล้วท่านจะเข้าใจเรื่อง กสิณ มากยิ่งขึ้นครับ หากท่านศึกษาจากข้อมูลด้านล่างนี้แล้ว ผมก็จะมาเขียนเรื่องพระกสิณที่องค์หลวงปู่พิศดูได้จัดสร้างต่อไปครับ ว่าเหตุใด ท่านจึงเรียกว่า พระกสิณครับ..

    กสิณ..
    กสิณ คือวิธีการปฏิบัติสมาธิแบบหนึ่งในพระพุทธศาสนา มีความหมายว่า เพ่งอารมณ์ เป็นสภาพหยาบ สำหรับให้ผู้ฝึกจับให้ติดตาติดใจ ให้จิตใจจับอยู่ในกสิณใดกสิณหนึ่งใน 10 อย่าง ให้มีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว จิตจะได้อยู่นิ่งไม่ฟุ้งซ่าน มีสภาวะให้จิตจับง่ายมีการทรงฌานถึงฌาน 4 ได้ทั้งหมด กสิณทั้ง 10 เป็นพื้นฐานของอภิญญาสมาบัติ
    การเพ่งกสิณนับว่าเป็นอุบายกรรมฐานกองต้นๆ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ ว่าด้วยการปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่ออบรมจิต (อันเป็นแนวทางแห่งการบรรลุสำเร็จมรรคผลนิพพาน หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี้ออกไปได้) ซึ่งอุบายกรรมฐานมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่สิบกอง ภายใต้กรรมฐานทั้งสี่สิบกองนั้น จะประกอบไปด้วยกรรมฐานที่เกี่ยวเนื่องกับการเพ่งกสิณอยู่ถึงสิบกองด้วยกัน
    การเพ่งกสิณ คือ อาการที่เราเพ่ง (อารมณ์) ไม่ได้หมายถึงเพ่งมอง หรือจ้องมอง ไปยังวัตถุหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาทิเช่น พระพุทธรูป เทียน สีต่างๆ หรือแม้กระทั่งอากาศ ฯลฯ แล้วเรียนรู้ รับรู้/บันทึก สภาพหรือคุณสมบัติเฉพาะ ของวัตถุ (ธาตุ) หรือสิ่งๆ นั้นไว้เช่น เนื้อ สี สภาพผิว ความหนาแน่น ความ เย็นในจิตจนกระทั่งเมื่อหลับตาลงจะปรากฏภาพนิมิต (นิมิตกสิณ) ของวัตถุหรือสิ่งๆ นั้นขึ้นมาให้เห็นในจิต หรือแม้กระทั่งยามลืมตาก็ยังสามารถมองเห็นภาพนิมิตกสิณดังกล่าวเป็นภาพติดตา
    การเพ่งกสิณจัดเป็นอุบายวิธีในการทำสมาธิที่มีดีอยู่ในตัว กล่าวคือ การเพ่งกสิณเป็นเสมือนทางลัดที่จิตใช้ในการเข้าสู่สมาธิได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายกว่าการเลือกใช้อุบายกรรมฐานกองอื่นๆ มากมายนัก ทั้งนี้เนื่องจากแนวทางในการปฏิบัติสมาธิภาวนาด้วยการใช้อุบายวิธีการเพ่งกสิณนั้น จิตจะยึดเอาภาพนิมิตกสิณที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องรู้ของจิต แทนอารมณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในจิต และเมื่อภาพนิมิตกสิณเริ่มรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิต จิตก็จะรับเอาภาพนิมิตกสิณนั้นมาเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิต
    จากนั้นภาพนิมิตกสิณดังกล่าวจะค่อยๆ พัฒนาไปเองตามความละเอียดของจิต ซึ่งจะส่งผลให้เกิดมีความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับภาพนิมิตกสิณนั้น เริ่มตั้งแต่ความคมชัดในการมองเห็นภาพนิมิตกสิณที่ปรากฏขึ้นภายในจิต และสามารถมองเห็นภาพนิมิตกสิณนั้นได้อย่างชัดเจน ราวกับมองเห็นด้วยตาจริงๆ ไปจนกระทั่งการที่จิตสามารถบังคับภาพนิมิตกสิณนั้นให้เลื่อนเข้า-เลื่อนออก หรือหมุนไปทางซ้าย-ทางขวา หรือยืด-หดภาพนิมิตกสิณดังกล่าวได้ อันเป็นพลังจิตที่เกิดขึ้นจากการเพ่งนิมิตกสิณ
    แต่ในที่สุดแล้วภาพนิมิตกสิณทั้งหลายก็จะมาถึงจุดแห่งความเป็นอนัตตา อันได้แก่ ความว่างและแสงสว่าง กล่าวคือ ภาพนิมิตทั้งหลายจะหมดไปจากจิต แม้กระทั่งอาการและสัญญาในดวงจิตก็จะจางหายไปด้วย จากนั้นจิตจึงเข้าสู่กระบวนการของสมาธิในขั้นฌานต่อไปตามลำดับ

