เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ที่ขัดผิวเป็นรุ่นที่ทำเกินกันเสียครับ...เลยไม่ได้อุดกริ่ง

    ถ้าอยากได้จะถามหารุ่นขัดผิวให้

    พระอาจารย์ฯไม่เคยทำของไม่สวย ถ้าได้มาทำพระกับพี่นิ่มได้ จะสุดยอดมาก
     
  2. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่อง : เพราะคำว่าให้ดูที่คนข้างวัดแท้ๆ ที่ทำให้ผมแปรพักตร์(ต่อจาก#3918)

    เกริ่นมาเยอะแล้วยังหาทางเข้าชื่อเรื่องไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องได้เพราะเป็นเรื่องเล่า

    จากประสบการณ์ของตัวเองไม่ใช่เรื่องแต่ง จะเห็นได้ว่าผมจะถูกปลูกฝังหรือสู่กระบวนการ

    เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรหลายอย่างจากปู่และหนังสือที่ปู่บังคับให้อ่านตั้งแต่เป็นเด็ก ในลักษณะ

    ที่ไม่ให้งมงายให้เชื่อแบบมีเหตุผลพอสมควร(เน้นพอสมควร) ตอนรุ่นหนุ่มเมื่ออายุ ๑๖ ปีเต็ม

    ปู่ครอบครูให้ และบอกว่าที่เคยบอกให้รอก่อนอย่าเพิ่งทำอย่าเพิ่งถามต่อไปให้ทำได้ให้ถาม

    ได้ ยกตัวอย่างเช่น รูปหน้าโขนปู่บังคับนักหนาว่าถ้ายังไม่ได้ครอบครูเกิดรูปที่วาดถูกส่วน

    รูปจะ"เป็น"คือเหมือนมีชีวิตยักคิ้วหลิ่วตาได้คนวาดคุมสติไม่ได้จะเป็นบ้าฯ จำได้ว่าคำถาม

    แรกที่ถามคือ"ตอนปลุกเสกพระ เอาพระมาตั้งเยอะตั้งแยะเพื่อปลุกเสก คนที่ได้ไปถ้าลืม

    พกพระไปจะทำยังไง ทำไมไม่ปลุกเสกคนเสียเลย เรียกมาปลุกเสกให้เต็มศาลา เอากี่รุ่น

    ก็ได้ จะได้ไม่ต้องห่วงว่าจะลืมพก" คำตอบที่ได้คือ"ไอ้ทลึ่ง...ผู้หลักผู้ใหญ่เขาคิดเขาทำ

    งานกัน อย่าพูดจาส่งเดช" เรื่องที่ถามก่อนหน้านั้นก็มีคือที่"วัดไทรยืดนิโครธาราม"มีการรื้อ

    สถูปที่กำลังทรุดจวนจะล้ม ได้พระที่บรรจุไว้มากมายผมยังเป็นนักเรียนอยู่ยังได้ไปช่วยเขา

    เก็บรวบรวมพระที่ได้จากสถูป ผมถามปู่ว่าทำไมเขาเอาพระไว้ในสถูป ปู่ตอบว่า คนสมัย

    โบราณเขาสร้างพระแทนตัวบ้าง หรือสร้างเพื่อสะเดาะเคราะห์ หรือสร้างเพราะอยากสร้าง

    บุญ เมื่อสร้างแล้วก็ต้องบรรจุไว้ตามเจดีย์ตามสถูปหรือใส่ในองค์พระใหญ่ เพราะสมัยก่อน

    เขาถือกันเขาไม่เอาพระไว้บ้าน คนก็ไม่พกพระหรือห้อยพระเพราะถือว่าเป็นของสูง พวกไป

    รบทัพจับศึกฯก็จะพกผ้ายันต์ผ้าประเจียดหรือไม่ก็สักยันต์กันตามแต่จะชอบ เพิ่งจะมีพระไว้

    ตามบ้านและพกพระห้อยพระกันเมื่อรัชกาลที่ ๔ ครองราชย์นี่แหละ ผมก็พูดต่อว่า"ผมไม่

    เชื่อว่าพระที่บรรจุตามที่ต่างๆ จะมีการปลุกเสกฯ ปู่ก็แบ่งรับแบ่งสู้ว่าก็น่าจะใช่ ผมก็ต่ออีก

    ว่าแล้วจะศักดิ์สิทธิ์หรือ? ปู่ตอบว่าสังเกตุไหมว่าพระที่ได้จากกรุทั้งหมดที่เคยเห็นมาเป็น

    รูปพระพุทธเจ้า จึงย่อมศักดิ์สิทธิ์ด้วยพระองค์เอง และอย่าลืมว่าสถานที่สำหรับบรรจุ

    พระต้องมีเทพฯหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลรักษาอยู่ย่อมแผ่บารมีความศักดิ์สิทธิ์ต่อวัตถุมงคล

    ด้วย หรือมวลสารที่เขาเอามาทำเช่นผงธูปหรือดอกไม้ที่ใช้บูชาพระตามวัดวาต่างๆย่อม

    เหมือนมีการปลุกเสกมาแล้ว..เอวัง และมีอีกหลายคำถามที่จะได้รับคำตอบว่า "..ไอ้แหก

    คอก.." นี่คือพื้นฐานที่ทำให้ผมเชื่อและชอบแต่พระกรุ และผมเชื่อมากยิ่งขึ้นกับประสบ

    การณ์ส่วนตัวกับพระ"นางพญาหลังผ้าเนื้อชิน"

    จนชีวิตล่วงเลยเป็นหนุ่มใหญ่ผมไม่เคยห้อยพระเกจิ แต่ชอบและมักเจอคำถาม

    จากผู้ร่วมงานทั้งผู้ใหญ่และเด็กว่า"ห้อยพระอะไร...หลวงพ่ออะไร"ผมจะตอบเลี่ยงๆประจำ

    ว่าไม่มีพระดังหรอก ใครให้พระอะไรมาก็ห้อยไว้ ฯ แต่ถ้ามีคนรู้จักมักคุ้นอยู่ใกล้ๆก็จะตอบ

    แทนผมว่า "ขานี้..เขาชอบพระกรุ..เขาไม่ห้อยพระเกจิ" พระเกจิ ที่ผมเข้าหาองค์แรกคือ

    "หลวงพ่อหอม"วัดชากหมาก ระยอง เหตุที่เข้าหาคือไปช่วยกันดำเนินการเอาไฟฟ้าเข้า

    วัด สมัยปี ๒๕๑๖-๒๕๑๗ วัดยังไม่มีไฟฟ้าใช้ รุ่นพี่เขาเป็นผู้เริ่มดำเนินการเพราะถ้าเอา

