เหตุผลส่วนตัวที่ยังควรเชื่ออยู่ว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นเร็วๆนี้

โดยส่วนตัวไม่ได้ลบหลู่ คิดว่าคงจะมีจริง ( แต่ใจจริงไม่อยากให้เกิด ครับ ) สิ่งที่น่ากลัวคือ แผ่นดินไหวใหญ่ ในประเทศไทย ตึกถล่ม.. ส่วนน้ำทะเลหนุนสูงนี่ เป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะเกาะน้ำแข็งกรีนแลนด์ ก็ละลายครึ่งเกาะในปี 2012 นี้ ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูงมากอยู่แล้ว และพึ่งดูข่าวเมื่อคืน สำนักสงฆ์ แห่งนึงที่ติดทะเล เคยมีเนื้อที่มากกว่า 60 ไร่ ตอนนี้เหลือไร่เดียว กุฏีที่ปฏิบัติธรรมโดยน้ำซัดหมด.. น้ำทะเลมันกินเนื้อที่เข้ามามากแล้วจริงๆ.. น่าสนใจว่า อีกสัก 20 ปี ภาคใต้จะเหลือพื้นที่เท่าไร.. ขนาดนี้ ภาวะโลกร้อนเอย น้ำแข็งละลาย แผ่นดินไหวเคลื่อนตัว.. ซึนามิ มันส่งผลหมด.. ผมว่าปี 2013 ทั้งปีนี่แหละจะเป็นตัววัด หรือ ปีแห่งหายนะภัยทั่วโลกอย่างแท้จริง.. ซึ่งจริงๆไม่อยากให้เกิดเลย.. เคยอ่านเรื่องต่วยตูน เกี่ยวกับการนับ พ.ศ. คลาดเคลื่อนไป56ปี.. แล้วคำนวณมาได้ว่า กึ่งพุทธกาล 2500 ปี แท้จริงแล้วตรงกับ ค.ศ. 2013 ซึ่งแสดงว่าปีหน้า 2556 หรือ 2013 อาจจะเป็นกึ่งพุทธกาล 2500 ปี อันนี้ก็ไม่แน่ชัด แต่ได้เคยอ่านมา เป็นยังไงค่อยว่ากัน.. ( ใจจริงไม่อยากให้เกิดเลย ขอบุญบารมีพระสยามเทวาทิราชษ์คุ้มครองประเทศไทย )

 

*** เปลือกโลกขยับผล่าน ****

สมมุติว่า....
เปลือกโลกใต้ทะเลมหาสมุทร ยกตัว
น้ำทะเล ก็น่าจะสูงขึ้น ท่วมแผ่นดินมากขึ้น
เกิดผลกระทบ เป็นลูกโซ่มากขึ้น
เกิดการเปลี่นแปลงของภูมิประเทศ ภูมิลักษณะ แบบทันตาเห็น
จากยอดเขาสูงเสียดฟ้า อาจกลายเป็น ยอดเขาใต้ทะเลแทน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เลิกเพ้อเจ้อแล้วไปตายไป!!! เอาเรื่องโกหกมาหลอกคนรายวัน

 

ใครหลอกใครเขาพูดถึงความเป็มนไปใด้ ถ้าจะกลัวมากจึงค้านสุดลิ่มถ้าคุณทำใจไม่ใด้ก็จะเข้ามาอ่านทำไมล่ะครับแล้วคุณก็เดือดร้อนใจ

 

ท่านหนุมาน ผู้นำสาร ครับ ที่ผมอ่านเจอ เขาบอกว่าแผ่นเปลือกโลกที่เป็นมหาสมุทรจะหนักกว่า แผ่นเปลือกโลกที่เป็นทวีป นั่นเป็นเหตุผลว่าแผ่นมหาสมุทรส่วนใหญ่จะมุดใต้แผ่นทวีป ตามแนวไหล่ขอบทวีป คงยากที่แผ่นมหาสมุทรจะยกตัวสูงแล้วดันน้ำทะเลมาท่วมทั่วทวีปได้
ถ้าน้ำจะท่วมสูงขนาดที่ทำนายกัน คงเกิดจากอุกกาบาตขนาดใหญ่ตกลงมหาสมุทรอย่างเดียวเลยครับ


http://www.thaispaceweather.com/IHY/Earth/Earth_continental_drift.htm
.