    - พวกที่หนึ่ง คือ กสิณกลาง มี 6 อย่าง คนทุกจริตฝึกกสิณได้ทั้ง 6 เพราะเหมาะกับทุกอารมณ์ ทุกอุปนิสัยของคน
    ปฐวีกสิณ (ธาตุดิน/ของแข็ง ไม่ใช่เฉพาะดิน) จิตเพ่งดิน โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นดิน หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "ปฐวี" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง" เมื่อปฏิบัติอยู่ดังนี้ ก็จะข่มนิวรณ์ธรรมเสียได้โดยลำดับ กิเลศก็จะสงบระงับจากสันดาน สมาธิก็จะกล้าขึ้น จิตนั้นก็ชื่อว่าตั้งมั่น เป็นอุปจารสมาธิ เมื่อทำได้สำเร็จปฐมฌานแล้ว ก็พึงปฏิบัติในปฐมฌานนั้นให้ชำนาญคล่องแคล่วด้วยดีก่อนแล้วจึงเจริญทุติยฌานสืบต่อไปได้
    เตโชกสิณ (ธาตุไฟ ธาตุร้อน) จิตเพ่งไฟ คือการเพ่งเปลวไฟ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นไฟ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "เตโช" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
    วาโยกสิณ (ธาตุลม) จิตเพ่งอยู่กับลม นึกถึงภาพลม โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นลม หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "วาโย" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
    อากาสกสิณ (ช่องว่าง) จิตเพ่งอยู่กับอากาศ นึกถึงอากาศ คือการเพ่งช่องว่าง โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นช่องว่าง เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อากาศ" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
    อาโลกสิณ (กสิณแสงสว่าง) จิตเพ่งอยู่กับแสงสว่าง นึกถึงแสงสว่าง วิธีเจริญอาโลกกสิณให้ผู้ปฏิบัติยึดโดยทำความรู้สึกถึงความสว่าง ไม่ใช่เพ่งที่สีของแสงนั้น เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโลก" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง"
    อาโปกสิณ (ธาตุน้ำ/ของเหลว) จิตนึกถึงน้ำเพ่งน้ำไว้ คือการเพ่งน้ำ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นน้ำ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโป" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง" ให้เลือกภาวนากสิณใดกสิณหนึ่งให้ได้ถึงฌาน 4 หรือฌาน 5 กสิณอื่นๆ ก็ทำได้ง่ายทั้งหมด

    - พวกที่สองคือกสิณเฉพาะอุปนิสัยหรือเฉพาะจริตมี 4 อย่าง สำหรับคนโกรธง่าย คือพวกโทสจริต
    โลหิตกสิณ เพ่งกสิณ หรือนิมิตสีแดงจะเป็นดอกไม้แดง เลือดแดง หรือผ้าสีแดงก็ได้ทั้งนั้นจิตนึกภาพสีแดงแล้วภาวนาว่า โลหิต กสิณัง
    นีลกสิณ ตาดูสีเขียวใบไม้ หญ้า หรืออะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว แล้วหลับตาจิตนึกถึงภาพสีเขียว ภาวนาว่า นีล กสิณัง
    ปีตกสิณ จิตเพ่งของอะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลือง ภาวนาว่า ปีต กสิณัง
    โอทากสิณ ตาเพ่งสีขาวอะไรก็ได้แล้วแต่สะดวก แล้วหลับตานึกถึงภาพสีขาว ภาวนาโอทา กสิณัง จนจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งไม่วอกแวกไม่รู้ลมหายใจภาพกสิณชัดเจน
    ท่านว่าจิตเข้าถึงฌาน 4 พอถึงฌานที่ 5 ก็เป็นจิตเฉยมีอุเบกขาอยู่กับภาพกสิณต่างๆ ที่จิตจับเอาไว้

