จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

จิตของพวกท่าน เป็นเช่นไร?
จิตปุถุชน หรือ จิตอริยบุคคล

คราวนี้มาดูความต่างระหว่างจิตปุถุชนกับจิตอริยบุคคล เมื่อมีสิ่งใดๆมากระทบจิต

จิตปุถุชน...​

จะวิ่งตามกับสิ่งที่มากระทบจิตเสมอๆ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะเป็นธรรมชาติของผู้ที่ไม่เคยฝึกจิต ธรรมชาติแห่งจิตหมายถึง จิตไม่เคยหยุดนิ่ง จิตต้องการเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และตลอดเวลา หรืออยากรู้อยากเห็น
แต่ในขณะที่เจอกับสิ่งที่กระทบจิตนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องพึงพอใจหรือเป็นเรื่องน่ายินดี ภายในจิตจะเปลี่ยนอารมณ์ให้เป็นสุขหรือมีความสุขทันที แต่ในตรงกันข้ามคือไม่เป็นเรื่องที่น่ายินดี แล้วจิตจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์ทุกข์หรือมีความทุกข์ทันที
สรุปว่า..จิตปถุชนนั้นพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หรือจิตพร้อมที่รองรับความทุกข์ ความสุขได้ทันที ตามสิ่งที่มากระทบจิต ในทุกขณะจิตนั้นๆ สาเหตุหลักก็เพราะว่า จิตไม่นิ่ง หรือพวกเราไม่ได้ฝึกจิตให้นิ่งพอ จิตจึงตามไม่ทันกิเลสอยู่ร่ำไป

จิตอริยบุคคล...​

จะไม่วิ่งตาม ไม่ไปลงเล่นกับสิ่งใดๆที่กำลังมากระทบจิต แต่จิตจะเป็นเสมือนผู้ดูที่ดี ไม่แสดงออกหรือไม่มีอาการหรืออารมณ์คล้อยตามกับสิ่งที่มากระทบจิตในทุกขณะจิต ก็เพราะว่า จิตอริยบุคคลเป็นผู้ที่ฝึกจิตมาดีแล้ว จิตจึงยกขึ้นอยู่เหนือขันธ์ ๕ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของตนเองได้แล้ว(จริงๆนะ) ความเปลี่ยนแปลงของจิตจึงไม่เกิดขึ้น ทั้งทุกข์ ทั้งสุขก็ไม่เกิด เพราะจิตไปรู้ ไปเห็นความจริงทั้งหมดของธรรมชาติแห่งจิต หรือมองเห็นสิ่งมากระทบจิตนั้นก็แค่ เกิดมา ตั้งอยู่ชั่วคราว และก็ดับสลายไปในที่สุด และก็วนเวียนอยู่แบบเดิมๆเท่านั้นเอง แต่จิตปุถุชนมองไม่เห็นธรรมที่แท้จริงกับธรรมตรงนี้ คือเกิด-ดับ สาเหตุหลักก็เพราะว่า ปรกติจิตไม่นิ่ง นั่นเอง

