ขอหยุดภัยพิบัติเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ตอน “แม่หมอเทวดา”

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ลุงมหา, 7 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ขอหยุดภัยพิบัติเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ตอน “แม่หมอเทวดา”

    ขออนุญาตครับ

    ด้วยเหตุที่คนรู้จักก็ดี ญาติพี่น้องของญาติธรรมพระใหญ่ของเราก็ดี ได้เสียชีวิตลง เนื่องจากเป็นโรคมะเร็ง ทำให้จิตใจของผมสลดหดหู่อยู่ช่วงหนึ่ง
    แล้วผมก็ได้ครุ่นคิดคำนึงว่า แล้วผมจะช่วยคนอื่นๆให้รักษาโรคร้ายนี้ได้อย่างไร


    ราจะหยุดโรคร้ายนี้ได้อย่างไร กว่าเราจะรอให้พระใหญ่ชัยภูมิของเรา สร้างจนถึงขั้นที่พระพุทธองค์สามารถแผ่พระมหาพุทธานุภาพได้
    ไม่ทราบว่าจะมีชาวพุทธถูกโรคร้ายคร่าชีวิตไปอีกเท่าไร ไม่ทราบว่าจะมีญาติธรรมพระใหญ่ของเรา ตลอดจนญาติพี่น้อง ถูกโรคร้ายคร่าชีวิตไปอีกเท่าไร

    พื่อให้การรักษาชีวิตของญาติธรรมพระใหญ่ ตลอดจนญาติพี่น้องของตน ให้มีชีวิตยืนยาวพอ จะได้มีกำลังใจ
    ที่จะร่วมสร้างพระใหญ่ชัยภูมิของเรา จะได้ร่วมโมทนา จะได้ร่วมสาธุการ ร่วมรับกุศลผลบุญจากการสร้างพระใหญ่


    ตามกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ของตน

    ผมจึงขอเล่าเรื่องราว จึงขอเปิดเผย เรื่องราวของ ศิษย์สายเทพของปู่ชีวก (หมอประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้าตั้งแต่สมัยพุทธกาล) ที่ท่านบอกว่า

    “ทุกคนที่มารับการรักษากับท่าน หมดเวร หมดกรรม หายทุกโรค หายทุกคน”

    ความดั้งเดิม

    เมื่อประมาณปีพ.ศ.2550 ผมได้ไปทอดผ้าป่า ไปร่วมสร้างสำนักปฏิบัติธรรม”สวนป่านครอานาเขต” ซึ่งมีท่านอาจารย์วันชัย หอมจันทร์ เป็นเจ้าสำนัก

    ท่านผู้นี้เป็นศิษย์ของ ท่านอาจารย์ใหญ่ปู่โทน หลำแพร

    ซึ่งท่านอาจารย์ปู่โทน ท่านนี้ท่านเป็นศิษย์ขององค์หลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่โลกเทพอุดร นั่นละครับ

    ส่วนมากผมก็จะไปในวันสุดสัปดาห์ แรกๆก็ไม่ได้สังเกตุอะไร คิดว่า ท่านอาจารย์วันชัยท่านมีภารกิจมาก ท่านก็เลยอยู่บ้างไม่อยู่บ้าง พอท่านทำพิธี

    “เปิดโลกถ่ายกรรม”

    ให้แล้ว ท่านมักจะเดินทางไปโน่นไปนี่อยู่บ่อยๆ หนักๆเข้าด้วยความสงสัย
    ถามไปถามมาก็เลยทราบว่า
    ท่านอาจารย์ท่านมักจะพา ท่านมักจะรวบรวมกลุ่มลูกศิษย์ที่เจ็บไข้ได้ป่วย เป็นโรคภัยไข้เจ็บ เป็นโรครักษายาก เป็นโรคที่หมอโรงพยาบาลบอกว่า

    “ให้กลับไปตายที่บ้าน อยู่นี่ก็รักษาไม่หาย ตายแน่ๆ ตายลูกเดียว”

    ท่านอาจารย์วันชัยท่านจะพาไปรักษาที่

    แม่หมอเทวดา “คุณแม่เขียน” ที่อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว

    โดยท่านอาจารย์วันชัยท่านจะรวบรวม ให้เต็มรถตู้ แล้วจึงนัดหมายพากันพาไป
    เหตุที่ท่านอาจารย์วันชัยท่านต้องพาไปเองก็เพราะว่า
    ผู้เจ็บไข้ได้ป่วยทั้งหลายต่างก็มีเจ้ากรรมนายเวรควบคุมอยู่ ถ้าผู้พาไปรักษาบุญบารมีไม่พอ อาจจะเกิดเหตุเภทภัยสุดวิสัยเกิดขึ้นในระหว่างทางได้

    เมื่อผมถามไปถามมาจนรู้ แม้มีโอกาสจะถามท่านอาจารย์วันชัยโดยตรงก็มีเหตุแคล้วคลาด อยู่เสมอ
    ผลสุดท้ายก็ให้ลูกศิษย์ของท่านอาจารย์วันชัยที่สนิทกับผมมากๆถามให้ จนได้ชื่อที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ของ “แม่หมอเทวดา” มาได้


    ครั้นพอผมเดินทางไปครั้งแรก ก็เกิดอุปสรรคมากมาย เพราะ“แม่หมอเทวดา” นั้น ท่านเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ที่ท่านมีความรู้ ความเข้าใจแบบชาวบ้าน
    การพูดจาสอบถามทางโทรศัพท์นั้น เป็นเรื่องที่ยากมากๆ จนแม้แต่ผมก็สับสนจนแทบจะท้อ เกือบๆจะเดินทางกลับก็หลายหน

    คิดว่า ครั้งหน้าค่อยมาใหม่ ด้วยความอดทน ก็ดั้นด้นไปหาท่านจนเจอ

    เมื่อเจอแล้ว ถึงได้เข้าใจว่า ปัญหามาจาก เจ้ากรรมนายเวรปกปิดซ่อนเร้น
    และ “แม่หมอเทวดา” ท่านเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ จึงพูดจาภาษาชาวบ้าน จึงยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้


    เพราะคนทั่วไป โดยเฉพาะพี่น้องชาวเว็บนั้น แค่บอกพิกัด เส้นรุ้ง เส้นแวงก็จะสามารถหาเจอได้แล้ว
    หรือบอกถนนหลักๆที่ใกล้ที่สุดว่า สี่แยกไหน แล้วไปทางทิศไหน เลี้ยวเข้าซอยอะไร เข้าไปกี่เมตร มีอะไรเป็นจุดสังเกต ก็น่าจะหาเจอแล้ว

    แต่อย่างว่าละครับ หาคนเคยไปที่เต็มใจช่วยเหลือบอกทางจะดีที่สุด

    หลังจากผมได้พบเจอท่านแล้ว ผมก็พาญาติพี่น้อง ตลอดจนครูบาอาจารย์พระสายธรรมยุติที่ผมเคารพนับถือ ไปรักษากับท่านหลายราย

    เมื่อผมได้เรียนท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ ตั้งแต่ครั้งที่ไปสร้างหลวงพ่อทันใจที่ วัดป่าปานนิมิต เขตภูเขาควาย ประเทศ สปป. ลาว

    ท่านก็อนุญาตให้เผยแพร่ในหมู่ญาติธรรมพระใหญ่ได้ ท่านก็บอกว่า

    ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วยอะไรได้ก็ช่วยเลย

    ตั้งแต่นั้นมา เจอญาติธรรมพระใหญ่ชัยภูมิที่เจ็บไข้ได้ป่วย ผมก็บอก ก็จดเบอร์โทรศัพท์ ของ “แม่หมอเทวดา” ให้

    พร้อมบอกเบอร์โทรของผมให้ไปด้วยกันความผิดพลาด

    ครูบาอาจารย์ธรรมยุติที่ผมพาไป ท่านก็ขออนุญาต “แม่หมอเทวดา” ว่า ถ้าลูกศิษย์ลูกหา หรือเพื่อนพระของท่านเจ็บป่วย

    ก็จะโทรมาบอกพร้อมจดชื่อ-นามสกุล วันเดือน ปี เกิด และโอนเงินค่ายา ค่าส่งยามาให้ด้วย “แม่หมอเทวดา” ท่านก็อนุญาต

    ครูบาอาจารย์ธรรมยุติ ท่านก็เลยช่วยจัดหายาจาก “แม่หมอเทวดา” ไปช่วยรักษา ช่วยชีวิตคนได้เป็นจำนวนหนึ่ง

