พระโพธิสัตว์รักตนเองหรือรักผู้อื่นมากกว่า?

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 2 สิงหาคม 2012.

  1. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    บางครั้งพระโพธิสัตว์ก็รักตัวเองมากกว่า
    บางครั้งก็รักผู้อื่นมากกว่า

    แต่เมื่อระลึกถึง ธรรมที่ได้อธิษฐานไว้ที่พระบาทสมเด็จพระทีปังกรพุทธเจ้าได้ พระโพธิสัตว์จะรักธรรมนั้นมากที่สุด

    "บุคคลพึงสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ
    พึงสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต
    แต่เพื่อรักษาธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ แม้กระทั่งชีวิตทั้งหมด
    " (พุทธะ)

    ในชาติที่พระโพธิสัตว์เป็นพระเวสสันดร ไม่ใช่เพราะรักตนเองแล้วจึงให้บุตรและภรรยาแต่เพราะการรักษาธรรม มีทาน,สัจจะและอธิษฐาน เป็นต้น ที่ให้ไว้ที่พระบาทพระพุทธเจ้าทีปังกร ท่านจึงต้องยอมสละสิ่งที่รักเหล่านั้น (ในชาดก ไม่เคยมีชาติไหนเลยที่พระโพธิสัตว์หวั่นไหวด้วยการให้ทาน ยกเว้นชาติที่เป็นพระเวสสันดร ท่านทำท่าเหมือนจะชักตายแล้ว)

    ...เราจงยึดทานบารมีข้อที่ ๑ นี้ทำให้มั่นก่อน จงถึงความเป็นผู้มีทานบารมี หากเราปรารถนาจะบรรลุโพธิญาณ(แล้วไซร้ จงเป็นดั่ง) หม้อที่เต็มด้วยน้ำใครผู้ใดผู้หนึ่งคว่ำลง ก็จะคายน้ำออกจนไม่เหลือ ไม่ยอมรักษาไว้ แม้ฉันใด เราเห็นยาจกไม่ว่าจะต่ำทราม สูงส่งและปานกลาง จงให้ทานอย่าให้เหลือไว้ เหมือนหม้อน้ำที่เขาคว่ำลง ฉันนั้นเถิด

    ...ความจริงพุทธธรรมเหล่านี้ จักไม่มีอยู่เพียงเท่านี้ เราจักเลือกเฟ้นธรรม แม้เหล่าอื่นที่เป็นเครื่องบ่มโพธิญาณ. คราวนั้น เมื่อเราเลือกเฟ้นอยู่ ก็ได้เห็นสัจบารมีข้อที่ ๗ ที่ท่านผู้แสวงหาคุณใหญ่แต่เก่าก่อนทั้งหลาย ถือปฏิบัติเป็นประจำกันมา. เราจงยึดสัจบารมีข้อที่ ๗ นี้กระทำให้มั่นก่อน มีคำพูดไม่เป็นสอง ในข้อนั้น จักบรรลุสัมโพธิญาณได้. ธรรมดาว่า ดาวประกายพฤกษ์นั้นเป็นคันชั่ง (เที่ยงตรง) ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ย่อมไม่โคจรแวะเวียนไปนอกทาง ไม่ว่าในสมัยหรือในฤดู และปีใด ฉันใด แม้ท่านก็ฉันนั้นเหมือนกัน อย่าเดินเฉไปจากทางในสัจจะทั้งหลาย ถึงความเป็นผู้มีสัจบารมีแล้ว จักบรรลุสัมโพธิญาณ

    ...
    ความจริง พุทธธรรมเหล่านี้ จักไม่มีอยู่เพียง เท่านี้แน่ เราจักเลือกเฟ้นธรรม แม้เหล่าอื่นที่เป็นเครื่องบ่มโพธิญาณ. คราวนั้น เมื่อเราเลือกเฟ้นอยู่ ก็ได้เห็นอธิษฐานบารมีข้อที่ ๘ ที่ท่านผู้แสวงหาคุณใหญ่แต่เก่าก่อนทั้งหลาย ถือปฏิบัติเป็นประจำสืบกันก่อน. เราจงยึดอธิษฐานบารมีข้อที่ ๘ นี้ กระทำให้มั่นก่อน เราจะเป็นผู้ไม่หวั่นไหวในข้อนั้น แล้วจักบรรลุสัมโพธิญาณ. ภูเขาหินไม่หวั่นไหว ตั้งมั่นแล้ว ย่อมไม่สะเทือนด้วยลมกล้า ย่อมตั้งอยู่ในที่เดิมของตนเท่านั้น ฉันใด เราจงไม่หวั่นไหวในความตั้งใจจริง ตลอดกาลทุกเมื่อ ถึงความเป็นผู้มีอธิษฐานบารมีแล้ว จักบรรลุสัมโพธิญาณ... (สุเมธดาบส อธิษฐานบำเพ็ญทศบารมี เพื่อการบรรลุสัมโพธิญาณ)

