ขัดใจพ่อแม่เพราะอยากไปวัด บาปไหมครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย math1536, 8 เมษายน 2012.

  1. math1536

    math1536 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    คือตอนนี้ผมมีปัญหาครับ ที่ว่า ผมได้ไปปฏิบัติสมาธิกรรมฐานอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี แล้วผมรู้สึกประทับใจกับหลายๆอย่างจากที่นั้น แล้วในวันที่ 18-30 เมษานี้ผมก็ตั้งใจจะไปอีกครับ แต่ว่าที่นี้พ่อกับแม่และญาติๆของผมเขาไม่อยากให้ไป เหตุผลก็คือ
    1. กลัวผมจะหนีบวช
    2. เป็นห่วงเรื่องการอยู่การกิน กลัวไปอด
    3. เป็นห่วงเรื่องจะมีคนคิดไม่ดีมาทำร้าย.
    และต่างๆนาๆ ซึ่งสรุปก็มาจาก "ห่วง" อ่ะครับ แต่ผมก็อธิบายให้ท่านไปหมดทุกอย่างแล้วแต่ท่านก็ยังไม่อยากให้ไป จนบางครั้งบอกว่า ผมเถียง ซึ่งผมก็ยอมรับนะครับว่าผมเถียงแต่ผมก็มีเจตนาแหละเหตุผลที่ดีที่จะไป แล้วพ่อแม่ก็บอกอีกว่า "ที่ไปนี้จะได้บุญหรือบาปกันแน่ที่ทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ใจ" ซึ่งผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีอ่ะครับที่พ่อแม่พูดอย่างนี้ แต่ผมก็มีใจแน่วแน่ที่จะไปนะครับ เพราะผมคงหาโอกาสแบบนี้ไม่ค่อยได้อีกแล้ว เพราะอีกไม่เดือนหนึ่งผมก็ต้องไปเรียนที่มหาลัยแล้วผมคิดว่าคงหาโอกาสได้ยากที่จะไปอ่ะครับ อยากปรึกษาว่า

    1. ผมควรทำอย่างไรดีครับที่จะได้ไป
    2. ผมจะบาปมากไหมครับที่ทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ใจอย่างนี้ T^T
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    อยากแนะนำว่าถ้าอยากปฏิบัติธรรมให้ก้าวหน้าเรื่องการปฏิบัติต่อบุพพการีมีผล
    อย่างมากและให้ผลแทบจะทันทีเลย กรรมกับบุพการีสามารถจะขัดขวางความ
    ก้าวหน้าในการปฏิบัติของเราได้นะครับ อย่างแรกหาทางทำให้ท่านสบายใจก่อน
    เรื่องเกี่ยวกับบุพการีมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน บางครั้งถ้าความเห็นต่างกับเราก็
    ยิ่งยาก อย่างพระสารีบุตรปัญญามากมหาศาลกว่าจะสอนมารดาได้ก็เมื่อวาระสุด
    ท้ายของท่าน ขนาดท่านมีปัญญาสุดยอดยังมีปัญหาเลย คนธรรมดาอย่างเราก็
    ต้องแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ไม่สร้างกรรมใหม่ขึ้นมา ทำเหตุที่ดีต่อไป
     
  3. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    ใช้ครับอย่าขัดใจพ่อแม่ ขนาดผมจะไปกับเวปพลังจิต ภรรยาอนุญาติแล้ว ต่อมาเปลี่ยนใจไม่อนุญาติ ผมยังต้องตามใจเธอเลย แต่เป็นกรรมห้ามคนไปทำบุญ ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจก่อน ผมบอกเมษาไม่ได้ เดือนหน้ามีอ.หม่อมจัดไป ที่กาญจนบุรี ก็ขอเขาอีก เอาตามใจ ตามที่เขาอนุญาติ แต่เป็นการคุยกันเพราะห้ามคนไปทำบุญมีกรรมอยู่แล้ว ต้องเป็นการคุยกันก่อน ก่อนทำอะไร ฟังมาอ่านมาครับ เพราะเรื่องอย่างนี้มีเยาะ ติดกรรมทั้งคนห้าม และคนทำ บุญก็ได้ กรมมก็ได้ ยิ่งกับพ่อแม่แล้ว จะได้กรรมมากกว่าบุญ เอาไว้ขอไปไหม่ก็ได้ บุญทำได้ทุกที่ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 เมษายน 2012
  4. Equal

    Equal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +195
    ก่อนอื่นคุณต้องถามตัวเองว่ามั่นใจกับการปฏิบัติไหม ว่าการกระทำของคุณนั้นตั้งใจประพฤติปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นทั้งต่อตนเองและผู้อื่นหรือไม่ ???

