พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ พอเห็นเข้าเลิกทำงานเลยครับ ลุกออกไปขำข้างนอกบริษัท กลัวเพื่อนๆที่บริษัทเห็นแล้ว จะหาว่าผมบ้าครับ

    (555) (555) (555) (555)

    .
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้ได้นำดวงชาตาของคุณกุ้งกิติคุณ เชียรสงค์มาเป็นกรณีศึกษา ได้พบว่ากำลังดาวคล้องจองกันมาก

    ๑.อายุ 51 ตกที่ ๙ (ดาวเกตุ)จับที่เทวดา ๖

    ๒.เทวดา ๖ ขับ เทวดา ๑ ภพอนันตะ+มูละ ไปที่ ภพวินาศ+เดช ดังนั้นความตายจึงรุนแรงมาก

    ๓.เทวดา ๗ ขับ เทวดา ๒ อุตสาหะ+อัตตะ ไปที่ ภพมรณะ+อายุ บ่งบอกว่าถึงอายุขัย และสถานที่จะเป็นอันตรายคือสถานที่มีน้ำ หรือเฉอะแฉะ ชื่อเล่น และชื่อจริงเป็น "ก" สถิตย์ที่ดาวจันทร์

    ขอไว้อาลัยให้กับดวงครูอีกดวงหนึ่ง ขอจงไปสู่สุคติ...

    ความตายเป็นของเที่ยง หมั่นสร้างบุญสร้างกุศลไว้ ถึงคราวคับขัน"บุญ"จะมาช่วยบรรเทาทุกข์ได้บ้าง
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    [​IMG] [​IMG]

    ซุ้มที่เห็น ผมคิดว่าน่าจะเป็นซุ้มที่ประดิษฐ์สถานองค์พระพุทธรูป 5 พระองค์ (แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 4 พระองค์และองค์พระศรีอาริยเมตตรัย)

    ขนาดขององค์พระพุทธรูป น่าจะใหญ่กว่าตัวคนไม่มากนักครับ

    องค์พระพุทธรูป 3 พระองค์(ที่เป็นตัวแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 3 พระองค์แรกในกัปป์เรา) จะเป็นปางสมาธิ
    องค์พระพุทธรูป 1 พระองค์ (องค์ที่เป็นตัวแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม) จะเป็นปางแสดงปฐมเทศนา
    ส่วนองค์พระพุทธรูปอีก 1 พระองค์ (องค์ที่เป็นตัวแทนองค์พระศรีอาริยเมตตรัย) จะเป็นทรงเครื่องกษัตริย์

    โมทนาสาธุครับ

    .<!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ผมขอเสนอให้ส่งไปรายการคุณวิทวัส ช่อง3ครับ ในช่วงดันทุรัง เอ้ย ขอโทษครับดันดาราให้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง แซงAF ไปเลยครับ(555)
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    เจ้าเกิดมา มีอะไรมาด้วยเจ้า
    เจ้าจะเอา แต่สุขสนุกไฉน
    เจ้ามามือเปล่า แล้วเจ้าจะเอาอะไร
    เจ้าก็ไปมือเปล่า เหมือนเจ้ามา

    ยศและลาภ หาบไปไม่ได้แน่
    มีเพียงแต่ ต้นทุนบุญกุศล
    ทรัพย์สมบัติ ทิ้งไว้ให้ปวงชน
    แม้ร่างตน เขายังเอาไปเผาไฟ

    ขอบพระคุณท่านที่เขียนกลอนนี้มาเพื่อเตือนสติเป็นอย่างสูง

    โมทนาสาธุทิพย์
    โมทนาสาธุทิพย์
    โมทนาสาธุทิพย์

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9500000116463

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เสริมมงคลชัย ไหว้ 3 พระนอนองค์งามกลางกรุง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 ตุลาคม 2550 15:08 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระนอนวัดโพธิ์กับอันซีนไทยแลนด์ที่ฝ่าพระบาท </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “...ที่ไหนมีพระนอนมากที่สุด ?...”

    เชื่อว่าหลายๆคนคงคุ้นเคยกับคำถามเปื้อนมุขคำถามนี้มาไม่มากก็น้อย แถมยังรู้ด้วยว่าคำตอบคือที่“โรงพยาบาลสงฆ์”นั่นเอง เพราะพระนอนในคำถามกวนโอยนี้คือพระภิกษุสงฆ์นอน(อาพาธ) ไม่ใช่พระพุทธรูปปางประทับนอนหรือพระพุทธไสยาสน์แต่อย่างใด

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากพูดถึงพระพุทธรูปปางประทับนอนหรือพระพุทธไสยาสน์แล้ว ในกรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรนี่ก็มีพระนอนอยู่มากเช่นกัน แถมพระนอนในหลายๆวัดยังงดงามไปด้วยพุทธศิลป์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    ในขณะที่คนโบราณเชื่อว่าพระนอนเป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดของคนเกิดวันอังคาร เพราะเชื่อว่า“คนวันอังคารใจร้อน ให้นอนเสียบ้าง จะได้ใจเย็น...เหมือนดังพระนอนนั่นเอง ซึ่งแม้จะไม่ได้เกิดวันอังคารแต่เพื่อความเป็นสิริมงคลส่วนตัว ฉันจึงหาโอกาสเหมาะๆในช่วงหยุดเสาร์-อาทิตย์ ตระเวนไหว้พระนอนเด่นๆในกทม.โดยอ้างอิงตามหนังสือคู่มือ “เยือนแดนพุทธศิลป์ เที่ยวถิ่นพระพุทธไสยาสน์” ของททท.ที่ไม่รู้ว่ายังมีขายอยู่หรือเปล่าเพราะเขาออกมานานแล้ว แต่ถึงจะไม่มีคู่มือเราก็สามารถไปเที่ยวกันเองได้อย่างไม่ยากเย็น