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 สิงหาคม 2012
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ขอเสริมครับ เห็นแล้วอยากเข้ามา :cool: คำว่าพระโพธิสัตว์ หรือ พุทธภูมิ เนื้อหน่อเชื้อไขของ พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ ที่ เดินมาก่อน ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า หมายถึงผู้ปราถนา พระโพธิญาณนั่นเอง ถ้าคุยเรื่องนี้ ๓ วัน ๓ คืน ก็คุยกันไม่จบสิ้น) (จะสายไหนก็ช่าง ทางเดินนั้น มีบารมี ๓ ขั้น ที่จะเดินให้ถึง เดินผิดและถูก เรียนผิดถูก แก้ ด้วยตนเอง พวกนี้จะไปเป็นครูเขานี่ต้องศึกษาหมด กรรมฐาน ๔๐ มหาสติปัฏฐาน ๔ และรู้อารมย์ พระโสดา สกิทาคา อนาคามี จนถึงพระอรหันต์ ไม่มีสิทธิ์ได้ ตรัสรู้ จนกว่า บารมีเต็ม จึงมาตรัสรู้ เป็น พระพุทธเจ้า) (และชาติสุดท้ายต้อง บริจาค ลูกและเมียให้ เป็นทาน เหมือน พระเวสสันดร งั้น ก็หมดสิทธิเหมือนกัน เพราะเป็นทางเดิน ของพระโพธิ์สัตว์ เจ้าทั้งหลาย ทุกๆพระองค์ บารมีนั้น มี ต้น กลาง แลบารมีปลาย ปรมัตถบามี ๆ ๓๐ ทัสนั่นเอง พระพุทธเจ้า ก็มีอยู่ ๓ ขั้น เท่านั้น (๑) พระปัญญาธิกะบารมี บำเพ็ญบามี ๔ อสงขัยกำไร แสนกัป (๒) ศรัทธาบารมี บำเพ็ญบารมี ๘ อสงขัย กำไร แสนกัป (๓) วิริยะบารมี บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงขัย กำไร แสนกัป แต่เมื่อ พระพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ ทรงตรัสรู้ แล้ว ทรงเปิดโลก ครั้ง หนึ่ง ได้แค่ครั้ง เดียว เหมือนกันทุกพระองคื สัตว์นรก คน เทวดา พรหม จะเห็นกัน กันหมด ทำให้สัตว์ ทั้ง หลายเห็นความอัศจรรย์ ของพระพุทธเจ้า เลยให้ทำความปราถนา เป้นพระพุทธเจ้าบ้าง ต่อมาเห็นการบำเพ็ญบารมีนาน ต้องเกิดตาย ในวัฏจัก มาก กว่า สาวกภูมิ ทำให้พระโพธิสัตว์ องค์นั้นๆ เกิดความเบื่อหน่ายที่จะบำเพ็ญ บารมีต่อ และเบื่อ ของการเกิดเป็น คนและส้ตว์ จึงลาพุทธภูมิมาเป็นสาวกภูมิ ของสมัยพระพุทธเจ้า องค์นั้นๆ ชื่อนั้นๆ ลองไปอ่านพระประวัติ ของหลวงปู่ หลวงพ่อต่างๆใน ประเทศไทย ดูก็ได้ มีมากมาย ที่กล่าวถึง