    แม้จะมีเพื่อนพระว่ากล่าวตักเตือนท่านว่า ทำตัวเป็นหมอยารักษาคน ผิดกฎเกณฑ์ของฝ่ายธรรมยุติ ท่านก็ไม่สนใจ

    ท่านบอกว่า ผมไม่ได้ทำตัวเป็นหมอยา ผมแค่ช่วยจัดหายามาโปรดญาติโยม พวกเขาใส่บาตรผมมาเป็นสิบๆปี
    ผมจะช่วยเขาบ้างมันจะผิดตรงไหน


    ท่านเคยเล่าให้ผมฟังว่า

    มีคนเป็นโรคตับระยะสุดท้ายบ้านอยู่ติดกันสองคน หนึ่งในสองมารับยาจากท่านไปต้มกินก็หายจากโรคได้กลับมาใช้ชีวิตตามปรกติ

    อีกคนไม่เชื่อไม่ได้มารับยาจากท่านก็ตายไปตามเวรตามกรรม

    คนที่รักษาหายเห็นท่านเมื่อไร จะเข้ามากราบอยู่เสมอ บอกว่า ครูบาอาจารย์ให้ชีวิตใหม่กับผม เขาว่าอย่างนั้น

    ท่านยังเล่าเรื่องราวของคนป่วยอื่นๆอีกหลายราย มีทั้งที่เชื่อ และไม่เชื่อ มีทั้งที่มารับยาและไม่มารับยา

    ปัจจุบันท่านเร่งความเพียรอย่างหนัก ก็เลยซาๆไป เรื่องรักษาคน

    แม่หมอเทวดา ท่านนี้ท่านมีความเกี่ยวพันในอดีตชาติใกล้ชิดกับ หมอชีวกโกมารภัจจ์ ท่านจึงได้รับพรจากเบื้องบน ให้รักษาคนได้

    สำหรับท่านที่ต้องการ รักษาโรค หรือพาญาติของท่าน หรือจะเผื่อแผ่ผู้ป่วยท่านอื่นๆ ก็ตามสะดวกกันนะครับ

    แต่ในช่วงแรกนี้ จะขอสงวนสิทธ์

    บอกเฉพาะท่านที่โทรถามผม

    หรือฝากเบอร์โทรพร้อมบอกระบบโทรศัพท์ไว้

    หรือถามมาทาง PM เท่านั้น

    ด้วยเหตุผล

    จากการกีดกันของเจ้ากรรมนายเวร และ ปริมาณที่ “แม่หมอเทวดา” จะรับได้ในแต่ละวัน

    ส่วนรายละเอียด วิธีการ ขั้นตอน ค่าใช้จ่ายในการรักษา จะขออนุญาตบอกเล่า ตัวอย่างที่ผมได้พา ญาติธรรมผู้ป่วยไปรักษาโรคมะเร็ง ดังต่อไปนี้

    รายละเอียด วิธีการ ขั้นตอน ค่าใช้จ่ายในการรักษา

    1. ขอให้เดินทางไปรับการรักษากับ “แม่หมอเทวดา” ที่บ้านของท่านด้วยตัวผู้ป่วยเอง
    หรือถ้าไม่สะดวกต้องให้ ญาติสนิท พ่อ แม่พี่ น้อง บุตร ภรรยา สามี ครูบาอาจารย์ ไปขอรับยาแทนเท่านั้น

    2. ถวายขันห้า เทียน 5 คู่ ดอกไม้ขาว 5 คู่ (จะให้ดี ดอกบัวขาว หรือ ดอกมะลิ) นำไปขอรับการรักษา
    โดยนำไปใส่ขันใบใหญ่ที่ “แม่หมอเทวดา” จัดเตรียมไว้
    พร้อมเงินค่าครู 5 บาทต่อการขอรักษาต่อ 1คน ห้ามขาด ห้ามเกิน
    บอกพร้อมกับเขียน วันที่ ชื่อ ที่อยู่ของผู้เข้ารับการรักษา พร้อมลงชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์
    ตามสมุดเยี่ยมที่ท่านเตรียมไว้ให้ ท่านจะรับแขกเกือบทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่วันพระ

    3. การรับยา จะรับพร้อมกับ การจ่ายค่ายา ค่ายา 320 บาทต่อค่ายา 1 ชุด ยา 1 ชุด มีประมาณ 16 มัด
    (มัดที่จะต้มดื่มมัดสุดท้าย จะแตกต่างจากมัดอื่นๆ นอกนั้นจะเหมือนกันหมด)
    ใช้ต้มดื่มแทนน้ำ ระยะการเปลี่ยนยา 7 วัน หรือ 8 วัน โดยห้ามไม่ให้เริ่มต้มยาวันพระ และห้ามเปลี่ยนยาวันพระ
    ถ้าวันที่ 7 เป็นวันพระ ให้เลื่อนไปเปลี่ยนยาไปอีก 1 วัน คือวันที่ 8

    4. “แม่หมอเทวดา” ท่านจะบอก ท่านจะอธิบายว่า ยาของท่านไม่ใช่ ยารักษา แต่เป็น “ยาขอหาย”

    ไม่ว่าท่านจะเป็นโรคอะไร ก็ขอให้ท่าน อธิฐาน ขอหายโรคนั้นๆ เอาเอง

    “แม่หมอเทวดา” ท่านจะบอกว่า (ท่านจะดูด้วยญาณของท่านเอง) ท่านที่เข้ามาขอรับการรักษา

    เป็นโรคอะไร มีสาเหตุมาจากอะไร
    เกี่ยวข้องกับ เจ้ากรรม นายเวรอะไร อย่างไร
    อาการของท่านอยู่ในขั้นไหน ระดับไหน
    ถ้าไม่เข้ารับการรักษาจะเป็นอย่างไร ถ้ารักษาจะเป็นอย่างไร

    “แม่หมอเทวดา” ท่านจะบอกว่า จะหายไม่หาย จะหายยากหายช้า หรือไม่หาย
    ก็จะรู้กันภายในระยะเวลาที่ ดื่มยาของท่านจนหมดนี่ละ ยา 16 มัดๆละ 7 วัน ก็จะประมาณ 112 วัน


    “แม่หมอเทวดา” ท่านจะบอกว่า โรงพยาบาลต่างๆมียามากมาย แต่ที่รักษาไม่ได้เพราะเป็น โรคกรรม

    แม้บางท่านได้ยาสมุนไพรมา ก็ได้ไม่ครบเพราะขาด ส่วนของเจ้าของยา ขาดผู้ทำการรักษา ก็คือขาดหมอยานั่นละครับ
    ท่านบอกว่า ต้องมีเจ้าของยา ต้องมีหมอยา เป็นผู้มอบยาให้ เพราะตัวยานั้น ต้องมาจากผู้รักษา มาจากเจ้าของยา
    มาจากหมอยา ว่า ท่านนั้นๆมีบุญบารมีในการรักษาผู้คนหรือไม่
    ถ้าท่านไปหาซื้อยามาต้มกินเอง มันก็ไม่หายขาดจากโรค เพราะขาดส่วนสำคัญคือ หมอยา

    “แม่หมอเทวดา” ท่านจะบอกว่า หายไม่หาย ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตนของผู้ป่วยเอง

    ถ้าปฏิบัติตามข้อห้ามของโรคแต่ละโรค และดื่มยาจนหมด หายจากโรคแน่นอน

    ซึ่งข้อห้ามของท่านก็คือ ห้ามทานอาหารที่จะไปบำรุงเชื้อโรค
    เมื่อเชื้อโรคไม่มีอะไรทาน ก็จะมาทานมาดื่มน้ำในร่างกายผู้ป่วย ซึ่งก็คือ ยาที่ผู้ป่วยดื่มเข้าไปแทนน้ำนั่นเอง
    เมื่อเชื้อโรคที่อ่อนแรง อ่อนแอลงเพราะผู้ป่วยไม่ได้ทานอาหารที่เข้าไปบำรุงเชื้อโรคนั้น
    ประกอบกับเชื้อโรคต้องจำใจดื่มยาที่ผู้ป่วยดื่มเข้าไป ยิ่งทำให้เชื้อโรคอ่อนแอลงไปอีก จนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเกาะอยู่ในร่างกายของผู้ป่วยได้
    ก็จะถูกขับออกมาจากร่างกาย พร้อมกับการขับของเสียออกจากร่างกายผู้ป่วย ไปเรื่อยๆ จนหมด

