พระอาจารย์รัตน รัตนญาโณ แจ้งเตือน..ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้

เป็นดังนั้นค่ะ ทุกอย่างมีกรรมเป็นตัวแปร จิตเป็นเรื่องละเอียดมากและไวมาก รับรู้แล้วต้องแยกให้ได้ว่าสิ่งที่เห็นอันไหนจริงอันไหนไม่จริง ความกลัว ความกังวล การรับรู้ข้อมูลต่างๆผ่านประสาทสัมผัส คนที่รับรู้จริงๆคือจิต มันซึมเข้าไปแล้วการแยกแยะข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ผ่านจิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าศาสนาพุทธจำดำรงถึง 5000 ปี
อะไรที่ใช้งานมานาน ความเปลี่ยนแปลงต้องมีบ้างเพื่อให้ทุกอย่างหมุนต่อไปได้ แต่ไม่ใช่ล้างโลก สิ้นโลกอย่างที่เข้าใจกัน
"ประเทศไทยเป็นเสาหลักของพุทธศาสนาในกาลนี้"
และดิฉันเชื่อมั่นว่า เรายังดำรงชีวิตต่อไปตามปกติ การบิน การเดินเรือ ระบบสื่อสาร ไฟฟ้า ประปา เส้นทางการจราจร บ้านเรือนบางจุดบางที่อาจได้รับผลกระทบบ้าง โซนที่น่าเป็นห่วงคืออเมริกา แคนาดา จีน ยุโรปเหนือ ประเทศที่เป็นเกาะ เมืองที่อยู่ริมวงแหวนไฟค่ะ

 

ผมไม่ใช่ผู้ปฏิบัติธรรมเหมือนคุณน่ะแหละครับ ผมเป็นแค่คนเข้ามาเสพข้อมูลในเว็บนี้ ซึ่งเป็นห้องเฉพาะกลุ่ม หมายถึงเข้าเว็บนี้ และห้องนี้เท่านั้นไม่ได้ไปเสวนาที่ห้องอื่นด้วย...

ถ้าถามถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ถ้าลำดับบุญมีจริง อยากจะขอเรียงลำดับแบบงูๆ ปลาๆ
1.โฆษณาเกินจริง
2.รายการทีวี ที่หลอกลวงประชาชน
3.เว็บพนัน เว็บโป๊
4.รายการทีวี วิทยุ ที่รับโฆษณาของเว็บพนัน โดยที่ตำรวจไม่ทำอะไร (คุณมู ทำหน้าที่ด้วยครับ มีเกลื่อนเลย มีนานแล้วด้วย เปิดทีวี+วิทยุรายการกีฬาบอลดูหรือฟังบ้างนะครับ)
5.เว็บใบ้หวย (คุณมู เข้าข่ายหลอกลวงหรือเปล่า ถ้ามีคนไปแจ้งความ??)


และอื่นๆ อีกมากมาย ช่วยไปโพสต์คำว่า "ความรับผิดชอบต่อสังคม" ทุกๆ เว็บที่ไม่ดีด้วยนะครับ ถ้าเทียบกับเว็บนี้หรือบางกระทู้ในนี้ คงอยู่อันดับล่างๆ ล่างๆ ในส่วนความรับผิดชอบต่อสังคมเล็กๆ ด้วย

 

กฏหมาย VS กดมอย

เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของผมหลายคนประกอบอาชีพเป็นตำรวจ ผมรู้ดีว่าเป็นอย่างไร

 

ผมว่าขัดกับวิทยาศาสตร์อยู่นะครับ ไม่เคยได้ยินเลยว่าโลกเคยอยู่ในแกแลคซี่ไทรแองกูลั่ม ระยะทางระหว่างโลกกับ แกแลคซี่ไทรแองกูลั่ม ก็ห่างกันมาก (3 ล้านปีแสง)

Triangulum Galaxy - Wikipedia, the free encyclopedia

 

มันก็พูดยากครับ ขนาดเรื่องบนโลกยังรู้ไม่หมด ถ้ามีหลักฐานใหม่ๆ มาวิทยาศาสตร์ก็เปลี่ยนได้ เหมือนกัน หรือแม้กระทั่งเรื่องโลกกลม โลกแบน โลกเป็นจุดศูนย์กลางจักรวาล และล่าสุด Science - Manager Online - ข้อมูลใหม่หนุน “ไดโนเสาร์” สูญพันธุ์จากภูเขาไฟระเบิดไม่ใช่อุกกาบาต

