เรื่องพระถูกตัวผู้หญิงไม่ได้นี่มันเป็นเรื่องลึกลับสำหรับข้าน้อยนะ เพราะ....

ก่อนอื่น ขอออกตัวล้อฟรีก่อนว่า ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่หรือสงสัยในพระรัตนตรัยแต่อย่างใด

แต่มันเกิดมาจากความน้อยใจนิดๆน่ะ จากการที่เคยไปกราบหลวงพ่อท่านนึง บารมีมากนะท่านนี้กฐินผ้าป่าแต่ละทีมีผู้ร่วมบุญไม่น้อย ต้นใหญ่ม๊วาก(ไม่ขอเอ่ยนามเพื่อป้องกันการปรามาสนะจ้ะ) เวลาผู้ชายเข้าไปกราบท่านจะเอาแท่งทองเหลืองอะไรไม่รู้จักเหมือนกันนะ เอามาแตะที่กระหม่อมอ่ะ (ไม่โดนตัวกันนะ แค่เอาแท่งทองเหลืองมาแตะกระหม่อม) แต่ท่านพูดประมาณว่าผู้หญิงไม่เจิมให้นะ ตุ๊ดกระเทยก็ไม่เอานะ แล้วก็หัวเราะ...-_-!

ข้าน้อยก็เลยคิดว่า เออนะ พระ คือผู้ไกลจากกิเลส หรือกิเลสต้องอยู่ไกลๆพระ เราเป็นผู้หญิงไม่ใช่อยากเข้าไปหาด้วยกิเลส แต่เราเข้าไปหาด้วยธรรมารมย์ ด้วยจิตกุศล เลยรู้สึกว่าเสื่อมศรัทธาไปหน่อยนึง ว่าเออ ไหนสอนเราว่าธรรมไม่มีตัวผู้ตัวเมีย แต่ทำไมต้องแบ่งแยก

ก็คิดต่อว่า เออ ที่ท่านไม่ให้ใกล้นี่นะ ไม่รู้ว่ากลัวเราคิดอกุศลหรือกลัวตัวเองคิดกันแน่นะ อืม พระต้องผู้ไกลจากกิเลส เออ หรือว่ากลัวคนเค้าจะเสื่อมศรัทธา ทำไมไม่มองเราว่าเป็นจิตหนึ่งเหมือนกัน เป็นผู้มีจิตศรัทธาเหมือนกัน

ก็เท่านี้แหล่ะ เรื่องลึกลับกับความคิดเห็นอันแหกคอก(นิดหน่อย จริงๆ ไม่ซีเรียสสสส...)ของข้าน้อย อิอิ ได้ระบายแล้วค่อยโล่งหน่อย^^

ปล. พระเซนถูกตัวผู้หญิงได้นะ แต่ก็ไม่เคยเห็นเป็นข่าวว่ามั่วสีกาเลย แหะๆ อืมหรือมีก็ไม่รู้เหมือนกันนะ^^?

จบแล้วจ้าาา เชิญจวกกันได้ตามสบาย:d

 

HLC มาแล้ว เค้าชั่งเป็นห่วงเป็นใย ขอบคุณน๊าาา({)

 

มาตุคาม... หีนเพศ

หีน หมายถึง เลวทราม ต่ำช้า

ศาสดาเรียกเพศ "มาตุคาม" ว่า เป็น "หีนเพศ"
แต่ไม่ได้หมายความล่วงเกินหรือดูหมิ่นดูแคลน "มาตุคามเพศ" เพียงกล่าวให้เห็นมารผู้เป็นปรปักษ์ของ "เพศพรหมจรรย์"

เหตุว่า หญิงถูกสร้างมาคู่ชาย โดยธรรมชาติแล้วก็มีปกติไฝ่หากัน
ศาสดาท่านเห็นประจักษ์แจ้งแก่ใจตนเองแล้วว่า "มาตุคาม" มีรูป รส กลิ่น เสียง ที่ล้วนแล้วดึงดูดใจชายให้สั่นไหวได้ง่าย

จึงออกเป็นทั้งศีล วินัย และนโยบาย เกี่ยวกับการระวังรักษาตนให้พ้นให้ห่างจากทางที่จะพาใจให้แกว่งไหว