    เมื่อคุณเกิดความประทับใจในสถานที่แห่งนั้นที่ทำให้คุณรู้สึกอยากไปอีก ที่แห่งนี้คุณเคยอยากชวนพี่น้องพ่อแม่ไปด้วยหรือเปล่า ???

    มีความจำเป็นหรือไม่ที่ต้องปฏิบัติที่เดิมที่เคยไป กับอีกทางหาที่ใกล้ๆ ให้พ่อแม่พี่น้องคุณได้ร่วมบุญกับคุณ แล้วรอโอกาสครั้งใหม่ค่อยไปที่เดิมอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมมากกว่านี้ ???

    บางทีอาจเป็นความอยากมากเกินไป จนทำให้คนรอบๆ ตัวคุณกลัวในสิ่งที่ได้กล่าวมา

    ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เพียร ค่อยๆ เจริญในธรรม ...

    เรามิได้อยู่โลกใบนี้เพียงผู้เดียว ...

    เรามิได้ทุกข์อยู่เพียงผู้เดียว ...

    ขออนุโมทนา สาธุกับการตั้งใจดีของคุณ

    สาธุธรรม ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นเทอญ _/|\_
     
  5. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "ระยะทางพิสูจน์อาชานัยม้า......กาลเวลาพิสูจน์คนพ้นสงสัย
    กวีแต่งวจีขับ พิสูจน์ความจริงใจ....กิริยาไซร้พิสูจน์จริต ลิกขิตกรรม"

    ชนะคนตระหนี่ ด้วยการให้
    ชนะคนพูดพร้อย ด้วยคำสัจ
    ชนะผู้น้อยด้วยการให้
    ชนะผู้ใหญ่ด้วยการ อ่อนน้อมถ่อมตน

    คุณลองพูดกับท่านดีๆ ให้มีสัมมาคารวะอ่อนน้อมที่สุด
    (หากการไปแสวงบุญในครั้งนี้ คิดว่ามีประโยชน์มีคุณค่าสูงสุด...เพราะใครจะรู้ความตายแม้วันพรุ่งนี้)
    ลองกราบเท้าขออนุญาติท่านดู อีกซักที!

    หากไม่อนุญาติ ลองใช้วิธีแบบโบราณ ในสมัยครั้งพุทธกาล
    บุรุษอาชานัย ท่านใช้วิธี อดอาหาร (เพื่อให้ท่านใจอ่อน เห็นความตั้งใจจริงของเรา)...
    หากพ่อแม่ไม่อนุญาติ ชี้แจงเหตุผลแล้วไม่ฟัง
    กระผมก็จะไม่ แตะต้องอาหาร...แม้เหตุแห่งความตายมาเยือนก็ตาม!

    นี้ถึงจะเป็นวิธีพิสูจน์ คนจริง! เป็นผู้แก้วกล้าในการประกอบ บุญกุศล
    ดีกว่าเราจะไปคิดว่ามันบาป หรือ ไม่บาป

    ลองพิจารณาดูเถิดนะ พ่อบัณฑิตน้อยเอย!

     
  6. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "ระยะทางพิสูจน์อาชานัยม้า......กาลเวลาพิสูจน์คนพ้นสงสัย
    กวีแต่งวจีขับ พิสูจน์ความจริงใจ....กิริยาไซร้พิสูจน์จริต ลิกขิตกรรม"

    ชนะคนตระหนี่ ด้วยการให้
    ชนะคนพูดพร้อย ด้วยคำสัจ
    ชนะผู้น้อยด้วยการให้
    ชนะผู้ใหญ่ด้วยการ อ่อนน้อมถ่อมตน

    คุณลองพูดกับท่านดีๆ ให้มีสัมมาคารวะอ่อนน้อมที่สุด
    (หากการไปแสวงบุญในครั้งนี้ คิดว่ามีประโยชน์มีคุณค่าสูงสุด...เพราะใครจะรู้ความตายแม้วันพรุ่งนี้)
    ลองกราบเท้าขออนุญาติท่านดู อีกซักที!