    ไฟฟ้าเข้าวัดได้ ชาวบ้านจากถนนใหญ่จนถึงวัดระยะทาง ๖ กม.จะได้มีไฟฟ้าใช้ด้วย ซึ่ง

    ก็ประสบความสำเร็จ มีอยู่วันหนึ่งรุ่นพี่มาบอกว่าวันเสาร์วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ให้ผมไปช่วย

    ดูแลทหารใหม่ถากหญ้าถางพงที่วัดชากหมากด้วยกัน ได้ขอทหารใหม่ทางผู้ใหญ่แล้ว

    ผมได้ไปช่วยทั้งตามหน้าที่และศรัทธา และทหารที่ไปก็เป็นทหารที่ผมฝึกและสอนพวก

    เขาอยู่ สิ่งที่ได้พบได้เห็นในขณะที่ทำงานคือทหารที่ผมพาไป"มันกัดกัน..ส่งเสียง....

    เหมือนเสือ" ทั้งๆที่ไม่ได้กินเหล้ากันเลยและอยู่ระหว่างที่กำลังถากหญ้า "ถ้ามันเปลี่ยน

    จากกัดกันมาเป็นพร้าหวดหรือจอบจะเป็นอย่างไร" ผมเปรยแบบไม่ชอบใจนัก รุ่นพี่เขา

    เฉยๆ และบอกผมว่า"มันเป็นเสือคนละอาจารย์แต่สายเดียวกัน" มันเลิกกัดกันเมื่อหลวง

    พ่อเอานำมนต์พรมให้

    อีกเรื่องหนึ่งคือวัดแถวบ้านผม ตอนผมเป็นเด็กจะมีพระที่หล่อด้วยตะกั่วเป็น

    รูปพระนั่งสมาธิ ขนาดหน้าตักประณ ๑.๕ ซม. วางอยู่ตามหน้าโบสถ์,อาสงฆ์,หอสวด

    มนต์เป็นจำนวนมาก เคยถามผู้ใหญ่ว่าเขาทำพระอะไร ได้รับคำตอบว่า"พระแก้บน"

    คือมีคนบนบานไว้ว่าถ้าได้อย่างที่ต้องการจะสร้างพระเท่านั้นเท่านี้องค์ถวายแก้บน

    เมื่อได้แล้วก็ทำพระด้วยตะกั่วหลอมเอามาไว้ที่วัดฯ เมื่อผมโตขึ้นกลับไปบวชผมสังเกตุดู

    ไม่เห็นมีเลยสักองค์ ได้ไปถามพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่า หลวงน้าพระแก้บนหายไปไหนหมด

    หลวงน้าตอบว่า"เฮ้ย..อย่าดูถูกว่าเป็นพระแก้บนนะ ศักดิ์สิทธิ์นะ เขาได้เห็นสรรพคุณกัน

    มานักต่อนักแล้ว มันมาขอกันไปหมดแล้ว" ผมถามต่อว่าพวกติดยามาเอาไปหรือ? ท่านตอบ

    ว่าไม่ใช่ คนนับถือพระเครื่องนี่แหละเอาไปกัน ไม่เชื่อให้ผมไปหาดูตามวัดต่างๆที่เคยเห็น

    ว่ามีเหลือบ้างไหม ผมถามโยมผู้ใหญ่ที่นับถือว่าจริงหรือ ได้รับคำตอบว่าจริง และแถมให้

    อีกว่า ทุกๆจุดที่เขาเอาพระแก้บนไปวางปีหนึ่งๆพระเจริญพุทธมนต์กี่รอบและทุกบทและกี่ปี

    จะเป็นพระเด็กพระแก่ก็บทสวดเดียวกัน ไม่ขลังก็ให้รู้ไปซิ...และยกตัวอย่างเห็นๆให้ดูว่า

    ท่านสังเกตุดูเวลามีคนมาขอน้ำมนต์หลวงพ่อ หลวงพ่อจะบอกว่า"ไปตักเอาที่หอสวดมนต์"

    และจะบอกด้วยว่า ที่นั่นน่ะศักดิ์สิทธิ์สุดๆ เพราะเสกกันมาหลายปีแล้วใส่กันหมดทุกบท ถ้า

    ให้ข้าเสกให้ใหม่ก็ไม่ได้กี่บทหรอก...เหนื่อย"

    ถึงตอนนี้คงพอมองเห็นนะครับว่าความศักดิ์สิทธิ์ของพระและเครื่องรางของขลัง

    ย่อมมีที่มาที่ไปใครจะชอบอะไรก็เป็นเรื่องส่วนตน

    (ตอนหน้าจบแน่ แต่ตอนนี้เหนื่อย)....ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2012
  3. อนันตภพ

    อนันตภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +2,969
    ขอจองเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื้อชนวน 1 เหรียญ สัมฤทธิ์ 1 เหรียญ
    เหรียญเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร เนื้อชนวน 1 เหรียญ สัมฤทธิ์ 1 เหรียญ
    หมูทองแดง 3 ตัว ครับ
     
  4. New Collector

    New Collector เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +801
     
  5. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ใครเกิดปีชง ให้ย้ายโต๊ะไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมิกเซอร์ จะได้ไม่ต้องชง
    [​IMG]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 007.JPG
      007.JPG
      ขนาดไฟล์:
      24 KB
      เปิดดู:
      364
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2012
  6. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เจ้าของดวงกำลังทุกข์ใจ ผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ ถ้าได้ตอบหน้ากระทู้ เพราะหลายคนก็คงจะดูดวงยามตกยาก

    ผมทายไม่เก่ง เพราะกำลังหัด แต่ที่เก่งคืองานเขียน ขนาดไร้สาระ ยังเอามาเขียนได้


    เรื่องที่เขียนจากนี้ หากเห็นชอบ ก็ช่วยกด like หน่อย หากไม่ชอบก็เว้นไป


    เจ้าของดวง ส่งดวงมาให้ แต่ไม่ถามเรื่องเฉพาะเจาะจง คนทายจึงต้องดูเองว่า เจ้าชะตาเค้าเดือดร้อนเรื่องใด