    ว่าแล้วฉันก็ไม่รีรอไปไหว้ “พระนอนวัดโพธิ์” (วัดพระเชตุพนฯ) เปิดประเดิมทริปเอาฤกษ์เอาชัยในทันที พระนอนองค์นี้ มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯและใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเมืองไทยรองจาก พระนอนวัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง และพระนอนจักรสีห์ จ.สิงห์บุรี

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระพักตร์พระนอนวัดโพธิ์องค์โตที่สุดในกรุงเทพฯ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พระนอนวัดโพธิ์ ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังใหญ่ด้านถนนมหาราช สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 (วัดโพธิ์เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1) ซึ่งพระองค์ทรงมีดำริว่า ที่ผ่านมาได้โปรดฯให้สร้างพระพุทธรูปปางอื่นๆไว้ตามวัดต่างๆหลายปางแล้ว ขาดก็แต่พระพุทธรูปปางไสยาสน์ จึงโปรดฯให้สร้างพระนอนขึ้นที่วัดโพธิ์
    พระนอนวัดโพธิ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่มีพุทธลักษณะงดงามเป็นอันดับต้นๆแห่งสยามประเทศ ดำเนินการสร้างโดยช่างสิบหมู่หลวงและมีหลวงพระองค์เจ้าลดาวัลย์ (กรมหมื่นภูมินทรภักดี)เป็นผู้กำกับดูแลการก่อสร้าง

    พระนอนองค์นี้เชื่อกันว่าเป็นปางโปรดอสุรินทราหู เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ ในขณะที่พระพักตร์อิ่มเอิบ ดูขรึมขลังงดงามสมส่วน เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งศรัทธายิ่งนัก ส่วนที่ฝ่าพระบาททั้ง 2 ข้าง ประดับมุกเป็นลวดลายมงคล 108 ประการ ที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ยกให้นี่เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ เพราะอันงดงามไปด้วยศิลปะไทย-จีนที่ผสมผสานกันกลมกลืนอย่างลงตัว

    อนึ่งการประดับลวดลาย 108 ประการไว้ที่ฝ่าเท้าของพระพุทธไสยาสน์นั้น เป็นไปตามคติอินเดียโบราณที่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งคือฝ่าพระบาทมีลายมงคล 108 ประการ ได้แก่ ปราสาท หอยสังข์ ช้างแก้ว นก หงส์ ภูเขา เมฆ ฯลฯ ตรงกลางเป็นรูปกงจักร แสดงถึงพระบุญญาบารมีอันแรงกล้า ซึ่งหากเป็นพระพุทธรูปปางอื่นๆจะมองไม่เห็นยกเว้นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ทำให้ช่างผู้สร้างบรรจงประดับลวดลายอันวิจิตรไว้อย่างเต็มที่ ฉะนั้นใครที่ไปไหว้พระนอนวัดโพธิ์แล้วฉันขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดการชมลวดลายบนฝ่าพระบาททั้ง 2 ด้วยประการทั้งปวง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระไสยา พระนอนวัดบวรที่งดงามตามแบบศิลปะสุโขทัย </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ไหว้พระนอนองค์งาม องค์โตที่วัดโพธิ์กันแล้ว ฉันเดินทางต่อไปยังวัดบวรนิเวศฯ เพื่อสักการะ“พระไสยา” อีกหนึ่งพระนอนองค์งามแห่งย่านบางลำพู

    พระไสยา ประดิษฐานอยู่มุมหลังของวิหารพระศาสดา เป็นพระนอนปางปรินิพพานที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก ทั่วทั้งพระวรกายดูเหลืองอร่ามอ่อนช้อยคล้ายมีชีวิต มีลักษณะชายผ้าสังฆาฏิเป็นแบบเขี้ยวตะขาบอันงดงาม ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของพระพุทธไสยาสน์ศิลปะสุโขทัย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระพักตร์ยิ้มเล็กๆน้อยในแบบศิลปะสุโขทัยของพระนอนวัดบวร</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในขณะที่พระพักตร์ของพระไสยาเป็นไปตามแบบฉบับศิลปะสุโขทัยที่นิยมสร้างพระพุทธรูปในพุทธลักษณะหลังจากการตรัสรู้ จึง ดูสงบ อิ่มเอิบ ยิ้มน้อยๆ สะท้อนสภาวะแห่งความปีติสุขที่อยู่ภายใน

    เดิมพระไสยาประดิษฐานอยู่ที่วัดพระพายหลวง จ.สุโขทัย ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จะโปรดให้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหารตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงผนวชอยู่ เนื่องจากได้ทอดพระเนตรเห็นว่ามีพุทธลักษณะงามกว่าพระไสยาสน์องค์อื่นๆ

    นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่ากันว่าสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์“นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม” เมื่อได้เห็นองค์พระไสยาแล้ว ถึงกับประทับใจในความงามอีกทั้งยังนำไปเป็นแรงบันดาลใจในการออกออกแบบพระนอนวัดราชาธิวาส ที่หลังจากไหว้พระไสยาแล้วฉันก็มุ่งหน้าไปไหว้พระนอนที่วัดราชาธิวาสในทันที

    ปกติการสร้างพระพุทธรูปของไทยมักจะเป็นการสร้างงานพุทธศิลป์แบบนามธรรมสื่อแทนรูปเคารพขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า แต่กับพระพุทธไสยาสน์ที่วัดราชาธิวาสฯนี่กับแตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นพระนอนที่สื่อลักษณะถึงความเป็นมนุษย์มากที่สุดองค์หนึ่ง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระนอนวัดราชางดงามด้วยพุทธศิลป์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนจริง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พระนอนวัดราชา ประดิษฐานอยู่ ณ ห้องประชุมตึกไชยันต์ บนชั้น 6 ของอาคารไชยันต์ในโรงเรียนวัดราชา อาคารหลังนี้สร้างโดยดำริของกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย(พระองค์เจ้าไชยันตมงคล)ต้นราชสกุลไชยันต์ ที่มีพระประสงค์ให้สร้างพระพุทธไสยาสน์ประจำวันเกิดไว้คู่กับโรงเรียนวัดราชาฯ

    พระนอนวัดราชา หรือ “พระนิพพานทรงญาณ” สร้างในรัชกาลที่ 6 ออกแบบโดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ "นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม" มีพระเทพรจนา (สิน) เป็นผู้ปั้นและหล่อ เป็นพระพุทธรูปหล่อสำริด ปางทรงพระสุบิน ศิลปะประยุกต์แบบกรีก ที่มีพุทธสรีระให้ความรู้สึกเหมือนจริงตามธรรมชาติ คือมีพระวรกายคล้ายคนทั่วไป ห่มจีวรพลิ้วไหวเป็นริ้วบางเบาคล้ายผ้าจริง พระเนตรหลับตาพริ้มรวมไปถึงลักษณะการวางพระบาทก็แสดงออกมาในลักษณะสมจริงเช่นคนหลับทั่วไป ดูแล้วเป็นอิริยาบถการนอนหลับที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งยามที่ฉันยืนมองไกลๆแล้วรู้สึกว่าคล้ายพระสงฆ์จริงๆนอนอยู่บนแท่นยังไงยังงั้นเลย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระพักตร์ยามหลับตาพริ้มของพระนอนวัดราชา </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนี้ทางกรมศิลปากรยังยกให้พระนอนวัดราชาเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งในเมืองไทย เนื่องเพราะมีความงามอันโดดเด่นด้านการมีพุทธลักษณะเหมือนมนุษย์ที่งามที่สุด อีกทั้งยังเป็นการผสมผสานอย่างกลมกลืนของรูปแบบทางพุทธศิลป์แบบตะวันออกและลักษณะทางศิลปกรรมแบบตะวันตกอย่างลงตัว

    ...............................

    หลังการไหว้พระนอนองค์งามทั้ง 3 องค์นอกจากฉันจะอิ่มเอิบใจแล้ว ยังรู้สึกว่าความงามในพุทธศิลป์ของพระนอนทั้ง 3 องค์ยังแฝงไว้ด้วยพลังแห่งศรัทธาที่ไม่เพียงก่อให้เกิดความงามต่อสายตาของผู้สักการะบูชาเท่านั้น หากแต่ยังก่อให้เกิดความงามในจิตใจของผู้กราบไหว้อีกด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนฯ เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 เดิมชื่อวัดโพธาราม วัดนี้มีของดีให้ชมมากมาย อาทิ เจดีย์ 4 รัชกาล โบสถ์วัดโพธิ์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของไทย รูปสลักฤาษีดัดตน ยักษ์วัดโพธิ์ ลั่นถัน นายทวารบาล ฯลฯ นอกจากนี้หากเกิดอาการเมื่อระหว่างเที่ยววัดโพธิ์ สามารถไปใช้บริการนวดวัดโพธิ์อันขึ้นชื่อระบือไกลได้
    วัดโพธิ์ ตั้งอยู่ริมถนนสนามไชยและถนนมหาราช ติดกับพระบรมมหาราชวัง เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00-17.00 น. ชาวต่างชาติจะต้องซื้อบัตรเข้าชมคนละ 20 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต้องแต่งกายสุภาพ สุภาพสตรีห้ามสวมกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเข้าไปเที่ยวชม หากเดินทางโดยรถประจำทาง มีรถผ่าน สาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 32, 43, 44, 47, 48, 53, 60, 82, 91, 123 รถปรับอากาศ สาย ปอ.6, 7, 8, 9, 12, 25, 44, 91