ปล.จิตเกาะพระ จิตบำเพ็ญ และจิตบุญ ขอให้ทุกท่านจงพินิจ พิจารณาในธรรมทั้งหลาย ทั้งปวงกันเอง ส่วนผู้รู้มิใช่เรา มิใช่ร่างกายเรา แต่จะเป็นจิตปัญญาญาณเท่านั้น ที่จะทราบกันได้ ดังนั้น สติของผู้ปฎิบัติจึงเป็นสิ่งสำคัญมากยิ่งนัก เพราะสติมากจะทำให้จิตของผู้ปฎิบัตินิ่ง อันจิตนิ่งนี้เองจะทำให้จิตทรงฌาน ส่วนจะทรงฌานได้ต่อเนื่องหรือไม่ ก็ต้องอยู่ที่จิตนิ่งนานเท่าใด ส่วนจิตจะนิ่งได้นานเท่าใด ขอตอบว่า ผู้ปฎิบัตินึกถึงพระได้บ่อย นาน หรือถี่แค่ไหน ทั้งหมดนี้ ทั้งสติ ทั้งสมาธิ ทั้งฌาน ทั้งปัญญาก็ขึ้นอยู่กับผู้ปฎิบัตินั้น มีความเพียรมากน้อยเพียงไร จิตจะยกไวหรือช้า มีปัจจัยมากมายนัก แต่สิ่งสำคัญหรือตัวแปลหลัก ก็ขึ้นอยู่กับตนเองแทบทั้งสิ้น เพราะจิตจะพํมนาได้สูงเพียงไรนั้น ขอตอบว่าก็ขึ้นอยู่กับการปฎิบัติของท่านเอง 80-90% ที่เหลือ 10-20% นั้น จะเป็นของครูหรือผู้แนะนำเท่านั้น เพราะผู้ปฎิบัติจะต้องนำจิตของตนไปเดินมรรคตามที่ครูแนะนำไปทั้งหมด เพียงแต่กำลังใจของผู้ปฎิบัติจะต้องมีความพร้อมมากเท่านั้น จึงจะผ่านด่านนี้ไปได้ด้วยดี แต่ถ้ากำลังใจไม่ถึงหรือไม่พอ ใครก็ช่วยท่านไม่ได้

นักภาวนาหรือผู้ปฎิบัติธรรมทั้งหลาย อยากจะบอกว่า จิตเกาะพระนี้เป็นโอกาสของท่าน ของผู้เจริญทั้งหลาย หรือผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ หรือผู็ที่ต้องการพัฒนาจิตใจให้สูงยิ่งๆขึ้นอีก เพราะอนาคตอันใกล้นี้ คือผู้ที่สามารถอยู่รอดได้ ก็คือ จะต้องเป็นผู้ที่มีทั้งศีลครบและก็มีจิตใจใฝ่ดี หรือมีคุณธรรม ขอให้ผู้ที่สนใจอย่าช้า อย่ารอ อย่าประมาทกัน เพราะข้าพเจ้ามองเห็นคนส่วนใหญ่นั้น กำลังวิ่งหนีทุกข์ วิ่งหาสุขกันอยู่ทั่วไป ขอให้ทุกดวงจิตรีบหันมาปฎิบัติธรรม หรือมาฝึกจิตให้พร้อมรับ ทุกๆอย่างที่จพวกเราจะเผชิญในไวๆนี้ แต่ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่ สำหรับผู้ที่กำลังปฎิบัติจิตเกาะพระอยู่ในเวลานี้กัน ขอให้พวกท่านจงตั้งใจปฎิบัติ อย่าได้คิดพูดกรือทำ นอกลู่เส้นทางเด็ดขาด ไปให้ไว นำพาดวงจิตให้รอดพ้นจากกองทุกข์แห่งตน เพราะนิพพานก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับผู้ที่มีความเพียรเป็นเลิศ อย่ารอให้หมดลมหายใจ เพราะเมื่อหมดลมไปแล้ว ในโลกทิพย์หรือโลกแห่งวิญญาณ ไม่มีผู้ใดช่วยกันได้ นอกเสียจากผู้ปฎิบัติคอยหมั่นระลึึกถึงคุณงามความจากพระพุทธองค์นั้น นี่คือจะเป็นสิ่งที่พอจะยึดเหนี่ยวจิตวิญญาณเหล่านั้นกัน

และจะขอเตือนผู้ที่อยู่ภายนอก หรือผู้ที่ไม่สนใจดูแลจิตของตนนั้น ให้ดูจิตของตนเองซะแต่เนิ่นๆ และถ้าผู้ใดรู้ตัวก่อน ก็ขอให้นำดวงจิตของตนเองไปฝากไว้กับพระ หรือผู้ที่มีกำลังใจถึงพร้อม ให้รีบนำดวงจิตไปฝากไว้ข้างบน พระนิพพาน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ถ้าเกรงกลัวความตายของตนที่จะมาถึง ก็ขอความแนะนำจากครูทุกท่านกันที่นี่...