    ผู้ป่วยก็จะหายจากโรคในที่สุด

    “แม่หมอเทวดา” ท่านบอกว่า เราไม่ได้ทำปานาติบาต ไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคแต่อย่างใด
    แต่ปรับไม่ให้อาหารแก่เชื้อโรคนั้น และดื่มแต่ยาที่เป็นของแสลงของเชื้อโรคนั้น ทำให้เชื้อโรคไม่อาจจะอยู่ในร่างกายของผู้ป่วยต่อไปได้

    เชื้อโรคก็จะถูกขับ ออกจากร่างกาย ด้วยระบบขับถ่ายของเสียตามปรกติของมนุษย์ทั่วๆไปนี่ละ

    5. ส่วนการห้ามอื่นๆ ก็ได้แก่ การห้ามทาน มังสังสิบ และห้ามทานข้าวทานน้ำในบ้านงานศพ ในศาลาสวดศพ ขณะที่ยังตั้งศพอยู่

    6. สำหรับท่านที่ปฏิบัติสมาธิภาวนา พร้อม กับ การทำบุญ แผ่อุทิศบุญกุศล ให้เจ้ากรรมนายเวร ก็จะทำให้ การรักษาได้ดี ได้เร็วยิ่งขึ้น

    ตัวอย่างที่ผมได้นำพา คนป่วยเป็นมะเร็ง ไปรักษา

    อาหารที่ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง พึงละเว้น พึงงดคือ

    1. กลุ่มเนื้อสัตว์ทั้งหลาย

    2. กลุ่มยาเสพติดทั้งหลาย น้ำอัดลมทุกชนิด เครื่องดื่มบำรุงกำลังทุกชนิด

    3. เนื้อปลาที่ทานได้ๆแก่ ปลาที่คนเลี้ยงขายได้แก่ ปลานิล ปลาใน ปลาขาว ปลาตะเพียน ปลาทับทิม ปลานกแก้ว ปลาร้าทานได้แต่ส่วนที่เป็นน้ำที่ผสมอาหารเท่านั้น

    4. เนื้อปลาที่ทานไม่ได้ๆแก่ กลุ่มปลาขนาดเล็ก เช่นปลาซิว ปลาสร้อย ปลาร้า(ส่วนที่เป็นเนื้อ) ปลาไม่มีเกล็ดต่างๆ และไข่ปลาต่างๆ

    5. กลุ่มผลไม้ที่ทานไม่ได้ ได้แก่ ทุเรียน มะพร้าว ขนุน กล้วย และ ผลไม้ที่เป็นเครือไม้เลื้อย เช่น องุ่น

    6. กลุ่มผักที่ทานไม่ได้ ได้แก่ ผักที่เป็นกอ เป็นเครือ ที่แตกหน่อได้ ที่เป็นไม้เลื้อย

    7. กลุ่มผักที่ทานได้ ได้แก่ ผักประเภทผักกาด หอม กระเทียม

    8. น้ำชา กาแฟ แม้มีผลน้อย งดได้ก็ควรงดเสีย ส่วนนม เครื่องดื่มที่ทรงคุณค่ามากที่สุด ดื่มได้ตามปรกติ

    เมื่อทราบชื่อ ทราบสถานที่ ของ “แม่หมอเทวดา” แล้ว ก็เป็นหน้าที่ของญาติธรรมชาวเว็บกันละครับว่า

    ท่านจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ตนเอง เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ตลอดจนผู้เจ็บไข้ได้ป่วย ผู้ทุกข์ยากทั้งหลายอย่างไร

    เมื่อศิษย์สายของหลวงปู่โลกเทพอุดร ล้วนมากันแห่มารักษากันที่นี่

    เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่บุญบารมีของใคร ของมันก็แล้วกัน ผมก็คงช่วยได้เท่านี้

    ส่วนครูบาอาจารย์ ศิษย์สายตรงขององค์หลวงปู่ใหญ่ ที่เพิ่งจะมรณภาพไปเมื่อไม่นานมานี้
    “แม่หมอเทวดา” ท่านบอกว่า เป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของศิษย์ผู้หวังดีทั้งหลาย
    ที่ต่างพากันประเคน ยาดีของตัวเพื่อหวังบุญหวังกุศล กลับเกิดผลร้าย ทำให้ครูบาอาจารย์มรณภาพไปอย่างน่าเสียดาย

    จึงเป็นเหตุให้เกิดแรงบันดาลใจ ให้ผมเปิดเผยเรื่องนี้ ขึ้นมา เพราะไม่อยากให้ท่านอื่นๆต้องมาสลดใจอีกเหมือนผม

    ที่ทั้งครูบาอาจารย์ คนรู้จัก ญาติพี่น้องของรู้จักทั้งหลาย ต้องมาสิ้นสุดชีวิตในชาตินี้

    ทั้งๆที่ยังสามารถรักษาชีวิตให้ยืนยาวเพื่อจะได้ทำบุญสร้างกุศลได้อีกยาวนาน

    ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า

    หาหมอไม่เจอบ้าง
    ไปหลงเชื่อผู้มีคุณธรรมจากสำนักต่างๆบ้าง
    บางท่านเจอผมแล้วก็ไม่รู้จักเอ่ยปากขอความช่วยเหลือบ้าง

    ขออย่าได้ลืมว่า

    เจ้ากรรม นายเวรทั้งหลาย เขาก็มีฤทธิ์มีเดช ที่จะปกปิด ปิดบังซ่อนเร้น
    ไม่ให้ผู้ป่วยได้เจอหมอ ได้รับความช่วยเหลือได้ง่ายๆ

    ก็เป็นหน้าที่ของผู้มีบุญ มีบารมี มีจิตเป็นบุญ เป็นกุศล ที่จะช่วยเหลือเจือจุนผู้อื่นต่อๆไป

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่าน ที่มีจิตเป็นบุญเป็นกุศล ที่จะช่วยเหลือเกื้อกูล ให้ผู้อื่นหายทุกข์โศกโรคภัยทุกๆท่าน

    ขออนุโมทนา

    ขอขอบพระคุณครับ

    ลุงมหา


    -----------------------------------------------------------------------------------------------
    ประวัติหมอชีวกโกมารภัจจ์
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    (อ้างอิง ตามเว็บลิ้งค์ข้างล่างนะครับ)
    ชีวกโกมารภัจจ์ - วิกิพีเดีย
    หมอชีวกโกมารภัจจ์ เป็นบุตรของนางสาลวดี นครโสเภณีประจำเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ในสมัยนั้นตำแหน่งนี้มีเกียรติยศต่างจากในสมัยนี้ นางสาลวดีตั้งครรภ์โดยบังเอิญ
    เมื่อคลอดบุตรชายออกมาจึงสั่งให้สาวใช้นำไปทิ้ง แต่อภัยราชกุมาร พระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสารไปพบเข้า จึงนำมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
    ชื่อ ชีวก ตั้งขึ้นตามคำกราบทูลตอบคำถามของพระองค์ที่ตรัสถามว่า เด็กยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า มหาดเล็กกราบทูลว่า ยังมีชีวิตอยู่(ชีวโก)
    ส่วนคำว่า โกมารภัจจ์ แปลว่า กุมารที่ได้รับการเลี้ยงดู หรือ กุมารในราชสำนัก หมายถึง บุตรบุญธรรม นั่นเอง
    เมื่อเติบโตขึ้นชีวกถูกพวกเด็ก ๆ ในวังล้อเลียนว่า เจ้าลูกไม่มีพ่อ ด้วยความมานะ จึงหนีพระบิดาไปเรียนศิลปวิทยาที่เมืองตักสิลา เพื่อเอาชนะคำดูหมิ่น
    วิชาที่เลือกเรียนคือวิชาแพทย์ แต่เนื่องจากไม่มีค่าเล่าเรียน จึงอาสารับใช้พระอาจารย์ เมื่อเรียนอยู่ถึง 7 ปี จึงลาอาจารย์กลับบ้าน ระหว่างทางอาจารย์ให้ไปหาต้นไม้ที่ทำยาไม่ได้
    ให้เก็บตัวอย่างมาให้ดู ปรากฏว่ากลับมามือเปล่า เพราะต้นไม้ทุกต้นใช้ทำยาได้ อาจารย์บอกว่าเขาได้เรียนจบแล้ว จึงอนุญาตให้กลับได้
    หลังจากกลับเมืองมาแล้ว ได้รักษาพระเจ้าพิมพิสารให้หายขาดจากภคันทลาพาธ (โรคริดสีดวงทวาร)ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหมอหลวง และได้รับพระราชทานสวนมะม่วง
    แต่ต่อมาหมอชีวกก็ได้ถวายสวนนี้ให้พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย และได้ถวายตัวเป็นแพทย์ประจำพระองค์อีกด้วย
    ด้วยความที่เป็นคนบำเพ็ญแต่สิ่งที่ดีงาม ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย ไม่เลือกฐานะ จึงได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะ ในด้าน เป็นที่รักของปวงชน
    ในวงการแพทย์แผนโบราณในปัจจุบันนี้ ถือว่าหมอชีวกโกมารภัจจ์เป็น บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณ เป็นที่เคารพของประชาชนทั่วไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2012
  2. Anurak_Pokun