    วัดบวรนิเวศฯ สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2367-2375 เดิมชื่อวัดใหม่ ภายในวัดบวรมีสิ่งน่าสนใจ อย่างเช่น พระมหาเจดีย์ใหญ่สีทอง ศาลาพระพุทธบาท องค์พระประธานวัดบวรที่มี 2 องค์ พระศาสดาพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยปางมารวิชัย สำหรับสถานที่น่าสนใจอื่นๆในวัดบวร บางส่วนทางวัดเปิดให้เข้าชมในวันเสาร์-อาทิตย์ บางส่วนรวมถึงพระไสยาหรือพระนอนในวิหารพระศาสดาจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในวันสำคัญทางศาสนา หรือไม่ก็ต้องขออนุญาตเข้าชมเป็นกรณีพิเศษ โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 0-2281-2831-3
    วัดบวรนิเวศวิหาร ตั้งอยู่ต้นถนนตะนาวและถนนเฟื่องนคร บางลำพู ส่วนการเดินทางไปวัดบวรฯมีรถประจำทางสาย 56 , 68 และรถประจำทางปรับอากาศสาย 516 ผ่าน

    วัดราชาธิวาสฯตั้งอยู่ใน ซอยสามเสน 5 เขตดุสิต เป็นวัดเก่าแก่ก่อนสมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดสมอราย ในวัดราชานอกจากพระนอนองค์งามแล้วยังมีสิ่งชวนชม อาทิ โบสถ์ทรงแปลกที่ออกแบบโดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ รวมถึงจิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียก(เฟรสโก)ภายใน ศาลาการเปรียญไม้สักหลังใหญ่ สำหรับผู้ที่จะเข้าสักการะพระนอนวัดราชาติดต่อขอเข้าชมได้ที่ โรงเรียนวัดราชา 0-2243-2159,0-2241-5525 ในวันเวลาราชการ
    วัดราชาธิวาสฯ ตั้งอยู่ที่ถนนสามเสน 9 ใกล้ๆ กับหอสมุดแห่งชาติและท่าวาสุกรี มีรถเมล์สาย 3, 9, 19, 30, 33, 64, 65, 110, ปอ. 524 ผ่าน


    อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
    เที่ยว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01pra01021050&day=2007-10-02&sectionid=0131

    วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10797

    ปริศนาคำถาม เบื้องหลัง"พระบรมรูปทรงม้า" อันเกี่ยวข้องกับ ร.5

    โดย วิภา จิรภาไพศาล wipha_chi@yahoo.com



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ด้วยระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่จึงเกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธและพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็น วัด วัง พระบรมราชานุสาวรีย์ ฯลฯ

    หากความวิจิตรบรรจงของงานศิลปกรรมเบื้องหน้าที่เห็น จะแพรวพราวมากขึ้นถ้าได้ทราบความเบื้องหลังของสถาปัตยกรรมนั้นๆ

    นิตยสาร "ศิลปวัฒนธรรม" ฉบับเดือนตุลาคม จึงนำเสนอที่มาที่ไปของงานสถาปัตยกรรมที่รู้จักกันดี 2 รายการ ด้วยกัน

    หนึ่งคือพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือที่รู้จักโดยทั่วไปว่า "พระบรมรูปทรงม้า" อีกหนึ่งคือ "วัดมกุฏกษัตริยาราม"

    เมื่อกล่าวถึง พระบรมรูปทรงม้า ภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกำลังทรงม้าสร้างด้วยโลหะบรอนซ์ ด้วยฝีมือช่างฝรั่ง ประดิษฐานอยู่ที่ลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม

    ความหลังของพระบรมรูปทรงม้าที่เราท่านทราบกันโดยทั่วไปคือ เงินที่สร้างพระบรมรูปมาจากการร่วมใจกันของประชาชน ที่ร่วมกันถวายเป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะใช้สร้างพระบรมรูปทรงม้าแล้วยังเหลือไปสร้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    หากความหลังของพระบรมรูปทรงม้าที่หลายท่านเคยทราบ และหลายท่านไม่ทราบคือ ตามปกติอนุสาวรีย์ของบุคคลนั้น มักสร้างภายหลังที่บุคคลนั้นสิ้นชีวิตไปแล้ว ยกเว้นพระบรมรูปทรงม้า

    โดยเมื่อสร้างเสร็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดพระบรมรูปของพระองค์ด้วยพระองค์เอง
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
    [​IMG]
    (ซ้าย) พระบรมรูปทรงม้า ที่โรงหล่อ SUSSE Frees, Paris (ขวา) หนังสือพิมพ์อิตาลี เผยแพร่ความสนพระทัยงานประติมากรรมของช่างอิตาลี (เอื้อเฟื้อภาพโดย คุณไกรฤกษ์ นานา)


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    และวันนี้นิตยสารศิลปวัฒนธรรมนำเสนอข้อมูลเบื้องหลังเพิ่มเติมอีกระดับ โดย ไกรฤกษ์ นานา ว่า

    "พระบรมรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 100 ปีมาแล้ว และเป็นที่เข้าใจว่าเป็นพระบรมรูปองค์แรกและองค์เดียวในลักษณะทรงนั่งบนหลังม้าของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    ความเชื่อนี้คงอยู่ต่อมาถึง 1 ศตวรรษ แต่วันนี้พบว่ายังมีหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติมอีกที่แสดงว่า พระบรมรูปทรงม้าที่เรารู้จัก อาจจะไม่ใช่เป็นองค์แรกที่ถูกสร้างขึ้น ทั้งสาเหตุในการสร้างก็อาจไม่ใช่ตามที่เราเข้าใจกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. เชน

    เชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,037
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  11. Pichet-m

