[[***2013***]] = โลกเปลี่ยนเป็นมิติ5 ??? หรือ โลกยังเหมือนเดิม ???

มะมาขอตอบหน่อย
1.เห็นรูปดอกบัว
2.เ้ห็นรูปตัวการ์ตูน ชายก็ไม่ใช่ หญิืงก็ไม่เชิง แลโรคจิตนิดๆ ดูแล้วเหมือนอะไรที่แลชั่วร้าย
3.ก็สมมุติไงละ คงไม่ใช่ชื่อที่พ่อมแม่่ตั้งใจตั้งให้หรอกนะ

เฉลยด้วยนะอยากรู้ใจจะขาดรอนๆ555

 

ตามนั้นท่าน ที่บรรลุแล้ว
ไหนๆ ก็มาแล้วตอบให้ฟังหน่อยจิ
เห็นรูป avatar เห็นอะไรกันจ๊ะ
เห็นรูปดอกบัวบูชา ข้างบนโน่นเห็นอะไรจ๊ะ


คำสอนบนตัวหนังสือ เห็นมาแยะแล้วครับพี่ท่านผู้บรรลุ
เอาบริบท กับวัตถุประสงค์มาคุยกันดีกว่า วนเวียนอยู่กับตัวหนังสือนั่นแหละ
เดี๊ยวก็ท่านว่า ท่านเขียน ก็เห็นพูดว่า........ อยู่นั่นแหละ พุธศตวรรษที่25
แล้วครับ ภาษาศาสตร์เชิงปรัชญา เปลี่ยนมั่งก็ได้ ผู้คนทั่วไปจะได้รับประโยชน์
นะท่านผู้บรรลุ ม้าดี ม้าเลว ม้ากลางก็มาหมดแล้ว ปางนี้ เหมาเข่งเลยจ๊ะ

โทษทีมาช้าไปหน่อย ตอบมาแระ
เป็นนักจิตวิเคราะห์ ที่ดีครับ อย่างน้อยก็มีลีลาวาทะกรรม
แบนไปพี่ ไม่สมชื่อเลย ขออีกทีตอบให้สมชื่อหน่อยพี่ท่าน

 

ผมก็ว่าตอบสมชื่อแล้วนะ ก็สมมุติทั้งนั้น บรรลุธรรมตอบก็ยิ่งว่าสมมุติไง
อีกทีนะ คิดว่าเป็นร่างทรงอะไรประมาณนี้ละมั๊งครับ

 

ที่จริงอยากบอก อยากคุย อยากโม้ว่าเป็นอะไรก็บอกมาเถิดครับคนอื่นเขาคงอยากจะรู้จะแย่แล้วแหละ
เนี่ยก็เข้ามาเล่นด้วยเพราะว่างแก้เบื่อนะ เดี๋ยวจะไปอาบน้ำนั่งสมาธิแล้ว

 

ไปนั่นท่านพี่ จ๋า ไม่ใช่ทั้งหมดแหละ
เอางี้ดีกว่า คำถามที่ถามเป็นคำถาม เกี่ยวกับมิติครับ
เห็นรูปท่านเห็นอะไร มองดีดีแบบไม่วิเคราะห์จะเข้าใจ

อยากตอบใจจะขาด ขออีกโพสสองโพสน่านะ

 

"ความสมดุล"
เป็นอันว่าปิดกระทู้ แล้วกันนะครับ


จะถือเสียว่า บรรลุภาระกิจของผมแล้ว
ขอให้เจริญในธรรมในทุกมิตินะครับทุกท่าน

 

มันตอบได้หลากหลาย ก็บอกเองว่าไม่มีผิดถูก เรื่องรูปก็ตอบไปแล้วแบบโลกๆ
เอาแบบธรรมะก็เห็นแค่รูป แบบเริ่มปรุงแต่งก็ สีสันต่างๆ จนเป็นรูปร่างต่างๆ

