รู้จัก รู้จริง และ รู้แจ้ง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปัญฺญาวโร, 31 ตุลาคม 2012.

  1. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    ผมเป็นพวกรู้มากสักแต่ว่าอ่านมาก ว่ารู้ว่าเข้าใจ หลายวันมานี้้ได้ปฏิบัติจริงๆจัง เดี๋ยวก็ติดตรงนั้นเดี๋ยวก็ติดตรงนี้ อย่างเมื่อคืน ไม่ได้หลับ นั่งสมาธิบ้าง นอนสมาธิบ้าง ไปไม่ถูกไปไม่เป็นเลย เพราะ ใจสู้มาหลายวัน แต่กายไม่สู้ ผลเลยเละเทะ แต่ก็ได้รู้เพิ่มมาอย่าง เรื่องการหายใจ ค่อยๆเก็บที่ละรายละเอียดไปเรื่อยๆ ทีละเล็กละน้อย แบบนั้นใช่อันนั้นไม่ใช่ สักวันก็คงสำเร็จ 555
    การที่คนนั้นบอกงั้นนะ งี้นะ คนนี้บอกงี้นะ งั้นนะ ก็ดีอยู่ แต่ดีที่สุดคือ สังเกตุ ทดลอง เช่น หายใจแรงเป็นไง ปกติเป็นไง ผ่อนเบาๆเหมือนกลัวใครได้ยินเป็นไง
    ถ้าเราทำแล้วไม่จำอาการต่างๆไว้ก็เสียป่าว
    เรียนให้รู้จัก ทำให้จริง เข้าใจทุกสิ่งคือรู้แจ้ง:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2012
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ผมเป็นพวกรู้มากสักแต่ว่าอ่านมาก ว่ารู้ว่าเข้าใจ หลายวันมานี้้ได้ปฏิบัติจริงๆจัง เดี๋ยวก็ติดตรงนั้นเดี๋ยวก็ติดตรงนี้

    +++ ธรรมดาครับ รู้มากไป มันทั้งหนักทั้งรก ทั้งกายทั้งใจ เพราะไอ้รู้ปลอม ๆ มันขวางไปหมด เลยทำไม่ได้สักที

    อย่างเมื่อคืน ไม่ได้หลับ นั่งสมาธิบ้าง นอนสมาธิบ้าง ไปไม่ถูกไปไม่เป็นเลย เพราะ ใจสู้มาหลายวัน แต่กายไม่สู้ ผลเลยเละเทะ

    +++ กายไม่สู้ ใจสู้ ผลออกมาเป็นแพ้ ต้องปรับยุทธวิธีใหม่ โดยใช้ ใจไม่ต้องสู้ ใช้กายสู้แทน

    +++ เมื่ออิริยาบทนั่ง เข้าที่แล้ว ให้แกล้ง "หลับ" หากมันออกจาก "หลับ" เมื่อไร ให้กลับไป "หลับ" ใหม่ทันที แต่ห้ามออกจากอิริยาบท "นั่ง"

    +++ แล้วให้สังเกตุให้ดี ๆ ว่า ในขณะ "หลับ" มันก็ยัง "รู้" อยู่อย่างนั้น ให้อยู่กับ "สภาวะรู้" นั้นเฉย ๆ เพียงแต่ให้คอยสังเกตุ สภาวะการต่าง ๆ ที่เข้ามา "ขวาง หรือ บัง" หรือ "ทำให้สภาวะรู้ นั้น จางคลายตัวลง" หากไม่ทันมันจะกลายเป็นสภาวะ "หลง"

    +++ คอยสังเกตุให้ดี ๆ ก็แล้วกัน ถ้าลงมือทำจริง ๆ เดี๋ยวเดียวก็ไปต่อได้เองแหละ วิทยายุทธตัวนี้เรียกว่า "กายหลับ แต่ ใจไม่หลับ"

    เอาของเล่นมาฝาก ลองเล่นกับมันดูนะครับ
     
  3. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    คนที่เป็นผู้รู้นั้นมีเยอะคับ พูดใครก็พูดได้ แต่คนที่ปฏิบัติแล้วได้ญานจิงนี่สิ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2012
  4. Ga_t

    Ga_t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +867
    ขออนุญาตท่านเจ้าของกระทู้นะครับ

    ขอกรุณาและรบกวน คุณ ธรรม-ชาติ
    ช่วย อธิบาย ที่ว่า "สติดวลเดี่ยวกับจิต" นี้ครับ ว่า
    อาการเป็นแบบใด และจะต้องปฎิบัติอย่างไร บ้าง ถ้าไม่รบกวนจนเกินไปขอแบบละอียดนิดหนึ่งได้มั้ยครับ หรือจะสะดวกส่งมาทาง PM. ก็ได้ครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