    Anurak_Pokun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +57
    ลุงมหาครับขอเบอร์โทรที่อยู่แม่หมอหน่อยครับ คิดว่าหยุดนี้จะไปครับ
    ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
     
  3. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ส่ง Pm มานะครับ

    ขออนุญาตครับ

    รบกวนถามมาที่ pm นะครับ

    จะให้เบอร์โทรผู้บอกทางด้วยครับ

    หรือจะบอกเบอร์ท่านมา จะได้โทรหาได้

    ขออนุโมทนาบุญในกุศลผลบุญใดๆที่ทุกๆท่านได้กระทำมา

    ขออนุโมทนา

    ขอขอบพระคุณครับ

    ลุงมหา

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2012
  4. Anurak_Pokun

    Anurak_Pokun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +57
    ได้รับข้อความแล้ว ขอบคุณมากครับ
     
  5. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    แนบแผนที่ดาวเทียม ตำบลโคคลาน ให้แล้วนะครับ

    ขออนุญาตครับ

    แนบแผนที่ดาวเทียม ตำบลโคคลาน อำเภอตาพระยา ให้แล้วนะครับ
    ดูที่หัวข้อ ก่อนหน้านี้ ลองขยายดูนะครับ

    ส่วนรูปแม่หมอเทวดา โหลดให้สองรอบยังไม่ไปเลย

    รถบัสทุกคัน ที่วิ่งสายนี้ คือสาย กรุงเทพ - ฉะเชิงเทรา - สระแก้ว - วัฒนานคร/อรัญประเทศ -
    บ้านโคคลาน - โนนดินแดง - นางรอง - บุรีรัม - สุรินทร์ - ศรีษะเกษ - อุบลราชธานี

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่าน

    ขออนุโมทนา

    ลุงมหา

     
  6. 479

    479 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +138
    มะเร็งเป็นเซลที่เติบโตรวดเร็วผิดปกติ จึงต้องการอาหารไปเลี้ยงเซลมะเร็งมากกว่าเซลร่างกายส่วนที่ปกติ เส้นโลหิตที่นำอาหารที่ย่อยแล้วที่ไปเลี้ยงบริเวณที่เป็นเป็นมะเร็งจึงขยายตัวตามไปด้วย ยาสมุนไพรที่ลดอาการของโรค(จากผลการตรวจโลหิตหลังรับประทานยาสมุนไพร นาน 2 เดือน เซลมะเร็งไม่เพิ่ม) ประกอบด้วย แก่นพรม 20 กรัม , แก่นฝาง 30 กรัม , กำแพง 7 ชั้น 30 กรัม , ชายสไบสีดา 30 กรัม(เอาส่วนที่เป็นเส้นใยคล้ายสก๊อตไบร์ท) , ใบกระวาน 1 ใบ
     
  7. THOMUS

    THOMUS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอความกรุณา คุณลุงมหา ช่วยกรูณาเเจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อ เเม่หมอเทวดา หน่อยครับ
     
  8. THOMUS

    THOMUS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบพระคุณ คุณลุงมหา ที่ช่วยกรุณาบอกสถานที่เเละเบอร์โทรศัพท์ของเเม่หมอเทวดา ขอบคุณครับ
     
  9. ปิยาจาโร

    ปิยาจาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +254
    pmไปหาลุงมหาแล้ว รอคำตอบจากลุงอยู่ค่ะ

    ขออนุโมทนาในบุญกุศลของลุงมหาด้วยค่ะ ที่ลุงมีจิตเมตตากับเราชาวเวป
    :cool:
     
  10. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    การรักษา ผู้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต

    ขออนุญาตครับ

    เนื่องจากมีสองท่านที่ได้ พีเอ็มเข้ามา เรื่องการรักษา ผู้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
    ผมก็ได้แนะนำ

    ศิษย์สายเทพพรหม ของปู่ชีวก ให้ไปแล้ว
    ซึ่งความจริงผมก็ได้ร่างไว้แล้ว ชื่อเรื่อง

    "ขอหยุดภัยพิบัติเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ศิษย์สายเทพพรหม ตอนที่2 หมอรักษาพระ"

    ครูบาอาจารย์ของผมท่านนี้ ท่านจะเก่งเรื่อง การรักษา กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นเลือด เส้นลม เส้นประสาท

    วิชาของท่านสูงส่งระดับ เปิดเส้นประสาทระบบสั่งงานกล้ามเนื้อเส้นเอ็นได้
    แต่ยังไม่ถึงขั้นต่อเส้นประสาทได้ และต่อเส้นเอ็นได้

    ส่วนกระดูกแตก กระดูกหัก ก็ต้องไปรักษากับอีกท่านหนึ่ง

    แน่นอนท่านสามารถรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายได้ด้วย
    และของผู้หญิงก็มีบางท่านมาขอกระซิบให้ช่วยรักษาเช่นเดียวกัน

    วิชาของครูบาอาจารย์นั้น จะมีข้อดี ข้อเด่นของแต่ละท่าน แต่มาจากต้นตอ คือปู่ชีวก เช่นเดียวกัน

    ส่วนค่ารักษาท่านไม่เรียกร้อง ให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ได้ เพราะท่านเป็นหมอรักษาพระ
    ท่านเลยใช้มาตรฐานเดียวกัน

    แต่รักษาพระท่านจะขาดทุน แต่ได้บุญเยอะกว่า เพราะรักษาฟรีแล้ว ยังต้องถวายน้ำปานะด้วย

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมทุกๆท่าน

    ขออนุโมทนา

    ขอขอบพระคุณครับ

    ลุงมหา

     
  11. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    โมทนาบุญกับคุณลุงมหาค่ะ ขอข้อมูลทางpmด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  12. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ขออธิบายขยายความเพิ่มเติมครับ

    ขออนุญาตครับ

    หลังจากที่รับการติดต่ิอ จากทั้งทาง พีเอ็ม และ ทางโทรศัพท์
    ผมจึงขออนุญาตอธิบายขยายความว่า

    คุณแม่เขียน "แม่หมอเทวดา" นั้นท่านไม่ใช่ "คนทรง"
    อย่างที่มีบางท่านเข้าใจ

    เมื่อท่านเป็นศิษย์สาย "หลวงปู่โลกเทพอุดร" ท่านย่อมมีการปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว
    เพียงแต่ท่านบอกว่า ท่านเป็นหมอ ท่านจึงไม่เก่งทางจิต เหมือนศิษย์ขององค์หลวงปู่ใหญ่ท่านอื่นๆ

    แต่ที่ผมเห็น ผมถามเรื่องบางเรื่องท่านก็ตอบได้แตกฉานเหมือนกัน

    ท่านบอกว่าเมื่อท่านปฏิบัติได้ ท่านก็เป็นหมอรักษาคนได้

    ความที่ท่านมีสายใยบารมี เชื่อมโยงกับ ปู่ชีวกะ ได้ อดีตชาติของท่านย่อมไม่ธรรมดา

    เคยมีคนขอเป็นศิษย์ท่าน ท่านตอบว่า "มันเป็นของใครของมัน มันถ่ายทอดให้คนอื่นไม่ได้"

    แต่ที่เห็น ท่านสามารถ เอกซ์เรย์ทางจิต
    ทั้งการมองโรคในกายคนป่วย
    ทั้งการมองเห็น เจ้ากรรมนายเวรของคนป่วย

