เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    ตอน : ทำไมผมถึงเขียนแต่เรื่องเล่า ?

    เหตุที่ผมเขียนตอนนี้ก็เพราะบรรณธิการที่บ้าน(ผมแต่งตั้งเอง)เขาถามผมเมื่อวานนี้ โดยมี

    คำถามว่า"พ่อ...ไม่มีใครเขาเขียนมาถามบ้างหรือว่า...เขียนได้แต่เรื่องเล่าเรื่องอื่นๆไม่มี

    หรือ" ผมมาคิดดูแล้วก็เห็นจริงตามแม่บ้านเขาว่า พยายามค้นหาคำตอบจากตัวเองจนคิดว่า

    น่าจะมีสาเหตุจากปัจจัยส่วนตน แต่จะตอบเฉพาะแม่บ้านก็ไม่ได้อะไร ถ้าตอบหรือบอกใน

    กระทู้ก็ได้เรื่องเขียนหนึ่งเรื่อง ผมคิดว่าเหตุที่ผมมีแต่เรื่องเล่าก็เพราะสาเหตุจากการที่ได้

    เล่าเรียนมาน้อยเป็นสาเหตุหลัก และที่เล่าได้ก็เพราะได้ฟังมามากกับอ่านมากนั่นเอง

    ผมเดาเอาว่าปู่น่าจะเป็นคนที่ชอบแสดงภูมิอยู่บ้าง ภาระจึงมาตกที่ผมโดยทางอ้อม เช่น

    ปู่อยากให้คนรู้ว่าท่านเป็น"หนังสือขอม"ก็มาลงที่ผมจะต้องหัดเขียน"หนังสือขอมพร้อมๆกับ

    เรียนเขียนหนังสือไทยตั้งแต่อยู่ ป.๑"ปู่ชอบเล่าเรื่องในวรรณคดีให้ชาวบ้านฟัง เช่น เรื่อง

    พระอภัยมณี จะเล่าจนจบ ๑๐๒ เล่มสมุดไทย เรื่องราชาธิราช,เรื่องรามเกียรติ์,เรื่องรถเสน

    เรื่องขุนช้างขุนแผน,เรื่องอิเหนา ฯลฯ ที่น่าทึ่งคือจำได้เป็นกลอนทั้งหมดโดยที่ไม่มีหนังสือ

    อยู่ในบ้านเลยแม้แต่เล่มเดียว เรื่องสามก๊กก็เล่าให้คนจีนฟังจนดูงิ้วรู้เรื่อง เรื่องผู้ชนะสิบทิศ

    จะเป็นเรื่องที่มีแฟนติดกันเยอะ(ผมจะมีปัญหาอยู่เรื่องเดียวคือ"สามก๊ก"เพราะมีหนังสืออยู่ที่

    บ้าน เพราะจำชื่อ,จำฝ่ายยาก : ปู่แนะนำให้เอากระดาษมา ๓ ชุด ให้เขียนชื่อแยกก๊กเอาไว้

    แล้วให้เอามาผูกกันให้คล้องจองจะได้จำได้ง่ายๆ เช่น"กวนอู เตียวหุย เตียวจูล่ง ฮ่องตง อุย

    เอี๋ยน ห้าทหาร ทำให้ผมได้เทคนิคการจำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา)เรื่องสังทองหรือเรื่องอื่นทุก

    เรื่องที่ผมกล่าวมาแล้ว ผมได้ตั้งแต่ยังไม่จบ ป.๔ ชีวิตผมไม่เคยเข้าวัดฟังเทศน์"มหาชาติ"

    แต่ผมรู้เรื่องทุกกัณฑ์ เพราะปู่เป็นนักเทศน์มหาชาติมาก่อน คืนไหนถ้าปู่อารมย์ดีชาวบ้าน

    รอบๆบ้านผมจะได้ฟังขับเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน หรือไม่ก็มหาชาติ ถ้าเช้าวันไหนได้ยิน

    เสียงคุยกับปู่หรือชาวบ้านด้วยกันเองว่า "เมื่อคืนตา...เขาเล่นเอาซะวิทยุหรี่เสียงกันหมด..

    น้ำตาเปียกหมอนกันไปตามๆ กัน" แสดงว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาถ้าไม่ใช่ตอนชูชกสองกุมาร ก็

    เป็นกัณฑ์มัทรี" เรื่องยันต์,เรื่องยา,เรื่องคาถาอาคม ก็ล้วนมาจากการได้ฟังเสียเป็นส่วนใหญ่

    บางอย่างคำชมก็ทำให้ผมจมไม่ลง เช่น บางครั้งเดินผ่านผู้ใหญ่หรือครูคุยกันจะได้ยินคำว่า

    "ไอ้เด็กคนนี้มันอ่านหมด มันเจอถุงกระดาษปลิวลมมามันยังฉีกอ่าน หรือบอกลูกบอกหลาน

    ให้รักการอ่านอย่างผม"

    เคยถามป้าว่าทำไมปู่ถึงจำเรื่องต่างๆ ได้แม่นยำขนาดผมอ่านผิดปู่ยังรู้ได้เลย ป้าเล่าให้ฟัง

    ว่า"แม่ของปู่อยู่ในวังตอนปู่เป็นเด็ก แม่ปู่อยู่ฝ่ายต้นเครื่องโดยเป็นคนหุงข้าว พ่อของปู่ทำ

    หน้าที่เฝ้า"หอธรรมสังเวช" ส่วนป้าเป็น"โขลน" ปู่อ่านหนังสือเก่งตั้งแต่ ๗ ขวบ ทุกๆเย็น

    ปู่จะต้องหมุนเวียนไปอ่านหนังสือตามวังต่างๆ ซึ่งจะเปลี่ยนไปทุกๆ วัน และแต่ละวังก็จะได้

    เตรียมหนังสือเอาไว้ให้ปู่อ่าน ตั้งแต่ ๗ ขวบ ถึง ๑๒ ขวบ ต้องออกจากวังหลวงมาอยู่วังหน้า

    เพราะเป็นเด็กผู้ชายจะอยู่ได้แค่นั้น นี่จึงเป็นเหตุให้ปู่จำเรื่องต่างๆ ได้ เพราะต้องอ่านทุก

    เรื่องและเรื่องละหลายๆครั้ง เมื่อพ่อและแม่ของปู่เสียชีวิตแล้ว ป้ามีสามีจึงได้หอบหิ้วปู่ไป

