ระหว่างการฝึกวิปัสสนาและเพ่งกสิณ อันไหนได้ฌาณเร็วกว่ากันคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 7 พฤศจิกายน 2012.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    แต่ส่วนตัวรู้กสิณจะทำให้ได้เร็วกว่า นั่งสมาธิทีไร จะทำให้รู้สึกง่วงเร็ว ไม่รู้จะแก้ยังไง
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    ปฏิบัติสมาธิ จน จิต สงบ ตั้งมั่น จน จิต เป็น สมาธิ ก่อนครับ

    หลังจากนั้น กำหนด ภาพ นิมิต กสิณ กองใด กองนึงขึ้นมา

    แล้วก็ เพ่ง นิมิตกสิณ กองนั้น ใน จิต ที่เป็น สมาธิ

    เพ่งจน เป็น ปฐมฌาน ของ กสิณ นั้นๆ ครับ



    การที่จะได้ ปฐมฌาน เบื้องต้นนั้น

    ต้องระงับ นิวรณ์ 5 ให้ได้ก่อนครับ

    ไม่อย่างนั้น ปฏิบัติเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางได้ ปฐมฌาน ครับ

    นิวรณ์ 5 คือ สิ่งปิดกั้น ปฐมฌาน




    นิวรณ์ ๕

    อกุศลธรรมที่คอยทำลายล้างความดีที่เป็นกุศล คือ ฌาน ท่านเรียกว่า นิวรณ์ มี ๕ อย่าง คือ
    ๑. กามฉันทะ ความพอใจใน รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันเป็นวิสัยของกามารมณ์
    ๒. พยาบาท ความผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
    ๓. ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณธรรม
    ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน และความรำคาญหงุดหงิดใจ
    ๕.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ ไม่แน่ใจว่าจะมีผลจริงตามที่คิดไว้หรือไม่
    เพียงใด
    อารมณ์ทั้ง ๕ ประการนี้ เป็นเพื่อนสนิทกับจิตใจมานับจำนวนปีไม่ถ้วน ควรจะพูดว่าจิตใจ
    ของเราคบกับนิวรณ์มานานหลายร้อยหลายพันชาติ เมื่อจิตใจเราสนิทสนมกับอารมณ์ของนิวรณ์
    มานานอย่างนี้ เป็นธรรมดาอยู่เองที่จิตใจจะต้องอดคบหาสมาคมกับนิวรณ์ไม่ได้ เมื่อเรามาแนะนำ
    ให้คบหาสมาคมกับฌาน ซึ่งเป็นเพื่อนหน้าใหม่ มีนิสัยตรงข้ามกับเพื่อนเก่าก็เป็นการฝืนอารมณ์
    อยู่ไม่น้อย ฉะนั้น ในฐานะที่นิวรณ์กับจิตเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน ก็อดที่จะแอบไปคบหาสมาคม
    กันไม่ได้ อารมณ์ที่จะคอยหักล้างนิวรณ์ คืออกุศลห้าประการนี้ได้ ก็อารมณ์ ๕ ประการของปฐมฌาน
    นั่นเอง

    โดย พระราชพหรมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
     
  3. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่ไม่ควรเข้าใจผิด ถ้าเข้าใจเส้นแบ่งตรงนี้ผิดไป จะทำให้หาทางแห่งมรรคไม่เจออีกนาน วิปัสสนาไม่ทำให้ได้ฌาน

    ส่วนที่ทำให้ได้ฌาน คือ การฝึกสมถกรรมฐาน ซึ่งการฝึกวิปัสสนาในรูปแบบต่างๆ ในปัจจุบัน ก็จะมีส่วนผสมของการฝึกสมถกรรมฐานด้วย
    แต่การวิปัสสนา ช่วยให้ผู้ที่ถึงฌานแล้ว สามารถทรงฌานเป็นปกติในชีวิตประจำวันได้

    เรื่องการฝึกให้ได้ฌาน ในสมถกรรมฐานนั้น เลือกเอาเลย จากกรรมฐาน 40 กอง ถนัดกองไหน ใช้ได้ทั้งนั้น เอาที่เราถนัดที่สุด ตามทุนเดิม

    เมื่อเข้าถึงตัวใดตัวนึงอย่างชำนาญแล้ว จะทราบได้ด้วยความรู้ของจิตเอง ว่า การเข้าถึงกรรมฐานกองอื่นๆ ทำได้ทั้งหมด โดยการตั้งอารมณ์แบบเดียวกัน แต่เปลี่ยนองค์ภาวนาเท่านั้นเอง
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    อย่าไปวัดเรื่อง เร็วช้า เอาจาก ชื่อวิธีการสิครับ