แม้กระทั่งเรื่องผี ซึ่งคนทั้งโลก หลายประเทศ หลายศาสนา น่าจะหลายล้านคนพบเจอ วิทยศาสตร์ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์ก็หากันไปครับ

 

ถ้าเป็นเรื่อง ผี เรื่องวิญญาณ นี้ผมพอเข้าใจว่ามันมาเทียบกันยาก เพราะวิทยาศาสตร์แทบจะพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย แต่เรื่องนี้พื้นฐานการค้นพบ และข้อมูลต่าง ๆ มันมาจากวิทยาศาสตร์โดยตรง มีข้อมูลอ้างอิง และมีที่มาที่ไปของข้อมูลหมดทุกอย่าง (จากข้อมูล แกแลคซี่ไทรแองกูลั่มนั้นมีขนาดใหญ่มากถึง 50,000 ปีแสง แต่ถึงจะใหญ่ขนาดนั้น ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาปล่าว เพราะอยู่ไกลมาก ๆ)

ส่วนข้อมูลของ พระอาจารย์รัตน์นั้นเหมือนใช้พื้นฐานข้อมูลจากทางวิทยาศาสตร์ แต่ที่มา ที่ไป ของข้อมูลนั้นกลับไม่ตรงกัน และลอยแหวกขึ้นมาเฉย ๆ โดยไม่มีเหตุผลรองรับ อย่างน้อยถ้ามีเหตุผลอธิบายตรงส่วนที่เคลื่อนกันได้ ก็จะดูเป็นเหตุ เป็นผลมากกว่านี้ครับ

เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะปรามาสท่าน หรือคิดไม่ดีต่อท่านอย่างไร อาจจะมีบางอย่างที่ท่านรู้เห็นได้ มากกว่าที่วิทยาศาสตร์เห็นก็ได้

เราคงต้องรอดูกันไป อีกไม่นาน ความจริงทุกอย่างก็คงปรากฏ

 

ขอแตกประ้เด็นนิดส์นึ่งครับ เหมือนวงแหวนดาวเสาร์ที่ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เชื่อว่ามีวงแหวนเดียว แต่หลายปีผ่านไปเมื่อเทคโนโลยีสูงขึ้น จึงเข้าใจว่า วงแหวนดาวสาร์มีหลายวงแหวน หรือแม้กระทั่งดาว... (ผมจำไม่ได้ว่าดาวอะไรบ้างในระบบสุริยะจักรวาลเรานะครับ มากกว่า 1 ดาว ดาวพฤหัส+) ที่เมื่อก่อนคิดว่าไม่มีวงแหวน แต่ก็เพิ่งมาพบเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง เมื่อเทคโนโลยีสูงขึ้นเราก็คงจะเข้าใจอะไรมากขึ้น

หรือในทางพุทธศาสนา เมื่อญาณสูงขึ้น คงจะรู้อะไรมากขึ้น <-- อันนี้รับรู้เฉพาะตัวบุคคลไม่สามารถพิสูจน์ได้ ผมไม่เคยฝึกสมาธิเลยหาคำมาอธิบายไม่ได้เหมือนกัน คงเหมือนเรื่องพวกวิญญาณ คิดว่าน่าจะมีอยู่จริง แต่เป็นเรื่องส่วนบุคคลมากกว่าที่พบเจอด้วยตัวเอง

 

อยู่ที่ว่าความรู้นั้น อยู่ส่วนไหนขององค์ความรู้ที่เป็นจริงครับ ท่านอาจารย์ฯอาจจะเห็นมากกว่าวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน แต่เห็นจนสุดทางหรือเปล่า ไม่มีใครทราบได้

เช่นสมัยนอสตราดามุส ทำนาย ในเวลานั้น นอสตราดามุสยังเชื่อว่า โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หมุนรอบ
(แล้วที่นอสตราดามุสทำนาย ก็ถูกไม่ถึง 50% ของคำทำนายทั้งหมด แต่คนมักจำได้เฉพาะคำทำนายที่ถูกเท่านั้น)

แต่ต่อมาก็มีวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เราได้รู้ว่า โลกเป็นแค่เศษผงธุลีในจักรวาล
และวิทยาศาสตร์นี่เอง ที่ทำให้ท่านและกระผมได้มาพิมพ์ข้อความต่างๆเหล่านี้เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกัน

อนาคตอีกไม่กี่วัน จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่างๆเองครับ อยู่ที่ใครจะยอมรับความจริงได้มากแค่ไหน...


.