    อยู่อ่างทอง โดยฝากวัดไว้ จึงทำให้ปู่ที่รู้เรื่องหนังสือไทยอยู่แล้วไม่ต้องเรียนซ้ำ แต่เริ่ม

    ต้นด้วยการเรียนหนังสือขอมเลย และเมื่อเป็นพระก็ได้เป็นครูประจำโรงเรียนวัดฯ ซึ่งทำ

    ให้ปู่เป็นผู้มีความรู้คนหนึ่งในยุคนั้น แต่ผมเป็นคนเอาดีไม่ได้ หรือเอาได้ก็ไม่ค่อยดี เหลือ

    ก็แต่พอเอามาเล่าให้อ่านกันได้บ้าง บังเอิญภาษาบาลี,สันสกฤต หรือภาษามคธ เป็นภาษา

    ที่ตายแล้วตอนได้มายังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น เลยพอกล้อมแกล้มหากินได้

    ผมเขียนถึงตอนนี้แล้วก็อยากจะลบทิ้ง แต่ก็เสียดายคิดเสียว่าออกตัวหรือบอกให้รู้กันว่าผม

    เรียนมาน้อยเมื่อจบ ม.ต้นแล้วก็ต้องหางานทำ จึงทำได้แค่เล่าเรื่องเพราะไม่ต้องใช้ความรู้

    เป็นแต่เพียงจำเอามาเขียน ว่างๆ จะเล่าประโยชน์ของการอ่านหรือการฟังให้ได้อ่านกัน ผมได้

    ประโยชน์จากการอ่านเรื่อง"สังข์ทอง"ก็แค่รู้ว่าจริงๆ แล้วฟักแก่ถึงจะทำกับข้าวอร่อย......

    ดูหนังเรื่อง"โหมโรง"ทั้งเรื่องผมชอบอยู่ประโยคเดียว"ทางใครก็ทางมันซิ...."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  2. victorvee

    victorvee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2010
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +2,693
    ตามอ่านเรื่องเล่าของคุณอา มาเกือบทุกเรื่อง ทำให้คิดได้ว่าสิ่งที่เราอ่านมาเป็นประโยชน์จริงๆครับได้แง่คิดหลายๆอย่าง ด้วย ขอบคุณคุณอาครับ
     
  3. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,413
    ค่าพลัง:
    +7,058
    ติดตามเช่นกันครับ อ่านไปจินตนาการเป็นภาพด้วย ได้บรรยากาศ
    ชีวิตสมัยก่อน :cool:

    ปัจจุบันมีเเต่เรื่องเร่งรีบ รีบร้อน ตามกระเเสสังคมโลก :(

    โมทนาครับ
     
  4. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่องเล่า : นิทานธรรม

    ตอน : โดยอรรถ

    เรื่องนี้ต้องขอโทษท่านที่ได้อ่าน,ได้ยินหรือได้ฟังมาเยอะแล้วหรือว่าเบื่อแล้ว ก็คิดเสียว่า

    เสียสละให้ท่านที่ยังไม่เคยอ่านหรือไม่เคยฟังมาก่อนได้มีโอกาสรับรู้บ้าง เป็นธรรมดาของ

    นิทานคือ เล่าสู่กันฟังตลอดมาและต้องเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว

    เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นนานมาแล้ว นานเท่าไหร่ผมก็จำไม่ได้เพราะมันนานแล้ว มีครอบครัวเล็กๆ

    ครอบครัวหนึ่ง ปลูกกระท่อมอยู่บนชายเนินเขา มีสมาชิก ๓ คน คือพ่อ,แม่ และลูกสาวซึ่ง

    อยู่ในวัยเจริญพันธุ์หรือว่าสาวเต็มตัว ต่อไปนี้จะเรียกตัวพ่อตัวแม่ว่า ตา-ยาย ส่วนลูกสาวยัง

    คงใช้สรรพนามเดิม มีอยู่วันหนึ่งสองตา-ยาย ได้ปรึกษาหารือกันอยู่บนกระท่อม ถึงเรื่องลูก

    สาวของทั้งสองตา-ยาย พอจะสรุปได้ว่าตากับยายมีความคิดตรงกันเรื่องคู่ครองของลูกสาว

    ความว่า"ลูกสาวของเรามันก็โตพอที่จะมีเหย้ามีเรือนได้แล้ว เราจะไม่เลือกหรอกว่าผู้ที่จะ

    มาเป็นเขยของเราจะเป็นอย่างไร ขอให้เป็นผู้ที่มีศีลมีธรรมก็พอแล้ว" ในขณะที่สองตายาย

    กำลังปรึกษาหรือกันอยู่นั้น ได้มีเสือโคร่งตัวหนึ่งนอนฟังอยู่หลังบ้าน(เสือหรือสัตว์ในนิทาน

    เรื่องนี้ทั้งรู้และพูดภาษาคนได้ : บอกไว้ก่อนแล้วว่าเรื่องมันนานมาแล้ว) เมื่อตากับยายคุย

    กันจบลง เจ้าเสือโคร่งก็เดินขึ้นบันไดกระท่อมเข้ามา โดยกราบกรานทำความเคารพสอง

    ตายายแล้วกล่าวว่า มันได้ยินตามที่ตากับยายคุยกันว่าผู้ไดก็ได้ที่จะมาเป็นเขย ขอเพียง

    เป็นผู้ที่มีศีลมีธรรมก็เป็นอันใช้ได้แล้ว และเสือโคร่งก็บอกต่อว่าตัวของมันเองก็มีศีลมีธรรม

    ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จะกินเนื้อสัตวเฉพาะสัตว์ที่ผู้อื่นฆ่าไว้แล้วเท่านั้น มันจึงมีความประสงค์

    จะขอลูกสาวของสองตายายไปเป็นคู่ หวังว่าตากับยายจะรักษาสัจจะวาจา ตากับยายจึง

    ต้องหันหน้ามาปรึกษากัน โดยตากับยายยอมรับว่าได้กล่าววาจาไว้อย่างนั้นจริง ส่วนลูก

    สาวก็ถือ กตัญญูกตเวทิตา ไม่ให้บิดามารดาต้องเสียสัจจะวาจา ยอมตัวไปเป็นเมียของ

    เสือโคร่ง แล้วพากันเดินทางไปปลูกกระท่อมอยู่ต่างหากยังเนินเขาอีกลูกหนึ่ง

    เวลา ๑ ปีผ่านไป สองตา-ยาย ก็ให้คิดถึงลูกสาว จึงตกลงใจไปเยี่ยมลูกสาวและลูกเขย

    กัน เป็นธรรมเนียมของผู้ที่จะไปเยือนก็ต้องเตรียมของไปฝากกัน"ลูกสาวก็เอาข้าวสาร,

    พริก,มะเขือไปฝาก ส่วนลูกเขยเป็นเสือก็เอาเนื้อไปฝาก" เมื่อจัดของฝากเรียบร้อยแล้วก็