    เพื่อนสมาชิกต้องจำไว้เป็นตัวอย่าง หากหมอดูที่ไหน ยังไม่รู้ว่าเราเดือนร้อนเรื่องอะไร ก็อย่าไปเสียตังค์ให้เค้าทายเลยครับ และถ้ายังทายอดีตไม่ถูก ก็อย่าหมายว่าจะทายอนาคตถูกเลย กลับบ้านอ่านหนังสือพระ ทำใจดีกว่า


    ครูอาจารย์ที่สอนผม ให้สังเกตภพพันธุ ที่หมายถึงแม่ (ญาติ พี่น้อง บ้าน รถ) และภพศุภะ ที่หมายถึงพ่อ (ความช่วยเหลือ ความดีงาม) แต่ในดวงนี้ เจ้าเรือนทั้งสองภพ ไปตกวินาสน์ ผมจึงต้องถามเพื่อเก็บไว้เป็นสถิติ ไม่ใช่แค่ลอกจากตำราอย่างเดียว ต้องหมั่นสังเกตตามที่ครูอาจารย์สอนด้วย


    ผมจะทายเองแต่แรก ก็กลัวว่าจะไปแช่ง ทายไปแล้วก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว
    เมื่อได้คำตอบตรงคำถามแล้ว ก็เก็บไว้เป็นสถิติ ไว้ครั้งหน้าเจอแบบนี้อีก ก็เพิ่มความสังเกตว่าตรงกันหรือไม่ คงจะเรียนรู้ไปจนวันตาย



    ทีนี้ก็มาดูว่าปัญหาของเจ้าชะตาเป็นอย่างไร เพราะเจ้าชะตาไม่ได้บอกอะไรให้เป็นข้อมูลเลย


    ดูเจ้าชะตาก่อน อาทิตย์เจ้าเรือนภพตนุ ตกวินาสน์ มีเรื่องให้เจ้าชะตาเสียหาย เรื่อง?

    มีดาวเจ้าเรือนการเงินลอยอยู่(๔) เดาว่าเสียหายเรื่องเงิน

    ดูการงาน ดาว๕ เจ้าเรือนมรณะลอยอยู่ในเรือนกัมมะ(การงาน) มีเรื่องโยกย้าย

    ยังหนุ่มยังแน่น ดูเรื่องคู่ ดาว๘ เจ้าเรือนปัตตนิ มาเป็นอุจจ์ในภพพันธุ(บ้าน ที่ดิน รถ ฯลฯ)

    ถ้าจะทายตามที่เจ้าชะตาเฉลย ก็ดูจะเก่งเกินไป(จริงๆแล้วกลัวผิด)

    ๑ กับ ๓ ในพื้นดวงเดิม ลอยอยู่ด้วยกัน มีความหมายถึงการผ่าตัด หรืออุบัติเหตุ ของมีคม และอยู่ในตำแหน่งที่จะเป็นบริเวณลำคอ ก็ทายไปตามนั้นเผื่อถูก (แต่ตำราก็ว่าอย่างนั้นแหละ)


    คนที่มาดูดวง มีสองประเภท
    1 ดูเอาสนุก แบบนี้ถ้าดูฟรี ก็ดูเอาสนุก ไม่คิดมาก
    2 ดูเพราะทุกข์ แบบนี้ถึงดูฟรี ก็ต้องเอาใจใส่ เพราะคนยามทุกข์ ก็เศร้าอยู่แล้ว ถ้าหมอมาทายให้ทุกข์ซ้ำเข้าไปอีก ก็เป็นบาป แล้วยิ่งมาทายแบบหาคำแนะนำอะไรไม่ได้เลย ก็เงียบๆไปดีกว่า




    ในพื้นดวงของเจ้าชะตา มีดาว๖ เป็นตนุเศษ กุมกันกับดาว๔ เจ้าเรือนการเงิน เป็นดาวคู่ธาตุ ทำให้ดาวทั้งสองดวงแข็งแรง แถมดาว๔ ยังเป็นอุจจ์อีกด้วย (เกียรติยศ ความยิ่งใหญ่ ฯลฯ) ถือว่าดี
    แต่ก็มีดาว ๗ เป็นเจ้าเรือนอริ (อุปสรรค ขัดข้อง ศัตรู) ดาวดวงนี้เคลื่อนที่ช้า 2ปีครึ่ง เวลาตกที่ภพไหน ก็ทำให้ภพนั้นเดือดร้อนไปนาน.... แต่ในพื้นดวง ดาว๗ ก็เป็นนิจ หมายถึงอ่อนแอลงมาก ถ้านับเป็นโจร ก็โจรวิ่งราว ไม่ค่อยน่ากลัว

    ดังนั้นเจ้าชะตาจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ไปชั่วชีวิต ต้องทำใจรับให้ได้ (เพราะเค้าจะอยู่คู่กับเราไปชั่วชีวิต)
    ต้องถือว่า เราเกิดมาเพื่อชดใช้ และเราโชคดีที่ยังมีโอกาสได้ชดใช้



    ที่นี้มาดูเรื่องที่เจ้าชะตาถาม
    ถามว่า เรื่องแฟนเครียดมาก....
    เครียดเรื่องอะไรครับ ...... มีชายไทยคนไหนไม่เครียดเรื่องแฟนบ้าง......

    ตอนเจอกัน เธอกระโดดกอดคุณ แล้วลากคุณไปจดทะเบียนหรือเปล่า .....ดวงคุณไม่ได้ถูกข่มขืนนะครับ


    เรื่องแฟนเอาแต่ใจ ใครๆก็เจอครับ เคยฟังเพลงของ ดัง พันกร หรือเปล่า “แฟนเอาแต่ใจ”


    ผมสังเกตเวลาที่ผู้ใหญ่อวยพรคู่บ่าวสาว ในงานแต่งาน
    มักจะให้ทั้งคู่มีเหตุมีผลให้กัน อย่าได้ทะเลาะกัน.......

    ผมฟังแล้วขัดๆ แต่โชคดีที่ไม่เคยมีใครให้ผมไปอวยพรบ่าวสาว เพราะถ้าผมได้พูด ผมก็จะพูดว่า
    ขอให้บ่าว-สาว อย่าได้ใช้เหตุผลต่อกัน
    เพราะอะไร เพราะเหตุผลมันมีไว้เอาชนะกัน


    มีใครบ้างครับ ที่ยอมรับว่าตัวเองไม่มีเหตุผล
    มีใครบ้าง ที่ยอมรับว่าเหตุผลอีกฝ่ายดีกว่า
    ต่างคนต่างมีเหตุผล มันก็ตีกันสิครับ.............