    เคยเห็นท่านเมตตา บอกหมอท่านอื่นๆ ถึงวิธี "สั่งให้หายจากโรคด้วย"
    ก็ที่ท่านบอกไว้คราวก่อนว่า "โรงพยาบาลมียาเยอะแยะ แต่มันรักษาไม่หาย"
    เพราะ "เป็นโรคกรรม จึงต้องมี เจ้าของยา มีหมอยาด้วย จึงจะรักษาโรคให้หายได้"

    ก็เพราะท่านมี บุญบารมีของหมอยา ของเจ้าของยานี่ละครับ
    ท่านจึงสั่งให้หายจากโรคได้

    เพราะฉะนั้น ก็ไม่ต้องมาถามผมอีกว่า "คนป๋วยไม่ไปได้ไหม ป๋วยหนัก เดินทางไม่สะดวก"
    ทำไมต้องไปหาหมอ ทำไมต้องมาให้ถึงมือหมอ "แม่หมอเทวดา" ผู้มากบุญบารมีในการรักษาผู้คน ที่ป่วยที่ไข้ท่านนี้

    หรือท่านจะเสี่ยง ให้ผู้อื่นมาแทน มารับยาแทน ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ
    หรือว่ามีโรงพยาบาลไหนในโลก ที่รักษาโดย ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องเจอคนป่วยบ้าง

    ก็คิดเอากันนะครับ จะรักษาแบบครบถ้วย ด้วยการให้คนป่วยได้เจอหมอ
    หรือจะเอาแบบไม่ครบถ้วน ด้วยการให้ผู้อื่นมารับยาแทน ก็แล้วแต่ท่าน

    เหมือนที่ผมได้บอกไว้คราวก่อน "ผมก็คงช่วยได้เท่านี้"

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่านที่มีเจตนาอันดี อันจริงใจ ที่จะช่วยให้ผู้อื่น หายทุกโศกโรคภัยทุกๆท่าน

    ขออนุโมทนา

    ขอขอบพระคุณครับ

    ลุงมหา

     
  13. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    อุปสรรค ในการเข้าถึง "การรักษาให้ถูกโรค ถูกหมอ"

    ขออนุญาตครับ

    เรื่องการนำคนป่วยไปรักษา หรือ การเผื่อแผ่ บอกข่าวแนะนำให้ผู้ป่วย ให้ได้รับการรักษาให้ถูกโรค ถูกหมอนั้น

    ย่อมมีอุปสรรคมากมาย เนื่องมาจากสาเหตุ ใหญ่ดังต่อไปนี้


    1. เจ้ากรรมนายเวรจะขัดขวางทุกวิธีทาง เช่น ดลจิต ดลใจให้ ผู้แนะนำ ญาติพี่น้องของผู้ป่วย
    หรือแม้แต่ตัวผู้ป่วยเอง เกิดความไม่เชื่อถือ ไปจนถึงการทะเลาะเบาะแว้งกันเอง
    หรือแม้แต่ การดลจิต ดลใจให้ ผู้ป่วย หรือผู้พาไป เกิดการร้อนรุ่มกังวลใจ ท้อแท้ แม้แต่ไปใกล้ถึงแล้ว
    ก็มีเหตุต้องยกเลิกกลางคัน หันหัวรถกลับบ้านเสีย

    2. เมื่อผู้ป่วยตายไปใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์บ้าง เขาก็ทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
    เช่น ผมเคยได้รับการขอร้องจากพระที่ให้ความเคารพนับถือ ให้ช่วยหาวิธีรักษา เด็กที่มี พ่อ แม่ที่เสียชีวิต เพราะเป็นโรคเอดด์
    ท่านอ้างว่ายายของเด็กทำบุญใส่บาตรท่านตลอดมา ตั้งแต่สร้างวัดใหม่ๆ

    เมื่อผมนำยาไปให้นั้น ยายแกก็น้ำตาคลอเบ้าด้วยความดีใจ ต่อมาเมื่อไปติดตามถามข่าว จึงรู้ว่า ลุงป้า น้าอา ของเด็ก
    ขัดขวางทุกวิธีทางเพื่อไม่ให้เด็กได้รับการรักษา ยายแกก็ได้แต่ซึมเซา น้ำตาคลอเบ้าสงสารหลาน

    เมื่อผมเห็นกริยาอาการของ ลุงป้า น้าอา ของเด็กถึงได้เข้าใจว่า
    ที่เขาอ้างต่างๆ นาๆ เพื่อขัดขวางไม่ให้เด็กได้รับการรักษานั้น
    ก็เพราะว่า เมื่อยายตาย เมื่อเด็กตาย มรดกทั้งหมดก็จะตกอยู่กับเขา เหมือนในนิยายน้ำเน่านั่นละครับ

    3. อีกเรื่องที่เจอบ่อยคือ ผัวหนุ่ม เมียสาว เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อยู่ในอาการป่วยหนัก
    ถ้าอีกฝ่าย รักกันจริง มีความตั้งใจจริง ที่จะดูแลรักษาให้อีกฝ่ายหนึ่ง หายป่วยหายไข้ อธิฐานเช้าเย็น
    ขอให้ได้เจอ หมอที่เก่งกาจ ที่เรียกว่า “ถูกโรค ถูกหมอ” ก็คงได้เจอหมอ ได้หายจากโรค สมความตั้งใจ

    แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่รักกันจริง ไม่ยอมทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะให้ผู้ป่วยได้มีสิทธิ์เจอหมอ
    แล้วผู้ป่วยจะหายจากโรคได้อย่างไร เพราะคู่ครองแต่ละฝ่าย ไม่สมควรมีคำพูดที่ว่า
    “ยังไม่มีเวลาว่าง” เมื่อคู่ครองของท่าน ล้มหมอนนอนเสื่อ หรือแม้แต่นอนรอวันตาย
    ถ้าท่านรักกันจริง คำว่า “ยังไม่มีเวลาว่าง” ไม่สมควรเกิดขึ้น

    ก็ต้องรอให้ ญาติพี่น้องของผู้ป่วยโน่นละครับ เข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือ

    4. ตัวผู้ป่วยเอง ในรายที่ป่วยหนักมากๆ เขาถูกเจ้ากรรมนายเวรรุม กระหน่ำทำร้าย แล้วเขาจะช่วยตัวเองได้อย่างไร

    ก็เป็นหน้าที่ ของญาติพี่น้อง มิตรสหายผู้หวังดี และจริงใจเท่านั้น จึงจะเต็มใจเข้ามาช่วยเหลือได้

    อย่าได้ลืมที่คนโบราณ เขาชอบใช้กันนะครับ เช่น ให้ญาติผู้ใหญ่ และ/หรือ ให้พระ ที่เคารพนับถือ
    เป็นผู้ไปเกลี้ยกล่อมพาไป (เป็นหลายๆคันรถก็ยิ่งดี) เพื่อจะได้ช่วยกันออกแรงต้าน พลังของเจ้ากรรมนายเวรด้วย

    5. การบอกว่า จะพาไปเที่ยว พาไปเยี่ยมญาติ พาไปกราบพระ ก็เป็นกุศโลบายที่ดี พอไปใกล้ก็พาไปหาหมอเลย

    วิธีนี้ก็จะช่วยลดแรงต้าน ด้านต่างๆได้ดีเช่นกัน

    6. ตราบใดที่ท่านยังไม่สามารถนำพาคนป่วยไปรักษาให้ “ถูกโรค ถูกหมอ”
    ท่านอย่าได้เอ่ยอ้างหลอกตัวเองไปวันๆว่า

    “ท่านรู้แล้ว ท่านเข้าใจแล้ว ว่างๆจะพาคนป่วยไปรักษา”

    7. อย่าได้วิตกกังวลว่า รักษาได้จริงหรือ รักษาได้หายแน่หรือ

    ความเป็นศิษย์สาย หลวงปู่ใหญ่(หลวงปู่โลกเทพอุดร)

    ความเป็นศิษย์สาย ปู่หมอชีวก

    ก็บอก ก็รับประกัน ในตัวหมออยู่แล้ว

    อันนี้เป็นหน้าที่ของหมอที่จะทำการรักษาครับ ไม่ใช่หน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใด

    หน้าที่ของท่านเพียงแต่นำพาผู้ป่วย หรือตัวท่านเอง ให้ไปถึงมือหมอเท่านั้น


    จากประสบการที่นำพาคนไปรักษาจำนวนมากนั้น โรคที่คนทั่วไปพาคิดว่า รักษายาก รักษาไม่ได้