    หาบคอนออกเดินทางไปหาลูกสาวลูกเขย ในระหว่างทางได้ผ่านทุ่งหญ้าที่สมบูรณ์เขียว

    ขจี มีฝูงแพะอยู่ฝูงหนึ่ง ซึ่งทุกตัวผอมแห้งแรงน้อยน่าสงสาร ตากับยายก็ได้แต่ปลง

    แล้วก็เดินทางผ่านไป จนไปถึงทุ่งหญ้าอีกทุ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าที่แห้งแล้งมีก็แต่หญ้า

    แห้งๆ มีแพะอยู่ฝูงหนึ่งแต่ละตัวอ้วนพีสมบูรณ์ ตากับยายก็เดินทางผ่านฝูงแพะนั้นไป

    ช่วงหนึ่งนั้นตากับยายเดินผ่านแม่หมาท้องแก่(เน้นท้องแก่) แม่หมานอนอ้าปากมองดูตา

    กับยายเฉยๆ แต่...ลูกหมาในท้องเห่ากันเพรียก...เห่าแบบไม่รู้จักหยุดจักหย่อน จนกระ

    ทั่งตากับยายเดินผ่านพ้นไป พอเดินมาได้อีกระยะหนึ่ง ตาหรือยายก็ไม่รู้ผมจำไม่ได้ว่า

    คนไหนหันไปดูเนื้อที่หาบมา....เนื้อมันกลายเป็นกระดูก...จบครับ...จบแค่นี้

    หมายเหตุ : เมื่อช้าวตอนที่ผมเขียนตอน : ทำไมผมถึงเขียนแต่เรื่องเล่า ? ผมรีบเขียน

    ไปหน่อย เพราะจะรีบโดยสารรถแม่บ้านไปตัดผม แต่แม่บ้านเขาไม่ได้เป็นต้นเหตุว่าผม

    จะเขียนดีหรือไม่ดี ผมเองแหละที่นึกอยากเขียนก็เขียนอยากจะจบก็จบ แม่บ้านเขาขยั้น

    ขยอให้เขียนดีๆ ช้าๆ ก็ได้เขาจะรอ เขากลัวว่าจะไม่มีใครกด"อนุโมทนา"แล้วผมจะเลิก

    เขียนไปทำอย่างอื่น!!! เขาบอกว่าถ้าคนกด"อนุโมทนา"มาน้อยจะควบคุมให้ผมเขียนน้อย

    ลง จะได้มีคุณภาพ ผมถามเขาว่าแม่จะไปไหน ? เขาบอกว่าจะไป paradise ผมได้

    โอกาสจึงบอกเขาว่า"ถ้าแม่อยากไป paradise แม่รีบไปเลย" ก็อยากไม่รู้ภาษาอังกฤษ !!!

    ปล. ผมไม่แกล้งคนอ่านหรอก ตอนหน้าจะเป็นตอน "อรรถาธิบาย"จะได้เข้าใจเป็นทางเดียว

    กัน...ขอบคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  5. ฅนโคกว่าน

    ฅนโคกว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    795
    ค่าพลัง:
    +2,767
    แจ้งการโอนเงิน ลำดับที่ ๔๓

    หมูทองแดงหลวงปู่ผาด + ดวงราชาโชค

    จำนวนเงินที่โอน ๙๐๐.๓๓ บาท (เก้าร้อยบาทสามสิบสามสตางค์)
    โอนเมื่อเวลา ๑๐.๓๔ น.
     
  6. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่อง : นิทานธรรม

    ตอน : อรรถาธิบาย

    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่กด Like มาให้สำหรับที่ผมเขียนตอนแรกไป ทั้งที่ยังไม่

    มีอะไรเป็นสาระมากนัก หรือยังไม่ชัดเจนดี แต่จำนวนเพียงพอที่บรรณาธิการที่บ้านถือว่าผม

    สอบผ่าน จึงมีโอกาสได้เขียนต่อ ก่อนที่ผมจะให้ความหมายของข้อขอดธรรมะ หรือเงื่อน

    ปมของนิทานธรรม ต้องขอตกลงกับท่านผู้อ่านก่อนสัก ๒ ข้อ เพราะมีความจำเป็นคือ.-

    ข้อที่ ๑ ต้องไม่คิดว่าผมมีอคติในการแปลความหมาย เพราะผมมีเจตนาบริสุทธิ์ ที่จะแปล

    ความให้เข้าใจง่าย ไม่คิดที่จะไปส่อเสียดหรือเสียดสีใคร (อยากให้เข้าใจง่าย)

    ข้อที่ ๒ ถ้ามีข้อความใดมีลักษณะที่ท่านคิดว่าเป็นการส่อเสียดหรือเสียดสีให้ไปดูข้อที่ ๑

    ประเด็นที่ ๑ ตากับยายมีความจำเป็นในการที่จะต้องรักษาสัจจะวาจาขนาดนั้นเชียวหรือ คือ

    เพื่อตัวเองจะได้เป็นคนที่ได้ชื่อว่ารักษาสัจจะวาจา ถึงกับต้องให้ลูกสาวไปได้เสือเป็นสามี

    เป็นการเอาดีใส่ตนโดยไม่มีเหตุผล และไม่คิดถึงหัวอกลูกสาว เพราะเป็นที่เชื่อได้ว่าขณะ

    ตากับยายพูดกันว่า ใครก็ได้ที่จะมาเป็นเขย ขอให้เป็นคนดีมีศีลมีธรรมก็พอแล้ว คงไม่มี

    เจตนาที่จะหมายถึงสัตว์เดรัจฉานด้วยเป็นแน่ ถือว่าเป็นการรักษาสัจจะแบบเห็นแก่ตัวไม่มี

    เหตุผลเพียงพอ "ยอมเสียสัตย์เพื่อชาติ ยังจะดูดีมีเหตุผลมากกว่า"(ดูข้อ ๑ )