    หากไม่อนุญาติ ลองใช้วิธีแบบโบราณ ในสมัยครั้งพุทธกาล
    บุรุษอาชานัย ท่านใช้วิธี อดอาหาร (เพื่อให้ท่านใจอ่อน เห็นความตั้งใจจริงของเรา)...
    หากพ่อแม่ไม่อนุญาติ ชี้แจงเหตุผลแล้วไม่ฟัง
    กระผมก็จะไม่ แตะต้องอาหาร...แม้เหตุแห่งความตายมาเยือนก็ตาม!

    นี้ถึงจะเป็นวิธีพิสูจน์ คนจริง! เป็นผู้แก้วกล้าในการประกอบ บุญกุศล
    ดีกว่าเราจะไปคิดว่ามันบาป หรือ ไม่บาป

    ลองพิจารณาดูเถิดนะ พ่อบัณฑิตน้อยเอย!

     
  7. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ถ้าให้ผมแนะนำ.. ถ้าสถานที่ปฏิบัติธรรม อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ลองชวนพ่อแม่ท่านไปถวายภัตตาหารตอนเช้า ร่วมกันสัก 2 - 3 ครั้ง ให้เห็นว่า มีศรัทธาญาติโยม ไปถวายภัตาหารข้อนี้ทำให้ท่านหมดห่วงเรื่อง การอดไปได้ และการไปถวายทาน ก็ทำให้ท่านละความตระหนี่ลงไปได้ด้วย... การให้ทาน ก็เป็นบุญเบื้องต้น ถ้าชวนพ่อแม่ รักษาศีล ปฏิบัติธรรมได้ จะเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่สูงสุด มากกว่าการให้เงินเป็นล้าน........... ดังนั้นอยากจะให้คุณชวนพ่อแม่ไปทำบุญก่อน..... จากนั้น อยากให้ให้หาโอกาสดีๆ หาพานดอกไม้ธูปเทียน ผลไม้ของใช้จำเป็นใส่พาน ให้พ่อแม่นั่งที่โซฟา หรือเก้าอี้ แล้วเรานั่งที่พื้น ยื่นของให้จากนั้นกราบเท้าพ่อแม่ กล่าวขออโหสิกรรม ก็กล่าวไปกรรมใดที่ผมทำไม่ดีล่วงเกินทางกาย วาจา ใจ ที่ทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจ ผมขออโหสิกรรมจากใจจริง แล้วถามท่านว่า ท่านอโหสิกรรมให้เราไหม ถ้าท่านตอบว่า... อโหสิกรรมให้ เราก็เริ่มพูดเรื่องที่เราจะไปปฏิบัติธรรมว่ามีเหตุผลอย่างไร เพื่ออะไร อธิบายให้เข้าใจ และบอกว่าที่เราไปก็เพื่อปฏิบัติอุทิศบุญให้พ่อกับแม่ด้วย การรักษาศีลภาวนา เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่กว่าการทำบุญด้วยเงินทอง เพราะเป็นบุญที่เกิดจากจิตใจไม่ใช่ของหยาบ และส่งผลทั้งชาตินี้ และชาติหน้า.... ก็ว่าไป สรุปประเด็นคือ พ่อกับแม่ของคุณอาจจะยังไม่มีศรัทธามาก และห่วงคุณมาก.. ก็ต้องหมั่นพาไปทำบุญทำทานก่อน.. จากนั้นพูดขออโหสิกรรมท่าน พูดให้ท่านหายห่วงในเรื่องตัวเรา และเข้าใจจุดประสงค์ของเราครับ...
     
  8. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    อย่าห่วงเรื่องไปที่วัดนั้น ให้วางลงเสีย การปฏิบัติ ไม่จำเป็นต้องเดินเข้าวัดตลอด บางครั้งคนเราก็มีเหตุผลมีความจำเป็นที่ยังไม่สามารถเดินเข้าไปปฏิบัติในวัดได้ หรือเดินเข้าไปบวชเป็นพระได้ ยิ่งถ้าคุณอยากจะไป แต่มีความรู้สึกว่าพ่อแม่ขัดใจ อย่างนี้ ก็จะไม่เกิดความสงบ เพราะลึกๆจิตมีกังวลทั้งตัวคุณและพ่อแม่ญาติคุณ ต้องให้พ่อแม่คุณอนุโมทนาอย่างจริงใจ นั่นแหละ อานิสงส์สูงสุดจะบังเกิด