ภิกษุเดินอยู่แม้ที่ใด ถ้าหากเห็น "มาตุคามเพศ" เดินร่วมทางนั้น ให้หลีกห่างเสียอย่างมาก ให้พ้นจากกลิ่น ให้พ้นจากเสียง ให้พ้นจากรูปร่างหน้าตา
หรือจะพำนักที่ใด ให้ห่างจากบ้านที่มี "มาตุคามสาว" อยู่เว้นไปอย่างน้อยก็หนึ่งบ้านหรือมากกว่านั้น เน้นให้พ้นจากเสียง ให้มองไม่เห็น ให้ไม่ได้กลิ่น

ทั้งหมดก็ไม่ได้มาจากความรังเกียจ แต่เป็นการสำรวมระวังรักษา... ไม่ประมาท

แต่ก็มีภิกษุหลายท่านที่จับต้องใกล้ชิดกับ "มาตุคาม" ในหลายกรณี แต่ก็ไม่ได้อาบัติหรือลาสิกขาบท เพราะมิได้มีเจตนาในทางชู้สาว แต่เป็นความเมตตา ซึ่งกลายกลับไปว่า ในแทบทุกกรณี หากไม่จับต้องเพื่อช่วยเหลือ ก็อาจจะต้องอาบัติด้วยเพราะขาดซึ่งความเมตตา
แม้ภิกษุณีเข้าข่มขืนลักหลับภิกษุหนุ่ม ภิกษุหนุ่มนั้นก็มิต้องอาบัติ เพราะมิได้มีใจยินดีไปกับเมถุนธรรมนั้น

ที่จริงแท้แล้ว มันก็อยู่ที่ใจนี่แหละ ใจไม่ยินดีแล้ว จับต้องไปมันก็เท่านั้น เหมือนฟืนที่เปียกน้ำ เอาไฟไปลนเผาอย่างไรก็ไม่ติดไฟขึ้นมาได้แน่

แต่ภิกษุมีจำนวนมาก ตบะอ่อนแก่ไม่เท่ากัน พวกตบะแข็ง ถ้าประมาทก็พลาดพลั้งได้ พวกตบะอ่อนยิ่งไม่ต้องพูดถึง พร้อมจะแกว่งได้ตลอดเวลาที่ไม่ระวังรักษา
การออกเป็นกฏ-ระเบียบ เพื่อให้ปฏิบัติอย่างเสมอภาคกัน และเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย จึงเหมาะสมอย่างยิ่ง
ส่วนเมื่อมีการละเมิดกฏเกิดขึ้น ก็สอบสวนกัน ว่ากันไปตามเหตุผลความเหมาะสม และเจตนา





สรุปว่าผู้หญิงน่ากลัวไง... บรรพชิตผู้ถือพรหมจรรย์ต้องสำรวมระวังให้มากๆ ก็แค่นั้นแหละ
อย่างว่าอ่ะนะ กลิ่นหอมๆ ผิวนุ่มๆ เสียงหวานๆ เล่นหูเล่นตา ออดอ้อนฉอเลาะ... ถ้าตบะยังไม่แข็งแกร่ง ก็แข็งแกว่งได้นะจ๊ะ

 

แล้วทำไมอยากโดนแท่งทองเหลืองแตะกระหม่อมอ่ะคับ

 

เห็นด้วยกับพรานพิเศษ ^__^

 

ตอนนั้นนะ ก็ศรัทธาไง ไม่น้อยกว่าพวกผู้ชายหรอก แต่ตอนนี้ไม่อยากได้แล้วหล่ะ เพราะเรามันเป็น"ผู้หญิง" โอเค จบ^^

 

สรุปว่าผู้หญิงน่ากลัวไง... บรรพชิตผู้ถือพรหมจรรย์ต้องสำรวมระวังให้มากๆ ก็แค่นั้นแหละ
อย่างว่าอ่ะนะ กลิ่นหอมๆ ผิวนุ่มๆ เสียงหวานๆ เล่นหูเล่นตา ออดอ้อนฉอเลาะ... ถ้าตบะยังไม่แข็งแกร่ง ก็แข็งแกว่งได้นะจ๊ะ