 

ไม่ต้องกลัว ถ้าอยากโลกแตก มันแตกแน่นอน อีก สี่พันล้านปี galaxy อันโดรเมดา มันพุ่งชน กาแลคซี่ ทางช้างเผือกแน่นอน แรง ดึงดูดที่ กระทำกันเอง ระหว่าง galaxy นี่ ผมว่าเด็ก ๆ เพราะ แรงที่ทำให้ทั้งคู่ชนกัน มันเป็นแรงที่เกิดจาก Dark Energy ที่เกิดขึ้นมาตั้งแ่ต่ครั้ง Big Bang จนป่านนี้ เอกภพ ยังขายตัวด้วย ความเร่ง เพิ่มขึ้น เรื่อย ๆ ผมว่า อาจารย์ ควรจะ อธิบาย Dark Energy ให้ได้ก่อน ที่จะ มาสรุปว่า ระหว่างแรงสองสาม galaxy จะมามีผลกระทบต่อโลก แต่ถึงอย่างไรอารยธรรมมนุษย์เรา ไม่รู้ว่าจะอยู่รอดไปถึงอีกล้านปีหรือเปล่า หายนะ มันเกิดขึ้น แน่นอน ไม่เร็วก็ช้า

Milky Way Galaxy's Head-On Crash with Andromeda: Artist Images | Space.com

 

เหมือนจะเอาข้อมูลจากทางวิทยาศาสตร์มาประกอบ แต่ผมสงสัยตรง "สาร CFC มีคุณสมบัติ “เบา กว่าธาตุอื่นๆทุกชนิด” จึง สามารถแทรกเข้าไปทำลายแกนพลังงานโลก" CFC เบา มันจะลอยขึ้นนะครับ ส่วนใหญ่จะพบแถวๆ สตราโตสเฟียร์ (deejai)

 

*0* ครับแต่ผมไม่มีอะไรต้องยอมรับความจริงนะครับ ลองหาเม้นท์เก่าๆ ผมดูเพราะผมไม่ได้บอกว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ 100% ผมแค่ตามหรือเฝ้าดูเหตุการณ์เพราะถ้ามันจะเกิดมันก็ต้องมีสัญญาณบอกเหตุ หรือเริ่ม เหมือนอย่างกระทู้นี้ที่บอกว่า หลังวันที่ 17 ธันวาจะมีสัญญาณดัง 1 2 3 4 5... หรือกระทู้พระคุณลุงที่บอกว่า ถ้าจะเกิดก็อาจจะมีฝนตกติดต่อกันหลายวัน สัตว์เลี้ยงสุนัขหรือแมวจะมีอาการตื่นกลัวผิดปกติ(ผมเลี้ยงแมว) แต่ถ้าไม่มีสัญญาณอะไร ผมก็ชิวๆ ไม่ได้ซีเรียส และไม่ได้มีส่วนได้เสียกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ก็ใช้ชีวิตตามปกติไป

ที่ผมโพสต์ปกป้องผู้ีที่โพสต์บอกกล่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะเกิด เพราะผมเห็นว่าท่านเหล่านั้นจะโพสต์ด้วยความสุจริตก็ดี (ส่วนที่ไม่สุจริตก็คงมีบางส่วน) อีกอย่างก็โพสต์บอกกล่าวในกลุ่มที่สนใจ เหมือนอย่างท่าน อยากรู้อยากเห็นจึงเข้ามาที่บอร์ดนี้ ส่วนคนที่ไม่อยากรู้อยากเห็นก็มีอีกมากมายหลายแสน หลายล้านคนก็ไม่เข้ามาอ่านบอร์ดพวกนี้หรอกครับ นั่งเล่นเกม เล่นเฟส เที่ยวผับ เที่ยวบาร์ไปตามเรื่อง

 

รู้ได้อย่างไรครับ อีกสี่พันล้านปี galaxy อันโดรเมดาจะมาชน กาแลคซี่ ทางช้างเผือกแน่นอน