    ชื่อของวิธีการ มันเป็นเพียง อุบายในการเสวนาให้ ผู้ฟัง สนใจ ฟังแล้วเอ้ยเข้าท่า
    แล้วก็เกิดความ หาญกล้าที่จะปฏิบัติ

    จิตที่ เอ้ยเข้าท่า(ศรัทธาเกิด) แล้วแล่นไปสู่ความหาญกล้า(จิตใจร่าเริง ผ่องใส)
    น้อมไปปฏิบัติ(เกิดจิตตั้งมั่น รู้สภาพจิตตั้งมั่น)

    ตรงคำว่าเร็ว จึงอยู่ตรงที่ " ศรัทธา สัมปยุตกับ วิริยะ " ( จิตสมาทานสิกขา )

    ส่วนชื่อของ วิธีการ ที่ได้สดับเป็นเหตุ หากมีความเป็นสัมมาทิฏฐิจากกัลยาณมิตร
    ที่ถูกต้อง ก็จะเป็นเหตุให้เข้าถึงวิมุตติ ได้

    เช่น

    พระโมคัลลานะ ผู้เป็นตัวอย่างของบุคคลที่เลิศด้าน ฤทธิ์ ท่านไม่ได้ทำสมาธิ
    ทำฌาณจนบรรลุธรรม ในวินาทีบรรลุธรรม ท่านแค่ เดินๆๆ แล้วมาเจอ พระสารีบุตร
    รี่เข้ามาหา มากล่าว โศลกธรรม

    "เย ธัมมา เหตุ ปัพพวา
    เตสัง เหตุง ตถาคโต
    เตสัญจะ โย นิโรโธ จะ
    เอวัง วาที มหาสมโณ"

    พระโมคัลลานะ ก็มีจิตแล่นเร็ว สมาทานสิกขาได้ทันที หลังจบประโยค บรรลุ
    เป็นพระโสดาบัน

    พอบรรลุเป็นพระโสดาบัน กำจัดกองกิเลสก่อน มุ่งกำจัดกองกิเลสก่อน จิตสะอาด
    บริสุทธิแล้ว ก็มา สมาทาน หรือ ไม่ดูเบาใน สมถะ กรรมฐานเชิงฤทธิ์ทั้งหลาย ภาย
    หลังทำให้ บรรลุอรหันต์พร้อมกับการมี วิโมกข์8 อภิญญา ปฏิสัมภิทา

    เนี่ยะ บุคคลาธิษฐานความเป็นเลิศด้านฤทธิ์ ท่านมี ปฏิปทามุงประหานกิเลสเป็น
    โสดาบันก่อน แล้วจึงมาน้อมจิตไปใน สมถะกรรมฐานกองอื่นๆ ภายหลัง

    ฤทธิ์จึงได้มาทีหลัง ( จึงไม่ควรยก การฝึกกสิณ จะทำให้เร็วกว่า หรือ ไปยก
    ว่าวิปัสสนาทำให้เร็วกว่า ลองพินาให้แยบคายดู )

    การบรรลุเร็ว อยู่ที่ มีสัมมาทิฏฐิ มีศรัทธา มีการสดับธรรมที่ถูกต้องเป็นเหตุ

    ทีนี้ อย่างเราๆนี่ ต่อให้ฟังธรรมที่ถูกต้อง มันก็เถียง จิตมันเถียง คนปฏิบัติ
    คนฟังธรรมไม่ได้เถียง ไม่ได้อยากเถียง เพราะ ใครๆก็ปราถนานิพพาน
    แต่ทว่า จิตมันไม่ใช่เรา หากเรายังไม่ได้อบรมมัน มันก็เถียงแทนคนดีของสังคม( ท่านๆ นั่นแหละ )ไปก่อนเสมอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2012
  5. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    อือม... จริงๆแล้วสมถะและวิปัสสนามันต้องทำไปด้วยกันนะครับ
    แล้วการฝึกวิปัสสนาที่คุณอ้างถึง เป็นการฝึกแบบไหน
    น่าจะบอกรายละเอียดมานิดหนึ่ง