    คุณยังหนุ่มยังแน่น โอกาสในการเข้าวัดยังมีอยู่เยอะ พระอรหันต์ที่บ้าน ปฏิบัติให้ดีก่อน อย่าทำให้ท่านตรอมใจ และอย่าใจร้อน เมื่อถึงเวลา.....ก็สามารถเดินเข้าวัดได้เอง โดยไม่มีอุปสรรคมาขัดขวาง

    ทำกายให้เป็นวัด ทำจิตให้เป็นพระ .....(คำสอนของหลวงพ่อกล้วย)
     
  9. math1536

    math1536 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณทุกความเห็นมากๆ ครับ T^T ผมจะลองนำไปใช้ดูนะครับ กะว่าวันที่ 11 จะลองพาพอไปที่วัดนั้นดูครับเผื่อพ่อเปลี่ยนทัศนะคติ เพราะพ่อบอกว่าถ้าผมจะต้องไปจริงๆ พ่อก็อาจจะไปปฏิบัติด้วย(เพราะห่วงผม)
    อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมอยากไปคือ ผมรู้สึกถูกจริตกับพระรูปหนึ่งที่ท่านจะสอนกรรมฐานอ่ะครับ เพราะตอนผมฟังธรรมจากท่านที่ไร ผมรู้สึกจิตมันมีสมาธิ รู้สึกมันเย็นๆ เหมือนลมมันทะลุร่างกาย(ไม่ได้เว่อร์นะ) แล้วมันเกิดปีติ สุขในใจอ่ะครับ คือมันรู้สึกดีกว่าผมนั่งสมาธิเองซะอีกในบางครั้งอ่ะครับ (แต่เพื่อนผมเขาก็ไม่เป็นนะครับ) แล้วมันทำให้ผมมีความพยายามที่จะไปปฏิบัติขึ้นมาอย่างมากครับ
     
  10. pa6986

    pa6986 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +805
    ชีวิตผมก็โดนทางบ้านขัดขวาง เกี่ยวกับการนั่งสมาธิ ผมจึงตัดสินใจ ทำโดยไม่ให้ทางบ้านรับรู้ เรื่องบางเรื่องถ้าพูดหรือบอกแล้วเกิดโทษก็เงียบดีกว่าครับ
     
  11. marry5000

    marry5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +293
    เราก็โดนเหมือนกัน เวลาเราปฏิบัติบางครั้งที่บ้านก็ว่าเรางมงาย ประสาทบ้าง เล่นของบ้าง เป็นบ้าบ้าง (ทั้่งๆ ที่เราบูชาแต่พระรัตนตรัย เคารพครูบาอาจารย์ พระอรหันต์ทุกรูป) แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไรปฏิบัติของเราต่อไป เดี๋ยวนี้ที่บ้านยอมรับเรามากขึ้นอยากทำบุญให้ได้แบบเรามากขึ้น ไม่เป็นไรปฏิบัติต่อไปเถอะคะไม่ให้ไปวัดปฎิบัติที่บ้านก็ได้ ถ้าท่านไม่อยากให้เราไปคนเดียวก็ชวนท่านไปปฎิบัติด้วยกันเลย ดีไม่ดีท่านจะอนุโมทนาบุญให้คุณด้วย
     
  12. พยัคฆ์ร้าย

    พยัคฆ์ร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,411
    ค่าพลัง:
    +161
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ทั้งที่อายุยังน้อยแต่กับสนใจธรรมมะถึงขั้นอยากปฏิบัติธรรม ผมว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้บุญมากโขเลยทีเดียว แต่กรณีของคุณคล้ายๆกับผม คือแต่ก่อนเวลาผมเล่าให้แม่ผมฟังว่าในอนาคตผมจะบวช ถ้าพ่อแม่สิ้นบุญแล้วผมจะบวชตลอดชีวิต แม่ผมพูดประมาณว่าไม่อยากให้บวช แล้วดูถูกว่าจะบวชได้หรออยู่คนเดียวยังไม่ได้เลย ผมก็เหมือนจะเถียงไปว่าผมต้องทำได้ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกแม่ผมจะปรับตัวเข้ากับความคิดที่อยากจะบวชของผมได้จึงพูดกันดีขึ้นไม่เถียงกัน ผมว่ากรณีนี้พ่อแม่ของคุณน่าจะหวงคุณไม่อยากเสียคุณไปเพราะการบวชนั้นมีสิทธิ์ทีว่าผู้บวชอาจจะบวชตลอดชีวิตได้เพราะซึ้งในรสพระธรรมแล้วท่านคงกลัวลูกเสียอนาคตการงานอะไรพวกเนี้ยอะครับ ปล.ความเห็นส่วนตัวนะครับ สาธุ catt9
     