 

มาแล้ว ผิด พ.ศ. ^_^
สัญญาณที่คนกรุงเทพฯ ต้องระวัง คือ ถนนและบ้านแถว ถนนบางขุนเทียน -ชายทะล ครับ ถ้าช่วงน้ำขึ้นแล้วท่วมหมด ครึ่งเมตร คิวต่อไปก็ถนนพระรามสอง ที่ถมสูงกว่าถนนเส้นนี้ประมาณเมตรนึง ยังมีเวลาครับ มันไม่ได้เร็วขนาดนั้น ท้ายที่สุดจะยกระดับถนนพระรามสองแปลงเป็นเขื่อนก็ยังทัน แม้ทำตอนนั้นจะแพง เพราะมัวแต่ทะเลาะกันวันนี้ แต่อนาคตก็คงต้องทำครับ วันที่พูดไว้นี่ วันที่ 28/12/12 เวลา 17:20

 

เหตุการณ์วันนี้ น่าสนใจมากๆ

ให้ลองดูนะครับว่าหลังจากที่มีปรากฏการณ์ดาวเรียงตัวกันแบบสมบูรณ์ในวันที่ 3 ที่ผ่านมาจุดดับบนดวงอาทิตย์ก็เพิ่มขึ้นทันทีภายใน 1 วันเท่านั้น และบางจุดมีแนวโน้มที่จะขยายใหญ่ขึ้นมากในเวลาสั้นๆ (ข้อมูลจากเวปภัยพิบัคิ)

№ 1638 N13 W21 02 Hsx 0100 03 309 Alpha

№ 1640 N28 W35 28 Eai 0240 13 323 Beta-Gamma-Delta

№ 1641 N05 E07 01 Hsx 0050 01 281 Alpha

№ 1642 S24 E34 01 Hsx 0080 02 254 Alpha

№ 1644 N14 E48 02 Hsx 0060 01 240 Alpha

№ 1645 S13 W05 11 Dro 0030 04 293 Beta

№ 1646 N13 E57 01 Hsx 0080 01 231 AlphaCoordinates and other characteristics of active regions are issued for January 04, 2013 00:31 UT

•09:00 จำนวนจุดดับบนดวงอาทิตย์ด้านที่หันเข้าหาโลก เริ่มมีจำนวนมากขึ้น
•20:00 ภาพถ่ายจุดดับหมายเลข 1640 จากยาน SDO ซึ่งเป็นจุดดับเกิดใหม่ที่ขยายขนาดรวดเร็วมาก
•21:30 จุดดับบนดวงอาทิตย์หมายเลข 1640 ที่ขยายตัวกว้างกว่า 200,000 กม


และแนวโน้มความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่เพิ่มขึ้นใน 1-2 วีนนี้

แผ่นดินไหวทั่วโลก ยกเว้นในไทยและใกล้เคียง (จาก USGS)

•เมื่อ 20.13 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 บริเวณ ประเทศตองกา ที่ความลึก 10.00 กม.

•เมื่อ 19.42 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.5 บริเวณ หมู่เกาะ Volcano ประเทศญี่ปุ่น ที่ความลึก 146.00 กม.

•เมื่อ 17.10 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.8 บริเวณ หมู่เกาะเคอมาเดค ที่ความลึก 52.70 กม.

•เมื่อ 15.31 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.3 บริเวณ Ceram Sea ประเทศอินโดนีเซีย ที่ความลึก 54.70 กม.

•เมื่อ 14.56 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.6 บริเวณ Falcon Venezuela ที่ความลึก 20.60 กม.

•เมื่อ 14.50 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.6 บริเวณ Sicily ประเทศอิตาลี ที่ความลึก 9.20 กม.

•เมื่อ 14.32 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.8 บริเวณ ประเทศตองกา ที่ความลึก 83.30 กม.

•เมื่อ 13.27 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.4 บริเวณ ประเทศฟิจิ ที่ความลึก 419.90 กม.

•เมื่อ 11.43 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.3 บริเวณ Mona Passage สาธารนรัฐโดมินิกัน ที่ความลึก 73.00 กม.

•เมื่อ 11.42 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.6 บริเวณ ใกล้ชายฝั่งตะวันออกของ เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ที่ความลึก 39.00 กม.