มิติของคุณอะนะมีัขันธ์ปรากฏอยู่ใหมละ ถ้ามีนะ ของปลอมทั้งนั้นแหละ สำหรับผมอะนะ ของปลอมทั้งนั้น

เอานะไม่ว่างเล่นด้วยแล้วนะ ขอตัวละครับ

 

เอวัง......ด้วยประการฉนี้

 

มันเป็นรหัสทางตัวอักษรของพวกเราครับ พวกท่านไม่เกี่ยวไม่ต้องมายุ่งก็ได้นะครับ เราไม่ได้เอาความหมายเหล่านี้ หรือพี่ชยุตพิมพ์ออกมา มันเป็นรหัสของพวกเราเหล่าทวยเทพครับ..!! :boo:

 

และรู้ไว้ด้วยนะครับ ว่าพวกเราทรงปัญญากว่าความรู้พวกนี้แล้ว ความรู้พวกนี้ที่พิมพ์ออกมามันไม่มีความหมายสำหรับพวกเราครับ แต่มันเป็นโค๊ดลับของพวกเราที่ไว้ใช้ติดต่อสื่อสารกันเพื่อป้องกันพวกอิลลูมินาติและแอนอันนากิกับพวกเร็บทิเรี่ยนที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลกไซเบอร์ครับ ...

 

............................................
มันเป็นสมมุติจริงๆด้วย ตามที่ท่านผู้นั้นบอก(ท่าน2ชาติบรรลุธรรม)
"ความสมดุล" Balance คือ 2 ด้านต้องเท่ากันเป๊ะๆเท่านั้น
ยกตัวอย่างคือ ตราชั่ง2ด้านไง ต้องไม่เอียง (รูปร่าง น้ำหนักฯลฯ)

แต่พี่ให้ดูที่รูป! ในรูปมันเป็น.."ไม่สมดุล" Asymmetric

ในรูป : เรากลับเห็นว่า Contrasting strongly อย่างแรงๆเท่านั้นเอง
เช่น ขาวกับดำ มันตัดกัน , ดีกับชั่ว ก้อตัดกันอย่างแรง รวมกันไม่ได้ ถ้าคนจะทำดี ไม่ควรสมดุลกับความชั่วใช่หรือไม่?
ในรูปเพียงสมมุติ...สร้างกับทำลาย /ดำกับขาว /มืดกับสว่าง
สมมุติว่ามี2ด้าน แต่คุณไปสมมุติว่า สมดุลกัน
ตามเหตุผลที่สมมุติขึ้นมา
ถ้าไม่ตั้งกรอบเอาไว้ ก้อไม่มีผิดหรือถูกอย่างที่คุณพี่เฉลย/หรือตามที่คุณพี่พูดไว้ว่า ไม่มีผิดหรือถูก/ แต่พอตอบไปคุณพี่บอกไม่ถูก..ฮา...
แหม...รหัสนี้สับขาหลอกได้ด้วยอะ
...............................................................
................................................................
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ปางกาลี
ท่านเอย ไม่สังเกตุกันบ้างหรือว่า คำตอบไหนที่ตอบเขาได้ เขาจะเลยผ่าน แล้วจ้องรอเอาแต่ประเด็นที่เค้าตั้งกรอบเอาไว้ให้เราหลงเข้าไปพันตูกับเขา จะต่อกรกับคนที่ตั้งใจเอากรอบความคิดที่ต่างกันมาเป็นประเด็นทำใม พูดให้ตายมันก็คนละกรอบคนละมิติการทำให้ผู้อื่นดูด้อยกว่า เค้าเรียกว่า"ข่มเหงทางจิตวิญญาณ" เพียงเพื่อให้รู้ว่าตัวเองเก่งกว่า มันบอกได้ว่าต้องการการยอมรับ เลยจำเป็นต้องแสดงออกข่มทับผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี

 