  13. Kump

    Kump เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +508
    ผมเคยมีข้อสงสัยในเรื่องนี้อยู่เหมือนกันครับ คือเรื่องมีอยู่ว่า


    พ่อของผมเห็นคนหนุ่มข้างบ้านออกบวช ก็ปล่อยให้พ่อแม่ของเขาที่มีอายุอยู่กับบ้านตามประสาคนทั่วไป พ่อได้พูดกับผมเชิงตำหนิว่า การไปบวชแล้วทิ้งพ่อแม่ให้อยู่กับบ้านไม่ดูแลพ่อแม่ มันถูกแล้วหรือ ก็ตำหนิอยู่เช่นนั้น เหมือนบ่นให้ผมฟัง เพราะรู้อยู่กลายๆ ว่าผมสนใจทางนี้ และท่านก็คิดว่าเป็นเหตุผลที่ถูกต้องแล้วและเอามาพูดให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ เพราะพูดทีไรผมเถียงไม่ออก ซึ่งผมเองก็คิดแบบท่านอยู่เหมือนกัน ว่าทำแบบนั้นมันผิดมากกว่าถูกไหม มันคาใจผมอยู่นาน...จนวันหนึ่ง


    ผมได้มีโอกาสไปกราบหลวงพี่ท่านหนึ่งที่ผมอยากไปพบมานาน พอไปถึงได้มีโอกาสฟังท่านเทศนา ซึ่งผมก็ประหลาดใจมากที่ท่านได้เทศน์ชี้แนะแจกแจงในเรื่องที่ผมกำลังสงสัยนี้อยู่ โดยข้อสำคัญที่ท่านได้หยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างคือมีพระสาวกในสมัยพุทธกาลอยู่องค์หนึ่ง ได้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นเดียวกันนี้เหมือนกับคนหนุ่มที่อยู่ข้างบ้านผม ซึ่งในที่สุดของเรื่องแล้ว แม้แต่พระพุทธเจ้าเองยังโมทนาในสิ่งที่ท่านทำ ถ้าอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมก็ลองหาอ่านดูนะครับ หรือหากสนใจที่ท่านเทศน์ในเรื่องนี้ก็บอกได้ครับ ผมจะนำมาลงไว้ให้


    ขอให้คุณเจริญในธรรม ในสิ่งที่ตั้งใจทำ

    เมื่อตั้งใจไปปฏิบัติ ก็ขอให้หวังเอามรรคเอาผลให้ได้นะครับ



    (ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับท่านแม้แต่คำเดียวครับ...คนเยอะ แต่ก็ดีใจครับที่ท่านเมตตาเทศนาชี้แนะให้กระจ่างได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  14. พรพรพรพรพ

    พรพรพรพรพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +1,298

    ชั่งน้ำหนักดูแล้ว อานิสงฆ์จากเจตนาที่คุณอยากไปวัด มากมายลบล้างความรู้สึกผิดจากการขัดใจพ่อแม่เรื่องนี้ครับ

    ถ้าคุณสามารถหาอ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ควรจะลองพลิกไปอ่านเรื่องเจอลาวเก่งวิชา
    "โทษจากการเสียจริยาพระเพราะเอางอบมาใส่หัวเพื่อบังแดด มันน้อยนิด เทียบไม่ได้เลยกับบุญกุศลจากการซ่อมแซมศาสนสถาน"

    เปรียบเทียบกรณีให้พอคิดภาพออกนะครับ
     
  15. จิตินันท์

    จิตินันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +130
    น่าชื่นชมคุณนะที่สนใจธรรมะ เดินทางสายกลางสิคะ คุณค่อยๆไปคราวละ 3 วัน 7 วัน ให้พ่อแม่คุณค่อยๆหมดห่วง บุญกุศลที่คุณไปปฏิบัติธรรมในแต่ละคราวจะส่งผลถึงพ่อแม่คุณโดยอัตโนมัติ แล้วท่านก็จะมีใจโน้มเอียงจนในที่สุดก็จะสนับสนุนให้คุณปฏิบัติธรรมในที่สุด