•เมื่อ 11.33 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.0 บริเวณ หมู่เกาะเวอร์จิน ที่ความลึก 41.00 กม.

•เมื่อ 10.29 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.8 บริเวณ ประเทศไต้หวัน ที่ความลึก 30.20 กม.

•เมื่อ 10.00 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.7 บริเวณ Kepulauan Barat Daya ประเทศอินโดนีเซีย ที่ความลึก 141.30 กม.

•เมื่อ 08.59 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.7 บริเวณ โอกลาโฮมา ที่ความลึก 10.70 กม.

•เมื่อ 07.50 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.7 บริเวณ หมู่เกาะคุริว ที่ความลึก 34.40 กม.

•เมื่อ 05.10 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.1 บริเวณ Kyrgyzstan ที่ความลึก 17.00 กม.

•เมื่อ 04.04 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.5 บริเวณ ตอนกลางของ แคลิฟอร์เนีย ที่ความลึก 8.10 กม.

•เมื่อ 02.13 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.8 บริเวณ รัฐบาฮากาลิฟอร์เนีย ประเทศเม็กซิโก ที่ความลึก 10.00 กม.

•เมื่อ 00.31 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.5 บริเวณ ทางใต้ของ แคลิฟอร์เนีย ที่ความลึก 9.90 กม.


ประกอบกับหลักการทางวิทยาศาสตร์จากท่าน ดร.ก้องภพ
ให้ฟ้งนาทีที่ 30 เป็นต้นไปนะครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=BEshOMmzYT4]คาดการณ์ภัยพิบัติฯ02 - YouTube[/ame]

และข้อมูลทางวิทย์

ทำไมจุดด้บถึงเป็นลางบอกเหตุแผ่นดินไหวได้ ?

จุดดับเป็นบริเวณที่เย็นที่สุดบนพี้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งทำให้เราสามารถเห็นภายในพี้นผิวของดวงอาทิตย์ได้ และมีขนาดแปรตามปริมาณอิเล็คตรอนที่เข้ามาในบริเวณนี้ตามโมเดลของดวงอาทิตย์ไฟฟ้า (Electric Sun) ส่วนการเปลี่ยนแปลงของปฏิกริยาบนดวงอาทิตย์นั้นมีความสัมพันธ์กับโลก ซึ่งตามผลการทดลองอย่างเป็นทางการบ่งบอกว่าพลังงานสนามแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์เชื่อมต่อระหว่างดวงอาทิตย์กับโลกตลอดเวลาทุกๆ 8 นาที ซึ่งสนามแม่เหล็กเหล่านี้จะเกิดขึ้นในอวกาศได้ก็ต่อเมื่อมีกระแสไฟฟ้ามาเกี่ยวข้องเสมอ จึงสรุปได้ว่าดวงอาทิตย์ส่งพลังงานไฟฟ้ามาที่โลกตลอดเวลา นอกจากนั้นแล้วเมื่อดวงอาทิตย์มีการสั่นสะเทือนโลกก็จะสั่นสะเทือนตามด้วย

เมื่อมีจุดดับเกิดใหม่ที่ดวงอาทิตย์จึงมีความเป็นไปได้ว่าพลังงานไฟฟ้าที่โลกได้รับนั้นก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันเช่นกัน นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกได้ เราจึงนำข้อสังเกตเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงจุดดับนี้มาใช้ในคาดการณ์แผ่นดินไหวบนโลกได้ล่วงหน้า ซึ่งจะเน้นเฉพาะแผ่นดินไหวที่มีขนาดเกิน 6.2 ริตเตอร์ขึ้นไป ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน

วิธีนี้ยังเหมาะสมใช้ในการคาดการณ์แผ่นดินไหวในช่วงที่ไม่สามารถสังเกตุกาณ์เปลี่ยนแปลงที่ดวงอาทิตย์ในรูปแบบของพายุสุริยะที่ชัดเจนนัก เช่นดังตัวอย่างภาพถ่ายดาวเทียม STEREO มุมกว้างข้างล่างนี้ STEREO