    และสมัยนี้ การฝึกสมถะเช่น กสิณ เขาไม่มุ่งเอาแต่สมถะกันอย่างเดียวแล้ว
    เพราะถ้าจะให้ดีและคล่องแคล่ว มันต้องควบวิปัสสนาด้วย
    เพราะตัววิปัสสนานั่นแหละที่พาให้ใจเป็นหนึ่งเดียวได้ง่าย

    โดยส่วนตัวก็ทำสลับกันไปสลับกันมา
    ยิ่งคล่องในกสิณ ยิ่งพาใจให้เข้าสู่วิปัสสนาได้ง่าย

    ปล. วิปัสสนาที่เห็นเขาทำกันส่วนใหญ่ ก็มีเพียบพร้อมไปด้วยสมถะไปทั้งนั้น
     
  6. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    สวัสดีวันพระครับ คุณ DuchessFidgette,

    อย่างที่คุณ อินทรบุตร บอกครับ เราคงต้องตั้งมุมมองกันใหม่ก่อน

    คุณคงทราบดีกว่ากรรมฐานมีสองแบบ
    แบบแรก คือ สมถกรรมฐาน (มุ่งบริหารจิตเป็นหลัก)
    แบบที่สอง คือ วิปัสสนากรรมฐาน (มุ่งอบรบปัญญาเป็นหลัก)

    สมถกรรมฐาน คือกรรมฐานเป็นอุบายสงบใจครับ
    บำเพ็ญเพียรทางจิตโดยใช้สมาธิเป็นหลัก มุ่งตัดนิวรณ์เป็นสำคัญ
    ซึ่งนิวรณ์ อย่างที่คุณ Saber บอก ... เป็นตัวขัดขวางการได้ฌานของเราครับ

    ส่วนวิปัสสนา คือกรรมฐานเป็นอุบายเรืองปัญญาครับ
    โดยพิจารณาสภาวธรรมหรือนามรูปให้เห็นด้วยปัญญาตามความเป็นจริงว่า
    ต่างตกอยู่ในอำนาจของกฏไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
    และประกอบขึ้นด้วยด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลมไฟ เท่านั้น ฯลฯ
    รายละเอียดส่วนนี้มีอยู่มาก คุณ DuchessFidgette ลองหาอ่านเพิ่มเติมดูนะครับ

    ทั้งสองส่วนมีความสำคัญเท่ากัน ...
    ท่านเปรียบสมถกรรมฐานเหมือนกำลังในการตัดกิเลส
    ส่วนวิปัสสนากรรมฐานเหมือนขวาน
    ส่วนกิเลสเหมือนต้นไม้ใหญ่สักต้นหนึ่งครับ

    ถ้าเรามีกำลัง แต่ขวานไม่คม ย่อมฟันต้นไม้ (กิเลส) ไม่ขาด
    หรือขวานคม แต่เราไม่มีกำลัง ย่อมฟันต้นไม้ (กิเลส) ไม่ขาดเช่นกัน

    ย้อนกลับมาที่คำถามเดิมหลังจากได้มุมมองใหม่ไปแล้วนะครับ
    เราได้ทราบแล้วว่าการฝึกวิปัสสนาเป็นคนละส่วนกับงานสมถะแล้วนะครับ
    เพราะฉะนั้นเราคงต้องตั้งคำถามกันใหม่ เอาเป็นถามว่า :

    "ฝึกสมถะแบบใดถึงจะได้ฌานเร็วที่สุด ?"

    ก็ต้องย้อนกลับไปดูของคุณ Saber ใหม่อีกครั้ง
    คุณ Saber บอกว่า นิวรณ์ ๕ เป็นอุปสรรคของฌาน
    เมื่อพิจารณาคำถามก่อนหน้า อาจดัดแปลงคำถามสักเล็กน้อย เป็น :

    "ทำอย่างไรจึงระงับนิวรณ์ ๕ ได้เร็วที่สุด ?"

    เราก็ดูนิวรณ์แต่ละตัว

    ๑. กามฉันทะ แก้ด้วยกายคตานุสสิตกรรมฐาน + อสุภะกรรมฐาน
    ๒. พยาบาท แก้ด้วยวรรณกสิณ ๔ + พรหมวิหาร ๔
    ๓. ถีนมิทธะ พุทธวิธีแบบที่พระพุทธเจ้าทรงบอกแก่พระโมคคัลลาน์ครับ
    ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ แก้ด้วยอานาปานุสสติกรรมฐาน
    ๕.วิจิกิจฉา ใช้ปัญญาพิจาณาคำสอนของพระพุทธเจ้า