    เอาเฉพาะเจ้าของดวงชะตาก่อน คุณต้องถามตัวเองว่า คุณยังรักแฟนคุณอยู่ไหม
    ถ้าคุณยังรักเธออยู่ เรื่องแค่ไหน คุณก็ยอมเธอได้
    ถ้าไปถามตอนทะเลาะกัน ก็อาจจะไม่รักแล้ว ก็เปลี่ยนมาถามตัวเองใหม่
    ว่าคุณยังมีหน้าที่ของสามีอยู่หรือเปล่า
    ถ้ายังมีหน้าที่ของสามีอยู่ เราต้องรักษาหน้าที่อย่าให้บกพร่อง
    แล้วยิ่งตอนนี้คุณมีลูก คุณก็ต้องถามตัวเองด้วยว่า หน้าที่ของความเป็นพ่อ ยังมีอยู่หรือเปล่า




    ลอกนึกๆดูกันเล่นๆ ถ้าบนแพ มีคุณ มีแฟน มีลูก อยู่กันสามคน
    วันหนึ่งคุณเหลืออดแล้ว จะดูทีวีก็โดนแย่งรีโมต(เหมือนผม) จะทำงานก็โดนเรียกใช้(เหมือนผม)
    อยากได้อะไร เธอก็ชี้(แล้วให้มาเก็บตังค์ที่เรา เหมือน...) คุณก็โดดแพหนี
    คุณขึ้นฝั่งได้ ปล่อยให้ลูกกับแฟนลอยอยู่ในแพ ลอยต่อไปตามยถากรรม
    คุณจะหันกลับไปมองหรือเปล่า


    อย่าลืมว่า ตอนลงเรือลงแพ คุณลงไปด้วยกันพร้อมกันนะครับ





    เคยมีงานวิจัย วัดความสุขของเด็ก ที่พ่อ-แม่ หย่าร้างกันด้วยดี
    พบว่ามีความสุขน้อยกว่า เด็ก ที่พ่อ-แม่ ตีกันทุกวันเสียอีก




    ดาวบนจักรราศี มีอยู่แค่ไม่กี่ดวง วิ่งวนไปวนมาแค่ 12 ภพ
    ประเดี๋ยวมันก็กลับมาอีก ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้
    ยามที่คุณมีสุข มันสุขได้ไม่นานดอกครับ
    แต่ยามที่คุณมีทุกข์ ประเดี๋ยวมันก็จะผ่านพ้นไป ไม่จีรัง



    ชีวิตคุณถูกนับถอยหลังไปทุกวัน คุณควรมีความสุขกับครอบครัวของคุณ
    แฟนคุณตัดสินใจใช้ชีวิตกับคุณ เพราะเขามั่นใจเรา และเราจะตอกย้ำความมั่นใจนั้นว่า
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะยังรักและอดทนกับเธอ และลูกของคุณจะต้องภูมิใจกับพ่อของเขา

    ผมไม่ใช่หมอดู เลยทายถูกแค่ครึ่งเดียว และดูฟรี เลยทายได้แค่นี้
    แต่จะบอกว่า ในดวงของคุณ จะตั้งตัวมั่นคงขึ้นได้ในภายหลัง แม้มีอุปสรรคมาตลอด แต่ก็ไม่ทำให้คุณท้อถอย
    เพราะคุณแข็งแกร่งเกินกว่านั้น



    แฟนของคุณมีลักษณะของราหู และผมรู้ว่า น่ากลัวแค่ไหน(เคยมี) แต่คุณมีลูกด้วยกันแล้ว คุณจะกลัวไม่ได้(รำคาญก็ไม่ได้) เก็บไว้เป็นเรื่องสนุกๆมาเล่าให้กันฟังดีกว่า
    ไม่มีเรื่องอะไรจะสนุกไปกว่าได้นินทาเมีย (เชื่อดิ)


    ปัญหาของคุณตอนนี้ อย่าเพิ่งกลัวไปเลยครับ เพราะถ้าคุณกลัว คุณจะยอมแพ้ถ้าผมบอกว่า อาจจะโดนหนักกว่านี้


    แค่แฟนที่นอนเตียงเดียวกัน คุณยังท้อ แล้วกับเรื่องงานที่ต้องเอาอกเอาใจคนที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่ใช่ลูกใช่เมีย ไม่ยิ่งกว่านี้หรือ

    เป็นแฟนกัน ทะเลาะกันก็แค่นอนหันหลัง ถ้าไม่พอใจ คุณก็เอาหมอนข้างทำกำแพง......
    ถ้าอยากจะแก้แค้น คุณรอให้ดึกซะหน่อย แล้วข้ามกำแพงไปจัดการซะ ถึงตอนนั้นคุณหลับตานึกถึงแพนเค็กก็ได้




    ส่วนเรื่องงาน คุณบอกว่า ทำงานเพิ่มขึ้น เงินเดือนเท่าเดิม
    คุณต้องคิดใหม่ คนที่รับผิดชอบมากขึ้นนั้น หมายถึงมีความสำคัญมากขึ้นตามไปด้วย
    คนอื่นอาจจะไม่พูด แต่คุณย่อมรู้ดี คุณกลายเป็นคนสำคัญมากขึ้นด้วย
    ถ้าวันหนึ่ง มีคนมาเห็นว่า คุณทำงานรับผิดชอบมากกว่าผลตอบแทน
    ระหว่างคนที่ยังไม่เห็นผลงาน กับคนที่มีผลงานมาแล้ว คุณคิดว่าเขาจะพิจารณาใคร





    ถ้ามองในแง่บวก ชิวิตนี้เป็นของคุณ คุณเป็นผู้กำกับชิวิต
    หนังทุกเรื่อง เริ่มต้นจากพระเอกที่เสียเปรียบ แต่ตอนจบมีความสุขนะครับ
    คุณอาจจะมีผู้ช่วยที่หล่อมากอย่างผม แต่ตัวเอกของเรื่องคือคุณ คุณต้องกำกับชิวิตให้เป็นพระเอก
    และการแสดงถึงความอดทนที่ไม่มีขีดจำกัด เป็นคุณสมบัติของ เจสัน บอร์น


    เชื่อเถอะครับ ผมเคยเห็นดวงขี้เหร่ยิ่งกว่านี้ เวลาที่เค้ามีความสุข เค้าจะหัวเราะจนคุณอิจฉาเลยเชียว.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2012
  7. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143

    หึๆ เวปล่มบ่อย...