ข้อดีในการใช้จุดดับเป็นลางบอกเหตุแผ่นดินไหวนั้น ได้แก่ 1. เป็นวิธีการมีความเที่ยงตรงสูงแม้จะไม่สามารถบอกเหตุได้ครบทุกเหตุการณ์หรือเวลาที่เกิดเหตุก็ตาม 2. ทุกคนสามารถสังเกตุได้โดยใช้เครื่องมือดูดวงอาทิตย์ที่ราคาไม่แพง หรือใช้ข้อมูลที่หาได้จากเวปสาธารณะ แต่เป็นอันตรายต่อสายตาถ้าดูดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่า โดยการสังเกตปราฏการณ์นี้จะแบ่งเป็นสองรูปแบบดังนี้

1. การเปลี่ยนแปลงของจุดดับอย่างฉับพลัน

รูปแบบของจุดดับที่ควรสังเกตการณ์เป็นพิเศษคือจุดดับที่มีขนาดใหญ่และเกิดขึ้น หรือ ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียงหนึ่งวัน ซึ่งจะบ่งบอกถึงพายุสุริยะในรูปแบบของพลังงานไฟฟ้าเกิดขึ้นแล้ว และมีทิศทางมายังโลก โดยการเปลี่ยนแปลงของขนาดจุดดับจะต้องมีนัยสำคัญมากกว่าสองเท่าตัว หรือผลรวมจุดดับ (sun spot number) มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่า 15 จุดภายในหนี่งวัน ซึ่งจะมีแผ่นดินไหวขนาดเกิน 6.2 ริตเตอร์เกิดขึ้นบนโลกตามภายใน 1-4 วัน วิธีนี้เป็นวิธีที่มีความเที่ยงตรงสูง จากตัวกรณีศีกษาในรูปข้างล่างนี้ และตามที่สถิติในรอบ 2 ปี



การเปลี่ยนแปลงของจุดดับอย่างฉับพลันในวันที่ 10 มกราคม คศ 2010 ซึ่งตามด้วยแผ่นดินไหวที่เฮติในวันที่ 12 มกราคม คศ 2010

ตัวอย่างกรณีศีกษาโดยใช้วิธีนี้ได้แก่

• วันที่ 10 มกราคม คศ 2010 มีการขยายตัวของจุดดับอย่างฉับพลัน และ เกิดแผ่นดินไหวชนาด 7.1 ริตเตอร์ที่ประเทศเฮติ

• วันที่ 31 กรกฏกคม คศ 2010 มีการเกิดจุดดับใหม่เป็นจำนวนมากและเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 ริตเตอร์ที่ประเทศปาปัวนิวกีนีวันที่ 4 สิงหาคม

• วันที่ 31 สิงหาคม คศ 2010 มีการเกิดจุดดับใหม่เป็นจำนวนมากและเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 ริตเตอร์ที่ประเทศปาปัวนิวกีนีวันที่ 3 กันยายน

• วันที่ 1 ตุลาคม คศ 2010 มีการเกิดจุดดับใหม่เป็นจำนวนมากและเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริตเตอร์ที่ประเทศญี่ปุ่นวันที่ 4 ตุลาคม

• วันที่ 18 กุมภาพันธ์ คศ 2010 มีการเพิ่มขึ้นจุดดับอย่างฉับพลัน และเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริตเตอร์ที่ประเทศนิวซีแลนด์ วันที่ 21 กุมภาพันธ์

ส่วนเหตุผลที่มีจุดดับเกิดก่อนล่วงหน้า 1-3 วันก่อนมีแผ่นดินไหว นั้นเป็นเพราะพลังงานกระแสไฟฟ้า ที่มีพลาสม่าเป็นพาหะตัวนำใช้เวลาเดินทาง 1-3 วันมาที่โลก หรืออาจเกี่ยวข้องกับระยะเวลาที่โลกตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้