เปรียบเหมือน หากขับรถจากกรุงเทพ-เชียงใหม่ ที่ 120 กม./ชม. ใช้เวลาในการขับ(ไม่รวมพัก) ราวประมาณ 7-8 ชม.ถึงเชียงใหม่แน่นอน แต่ก็นั้นแหละจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงแน่นอน ไม่ชนวัว ชนควาย หรือรถพลิกคว่ำกลางทางก่อนฉันใด ทุกอย่างก็ยังคงตั้งอยู่ในความไม่แน่นอนฉันนั้น ทั้งเรื่อง Big Bang เอย Dark Energy เอยคุณค้นคว้าด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ??? หรือดูจากสารคดี หรืออ่านหนังสือเอา ถ้าอย่างนั้นผมก็ดูครับ แล้วทฤษฏีการเกิด Big Bang มีมากกว่า 1 นะครับ นักวิทยาศาสตร์ยังถกเถียงกันเลยบางก็ว่าเกิดแบบนั้น บางก็ว่าเกิดแบบนี้ แล้วก็จุดจบของจักรวาลเ่ช่นกัน ก็ยังมีมากกว่า 1 ทฤษฏี แถมเอกภพบ้างก็ว่ามีเอกภพซ้อนเอกภพ ตามทฤษฏีควอนตัม บ้างก็ว่าเอกภพเป็นเหมือนฟองสบู่ แต่ละฟองสบู่มีเอกภพอยู่ในนั้น แล้วก็มีหลายร้อยล้านฟองสบู่ แถมยังมีทฤษฏีต่อไปอีกว่า แต่ละเอกภพกฏฟิสิกส์อาจไม่เหมือนกัน เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องอจินไตย ถ้าวิทยาศาสตร์ยังไม่รวมกับพุทธศาสตร์ได้ เถียงกันไปเถียงกันมาก็อาจจะยังคงไม่จบสิ้น ทั้งๆ ที่ผลลัพธ์อาจจะเหมือนกัน แต่ต่างกันที่วิธีทำ (ขออนุญาติยกตัวอย่างขำๆ อย่างเรื่อง Paycheck(2003) [ame="http://www.youtube.com/watch?v=1BOOQdiGVCo"]Paycheck.(2003)_TRAILER - YouTube[/ame]
เรื่องแนวนิยายวิทยาศาสตร์การมองเห็นอนาคต ถ้าตามหลักการทางวิทยาศาสตร์อาจจะเป็นอย่างในเรื่อง แต่ถ้าตามหลักพุทธศาสตร์ใช้การฝึกจิตก็อาจจะมองเห็นได้ เห็นไหมครับวิธีต่างกันแต่ผลลัพธ์คือ มองเห็นอนาคตเหมือนกัน ตัวอย่างขำๆ นะครับ)

 

ขออีกนิดนึ่งนะครับ พอดีตกหล่นไปนิด เป็นข้อสงสัยโดยส่วนตัว พอดีได้ดูสารคดีช่อง Discovery เกี่ยวกับเรื่องแสง มีตอนนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แสงเดินทางจากโลกใช้เวลา 8.5 นาทีโดยประมาณ (ขออ้างอิงจากเว็บนี้นะครับ การเดินทางของแสง | ThaiGoodView.com Knowledge for Thai Student) ถ้าอยู่ๆ ดวงอาทิตย์หายวับไป กว่าคนบนโลกจะรู้ว่าพระอาทิตย์หายต้องใช้เวลา 8.5 นาที แล้วอย่างไทรแองกูลั่ม ห่าง 3 ล้านปีแสง แสดงว่าเป็นภาพไทรแองกูลั่มเมื่อ 3 ล้านปีที่แล้ว ถ้าตอนนี้เราอยากรู้ว่าไทรแองกูลั่มอยู่ตรงไหน ก็ต้องเฝ้าถึง 3 ล้านปี(นานโขอยู่)หรือจนกว่าจะมีเทคโนโลยีที่จะสามารถรู้ได้ว่าไทรแองกูลั่มอยู่ตรงไหนในเวลานี้ใช่ไหมครับ?

และทุกๆ ภาพในจักวาลที่เราได้เห็น มันก็คือภาพในอดีตยิ่งไกลมาก ก็คือภาพอดีตที่นานมาก เราก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้สิ่งเหล่านั้นได้แตกดับ หรือกลายสภาพเป็นอย่างไรแล้วใช่ไหมครับ เพราะเราไม่สามารถตัดตอนแสงได้ว่าอยากจะเห็นภาพช่วงไหนเวลาไหน ถ้าปีแสงไม่นาน 100 10 หรือ 1ปีแสงหรือน้อยกว่านั้น เราก็ยังพอคำนวนได้เพราะเป็นเวลาน้อยในการเฝ้าติดตาม ถ้านานกว่านั้นสักเป็นแสนๆ ล้านๆ ปีแสงขึ้นไปก็ยากจะคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งเหล่านั้น ต้องอาศัยทฤษฏีและความน่าจะเป็นในการคาดเดา?