รู้อะไร ไม่สู้รู้งี้
คอยเงี่ยหูฟังหาประเด็นอยู่นั่นแหละ
ตราบเท่าที่สมมุติบัญญัติของมนุษย์ยังดำเนินไป
สรรพสิ่งล้วนมีสองด้าน ก็เพราะใช้ดูด้วยตามันก็เลยเห็นแค่นั้น
วันอาทิตย์สุขสันต์ มาฟังกันต่อเน๊อ ไหนลองบอกสิ เห็นอะไรอีกจ๊ะ
รูปเดียวนั่นเห็นได้อีก สามหน้ากระดาษ A4 ทราบแล้วเปลี่ยน

 

ผม ตอบ แทน คุณ ชยุต น่ะ

สิ่ง ที่ (ผม) นำ มา ตอบ แทน ก่ มิ ใช่ นำ มา จาก ความ วิเศษ ส่วน ตัว ใด

เกิด จาก การ สัมผัส การ ฟัง จาก ผู้ ดำรง อยู่ จาก อีก มิติ


....

การ มี ฌาน สมาบัติ คือ พลัง งาน ชนิด หนึ่ง แทน แรง ขับ ...ขับ พลัง ใจ

ปรารถนา เพื่อ ติด ต่อ กับ ผู้ ดำรง อยู่ อีก มิติ หนึ่ง เหมือน กับ ที่ ผม ทำ

คือ ใช้ ใจ สัมผัส เอา ....



การ มี ญาณ หยั่ง รู้ โดย ใช้ อำนาจ แห่ง ฌาน คือ ใช้ อำนาจ แห่ง ฌาน

ฌาน ก่ เหมือน กับ การ เบิก เงิน เมื่อ ใช้ อำนาจ ฌาน ที่ เบิก มา ก่ ต้อง

ไป หา มา เพิ่ม ขึ้น อีก หาก ใช้ ใน ทาง ที่ ผิด ก่ เหมือน กับ ถุง เก็บ

พลัง รู้ รั่ว ฌาน(เงิน) ก่ จะ สูญ หาย

.......................

ตาม กล วิธี แห่ง ฌาน

วธี การ ของ กลุ่ม พลัง งาน เก่า จัก ใช้ วิธี การ ฝึก ฌาน แล้ว หา ความรู้

จัก เรียก ความ รู้ ที่ เกิด ขึ้น ว่า มี ญาณ


แต่ ตาม กล วธี ของ กลุ่ม พลัง งาน ใหม่ จัก ใช้ วิธี การ สัมผัส รู้ หา ความ รู้

โดย การ ใช้ ใจ ตน ความ ละ เอียด หรือ ถูก ต้อง จัก แตก ต่าง กัน ตาม

บารมี คือ จัก พบ กับ ผู้ ดำรง อยู่ อีก มิติ ที่ มี ความ รู้ ที่ พอ จะ สนทนา ได้


สำหรับ กลุ่ม พลังงาน เก่า คววาม ละเอียด หรือ ความถูก ของ ความ รู้ ต้อง แล้ว แต่

บารมี และ อำนาจแห่งฌาน


ความแตกต่าง เป็น อย่างไร

กลุ่ม พลังงาน ใหม่ รู้ ได้ เพราะ มี ผู้ ดำรง อีก มิติ ถ่าย ทอด ความ รู้ ให้

กลุ่ม พลังงาน เก่า รู้ ได้ เพราะ คิด ว่า ตน เอง รู้ ได้ เพราะ ตน เอง


ความ แตก ต่าง มัน มี อยู่


ความ แตกต่าง กลุ่ม พลัง งาน ใหม่ จัก ไม่ หลง ตัว เอง ว่า .... มี ความ รู้ เพราะ ตน เอง


แต่ กลุ่ม พลัง งาน เก่า จัก หลง ตัว เอง ว่า ความ รู้ ที่ ตน รุ้ มา คือ ความ รู้ ที่ ตน เอง สามารถ หยั่ง รู้ มา ด้วย ตน เอง ....ตน เอง วิเศษ ตน เอง เลิศเลอ