    มีแต่ยอดจารชนเท่านั้นที่เข้ามาโพสได้....(กะลังอิน)

    ผมติดค้างค่าปั๊มเหรียญ ที่ไปๆมาๆ โดนค่าโน้นค่านี่ เท่ากับเจ้าเก่า เลยเป็นหนี้เค้าอยู่ 20,000 บาท

    ถือว่าเป็นชุด 8 เหรียญสุดท้ายนะครับ

    เพื่อนสมาชิกท่านใดประสงค์ต่อจากนี้ ก็ต้องคอยคนอื่นสละสิทธิ์ครับ
     
  8. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,413
    ค่าพลัง:
    +7,058
    อ่านเเล้ว สนุก จริง ๆ ครับ
    ได้ความรู้อีกเเล้ว
     
  9. sa_nakorn

    sa_nakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +1,102
    ได้ทั้งความรู้,กำลังใจและวิธีคิดใหม่ ๆ สำหรับคนมีครอบครับ ขอบคุณมากครับ กด like
     
  10. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2012
  11. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ถามให้แล้ว.... ค่าขัด ช่างคิด 600-700 บาท
    ของพี่เริญ ถ้าเอาไปขัด ก็สวยเหมือนกัน

    แต่ค่าขัดทำไมแพงจัง...... กริ่งที่อื่นเค้าขัดกันยังไงหนอ.....
     
  12. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    ฮ่าฮ่า..ขอบคุณครับแต่คงไม่รบกวนเรื่องนี้ (ไว้รบกวนเรื่องอื่น) ตอบตามจริงส่วนตัวแล้วผมชอบแบบหล่อโบราณมากกว่าครับผม ดูขลังและคลาสสิคอย่าบอกใครเชียว..
     
  13. NEWESTTSEWEN

    NEWESTTSEWEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,661
    ค่าขัดเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ แล้วแบบหล่อโบราณที่วัดทำบุญองค์ละเท่าไรครับพี่ หากมีโอกาสไปที่วัดจะได้ไปทำบุญมาสักองค์ เคยไปที่วัดหนหนึ่ง ดูเงียบๆ ไม่ใคร่จะมีคนนัก ขับรถวนรอบหมู่กุฏิสงฆ์ แต่ไม่ได้ลงขึ้นไปข้างบน เห็นดูเงียบๆ แล้วไปตอนบ่ายๆ ด้วย เลยคิดว่าพระอาจารย์ไม่น่าจะอยู่ เลยดูเงียบเชียบ ไว้หนหน้าจะบุกขึ้นไปครับ แหะๆๆ
     
  14. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่อง : เพราะคำว่าให้ดูที่คนข้างวัดแท้ๆ ที่ทำให้ผมแปรพักตร์(ต่อจาก#3947)

    ผมอยู่กับพระกรุมานานและไม่ได้ปิดกั้นพระเกจิ และก็มีพระเกจิเยอะเหมือนกันเพราะแม่บ้าน

    ชอบหามาหรือว่าได้จากการร่วมทำบุญ วันหนึ่งผมเปรยกับคนใกล้ชิดว่าจะทำกันมากมายไป

    ถึงไหนจะทำให้วัดวาหรือศาสนามัวหมองเปล่าๆ ได้รับคำตอบว่ามีส่วนอย่างที่ผมเป็นห่วงก็

    จริงแต่ประโยชน์ได้มากกว่า เพราะเป็นกุศโลบายดึงคนเข้าวัดเข้าหาพระ ผมก็เห็นด้วย

    และยังฝากให้ดูแลหลวงปู่หลวงตาด้วยว่า ระวังว่าท่านเป็นมาลาเรียหรือเป็นไข้ให้รีบพาหา

    หมอถ้าท่านเพ้อก็อย่าไปเชื่อลูกศิษย์ที่เห็นแก่ได้ว่าท่านคุยกับเทพฯ ผมเป็นคนไม่มี

    "อัตตา"ในเรื่องพระหรือเครื่องรางของขลัง เพราะรู้ตัวเองว่าไม่มีภูมิพอเป็นแต่เพียงห่วง

    พระห่วงหลวงปู่หลวงตาและศาสนา อยู่ต่อมาผมก็เปรยกับคนใกล้ชิดอีกว่า เที่ยวนี้เอา

    หลังคาโบสถ์มาทำก็คงได้หลายพิมพ์ ถ้าเที่ยวหน้าเอาถนนทางเข้าวัดมาทำคงออกแบบ

    กันมากพอดู ได้รับคำตอบว่าถ้าได้หลายพิมพ์ก็ไม่ต้องไปคิดมาก คิดเสียว่าเรามาส่งเสริม

    "พุทธศิลป์" ผมก็เห็นด้วยอีกแหละว่าจริงจะทำให้คนที่มีศิลปทางด้านนี้ได้โชว์ผลงานและมี

    งานทำมากขึ้น ทำให้คนที่เกี่ยวข้องในวงการได้มีงานทำมากขึ้น ทำให้คนเข้าวัดมากขึ้น

    และเป็นโอกาสที่ทางวัดหรือหลวงปู่หลวงตาจะได้อบรมคนที่เอาของที่ท่านปลุกเสกไปใช้

    ถ้าถามผมว่าในช่วงนั้นผมมีพระเกจิบ้างไหม? ตอบได้เลยว่ามีเพียบเลย ได้จากการแจกหรือ

    แม่บ้านเช่ามาหรือลูกหามาจนต้องทำตู้เก็บ ก็ผมนั่นแหละทำ ถ้าถามว่าผมห้อยพระอะไรใน

    ช่วงนั้น ตอบว่ามีหลายพวงมีพระอะไรบ้าง ตอบว่าที่เลี่ยมทอง มีพระปางลีลา(กรุ)พิมพ์สม

    เด็จวัดหลวงพ่อพุทธโสธร พิมพ์สมเด็จหลวงพ่อกร่าย,หลวงพ่อแพ,หลวงพ่อพร้อม,วัดมหา

    ธาตุ,ไพรีพินาศ ทั้งกริ่งทั้งเหรียญ,กริ่งคลองตะเคียน,เสด็จเตี่ยฯ ฯลฯ ถ้าเป็นพระผงผม