    สามอันดับแรก คือ โรคเอดด์, โรคมะเร็ง และโรคตับนั้น
    กลับพบว่า รักษาได้ง่ายและเห็นผล ได้ผลเร็วที่สุด

    เท่านี้ก็พอ เป็นแนวทางให้ ท่านที่มีผู้อันเป็นที่รักที่ป่วยไข้ทั้งหลาย หรืแม้แต่ตัวผู้ป่วยเอง ได้พิจารนาได้ไตร่ตรองว่า
    ญาติสนิท มิตรสหาย ของท่าน ได้รับการดูแล เอาใจใส่อย่างเพียงพอหรือไม่

    หรือเป็นท่านที่ต้องออกโรงช่วยเหลือ เขาผู้นั้น ด้วยตัวท่านเอง


    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมทุกๆท่านที่มองเห็น ที่มีความคิดความเข้าใจว่า

    แม้เจ้ากรรมนายเวรเขาจะมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะทวงหนี้เวรหนี้กรรมของเขา
    แต่เราก็มีหน้าที่อันชอบธรรมที่จะทำการรักษา ผู้ป่วย ผู้เป็นที่รักของเรา
    ให้หายขาด ให้พ้นจากการทวงหนี้เวร หนี้กรรมอันนั้น เช่นเดียวกัน


    เมื่อหายป่วยหายขาดแล้ว ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของผู้ป่วย ที่จะทำบุญสร้างกุศล
    เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อทดแทนเพื่อชดเชยด้วยตนเองต่อไป

    ขออนุโมทนา
    ขอขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา

     
  14. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    การรักษาโรคกรรม ของ "แม่หมอเทวดา" เพิ่มเติม

    แม่หมอเทวดา เพิ่มเติม

    ภาคเวรภาคกรรม

    - หมอไม่ได้คิดว่า ทุกท่านที่มาหาเป็นผู้ป่วย แต่หมอคิดว่า ทุกท่านที่มาหาต่างก็มีกรรม
    มีมากก็ดูเหมือนว่าป่วยมาก มีน้อยก็ดูเหมือนว่าป่วยน้อย ดังนั้นจึงสามารถรักษาให้หายได้ ทั้งหมด
    - ในรายที่ไม่ตายนั้น จะสามารถรักษาให้หายได้ทั้งหมด ขอเพียงแต่ให้ทานยาต้มตามที่สั่ง และปฏิบัติ ตามข้อห้ามต่างๆให้เคร่งครัด
    - คนจะมีกรรมติดตัวมาตั้งแต่เกิด มากบ้าง น้อยบ้าง แต่มีกันทุกๆคน
    - เป็นเรื่องของธรรมชาติจัดสรร

    - ทุกท่านที่มาหาหมอนั้น ท่านถือว่า ทุกๆท่านมาปลดกรรม มาทำใจให้รับทราบผลกรรมของตน
    - ให้เข้าใจ ให้คุ้นเคย ทำใจให้ยอมรับมัน
    - เจ้ากรรมนายเวรนั้น พอเห็นเราอยู่ดีมีสุข เขาก็จะเริ่มเบียดเบียนเรา มาแบ่งเรากิน มาแบ่งเราใช้
    บางครั้ง เอามากกว่าตัวเราเสียอีก
    - โรคกรรมนั้น ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด แล้วมาเบียดเบียนเอาภายหลัง
    - โรคกรรมนั้น เขาจะมาแฝงตัวอยู่กับเรา ให้เรา ดูแลเขา เขาก็ดูแลเราไปพร้อมๆกัน โดยไม่สามารถเลี่ยงได้

    - เมื่อเขาเห็นเรา มีความเจริญก้าวหน้า มีงาน มีเงิน มีความสะดวกสบาย เขาก็จะเริ่มเบียดเบียนเรา
    - ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยทั้งหลาย ต่างก็ได้รับผลกรรมร่วมกันทั้งหมด มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไป
    - คนที่ตาย ก็คือคนที่ไม่หาย คนที่หายก็คือคนที่ไม่ตาย ก็จะรู้กันในช่วงที่ดื่มยากินยาของหมอนี่ละ
    - ผู้ปฏิบัติตามคำบอก คำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด ก็หาย ปฏิบัติไม่ได้ก็ไม่หาย ก็ตาย เท่านี้ล่ะ

    - เมื่อท่านยาของหมอแล้ว จะมีอาการดีขึ้น คนป่วยจะรู้ตัวดีที่สุด
    ขา แขน จะค่อยๆหายชา จะค่อยๆมีแรงมากขึ้นๆ จนสามารถเดินเหินได้ด้วยตัวเอง
    - ถ้าดีขึ้นไม่เจ็บ ไม่ปวด ก็ให้หยุดการรักษาทางโรงพยาบาลเสีย เพราะมันรักษาไม่ได้ เสียเงินเปล่า

    - แมลง กับมะเร็ง ก็เป็น มะ เหมือนกัน ถ้าอยู่บนต้นไม้เรียกว่า แมลง ถ้าเป็นเชื้อโรคอยู่ในตัวเราเรียกว่า มะเร็ง
    จะเป็นประเภททำลายเช่นเดียวกับตัวด้วงที่กัดกินเนื้อไม้ เมื่อมันมีตัวเชื้อโรค มันก็ต้องทำรัง ทำที่อยู่ของมัน
    ทำให้เราต้องเจ็บต้องปวด ต้องทรมาน เมื่อเชื้อถูกขับออกจากร่างกาย ก็จะเหลือแต่รังเปล่าๆ
    ตัวรังก็จะถูกขับออกมาด้วย ทำให้เราหายจากโรค หายจากการเจ็บ การปวด

    - ท่านที่ป่วยจากโรคกรรม ท่านที่ป่วยมาตั้งแต่เกิด จะสามารถรักษาวิธีนี้ให้หายได้ง่ายกว่า ท่านที่ป่วยด้วยอุบัติเหตุประเภทต่างๆ
    - โรคเวร โรคกรรมนี้ มันเหนือมนุษย์ จะไปกำหนด จะไปควบคุมอะไรไม่ได้ เพราะมันเป็นคู่กรรม
    - ที่ท่านมาหาหมอนี้ ท่านมาปลดกรรมของท่าน ไม่ว่าท่านจะเข้าใจว่า ท่านเป็นโรคอะไรก็ช่าง
    เมื่อท่านปลดกรรมออกแล้ว ท่านก็จะหายป่วยหายไข้ไปได้เอง
    - การรักษากับทางโรงพยาบาลนั้น ยิ่งรักษา เช่น ฉายแสง ผ่าตัด ฉีดครีโม
    เหมือนเราไปสู้ไปเบียดเบียน เจ้ากรรมนายเวรมากยิ่งขึ้น ทั้งตัวเรา ทั้งตัวเขา
    ต่างก็ได้รับผลกรรมมากยิ่งขึ้น ต่างก็เดือดร้อนมากยิ่งขึ้น เสียเงิน เสียทอง เจ็บตัวมากยิ่งขึ้น

    - ยาต้มของหมอนี้ จะค่อยๆขับตัวเชื้อออกจากร่างกาย ขับออกไปเรื่อยๆจนหมด ก็จะหายป่วยได้เอง
    - ผู้ป่วยเพียงแต่ ต้มยาทานแทนน้ำ งดอาหารที่เป็นของแสลงทั้งหลายก็จะหายป่วยได้เอง
    - ผู้คนต่างก็มีกรรมเป็นของๆตัว ตัวหมอเอง เขาก็จัดสรรมาให้มารักษาผู้มีกรรม แต่ละผู้คนก็ทำหน้าที่ของตนเอง
    - ขอให้ระลึก ขอให้อธิฐานว่า ท่านมา”ขอหาย” ไม่ได้มารักษาโรค ไม่ได้เกี่ยวกับโรคใดๆ
    ขอให้ระลึก ขอให้ถือว่าโรคใดๆที่ท่านคิดว่าท่านเป็นนั้น