2.การเปลี่ยนแปลงของจุดดับในช่วงสูงสุด

การสังเกตปรากฏการณ์ในรูปแบบนี้จะยากกว่าแบบแรกเพราะต้องรอดูปริมาณจุดดับในวันถัดไปซึ่งจะทราบชัดว่าจุดดับถึงจุดสูงสุดแล้ว วิธิการนี้จะข่วยบ่งบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ดวงอาทิตย์ที่จะส่งผลกระทบต่อโลก การดูปริมาณจุดดับแบบนี้สามารถดูข้อมูลได้จาก www.cfbw.com/sunspotcount.htmซึ่งวิธีการนี้จะเสี่ยงต่อการคาดการณ์ผิดพลาดได้ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากปริมาณจุดดับเพิ่มสูงขึ้นเกิดจากการที่จุดดับโคจรมาให้โลกเห็นได้ได้ชัดขึ้นแต่ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงขนาดจุดดับไม่มากเพียงพอที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินรุนแรงได้ โดยความน่าจะเป็นที่แผ่นดินไหวจะเกิดในช่วงที่มีปริมาณจุดดับสูงสุดนั้นมีประมาณ 60% อย่างเช่นในภาพข้างล่างนี้ โดยการคาดการณ์ในลักษณะนี้จะมีความแม่นยำในช่วงที่จุดดับที่มีขนาดสูงมากกว่าช่วงก่อนหน้านี้เช่นอย่างที่เกิดในวันที่ 8 มีนาคม ซึ่งมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เกิดขึ้นสามวันให้หลังในวันที่ 11 มินาคม 2011 ที่ประเทศญี่ปุ่นขนาด 9 ริตเตอร์ Earthquake - Magnitude 9.0 - NEAR EAST COAST OF HONSHU, JAPAN - 2011 March 11, 05:46:23 UTC
กรณีศีกษา แผ่นดินไหวในวันที่ 23-24 สิงหาคม คศ 2011 - ที่สหรัฐอเมริกาและเปรู

โดยเริ่มเหตุการณ์จากเหตุการณ์ดาวเคราะห์เรียงตัวในวันที่ 20 สิงหาคม ระหว่าง ดวงอาทิตย์ โลก และ ดาวเนปจูน ซึ่งใกล้กับช่วงเวลาที่โลกเรียงตัวกับดวงอาทิตย์ และ ดาววีนัส ในวันที่ 17 สิงหาคม

ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.1 ริตเตอร์ Earthquake - Magnitude 7.1 - VANUATU - 2011 August 20, 16:55:02 UTC ในวันที่ 20 หลังจากนั้นพบว่าดวงอาทิตย์มีจุดดับเกิดใหม่ในวันที่ 21 สิงหาคมจากภาพถ่ายดาวเทียม SDO และสังเกตการเปลี่ยนของจุดดับขนาดใหญ่ได้อย่างชัดเจนในวันที่ 22 สิงหาคม และยังเรียงตัวในแนวเดียวกับโลกตามรายงานของ spaceweather.com แม้จะไม่เห็นพายุสุริยะที่ชัดเจนนักที่ดวงอาทิตย์ก็ตาม แต่ก็บ่งบอกว่ามีการเปลี่ยนของพลังงานไฟฟ้าระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์



ต่อมาในวันที่ 23 และ 24 สิงหาคม เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.8 ริตเตอร์ และ 7.1 ริตเตอร์ ที่ รัฐเวอร์จิเนิย สหรัฐ และ ที่ประเทศเปรูตามลำดับ

Magnitude 5.8 - VIRGINIA

Earthquake - Magnitude 7.1 - VANUATU - 2011 August 20, 16:55:02 UTC

ซึ่งเป็นไปตามรูปแบบที่ได้กล่าวมาข้างต้น และมีรายละเอียดของเหตุการณ์อื่นๆดังกล่าวได้บันทีกไว้ที่นี่ http://truth4thai.org/planetaryalignment/Aug17_2011

เมื่อเปรียบเทียบรูปแบบนี้กับปฏิกริยาดวงอาทิตย์ในอดีตวันที่เกิดแผ่นดินไหวที่เฮติ จะพบความคล้ามคลีงกันของสถานการณ์






จะเห็นได้ว่าเป็นภัยธรรมชาติของแผ่นดินไหวเกิน 6.2 ริตเตอร์ มีรูปแบบที่ชัดเจน เกิดขึ้นซ้ำ ซึ่งสามารถนำข้อมูลทางสถิติมาคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้ และใช้พิสูจน์สมมติฐานว่าแผ่นดินไหวจุดฉนวนจากนอกโลก

ส่วนการที่จะคาดการณ์ได้เที่ยงตรงกว่านี้ได้นั้นจะต้องพึ่งวิธีอื่นที่กล่าวมาในบทความก่อนหน้าที่ ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่ ดาวเคราะห์เรียงตัว ปรากฏการณ์พายุสุริยะ, พลังงาน X-ray flares จากดวงอาทิตย์, และการเปลี่ยนแปลงรอบๆโลกได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กในชั้น Magnetosphere การเพิ่มขึ้นของประจุไฟฟ้าในชั้น Ionosphere และการเปลี่ยนแปลงของเมฆบริเวณจุดเกิดเหตุ