    ความกตัญญูในส่วนลูกสาว ก็กตัญญูแบบไม่มีเหตุผลถึงกับยอมตนไปเป็นเมียเสือ เรียก

    ว่าเป็นคนไม่มีเหตุผล แทนที่จะเป็นคนชี้แจงให้พ่อแม่ของตนเข้าใจกลับพากันดิ่งจมลง

    ไปอีก อย่างนี้ไม่ไช่"โชติยะปุตตะ" คือบุตรต้องดีกว่าพ่อแม่ เหมือนกับพ่อแม่ส่งลูกเข้าไป

    บวช ก็เพราะคำว่าบวชเรียนก็ต้องการให้ได้อะไรจากลูกบ้าง อย่าไปงมงายเรื่องการเกาะ

    ผ้าเหลือง วอนท่านที่ใกล้จะบวช(หรือใครจะเอาไปบอกคนที่จะบวช)ว่า เป็นเวลาไม่น้อย

    กว่า ๒๐ ปี ที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายรอวันที่จะได้บวชท่าน เมื่อบวชแล้วก็ขอให้ได้อะไรจากวัดเอามาฝาก

    พ่อแม่ปู่ย่าตายายกันบ้าง ไม่ใช่เป็นแบบที่เขาเรียกกันในสมัยโบราณที่ว่า "บวชก็เสียผ้า

    เหลือง สึกก็เปลืองผ้าลาย" ในหนังสือ นวโกวาท มีสาระเพียงพอให้ท่านที่บวชทั้งหมดได้เรียนรู้

    อย่างน้อยเมื่อสึกออกมาก็ทำให้ปู่ย่าตายายเห็น"ว่าคิดเป็นเหมือนกัน"เพราะบวชแล้วได้เรียนรู้

    ขณะที่แปลความหมายถึงตอนนี้ ผมยังคิดว่าผมโชคดีที่ผูกเรื่องไว้ให้เป็นเสือมาขอลูกสาว

    ถ้าเป็นช้างมาขอ...ละก้อ...สงสารลูกสาว ???

    ประเด็นที่ ๒ เรื่องของฝาก ลูกสาวได้ของฝากเป็นพริกเป็นมะเขือ(ผมแถมข้าวสารไปให้

    เพราะสงสาร) ส่วนลูกเขยเป็นเสือได้เนื้อเป็นของฝาก ที่ทำงานของท่านๆ เคยเป็นแบบนี้

    ไหมครับ คือนายของเรา เรื่องดีๆ ชี้ไปที่คนอื่น ส่วนคนใกล้อย่างเรามีแต่เรื่องเสียๆมาให้

    มีของดีๆ ก็เอาไปฝากนายเหนือขึ้นไป แต่พวกเราที่ทำงานกันแทบตาย ไม่เคยให้อะไรเรา

    เลย ทำตัวเป็นแม่ยก"ลิเกรวยแต่ลูกจน" ทำบุญขึ้นป้ายตั้งหลายวัดแต่พ่อกับแม่ไม่แลเหลียว

    เวลารวมพลเป็นคณะขึ้นรถไปทำบุญต่างจังหวัดเคยคิดถึงวัดใกล้ๆบ้านบ้างไหม ? ผมมี

    เรื่องจริงยกตัวอย่างคือ เพื่อนสนิทของผมกับน้าสาวของเขาชอบชวนกันไปทำบุญถือศีล

    ต่างจังหวัด ผมเคย"ลักไก่"หรอกถามเขาว่า "เอ็งกับน้าเอ็งปฏิบัติธรรมก็ดีนะ มันทำให้ทำใจได้

    แล้วนี่เอ็งกับน้า เคยบอกหรือสั่งใครไว้ไหมว่าถ้าตายไปจะไปทำศพกันที่ไหน?" เขาตอบ

    ผมได้ทันทีว่า "ก็ที่วัด...ซิวะใกล้บ้านเราจะไปทำที่อื่นทำไม" ไอ้ที่ดีๆ เอาไปวัดอื่นแต่ที

    ศพมันบอกเอาไปวัดใกล้บ้าน วอนผู้ใจบุญทำบุญใกล้บ้านกันบ้าง มีเวลามีเงินเดินทาง

    ไปวัด อย่าลืมเหลือเอาไว้ให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายกันบ้างฯลฯ(ดูข้อที่ ๑)

    ประเด็นที่ ๓ หญ้าเขียวๆ แพะผอม หญ้าแห้งๆ แพะอ้วน ผมว่าหลายท่านคงแปลเองได้

    แล้ว ในที่ทำงานของหลายท่านก็อาจจะมี ประเภทความรู้ดีพูดได้รู้ได้ทุกเรื่องราว แต่งาน

    เหลว หญ้าเขียวๆ แพะขี้เกียจก็เท่านั้น ความรู้น้อยแต่ขยันเอาใจใส่งานก็เหมือนหญ้าแห้ง

    แต่แพะขยันกินมันก็อ้วนได้ โบสถ์ใหญ่,ศาลาสวย,กุฏิติดแอร์ ลูกหลานพระตถาคต ไม่

    เอาใจใส่ไฝ่ในธรรม พระศาสนาก็เรียวลงผอมลง หญ้าก็เปรียบได้กับธรรมมะหรือความรู้

    แพะก็เปรียบได้กับผลของงานของคนทั่วไปหรือถ้าเป็นพระก็เปรียบได้กับคุณสมบัติของ

    พระคุณเจ้าแต่ละองค์.....ถึงตอนนี้ผมคิดว่าทุกท่านคงแปลความหมายได้ดีกว่าผมแล้ว

    ประเด็นที่ ๔ หมาท้องแก่ไม่เห่า แต่ลูกในท้องมันเห่า แม่หมามันเห็นโลกมาเยอะมันจึงเฉยๆ

    เมื่อเห็นตากับยาย เพราะมันก็เคยเห็นคนมาเยอะเช่นกัน แต่ลูกหมามันเพิ่งเคยเห็นมันจึงเห่า

    และเห่ามากขึ้น เพื่อให้คนอื่นรู้ว่ามันรู้มันเห็น หลวงปู่หลวงตาเก่งๆ แก่ๆ ท่านรู้ท่านเห็นท่าน

    จึงได้แต่..หึ..หึ..ถ้ายิ่งเก่งมาก...เงียบเลย คนที่รู้ว่าประชาธิปไตยคือ"นายกต้องลาออก

    ต้องยุบสภา" ก็จะเดินขบวนหรือประท้วง ส่วนคนที่จบการเมืองการปกครอง...เงียบ....

    ถึงตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะพอแล้วเรื่องอรรถาธิบาย เพราะผมได้เปิดช่องไว้กว้างมาก ทุกๆ

    ท่านเอาไปปรับเปลี่ยนใช้ได้กับตั้งหลายสถานะการณ์

    ประเด็นท่ ๕ ผมไม่ได้ลืม"ทำไมเนื้อถึงเป็นกระดูก" แต่ฝากให้ทุกท่านนำไปเปรียบเทียบกันเอง เพราะจะได้มีมุม

    มองหลายมุมและเหมาะกับที่ท่านเคยผ่านเคยพบ คุณหนุ่มทิพย์เปรียบ"บทสวดมนต์"เป็น

    คนขับรถ ผมเปรียบ"คนสวดมนต์"เป็นคนขับรถ ถูกทั้งคู่ มันอยู่ที่ว่าเราดูกันที่ไหน?และเมื่อไร ?

    ยกตัวอย่างเช่น ลองอ่านประโยคนี้"ทำไมถึงหวงแหนเอาไว้...."กับประโยคเดิมแต่เขียนต่ออีก

    เพิ่มเป็น "ทำไมถึงหวงแหนเอาไว้ ไม่ให้เป็ดกิน"สระแอ ห..หีบ น..หนู เขียน ๒ ครั้ง อ่าน

    ๒ ครั้ง ไม่เหมือนกัน เพราะประโยคมันพาไป "โอม" ของ ฤๅษี นารอด กับ "อะนอ" ของญี่ปุ่น

    อาจจะเหมือนกันก็ได้ใครจะรู้และยืนยันได้ ???? แล้วทำไมต้องติดใจกับ"โอม"

    อย่าลืมนะครับ"ทำไมเนื้อถึงเป็นกระดูก ใครคิดได้บอกผมที มีรางวัล....ขอบคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  7. aoyy

    aoyy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +832
    แจ้งการโอน ลำดับที่ 53
    ทำการโอน ค่า แผ่นกระดานชนวนยันต์ดวงราชาโชค
    จำนวน 720 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  8. Maestro

    Maestro เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    676
    ค่าพลัง:
    +2,411
    ลำดับที่ 12
    แจ้งโอนเงิน หมูทองแดง 2 ตัว แผ่นดวง 3 แผ่น ครับ
    01-09-55 เวลา 7.27 น. ยอดโอน 2,200 บาท ครับ
    ขอบคุณครับ :cool:
     
  9. คนวิเศษ

    คนวิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +1,861
    ชอบมากครับกับการเล่าเรื่องของท่าน
    ทำให้คิดถึงวิถีสังคมแบบชนบท
    ซึ่งสังคมปัจจุบันนี้ไม่สามารถหาได้แล้ว
    ท่านน่าจะไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษตามโรงเรียนนะครับ
    เสียดายความรู้ความสามารถ
    ขอบคุณครับ
     
  10. Funfun27

    Funfun27 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,319
    ค่าพลัง:
    +7,868
    ขออนุญาตโอนให้พรุ่งนี้นะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  11. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ตอนเป็นเด็ก เวลาจัดกลุ่มกันเล่น จะเล่นเป็นพ่อบ้าง เป็นแม่บ้าง เล่นเป็นครู เล่นเป็นนักเรียน
    แต่เมื่อโตขึ้น ไม่เห็นใครอยากเป็นครู นอกจากหาที่เรียนไม่ได้ หรือหางานอื่นทำไม่ได้

    *** มีเพื่อนสมาชิกถามมาว่า ทำไม "ปู่" ในเรื่องเล่า จึงได้เกรงใจ "ป้า" นัก
    ตอบให้เข้าใจในเรื่องว่า

    ปู่ = "พ่อ" ของคุณพ่อประดู่ฯ (เรียกตามเด็กๆ)
    ป้า = พี่สาวของปู่
    หอธรรมสังเวช = เป็นที่ตั้งสำหรับตั้งพระศพเจ้านายฝ่ายใน
    โขลน = ตำรวจหญิงแห่งวังหลวง โดยผู้ที่ทำหน้าที่โขลนนี้ จะเป็นผู้หญิงล้วน เนื่องจากว่าในเขตพระราชฐานไม่ให้ผู้ชายเข้าไป ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในวังไม่ให้มีการทะเลาะวิวาทกันในเขตพระราชฐาน
    ในอดีตนอกจากการดูแลความเรียบร้อยของพระราชวังแล้ว ในบางครั้งยังทรงโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ดูแลพนักงานทำธูปเทียน จัดดอกไม้ ร้อยดอกไม้ ดูแลพนักงานเครื่องต้น ( อาหาร ) ทำหน้าที่ดูแลเจ้าจอม ดูและพระคลังใน ( เป็นที่สำหรับเก็บของที่ต้องใช้เป็นประจำและยังเก็บเครื่องใช้ไม้สอยประเภทเครื่องถ้วยต่างๆ )[​IMG]
    ภาพ : จ่าโขลน

    หอธรรมสังเวช น่าจะมีลักษณะคล้ายๆกันกับ หอนิเพทพิทยา และ หออุเทศทักษิณา ดังในภาพล่าง
    [​IMG]
    ................................................

    ผมโดนข่มขู่ เรื่องจำหน่ายพระฯราคาจอง ไม่ยอมปรับราคาเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้จำหน่ายท่านอื่นเสียประโยชน์ จึงขอคงราคาจองเฉพาะที่เปิดให้จองนะครับ
    หลังจองแล้ว ผมจะไม่เข้ามายุ่งอีก

    ส่วนสมาชิกใหม่ กรุณาสอบถามประวัติการสร้างจากเพื่อนสมาชิกเก่าๆนะครับ ผมให้ข้อมูลตรงไปตรงมาก็จะโดนข่มขู่อีก

    ................................................