    เป็นแต่เพียงแค่ชื่อของอาการที่เกิดจาก กรรมที่ท่านได้ทำเอาไว้แล้วเท่านั้น

    - อธิฐาน “ขอหาย” ทุกครั้งที่ต้มยา ที่ดื่มยา จะช่วยให้หายเร็วยิ่งขึ้น
    - ถ้าท่านป่วยตามธรรมชาติที่เป็นโรคกรรม รักษาด้วยวิธีนี้ได้ แต่ถ้าท่านป่วยโดยอุบัติเหตุ รักษาด้วยวิธีนี้ไม่ได้
    - โรคที่เป็นโรคกรรม ที่เป็นมาตั้งแต่เกิด สามารถรักษาได้
    - เมื่อเจ้ากรรมนายเวรเขาสามารถทวงหนี้กรรมของเขาได้ หมอก็มีบุญบารมีของหมอที่จะทำการรักษาได้เช่นเดียวกัน

    อย่าได้ลังเล อย่าได้สงสัย อย่าได้ข้องใจว่า จะรักษาได้ไหมหนอ

    - เมื่อท่านมีบุญบารมีที่จะหาหมอเจอ ท่านก็มีบุญบารมีที่จะหายจากโรคได้เช่นเดียวกัน

    - บุญไม่มี บารมีไม่พอ หาหมอไม่เจอ ก็รักษาโรคกรรมไม่หาย

    งดเว้นอาหารที่เชื้อมะเร็งชอบ

    - ปลาทะเล อาหารทะเลทุกชนิด
    - ผลไม้ที่มีมันเยอะ เช่น ทุเรียน ลำไย สับปะรด ขนุน
    - ผัก ผลไม้ ที่มีต้นเป็นเครือ เป็นไม้เลื้อย ทุกชนิด รวมถึงผักบุ้งธรรมชาติ

    อาหารที่สามารถรับทานได้

    - การทานอาหารเจก็ดีอยู่ แต่ยังไม่ดีพอ ให้งดทานอาหารที่หมอแนะนำด้วย
    - ปลานิล ปลาทับทิม ปลาตะเพียน ปลาขาว
    - เห็ดทุกชนิดที่คนทั่วไปทานได้
    - ประเภทผัก หอม กระเทียม ตะไคร้ สกุลผักกาดทุกชนิด ผักชี ผักกวางตุ้ง ผักบุ้งจีน แคร่อด ผักกระหร่ำ ผักคะน้า ดอกแค ผักมะรุม ผักหวาน
    - จะต้ม จะยำ จะแกง ทำได้หมด
    - ผักบุ้งที่เขาปลูกขาย(เป็นต้นๆ)

    วิธีต้มยา

    - ให้ต้มยาดื่มแทนน้ำทุกๆวัน ตลอดระยะเวลาที่ทานยา
    - การต้มยา การเริ่มทานยาให้ต้มวันไหนก็ได้ ยกเว้นวันพระ ต้องไม่เริ่มต้มยาดื่มยาวันพระ
    - วันเปลี่ยนยา ถ้าตรงกับวันพระ ให้ต้มดื่มต่อไปอีก 1 วัน พ้นวันพระแล้ว ค่อยเปลื่ยนยามัดใหม่
    - การเปลี่ยนยา ให้เปลี่ยนยาตามหมอสั่ง คือดื่มครบ 6วัน วันที่ 7 ให้เปลี่ยนยามัดใหม่

    - การต้มยา ห้ามเปลี่ยนคนต้มยา ต้มแทนกันไม่ได้
    - การต้มยา ห้ามเปลี่ยนหม้อต้มยา ให้ใช้หม้ออันเดียวเท่านั้น

    - ห้ามใช้หม้อดินต้มยา เพราะแตกง่าย
    - ให้ใช้ขนาดหม้อให้เหมาะสม ตามปริมาณ น้ำที่คนป่วยดื่มในแต่ละวัน
    โดยปรกติ ผู้ชาย ดื่มน้ำให้ได้ 3 ลิตร ต่อวัน
    ผู้หญิง ดื่มให้ได้วันละ 2 ลิตร
    ยิ่งดื่มมาก เชื้อยิ่งออกจากร่างกายได้มาก ได้เร็วขึ้นตามไปด้วย ก็จะหายง่าย หายเร็วยิ่งขึ้น

    - ยาจะมี 16 มัด เปลี่ยนยาทุกๆ 7 วัน (ยามัดหนึ่ง ต้มดื่ม 6 วันๆที่ 7 เปลี่ยนยามัดใหม่)
    เพราะฉะนั้น 16X6 = 96 วัน (ประมาณ 100 วัน)

    - การต้มยาสองวันแรก ไม่ต้องต้มนาน เพราะยายังใหม่อยู่ ยาจะละลายออกมาผสมน้ำได้เร็ว(ให้สังเกตสีของน้ำ)
    - การต้มยาวันที่สามขึ้นไป ให้ต้มนานหน่อย เพราะยาจะละลายออกมาได้ช้าลง(สีของน้ำจะจางลง)

    - มัดยาที่ต้มดื่มครบวันแล้ว สามารถนำไปต้มอีกหม้อหนึ่ง เพื่อล้างหน้า หรือเพื่อล้างแผลภายนอก
    หรือเพื่อชำระเชื้อโรคที่ออกมากับเหงื่อ หรือลูบด้วยมือแตะตรงที่เจ็บปวด พร้อมกับอธิฐานว่า หายๆๆ

    ช่วงที่ผมเข้าไปเยี่ยมแม่หมอเทวดานั้น ประมาณ 11:30 ถึง 14:00 นั้นพบว่า
    มีรถพาคนป่วยและญาติๆ เข้ามา 3คณะ รวม 4 คันรถ รถเก่ง 2 รถตู้1 รถปิคอั๊พ 1

    รถเก่งสองคันมาด้วยกัน ตัวผู้ป่วย พร้อมญาติ มา 1 คัน อีกคันเป็น ของญาติฝ่ายภรรยา
    ได้รับการแนะนำจากเพื่อนของภรรยาผู้ป่วย กว่าจะคะยั้นคะยอพากันมาได้
    ก็ต้องออกแรงจากญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ด้วยเหตุผลอยากให้ได้หายป่วยหายไข้
    กลับมาทำคุณงามความดี เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียอีกครั้ง
    ถ้ามาที่นี่แล้วไม่หาย จะไม่พาไปที่ไหนอีก ขอเป็นครั้งสุดท้าย
    โดยเฉพาะคุณแม่ของฝ่ายภรรยานั้น มีความเข้าใจในเรื่องกรรม ในเรื่องกุศลผลบุญ ดีมากๆ

    รถตู้ 1 คัน มาจาก โคราช เป็นผู้หญิง สูงอายุเป็นมะเร็งในมดลูก แนะนำและพามาโดยผู้ป่วยที่เคยมารักษาที่นี่
    ตอนใกล้จะกลับผมก็ไปส่ง ผมจำไม่ไดว่าผมพูดว่าอย่างไร คนบนรถพากันลงมารับการรักษาอีกสองคน

    ส่วนรถปิ๊คอัพ คันสุดท้าย เป็นหญิงวัยใกล้ 60 ทั้งคู่ พากันมา คนหนึ่งหน้าตาซืดขาว อีกคนหน้าตาซืดดำ
    ได้รับคำแนะนำจาก ผู้ที่เคยมารักษาที่นี่
    พากันเช่ารถมาแค่สองคน ถามทางมาเรื่อยๆ จนเจอ

    ไปเยื่ยมแม่หมอเทวดาคราวนี้ เห็นท่านเมตตานั่งพูด นั่งอธิบาย เรื่องราวต่างๆ ให้ทั้งผู้ป่วยและคณะญาติ
    คณะแล้ว คณะเล่า อย่างไม่รู่เหน็ดรู้เหนื่อย
    ว่างๆท่านก็ทอเสื่อของท่านไปตามประสาชาวชนบททั่วๆไป

    เห็นศิษย์สายเทพสายพรหม ผู้ทุ่มเทช่วยเหลือผู้อื่น อย่างขยันขันแข็ง เพื่อแลกกับเงินค่าครูเพียงแค่ 5 บาท
    แล้วก็อดที่จะเปรียบเทียบกับคุณหมอ ผู้ที่มีการศึกษาสูงๆ ผู้ถือเข็มฉีดยา ฉีดทีได้เป็นหมื่นเป็นแสน
    แถมยังรักษาไม่หายซะอีก