ถ้าท่านไม่เป็นมิตฉาฐิทธิ ก็จะเข้าใจ พูดไปไม่จบง่ายๆ ทั้งท่านที่บวชเป็นพระ ฆราวาส และสัตว์ ที่ผม ประสพมา ก็หลายท่าน ล้วน ปัญญา และบารมีต่างกัน ออกไป แต่เมื่อเต็มแล้ว จะต่างกัน ที่ อายุ ประกาศ พระศาสนา กี่ปี พระสาวก ก็ไม่เท่ากัน ลาภ ไม่เท่ากัน แต่คำสอน เหมือนกัน ความ เป็นพระพุทธเจ้า เหมือนกัน แค่นี้ก่อนครับ มันยาวเกิน มีโอกาศ จะเข้ามาใหม่ครับ สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2012
  3. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +729
    ในใจของ พระโพธิสัตย์ นั้น เมื่อแลเห็นความทุข์ ต่างๆ ของผู้อื่นแล้ว ก็ให้เกิดความสลดสังเวชในใจ เกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อเห็น ผู้เฒ่า ผู้แก่ คนชรา ต้องตกทุกข์ได้ยาก ลำบากตรากตรำแล้วก็จะรู้สึก สลดสังเวช หดหู่ใจ ว่าทำอย่างไรหนอ เราจึงจะช่วยเขาให้ พ้นทุกข์ได้ ทั้งที่ตัวเราเองนั้น ก็ยัง ไม่พ้นทุกข์ อย่างที่เป็น นี้เลย ทำไมหนอ ผู้มั่งมีทั้งหลาย จึงได้ ละทิ้ง ความเป็นคนมีน้ำใจ ความเห็น อกเห็นใจ ต่อผู้อื่น ที่แสนลำบาก กว่าตนเองไปได้ ทำไปจิตใจเขาเหล่านั้นจึง แคบได้ถึงเพียงนี้ ไม่น่าเลยหากตัวเราเอง มั่งมีมากว่านี้ ก็คงจะช่วยได้มากกว่านี้ แน่นอน แล้ว
    เมื่อครั้งนึง ในวัยเยาว์ ข้าพเจ้าเอง ได้ชอบให้ทาน กับ ขอทาน หน้าบ้าน ก่อนไปโรงเรียน ทุกวัน คนเดิม ต่อมาภายหลัง ได้พบเจอขอทานผู้นั่น นั่งดื่มสุรา ที่ร้านขายยาดอง
    พึงให้เกิดความ สลดใจเหลือเกินว่า นี่หนอ เงินที่เราให้เขาไป หวังรักษา ชีวิต เขาเองด้วยการเลี้ยงชีพ แต่เขาดัน เอาเงินที่เราให้นี้ ไปซื้อ สุรายาดอง กินซะแล้ว
    หลังจากนั้น ข้าเจ้าเอง จึงได้เห็นว่า การให้ทานเช่นนี้ นั้น ไม่ควรกระทำเลย เพราะเป็นการเสี่ยงต่อ กรรม ทั้งหลาย ที่ต้องมีส่วน ด้วยถึงแม้ไม่ได้ รู้เห็น หรือ ตั้งใจ ร่วมด้วย
    ข้าพเจ้า จึงได้ เป็นจากการให้ เงินมาเป็น ซื้อข้าว ซื้อน้ำ มาให้กับ บุคคลเหล่านั้น แทน อาจจะเสียมากกว่ากัน แต่ก็ รู้สึก สบายใจมากกว่ากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2012
  4. patdorn

    patdorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +227
    รักตนเองแต่ไม่เห็นแก่ตัวครับ
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พระโพธิสัตว์ตั้งมั่นบำเพ็ญเพื่อบรรลุพระโพธิญาณ แน่นอนบารมีที่ชัดเจนเด่นที่สุดก็คือเมตตาบารมี เหตุที่มีเมตตาไม่มีประมาณ นั่นเพราะทรงมีความรักเมตตาในสรรพสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก ไ้ด้เห็นแล้วซึ่งทุกขสัจจ เห็นความเผาลนที่เหล่าสรรพสัตว์พากันดิ้นรนกระเสือกระสนเพื่อต้องการให้หลุดพ้น แต่ด้วยกำลังที่ยังไม่เข้มแข็งจึงทำให้ก้าวเดินผิดพลาด ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า หลงติดบ่วงแห่งกามคุณห้า

    พระโพธิสัตว์จะไม่คำนึงถึงตนในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ จิตแห่งโพธิสัตว์ไม่มีความเห็นแก่ตน มีแต่ความเสียสละ สละเพื่อละออกไปในขณะเดียวกัน ทรงบำเพ็ญพระโพธิญาณควบคู่ไปกับการช่วยเหลือสรรพสัตว์ด้วยค่ะ
     
  6. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    การลาพุทธภูมินั้น ส่วนตัวแล้วผมเข้าใจว่า ไม่ได้เกิดจากการ "รักตัวเอง" นะครับ
    แต่บางครั้งการเห็นธรรมแล้วว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงสมมติ" ไม่มีตัวตน ไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่ง "ตัวเอง" ก็ไม่มีอะไรจะต้องนิยามให้ค่า เพราะมันไม่มี
    ประกอบกับการเห็นแล้วว่า ในวัฎฎะนั้น มีผู้ที่บารมีเต็ม พร้อมจะมาประสูตรเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อโปรดสรรพสัตว์เยอะมากแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ตัวเองจะต้องเพียรต่อ
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เราเชื่อว่าพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์เล็งเห็นธรรมในข้อนี้เหมือนกัน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา การตั้งปณิธานในพระโพธิญาณ เปรียบก็คืออธิษฐานบารมี ดังนั้น เราไม่ขอแสดงความเห็นในเรื่องการลาพุทธภูมิ เพราะเราเชื่อว่าลาไม่ได้ ลาอย่างไรก็ไม่ขาด หากได้รับพยากรณ์เป็นพระโพธิสัตว์แล้ว

    ผู้ที่ตั้งปณิธานดำเินินบารมีด้านนี้ ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ความเป็นโพธิสัตว์ อาจลาพุทธภูมิได้ แต่หากบารมีสำเร็จบรรลุโพธิสัตว์แล้ว มีหนทางเดียวเป็นเป้าหมายนั่นคือ "โพธิญาณ" ค่ะ

    สรรพชีวิตเวียนเกิดเวียนตายมากมายเหมือนเม็ดทราย ไม่มีประมาณ พระโพธิสัตว์ที่อยู่ระหว่างการบำเพ็ญบารมีเพื่อให้บรรลุโพธิสัตว์ จึงมีมากมาย

    การบำเพ็ญบารมีในขั้นนี้ จะบรรลุโพธิญาณหรือไม่ นั่นจะไม่ใช่ประเด็นหลักของว่าที่พระโพธิสัตว์ในขั้นนี้ เนื่องเพราะมีความปรารถนาในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้ก้าวล่วงพ้นวัฏสงสาร...สู่นิพพานก่อน
     
  8. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยค่ะ
    ตามความเห็นของตนคิดว่าเป็นไปตามบารมีในขณะนั้นค่ะ

    "บารมี" แปลว่า กำลังใจ
    และบารมีมีทั้งสิ้น ๓ ขั้น

    บารมีต้น คือ บารมีขั้นต้น
    อุปบารมี คือ บารมีขั้นกลาง
    ปรมัตถบารมี คือ บารมีขั้นปลาย

    เปรียบดั่งกำลังใจ แรกเริ่มความปรารถนาอยากจะเป็นพระพุทธเจ้านั้นกำลังใจยังไม่มั่นคง
    แม้รักผู้อื่นมาก แต่ก็ยังรักตัวเองมากกว่า

    เมื่อถึงบารมีขั้นกลาง เนิ่นนานไปอีกหลายอสงไขยกัปป์ เข้าสู่เขตอุปบารมี
    กำลังใจของผู้ปรารถนาพระโพธิญาน เริ่มเข้าสู่เขตกลาง รักผู้อื่นมากกว่าตนเอง
    แต่ยังมิอาจเสียสละชีวิตเพื่อผู้อื่นได้

    และเมื่อเข้าเขตปรมัตถบารมี ถ้ากล่าวกันตามหลักสูตรของการเป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องบำเพ็ญ

    ปัญญาธิกะพระพุทธเจ้า บำเพ็ญปรมัตถบารมี ๔ อสงไขยกับแสนมหากัปป์
    ศรัทธาธิกะพระพุทธเจ้า บำเพ็ญปรมัตถบารมี ๘ อสงไขยกับแสนมหากัปป์
    วิริยะธิกะพระพุทธเจ้า บำเพ็ญปรมัตถบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนมหากัปป์