 

สิ่งที่ คุณต้องเตรียมตัว สำหรับ รับเหตุการณ์ กรณี เกิดขึ้นจริงๆ สำหรับ กรณี42 วันที่เราต้อง นอนนิ่งๆ ( ถ้าข้อมูลเป็นจริง เราพอมีเวลา เตรียมตัวอยู่หลายวัน ในช่วงที่ยังเดินทางได้)

ในที่นี้ ผมจะไม่พูดเรื่องการหา ทำเล ที่อยู่ น่ะครับ ว่าต้องไปจังหวัดไหน ใครสะดวก ตรงไหน อันนั้นตามสบาย เริ่มจาก ถ้าสมมติว่า คุณ ต้องนอนนิ่งๆ ไม่มีเรียวแรง มากพอ ที่จะเคลื่อนย้ายไปไหน ได้ไกลๆ สิ่งที่คุณจำเป็นต้องมี มีดังนี้ครับ(ตามปัจจัย 4)

1. ที่อยู่อาศัย ขอเริ่มจากอันนี้ก่อนน่ะครับ ถ้าเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมปีที่ผ่านมาถึง จนอยู่ไม่ได้ อันนั้น แนะนำว่า ควรหาที่อยู่ใหม่ แต่ ถ้าอยู่บนสถานที่ ที่สูงพอ และแข็งแรง ควรจะอยู่ตั้งแต่ ชั้น 2 ขึ้นไป อย่าอยู่ติดกับพื้นชั้นล่าง อย่างน้อย ก็ไม่จมน้ำตื้นๆ ตาย

สถานที่ ควรมิดชิด ยุงไม่เข้า แต่อากาศถ่ายเท สะดวก บ้านใครรู้ตัวว่าร้อน อย่าอยู่ทางทิศตะวันตก (สมมติว่า อากาศปกติน่ะ ) หามุมร่มๆ เย็นๆ ของบ้าน ที่ท่านจะต้องอยู่ อาศัย

2. อาหาร และน้ำดื่ม เตรียมน้ำบรรจุขวดไว้ให้มากพอ หรือถ้าใส่ภาชนะอื่นควรมีฝาปิดกันระเหย เพราะว่า ระยะ เวลานานพอควร พยายามแบ่ง กลุ่มชัดเจนว่า จะกินช่วงไหน จะได้ดูได้ว่า เพียงพอหรือไม่ สำหรับน้ำดื่มนั้น แนะนำว่า แบ่งเป็นกลุ่ม น้ำเปล่า และ น้ำผสมเกลือแร่ หรือ น้ำผสมน้ำหวานไว้ เพราะจะได้สะดวกเวลาดื่ม

อาหาร แหล่งพลังงานแรก ที่ร่างกายต้องการ มาจาก คาร์โบไฮเดรท ต่อมาเป็นไขมัน และโปรตีน ตามลำดับ ถ้าหาก ร่างกายขาดพลังงานจนถึงต้องดึงโปรตีนมาจากร่างกาย จะทำให้ร่างกายทรุมโทรมมาก ดังนั้น อาหารที่ท่านควรจะมีไว้และง่ายต่อการกิน คือ น้ำตาล อาจจะอยู่ในรูป น้ำตาลก้อน น้ำตาลทราย น้ำเชื่อม น้ำหวานต่างๆ น้ำผลไม้ ชนิดใดก็ได้

ถ้าสมมติว่าเป็นน้ำตาลอย่างเดียว ท่านต้องการพลังงานไม่น้อยกว่า 1000Kcal หรือประมาณ 250 กรัม ต่อวัน ต่อคน(คาร์โบไฮเดรทและน้ำตาล ให้พลังงาน 4kcal/กรัม) แต่ถ้าทานอาหารอย่างอื่นก็ พิจารณา ตามค่าพลังงาน แล้วกันน่ะครับ เอาแบบกินง่าย กากน้อย ไม่ต้องขับถ่ายมาก เก็บได้นาน เช่นคุ้กกี้ ขนมปังกรอบ ควรจะมีวิตามิน สักหน่อยก็ดีครับ สักวันละ 2 เม็ด พวก บีรวม ซี ร่างกายจะไม่ทรุดโทรมมาก อาหารชนิดอื่น พิจารณาเองน่ะครับ ว่า ท่านจะทานอะไรดี ถ้า ทาน กากมาก ก็จะต้องทนเหม็นหน่อยเท่านั้นเอง ครับ แต่ก็อยู่ท้องไม่ต้องหิว