ความ แตกต่าง การ ได้ มา เพื่อ ความ รู้ จุุึง เป็น อย่าง นี้

และ ถาม ว่า ของ แบบ ไหน คือ ของ ที่ ถูก ต้อง


ของ ที่ เป็น แบบ พลัง งาน ใหม่ ถุก ต้อง การ ได้ มา เพื่อ ความ รู้

แบบ สัมผัส ที่ ใจ จึง จะ ถูก ต้อง เพราะ ไม่ มี การ ใช้ อำนาจ

พลังแห่ง ฌาน เบียดเสียด หรือ บังคับ ให้ ผู้ ดำรง อีก มิติ หนึ่ง มา ตอบ



การ ใช้ อำนาจ แห่ง ฌาน เป็น การ สื่อ สาร กับ ผู้ ดำรง อีก มิติ

จะ เป็น ไป แบบ ไม่ นอบน้อม ......



แต่ ทำไม องค์โพธิสัตว์ ทำ ได้ เพราะ ว่า องค์โพธิสัตว์ ท่าน ได้

บำเพ็ญ บารมี มา มาก มาย เพียง พอ ต่อ การ เข้า ถึง ข้อมูล ที่ ถูก ต้อง

หรือ สามารถ เข้า ถึง ผู้ ดำรง อยู่ ใน ระดับ ที่ มี ข้อมูล ที่ แท้ จริง ได้



แต่ สำหรับ เหล่า ที่ ทำ สังคายนา เป็น ใคร ที่ ใช่ อำนาจ แห่ง ฌาน

ที่ ตน เอง มี บารมี ไม่ เทียบ เท่า กับ องค์โพธิสัตว์

มา บัง อาจ แก้ ไข และ เพิ่ม เติม บทบัญญัติ เสริม ลง ใน ตำราโบราณ

ความรู้ หรือ การ เข้าถึง ข้อมูล แค่ หาง อึ่ง เมื่อ เทียบ กับ องค์พุทธะ

ริ จะ มา เสนอ ความรุ้ ของ ตน เอง .....และ บันทึก ลง ใน ตำราโบราณ

คิด ว่า การ มี ฌาน สมาบัติ เป็น ทาง ที่ ถูก ต้อง แล้ว หรือ.....

.....