    เมื่อเข้าสู่เขตปรมัตถบารมีแล้ว ยังแบ่งบารมีเป็นอีก ๓ ระดับคือ

    ปรมัตถบารมีขั้นต้น
    ปรมัตถบารมีขั้นกลาง
    ปรมัตถบารมีขั้นปลาย

    ส่วนตัวเข้าใจว่าต้องกำลังใจระดับปรมัตถบารมีขั้นปลาย ในระดับที่อีกไม่นานก็บรรลุพระโพธิญาณ
    จึงสามารถสละชีวิตเพื่อผู้อื่นได้ค่ะ


    อย่างเช่น ในสุวรรณสามทศชาติชาดก พระโพธิสัตว์บำเพ็ญเมตตาปรมัตถบารมีขั้นปลาย

    “สุวรรณสาม แม้เขาจะถูกทำร้ายอย่างแสนสาหัส
    แต่เขาก็ยังแผ่เมตตาจิตไปยังพวกที่ทำร้าย
    โดยหาความโกรธเคืองไม่ได้นี่คือปฎิปทาของสุวรรณสาม”


     
  9. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376

    เคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อฤาษี จำไม่ได้ค่ะว่าชื่อหนังสืออะไร
    ท่านบอกว่าพระโพธิสัตว์บารมีเต็มที่รอการตรัสรู้ที่สวรรค์ชั้นดุสิต
    ณ ตอนนี้มีมากถึง ๑๐๐,๐๐๐ องค์ค่ะ

    เพราะฉะนั้นพระโพธิสัตว์บางท่านอาจลาพุทธภูมิด้วยสาเหตุนี้ก็น่าจะเป็นไปได้ค่ะ
     
  10. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    บ๊ะ โพธิสัตว์รักตัวเองหรือคนอื่นมากกว่า ก่อนอื่น เอ็งว่าทำไม?คนเราถึงไม่ค่อยมีคตวามสุขแท้ๆๆ กันนักล่ะ ก็เพราะทุกคนต่างก็รักตัวเอง ดังนั้นจึ่งพยายามที่จะอยากได้อยากมีอยากเป็นเพื่อที่จะสนองคุณแก่ตัวเอง นี่คือตัญหาล่ะ และ ก็ทุกข์เพราะ ความคิดเช่นนี้

    การตั้งจิตเป็นพระโพธิสัตว์ แลจักช่วยขนสัตว์โลก จึ่งเป็นอุบาย ก็ในเมื่อมนุษย์ทุกข์ และ ปัญหาก็เพราะต่างก็เห็นแก่ตัวเองเป็นที่ตั้ง ดั้งนั้นเราก็แก้ไขมันเสีย ด้วยการไม่เห็นแก่ตัวเองแต่ไปเห็นแก่คนอื่นแทน

    ไปรักคนอื่นแทน ไปรักให้มากกว่าตัวเองเสียอีก อย่างไม่มีเงื่อนไข แลเอ็งว่าพระโพธิสัตว์รักคนอื่นหรือตัวเองมากกว่าละ เห็นไหมยิ่งเห็นแก่คนอื่นมากยิ่งรักคนอื่นมากกว่าตัว ความอยากก็น้อยลง ความเห็นแก่ตัวก็น้อยลง ความสุขก็มีมากขึ้น ทั้งๆๆที่พระโพธิสัตว์ไม่เคยไขว่คว้าหาความสุขแต่กับยิ่งได้รับ เอ็งเข้าใจไหม? บ๊ะ นี่แหละเขาเรียกว่า เห็นแก่ตัวอย่างฉลาด อย่างมีปัญญาล่ะ ถ้าทุกคนทำได้เอ็งว่าโลกใบนี้มันจักสงบสุขไหม?ล่ะ

    ความสุขนะมันเป็นแบบนี้ยิ่งอยากได้มามันจักไม่ได้ ยิ่งไม่อยากได้มันจักมา ยิ่งไม่ไขว่ควั้เพื่อตนเองแต่เพื่อคนอื่น ตัวเองกับยิ่งมีความสุข บ๊ะ