 

เห็นคุณวิทย์ ฟิ้วววว..เฟี้ยวววว.อยู่บ่อยๆ กลัวจะเหนื่อย เลยหาพาหนะมาให้ค่ะ หิหิ

 

ประกาศ!!!​

เรื่อง การปฎิบัติจิตเกาะพระสัญจร (รุ่นพิเศษ)​

ภูทยานฌานจึงถือโอกาสนี้ ประชาสัมพันธ์
ขอเชิญชวนจิตบุญ จิตบำเพ็ญ จิตเกาะพระ หรือผู้ที่มีความสนใจ ที่อยากจะยกระดับจิตของตนเอง ได้โปรดมาพร้อมเพรียงกัน เพราะครั้งนี้จะถือโอกาสเป็นรอบพิเศษสุด เป็นรอบปฐมฤกษ์ วงล้อจิตเกาะพระจะปฎิบัติการในเชิงรุก

ตามปรกติจะจัดขึ้นทุกเดือนที่บ้านคุณอัญญะมณี แต่ครั้งนี้มีผู้สนใจมากเป็นพิเศษ เพราะมีจิตบุญสายต่างประเทศ คือ JKP International, England Branch ท่านขอรอบพิเศษ รอบเหมา ขอเป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาจิตเกาะพระสัญจรในครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ

และคาดการณ์ว่าในครั้งนี้ พี่ภูจะขอร้องให้ออกอากาศ โดยผ่าน Skype สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสไป ไม่สะดวกเข้าร่วมรับการอบรม หรือผู้ที่อยู่ต่างประเทศ ก็จะได้รับชมถ่ายทอดสด

สำหรับสถานที่ จะแจ้งให้ทราบในภายหลัง (กทม.)
ผู้สนใจสอบถามผ่านคุณวิทย์(เรือลำนี้จะไม่จม)

ใครอยากพบหน้าค่าตากับเหล่าครูจิตเกาะพระ(ระยะเผาขน)
ได้แก่ ครูเพ็ญ ครูดัช ครูอัญญะมณี ครูวิทย์ ครูลูกพลัง ครูปรเมศ ครูหนุ่ม ครูนก(ช.) ครูเมิล ครูwatjojoj ครูแสงจันทร ครูอุไรรัตน์ คุณก้องเกียรติ คุณTPC และครอบครัวจิตบุญ(?)
น้องฟ้าด้วยนะ ลูกหว้าเธอด้วย พี่ภูขอร้อง
เดี๋ยวมีใครอีกนะ พี่ภูกำลังตรวจดูรายชื่ออยู่ เดี๋ยวจะพิมพ์เพิ่มเติม
คุณวิทย์งานนี้ คุณไปลากครูใหญ่ลงกทม.ให้ได้(ไฟท์บังคับ)
แต่ถ้าครูลูกพลังขับรถมาเองขอให้ท่านแวะรับพระอาจารย์ชัชวาลขึ้นรถมาด้วยนะครับ
งานนี้อยากให้คุณหมอขึ้นมาร่วมงานด้วย ไม่ทราบว่าจะสะดวกไหม๊

***ประกาศรายชื่ออกอากาศไปแล้ว ใครไม่ไปน่าดู ฮ่าๆ ไม่ได้ขู่
แต่ถ้าผู้ใดรักเคารพ เลื่อมใสและศรัทธาในสมเด็จองค์ปฐม และองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) จะต้องไปร่วมสัมมนาสักครั้งนึงนะครับ

 

ใครอยากฟังกลอนต่อไป ยกมือขึ้นyimm

 

พุทธศาสนาสอนเรื่อง.. ความถูกต้อง

ไม่ใช่สอนแต่เรื่องดี ๆ ระวังไว้ด้วย
เพราะว่าอาจจะบ้าดี เมาดีหลงดี แล้วก็ชอบอวดดีจนหมดดีก็ได้<wbr>