พ้องเสียง ได้น่าคิดมาก ท่าน

 

สาธุ ค่ะ ท่านพรานพิเศษ ศาสนาอื่นเค้าก็คิดแบบนี้ใช่ไหมคะ ถึงได้ให้ผู้หญิงห่อร่างซะมิดชิด-_-!(นึกถึงฉากในหนังเรื่องเซ็กส์แอนด์เดอะซิตี้ ที่สาวๆแอบใส่เสื้อผ้าเฟชั่นไว้ข้างใน หุหุ)
การแบ่งแยกแบบนี้มันมีแค่ในขั้นโลกียะหรือเปล่า เพราะดูจะยังไม่พ้นสมมุตินะ

 

ท่านพรานพิเศษตอบได้ดี โดนใจจริงๆ...นับถือๆ

 

ผู้หญิงไม่ผิด ผิดที่ฉันเองที่อาจจะทนเธอไม่ไหววว จึงต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน

 

พระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านพ้นไปจากของเหล่านี้แล้ว
ท่านปฏิบัติตนให้ถูกต้องกับสมมุติทางโลกเท่านั้น....

 

ถูกแล้วคับ ผมถึงบอกว่าผิดที่ฉันเองไงละครับ ก็เพราะฉันยังไม่พ้น...:'(

ที่ว่าท่านปฏิบัติตนให้ถูกต้องกับสมมุติทางโลกเท่านั้น ก็อาจจะใช่

แต่มีอีกอย่างหนึ่งนะครับ ท่านปฏิบัติเพื่อให้พวกเรานี้แหละเอาเป็นตัวอย่างคือเคารพตามคำสั่งสอนของพระศาสดาอย่างเคร่งครัด ไม่มีข้อแม้ใดๆมาอ้าง เฃ่นว่าฉันพ้นแล้ว ไม่ต้องถือ แม้ว่าท่านจะพ้นแล้วก็ตามครับ

 

อยากถูกตัวพระรึ

 

พระท่านก็ต้องป้องกันตัวเอง ทั้งทางธรรม และทางวินัย แค่นี้ท่านก็เปรืองตัวแล้ว จขกท. อย่าจิตตกเลย เป็นเรื่องธรรมดา

สำหรับ คำว่า หีน ก็แปลกัน ตำราใหนๆ ก็แปลว่าเลวทรามต่ำช้า แสดงว่า ผู้หญิง มีสิ่งเลวทรามต่ำช้าติดมาทุกคน คงไม่ยุติธรรมสำหรับเพศแม่เท่าไร

ถ้าจะตีความกันซะใหม่ แปลว่า ที่แคบ ที่แคบๆ หรือใครอยากกว้างก็ตามใจ น่าจะมีความหมายดีกว่าเดิมตั้งแยะ ผู้หญิงทุกคน ก็ยอมรับได้

ผมก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องมองแดนเกิดของมนุษย์ เป็นสิ่งเลวทรามต่ำช้า

 

เพราะจิตใจคนเราเหมือนลิงไง ควบคุมได้ยาก ประสาทสัมผัสทั้งห้าของคนก่อให้เกิดความอยาก เพราะฉะนั้นจึงต้องนำประสาทสัมพัสทั้งหลายออกห่างจากมายา

ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่อยู่เหนือโลกมายา ภาพลวงตา และความอยากแล้ว แม้จะอยู่ใกล้กับมายาแค่ไหนก็สามารถเอาชนะได้

แต่การอยู่เหนือมายา มันยากมากกว่าการหลีกหนี

 

อันนี้ เคยมีคนตั้งคำถามสมมติ เอ็งเป็นพระ แลนี่....สีกาจะจมน้ำตาย เอ็งอยู่ตรงนั้นคนเดียวจะโดดไปช่วยไหม? ไปหาคำตอบเอง กฏทุกกฏนั้นแลย่อมมีข้อยกเว้น งั้นเขาคงจะไม่มีการปลงอาบัติดอก เพียงแต่ต้องเข้าใจว่าเราทำแบบนี้เพื่ออะไร?