    เอ็งไปคิดดูเอาเองเถิดนะจ๊ะ
    พ่อมหาเจริญ บ๊ะ ลุงบอกได้แค่นี้แหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 สิงหาคม 2012
  11. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +729
    เหตุที่ พระโพธิสัตย์ นั้น ลาพุทธภูมิ ด้วยเหตุที่ เกิดความเบื่อ หน่ายในการ
    เวียนว่ายตายเกิด การทุกทรมาน ในชาิติ ที่กระทำผิด จนต้องตกนรก
    อย่างทุกทรมาน เมื่อได้เห็น ในอดีตชาติของตัวเอง แล้วนั่นแหละ และเบื่อ
    ทุกข์เวทนา ทั้งหลาย ในสมัยเป็น มนุษย์ ที่เกิดขึ้น และได้เห็น ต้อง กลับ
    ขึ้นๆ ลงๆ น่าเบื่อ น่าสกปรก เลเทะ ขยะแขยง และเบื่อหน่าย ในกฏแห่งกรรม
    ที่ต้อง พึงรับ ด้วยความ ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ความรู้เท่าถึงการณ์ ก็ดี
    ไม่รู้เท่าถึงการณ์ ก็ดี เบื่อใน สังคม ของ กิเลส ตัณหา ราคะ ความวุ่นวาย
    เปลี่ยนแปลง ทั้งหลาย นั่นแหละ สรุป ที่ลาพุทธภูมิ กัน ก็เพราะ ความเบืือ
    เซ็ง รังเกลียด ขยะแขยง ในโลก อันโสมม นี้เอง เมื่อ ได้โอกาส แล้วก็เลย
    ลาเข้า นิพพาน ตอนนี้เลยซะดีกว่า นั่นเอง ครับ
    ที่ลาส่วนมาก จะลาแล้วสำเร็จเข้า นิพพาน เลยนะ ไม่มีใครที่ ลาตอนบารมี
    ยังอ่อน อยู่นะ ไม่เคยเห็น ครับ
     
  12. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ผมเคยฟังพุทธดำรัสคำหนึ่งนะ ผมว่าจริงมาก

    ความรักที่เสมอกับความรักตัวเอง ไม่มี
    หมายถึง ยังไงทุกคนก็รักตัวเองมากกว่า
    ถ้าโพธิสัตว์ที่บอกว่ารักคนอื่นมากกว่าตัวเอง
    แล้วบุคคลนั้น โอนกรรมทั้งหมด มาให้หรือให้ตกนรกตลอด
    โดยบุคคลนั้นขึ้นสวรรค์ ทำบุญอะไรมาก็ให้เขา
    แต่พอกรรมทั้งหลายขอรับเอง กล้าทำขนาดนั้นใหมล่ะ

    เมตตาสูงสุด คือ รักแม้แต่บุคคลที่จะมาฆ่าเรา
    เมตตาบารมี เป็นแค่1ใน10 หมายถึง ยังคาดอีก9อย่าง
    ต่อให้มีเมตตามากแค่ใหน ถ้าบารมีไม่ครบ10
    ก็เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ อยู่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2012
  13. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ก็นั้นแลพ่อหนุ่มก็เพราะคนทั่วไปรักตัวเองมากที่สุด แต่พระโพธิสัตว์ใช่คนทั่วไปไหม?เล่าพระพุทธองค์บอกว่าปุถุชนนั้นรักตัวเองมากที่สุด อะไรที่คนทั่วไปไม่ทำพระโพธิสัตว์นั้นก็จักกระทำนั้นคือเอาชนะความคิดความยึดติดหรือความรักตัวเองมากกว่าคนอื่นให้ได้ ดั่งพุทธองค์เมื่อครั้งอดีตชาติทรงสละเลื้อดและเนื้อให้นกอินทรีย์ วานรโพธิสัตว์ยอมเอาตัวเองเป็นสะพานให้วานรตัวอื่นก้าวข้ามมหาภัย จนกระทั้งตาย อีกประการแม้จักตรัสรู้แล้วแต่ถ้าพระพุทธองค์ไม่รักคนอื่นมากกว่าตัวก็คงไม่ทนลำบากออกสอนธรรมะทั่วอินเดีย ลองคิดดูเถิดว่าถ้าพระพุทธองค์รักตัวเอง ก็คงจะนั่งๆๆนอนๆๆเฉยๆปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆๆ แล้ว