(ท่านพุทธทาสภิกขุ)

 

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Wittayapon
โอยยยยย มันผุดมาพอดี .... เลยขอเอามาล่อปลาหน่อย

ยิ่งทำ ยิ่งวาง ยิ่งว่าง ยิ่งสบาย ... ไม่กลับมาตาย
ยิ่งอยาก ยิ่งถือ ยิ่งบื้อ ยิ่งเป็นค(ต่อเอาเองเด้ออออ 5555) ... อยู่กันต่อไปกับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย


ไปดีกว่า เดี๋ยวคงมีคนมาต่อ .... เฟี้ยววววววววววววววว


จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
ยิ่งทำ ยิ่งวาง ยิ่งว่าง ยิ่งสบาย
ยิ่งจับ ยิ่งจ้อง ยิ่งมอง ยิ่งใส
ยิ่งหยุด ยิ่งนิ่ง ยิ่งดิ่ง ยิ่งได้
ไม่กลับมาตาย อีกแล้ว พอที..

ยิ่งวิ่ง ยิ่งหา ยิ่งบ้า ยิ่งบื้อ
ยิ่งอยาก ยิ่งยื้อ ยิ่งถือ ยิ่งหนี
ยิ่งไขว่ ยิ่งคว้า ยิ่งช้า ทุกที
ตายไปเป็นผี ชาตินี้ ขาดทุน..:'(
jumgerman 84.

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณตรี จิตบุญดวงที่ ๙๗ และคุณครูผู้สอน ด้วยนะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

 

=================================
อ่านของ"ลูกเสด็จพ่อ" คนนี้ีีทีไร หัวเราะจน "เรือครูวิทย์" โคลงเคลง เดี๋ยวน้องพอใจจะแวบมาเสริม

================================================
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ natthapatpun

ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา

กับจิตบุญดวงที่ ๙๗
ของกลุ่มจิตบุญเทอญ
สาธุ สาธุ สาธุ
​

อนุโมทนาสาธุกับจิตบุญดวงที่๙๗และคุณครูผู้สอนด้วยค่ะ สาธุๆๆๆ

 

<table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> supatorn, Patcharawan+, newwave1959

อยู่กัน๓คน สวัสดีค่ะคุณครูนิวเวปและน้องจุ๋ม
คุณครูยังปิดทองหลังพระอยู่นะคะ "ปิดไปเรื่อยๆก็จะล้นมาข้างหน้าเอง"....พระราชดํารัส
</td></tr></tbody></table>

 

กรรมฐาน 40 วิธี

แบ่งออกเป็น 7 หมวด ดังนี้


หมวดกสิน ๑๐
เป็นการทำสมาธิด้วยวิธีการเพ่ง

๑. ปฐวีกสิน เพ่งธาตุดิน
๒. อาโปกสิณ เพ่งธาตุน้ำ
๓. เตโชกสิณ เพ่งไฟ
๔. วาโยกสิน เพ่งลม
๕. นีลกสิน เพ่งสีเขียว
๖. ปีตกสิน เพ่งสีเหลือง
๗. โลหิตกสิณ เพ่งสีแดง
๘. โอฑาตกสิณ เพ่งสีขาว
๙. อาโลกกสิณ เพ่งแสงสว่าง
๑๐. อากาศกสิณ เพ่งอากาศ



หมวดอสุภกรรมฐาน ๑๐
เป็นการตั้งอารมณ์ไว้ให้เห็นว่า ไม่มีอะไรสวยงดงาม มีแต่สิ่งสกปรกโสโครก น่าเกลียด