    อานุภาพกสิณ 10
    กสิณ 10 ประการนี้ เป็นปัจจัยให้แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ตามนัยที่กล่าวมาแล้วในฉฬภิญโญ เมื่อบำเพ็ญปฏิบัติใน กสิณกองใดกองหนึ่งสำเร็จถึงจตตุถฌานแล้ว ก็ควรฝึกตามอำนาจที่กสิณกองนั้นมีอยู่ให้ชำนาญ ถ้าท่านปฏิบัติถึงฌาน 4 แล้ว แต่มิได้ฝึกอธิษฐานต่างๆ ตามแบบ กล่าวกันว่าผู้นั้นยังไม่จัดว่าเป็นผู้เข้าฌานถึงกสิณ

    อำนาจฤทธิ์ในกสิณในทางพุทธศาสนามีดังนี้
    - ปฐวีกสิณ มีฤทธิ์ดังนี้ เช่น เนรมิตคนๆ เดียวให้เป็นคนมากๆ ได้ ให้คนมากเป็นคนๆ เดียวได้ ทำน้ำและอากาศให้แข็งได้ สามารถย่อแผ่นดินให้ใกล้กำลังการในเดินทาง
    - อาโปกสิณ สามารถเนรมิตของแข็งให้อ่อนได้ เช่นอธิษฐานสถานที่เป็นดินหรือหรือหินที่กันดารน้ำให้เกิดบ่อน้ำ อธิษฐานหินดินเหล็กให้อ่อน อธิษฐานในสถานที่ขาดแคลนฝน ให้เกิดมีฝนอย่างนี้เป็นต้น
    - เตโชกสิณ อธิษฐานให้เกิดเป็นเพลิงเผาผลาญหรือให้เกิดแสงสว่างได้ ทำแสงสว่างให้เกิดแก่จักษุญาณ สามารถเห็นภาพต่าง ๆ ในที่ไกลได้คล้ายตาทิพย์ ทำให้เกิดความร้อนในที่ทุกสถานได้ เมื่ออากาศหนาว สามารถทำให้เกิดความอบอุ่นได้
    - วาโยกสิณ อธิษฐานจิตให้ตัวลอยตามลม หรืออธิษฐานให้ตัวเบา เหาะไปในอากาศก็ได้ สถานที่ใดไม่มีลมอธิษฐานให้มีลมได้
    - นีลกสิณ สามารถทำให้เกิดสีเขียว หรือทำสถานที่สว่างให้มืดครึ้มได้
    - ปีตกสิณ สามารถเนรมิตสีเหลืองหรือสีทองให้เกิดได้
    - โลหิตกสิณ สามารถเนรมิตสีแดงให้เกิดได้ตามความประสงค์
    - โอทากสิณ สามารถเนรมิตสีขาวให้ปรากฏ และทำให้เกิดแสงสว่างได้ เป็นกรรมฐาน ที่อำนวยประโยชน์ในทิพยจักขุญาณ เช่นเดียวกับเตโชกสิณ
    - อาโลกสิณ เนรมิตรูปให้มีรัศมีสว่างไสวได้ ทำที่มืดให้เกิดแสงสว่างได้เป็นกรรมฐานสร้างทิพยจักขุญาณโดยตรง
    - อากาสกสิณ สามารถอธิษฐานจิตให้เห็นของที่ปกปิดไว้ได้ เหมือนของนั้นวางอยู่ในที่แจ้ง สถานที่ใดเป็นอับด้วยอากาศ สามารถอธิษฐานให้เกิดความโปร่งมีอากาศสมบูรณ์เพียงพอแก่ความต้องการได้