    ขอ อนุโมทนาสาธุ บุญและความตั้งใจทำดีกับทุกๆท่านด้วยครับ สาธุ

    ปล. ผมรู้สึกชอบประโยคนี้มาก สะดุดตาสะดุดใจผม มากเลยครับ
     
  5. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    ผมก็แค่สนทนาธรรมกันเล็กๆน้อยๆ แบบคนเริ่มหัดเดิน พอจะเริ่มตั้งใข่ได้ก็ดีใจแบบว่ารู้ว่าตั้งไข่ยังไง แล้วคุณมาถามผมว่า ผู้รู้ต้องวิ่งได้ ผมจะวิ่งได้ไงเดินยังไม่ได้เลย มันก็คิดได้อย่างเดียวกับสิ่งที่คุณทำ คือ ต้องการอวดว่าคุณได้ญานได้ฌานแล้ว
    ผมบอกว่า เวลา ปฎิบัติ แล้วจำอาการไว้ แบบไหนผิดก็จะได้จำว่าผิด จะได้ไม่เสียเวลา ผิดตรงไหน ส่วน ประโยคท้าย ก็เอามาจาก ปฏิยตฺ ปฏิบตฺ ปฏิเวทฺ แปลมาใส่ไว้สวยๆ ไม่ได้อวดตัวหลงตัวตรงไหนเลย ผมก็ลูกหลาน พ่อแม่ครูบาอาจารย์ พระสุปฏิบันโน หลวงปู่บุดดา ถาวโร อรหันตสาวก รู้อยู่ปฏิบัติอยู่ อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ ที่เข้ามาห้องนี้ก็อยากลองเล่นฤทธิ์ดู ผมก็สงบปากไว้ไม่ปล่อยมานะ มาไล่กัดชาวบ้าน
    กรุณาตั้งสติอ่าน คิด ให้ดีก่อนนะครับและช่วยรักษามารยาทหน่อยนะครับ

    ผมว่าคุณจะอะไรกับญาน กับฌาน กันนักหนา ใจหลักของศาสนาแค่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ความสามารถพิเศษแค่ของแถม คนที่เขารู้ก็ข้ามไปเสีย บางคนไม่มีญาน ฌานอะไรก็ระลึกชาติ อย่าง หลวงปู่บุดดา ถาวโร ที่ใครๆเรียกพระทองคำทั้งองค์ เป็น ปาติมุติ แปลว่า ผู้ที่ยกแล้วจากบาป ก็ระลึกชาติได้ตั้งแต่เด็ก คนที่มีของเก่าอยู่แล้วเขารื้อฟื้นได้เร็วกว่าคนปกติ เราจะรู้เขาได้ไง ใครบ้างมีของเก่า การที่เราตั้งมาตรฐาน นั้นหลง ออกจากคำว่า อนิจจัง แล้วครับ ขนมอร่อยมีของเล่นแถม เด็กได้ของเล่นทิ้งขนม ผู้ใหญ่ได้ขนมทิ้งของเล่น
    ป.ล. อภิญญาเว้นแต่อภิญญา ๖ พระฤาษีเขาได้กันก่อนพระสัมมาสัมโพธิญาณมาประสูติอีก และพากันหลงไปนิพพานโลกีย์(อรูปพรหม) กันเป็นแถว และเสียเวลามาก เพราะอายุในนิพพานโลกีย์นานจนกำหนดเท่านั้นเท่านี้ไม่ได้
     
