ขอความรู้ครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย อภิมาร, 26 ตุลาคม 2012.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สิ่งหนึ่งที่ต้องระวัง คือ การเรียน ธรรมะของพระพุทธองค์ ด้วยวิธี ตรรกศาสตร์
    หรือ ด้วยวิธีปรัชญาของชีวิต หรือ normative of life stlye หรือ อภิปรัชญา

    หาก ผู้เรียนธรรมใช้วิธี อุปทานสร้าง ประพจน์ เพื่อเข้า พิสูจน์ เชิง จริงๆ เท็จๆ
    เท็จๆ จริงๆ หรือ คุณค่า / ความงาม เชิงสังคมศาตร์ ( ปรัชญา , อภิปรัชญา ) ก็
    จะเสร็จ อุปทาน ทันที

    เราไม่อาจะแสวงหาข้อเท็จจริง โดยการเอา อุปทาน แก้ปัญหา อุปทาน

    ธรรมะนั้น การพิสูจน์จะต้อง ลงมือกระทำ แล้ว ตามพิจารณาการ ถ่ายถอนออก
    แต่ส่วนเดียว คือ ยิ่งปฏิบัติ ก็ยิ่งทำให้ประจักษ์ในการ มีอุบายออกจากสังสารวัฏ
    นี้มีอยู่แน่ๆ ผู้ที เห็นความเป็นจริงว่าอุบายในการนำออกจาทุกข์มีแน่นอน และไม่
    ใช่เพราะพระพุทธองค์เขียนบอกให้ทราบ แต่เป็น คนๆนั้น ประจักษ์ด้วยการเอา
    ตัวเองปฏิบัติพิสูจน์

    การนำออกแต่ส่วนเดียว นำอยาตนะ6ออก เอา หู เอา ตา เอา จมูก เอา ลิ้น
    เอากาย แม้กระทั่ง เอาใจ หรือ จิตออก นั้นเป็นอย่างไร พุทธศาสนาชี้อุบาย
    วิธีอบรมจิตไว้ให้หมดแล้ว ทุกเคส ทุกประเพภทนิสัย ทุกชั้น ทุกวรรณะ ขอเพียง
    คุณเกิดเป็นคน มีร่างกายปรกติ ย่อมพิสูจน์สัจจธรรม และ ตรัสรู้ชอบได้เสมอ
    พระพุทธองค์ได้ด้วยตนเอง ( สิ้นกิเลส )


    แต่ถ้าเราไปเอา ตรรกศาตาร์ ปรัชญา อภิปรัชญา นั่น เราจะไป หมายๆเอา
    คำตอบไว้เป็นธง เสร็จแล้วก็นั่งพิสูจน์ว่า ธง นั้นใช่หรือไม่ใช่

    ซึ่ง มันไม่ใช่ตั้งแต่แรก เริ่มจากการตั้งธงของคำถาม ( อุปทาน ) ไว้นั่นเอง

    เราไม่ได้เข้ามาปฏิบัตธรรมะ เพื่อหาทาง ฉ้อฉล ฉกฉวยประโยชน์ ผ่านกระ
    บวนการ เอออวยทางคุณค่า ความงาม ความเห็นหรือตกลงกันว่าใช่ หรือไม่ใช่

    การตรัสรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่อาการแสวงหาสัจจแบบโง่ๆ แบบนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2012
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ยกตัวอย่าง : การ หันเข้าหาธรรมะ ของ พระมหากัสสปะ ในครั้งพุทธกาล

    ท่านเป็นบุตรพราหมณ์ในตระกูลเศรษฐี ประจำแคว้น เมื่อวัยได้30 ยังไม่ได้
    แต่งงาน ร้อนใจแก่ผู้เป็นพ่อแม่ ที่แก่ชรา ต้องการยกสมบัติให้ แต่หากยังไม่ได้
    คู่ครองที่ดี ก็ไม่อาจเย็นใจได้ จึงได้จัดแจงหาคู่ครองให้ ท่านก็ไม่ได้อยากจะ
    แต่งเพราะไม่ได้ใคร่ในกาม จึงได้ออกอุบาย ให้หาช่างปั้น มาปั้นรูปสาวในอุดมคติ
    ซึ่งก็พยายามใส่รายละเอียดความงดงามให้ไม่มีปรากฏบนโลก แต่ทว่า สุดท้าย
    ก็ไปจำเพาะเหมาะเจาเหมือนเอากับสาวนางหนึ่งเข้าแบบเต็ม จึงปฏิเสธการแต่ง
    งานไม่ได้อีก