    วิธีอธิษฐานฤทธิ์
    วิธีอธิษฐานจิตที่จะให้เกิดผลตามฤทธิ์ที่ต้องการท่านให้ทำดังต่อไปนี้ ท่านให้เข้าฌาน 4 ก่อน
    แล้วออกจากฌาน 4
    แล้วอธิษฐานจิตในสิ่งที่ตนต้องการจะให้เป็นอย่างนั้น
    แล้วกลับเข้าฌาน 4 อีก
    ออกจากฌาน 4
    แล้วอธิษฐานจิตทับลงไปอีกครั้ง สิ่งที่ต้องการจะปรากฏสมความปรารถนา

    ที่มา.. กสิณ - วิกิพีเดีย
     
  13. กวาวชไม

    กวาวชไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,336
    ค่าพลัง:
    +14,779
    ประมูลไม่ทันเขา แต่ก็แอบมีกะเขาองค์นึง!!!!

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wIKeXhCoxZq7CtgL" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/5e3/cB3Y3H.jpg" /></a>

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wIKeNmdiBTUmDYld" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/g4b/VdTRC9.jpg" /></a>
     
  14. chaythoung

    chaythoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2008
    โพสต์:
    601
    ค่าพลัง:
    +2,665
    ดีใจได้ร่วมประมูล แต่ไม่ได้ซักรายการ55555
     
  15. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    แค่มีส่วนร่วมก็ได้บุญแล้วครับ เพราะเราตั้งใจสละทรัพย์ตามที่เราเคาะราคาไว้ แต่หากมีท่านอื่นเคาะราคามากกว่าเขาก็ได้ไปตามกติกา แต่น้ำใจที่เรามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ บุญนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นแล้วครับ.. อนุโมทนาด้วยนะครับ :cool::cool:



     
  16. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    สุดยอดครับท่านกวาวชไม ประมูลไม่ทันเขา แต่ก็ได้ของมาบูชา ยินดีด้วยครับ ล็อกเก็ตชุดนี้น่าใช้เป็นที่สุดครับ เนื่องจากรวมมวลสารที่บรรจุด้านหลังล็อกเก็ตทุกรุ่นขององค์หลวงปู่อยู่ในนี้หมดแล้ว แถมยังมีมวลสารจากที่อื่นๆเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะ ผงกสิณ ผงพุทธะมงคล ของหลวงปู่พิศดูเยอะมาก และผงมหาจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก แบบหัวเชื้อเข้มๆ ได้รับมาจากลูกศิษย์ที่สร้างพระถวายหลวงปู่ดู่ ไม่ได้ใส่เค่ช้อนชาเดียวเหมือนที่หลวงปู่ดู่ท่านเทพระนะครับ แต่ว่าชุดนี้ใส่ผงมหาจักพรรดิ์ไปหลายช้อนโต๊ะครับ แถมยังมีผงหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงปู่หมุน ผงสมเด็จบางขุนพรหม ฯลฯ... ตะไบพระกริ่งธัมมะจารี ตะไบพระกริ่งหลวงปู่ดู่ แร่วัดประสาท06 เจ้าน้ำเงิน ปรอทดำ ปรอทขาว หลวงปู่ละมัย และปรอท และแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์จากครูบาอาจารย์อีกหลายองค์ แร่ที่จัดอยู่ในตระกูลเหล็กไหลต่างๆ สารพัดที่จะหามาได้ ว่าน 108 ผงยอดบายศรีพระมหาอุปคุต ข้าวก้นบาตร ผงน้ำอ้อยเสก ยาวาสนาจินดามณี ขององค์หลวงปู่พิศดู ฯลฯ...ฯลฯ... อีกเยอะครับ หากไล่รายการกันจริงๆ กลัวอ่านกันตาลายครับ และผงเหล่านี้ก็ยังจะนำมาต่อยอดในการใช้สร้างวัตถุมงคลของวัดเทพธารทอง และสำนักสงฆ์เขาน้ำซับกันต่อไปอีก รวมถึงได้นำมาจัดสร้างพระมหาอุปคุตหลังพระแม่ธรณี สำหรับแจกทหาร ตำรวจ ครู สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย

    วัตถุมงคลบางอย่างนี้แปลกเหมือนกันนะครับ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ตอนที่เขาทำเสร็จใหม่ๆ ยังไม่ได้ผ่านพิธี จะดูธรรมดาๆไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่พอเข้าพิธีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ของนั้นจะดูสวยกว่าปกติครับ..