  6. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    พระศาสดาทรงนิ่งเงียบ ไม่ตรัสอะไรอีกเลย เสด็จเข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อากาสานัญจายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน อากิญจัญญายตนฌาน เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน สัญญาเทวยิตินิโรธ แล้วย้อนกลับลงมาตามลำดับจนถึงปฐมฌาน แล้วย้อนขึ้นอีกโดยลำดับจนถึง จตุตถฌาน เป็นอนุโลม ปฏิโลม และเสด็จปรินิพพานในเมื่อออกจากจตุตถฌาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2012
  7. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    ตรงๆเลยเลยนะครับ คุณว่าเราทำอะไรกันในกระทู้นี้ เราสนทนาธรรม คือธรรมที่เรารู้เราเข้าใจ ประสบการณ์ต่างๆ แลกเปลี่ยน กันด้วยความเคารพความคิดของผู้อื่น เราไม่ได้ต้องการอ่านก๊อปปี๊ พระไตรปิฏก ถามว่าที่เล่นเน็ตโพสสนทนากันในเว็บบอร์ดส่วนใหญ่ก็อ่านศึกษาพระไตรปิฏกกันพอสมควรอยู่แล้ว การยกพระไตรปิฏกมาในกรณี เพื่อความบรรเทิงในธรรม ส่วนการยกอ้างนั้น ควรชี้แจงก่อน การยกมาว่างเฉยๆไม่อธิบาย เป็นพฤติกรรมอันไม่สมควร เป็นการไม่เคารพพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งแรกก็มาสบประมาท โดนตำหนิแล้ว ไม่รักษามารยาทด้วยการขอโทษไม่เท่าไหร่ ท่านเป็นผู้ได้แล้วซึ้งญานและฌาน คอแข็ง ก้มไม่เป็นเสียแล้วไม่พอ กลับทำการไม่เหมาะสมกระทำโดนอารมณ์ ขาดสติ

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ
    พึงทราบได้ว่าเป็นคนพาล ธรรม ๓ ประการคืออะไรบ้าง คือ ไม่เห็นความล่วง
    เกินโดยเป็นความล่วงเกิน เห็นความล่วงเกินแล้ว ไม่ทำคืนตามวิธีที่ชอบ
    อนึ่ง เมื่อคนอื่นแสดงโทษที่ล่วงเกิน ก็ไม่รับตามวิธีที่ชอบ บุคคลประกอบ
    ด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล พึงทราบเถิดว่าเป็นคนพาล


    จบนะครับ
     
  8. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุไม่หมั่นเจริญภาวนา แม้จะพึงเกิดความปรารถนาขึ้นอย่างนี้ว่า โอหนอ ขอจิตของเราพึงหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ก็จริง แต่จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่หลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ข้อนั้นเพราะเหตุไร"
    "จะพึงกล่าวได้ว่า เพราะไม่ได้เจริญ เพราะไม่ได้เจริญอะไร เพราะไม่ได้เจริญสติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘"

    "เปรียบเหมือนแม่ไก่ มีไข่อยู่ ๘ ฟอง ๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง ไข่เหล่านั้น แม่ไก่กกไม่ดี ให้ความอบอุ่นไม่พอ ฟักไม่ดี แม่ไก่นั้น แม้จะพึงเกิดความปรารถนาขึ้นอย่างนี้ว่า โอหนอ ขอให้ลูกของเราพึงใช้ปลายเล็บเท้าหรือจะงอยปากเจาะกระเปาะไข่ ฟักตัวออกมาโดยสวัสดี ก็จริง แต่ลูกไก่เหล่านั้นไม่สามารถที่จะใช้ปลายเล็บเท้า หรือจะงอยปากเจาะกระเปาะไข่ ฟักตัวออกมาโดยสวัสดีได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะแม่ไก่กกไม่ดี ให้ความอบอุ่นไม่พอ ฟักไม่ดี ฉะนั้น" (๒๓/๖๘) #ธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  9. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    วิสุทธิ ๗

    "วิสุทธิ ๗" ความหมดจด, ความบริสุทธิ์ที่สูงขึ้นไปเป็นขั้นๆ, ธรรมที่ชำระสัตว์ให้บริสุทธิ์ ยังไตรสิกขาให้บริบูรณ์เป็นขั้นๆ ไปโดยลำดับ จนบรรลุจุดมุ่งหมายคือนิพพาน

    ๑. สีลวิสุทธิ ความหมดจดแห่งศีล คือรักษาศีลตามภูมิขั้นของตนให้บริสุทธิ์ และให้เป็นไปเพื่อสมาธิ (ปาริสุทธิศีล ๔)

    ๒. จิตตวิสุทธิ ความหมดจดแห่งจิต คือ ฝึกอบรมจิตจนบังเกิดสมาธิพอเป็นบาทฐานแห่งวิปัสสนา ได้แก่ สมาบัติ ๘ พร้อมทั้งอุปจาระ

    ๓. ทิฏฐิวิสุทธิ ความหมดจดแห่งทิฏฐิ คือ ความรู้เข้าใจมองเห็นนามรูปตามสภาวะเป็นจริง เป็นเหตุข่มความเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์บุคคลเสียได้ เริ่มดำรงในภูมิแห่งความหลงผิด จัดเป็นขั้นกำหนด"ทุกขสัจ"