ส่วนการต่อยอดความรู้เหล่านี้นั้น จะเป็นเรื่องการคำนวณเกี่ยวกับพลังงานทั้งหมดในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อบอกถึงระดับความรุนแรงของภัยพิบัติที่เที่ยงตรง และอื่นๆ

สรุปโดยย่อ แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในบางกรณีมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงขนาดจุดดับบนดวงอาทิตย์ เมื่่อมีจุดดับเกิดใหม่ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่ดวงอาทิตย์จะมีแผ่นดินไหวขนาดเกิน 6.2 ริตเตอร์เกิดขึ้นบนโลกภายใน 1-3 วันด้วยความน่าจะเป็นเกิน 90% โดยที่ขนาดของจุดดับที่ขยายตัวบ่งบอกถึงขนาดความรุนแรงของแผ่นดินไหว ซึ่งวิธีการนี้ใช้การได้ดีในกรณีทีไม่มีข้อมูลพายุสุริยะ หรือข้อมูลพายุสุริยะมีความคลุมเครือ

น่าเฝ้าดูนะครับ ข้อมูลผิดไปอย่าว่ากันนะครับ ขอท่านที่เชื่อเหมือนกันนะครับเผื่อเป็นประโยชน์บ้าง

 

ตอนนี้นะครับ สำหรับผมเองยังยึดหลักสถิติ และวิทย์ครับ คิดยังไงลองคุยกันนะครับ ให้ถือว่าเป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่มนะครับ ถ้าคอเดียวกันอย่าเพิ่งวางใจครับ

 

ภาพผิวดวงอาทิตย์ EUVI/AIA ในช่วงแสง 195A แสดงกลุ่มของจุดดับในด้านหน้าของดวงอาทิตย์ (ลองติจูด -90 ถึง +90) และด้านหลัง (ลองติจูด +-90 ถึง +-180) ปฏิกิริยาที่มีทิศทางตรงกับโลกจะอยู่ในช่วงลองติจูด -30 ถึง +30 (ในจุดดับ 1 หมายเลขจะมีจุดดับย่อยๆตั้งแต่ 1 ถึงหลายสิบจุด)

 

โลกเกิดแผ่นไหวเพราะมีผลกระทบจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ แล้วดวงจันทร์ มีแผ่นดินไหวจากเหตุเดียวกันบ้างหรือปล่าวครับ

 

แสดงว่ายังไม่จบ นึกว่าภัยใหญ่จบแล้ว ยังต้องตามลุ้นกันอีกเหรอครับ!!! แล้วครั้งหน้าจะหนักหน่วง จัดหนัก เหมือน 21 ธค. ,31ธคและวันที่ 3มค. รึเปล่า จะได้เตรียมตัว เตรียมหัวให้ดี ....

 