    ก็เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้ง่ายๆๆ นั้นแลจึ่งได้ชื่อว่าเป็นการกระทำอันประเสริฐ อย่างพระโพธิสัตว์ตี้จื่อหวัง ยอมลงไปอยู่ในนรกไม่ยอมบรรลุเป็นพระพุทธองค์ จนกว่านรกจะว่างจากสัตว์นรก หรือคนบาปนั้นแล อย่าว่าแต่รับกรรมเลยแม้ให้ลงนรกหมกไหม้แทน ถ้าทำได้พระโพธิสัตว์ก็จักกระทำ แต่ก็นั้นแหละบุญบาปมันเป็นสิ่งที่คนไหนทำคนนั้นก็จักต้องรับ ดังนั้นถึงอยากจะช่วยรับแทนมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะพระโพธิสัตว์ หรือ พระพุทธเจ้าก็ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของธรรม อย่าลืมเล่าว่าพระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าได้เป็นพระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าก็เพราะค้นพบธรรมปฏิบัติตามธรรมน้นเอง


    เห็นพ่อหนุ่มตั้งคำถามแบบนี้แสดงว่ามีความไม่มั้นใจในอุดมการณ์ของพระโพธิสัตว์ใช่ไหม? คือพ่อหนุ่มคิดว่าตัวเองคงจักทำไม่ได้แน่ๆๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าหลายๆๆท่านจักทำไม่ได้นะจ๊ะ นะจ๊ะ อีกประการคือพ่อหนุ่มทำไม่ได้ หรือ ไม่เคยลงมือทำล่ะจ๊ะ ล่ะจ๊ะ ถ้าทุกคนลงมือทำไม่ใช่แค่ปาก หรือ ไม่ใช่แค่นึกเอาเองว่าเป็นไปไม่ได้ ลองคิดดูเถิดว่าโลกนี้จักน่าอยุ่ จักเปลี่ยนไปเพียงใดเล่าบ๊ะ กฎหมายอะไรทำนองนี้คงจะไม่มีความจำเป็นอีก รัฐก็คงจะไม่จำเป็นอีกเพราะทุกคนรักกันช่วยเหลือเกื้อกูลกันไม่เอาเปรียบทำร้ายกัน นี่แลพุทธภูมิที่แท้จริง ไม่ใช่ที่โลกหน้าให้ลุถึงดอก แต่เราทุกคนต้องร่วมกันสร้างที่นี่เดี่ยวนี้ นะจ๊ะ นะจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 สิงหาคม 2012
  14. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    คุยกับคนไม่ใช่ยังไงก็ไม่เข้าใจหรอก
     
  15. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ลุงน่ะคนเก่งนะ ชอบแก้คำพุทธเจ้าทุกคำ ตั้งแต่ตอนที่ภิกษุไม่ควรคุยกับสตรี โดยไม่จำเป็น
    ลุงก็แก้ซะเป็นอะไรไม่รู้
     
  16. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    โพธิสัตว์รักอะไรมากกว่า?

    คงต้องดูที่คติความเชื่อว่าจะถกกันที่คติความเชื่อของนิกายใด
    เถรวาทก็ส่วนเถรวาท
    มหายานก็ส่วนมหายาน
    เพราะคติความเชื่อต่างกันมาก