๑๑. อุทธุมาตกอสุภ ร่างกายของคนและสัตว์ที่ <wbr>ตายไปแล้ว นับแต่วันตายเป็นต้นไป มีร่างกายบวมขึ้น พองไปด้วยลม ขึ้นอืด
๑๒. วินีลกอสุภ วีนีลกะ แปลว่า สีเขียว
เป็นร่างกายที่มีสีเขียว สีแดง สีขาว คละปนระคนกัน คือ มีสีแดงในที่มีเนื้อมาก มีสีขาวในที่มีน้ำเหลืองน้<wbr>ำหนองมาก มีสีเขียวในที่มีผ้าคลุมไว้ ฉะนั้นตามร่างกายของผู้ตาย จึงมีสีเขียวมาก
๑๓. วิปุพพกอสุภกรรมฐาน เป็นซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลอยู่<wbr>เป็นปกติ
๑๔. วิฉิททกอสุภ คือซากศพที่มีร่างกายขาดเป็<wbr>นสองท่อนในท่ามกลางกาย
๑๕. วิกขายิตกอสุภ เป็นร่างกายของซากศพที่ถูกยื้<wbr>อแย่งกัดกิน
๑๖. วิกขิตตกอสุภ เป็นซากศพที่ถูกทอดทิ้งไว้จนส่<wbr>วนต่าง ๆ กระจัดกระจาย มีมือ แขน ขา ศีรษะ กระจัดพลัดพรากออกไปคนละทาง
๑๗. หตวิกขิตตกอสุภ คือ ซากศพที่ถูกสับฟันเป็นท่อนน้<wbr>อยและท่อนใหญ่
๑๘. โลหิตกอสุภ คือ ซากศพที่มีเลือดไหลออกเป็นปกติ
๑๙. ปุฬุวกอสุภ คือ ซากศพที่เต็มไปด้วยตั<wbr>วหนอนคลานกินอยู่
๒๐. อัฏฐิกอสุภ คือ ซากศพที่มีแต่กระดูก



อนุสสติกรรมฐาน ๑๐
อนุสสติ แปลว่า ตามระลึกถึง เมื่อเลือกปฏิบัติให้พอเหมาะแก่ <wbr>จริต จะได้ผลเป็นสมาธิมีอารมณ์ ตั้งมั่นได้รวดเร็ว

๒๑. พุทธานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็ <wbr>นอารมณ์
๒๒. ธัมมานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระธรรมเป็นอารมณ์
๒๓. สังฆานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระสงฆ์เป็นอารมณ์
๒๔. สีลานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณศีลเป็นอารมณ์
๒๕. จาคานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงผลของการบริจาคเป็<wbr>นอารมณ์
๒๖. เทวตานุสสติเป็นกรรมฐาน ระลึกถึงความดีของเทวดาเป็<wbr>นอารมณ์
๒๗. มรณานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์
๒๘. กายคตานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในจาคะจริต
๒๙. อานาปานานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในโมหะ และวิตกจริต
๓๐. อุปสมานุสสติกรรมฐาน ระลึกความสุขในพระนิพพานเป็<wbr>นอารมณ์



หมวดอาหาเรปฏิกูลสัญญา

๓๑. อาหาเรปฏิกูลสัญญา เพ่งอาหารให้เห็นเป็นของน่าเกลี <wbr>ยด บริโภคเพื่อบำรุงร่างกาย ไม่บริโภคเพื่อสนองกิเลส

หมวดจตุธาตุววัฏฐาน

๓๒. จตุธาตุววัฏฐาน ๔ พิจารณาร่างกายประกอบด้วยธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ



หมวดพรหมวิหาร ๔
พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมเป็นที่อยู่ของพรหม พรหมแปลว่าประเสริฐ
พรหมวิหาร ๔ จึงแปลว่า คุณธรรม ๔ ประการ ที่ทำให้ผู้ประพฤติปฏิบัติเป็ <wbr>นผู้ประเสริฐ ได้แก่