    Pichet-m เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +393
    สลิปโอนเงินครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 031007.jpg
      031007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.9 KB
      เปิดดู:
      28
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โมทนาสาธุ กับผู้ที่ได้ร่วมสร้างบุญสร้างเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งครับ เห็นความคืบหน้าแล้วสุขใจจริงๆครับ แล้วนำรูปมา updateเรื่อยๆนะครับ
    ขอบคุณ และโมทนาสาธุครับ
    nongnooo...
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แค่รูปเก่าๆ เห็นแล้วก็ปลื้มปิติอย่างที่สุดแล้ว
    แต่ถ้าเห็นรูปพระเจดีย์ที่สร้างเสร็จแล้ว จะปลื้มขนาดไหน
    แต่ถ้าไปเห็นกับสองตาของตนเอง ตอนที่พระเจดีย์สร้างเสร็จแล้ว จะยิ่งปลื้มปิติมากขึ้นอีกขนาดไหน

    พูดไม่ออกจริงๆครับ

    อีกเรื่องที่ผมได้ฟังพี่ใหญ่พูดมา ก็คือ ปกติผู้คนทั้งหลายจะสร้างพระพุทธรูปที่เป็นพระสาวก ส่วนใหญ่ก็จะสร้างพระโมคคัลลานะเถระเจ้า ,พระสารีบุตรเถระเจ้า ,พระสิวลีเถระเจ้า ,พระสังกัจจายน์เถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า ฯลฯ

    แต่สำหรับพระอานนท์เถระเจ้า ผมเองไม่เคยเห็นมีใครสร้าง พระอานนท์เถระเจ้า พระองค์ท่านก็ไม่ธรรมดา ผมเองถ้ามีโอกาสได้สร้างพระพุทธรูปที่เป็นพระสาวก ผมตั้งใจจะสร้างพระอานนท์เถระเจ้า

    ส่วนอีก 1 องค์ที่คิดว่า ถ้ามีโอกาสก็จะสร้างด้วย ก็คือ องค์พระอนุรุทเถระเจ้าครับ

    เรื่องมวลสารที่เป็นโลหะ ที่สามารถสร้างพระได้ ผมเองก็มีเรียบร้อย มีแผ่นทอง ,เงิน ,นาค องค์ผู้อธิษฐานจิต หลวงปู่สุภา กันตสีโล ,หลวงปู่ทองดี อนีโฆ ,หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน ฯลฯ แถมยังมีพระขรรค์และกฤช อีก

    โมทนาสาธุทิพย์
    โมทนาสาธุทิพย์
    โมทนาสาธุทิพย์

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, ศ.รุ่งเรือง, teerins </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดึกๆ บุคคลภายนอกยังเข้ามาดูเยอะเลยครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รายละเอียดพระพิมพ์และวัตถุมงคล ที่มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ ( http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=68899 ) จะอยู่ในหน้าแรกของกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

    ส่วนยอดคงเหลือ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ และกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้เป็นระยะครับ

    *************************************************
    เรื่องการร่วมทำบุญก็คงเหมือนเดิม ท่านใดที่เคยร่วมทำบุญมาแล้ว ก็ได้ร่วมทำบุญด้วยจำนวนเงินที่น้อยกว่าท่านที่ไม่เคยร่วมทำบุญมาเลย จะมีทั้งพระสมเด็จวังหน้า ,พระพิมพ์อื่นๆของวังหน้า ,พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า และหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานครับ

    *************************************************
    หนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุญนาค) ซึ่งเขียนโดยปรัชนี ประชากร(ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร) ผมจะแจกให้กับผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง 3 ท่านแรก(ตามกติกา) จำนวน 3 เล่ม(ท่านละ 1 เล่ม) โดยมีหลักเกณฑ์ตามนี้ ต้องเป็นผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งไม่น้อยกว่า 50,000 บาท(โดยที่ท่านทำบุญและขอรับพระพิมพ์จากผมตามปกติ) <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ส่วนพระสมเด็จกลักไม้ขีด ผมมอบให้ผู้ร่วมทำบุญ จำนวน 5 องค์ สำหรับ 5 ท่านแรก (ผ่านพิธีพุทธาภิเษกในวันที่ 10 กรกฎาคม 2550 ในการพุทธาภิเษกผ้ายันต์ที่พระอาจารย์นิลนำลงไปแจกผู้ปฏิบัติงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้) องค์ผู้อธิษฐานจิต หลวงปุ่บรมครูเทพโลกอุดร 4 พระองค์(หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า ,หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า ,หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร) ,หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) ) ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ,หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ,หลวงปู่โพกสะเม็ก(หลวงปู่ขี้หอม) ,สำเร็จลุน ประเทศลาว ,หลวงปู่สีทัตถ์ ฯลฯ โดยมีหลักเกณฑ์ตามนี้ ต้องเป็นผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งไม่น้อยกว่า 50,000 บาท(โดยที่ท่านทำบุญและขอรับพระพิมพ์จากผมตามปกติ)
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โดยท่านผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งไม่น้อยกว่า 50,000 บาท(โดยที่ท่านทำบุญและขอรับพระพิมพ์จากผมตามปกติ) สามารถขอรับหนังสือวิเคราะห์ฯ และร่วมทำบุญเพื่อขอรับพระสมเด็จกลักไม้ขีดได้พร้อมกันครับ แต่หนังสือมีจำนวน 3 เล่มเท่านั้น ส่วนพระสมเด็จกลักไม้ขีดมีจำนวน 5 องค์ ดังนั้นท่านที่ 4 และท่านที่ 5 จะไม่ได้รับหนังสือแต่ผมจะมอบพระพิมพ์สมเด็จกลักไม้ขีดเพิ่มให้อีก 1 องค์ครับ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมขอสิ้นสุดการมอบหนังสือและพระสมเด็จกลักไม้ขีดในการร่วมทำบุญ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 จำนวนเงิน 50,000 บาท(รวมทั้งการร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูป 5 พระองค์(สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกกุสันโธ ,สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามโกนาคมน์ ,สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกัสสป ,สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามสมณโคดม ,พระศรีอาริยเมตไตร) ซึ่งผมจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป พร้อมมณฑปรอบพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง) ผมขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงระยะเวลา ถ้าหากว่าพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งสร้างเสร็จสมบูรณ์ก่อน และถ้าหากท่านใดได้ร่วมทำบุญและประสงค์ที่จะรับหนังสือและพระสมเด็จกลักไม้ขีด ผมขอพิจารณาเป็นรายๆครับ และผมให้สิทธิ์ในการจองหนังสือวิเคราะห์ฯและพระสมเด็จกลักไม้ขีดได้นะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โมทนาบุญทุกประการครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หมายเหตุ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพิธีพุทธาภิเษก วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม 2550<O:p</O:p
    กระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้<O:p</O:p
    หลวงปู่สุภา กันตสีโล โพสที่ 6010 หน้าที่ 601<O:p</O:p
    หลวงปู่สุภา กันตสีโล โพสที่ 6034 หน้าที่ 604<O:p</O:p
    สำเร็จลุน โพสที่ 6138 หน้าที่ 614<O:p</O:p
    พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) โพสที่ 6139 หน้าที่ 614<O:p</O:p
    พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม โพสที่ 6140 หน้าที่ 614<O:p</O:p
    พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม โพสที่ 6141,6142,6143 หน้าที่ 615<O:p</O:p
    พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) โพสที่ 6176,6178,6179,6180 หน้าที่ 618<O:p</O:p
    พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม โพสที่ 6181,6182,6183,6184,6185 หน้าที่ 619<O:p</O:p
    พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) โพสที่ 6186,6187,6188 หน้าที่ 619<O:p</O:p
    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) โพสที่ 6189 หน้าที่ 619<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คุณเพชร<O:p</O:p
    โพสที่ 6017 หน้าที่ 602<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คุณพันวฤทธิ์<O:p</O:p
    โพสที่ 6022 หน้าที่ 603
    โพสที่ 6103 หน้าที่ 611
    โพสที่ 6105 หน้าที่ 611

    [​IMG]
    <O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->


    สำหรับไม้ครูที่หลายๆท่านประสงค์ที่จะมีไว้ป้องกัน,คุ้มครองตนเองและสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้

    ผมจะมอบให้ฟรีกับผู้ที่ร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ มีรายละเอียดดังนี้

    1.ต้องเป็นผู้ร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ มาตั้งแต่ต้นหรือเป็นผู้ร่วมทำบุญใหม่ โดยทำบุญและขอรับพระพิมพ์ตามปกติ จำนวนเงินที่ร่วมทำบุญรวมกัน(หลายๆครั้งหรือครั้งเดียว) ตั้งแต่ 55,555 บาท

    2.เมื่อร่วมทำบุญครบ 55,555 บาท แล้วจะรับไม้ครู ต้องไปรับไม้ครูที่บ้านท่านอาจารย์ประถม อาจสาครเท่านั้น

    โมทนาสาธุครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post660642 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 19-08-2007, 09:40 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #7356 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10753​

    มองโลกอย่างเข้าใจ


    คอลัมน์ ความคิดที่ออกแบบได้

    โดย สาโรจน์ มณีรัตน์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>บ่อยครั้งที่เรามักมองโลกในแง่ดี และบ่อยครั้งที่เรามักชอบที่จะเข้าใจคนอื่น สงสารคนอื่น โดยนำประสบการณ์ของตัวเองมาสอน

    ซึ่งบางครั้งก็ได้ผลอย่างน่าประหลาดใจ

    แต่บางครั้งมันก็แค่เป็นเพียงยาแก้ปวดเท่านั้น

    ซึ่งเมื่อเขาและเธอรู้สึกทุกข์ขึ้นมาอีก หรือรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีก ยาที่เคยทาน หรือคำปลอบประโลมที่เคยหวานหอมก็อาจจะกลายเป็นคำพูดที่ไร้สาระได้

    ถ้าเขามองโลกในเชิงลบ

    "ผ่านมามีคนสอนผมให้มองโลกในแง่ดี หรือมองโลกในเชิงบวก เพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่ผมคิด สิ่งที่ผมพูด หรืออธิบาย ไม่เพียงเกิดผลกระทบกับสังคมส่วนรวม เนื่องจากผมเป็นคนพูดตรงเกินไป"

    เป็นคนชอบพูดความจริง

    ซึ่งความจริงที่พูดนั่นเอง ส่วนหนึ่งได้ใจกับคนบางกลุ่ม แต่คนอีกบางกลุ่มเขารู้สึกไม่พอใจ เขารู้สึกเสียหน้า เพราะความจริงที่พูดนั้น มันส่งผลกระทบโดยตรงกับเขา