    กระนั้น แม้จะแต่งกันแล้ว ต่างก็ทำข้อตกลงกันว่า จะไม่แตะเนื้อต้องตัวกันเลย
    เว้นแต่จำเป็น ยามที่อยู่ต่อหน้าญาติๆ

    แต่นั่นไม่ใช่สาระ

    สาระอยู่ตรงที่ ทั้งสองท่านต่างเป็นเจ้าของที่ดิน แล้วไปแลเห็น นกมันกินหนอน
    เห็น สัตว์เล็กกินสัตว์ใหญ่ ในใจของท่านทั้งสอง ก็เกิดคำถามว่า บาปกรรมที่
    สัตว์มันเบียดเบียนกันในผืนดินที่เราเป็นเจ้าของ ใครจะเป็นผู้รับกรรมอันนั้นบ้าง

    พวกหมู่พราหมณ์ก็ตอบว่า บาปกรรมของสัตว์ที่มันเบียดเบียนกัน นั้นมีแน่ และ
    ผู้เป็นเจ้าของผืนดิน ย่อมรับกรรมนั้นด้วย

    ด้วยเหตุพเยงแค่นี้ ฝ่ายสามีก็ยกสมบัติทั้งหมดให้ภรรยา ภรรายาเองก็ยกสมบัติ
    ทั้งหมดให้สามี ก็กลายเป็นว่า ไม่มีใครอยากได้สมบัติ ที่จะต้องรับกรรมอันตัวเอง
    ไม่ได้ก่อ แถม ยังห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้

    สุดท้ายทั้งสองจึงตกลง ยกสมบัติให้ข้าทาส แล้ว ออกเดินเป็นคนเร่ร่อน เป็นนักบวช
    ที่ไม่มีที่อยู่ ไม่มีอาหารจะทานด้วยการปรุงจากตนเอง

    .........ความหลังจากนนี้ คือ ทั้งคู่ ตกลงแยกทางกันอีก ไม่เดินร่วมกัน แล้วต่างคน
    ก็ต่างไปเจอศาสนาของพระพุทธองค์ในภายหลัง

    ******************

    สิ่งที่ต้องการเน้นคือ กรรมของสัตว์ที่มันเบียดเบียนกัน ภายใต้ การมีส่วนร่วมเป็น
    เจ้าของ

    ตรงนี้เอง ก็จะขอ โยงมาที่ การที่ นักท่องราตรี เจียดเงินไว้สำหรับสนับสนุนกิจ
    กรรมการค้า ผับ บาร์ ซึ่งเป็น สถานที่นำ สัตว์จำนวนมากเข้าไปสู่ วัฏของการถูก
    เบียดเบียน ย่อมมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มีอยู่

    และ ผู้ให้การ อุปถัมภ์ อุปการคุณ แค่ กิจการโรงผับ โรงเบียร์ อันเจ้าของพึงยก
    ย่องท่านอย่างนัน ท่าน ย่อมปฏิเสธการมีส่วนร่วม ในการ เป็น ........ปีกสี....ไม่ได้

    **********

    จากตัวอย่างจะเห็นว่า หากเอาอุปทานทางโลก วิชาการความรู้ทางโลก มาแก้ ก็จะ
    แก้ได้ไม่ยาก

    แต่ถ้า เราจะเอา ธรรมเป็นใหญ่ แล้วละก้อ

    สังขารทุกชนิด เป็นภัย !!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2012
  3. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    ไม่ลึกซึ้งขนาดนั้น รู้แค่ว่ามีกามจะอยู่แบบคนมีกามอย่างไร?
    และการเรียนรู้ที่จะอยู่แบบปรกติ สำหรับคนมีกามนั้นโง่ ก็สุดแล้วแต่จะมอง

    อย่ามาเป็นทุกข์และเสียเวลา กับคนมีกิเลสเลยถ้ายังถอน
    อนุสัยกิเลสไม่หมดก็เร่งเถอะ ทุกวันนี้เนื้อนาบุญน่าจะหายาก
    จะได้เป็นที่พึ่งแก่พุทธสาสนิกชน ถ้าแล้วเสร็จอยู่วัดไหนบอกน๊ะ
    signl ก็ได้จะได้ไปทำบุญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2012
  4. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    จะพยายามไปเป็นที่ๆ เผื่อที่อื่นที่ว่าจะได้หมดไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...