    ๔. กังขาวิตรณวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็นเหตุข้ามพ้นความสงสัย, ความบริสุทธิ์ขั้นที่ทำให้กำจัดความสงสัยได้ คือ กำหนดรู้ปัจจัยแห่งนามรูปได้แล้ว จึงสิ้นสงสัยในกาลทั้ง ๓ ข้อนี้ ตรงกับ ธรรมฐิติญาณ หรือ ยถาภูตญาณ หรือ สัมมาทัสสนะ จัดเป็นขั้นกำหนด"สมุทัยสัจ"

    ๕. มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณที่รู้เห็นว่าเป็นทางหรือมิใช่ทาง

    ๖. ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณอันรู้เห็นทางดำเนิน

    ๗. ญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณทัสสนะ คือ ความรู้ในอริยมรรค ๔ หรือ มรรคญาณ อันเกิดถัดจากโคตรภูญาณเป็นต้นไป เมื่อมรรคเกิดแล้วผลจิตแต่ละอย่างย่อมเกิดขึ้นในลำดับถัดไปจากมรรคญาณนั้นๆ ความเป็นอริยบุคคลย่อมเกิดขึ้นโดยวิสุทธิข้อนี้ เป็นอันบรรลุผลที่หมายแห่งวิสุทธิหรือไตรสิกขา หรือการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น

    วิสุทธิ ๗ เป็นปัจจัยส่งต่อเพื่อบรรลุพระนิพพาน ดุจรถ ๗ คันผลัดส่งต่อกันให้บุคคลถึงที่หมาย ดังได้แสดงมาแล้วนี้.


    ท่านจะบอกว่าบรรลุโดยไม่ได้ญานอะไร ไปแบบเงียบๆก็ไม่ว่ากันคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2012
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    อาการที่เกิด "สติดวลเดี่ยวกับจิต" นั้นเป็นเรื่องของมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นเรื่องของผู้ที่ผ่าน กายานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน และ เวทนานุปัสสนามหาสติปัฏฐานมาแล้ว จนเห็นชัดแจ้งว่าทั้ง กาย และ เวทนากาย ไม่ใช่ตน (เป็นการเห็นของสติในขณะที่ครองฐานเต็มที่ ไม่มีความปรุงแต่งใด ๆ เกิดขึ้นในขณะนั้น) ตนในขณะนั้นยังมุ่งสู่ความ สงบ อยู่ แต่ด้วยเหตุที่มีสติครองฐานอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เห็นการรบกวนของจิตอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เมื่อการรบกวนของจิตถูกเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เริ่มเกิดความรำคาญมากขึ้นเป็นเงาตามตัว จนถึงระดับที่อยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป ในขณะนั้นจะเห็น จิต เป็นศัตรู (อริ) กับตนอย่างเต็มที่ ทุกอย่างที่จิตเสนอมาล้วนเป็นความปรุงแต่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น โลภ โกรธ หลง หรืออะไรก็ตามสรุปแล้วเหลืออย่างเดียวคือ จิตปรุงแต่ง พูดได้สั้น ๆ คำเดียวคือ ตัวจิต นั่นแหละคือ กิเลส กิเลสของผู้ฝึกในระดับนี้จะไม่มีการแยกเป็นตัว ๆ อีกต่อไป ทุกอย่างอยู่ในจิตตัวเดียว และกิเลสก็มีแค่ตัวเดียวเท่านั้นมันคือ จิต นั่นเอง คำพูดที่ว่า จิตเห็นจิตนั้น เป็นแค่เริ่มต้น เพราะหลังจากเห็นแล้ว กลายเป็นเห็นศัตรูตัวจริงไป การสู้กับศัตรูตัวนี้นั้น ไม่จำกัดขอบเขต ไม่จำกัดเวลา ไม่มีอิริยาบท มีแต่ตนที่อยู่ในฐานของสติเท่านั้น ที่ต้องสู้กับศัตรูตัวนี้ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะสิ้นร่างกายไปแล้ว การดวลก็ยังคงอยู่ เพราะทั้ง จิตและสติไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยร่าง เป็นการไปทางเดียวจนกว่าการดวลจะจบ

    ตรงนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ของผู้ที่อยู่ในระดับนี้ ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้อง ดวล กับมันตรง ๆ เท่านั้น ดังนั้นคงพอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมในพระไตรปิฏกจึงกล่าวไว้ว่า ผู้ที่ตกเข้ากระแสนี้แล้วย่อมไม่หวลกลับ