    เขาจึงรู้สึกว่า ถ้าจะพูดความจริงต่อหน้าสาธารณชน ควรอย่างยิ่งที่น่าจะบอกเขาก่อน ไม่ควรมาหักหน้ากันแบบนี้

    ซึ่งเรื่องนี้มีให้เห็นอย่างมากในสังคมไทย ยิ่งเฉพาะสังคมคนทำงานด้วยแล้ว เรามักจะเจอคนเหล่านี้อยู่เสมอ จนรู้สึกว่าสิ่งที่เราประพฤติ ปฏิบัติตามคำสอนของวิชาศีลธรรมที่เรียนมาแต่เด็กคงไม่ได้ผลเสียแล้ว

    "เราควรที่จะทำตนเหมือนต้นหลิวคือลู่ตามลมกระนั้นหรือ?"

    "อาจารย์กรุณา กุศลาสัย" เคยบอกผมว่า ผู้มองโลกในแง่ดีชอบคิดว่า แก้วน้ำเต็มครึ่งหนึ่ง ขณะที่ผู้มองโลกในแง่ร้ายชอบคิดว่า แก้วน้ำว่างอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่สำหรับคนที่ชอบมองโลกแห่งความเป็นจริง กลับคิดว่า หากเราไม่ไปไหน วนเวียนอยู่ใกล้ๆ ในที่สุด เขาจะต้องเป็นผู้ล้างแก้วน้ำใบนั้น

    ซึ่งก็ทำให้ผมค้นพบคำตอบว่ามนุษย์ก็เป็นเช่นนั้นแล

    ฉะนั้น จะมีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องแสวงหาอะไรมากมาย ทำไมไม่หัดรู้จักที่จะผสมผสานสิ่งที่เป็นคุณ และโทษเข้าหากัน หรือไม่รู้จักแยกแยะสิ่งที่เป็นความจริง และความเท็จบ้าง

    "ซึ่งเมื่อมาทดลองใช้ ก็ค้นพบว่า การพูดความจริง เหมาะสำหรับคนบางคน บางอาชีพ และบางกลุ่ม ขณะที่การพูดแบบปลอบประโลม ก็เหมาะสำหรับคนบางคน บางอาชีพ และบางกลุ่มเช่นกัน"

    เหตุนี้เอง จึงทำให้ทุกครั้ง ที่ต้องฟังเรื่องราวของผู้คน ผมจึงมักที่จะถามเขาก่อนเสมอว่า ความจริงเป็นเช่นไร และความจริงนั้นทำให้เขา และเธอต้องเจ็บปวดหรือเปล่า?

    ซึ่งถ้าความจริงทำให้เขาต้องเจ็บปวด ผมก็จะบอกเขาว่า ให้หัดมองโลกในเชิงบวก คือมองว่าแก้วน้ำนั้นมีน้ำอยู่เพียงครึ่งเดียว ส่วนครึ่งที่เหลือ ก็หัดมองแบบเผื่อใจบ้าง

    เพราะไม่เช่นนั้น คุณก็จะอยู่แต่ในโลกแห่งความจริงตลอดกาล คือเมื่อเห็นใครวางแก้วน้ำไว้ตรงไหน คุณก็จะต้องเป็นคนล้างแก้วอยู่เสมอ

    เพราะเขามองโลกแห่งความเป็นจริงมากเกินไป

    ซึ่งเรื่องนี้มองแบบไม่คิดอะไรก็ได้ แต่ถ้ามองแบบแยกส่วน และมองอย่างผสมผสาน ก็จะเห็นว่าสิ่งที่ "อาจารย์กรุณา" สอนนั้นเป็นปรัชญา

    เป็นปรัชญาแห่งการเรียนรู้

    เพราะตลอดชีวิตของ "อาจารย์กรุณา" เกิดขึ้นจากปรัชญาแห่งการเรียนรู้ทั้งสิ้น ซึ่งเหมือนกับผม ผมเคยทดลองผิด ถูก ผมทดลองที่จะเป็นคนมองโลกเชิงบวก แต่เมื่อค้นพบคำตอบแล้วว่า การมองโลกเชิงบวก ไม่เพียงทำให้เรามองเห็นน้ำเพียงครึ่งแก้วเท่านั้น

    "ผมก็ลองมามองโลกเชิงลบบ้าง"

    ซึ่งก็ทำให้เรา เข้าใจความจริงทั้งสองส่วน และสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน ที่วุ่นวายกันอยู่ขณะนี้ ก็เนื่องจากการมองโลกแห่งความเป็นจริงทั้งสิ้น

    ที่เชื่อว่าฝ่ายนี้เป็นฝ่ายถูก

    ฝ่ายนี้เป็นฝ่ายผิด

    จนลืมมองไปว่า ที่ฝ่ายนั้นถูก หรือฝ่ายนั้นผิด ล้วนเกิดจากมุมมองของตัวเองทั้งสิ้น ล้วนเกิดจากการมองโลกแห่งความเป็นจริง ที่เชื่ออย่างสนิทใจว่า ที่ฉันต้องเป็นคนอย่างนี้ ที่ฉันต้องทำอย่างนี้ เป็นเพราะความถูกต้องของฉันที่เชื่อตลอดมา