๓๓. เมตตา
๓๔. กรุณา
๓๕. มุทิตา
๓๖. อุเบกขา


มวดอรูปฌาณ ๔
เป็นการปล่อยอารมณ์ ไม่ยึดถืออะไร มีผลทำให้จิตว่าง มีอารมณ์เป็นสุขประณีต ในฌานที่ได้ ผู้จะเจริญอรูปฌาณ ๔ ต้องเจริญฌานในกสินให้ได้ฌาณ ๔ เสียก่อน แล้วจึงเจริญอรูปฌาณจนจิตเป็นอุ <wbr>เบกขารมณ์

๓๗. อากาสานัญจายตนะ ถือ อากาศเป็นอารมณ์ จนวงอากาศเกิดเป็นนิมิตย่อใหญ่ <wbr>เล็กได้ ทรงจิตรักษาอากาศไว้ กำหนดใจว่าอากาศหาที่สุดมิได้ จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
๓๘. วิญญาณัญจายตนะ กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้ ทิ้งอากาศและรูปทั้งหมด ต้องการจิตเท่านั้น จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
๓๙. อากิญจัญญายตนะ กำหนดความไม่มีอะไรเลย อากาศไม่มี วิญญาณก็ไม่มี ถ้ามีอะไรสักหน่อยหนึ่งก็เป็<wbr>นเหตุของภยันตราย ไม่ยึดถืออะไรจนจิตตั้งเป็นอุ<wbr>เบกขารมณ์
๔๐. เนวสัญญานาสัญญายตนะ ทำความรู้สึกตัวเสมอว่า ทั้งที่มีสัญญาอยู่ก็ทำเหมื<wbr>อนไม่มี ไม่รับอารมณ์ใด ๆ จะหนาว ร้อนก็รู้แต่ไม่ดิ้<wbr>นรนกระวนกระวาย ปล่อยตามเรื่อง เปลื้องความสนใจใด ๆ ออกจนสิ้น จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
==============================<wbr>

 

ธรรมะสวัสดี อ.ภู และครูต้อย สุภาทรค่ะ..

 

(k)น้องจุ๋มเยอรมันเธอขี้เล่น..มีอารมณ์ขันนะคะ พี่ต้อย..
จำได้ว่าช่วงเธอฝึก เธอถ่ายทอดธรรมะผ่านการทำก๋วยเตี๋ยวใส่ลูกชิ้นด้วยใช่ไหมคะ..
วันนี้..คุณยิ้มหรือยัง...(k)(k)

 

"สิ่งที่ สำคัญสุดของคนก็คือการกลับไปสู่คุณค่าของความเป็นมนุษย์​

​

ปัจจุบัน เรามาไกลจากตัวเองเกินไป จนเกิดเป็นความขัดแย้ง ความชอบ ไม่ชอบ ฯลฯ
จนไม่ได้กลับมาเป็นตัวของตัวเอง นั่นเพราะเราหลุดจากจิตใจที่ดีของตัวเอง
ไปสู่การปรุงแต่ง ฉะนั้นสิ่งแรกที่ต้องจัดการคือตัวเราว่าในการใช้สตินำจิตที่ดีกลับมา
แล้วจะรู้สึกได้ว่าเราก็รักผู้อื่นเป็น ไม่ใช่รักแต่ตัวเอง
แค่นี้ก็ทำให้ความสัมพันธ์ในสังคมเข้าใกล้กันมากขึ้น
เพราะทุกสิ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ของชีวิต เราสามารถให้อภัยกันได้ เ
พียงแค่ไม่หมกมุ่นอยู่ที่ปลายเหตุ แต่ขอให้กลับแก้ไขที่ต้นเหตุ
นั่นก็คือจิตหรือบ้านของตัวเอง แล้วเราจะพบกับความสงบสุข"
​

ธรรม บรรยายโดยหลวงปู่ติช นัท ฮันท์

...........................................................................