    น่าจะได้แนวทางเพิ่มเติมจากแนวทางที่คุณ DuchessFidgette ทราบมาแล้ว

    สำหรับกสิณ เหมือนผมจะเคยอ่านที่ไหนว่ากสิณจะส่งผลให้ได้ฌานเร็ว
    เพราะเป็นกรรมฐานหยาบ คือมีวัตถุให้เพ่ง
    แต่ไม่ยินยันนะครับ เพราะจำไม่ได้แล้วว่าอ่านเจอที่ไหน

    เขียนมาเสียยาวเลย ^_____^
    ยินดีที่ได้ร่วมสนทนาด้วย ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ

    สาธุ โมทนาบุญ _/\_
    ยินดีในกุศลกรรมที่คุณ DuchessFidgette กระทำไว้ดีแล้วครับ
     
  7. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    โอย ประโยคนี้ แทงใจดำ...
     
  8. ทศมาร

    ทศมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +237
    ง่วงเร็ว มันเคลิ้มๆ ให้เร้าความรู้สึกตัวหน่อยคล้ายๆความรู้สึกตาสว่างแหล่ะ นั่งเคลิ้มๆไม่ได้อะไร
     
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอ้า โยกเข้า ฐานกายเลยเพ่ อย่าไปรับการแทง..อย่าไปรับเข้ามาเชียว

    แทงธรรมขาวแทน พลิกมุขติด เข้าฐานกาย สู้ ไปเลย



    ยกเว้น คนปักษ์ไต้ มั้ง !! พูดแบบนี้ อย่าแล่นไป เหนือ กะเจ้า !!
     
  10. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    พระพุทธเจ้าสอนพระโมคคัลลานะ แก้ความง่วง :
    ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรตรึกตรองถึงธรรมที่ได้เรียนมาแล้ว ได้ฟังมาแล้วให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสาธยายธรรมที่ได้เรียนได้ฟังมาแล้วให้มากจะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรยอนช่วงหูทั้งสองข้าง และลูบตัวด้วยฝ่ายมือจะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    ถ้ายังละไม่ได้ เธอจงลุกขึ้นแล้วลูบนัยน์ตา ลูบหน้าด้วยน้ำเหลียวดูทิศทั้งหลาย แหงนดูดาว จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรทำไว้ในใจถึงอาโลกสัญญา ถือ กำหนดความสว่างไว้ในใจเหมือนกัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำใจให้เปิด ให้สว่าง จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรเดินจงกรมสำรวมอินทรีย์ มีจิตใจไม่คิดไปภายนอก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
    ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสำเร็จสีหไสยาสน์ นอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าให้เลื่อมกัน มีสติสัมปชัญญะ หมายใจว่าจะลุกขึ้นเป็นนิตย์ เมื่อตื่นแล้วควรรีบลุกขึ้นด้วยตั้งใจว่า เราจะไม่ประกอบความสุขในการนอนและการเคลิ้มหลับอีกจะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้

    พระพุทธองค์ ตรัสสอนอุบายเพื่อบรรเทาความง่วงโดยลำดับจนที่สุดถ้ายังไม่หายง่วงก็ให้นอน แต่ให้นอนอย่างมีสติ
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ยืน เดิน นอน สมาธิ แทนครับ การปฏิบัติ ยืน เดิน นั่ง นอน สมารถทำได้หมด

    ถ้านั่งสมาธิ แล้ว ง่วง ลองเปลี่ยนดูนะครับ จขกท.


    หรือ ถ้า ทำสมาธิ แล้วมันง่วงมากนะครับ

    ให้ จขกท. ไปนอนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ให้เต็มอิ่มไปเลยนะ

    แล้วพอตื่นมา ก็ให้ ทำสมาธิ ครับ ดูสิ ว่ามันยังจะ ง่วง จะหลับ อีกไหม


    ต้องสำรวจตัวเอง นะ

    ว่า ง่วงเร็ว นั้น เกิดจากอะไร

    ใช้งานร่างกาย จนเสื่อม ทรุดโทรม มาทั้งวัน หรือป่าว

    ถ้าไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายเสื่อมโทรม

    ก็ไปพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ครับ

    หรือ ง่วงนอน เพราะ โดน กิเลส หลอก


    จะแก้ไข อะไร ก็ ควรดู แล้วไปแก้ ที่ ต้นสาเหตุ นั้นๆ ครับ

    เพราะ ถ้าไปแก้ ที่ปลายเหตุ ทำอย่างไร มันก็แก้ไม่หาย

    ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...