    ขอเวลาประเดี๋ยว มีเรื่องจะเล่า พักโฆษณาแป๊บ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  12. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ช่วงที่พี่นิ่ม ทริปเชียงใหม่
    แวะขอบารมีครูบาฯ วัดพระธาตุม่อนไก่แจ้ หลังอธิฐานเสร็จ ก็ทักพี่นิ่มว่า ที่ทำพระฯได้ขลัง เพราะมีครูอาจารย์ดี อย่างหลวงปู่ทวด และฤษี คอยช่วย

    ช่วงสาย แวะขอบารมีครูบาสายทอง วัดท่าไม้แดง ก็โดนทักคล้ายๆกัน แต่เป็นพระเจ้าตาก (มีทรงมาลา กับไม่ทรงมาลา/ครั้งก่อนผมเขียนเป็นชฎา ต้องขออภัย) เรื่องพระเจ้าตากฯ นี้ ครูบาฯ ท่านยังเมตตาเล่าเรื่องให้ฟังเรื่องหนึ่ง ที่ได้ไปร่วมพิธีปลุกเสก ท่านฯเห็นพระเจ้าตากทรงกริ้วมาก ใช้พระแสงดาบฟันลงมาจากฟ้า (ท่านฯไม่อนุญาตให้สร้าง) เกิดเป็นอสุนีบาต เลื่อนลั่นในงานพิธีฯ ทำเอาแตกตื่น

    พี่นิ่มเก็บมาเล่าให้ผมฟัง ผมก็นึกถึงพี่ไพรัชที่เทียวบอกผมซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าให้เดินสายปลุกเสกพร้อมกัน มวลสารเหมือนกัน แต่พระฯก็ขลังไม่เท่ากัน....

    ผมก็เลยขอดูเวลาตกฟากพี่นิ่ม พี่นิ่มก็เล่าให้ฟังเพิ่มว่า หลวงพ่อเฮียง วัดเขาถ้ำ ก็เคยขอดูดวงพี่ หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา ก็เคยขอดู ถึงกับเอ่ยปากว่า "อยากรู้นัก ว่าทำไมถึงทำของออกมาได้ขลัง..."

    ผมบังลัคนา กับจันทร์ไว้ เพราะไม่ได้คิดจะทายทั้งหมด เอาแค่ดูให้เห็นว่า ที่พี่ไพรัชหัวเราะผมวันนี้ว่า "คุณทิพย์อยู่ใกล้คุณนิ่มที่สุด แต่รู้ช้าที่สุด... ผมบอกเรื่องนี้ไปหลายครั้งแล้ว.."

    พี่ไพรัชเห็น แต่ผมไม่เห็น
    เรื่องคนผมดู"ขาด" แต่เรื่องไสย์ศาสตร์ ผมดูไม่เป็น (เหล่าวิทยาธรมาเจอกัน-ผมไม่เกี่ยว /ผมเรียนแต่เพศศึกษา)


    ดาว ๗ ได้ตำแหน่งเกษตรในราศีมังกร
    ดาว ๕ ได้ตำแหน่งเกษตรในราศีมีน
    ดาว ๑ ได้ตำแหน่งอุจจ์ในราศีเมษ
    ดาว ๖ ได้ตำแหน่งอุจจ์ในราศีมีน
    ดาวมฤตยู ทำมุมกับดาวเกต และตนุเศษ มีลัคนาอยู่ในมุมนี้ด้วย

    ผมทายสอบพี่นิ่มก่อนว่าถูกต้องหรือไม่ เมื่อพี่นิ่มยอมรับว่าใช่ ก็ถือว่าเชื่อได้อยู่ ลองทรรศนาดวงวิทยาธร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  13. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG] วัดหนองหลวง
    +หลวงปู่เกลี้ยง วัดเนินฯ + พระเกจิอาจารย์อีกหลายรูปในจังหวัดนครปฐม พรุ่งนี้เช้าจะเฉลยครับ

    ที่พระอุโบสถ วัดกลางบางแก้ว 17.00 น.-20.00 น. วันนี้

    งานพิธีฯ พระกริ่งพุทธวิถี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  14. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378


    เคยได้ยินคำว่า"ตีเกราะเคาะไม้"ไหมครับ นั่นก็เป็นหน้าที่"โขลน" ตีเกราะก็

    เพื่อ"บอกยาม"ว่าเป็นเวลาอะไร? ส่วนเคาะไม้ก็เพื่อไล่กระรอก ไม่ให้เที่ยว

    มากินผลไม้ตามต้นไม้ผลในวัง ผมถามป้าว่าในวังมีกระรอกด้วยหรือ(คือผม

    คิดตามประสาเด็กว่าในวังมีแต่ปราสาทราชมณเฑียร)ป้าบอกว่ามีซี่..ก็เขาดินนั่น

    ก็เป็นเขตต์ของวังมาก่อน ปลาสวายตัวเท่าเด็ก ตัวใหญ่ ตกก็ง่าย แค่เอา

    ใบหม่อนพับให้แบนๆแล้วเกี่ยวเบ็ดโยนลงน้ำให้ดังแป๊ะปลาสวายก็ฮุบติดเบ็ด

    แล้ว เชื่อไหมจนถึงวันนี้ผมยังไม่รู้จักต้นหม่อนเลย...น่าอายครับ

    หอธรรมสังเวช ที่ต้องจัดยามเฝ้า เพราะบรรดาพระโกฏิที่เก็บไว้ล้วนเป็นของ

    เจ้านาย คนเฝ้าหรือทหารที่เฝ้ามักจะโดนผีเจ้านายหลอกเอาบ่อยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2012
  15. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    ตอน : อ่านเอาเรื่อง

    ในสมัยผมเด็กๆ วิชาที่โรงเรียนจัดให้เรียนจะแยกแยะรายวิชามาก มีการจัดหมวดก็จริงแต่ชื่อ

    วิชาก็เป็นของใครของมัน เผลอๆ เด็กก็ไม่รู้ว่าวิชานี้อยู่ในหมวดอะไร จะมีอยู่วิชาหนึ่งที่ผม

    ชอบมากคือวิชา "อ่านเอาเรื่อง" เพราะแม้ผมจะไม่มีหนังสือเรียนเพราะไม่มีเงินซื้อหรือขาด

    เรียนก็ไม่เป็นปัญหา แค่ขอยืมหนังสือจากเพื่อนมาจดศัพท์หรือราชาศัพท์ท้ายเล่มก็พอแล้ว

    เพราะวิชาพวกนี้หนีไม่พ้นเรื่อง สังข์ทอง,รถเสน(นางสิบสองของคนทำละคร)ราชาธิราช

    รามเกียรติ์,พระอภัยมณี,กามนิต-วาสิฏฐี ภาคพื้นดินฯลฯ อะไรเหล่านี้ผมจะจองคะแนนTOP

    ไว้ตลอดกาล เพราะอ่านและฟังมามากแล้วจากการที่ปู่เล่าให้คนแถวบ้านได้ฟังกัน ข้อสอบ

    ก็จะเป็นการถามเรื่องราวตามท้องเรื่องที่อ่าน,ศัพท์หรือราชาศัพท์ และที่ขาดไม่ได้ก็คือการ