การ ถึง นิพพาน จึง คิด ว่า ถึง ที่ สุด แล้ว เพราะ อำนาจ แห่ง

ฌาน เป็น เหตุ เพราะ ว่า ตน คือ ผู้ รู้ แห่ง ที่ สุด แล้ว

ตน คือ ผู้ ตรัสรู้ แล้ว ..... กรอบ ความ คิด จึง หยุด อยู่

อย่าง นั้น .... จึง ดำรง อยู่ เฉพาะ มิติ เพียง เท่า นี้

นี่ ล่ะ คือ มิติ ที่ ฝั่ง ตน เอง .... ตาม ที่ ชยุต กล่าว ก่ มี สวน ถูก

ฟัง อ่าน แล้ว พิจารณา เอง เถิด..... รับ ข้อ มูล ไป ตรอง

โดย ใช้ ใจ เรา ผู้ เขียน ก่ ไม่ ได้ อ่าน (ของชยุต) ทั้ง หมด


อ่าน เพียง เบื้อง ต้น ก่ ประมาณ เรื่อง ราว ได้

ไป ดู เอา เอง เถิด ทำ ไม ผู้ รู้ แจ้ง จึง กล่าว ว่า

มนุษย์ มี 5 ขันธ์

และ ไม่ คิด ต่อ ไป อีก หรือ ว่า... ใคร คือ ผู้ กำหนด ขันธ์

มัน ต้อง มี อะไร ที่ ซ่อน อยู่ อีก มาก เหมือน ใบ ไม้ ใน ป่า นอก กำ มือ

ดัง นั้น ผู้ รู้ แจ้ง ก่ กล่าว ไว้ เช่น นั้น ..... อย่า ยึด อะไร ให้ มาก

พยายาม ใช้ ใจ ตน เอง ใน การ แสวง หา ความ รู้ เอา เอง เถิด

เพราะ ใจ หรือ มโนธาตุ ของ ตน เอง เป้น สิ่ง ที่ ธรรมชาติ มอบ

ให้ มา เหมือน กัน ทุก คน และ เมื่อ ใฝ่ ดี มี ศีล ธรรม ที่ ดี งาม

ความ เจริญ เติบโต ของ มโนธาตุ ก่ จัก เจริญ ขึ้น นั่น คือ การ เพิ่ม

บารมี ตน เอง .... การ เข้า ใจ ธรรม การ เข้า ถึง ธรรมชาติ ก่

จัก เกิด ขึ้น ใน ตัว ตน ที่ แท้ เอง .....

 

ญาณ ต่าง ๆ ไม่ มี จริง

ญาณ หรือ ความ รู้ ที่ เกิด ขึ้น จาก ผู้ มี ฌาน คือ คำ ตอบ ที่ ผู้ ดำรง อยู่ อีก

มิติ ส่ง สื่อ สาร คำ ตอบ มา ให้

แท้ จริง คือ มี ผู้ ดำรง อยู่ อีก มิติ หนึ่ง เป็น ผู้ ให้ ความ รู้ มา โดย การ เสียง ที่

โสต ได้ ตำแหน่ง ที่ เกิด เป็น ตน. เดียว กับ ความ คิด ....


...... ผู้ มี ฌาน ส่วน ใหญ่ ก่ จะ หลง ใน ตัว ตน ว่า ตน เอง มี ความ รู้ มี การ หยั่ง รู้

มา .....เพราะ ตัว ตน และ คิด ว่า ตน เอง คือ ผู้ วิเศษ เหนือ มนุษย์


สำหรับ กลุ่ม พลัง งาน เก่า จะ ถูก ครอบ ง่ำ โดย เหล่า พรหม ก่ มี ....

เรื่อง นี้ มี ความ ซับ ซ้อน มาก ..... ดังนั้น ผม เคย กล่าว ว่า ไม่ ควร

ฝึก ฌาน เกิน ฌาน 2 หรือ มี อาการ เตือน ต่าง ก่ พอ แล้ว

 

อาสะวะกิเลสญาน ก่ ไม่ ใช่ วิถี ของ การ ทำ ลาย กิเลส

อย่า เพิ่ง ฝัน ไป .... การ ดับ ทุกข์ ย่อม มี อะไร ที่ มาก กว่า นั้น

ให้ ดำรง ใน การทำดี ละชั่ว และ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

ตาม หลัก หัว ใจ พุทธะ ที่ องค์ พุทธะ กล่าว ไป เถิด

สิ่ง ดี งาม จัก เกิด ขึ้น เอง

เมื่อ ผล ไม้ สุก งอม แล้ว ก่ จะ ถูก เด็ด ออก จาก ขั้ว เอง

โดย มือ ที่ สาม....

ผู้ ปฏิบัติ มือ ที่ หนึ่ง

มรรค หรือ หัวใจ พุทธะ คือ มือ ที่ สอง

ใคร คือ มือ ที่ สาม

 

ทุก สรรพ สิ่ง อุด หนุน เกื้อ กูล ซึ่ง กัน และ กัน

.... บรรลุ หลุด พ้น ออก จาก ทุกข์ เป็น เพราะ ตัว ตน กระ ทำ เอง หรือ... คิด อย่าง นั้น หรือ....