แฮ่ๆ ผมว่ามันเพิ่งเริ่มต้นครับ วันที่ 21 นั้นผมไม่เคยเชื่อเพราะเป็นวันที่พูดกันมานานเล่าขานเป็นตำนาน ไม่มีสถิติหรือหลักการอ้างอิง ผมเองมีความเชื่อมากมาย นี่จากคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องตำนานหรือคำทำนายนะครับ แต่คุณแม่และผมได้เคยสัมผัสกับเรื่องมห้ศจรรย์ของคุณ ET มาก่อนหน้านี้แล้วทุกคำทำนายที่เกินกว่าที่คนดื้อๆอย่างผมจะเข้าใจได้ หนึ่งคำทำนายที่เกี่ยวกับตัวผมที่ผมหัวเราะในใจว่าไม่มีทางแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียวที่จะเกิดขึ้นได้ ทำให้ผมต้องกลับมาคิดกับสิ่งที่ท่านพูดเกี่ยวกับเรื่องภัยครั้งนี้ เพราะคำทำนายนั้นเกิดกับตัวผมเมื่อไม่นานมานี้อย่างเหลือเชื่อ ผมจึงจัดคำทำนายของท่านเป็นสถิติที่มีความเป็นไปได้สูงมากๆๆๆ ประกอบกับหลักทางวิทย์ข้างต้น ประเมินแล้วว่าน่าจะเกิดขึ้นแน่นอน ผมเองไม่อยากให้เกิดหรอกครับ แค่นี้แค่เชื่อเรื่องนี้ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปมากแล้วแต่เราต้องยอมรับความจริงว่าเวลาจะเกิดเหตุอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ที่น่ากล้ว ไม่เคยมีใครหรือหน่วยงานใดเตือนก่อนได้เลย เช่นเรื่องน้ำท่วมปีที่แล้ว ทุกคนก็โทษว่าจัดการน้ำล้มเหลว แต่ก่อนหน้านั้นมีรัฐบาลไหนเตรียมความพร้อมกับน้ำเหนือบ้างล่ะครับ ไม่เคยเห็น ถึงแม้จะจัดการดีนะ ผมว่าก็คงไม่รอดกับน้ำมหาศาลแบบนั้น มันท่วมแบบมีนัยแปลกๆ ดังนั้นเตรียมตัวไว้สักนิด และดำเนินชีวิตต่อไปเถอะครับ แฮ่ๆ ที่เขียนมาเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ไว้อ่านเล่นกันในกลุ่มเพื่อนๆคอเดียวกันครับ

 

แฮ่ๆ ตอบไม่ได้ครับ ไม่รู้จริงๆครับอันนี้ แต่เดี๋ยวคงมีคนรู้มาตอบนะครับ

 

แผ่นดินไหวใหญ่ ๆ ... ผมว่าก็น่ากลัวระดับหนึ่งนะ
แต่ แผนดินไหวเล็กๆ แต่ถี่ๆ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตึกมันถล่มได้เหมือนกัน

ไม่ต้องการให้คิดมากนะครับ แต่คิดเผื่อๆไว้ก็ดี
อย่างผม ผมแค่คิดเผื่อว่า หากมีเหตุการแผ่นดินไหวแรง หรือ อาคารที่อยู่เกิดทรุดตัว
เราจะควรไปอยู่ที่ไหน ออกจากตึกอย่างไร ส่วนไหนของอาคารมีความปลอดภัย

เพราะเวลาเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อย ก็ได้คิดไว้แล้ว

 

แผ่นดินไหวขนาด 7.5 แมกนิจูดที่ ALASKA ใต้

 

เพิ่มเติมข้อมูล จาก manager.co.th 5 มกราคม 2556 เวลา 17:12 น

สื่อต่างประเทศ รายงานว่า ในวันนี้ (5 ม.ค.) เกิดเหตุแผ่นดินไหวในอะแลสกา แถบมหาสมุทรแปซิฟิก ขนาด 7.7 ริกเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นการสั่นสะเทือนที่รุนแรงมาก และทางการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ นั้น ยังได้กล่าวถึงการเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้ว่า มีความลึกประมาณ 6 ไมล์ หรือ 10 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม จากทางรายงานเบื้องต้น ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับความเสียหาย หรือจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

 

ฮา หนุมานจริงๆ สงสัยออกศึกลงกามากจนเพ้อ เห็นทำนายอะไรมาหลายปีแล้ว ไม่เคยถูกซักกะเรื่อง ก็ยังหน้าด้านทำนายต่ออยู่ โอย ขำ เอาๆ บ้าซะให้พอ

 

ล่าสุด จุดดับบนดวงอาทิตย์เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ล่าสุดอยู่ที่ 12 กลุ่มจุดคือหมายเลข 1640 ถึง 1651 มี แต่ละกลุ่มจุดมีหน่วยย่อยรวมแล้วทั้งหมด 181 จุด (SN)

 

มีครับ


• ทีมนักวิจัยนาซาเผย ดวงจันทร์มีแกนกลางคล้ายโลก


.

 

<a href="http://pic.free.in.th/id/b12610c85d53b84ac03f85fabef00c57" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/ia/g7qet.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>


รบกวนท่าน k8132 ช่วยแชร์ข้อมูลเพื่อเป็นวิทยาทานหน่อยครับเกี่ยวกับที่ผมได้โพสต์สอบถามไว้เมื่อปีที่แล้ว(25-12-2012)

ขอบคุณครับ