    เติมคำในช่องว่างที่เว้นไว้ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบทกลอนฯลฯ

    แต่อ่านเอาเรื่องที่จะเล่าให้อ่านกันนี้ข้อสอบไม่ใช่ครูที่โรงเรียน แต่เป็นครูที่บ้านคือ "ปู่"

    หลังจากที่ให้ผมอ่านหนังสือเรื่อง"ปฐมสมโพธิ"แล้ว ทิ้งระยะเวลาที่ผมคิดว่านานมากแล้ว

    หรือว่าปู่ลืมไปแล้ว อยู่ๆ ปู่ก็ตั้งคำถามแบบข้อสอบอ่านเอาเรื่องคือปู่ตั้งคำถามว่า"อ่านปฐม

    สมโพธิแล้วได้อะไรบ้าง? ไหน..เล่าให้ฟังซิ" ปู่บอกว่าค่อยๆเล่าก็ได้จะถามไหม่ ?

    คำถาม : อ่านปฐมสมโพธิแล้วได้อะไรบ้าง? เข้าใจไหม? เล่าไปเท่าที่เข้าใจไม่ว่าอะไรหรอก

    คำตอบ : ผมตอบว่า ปฐมสมโพธิ คือเรื่องเบื้องต้นของการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

    คำถาม : ตั้งแต่ตอนไหน ?

    คำตอบ : ตั้งแต่ในครรภ์พุทธมารดา จนถึงสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    คำถาม : รู้แล้วศัพท์มันบอกอยู่แล้ว แต่อยากรู้ว่ามันเป็นเรื่องแบบไหน...สาระน่ะ..

    คำตอบ : คือเป็นเรื่องที่แปลความแล้ว ไม่ยึดถือตามอุปมาอุปไมย ไม่มีอภินิหารซึ่งมีการ

    เปรียบเทียบไว้

    คำถาม : เอาละ..ถือว่าใช้ได้...เข้าใจ ไหนเอาที่เขาเปรียบเทียบไว้เอามาแปลให้ฟังหน่อย

    คำตอบ : ข้อที่ ๑ ตามที่กล่าวว่าพระพุทธองค์ทรงประสูตรจากครรภ์พระพุทธมารดา โดย

    ไม่ได้แปดเปื้อนอะไรเลย หมายถึงตั้งแต่พระพุทธองค์ยังทรงอยู่ในครรภ์พระพุทธมารดา

    พระพุทธมารดาทรงถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด จึงทำให้พระพุทธองค์ที่อยู่ในพระครรภ์ดื่มเลือด

    ในอกพระพุทธมารดาจึงทรงบริสุทธิ์ไปด้วย จึงมีการ"รจนา"กันในทำนองอุปมาอุปไมยว่าทรง

    มิได้แปดเปื้อนอะไรเลย (ปู่ Comment ว่า ไม่ใช่อยู่ในครรภ์จนถึงแค่ประสูตร แต่พระพุทธ

    องค์ ทรงศีลจนถึงออกบวชและตลอดฯลฯ)

    ข้อที่ ๒ ที่กล่าวว่าเมื่อประสูตรพ้นจากครรภ์พุทธมารดาแล้ว มีเทวดาเอาธารน้ำร้อนธารน้ำ

    เย็น มาราดรด เปรียบได้กับการศึกษาการอบรมของพระพุทธองค์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนถึง

    ออกบวช ธารน้ำร้อนเปรียบได้กับความรู้ที่ได้จากอาจารย์วิศวามิตร เพราะเป็นการเรียนการ

    อบรมที่หนักไปในทางโลก เพราะมีศาสตร์และศิลป์ที่เหมาะแก่การที่จะสืบทอดเป็นกษัตริย์

    ต่อจากพระพุทธบิดา ส่วนที่เปรียบว่าเป็นธารน้ำเย็นก็ได้แก่การเรียนการอบรมที่ได้จากพระ

    อาจารย์ อาฬารดาบส และอุทกดาบส เพราะหนักไปในทางธรรมหวังจะได้หลุดพ้นฯลฯ

    ข้อที่ ๓ ที่กล่าวว่าเมื่อพระพุทธองค์ประสูตรแล้วทรงย่างพระบาทไปบนดอกบัว ๗ ดอกนั้น

    แล้วเปล่งพุทธวาจา หมายถึงเมื่อพระพุทธองค์ทรงสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว

    พระองค์ได้ทรงเสด็จด้วยเท้าของพระองค์เองได้ ๗ เมือง เปล่งพระพุทธวาจาคือ การประ

    กาศพระพุทธศาสนา(ช่วยหาเองนะครับ ๗ เมืองตามบทสวดมนต์ เดี๋ยวจะว่าผมอู้..เขียนเสียยาว)

    เมื่อปู่ฟังจบก็พอใจในคำตอบ(เรื่องไม่เชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์นี่ผมถนัดนัก ถึงได้มีฉายาว่า

    "นอกคอก") และได้"ขุดหลุมพลาง"ให้ผมต่อไปโดยถามว่า แล้วได้เรื่องอะไรอีก ผมนึก

    อยู่นานเพราะกลัวตอบผิด จนปู่บอกว่าตอบมาเถอะไม่ว่าอะไรหรอก แค่นี้ก็ดีกว่าพระบาง

    องค์แล้ว ผมจึงตอบว่ายังได้อ่านเรื่องราวของพระสาวกอีก ๘๐ องค์ และพระ"เอตทัคคะ"

    อีก ๔๑ องค์ ปู่บอกว่าดี และถ้าจะให้ดีต้องแยกชีแยกสงฆ์ด้วย.....

    ปู่ขุดหลุมพลางให้ผมตอบในเรื่องที่เด็ก อายุ ๑๒ ขวบอย่างผมตอบได้ แล้วก็เข้าประเด็นว่า

    "พระพุทธเจ้าปราบองคุลีมาลด้วยอะไร?" เรื่องนี้ไม่ยากเพราะผมเพิ่งได้ดูหนัง"แขก"เรื่อง

    องคุลีมาล กับป้าที่โรงหนัง"เท็กซัส"จากกรุงเทพฯ ไปสดๆร้อนๆ ผมตอบคล่องเหมือนใน

    หนังเป๊ะเลย...เพราะปู่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ...ปู่...ตบเข่าฉาด...ผมสดุ้ง...เพราะเข่าผม...