    อันนี้เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ มันเป็นไปตามธรรมชาติของผู้ที่รู้ชัดเจนแล้วว่า กาย และ เวทนากาย ไม่ใช่ตน เมื่อผ่าน 2 ด่านแรกมาแล้ว ด่านที่ 3 คือ จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน ย่อมปรากฏมาเองตามครรลองของมัน ดังนั้้นการที่มหาสติปัฏฐาน 4 จัดเรียงตามลำดับว่า กาย เวทนา จิต ธรรม นั้น เป็นการเรียงคิวที่เกิดมาจากสภาพของการปฏิบัติจริง ๆ นั่นเอง
     
  11. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    สาธุๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวจะ PM ไปขอคำแนะนำท่านเพิ่มเติมนะครับ
     
  12. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    อย่าไปคิดมากอะไรเลยครับ ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ได้ฌานสมาบัติก็เข้าใจอะไรมากขึ้นเอง
     
  13. Ga_t

    Ga_t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +867
    สาธุ อนุโมทนามิิิิ ขอขอบคุณ คุณธรรม-ชาติ มากเลยครับ
    ขออนุโมทนาบุญกุศลความดี กับทุกๆท่านที่ตั้งจิิิตตั้งใจในการช่วยทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนดั่งพุทธกาล
    และมีอายุครบ 5000 ปีครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2012
  14. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    '' คนมีปัญญาทรามอยู่ท่ามกลางธรรม ก็ยังถือว่าห่างไกลนัก ''
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  15. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    การสรรเสริญจากคนพาล กับการติเตียนจากนักปราชญ์ การติเตียนจากนักปราชญ์ประเสริฐกว่า การสรรเสริญจากคนพาลจะประเสริฐอะไร"
    (๒๖/๓๘๒) #โคทัตตเถรคาถา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2012
  16. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    "ขึ้นชื่อว่าความลับไม่มีในโลก สำหรับผู้ทำบาปกรรม ดูกรบุรุษ จริงหรือเท็จ ตัวของท่านเองย่อมจะรู้ได้" (๒๐/๔๗๙) #ธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  17. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029

    "จิตนั้นประภัสสร แต่หมองหม่นเพราะอุปกิเลสที่จรมา"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  18. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นคนพาล ไม่เฉียบแหลม ไม่ใช่สัตบุรุษ ย่อมคุ้มครองตนที่ปราศจากคุณสมบัติ ย่อมเป็นผู้ประกอบไปด้วยโทษ นักปราชญ์ติเตียน และย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก
    ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ

    ไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว กล่าวสรรเสริญคุณของผู้ไม่ควรสรรเสริญ ๑
    ไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว กล่าวติเตียนผู้ที่ควรสรรเสริญ ๑
    ไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว ยังความเลื่อมใสให้เกิดในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส ๑
    ไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว ยังความไม่เลื่อมใสให้เกิดในฐานะที่ควรเลื่อมใส ๑
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2012
  19. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถึงนกจะพร่ำบอกปลาว่า เวลานกบินบนฟ้า รู้สึกยังไง ปลาก็ไม่เข้าใจหรอก
    แต่ถ้าขึ้นจากน้ำได้เมื่อไหร่ จะเข้าใจเอง
     
  20. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    กายคือรูปขันธ์ จิตคือนาม มี เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
    รวมแล้ว มี ๕ เป็น เบญจขันธ์ ทั้งรูปและนามไม่ใช่ตัวตน
    การเจริญสติ คือ แยก กาย จิต
    และ ต้อง แยก จิต กับ ใจ
    ใจ หรือ ฐีติภูตัง (จิตดั้งเดิม)
    ฐีติภูตัง ที่ ไม่หลง มีจึงมี วิชชา
    ฐีติภูตัง ที่ หลง มีจึงมี อวิชชาๆ มีจึงมี กระแสแห่ง ปฏิจจสมุปบาท
    นักปฏิบัติ สายวิปัสสนากรรมฐาน เขาเรียนกันแบบนี้
    นิพพานโลกุตระเขาไม่เอาจิตไปด้วย เอาไปด้วยก็นิพานโลกีย์ซิ
    พระอรหันต์ตอนท่านจะละธาตุขันธ์ ถึงท่านจะอาพาธหนักมีทุกขเวทนามาก ท่านก็ว่างเฉยได้ เพราะท่านไม่ได้ยึดมั่นในจิตแล้ว เตรียมพร้อมดีดออกได้ตลอด
    นิพพานพระอริยะขณะเข้านิพพาน.flv - YouTube
    เรื่อง ฐีติภูตัง มีใน มุโตทัย ของหลวงปู่มั่นครับ

    ใครนกใครปลา เอากระจกมาให้แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...