อย่าไปพูดว่าพระเซนจับเนื้อต้องตัวผู้หญิงได้ นี่ไม่รู้จริง ....เขาก็ทำไม่ได้ดอกนะลุงจักบอกให้ เขาก็มีศีลพอๆๆกับเถรวาทนั้นแล เอ็งไปดูพระเซนที่เกาหลี ที่เวียดนาม ที่จีนสิ (แต่เขาไม่เรียกเซน เช่าเกาหลีเขาเรียก ชอน จีนเรียกญาณ นี่นิกายเดียวกันเพียงแต่คนที่เอานิกายนี้เขาไปในตะวันตกจนโด่งดังนะเป็นคนญี่ปุ่น ฝรั่งเลยเรียกเซนๆๆๆ ติดปากไป ทั่งโลก...)ปกติเขาก็ไม่แตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงดอก ที่ญี่ปุ่นก็เป็นแบบนี้ แต่ทีนี้ที่ญี่ปุ่นนี่เขามีความพิเศษตรงที่ ในสมัยก่อนจักรพรรดิของเขานี่ออกกฏหมายให้พระมีเมียได้ ไม่แค่นิกายเซนนะ นิกายอื่นในญี่ปุ่นก็แต่งงานได้ อย่าง ชิน ชินงอน นิจิเรน และ อื่นๆๆ แถมบังคับด้วย มันเป็นเรื่องการเมืองนะ จักรพรรดิต้องการให้พระแต่งงานจะได้ปกครองได้ง่าย นี่ก็เลยเป็นเหตุผลให้เขาแต่งงานได้มาจนถึงทุกวันนี้ ที่นี้ที่เกาหลีนี่เป็นปัญหามาก คือพระจะมีสองพวก พวกแรกแต่งงานได้ พวกที่สองไม่ยอมแต่งงาน แต่เดิมเขาก็ห้ามแต่งงาน แต่พอญี่ปุ่นเข้าไปมีอิทธิพลเหนือเกาหลี ได้เกาหลีเป็นอณานิคมก็ไปบังคับให้พระเกาหลีเป็นแบบพระญี่ปุ่นคือต่องแต่งงาน ที่นี้พระก็เลยแต่งงานกัน พอญี่ปุ่นหมดอำนาจไป ก็เลยเกิดพระสองกลุ่มคือพวกนิยม แบบเดิมไม่แต่งงาน กับ แต่งงาน ปัญหามันลุกลามมาจนถึงทุกวันนี้ก็ยังแก้ไม่ได้




นี่นี้มาดูเวียนนาม ก็เป็นแบบเดิมนั้นแล แต่คงเคยเห็น พวกของติช นัทท์ ฮัทท์ จับมีสวมกอดผู้หญิงได้ใช่ไหม? คือพวกนี้ไปอยู่ตะวันตก ทำเนียมของฝรั่งเป็นไง เขาเจอหน้ากันต้องกอดกัน ต้องจับมือถูกไหม ทีนี้ พวกที่เอาพุทธเข้าไปในโลกตะวันตก เขาก็เลยจำเป็นต้องยอม เพราะมันเป็นวัฒนธรรมฝรั่ง เป็นการให้ความเคารพต่อกัน ถ้าเอ็งทำท่ารังเกลียด ฝรั่งที่ไหนจะเปิดใจให้เล่า กลายเป็นว่าเขาไปคิดอีกว่าศาสนาพุทธกีกกันสตรี ที่นี้วัชรยานนี่ เขาก็ทำได้โดยสะดวกมานานแล้ว เพราะสังคมมันเป็นแบบนั้น ชาวธิเบตเป็นไงเอ็งคงรู้ เป็นชนเผ่ามีชีวิตง่ายๆๆใช่ไหม? ผู้หญิงธิเบตนี่สามารถมีสามีได้หลายคนไม่ผิด เธอเป็นหัวหน้าครอบครัว อีกอย่างธิเบตเป็นแคนที่มีอันตรายจากภัยธรรมชาติเสมอๆ ชนส่วนใหญ่เป็นพระ คงเป็นตอนที่ต้องช่วยเหลือกันเวลาภัยมา เช่นหิมะถล่มนั้นแล เขาก็เลยจับเนื้อต้องตัวกันได้มานานแล้ว ไม่แค่พระเข้าไปในโลกตะวันตกเท่านั้น ดังนั้นเอ็งจึงเห็นทะไลลามะจับมือแหม่มได้ไง