    สำหรับผู้ที่ศึกษาหรือได้ชื่อว่านับถือมหายานแล้วจะไม่สงสัยในข้อนี้เลยและสามารถตอบได้โดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย
    พระโพธิสัตว์ท่านรักผู้อื่นมากกว่าตนเอง ทำทุกอย่างได้เพื่อเหล่าสรรพสัตว์ได้พ้นจากสังสารวัฏ พระองค์ไม่เคยมีความเหนื่อยหน่ายท้อแท้ เพราะมีปณิธานอันสูงส่งและแน่วแน่เพื่อเหล่าสรรพสัตว์
    การช่วยเหลือสรรพสัตว์ของโพธิสัตว์เป็นการกระทำที่ปกติไม่ใช่กระทำเพราะต้องทำ เหมือนการยืน เดิน นั่ง ทำเพราะเป็นปกติไม่ใช่ทำเพราะต้องทำ
    ซึ่งต่างจากทางเถรวาทอยู่มากที่เน้นการบรรลุอรหันต์มากกว่าโดยยึดแนวคิดสาวกยาน
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ทำด้วยใจค่ะ กำลังใจที่หนักแน่นมั่นคงในปณิธานที่ตั้งไว้ หนักแน่นยิ่งกว่าหินผา กว้างขวางยิ่งกว่ามหาสมุทรหรือท้องฟ้า ไม่คำนึงถึงระยะเวลาในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ ขอเพียงให้ได้เห็นความพ้นทุกข์ของสรรพสัตว์นั้นๆ แม้เพียง 1 ใน 1000 ได้พ้นทุกข์ในการโปรดสัตว์ครั้งหนึ่ง นั่นคือความสุขของพระโพธิสัตว์แล้ว จิตโพธิสัตว์จะดำเนินต่อไปอย่างนี้พร้อมๆ กับการบำเพ็ญบารมี 30 ทัศ บางองค์แม้บารมีจะเต็มแล้ว ท่านก็ยังพอใจที่จะบำเพ็ญโพธิสัตว์ต่อไป
     
  18. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    วิเคราะห์ในอีกแง่มุมหนึ่ง

    คำว่า"สัญชาติญาณ"
    คำว่า"ละวาสนาเดิม"
    สมัยใดพระโพธิสัตว์ ยังละวาสนาเดิมไม่ได้ การสร้างบารมีก็จะเป็นไปตาม สัญชาติญาณ คือ "ความรักตัวกลัวตาย"
     
  19. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    วิเคราะห์แบบกระชับความหมาย

    "รักษาตนเองให้ดี ก็เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มความสามารถ"
    ปฎิปทานี้เป็นการสร้างบารมีแบบ ปัญญาธิกะ

    "รักผู้อื่นจนไม่คำนึงถึงตนเอง"ปฎิปทานี้เป็นการสร้างบารมีแบบ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ
     
  20. มหาอธิษฐาน

    มหาอธิษฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +418
    รักตัวเองคงลาไปนิพพานนานแล้ว บำเพ็ญมาถึงจุดหนึ่งถึงทางแยกยังไงต้องแตกหักไปเลยแต่เราไม่ไช่คนเลือกแล้ว ธรรมเขาทำหน้าที่ของเขาเองว่าจะประหารกิเลสตามองค์มรรคหรือจะทำงานต่อหากเมตตาไม่ถึงก็จบกิจเข้านิพพานไปซะ ใครที่มั่นใจว่าจะไม่ลาพอบารมีเต็มต่อมรรคผลและมาถึงตรงนี้ท่านจะรักนิพพานที่สุด หากเมตตาไม่มีประมาณก็ต้องสละได้กระทั่งนิพพานในปัจจุบันขณะเพื่อโพธิญาณในเวลาอันไม่สามารถประมานได้ กว่าจะได้พยากรณ์ผ่านจุดนี้มาไม่รู้กี่รอบแต่ถ้าผ่านไปได้ก็กำลังใจเต็มจิตโพธิสัตว์แท้ ๆเกิดเองอัตโนมัติเป็นโพธิสัตว์เต็มภูมิและมีความหวังแล้วที่จะได้พยากรณ์ ส่วนผู้อยากจะลาหากบารมีแห่งมรรคผลนิพพานไม่เต็มก็ยังลาไม่ได้อยู่ดีไม่งั้นท่านจะลาไปไหนจะลาไปเสพกามเวียนว่ายตายเกิดนะหรือนั่นมิไช่จิตโพธิสัตว์ คนที่พยากรณ์แล้วก็ไม่ลาแน่นอน โพธิสัตว์ถึงจะทราบความไร้สาระแห่งสารวัฏแต่เพื่อเหล่าเวไนยเป็นที่ตั้งย่อมอยู่ได้แม้กายใจจะแตกสลาย

    ทางอันยาวใกลสิ่งที่ทำให้เราอยู่ได้จนถึงโพธิญาณ คือ มหากรุณา


    ธรรมดาบุคคลย่อมสละทรัพย์สละอวัยวะและชีวิตเพื่อมรรคผลนิพพาน
    แต่เราจะสละมรรคผลนิพพานในปัจจุบันขณะ
    เพื่อ โพธิญาณ ในกาลอันไม่สามารถประมาณได้

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...