    เหตุนี้เอง การแสดงประชามติเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 สิงหาคม จึงต้องมีการกากบาททั้งเห็นชอบ และไม่เห็นชอบ ถามว่าเป็นเพราะอะไร ก็เพราะมนุษย์เป็นผู้เลือกแล้วว่า สิ่งที่กำลังหยิบยื่นมาให้แสดงประชามตินั้นประกอบด้วยคน 2 กลุ่ม ที่ต่างมองโลกแห่งความเป็นจริง

    ยิ่งเฉพาะในมุมมองของตัวเอง

    ฉะนั้น จึงไม่แปลกหรอกที่โลกทุกวันนี้ จึงมีความวุ่นวายอยู่เสมอ และไม่เฉพาะแต่ประเทศไทยเท่านั้น หากนานาอารยประเทศ ก็ต่างมีความวุ่นวายไม่แพ้กัน

    ผมจึงคิดว่า การที่เราจะสอนคน หรือปลอบประโลมคน บางครั้งประสบการณ์เพียงอย่างเดียว คงไม่อาจทำให้เขา และเธอค้นพบสัจธรรมได้ภายในวันเดียว

    "แต่เราควรที่จะสอนให้เขารู้สึกเจ็บปวดบ้าง หนาวบ้าง ร้อนบ้าง หรือจมจ่อมอยู่กับความทุกข์อย่างแสนสาหัสบ้าง เพราะความเจ็บปวด หรือความทุกข์ จะทำให้เขาค้นพบตัวเอง"

    ค้นพบว่าเขาจะมัวจมจ่อมอยู่กับความทุกข์อย่างนี้ไปทำไม

    ทำไมไม่ลุกขึ้นสู้

    และกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง

    ผ่านมาผมมักจะเจอะเจอคนเหล่านี้อยู่เสมอ และทุกครั้งที่เจอ เขาก็จะพรั่งพรูในสิ่งที่เขาผิดหวัง ในสิ่งที่เขาคิดว่าเขาเป็นผู้ถูกต้อง

    แต่ทำไม พ่อ-แม่ ญาติพี่น้อง รวมไปถึงหัวหน้า หรือเพื่อนฝูงถึงไม่เข้าใจ ซึ่งผมก็จะทำหน้าที่เป็นผู้รับฟังที่ดี บางครั้งเออออห่อหมกด้วย แต่บางครั้งผมก็จะพูดอย่างเฉียบขาดว่า...คิดว่าตัวเองดีคนเดียวหรือ?

    คนอื่นผิดทั้งหมดจริงหรือ?

    และที่ผ่านมาคนที่คุณพูดถึงนั้นไม่มีส่วนดีบ้างเลยหรือ?

    ซึ่งก็ได้ผล ทำให้เขาต้องตอบผมอย่างอ้อมแอ้มว่า...ก็มีส่วนดีบ้าง แต่...

    คำว่า "แต่" นี่เอง ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาไม่นักเลงเลย หรือไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ หรือสุภาพสตรีเอาเสียเลย

    เพราะขนาดพูดอย่างนี้แล้ว เขายังรู้สึกเสมอว่าเขานั้นเป็นผู้ถูกต้อง

    ซึ่งคนเหล่านี้ เราไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งสิ้น เพราะรังแต่จะทำให้ชีวิตเราพลอยมัวหมองไปด้วย เพราะถ้าเกิดวันหนึ่ง เขารู้สึกว่า เราไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด เขาก็จะไปบอกคนอื่นอีกว่า...เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้อีก

    "ท่านพุทธทาสภิกขุยังเคยบอกว่าคนเราจงคบกันแต่ส่วนดี ส่วนไม่ดีช่างหัวเขา แต่สำหรับมนุษย์ทุกวันนี้ มักจะแยกแยะไม่ออกว่าส่วนดี หรือส่วนไม่ดีของคนอยู่ตรงไหน"

    เพราะอำนาจเงิน มันมาบดบังเสียสิ้น

    ซึ่งเห็นแล้วก็ให้เกิดอนิจจา

    ซึ่งเห็นแล้ว ก็ให้เกิดความรู้สึกว่ามนุษย์บางคนนั้นช่างหลงกลอยู่แต่กับดักของตัวเอง จนมองไม่ออกว่าคนดี กับคนไม่ดีนั้น แยกออกจากกันง่ายเพียงนิดเดียว

    แค่ฟังเขาคิด พูด และทำเท่านั้น เราก็จะรู้ง่ายๆ เลยว่าใครเป็นคนดี หรือไม่ดี ฉะนั้น มนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆ ที่ยังอยู่ในสังสารวัฏ ก็คงต้องใช้สติพิจารณากันเอาเองแล้วว่าเราจะดำรงตนอย่างแก้วน้ำเต็มครึ่งหนึ่ง หรือแก้วน้ำว่างครึ่งหนึ่ง

    หรือจะเป็นคนล้างแก้วไปตลอดทั้งชีวิต

    "ก็ลองพิจารณากันเอาเอง ?"

    http://matichon.co.th/matichon/matic...sectionid=0140<!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ท่านปา-ทานลงแล้วไม่มีคำบรรยายนี่หมายความว่าอะไรครับ(b-ng)
    สงสัยจา ใจดีรู้ว่าผมยังไม่มีเปิดให้ผมจองใช่มั้ยครับ(smile)
    ขอบคุณครับ
    nongnooo...
     

แชร์หน้านี้

Loading...