สำหรับผม อาจจะเลือกทานเม็ดแมงลักละลายน้ำหวาน เนื่องจาก อยู่ท้องและ ค่อยๆ ปล่อยพลังงานออกมาจากน้ำเชื่อม ที่ซึมอยู่ในเม็ดแมงลัก และไม่มีปัญหาเรื่องขับถ่าย เพราะ ถ้าร่างกายดูดน้ำออกไปมาก เม็ดแมงลักจะหดตัวลง กลายเป็นเม็ดงาเล็กๆ เท่านั้น และลูกอมต่างๆ ที่ให้ค่าพลังงานพอสมควร ในแต่ละเม็ดจะได้ไม่คอแห้งมากนักครับ

สำหรับ อาหารต้อง เผื่ออาหาร บางชนิด เช่นอาหารแห้ง ไว้สำหรับรอดตายด้วยน่ะครับ ถ้าเกิดรอดเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ อาหารมันไม่ปกติกับเราด้วย ไม่มีจะขาย ไม่มีจะกินกัน ระบบสาธาณูปโภค น่าจะล่ม หมด ท่านหมดสิทธิใช้ไฟฟ้าในการหุงหาอาหารน่ะครับ ใช้ได้แต่เตาแก้ส(ใช้ได้ชั่วคราวด้วย ถ้าหมดคงไม่มีให้เติม) ใครหุงข้าวด้วยเตาไม่เป็นหัดไว้น่ะครับ หรือ จะต้มข้าวต้มก็แล้วแต่สะดวก มีเมล็ดพันธ์อะไร ที่จะปลูกแล้วกินได้ ก็เก็บๆ ไว้หน่อยก็ดีครับ เผื่อต้องอด จริงๆ (แนะนำผักบุ้ง และถั่วเขียวสำหรับทำถั่วงอก)

3. ยารักษาโรค ขอให้ท่านเตรียม ยารักษาโรคประจำตัวของท่านให้มากพอ จะอยู่ในระยะดังกล่าวได้ สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน นี่ต้องระวังน่ะครับ เป็นคนที่จะำลำบากสุด ท่านจะไม่สามารถทานยาปริมาณเท่าเดิมได้เนื่องจาก ทานอาหารน้อยลง ถ้าท่านทานยา เท่าเดิม จะเกิดปัญหาน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ ทางทีดี เตรียมเครื่องวัดเบาหวานไว้สักหน่อย น่ะครับ โดยปกติ ถ้าท่านทานน้อยลงกว่าเดิมสักครึ่งนึง คิดว่า สามารถหยุดยาได้โดยไม่มีผลกระทบอะไรมากนัก เป็นไปได้ควรปรึกษาหมอ หรือ ท่านใด เป็นหมอ ขอความกระจ่างตรงนี้ด้วยครับ ว่าควรจะมี วิธีการปรับยาอย่างไร

สำหรับท่านที่เป็นโรคอื่น ก็คือเตรียมยาส่วนตัวให้พร้อม และควรจะมียาประจำบ้านชนิดอื่นไว้ใกล้ตัว เพื่อหยิบฉวยได้ง่าย ขอแนะนำ ยาดม ยาหม่ิอง มีติดกายไว้ทุกคน เพราะว่า จะเหม็นมาก ถ้าท่านต้องนอนขับถ่าย และยังต้องดม ของคนข้างๆด้วย ยาละลายเสมหะ เพราะถ้านอนนานๆ จะมีปัญหา เสมหะเยอะครับเนื่องจากปอดโดนกดทับเป็นเวลานาน จากท่านอน ยาแก้ไิอ ชนิดระงับเฉียบพลัน(โคดีอีน Codeine) สำหรับท่านที่ชอบไิอ และเป็นหวัดอยู่ เพราะการไอ จะทำให้ท่านลำบากมาก ถ้าอยู่ในสภาพแบบนั้น) ทางที่ดี พยายาม ทำให้ร่างกายพร้อมที่สุดก่อนน่ะครับ ถ้าใครในครอบครัวไม่สบาย ต้องรีบเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ

เรื่องยา อย่าประมาท น่ะครับ เพราะถ้าท่านรอดตายจากงานนี้มาได้ ต่อไปถ้าไม่สบาย จะหาซื้อยา ลำบากมากๆ ไม่รู้ว่า จะมีเภสัชแถวบ้านรอดมาจ่ายยาให้เราได้หรือเปล่า ทางทีดี ถ้ารู้ตัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เรื่องยา เป็นเรื่องหนึ่งที่ท่านต้องนั่งคิดเลยน่ะครับ ว่าต้องการยา ชนิดใดบ้าง ปริมาณเท่าใด