    ชอบพิมพ์สมเด็จ หรือเบญจภาคีฯ จะเห็นได้ว่าผมห้อยไม่เลือกหรอกว่าจะเป็นพระเกจิหรือ

    พระกรุ ต้องแยกนิดหนึ่งนะครับว่าอะไรคือความชอบอะไรคือความศรัทธาอะไรคือความเป็น

    ห่วง ผมชอบเสียด้วยซ้ำไปที่เห็นคนไปเสาะหาเหรียญหาเครื่องรางของขลัง เพราะอย่าง

    น้อยก็ทำให้พวกเขาไปในที่ที่ควรไป"ปะฏิรูปะเทสะวาโส" ผมชอบ"หลวงพ่อคูณ"มาตั้งแต่

    "ใหญ่ท่าไม้"เขียนลงหนังสือ แต่ผมมีรายละเอียดท่านน้อยเกินไป ทั้งๆที่หลานแท้ๆ ของ

    ท่านเป็นทหารเรือรุ่นพี่ผมและได้ลาออกมาทำงานบริษัทฯเอกชนด้วยกัน เขามีเรื่องประสบ

    การณ์เกี่ยวกับหลวงพ่อคูณมาเล่าให้ผมฟังมากกว่าที่จะหาอ่านได้ตามหนังสือเสียอีก วัน

    หนึ่งอีกแหละหรืออีกแล้วก็ได้ หยิบหนังสือเกี่ยวกับพระเครื่องขึ้นมาอ่านแล้วก็เปรยอีกนั่น

    แหละว่า "ออกอีกแล้วหรือ...เดี๋ยวก็จำรุ่นไม่ได้หรอก" คนใกล้ชิดก็ตอบว่า"ไม่เป็นไรหรอก

    จะกี่รุ่นๆ ก็ตาม ดูว่าคนข้างวัดรอบๆวัดได้อะไรบ้าง" แม่บ้านผมรีบเสริมขึ้นทันทีว่าถูกต้อง

    "ให้ดูที่คนข้างวัด" ดูที่คนรอบๆวัดว่าเขาได้อะไรบ้าง ....มันเหมือนแสงสว่างๆที่เจิดจ้า

    อย่างมากแวบเข้ามาที่ตัวผม....ผมคิดถึงหลวงพ่อหอมวัดชากหมาก ถ้าไม่ได้บารมีหลวงพ่อคง

    จะอีกนานกว่าชาวบ้านจะมีไฟฟ้าใช้ คิดถึงหลวงพ่อคูณตอนที่นั่งรถสามล้อเครื่องกลับวัด ตาม

    ที่"ใหญ่ท่าไม้"บรรยายไว้ตามที่ได้อ่าน คิดถึงหลวงพ่อเปิ่นฯลฯ ถ้าไม่มีหลวงพ่อหลวงปู่

    และหลวงตาท่านทั้งหลายนี้ จะมีถนนดีๆ จะมีโรงเรียน,โรงพยาบาล,สถานอนามัย ให้ชาว

    บ้านข้างวัดหรือรอบๆ วัดได้ใช้อย่างดีมีสุขแบบนี้หรือ ไหนจะทำให้มีอาชีพตามมาเพราะมี

    คนไปหาไปทำบุญกับหลวงพ่อหลวงปู่หลวงตาเหล่านี้

    เรื่องนี้เกิดมาประมาณ ๒๐ ปีแล้วเห็นจะได้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมไม่เคยตั้งข้อสังเกตุ

    หรือสงสัยเวลาที่มีข่าวการสร้างพระหรือเครื่องรางของขลังอีกเลย อย่างมากก็จะดูว่าเขามี

    รายละเอียดไหมว่าจะนำรายได้ส่วนใดส่วนหนึ่งไปทำอะไร ก่อนหน้านั้นผมจะเฉยๆ ไม่ให้

    ความสนใจกับพระเกจิมากนักแต่เป็นเพราะ"คำว่าให้ดูที่คนข้างวัดแท้ๆ ที่ทำให้ผมแปร

    พักตร์"

    ปล. เงินน่ะสำคัญกับทุกอย่างและทุกๆ อย่าง แต่ไม่ใช่กับทุกเรื่อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  15. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,413
    ค่าพลัง:
    +7,058
    "ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมไม่เคยตั้งข้อสังเกตุ

    หรือสงสัยเวลาที่มีข่าวการสร้างพระหรือเครื่องรางของขลังอีกเลย อย่างมากก็จะดูว่าเขามี

    รายละเอียดไหมว่าจะนำรายได้ส่วนใดส่วนหนึ่งไปทำอะไร"

    อนุโมทนาครับ
    วัตถุมงคลที่ผมหาเองก็มีเเต่ใหม่ ในช่วง 4-5 ที่ผ่านมาได้จากการร่วมบุญส่วนมาก
    หลวงพ่อคูณ ท่านมีพระคุณกับคนโคราชมากครับ บ้านเมืองที่เจริญได้
    เพราะพระอริยสงฆ์ มิใช่น้อยเลย ท่านมีเเต่เเจกจ่ายออกไป ให้หมด ให้หมด
    ไม่เหมือน นัก............
     
  16. bukarati

    bukarati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +488
    สวัสดีครับพี่ทิพย์ ขอจองหมูทองแดง 2 ครับ
     
  17. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่อง" ไอ้หนู...ของครู"

    เรื่องนี้อาจจะยาวสักนิดแต่ผมก็เต็มใจที่จะเขียนให้อ่านกัน โดยเฉพาะคนที่เป็นนักเรียนหรือ

    เคยเป็นนักเรียนและคนที่เป็นครูหรือเคยเป็นครูได้อ่านกัน เพื่อจะได้ตรวจสอบตัวเองว่าเรา

    ทำอะไรขาดไปบ้าง หรือว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรในสิ่งที่ควรจะทำ ผมเชื่อว่าคนที่เข้ามาใน

    กะทู้นี้ล้วนมี"ธรรม"ผมจึงกล้าเขียนเรื่องนี้ เมื่อสิบกว่าปีก่อนนี้ผมได้ทำกิจกรรมอย่างหนึ่ง

    ตามสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองก่อนจากบ้านเกิดว่า"วันใดก็ตามถ้าเราลืมหน้าอ้าปากได้ เราจะ