คำ ว่า ทุก สรรพสิ่ง อุด หนุน เกื้อ กูล ซึ่ง กัน และ กัน หาย ไป ไหน

......จะ ทำ ตัว อย่าง ไร ให้ ทุก สรรพ สิ่ง รู้ ว่า ตัว ตน เอง คือ ผู้ หนึ่ง

คือ ผู้ อุด หนุน ต่อ ทุก สรรพ สิ่ง เช่น กัน .....(หา คำ ตอบ เอา เอง )

ลำพัง คิด ว่า ตน เอง เป็น ใหญ่ ก่ จบ ตั้ง แต่ คิด แล้ว

คิด ว่า ตน เอง คือ ผู้ ควบ คุม คือ ผู้ แก้ ไข คือ ผู้ ดู แล

ก่ จบ ตั้ง แต่ คิด แล้ว ..... ทุก สิ่ง มัน จะ มี หน้า ที่ อยู่ แล้ว

เพื่อ เกื้อ กูล ต่อ กัน .... หน้า ที่ ของ แต่ ละ คน จัก สัมพันธํ์

ต่อ กัน

 

ชื่อ คล้าย กับ พวก เลื้อย คลาน ได โน เสาร์ เลย น่ะ

 

เข้ามามอบโล่ห์ครับ พูดแบบนี้ต้องมอบให้ โมทนาท่านด้วยนะครับบบ.

 

บท สรุป ของ โลก

โลก ยัง คง อยู่ ต่อ ไป

ไม่ มี การ โปรแกรม ให้ โลกาวินาศ .....

ไม่ ต้อง รอ ภัย พิบัติ อะไร จะ เกิด

โลก ยัง ต้อง ดำ เนิน กัน ต่อ ไป

แต่ ระยะ นี้ จะ เปลี่ยน แปลง ไว

ไม่ ต้อง รอ ปลาย ปี ดอก

ให้ สัง เกต ...ก่ จะ เห็น ได้ เอง

สัง เกต ภาย ใน จะ เห็น พลัง งาน

เปลี่ยน แสง .. แสง ใหม่ จะ เข้า มา

แทน ที่ แสง เก่า พค มิย มี ให้ ดู ได้ เลย

ใคร ไม่ เห็น แสง ก่ จับ ความ รู้ สึก เอา

เอง เด้อ .... บอก ให้ แล้ว (ปัจจุบัน บาง คน ก่ เห็น แลัว)



สำหรับ สิ่ง ที่ ปรากฎ ต่อ ไป คือ การ เปลี่ยน ระบบ

ทั้ง หมด จาก พลัง งาน เก่า ไป สู่ พลัง งาน ใหม่

อยาก รู้ ว่า ใคร คือ ผู้ กำเนิด พลัง งาน ใหม่ ก่

ต้อง รอ ... เมื่อ เทคโนโลยี ใหม่ ปรากฎ

พวก ครอบ ครอง โลก จัก ถูก

ล้าง บาง ล้าง ระบบ ทั้ง หมด


เมื่อ ผู้ นำ เทคโนโลยี ปรากฎ ก่ ต้อง อาศัย

มหา มิตร ทั้ง หลาย .... เปลี่ยน แปลง โลก กัน


ข้อ ความ นี้ เป็น เรื่อง ที่ อาศัย สื่อ สาร ผ่าน มา ...

เชื่อ หรือ ไม่ สุด แต่ ใจ จะ ไขว่ คว้า เอา ....

 

พวก ต่ำ ทราม ทั้ง หลาย ที่ ครอบ ครอง โลก

ขณะ นี้ มัน อาศัย พลังงานเก่า เพื่อ เก็บ เกี่ยว

ผล ประโยชน์ อยู่ ดังนั้น การ เปลี่ยน แปลง โลก

จาก พวก ต่ำ ทราม ทั้ง หลาย ก่ ต้อง เปลี่ยน

เทคโนโลยี การ เสพ พลังงาน .... แล้ว มัน

ทั้ง หลาย จะ รู้ เอง เมื่อ ผู้ นำ เทคโนโลยี ใหม่ ปรากฎ