    ไม่ใช่เข่าปู่... และพูดว่า...ก็ไหนว่า...รู้...เข้าใจ แปลความหมายอุปมาอุปไมยได้แล้วไง

    ทำไมยังเหาะไปเหาะมา ลอยไปลอยมาได้อีกล่ะ.....

    ถ้าอยากรู้ว่า...พระพุทธองค์ทรงปราบองคุลีมาลด้วยอะไร ใช้คาถาบทไหน? เห็นจะต้องเก็บ

    เอาไว้ตอนหน้า...ค่อยมาว่ากัน (แล้วจะรู้ว่าที่ปู่ชอบบอกคนอื่นๆว่า ผมเป็นพวกวิทยา-

    ศาสตร์ นอกคอก เพราะอะไร)

    ปล. ความแก่ของผม...และความหลงลืมของผมคือ...ขณะที่ผมนั่งคิดไปพิมพ์ไปนึกเรื่องไป

    ผมพยายามแยกสมาธิคิดหาชื่อที่ปกหนังสือปฐมสมโพธิที่ผมอ่านอยู่ในใจเรื่อยๆตลอดเวลา

    ว่าใครเป็นผู้รจนา(พระนิพนธ์)ก็นึกไม่ออก ปกติผมจะจำปกหนังสือที่ผมอ่านเหมือนถ่ายรูปเอาไว้ แต่

    คราวนี้มองไม่เห็นว่าเป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส หรือว่าเป็น-

    สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ขอได้โปรดอภัยที่บอกไม่ได้และโปรด

    ให้ความเมตตา...ผมจำไม่ได้จริงๆ ....ขอบคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2012
  16. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    [​IMG]
    .
    [​IMG]

    หนังสือปฐมสมโพธิกถา พระนิพนธ์ของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
     
  17. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    ขอขอบคุณมากครับที่ทำให้ผมและอีกหลายๆ ท่านได้ชื่อหนังสือเต็มๆ นี่ถ้าผม

    ไม่ลด Egoism หรือ Egoist ฟันธงลงไปว่าเป็นของพระองค์ไหนก็น่าจะผิด

    เพราะในหัวของผมจะมีภาพของ"สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณ

    วโรรส" ขอบคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะผมกำลังจะสั่งพิมพ์หนังสือแจก

    ถ้าเป็นไปได้ก็จะเป็นหนังสือ"พระปฐมสมโพธิกถา"

    ถึงคุณ Charoen. b. ถึงตอนนี้เห็นไหมครับว่า อานิสงส์ ของคำว่า "ติดลิ้น"

    ทั้งชีวิตผมเพิ่งเขียนคำว่า"ปฐมสมโพธิ"เป็นครั้งแรก แต่พูดบ่อยมากๆ เวลาได้

    ยินใครมีความเข้าใจอะไรผิดๆ เกี่ยวกับศาสนาพุทธ โดยเฉพาะเรื่องการประสูติ

    จะรีบเอา"ปฐมสมโพธิ" มาอธิบาย"ร้อยทั้งร้อย"ที่ผมต้องอธิบายเรื่อง"ปฐมสม

    โพธิ" จะบอกว่าไม่เคยเห็นไม่เคยอ่าน อานิสงส์ที่ผมได้คือ ๑ ได้ชื่อหนังสือ

    เต็มๆ ๒ ได้ชื่อเจ้าของ"พระนิพนธ์" ทั้งหมดได้มาจากคำว่า"หนังสือมันติดลิ้น

    และมันติดหู" ถ้าคุณสวด หรือคุณเสก พอถึงตอน พระกุกกุสันโธ คุณเกิดไม่

    แน่ใจและคิดว่าน่าจะป็น พระกกุสันโธ คุณคิดว่ามันจะขลังไหม เหมือนที่คุณ

    หนุ่มทิพย์ ขโมย ซีน ผมไปเรื่องลุงแหร่ม "อิติปิโฉ..."เป่ากุญแจ ลั่นเช๊ะ ทุกที

    เอากันเห็นๆ ผมติดลิ้น"ปฐมสมโพธิ" แล้วผมก็พิมพ์ "ปฐมสมโพธิ" คุณศนิวาร

    ยังทนไม่ได้ต้องรีบไปหาของจริงเอามาแจกจ่าย
     
  18. Nakornchai

    Nakornchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +287
    Whose's this ?

    คุณทิพย์ ทำให้เสร็จแล้ว ไม่รีบมาเอาเดี๋ยวกิเลสผมขึ้นนะเพราะใหญ่และสวยกว่าของผมอีก ส่งรูปให้ดูก่อน

    หนุ่มทิพย์.jpg
     
  19. วินัยเอง

    วินัยเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +619
    -----------------------------------------------------------------------
    อะไรครับพี่ แล้วมีอันเดียวหรอ (สวัสดีครับพี่ ไพรัช):cool:
     
  20. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เป็นเหล็กที่ได้จากถ้ำเขาพระอินทร์ ถ้าอยากเห็นเหล็กไหลไปมาตามผนังถ้ำ ไว้จะชวนไปดูพิธีฯ

    พี่ไพรัชใจดี ทำหลอดใส่แถมเทน้ำมันฯหลวงปู่บัว วัดเกาะตะเคียนให้ด้วย

    น้ำมันฯนี้ไม่ใช่น้ำมันงาที่ลูกศิยษ์เอามาขายขวดละ500
    แต่เป็นน้ำมันฯตามสูตรที่หลวงปู่ฯบอก (แปลว่าดีกว่า) ผสมกับหัวเชื้อของท่านฯ

    ท่านฯแนะนำวิธีใช้และสรรพคุณอยู่ และห้ามขาย จึงพูดมากไม่ได้ เดี๋ยวโดนแบ่ง

    การทำน้ำมันฯเป็นวิชาที่ท่านฯสำเร็จและชำนาญมาก น่าจะเป็นหมายเลขหนึ่งในปัจจุบัน เว้นแต่จะมีใครได้ยินว่ามีที่อื่นเสกจนเดือดเตือนภัยผู้ครอบครองได้

    ผมพูดมากแล้วจะมีคนโดนไถ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2012
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...