ถ้าเข้าใจแล้วก็ ......... บ๊ะ เอ็งจักรับสุราขาว แลหมากพลูไหมเล่า<!-- google_ad_section_end -->

 

อันนี้ลุงแถม พระมหายาน พระเซน พระวัชรยาน เจอฆาราวาสท่านยกมือไหว้ก่อนเลย ท่านไม่ถือตัวเลยนะ คือท่านไหว้เพื่อเตือนตัวเองว่าเราไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าฆาราวาส เป็นสัตว์โลกเหมือนๆๆกัน ร่วมเวียนว่ายตายเกิดเหมือนกัน ต่างกับพระบ้านเราส่วนใหญ่ไหมเล่า ที่มักจะอวดดี โดยเฉพาะ พวกชั้นราช ขึ้นไปจนสมเด็จ ที่จะนิมนต์ทีต้องให้เป็นแสน เป็นล้าน
นี่มันต่างกัน และ อีกอย่างก็เป็นการขอบคุณฆาราวาสที่ ช่วยในการบำเพ็ญ โพธิจิต เช่น ทาน เวลาเอ็งทำทานก็ต้องมีคนมารับไปใช่ไหม? พระมหายานท่านก็ถือว่าท่านทำทานคือ ให้สิ่งของ ความหวังดี ธรรมะ กับฆาราวาส ที่นี้ไม่ว่าจะรับหรือไม่ ท่านก็ถือว่าฆาราวาสนี่คือครูที่สอนโพธิจิตให้ท่าน ช่วยให้ท่านบำเพ็ญโพธิจิต

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=ud70aq68WuY"]??????? ????????? The Heart Sutra - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=Q5kteKBfQ0I"]Happiness is here and now - YouTube[/ame]

 

พระนิกายอื่นจะจับต้องเพศหญิงอย่างไร(จะด้วยความจำเป็นหรือไม่อย่างไร) ก็แล้วแต่ท่านเถอะ..

ท่านผู้อาวุโส กรุณาอย่าเอาเรื่องราวและธรรมเนียมปฏิบัติของพระในนิกายอื่นมาปนกับพระ(เถรวาท)

ของเราเลย ..ขอร้องเถอะ ครับ

 

ข้ารู้สึกเอ็งจะจับประเด็นผิดแล้วกระทู้นี้ไม่มีใครเอาอะไรมาปนทั้งนั้น เขาแค่ตั้งคำถามว่า ถ้าพระสงฆ์จับต้องสีกานี่จักผิดไหม? ที่นี้ก็เลยมีคนพูดว่า เถรวาทนี่ทำไม่ได้ แต่มหายานบางนิกายนี่ทำได้ และ ก็มาถึงจุดที่ว่า มหายานเขาก็ไม่ได้ทำได้ดอก ถ้าไม่จำเป็นเขาก็จะไม่ทำกันแต่ที่เขาทำกันส่วนใหญ่ก็จะเป็นพระมหายานที่เข้าไปในตะวันตกแล้วไปเจอวัฒนธรรมฝรั้ง ที่นี้ถ้าจำเป็นเขาก็จะภาวนาในใจว่า เธอคือ น้องสาวเรา คือมารดาเรา ไม่ก็นี่คือโครงกระดูก นั้นแล นี่ประเด็นอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เขาถกกันว่าพระเถรวาทควรเอาอย่างพระมหายานให้แตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงได้ แต่เป็นว่าในโลกนี้มีหลายวัฒนธรรมชาวพุทธที่ต่างกันเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ นี่เขาแลกเปลี่ยนกันเรื่องนี้ เอ็งมิได้อ่านจับประเด็นเลยไหมไอ้หนุ่ม บ๊ะ ใจเย็นๆๆ ค่อยๆๆอ่านและจับประเด็น เอ็งเล่นอ่านผ่านๆๆ พรวดพราดแบบนี้ไม่กลัวสำลักรึ จักรับมนตราสักท่อนเพื่อเรียกสติไหม รึเอ็งจักรับหมากแลพลูดี