​

 

<TABLE id=post6894727 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6894727 class=alt1>ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญ ดวงที่ 97 และครูผู้สอนทุกท่านด้วยค่ะ...สาธุ<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("6894727")</SCRIPT> </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สวัสดีครับคุณพี่พอใจ
สุขกายสบายใจดีนะครับ
งั้นผมก็ขออนุญาตเรียนเชิญคุณพี่พอใจด้วยนะครับ ในวันที่ ๑๗ พ.ย. ๒๕๕๕ วันจัดการสัมมนาจิตเกาะพระสัญจรในครั้งนี้ด้วย และผมได้เชิญครูใหญ่มาจากเชียงใหม่ด้วยนะครับ ขอเชิญนะครับ
ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบภายหลัง อย่าลืมชวนคุณจุ๋มเยอรมันกับคุณพี่สุภาทรUSA ด้วยนะครับ
พอดีมีสายบุญจากลอนดอน โดยคุณแนทจะมาเป็นเจ้าภาพจัดงานการสัมมนาจิตเกาะพระสัญจรในครั้งนี้ด้วย รู้สึกว่าครูวิทย์จัดมาสองครั้งแล้ว ถ้าจำไม่ผิด
ขอเรียนเชิญนะครับ ฟรีทุกอย่าง ส่วนสถานที่นั้นจะแจ้งให้ทราบภายหลัง(กทม.)

 

(k) ได้เลยค่ะ อ.ภู เพราะอยากพบตัวจริง เสียงจริง ญาติ จิตบุญทุก ๆ ท่านที่ อ.ภู เอ่ยนาม(แกมขอร้องกึ่งบังคับ..) โดยเฉพาะ ครูใหญ่เพ็ญ พี่พอใจยินดีไปร่วมงาน เพื่อช่วยเสริมลำเรือ อ.วิทย์ ให้ลอยตุ๊บป่อง ๆ ๆ แล่นฉิวไปโลดลิ่วววว...
เราจะจูงมือกัน ลอยเป็นสาย กลับบ้านพร้อมสมเด็จพ่อค่ะ....หากครูวิทย์อยากมอบให้พี่พอใจช่วยเหลือทำหน้าที่อะไรในงานก็บอกได้เลยนะคะ..

 

วรร999

=======================================
ขอความกรุณาจากท่านอาจารย์ภูตอบน้องคนนี้ด้วยนะคะเพราะPage ไปเร็วเหลือเกิน หน้า364ค่ะ

 

ท่านนี้ผมลองชวนท่านมาเองแหละครับ มาจากที่กระทู้นี้
แฮะๆ ท่านอาจจะมาแทนน้องคุณต๋อม หายไปเลย สงสัยเจอถรรพ์คุณเมิล ฮิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ต้องถามคุณเมิลดูเอง ไม่กล้าเผยแพร่ )

 