    กลับมาบ้านเกิดเพื่อทดแทนบุญคุณคนที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลเรา" และเมื่อปีที่ผมจากบ้าน

    ครบ ๓๐ ปี ผมเริ่มคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องทำอย่างที่ผมสัญญากับตัวเองเอาไว้ ผม

    บอกลูกบอกภรรยาทุกคนยินดีให้การสนับสนุนทั้งหมดไม่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ก็ให้การ

    สนับสนุนเต็มที่ ผมใช้เวลาประมาณ ๑ ปีเพื่อสืบหาตัวและที่อยู่ของเพื่อนร่วมรุ่นที่จบชั้น

    มัธยมมาด้วยกันและบรรดาครูทุกท่านด้วยความเหนื่อยและยากพอสมควร แต่ผมก็หาได้จน

    ครบยกเว้นที่เสียชีวิตแล้ว ผมเตรียมจัดงานแสดง"มุทิตาจิต"โดยนัดที่จะจัดกันที่วัดที่เป็น

    ที่ตั้งของโรงเรียนที่พวกเราจบมาด้วยกัน เพื่อนๆ ผมไม่ค่อยจะห่วงสักเท่าไร แต่บรรดาครู

    นี่ห่วงมากหน่อย เพราะอายุอยู่ระหว่าง ๖๐-๘๐ ปีเข้าไปแล้ว ผมทำหนังสือเชิญเพื่อนพร้อม

    ครอบครัว และทำหนังสือเชิญครูทุกท่านที่ผมหาที่อยู่ได้ โดยมีข้อความสำคัญบางส่วน

    ดังนี้ ตอนหนึ่งผมเขียนว่า"ผมเชื่อว่าครูทุกท่านของผม ไม่ได้ปลูกฝังพวกผมเหมือนกับ

    ปลูกพริกปลูกมะเขือเพื่อเอาไว้กินเม็ดกินผล ผมเชื่อว่าครูของผมทุกท่านปลูกฝังพวกผม

    เหมือนปลูกต้นดอกไม้ หวังจะได้ดูพวกผมออกดอกสวยๆ(คือความสำเร็จ)ให้ครูเห็นเพื่อว่า

    ครูจะได้ชื่นใจ เหมือนเด็ดดอกไม้ไปบูชาพระหรือใส่แจกัน" และอีกตอนหนึ่งผมเขียนว่า

    "ถึงวันนี้แล้วผมอยากจะพาเพื่อนๆและครอบครัวมา"ไหว้ครู" เพื่อให้ครูทุกท่านได้เห็นต้น

    ดอกไม้ที่ครูปลูกไว้คือพวกผม ว่ามันเจริญเติบโตออกดอกงดงามแล้วเพื่อครูจะได้ชื่นใจ"

    สถานที่จัดงานคือ"หอฉันท์"ที่วัด ผมเตรียมสังฆทานไปเป็นชุดๆ คือสำหรับครูที่

    ล่วงลับไปแล้ว สำหรับเพื่อนที่ล่วงลับไปแล้ว และสำหรับผู้เคยมีพระคุณต่อผมที่ล่วงลับ

    ไปแล้ว มีเงินที่ผมใส่โหลไว้ไปทอดผ้าป่า ลองนึกภาพดูเถิดครับว่าคนไม่เคยเจอกันมา

    ๓๐ ปี และส่วนของครอบครัวที่ยังไม่รู้จักกัน ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาถวายเพลจะมีแต่คนพูด

    ไม่มีคนฟัง พอเสร็จพิธีสงฆ์แล้วร่วมกันรับประทานอาหารกับครู แล้วจัดโต๊ะรดน้ำขอพรครู

    น้ำตานองไปด้วยกันทั้งศิษย์ทั้งครู หลังจบงานมีครูผู้หญิงท่านหนึ่งมาตบหลังผมแล้วพูดว่า

    "ทำได้ยังไง...คนไม่เคยเจอกัน ๓๐ ปี เธอเอามาเจอกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันได้ แถม

    เอาครอบครัวที่ไม่เคยรู้จักกันมาอีกต่างหาก" ผมเย้าท่านเล่นๆว่า"ครูเองก็ยังมาเลย ท่านตอบ

    ผมแบบเป็นจริงเป็นจังมาว่า"ก็ไอ้ปลูกพริกปลูกมะเขืออะไรของเธอน่ะแหละ ฉันอยู่ลำปางยัง

    ต้องลงมาวิเศษฯ สำคัญมากนะเรา สำนวนนี้ต้องขอเอาไปใช้" ผมทำอย่างนี้มาหลายปีโดย

    จัดวันเสาร์แรกของเดือนเมษาฯ เพิ่งมาหยุดพักตอนที่ต้องไปทำงานต่างถิ่นฯลฯ

    มีอยู่ปีหนึ่งที่เป็นที่มาของเรื่องนี้ คือปีนั้นเมื่อจบงานแล้วผมรับครูผู้หญิงท่านหนึ่งมา

    กรุงเทพฯด้วยกัน ก็นั่งคุยกับท่านมาตลอดทาง ก่อนลงจากรถท่านบอกผมว่าปีต่อไปน่าจะจัด

    ให้ตรงกับวันครู ผมก็รับคำท่าน หลังจากนั้นไม่กี่วันท่านโทรศัพท์หาผม แม่บ้านเป็นคนรับบอก

    ว่า "พ่อครูโทรมา" ผมรีบรับสายด้วยความเป็นห่วงท่านเพราะอายุท่านเกิน ๖๐ ปีแล้ว พอผมรับ

    สายท่านว่า"สวัสดีครับครู" ท่านพูดกลับมาว่า"หนู...หนูสบายดีไหม" ผมตอบท่านว่า"สบายดี"

    ทำอะไรอยู่ ผมตอบด้วยความภาคภูมิว่า"กินเหล้าอยู่" ท่านก็พูดว่า"เอาอีกแล้ว ตอนเด็กๆยัง

    กับผ้าพับไว้ เบาๆเสียบ้างจะได้เป็นตัวหลักให้กับเพื่อนๆนานๆ" ผมรับคำแล้วถามต่อว่า"ครู

    มีอะไรให้ผมรับใช้หรือ" ท่านตอบว่า"ไม่มี...แต่คิดถึง" และต่ออีกว่า"ที่โทรมาเพราะคิดถึง...