    ดิฉันมีลูกชาย (ตอนนี้อายุ 5 ขวบ) ยังตั้งใจว่า ถึงอายุพอที่จะบวชเณรได้ จะส่งบวชเณรภาคฤดูร้อน เพราะเห็นว่าแกชอบไปวัด (เวลาผ่านวัดจะรบเร้าให้พาเข้าไป) และจะอนุโมทนากับแก หากโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแกจะบวชไม่สึก แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง จึงอยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดกันดีกว่าค่ะ
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    สาธุการค่ะท่านหน่อนรคุณ
     
  17. Equal

    Equal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +195

    อนุโมทนา สาธุ กับบุตรที่พาบุพพการีสู่เส้นทางแห่งมรรคผล

    สาธุธรรม ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นเทอญ _/|\_
     
  18. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    พี่ก็เคยเป็นแบบน้องนะค่ะ แต่พี่ผ่านมันไปได้แล้ว ธรรมไม่ได้ยึดติดอยู่กับที่ใดนะค่ะ อยู่ที่ไหนก็ปฎิบัติได้ อยากฝากให้น้องไปพิจารณา พ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก อย่าลืมสิ่งนี้ด้วยสำคัญมาก ทำบุญกับพระอรหันต์ที่บ้าน ได้่บุญเยอะกว่าเห็นๆ
     
  19. papatsorn

    papatsorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +804
    ถ้าไม่สะดวกไปปฏิบัติอยู่ที่บ้านก็ได้ค่ะ ทำได้ทุกวันด้วย

    หรือไม่ก็ชวนคุณพ่อ คุณแม่ไปปฏิบัติด้วยคอร์สสั้นๆดูสิคะ

    เวลาพี่ไปก็ไปกับคุณแม่ตลอดค่ะ เพราะท่านเป็นห่วงมาก

    แต่คิดอีกทีก็ทำให้ท่านได้บุญที่ได้ไปปฏิบ้ัติธรรมด้วยกันนะคะ
     
  20. chukrit12345

    chukrit12345 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +318
    เราทำชั่ว พ่อแม่ทุกข์ใจ... เราบาป
    เรารักษาศีลบริบูรณ์ พ่อแม่ทุกข์ใจ... ใครบาป?

    การประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์
    ความพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์
    มีความปราถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น ก็เป็นทุกข์

    สรุป อุปทานขันธ์ของพ่อแม่ หรือวิบากกรรมของเรา ที่ทำให้พ่อแม่ทุกข์? สรุปใครบาป?
    ------------------------------------------------------------------------
    เราตายไป พ่อแม่ที่ยังไม่มีสัมมาทิฏฐิ ช่วยเราเข้าพระนิพพานได้หรือไม่?
    เราอยู่ในสัมมาทิฏฐิ สัมมาปฏิบัติ เจริญในอริยมรรคมีองค์8 แล้ว พ่อแม่ตาย เราช่วยท่านเข้าพระนิพพานได้หรือไม่?
    ------------------------------------------------------------------------
    1. กลัวผมจะหนีบวช
    ทำไมพ่อแม่ถึงกลัวเราจะหนีไปบวช -> บอกไปเลยว่าอายุเท่าไหร่จะบวช ไม่ต้องกลัวว่าจะหนีไปบวชก่อน

    2. เป็นห่วงเรื่องการอยู่การกิน กลัวไปอด
    จะอดหรือไม่อด ทุกคนก็ต้องตาย อิ่มแค่ไหน อยู่ดีแค่ไหน สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน แต่ที่เราทำ เราปฏิบัตินี้ เพื่อละกิเลส เพื่ออริยทรัพย์ เพื่อพระนิพพาน ไม่ใช่เพื่อปากเพื่อท้อง

    3. เป็นห่วงเรื่องจะมีคนคิดไม่ดีมาทำร้าย.
    ผู้ที่รักษาศีลเป็นนิจ ย่อมอยู่อย่างองอาจไม่กลัวภัยอันตรายใดๆ เพราะเชื่อมั่นในสุขคติภูมิเป็นที่หมาย ทั้งโลกนี้และโลกหน้า (ธรรม ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมอยู่เป็นนิจ)

    ลูกตถาคต ต้องกล้าหาญ กำลังใจเต็มเปี่ยม ยึดพระรัตนตรัยที่เป็นพึ่ง
    เมื่อมีภูมิธรรมสูงขึ้นแล้ว ก็มาช่วยยกภูมิธรรมของพ่อแม่ด้วยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...