วิธีดับอาสวะ ๖ วิธี

237 วิธีดับอาสวะ ๖ วิธี

พุทธดำรัสตอบ “......ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะอันภิกษุพึงละด้วยการสำรวม คือภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว เป็นผู้สำรวมด้วยการสำรวมอินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ซึ่งเมื่อเธอไม่รวมพึงเป็นเหตุให้อาสวะที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนเกิดขึ้น เมื่อเธอสำรวมอยู่ อาสวะเหล่านั้น... ย่อมไม่มีแก่เธอ...
“......ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะอันภิกษุพึงละด้วยการซ่องเสพ.... คือภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว เป็นเสพจีวรเพียงเพื่อป้องกัน หนาว ร้อน เหลือบ ยุง ลม แดด.... เพียงเพื่อปกปิดอวัยวะอันน่าละอาย... ย่อมเสพบิณฑบาต... เพียงเพื่อความดำรงอยู่... ย่อมเสพเสนาสนะ เพียงเพื่อป้องกันหนาว ร้อน เหลือบ ยุง ลม แดด... เพียงเพื่อบรรเทาอันตรายที่เกิดจากฤดู.... ย่อมเสพคิลานปัจจัย เภสัชบริขารเพียงเพื่อบรรเทาเวทยาอันเกิดจากอาพาธต่าง ๆ ... เมื่อเธอเสพอยู่ อาสวะเหล่านั้นที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนย่อมไม่มี....
“......ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะอันภิกษุพึงละด้วยความอดกลั้น.... คือภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ย่อมเป็นผู้อดทนต่อหนาว ร้อน หิว กระหาย เหลือบ ยุง ลม แดด ย่อมเป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำหยาบ คำเสียดสี... อดกลั้นต่อทุกขเวทนาทางกาย.... เมื่อเธออดทนอยู่ อาสวะเหล่านั้นที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนย่อมไม่มีแก่เธอ....
“......ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะอันภิกษุพึงละด้วยการหลีกเลี่ยง คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยง ช้างดุ ม้าดุ โคดุ สุนัขดุ งู หลักตอ ที่มีหนาม หลุม ตลิ่งชัน บ่อโสโครก ท่อโสโครก... ย่อมหลีกเหลี่ยงที่ไม่ควรนั่ง ที่ไม่ควรเที่ยวไป และบาปมิตร.... เมื่อเธอหลีกเลี่ยงอยู่ อาสวะเหล่านั้นที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนย่อมไม่มีแก่เธอ....
“......ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะอันภิกษุพึงละด้วยการบรรเทา.... คือภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ย่อมไม่รับไว้ ย่อมละ ย่อมบรรเทา ย่อมทำให้สิ้นไป ย่อมทำให้หมดไปซึ่งพยาบาทวิตก.... ซึ่งวิหิงสาวิตก... ซึ่งธรรมที่เป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ... เมื่อเธอบรรเทาทาอยู่ อาสวะเหล่านั้นที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนย่อมไม่มีแก่เธอ....
“......ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะอันภิกษุพึงละด้วยการภาวนา.... คือภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ย่อมเจริญธรรมอันเป็นองค์แห่งการตรัสรู้ ๗ ประการ คือ สติ.... ธัมมวิจยะ... วิริยะ... ปีติ.... ปัสสสัทธิ... สมาธิ... อุบเกขา อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธน้อมไปเพื่อความสละ ... เมื่อเธอเจริญโพชฌงค์อยู่ อาสวะเหล่านั้นที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนย่อมไม่มีแก่เธอ....ฯ”

อาสวสูตร ฉ. อํ. (๓๒๙)
ตบ. ๒๒ : ๔๓๔-๔๓๗ ตท. ๒๒ : ๓๙๘-๔๐๐
ตอ. G.S. III : ๒๗๖-๒๗๘


ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี

 

555.. ท่านพี่ใครจะขับรถไปล่ะ..ร่วม900กม.นะ เราน่ะมันแก่เลี้ยว..ไม่ไหวอ่ะ!
เรากะว่าจะเหาะไปด้วยยาน..555 (อากาศยานนะ คอยชมA-380มาที่ภูเก็ตอยู่น่ะ ไม่รู้ว่าลานบินมันจะรับได้ไหม?)
ส่วนท่านอาจารย์ชัชวาลย์น่ะ ช่วงนี้แกซุ่มซ้อมอรูปฌาน+อภิญญาของแกอยู่..พักๆก็โทรมาคุยกับเรา
เด้วเราจะลองถามท่านดูนะครับว่า สนใจเปล่า?

จริงๆถ้าพวกจิตบุญมากันหลายๆท่านนะ(เหมือนสังสรรค์ศิษย์เก่าเลย!) เม้าส์แตกแน่เลย..555 (เคยเจอมาเลี้ยว..ขนาดแค่5ท่านนะ เม้าส์กระจายเลยตั้ง5ชม.)
ปล่อยให้ครูวิทย์แกสอนไปๆ ที่เหลือเม้าส์ลูกเดียว..555

ปล.นี่ถ้าครูเพ็ญกับครูดัชมาด้วยนะ เรามีอะไรจะมอบให้ท่านด้วยล่ะ.. ตั้งใจไว้นานแร๊ะ..จนลืมไปเลี้ยว..555 แต่ถ้าไม่ยอมหนีหนาวลงมานะ.. อดครับ! 555