    และอยากรู้ว่า...หนูกินอะไรไม่ได้บ้าง"ผมแปลกใจแต่ก็ตอบเล่นๆว่า"ครู..ผมกินได้หมด..ยก

    เว้นหนังคางคก..ผมไม่กล้ากิน"(ผมพูดกับครูของผมอย่างนี้จริงๆ และผมมั่นใจว่าไม่ว่าใครก็ตาม

    ถ้าได้พูดกับครูของตัวเองได้แบบผม...มันมีความสุขที่สุด)ท่านก็พูดต่อไปอีกว่า"เพราะตอนหนู

    เป็นเด็กๆ ครูเห็นหนูไม่มีอะไรจะกิน ครูรู้ว่าตอนนี้หนูพอมีจะกินก็กลัวว่าหนูจะกินไม่ได้เพราะ

    หมอห้าม(ผมเสียวแปลบที่หัวใจ...นี่ห่วงขนาดนี้เชียวหรือนี่) ผมตอบกลับไปว่า "หมอห้ามอยู่

    อย่างเดียว เหล้า แต่ไม่เชื่อหรอก แต่ถ้าครูขอก็จะกินน้อยๆ เฉพาะตอนอยู่บ้าน แล้วผมพูดกับ

    ท่านต่อไปว่า"ครู...ผมอายุห้าสิบกว่าแล้วนะ...ยังมาเรียกหนูอยู่อีก" ท่านตอบว่า "ไม่รู้..สามสิบ,

    สี่สิบปีนี้ เวลาครูคิดถึงเธอครูก็จะจำได้แต่เด็กตัวเล็กๆ ดำๆ ยากจน,นุ่งผ้าขาดๆ หากุ้งหาปลา

    กลางทุ่งกลางนา อดๆหยากๆ ขาดเรียนเป็นประจำ หรือไม่ก็มาสายโดนทำโทษเก็บเศษกระ

    ดาษก่อนเข้าห้องเรียนเป็นประจำจนติดตา แล้วหนูก็ไม่เคยมาให้เห็นจนมาจัดงานนี่แหละ" และ

    "หนูเชื่อไหม...ที่นั่งคุยกันมาเมื่อ ๕-๖ วันที่แล้ว ครูยังนึกหน้าหนูตอนนี้ไม่ได้ มันจำได้แต่หน้า

    ตอนเป็นเด็ก" ตอนนั้นผมน้ำตาคลอแล้วแต่ยังฝืนพูดต่อไปว่า"ครูไม่ต้องห่วงหรอกผมสุขภาพดี

    ผมไม่มีโรคประจำตัว ผมกินได้หมด ผมก็ห่วงครูเหมือนกัน"พูดเล่นไม่ออกจริงๆ ท่านตอบกลับ

    ผมมาว่า"ก็เพราะรู้ว่าตอนนี้หนูพอมี อยากมีอะไรก็ได้มี อยากกินอะไรก็ได้กิน แต่เป็นห่วงกลัวเป็น

    แบบมีจะกินแต่หมอห้ามกิน ...แค่นั้นแหละหนู" ผมกล่าวขอบคุณและสวัสดีกับครู ช่วงที่ผมจะวาง

    หู "มันเหมือนมีก้อนลูกสะอื้นขึ้นมาจุกอยูที่คอหอย น้ำตาที่ว่าคลออยู่เริ่มไหล ผมพูดในใจว่า

    "เพราะหนู...มีครูอย่างครู...หนูถึงมีวันนี้...และจะเป็น...ไอ้หนูของครูตลอดไป"

    ปล.ครูท่านนี้ของผมชื่อว่า คูณครูคารม แสวงผล(เมื่อจำได้แต่ไอ้หนูผมก็จำแต่นามสกุล

    เก่าของครู)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  18. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    วัดนะครับ ไม่ใช่เธค....

    ครั้งหน้า จะให้ติดไฟกระพริบ แล้วเปิด จิจ๊ะ คันหู จะได้รู้ว่ามีพระอยู่ ...ดีไหมครับ

    ..............................................................................
    [​IMG][​IMG]

    ถามเด็กที่ออฟฟิต ว่า ipad มันแปลว่าอะไร
    น้องมันตอบว่า "กระดานชนวน..." อืม....

    ไปกราบพระอาจารย์พิจารณ์ เห็นท่านใช้กระดานชนวน เขียนยันต์ดวงอยู่
    ผมพอดูออกบ้าง ก็เลยถามถึงต้นทุน เพราะอยากได้บ้าง
    ท่านก็ไม่อยากเรียกสตางค์ เพราะต้นทุนถูกมาก แต่จะใช้งานพระ ก็กลัวจะเป็นบาป เลยขอทำบุญกับท่านแทน

    นึกๆไป เลยคิดว่า จะเอารายชื่อเพื่อนสมาชิก มาลงกระดานชนวน ให้พระอาจารย์พิจารณ์ท่านทำเสริมดวงให้

    ทำเสร็จแล้ว ก็แพ็คดีๆ แล้วจัดส่งกลับไปให้ที่บ้าน เก็บไว้บูชาที่หิ้งพระ น่าจะดูเข้มขลังดี..... หากเพื่อนสมาชิกสนใจนะครับ

    ปล.ผมไม่กล้าถ่ายรูปมาให้ชม กลัวโดนลอก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 589.jpg
      589.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129 KB
      เปิดดู:
      48
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  19. victorvee

    victorvee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2010
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +2,693

    โห พี่ทิพย์คิดได้ไงเนี่ย สวดยอดเลย ถ้าพี่คิดจะทำผมก็อยากได้ อิอิ(แต่ขอเป็นดวงทั้งครอบครัวได้ไหมครับ)
     
  20. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ต้องเห็นของจริงถึงจะอยากได้ครับ

    ง่ายๆ แค่เขียนชื่อ-นามสกุล แล้วล้อมด้วยยันต์ดวงราชาโชค ที่จารในฤกษ์นี้
    ประทับหลังด้วยยันต์เสริมดวง

    จารลึกลงไปในกระดานชนวน ขนาดตามที่เห็น ต้องระวังแตก สำคัญตอนจัดส่ง

    ต้นทุนไม่แพง ถูกมาก ผมออกให้เองยังได้เลย แต่ขอเป็นค่าอาหารกลางวันให้เด็ก น่าจะได้บุญกว่า

    ถ้าสนใจครบ 40 ท่าน (ตามจำนวนเพื่อนสมาชิกในตาราง) แล้วจะขอพระอาจารย์พิจารณ์ให้ท่านทำให้
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...