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2013
  17. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,670
    ขอน้อมส่งหลวงปู่สู่แดนพระนิพพาน
    สิ่งใดที่ลูกได้พลั้งเผลอล่วงเกินองค์หลวงปู่ ขอองค์หลวงปู่ได้เมตตางดโทษให้ลูกด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    DSCN3785.JPG DSCN3787.JPG รูปเหมือนพระกสิน[1].jpg รูปเหมือนพระกสิน1[1].jpg

    พระกสิณ สุดยอดมงคลวัตถุ ที่สร้างสรรโดยองค์หลวงปู่พิศดู

    มีคำถามเข้ามาถามผมหลายคำถาม ว่าเหตุใดพระที่องค์หลวงปู่พิศดูได้จัดสร้างขึ้นในยุคแรกๆจึงเรียกว่า พระกสิณ จึงเป็นที่มาของการเขียนข้อความเหล่านี้ ตามสติปัญญาที่ผมพอจะเข้าใจ และพอจะถ่ายทอดได้ เพื่อบรรทึกไว้ในกระดานนี้เป็นกรณีศึกษาครับ

    ขึ้นชื่อว่ากสิณนั้นตามข้อความที่ผมได้หยิบยกมาให้ทุกท่านได้ศึกษากันก่อนหน้านี้ น่าจะพอมีประโยชน์ในการทำให้เข้าใจเรื่องของกสิณมากขึ้น ต่อจากนี้ผมจะได้อธิบายให้เห็นถึงความเป็นพระอัจฉริยภาพขององค์หลวงปู่ที่ท่านทำพระของท่านประกอบรวมเข้ากับคำว่า กสิณ

    พระ = ประเสริฐ (ยิ่ง)
    กสิณ = กำหนดจิตเพ่งอารมณ์(กรรมฐาน) ทำให้เกิดฤทธิ์

    พระ+กสิณ = สิ่งประเสริฐ(พระ) ที่สำเร็จได้ด้วยการกำหนดเพ่งจิต ทำให้เกิดฤทธิ์..
    หรืออีกความหมายหนึ่ง คือ สิ่งประเสริฐ(พระ) ที่สามารถใช้ในการกำหนดเพ่งอารมณ์ในการทำกรรมฐาน สามารถทำให้เกิดฤทธิ์..

    วัตถุทั้งหลายในโลกล้วนแต่ประกอบไปด้วย "ธาตุ" ธาตุทั้งหลายในโลกนี้มีอยู่ด้วยกันหลักๆ 4 ธาตุด้วยกัน คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ โดยธาตุทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนแต่มีประโยชน์ของแต่ละธาตุไป แม้แต่ร่างกายของคนเราก็ยังประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 ประชุมรวมกันขึ้นเป็นกาย หากขาดธาตุใดธาตุหนึ่งแล้วร่างกายก็ย่อมเสื่อมสลายลงไป..
    แบบแผนการปฏิบัติพระกรรมฐานนั้นมีมากมายถึง 40 กอง แต่ละกองก็ถูกกำหนดเป็นทางให้ผู้ปฏิบัติว่าจะเลือกแบบใด เพื่อให้ตรงตามแก่จริตวิสัยของตน ที่มุ่งหวังในผลอันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด แต่ว่ามีกรรมฐานอยู่ 10 ใน 40 กองที่เรียกว่า หมวดกสิณ 10 ผู้ที่บำเพ็ญธรรมที่มุ่งหวังในฤทธิ์อภิญญา พึงเลือกปฏิบัติพระกรรมฐานในหมวดนี้ แต่ทว่า.. การปฏิบัติในหมวดของกสิณนั้นค่อนข้างยากเอาการ และต้องมีความเพียรพยายามสูงจริงๆ หากว่าในระหว่างที่ปฏิบัตินั้น ผู้ปฏิบัติฝืนตั้งอารมณ์ผิด หรือทำเกินคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ก็อาจมีผลข้างเคียงโดยอาจทำให้เสียจิตได้ เพราะฉะนั้นจะมีผู้ที่สำเร็จในหมวดของกสิณนับว่ามีน้อยยิ่งนัก ยิ่งถ้าได้สำเร็จกสิณครบทั้ง 10 กองด้วยแล้วยิ่งหาได้ยากยิ่ง..
    หากผู้ที่สำเร็จชำนาญในกสิณทั้ง 10 กอง ก็จะสำเร็จเป็นพระอภิญญา ที่มีอิทธิฤทธิ์ จะสามารถบันดาลในเรื่องต่างๆให้เป็นได้ดังปรารถนา พระระดับนี้ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องขลังศักดิ์สิทธิ์ไปหมด เพราะว่าจิตของท่านนั้นเสมือนเป็นแหล่งพลังงานที่ระเบิดตัวเองออกมาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งการที่ท่านเหล่านั้นสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาด้วยความตั้งใจ และเจตนาเพื่อที่ต้องการสงเคราะห์โลกนั้น ยิ่งจะมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษทีเดียว

    การทำพระผงในยุคแรกขององค์หลวงปู่พิศดูนั้น ได้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2520 โดยท่านได้กำหนดจัดสร้างขึ้นด้วยองค์เอง เพื่อสำหรับแจกให้กับญาติโยมเพื่อใช้ป้องกันภัยต่างๆ ตลอดจนเป็นเครื่องเมตตามหานิยม ความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัย และถึงที่สุดให้ทุกคนเข้าถึงธรรม
    พระของท่านทำด้วยเนื้อผงวิเศษที่ท่านเขียน-ลบสูตรด้วยตนเอง ผงธูปกรรมฐาน ประกอบกับการใช้วัตถุธาตุต่างๆ ที่มีคุณในตัว บางอย่างเป็นแร่วิเศษเป็นของทนสิทธิ์ตามธรรมชาติ ว่านยา ไม้กาฝากมงคลต่างๆที่เก็บสะสมมาตั้งแต่สมัยเดินธุดงค์ และมวลสารที่มีผู้นำมาถวาย ดินหรือปฐวีธาตุในวัด ฯลฯ ซึ่งมวลสารเหล่านี้รวมแล้วก็ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 นั่นเอง ใช้เป็นมวลสารในการสร้างพระของท่าน เพื่อผลแห่งการอธิษฐานตั้งธาตุ หนุนธาตุ แปลธาตุ โดยอาศัยผลแห่งการอธิษฐานเดินประจุกสิณ 10 ประการ อันประกอบไปด้วยฤทธิ์ ที่อธิษฐานไว้ในองค์พระที่ได้จัดสร้างเหล่านั้น จึงได้เรียกว่า " พระกสิณ " หากว่าผู้อธิษฐานไม่สำเร็จในกสิณจริงแล้ว ย่อมไม่อาจสามารถทำพระกสิณให้สำเร็จได้เลย
    อันผลแห่งการใช้กสิณ 10 ในการอธิษฐานพระของท่านนี้ ยังผลให้บังเกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์โดยตรงต่อผู้บูชา หลวงปู่ท่านอธิษฐานพระของท่านไว้เหมือนเป็นแก้วสารพัดนึก อันเกิดจากดวงจิต ดวงธรรม มหาบารมีอันบริสุทธิ์ แห่งคุณพระศรีรัตนตรัย พรหมเทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย อีกทั้งพระเหล่านี้อยู่กับท่านทุกวันนับเป็นเวลา 15-20 ปีด้วยกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าสรรพวิชาใดๆที่มี ท่านก็คงอธิษฐานใส่ไว้จนหมดสิ้น และทราบมาว่า หลวงปู่ท่านมีวิชาเอกอยู่วิชาหนึ่งคือวิชา หัวใจท้าวมหาพรหม ที่หลวงปู่ท่านตั้งใจอธิษฐานใส่ไว้ในองค์พระด้วย อันหัวใจท้าวมหาพรหมนี้ ถ้าให้กล่าวก็คงคล้ายคลึงกับวิชา โสฬสมหาพรหม ที่ว่ากันว่าหากผู้ใดได้มีไว้บูชา ก็เหมือนมีพระพรหมคอยปกปักรักษาผู้นั้นมิให้ตกต่ำ และสามารถดลบันดาลในสิ่งที่ปรารถนาได้(แต่ไม่เกินกฏแห่งกรรมของผู้นั้น) เรียกง่ายๆว่า จะมีเทพชั้นพรหมคอยรักษาประจำองค์พระทั้งหมดทุกองค์นั่นเอง หากเราหมั่นทำบุญ สวดมนต์บูชา แผ่เมตตาอยู่เสมอ ก็จะได้รับพลวประโยชน์เสมอมิได้ขาด
    และที่สำคัญท่านสอนให้ผู้ที่ได้รับพระไป นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือการใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรม โดยการกำหนดเพ่งมององค์พระนั้นให้จำภาพได้ จากนั้นให้ทำสมาธินึกถึงภาพพระ ภาวนาว่า พุท-โธ เป็นการกำหนดอารมณ์สมถกรรมฐาน จนจิตเกิดเป็นสมาธิ ก็จัดว่าเป็นกสิณได้กองหนึ่งด้วย ซึ่งมีผลต่อทิพย์จักษุญาณ อันเป็นประโยชน์มากในการปฏิบัติ.. ไม่ว่าผู้ใดได้รับพระไปแล้วหากทำได้ตามนี้ ท่านบอกว่า " ผู้นั้นใช้ของเป็น " หมายความว่า ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระจะสามารถช่วยเราได้เต็มที่... ลองคิดดูว่าพระนี้กว่าจะใช้เวลาสร้างได้ถึงขนาดนี้ และเวลาในการอธิษฐานอยู่กับหลวงปู่ท่านนับว่ายาวนานเป็นที่สุด แน่นอน เรื่องพลังงานไม่ต้องพูดถึงว่าจะมากเพียงใด และพระที่มีประจุพลังงานมากๆ หากคนเรานำมาใช้แขวนอย่างเดียวไม่หมั่นบูชาด้วยใจที่ศรัทธา ก็คงใช้ประโยชน์จากพลังงานนั้นได้เพียงแค่ไม่กี่ % แต่ก็มากพอแล้วที่จะคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างสบาย แต่เมื่อเทียบกับพลังงานทั้งหมดที่มี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความศรัทธา และกำลังใจของเราด้วยเป็นสำคัญครับ ความศรัทธาในการบูชานั้น ก็เหมือนกับเราเปิดก็อกพลังงานนั่นเอง ยิ่งมีศรัทธามาก หมั่นบูชาด้วยความเคารพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติบูชา ก็เหมือนทำให้เราสามารถเปิดก็อกพลังงานได้อย่างเต็มที่นั่นเองครับ.. สาธุ