4. เครื่องนุ่งห่ม ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ว่า มันจะร้อนหรือจะหนาว แต่ปกติ ถ้าไม่มีแสงเลย มันต้องหนาวแน่นอน ให้เตรียมผ้าห่มไว้ข้างๆ ที่มือเอื้อมถึงได้ ถ้าให้ดี ต้องมี จำนวนมากพอที่จะรักษาความร้อนในร่างกายไว้ได้น่ะครับ เพราะอากาศเย็น ร่างกายต้องเร่งเผาำผลาญมาก อาหารที่เราเตรียมไว้จะไม่เพียงพอ ส่วนเรื่องเสื้อผ้า เอาแบบสามารถถอดออกได้ง่ายกรณีมันร้อน หรือกางเกงที่ถอดสะดวก กรณีขับถ่าย ปกติเราจะทานอาหารไม่มากนัก จึงจะขับถ่ายน้อย (คิดแล้วเศร้า ถ้าถ่ายไม่ออกแต่ปวด) ควรมีกระดาษทิชชูจำนวนมาก ไว้ในห้องเพือทำความสะอาดตัวเองได้น่ะครับ พร้อมถุงพลาสติกและหนังยาง สำหรับใส่ทิชชูด้วยแล้วมัดปากถุงให้แน่น กลิ่นจะได้ไม่กระจายไปไกล สำหรับผู้ชาย ท่านสามารถปัสาวะใส่ ขวดน้ำที่ท่านดื่มได้ แต่ผู้หญิง ก็ลำบากหน่อย เตรียมการเอาละกันน่ะครับ ว่าท่านใช้อะไรดี

ส่วนเรื่อง แสงสว่างนั้น แนะนำว่า เป็นไฟฉาย กินถ่านน้อย หรือ เป็นแบบไดนาโม คือเอามือ หมุนเพื่อผลิตไฟฟ้าได้เอง หรือท่านจะเตรียมถ่ายไฟฉ่ายไว้มากพอก็แล้วแต่ครับ แต่ใ้ช้เท่าที่จำเป็น เพราะมันนานครับ สำหรับเทียนไข ผมไม่อยากแนะนำมาก เพราะ นอกจากไม่สะดวกแล้ว ออกซิเจน ในห้องยังโดนเผาผลาญไปด้วย จะมีดี ก็ตรงที่ให้ความอบอุ่นน่ะครับ แต่ต้องระัวังเพราะว่ามันคือไฟ น่ะครับ เกิดเหตุขึ้นมา จะไม่มีทางหนีได้เลย

หลักสำคัญคือ ท่านต้องรู้จัก ฝึกจิต คนที่เคยเดิน เคยเที่ยว ติดสังคม ติดความสะดวกสะบายจะรับ ตรงนี้ได้ยากมาก แล้วจิตใจมันจะมีแต่ความทุกข์ คือทุกวินาที เอาแต่เฝ้ารอให้ผ่านไป แต่ถ้าท่านหัดทำสมาธิ ฝึกจิต เจริญภาวนา เวลามันจะผ่านไปเร็วมาก จิตจะไม่จับแต่ร่างกาย ความเมื่อย ความหงุดหงิดใจ จะลดลง แล้วจะผ่านไปได้เองครับ

ใครจะเสนอ อะไร เพิ่มเติม จากที่ผมเสนอไว้ ก็เชิญน่ะครับ จะได้ช่วยกัน เมื่อได้ข้อสรุปที่คิดว่าเป็นการเตรียมตัวที่ดีแล้ว ก็จะได้เผยแผ่ออกไป

ข้อมูลคุณ CrystalEye
http://palungjit.org/threads/สรุป-ง...7-ธันวาเป็นต้นไปเตรียมตัวให้ดี.384056/page-10

 

ไม่มีทิฏฐิอะไรครับ ที่ผ่านมา การให้ข่าวสารบ้านเรามันกว้างเกินไปครับ ไม่มีความรับผิดชอบ นึกจะเขียนจะพูดยังไงก็ได้ เกิดก็ชั่งไม่เกิดก็ชั่ง ไม่สนใจว่า ว่าจะมีผลกระทบยังไงกับสังคมส่วนรวม กฏหมาย ไม่ได้ออกมาด้วยคนเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเดียว แต่ออกมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศครับ ส่วนการทำตามกฎโดยไม่ยึดกฎ คงไม่ได้ครับ แนวคิดนี้หลุดโลกเกินไปครับ คิดดูให้ดีๆนะครับ ทำตามกฎแต่ไม่กฎ แล้วจะมีกฎ ไปทำไมครับ งงสุดๆ ส่วนการปล่อยวาง ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยครับ สมมุตินะครับ คุณโทรมาแจ้งผมว่า คุณกำลังจะถูกโจรปล้นบ้าน มาช่วยด่วน ผมบอกว่า ไม่ไป ผมปล่อยวางแล้ว คุณจะฟ้องผมไหมนี่
หรือ ถ้าตำรวจอย่างพวกผม ไม่ยึดกฎ ปล่อยวาง แบบนี้คนร้ายก็เต็มบ้านเต็มเมืองสิครับ ถูกไหมครับ

 

ครับผม ที่ผมถามมานะครับ ลองอ่านดูใหม่นะครับ ผมไม่ได้ห้ามใครนะครับ ไม่มีสิทธิ์ห้ามใคร และก็ห้ามไม่ได้ด้วย ถามว่า ถ้าเกิดขึ้นจริง ผมจะรับผิดชอบยังไง ไม่รับหรอกครับ ก็บอกแล้วว่า ผมไม่ได้ห้าม จะให้ผมรับผิดชอบยังไงเล่าครับ กฎหมายใหม่ที่จะออกมาอีกไม่นานนี้นะครับ ไม่ได้ห้ามนะครับ ใครจะโพส ใครจะเขียน หรือสร้างข่าวยังไง ตามสบายเลยครับ แต่ กฎหมายใหม่ หนึ่งในข้อบัญญัติ พูดง่ายๆ แบบชาวบ้านชาวบ้านก็คือ การที่คุณหรือใครสร้างข่าวสารใดๆสู่สังคม คุณหรือใครๆ จะต้องรับผิดชอบทั้งด้านบวกและด้านลบ ของข่าวสารนั้นๆ และข่าวสารนั้นๆสามารถเป็นหลักฐานผูกมัด ในการดำเนินคดี ฟ้องร้อง ในทางอาญาและแพ่งต่อไปครับ
สรุปก็คือว่า ต่อไป ถ้ามีข่าวอย่างนี้อีก ถ้าเกิดขึ้นจริงๆ ผมคิดว่าทางรัฐคงจะประกาศเกียรติคุณ หรือทำอะไรสักอย่างเพื่อเชิดชูคุณงามความดีกันต่อไป แต่ถ้าตรงกันข้าม ก็คงเชิญคุณหรือใครๆคนนั้น เข้ามาสู่กระบวนการทางกฎหมายกันต่อไป ฉะนั้นต่อไป ถ้าเกิดขึ้นตามที่ทำนายมา ก็คงอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าไม่เกิดขึ้น ก็คงไม่มีสิทธิ์หายต๋อมไปไหนกันอีกแล้วนะครับ

 

+1
เห็นด้วยกับคุณตำรวจครับ

คนสมัยนี้ไม่ค่อยรับผิดชอบคำพูด
ถ้าพูดออกมาลอยๆแล้วบอกว่า ให้ไปคิดกันเอาเอง

... อย่าพูดเลยครับ ...

ในสังคมมีทั้งคนคิดน้อยและคิดเยอะ ถ้าไปเจอพวกคิดเยอะปลงไม่ได้ เชื่อแบบสุดโต่ง เครียดขายบ้านขายช่อง ลาออกจากงานหนีภัยไปที่อื่น
คนประเภทนี้ผิดเองที่เชื่อ ใช่ไหมครับ? คนนำสารไม่ผิดเลย




.

 

เท่าที่ผมอ่านมานะครับ ไม่ใช่แค่กระทู้นี้นะครับ ผมแปลกใจมีอยู่ข้อหนึ่ง ที่เหมือนหรือคล้ายกัน คือ ถ้ามีใคร ไม่เห็นด้วย หรือขัดแย้งกลับแนวคิดตนเอง หรือ แสดงความคิดเห็นในด้านตรงกันข้าม มักจะโดนกล่าวหาว่า ดูถูก หมิ่น ปรามาส อธรรม มาร หรืออะไรที่ไม่ดี มันหมายความว่ายังไงครับ ถ้าไม่เห็นด้วยกลับแนวคิดตัวเอง ก็ต้องเป็นพวกอธรรมกันหมดใช่ไหมครับ ผมว่าแบบนี้แหละเผด็จการความคิดอย่างที่แท้จริง เคารพแต่ตัวเอง ไม่เคารพผู้อื่น