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_0754[1].JPG
      DSC_0754[1].JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.8 KB
      เปิดดู:
      70
    • DSC_0755[1].JPG
      DSC_0755[1].JPG
      ขนาดไฟล์:
      5.9 KB
      เปิดดู:
      54
    • DSCN3776.JPG
      DSCN3776.JPG
      ขนาดไฟล์:
      90.8 KB
      เปิดดู:
      69
    • P3160033.JPG
      P3160033.JPG
      ขนาดไฟล์:
      79 KB
      เปิดดู:
      52
    • P3180036.JPG
      P3180036.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.7 KB
      เปิดดู:
      50
    • P3200045.JPG
      P3200045.JPG
      ขนาดไฟล์:
      50.3 KB
      เปิดดู:
      51
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2013
  19. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +22,256
    ที่จริงก็เล็งองค์นี้ไว้ อยากได้พระกสินไว้บูชาเหมือนกัน แต่บุญคงยังไม่ถึง

    ต้องรอเวลา...

    กราบหลวงปู่พิศดู กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P3160033.JPG
      P3160033.JPG
      ขนาดไฟล์:
      7.4 KB
      เปิดดู:
      53
  20. ky9

    ky9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +1,113
    สอบถามด้วยครับ สร้อยเส้นนี้หลวงปู่เสกหรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...