    เสด็จปู่ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นพระบิดาแห่ง “การแพทย์แผนใหม่” ท่านจะทรงทราบไหมหนอว่า
    การแพทย์ที่ท่านเริ่มต้นไว้นั้น จะเดินทางมาถึงตรงนี้ ตรงที่การแพทย์นั้น เบียดเบียนประชาชนพลเมืองของท่าน
    เบียดเบียนประเทศชาติของท่านที่ต้องเสียเงินเสียทองไปซื้อยาจากต่างประเทศเป็นจำนวนมหาศาลหลายแสนล้านบาทต่อปี

    ให้ระลึกนึกถึง เพื่อนสตรี ที่น้องชายของท่านมาบ่นให้ฟังว่า ทนทำความดีต่อไปไม่ไหว
    เพราะเพื่อนหมอรุ่นเดียวกัน นั่งเบ้นซ์ นั่งบีเอ็ม รุ่นใหม่ๆ ป้ายแดงกันอีกแล้ว ขออนุญาตรวยบ้างอย่าว่ากันนะ

    ทำให้ผมรำลึกนึกถึง คลินิกแถวๆ อ้อมน้อย ที่ผมไปทำงานตอนจบ ปวส ใหม่ๆ
    ผู้ร้าย มีปืน ปล้นเอาเงินผู้คน “ผิดกฎหมาย”
    หมอ มีเข็มฉีดยา ปล้นเอาเงินผู้คน “ถูกกฎหมาย”

    ใครเป็นผู้มีบุญ มีวาสนา อยากใช้เงิน 5 บาท รักษาทุกโรค (เฉพาะโรคเวรโรคกรรม) ขอขอเชิญไปพบ ไปหา แม่หมอเทวดา กันนะครับ

    ส่วนท่านผู้ใด จะยอมเสียเงินเสียทอง ให้เขาปล้นถูกกฎหมายก่อน ก็ตามใจ

    ส่วนใครจะเมตตาผู้อื่น ด้วยการแนะนำผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก หรือใครจะวางเฉยก็ตามอัธยาศัย มันบังคับกันไม่ได้

    ท้ายนี้ก็ขออนุญาตเตือนสติญาติธรรมชาวเว็บ

    ใครที่เที่ยวแต่ตำหนิ ติ เตียนผู้อื่น โดยลืมนึกถึงว่า ตนมีภูมิรู้ภูมิธรรมขนาดไหน ตนมีคุณงามความดีขนาดไหน
    ก็ขอให้รำลึกนึกถึงบ้างว่า เข้ามาในเว็บแล้ว ท่านทำประโยชน์อะไรให้ญาติธรรมชาวเว็บบ้าง
    เดี๋ยวเขาไล่อ่านดูว่า ท่านเขียน ท่านแสดงความคิด ความเห็นอะไรไว้บ้าง

    ผู้มีปัญญาเขาก็รู้เองว่าอะไรเป็นอะไร

    คนมีปัญญาเขาเข้ามาในเว็บ เขาเข้ามาเก็บเกี่ยวหาความรู้ หาสิ่งที่ดี หาสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล หาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น

    เขาย่อมมีสติพิจารนา ไตร่ตรอง ได้เองว่า ใคร ทำอะไร ดี ชั่ว ถูก ผิด อย่างไร

    ส่วนท่านที่คิดว่า “ล้มไอ้นี่ได้ กูดังแน่” อันนั้นเป็นความคิดของอันธพาลปากซอยเท่านั้นเอง อย่าได้ไปพูดถึง ธรรม กุศล ผล บุญ ใดๆเลย

    ส่วนท่านที่ ติดต่อ เทพเจ้าก็ดี ครูบาอาจารย์ที่ไม่มีตัวตน ก็ดี ขอให้ท่านพิจารนาให้จงหนักว่า

    ท่านหาครูบาอาจารย์ที่ท่านมีตัว มีตนไม่ได้แล้วหรือ
    ท่านเอาอะไรเป็นข้อพินิจพิจารนา อะไรจริง อะไรเท็จ เท็จเมื่อไร จริงเมื่อไร

    ท่านนั่งนึกเองท่านเห็นเอง ไม่เป็นไร แต่เห็นแล้วเที่ยวไปบอกคนอื่น ขอให้ท่านพิจารนาด้วยว่า

    คนอื่นเขามีบุญบารมีมากกว่าท่านไหม

    ถ้าท่านมีญาณจริง เห็นเลขตัวไหนให้เขียนไว้ พอหวยออก มันตรงไหม มันตรงกี่หลัก มันตรงติดกันได้กี่งวด ท่านบอกล่วงหน้าได้นานกี่วัน ถึงสิบวันไหม

    อันบ้องไม้ไผ่นั้น เหลาลงไปก็กลายเป็นบ้องกัญชาได้เช่นเดียวกัน

    เพราะฉะนั้น แต่ละท่านต้องหมั่นตรวจสอบด้วยว่า เมื่อไรบ้องไม้ไผ่จะกลายเป็นบ้องกัญชา
    เมื่ิอไรที่ท่านเริ่มต้นมาดีแล้วจะกลายเป็นท่านหลงทางเสียเอง

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมผู้มีจิตอันกว้างขวางยิ่งใหญ่
    ที่จะช่วยเหลือเจือจุนให้ผู้อื่นพ้นบ่วงกรรมในรูปของความเจ็บไข้ได้ป่วยทั้งหลาย

    ขออนุโมทนา

    ขอขอบพระคุณครับ

    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2012
  15. เพื่อนใหม่

    เพื่อนใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +341
    ลุงมหาช่วยแนะนำด้วยครับ

    แม่ผมอายุ 70 กว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง ช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ ต้องใช่เหล็ก 4 ขาช่วยประครองเดิน แขนข้างขวาไม่มีแรง ลุงมหาช่วยแนะนำด้วยครับ
     
  16. nok07

    nok07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +330
    รบกวนลุงมหา ส่งเบอร์โทร แม่เขียน และที่อยู่ทาง PM ให้ด้วยครับ

    มีคนรู้จักเป็นโรคตับ
     
  17. โสภีโสภา

    โสภีโสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +256
    ได้รับแล้วนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ อนุโมทนาบุญกับลุงมหาค่ะ
     
  18. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ครูบาอาจารย์ผู้เมตตา ช่วยแนะนำ รักษา ผู้ป่วย เป็นร้อยๆคน


    ขออนุญาตครับ

    ผมขึ้นอีสานสองสามวันปลายมีนาที่ผ่านมา ได้มีโอกาสกราบนมัสการครูบาอาจารย์สายธรรมยุติ
    ที่ผมเคยนำพาท่านไปรับการรักษากับ แม่หมอเทวดา
    แล้วต่อมาท่านก็ได้โปรดญาติโยม ทั้งช่วยบอกข่าว ทั้งพาไปรักษา
    ทั้งไปรับยามารักษา ทั้งโทรไปสั่งให้ แม่หมอเทวดา ส่งยามาให้ทางไปรษณีย์

    ผมกราบเรียนถามท่านว่า ท่านช่วยรักษาคนไปแล้วเท่าไร


    ท่านตอบว่า “เป็นร้อยๆคน”

    ผมกราบเรียนถามท่านว่า เดือนหนึ่งๆท่านไปหาหมอเทวดากี่ครั้ง

    ท่านตอบว่า “บางเดือนไปสามครั้ง”

    “ไปแต่ละครั้ง เดินทางไปกลับ หกร้อยกว่ากิโลเมตร บ้านนอกรถก็มีแบบเครื่องดีเซลเก่าๆ”
    “วิ่งก็วิ่งช้า 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้นเอง”

    “ค่าเช่ารถ ค่าน้ำมันก็หลายพัน ท่านก็เลยคิดค่ายา สองเท่า ได้เท่าทุนบ้าง ขาดทุนบ้าง ถัวกันไป”


    ผมกราบเรียนถามท่านว่า “ช่วยรักษาคนไปเป็นร้อย แล้วบอกคนไปแล้วเท่าไร?

    ท่านตอบว่า “บอกไปเป็นพันๆคน มันเมื่อย มันท้อก็ตรงนี้ละ ตรงที่ต้องดูคนที่ไม่เชื่อแล้วตายไปต่อหน้าต่อตา”
    “แถมยังต้องไปสวดศพให้เขาอีก บอกก็ไม่เชื่อ เห็นคนอื่นเขาหายก็ไม่เชื่อ เจ้ากรรม นายเวรมันแน่จริงๆ”


    แม้ทุกวันนี้ ท่านก็บอกผู้มีบุญวาสนาอยู่เสมอๆ แต่ให้ไปหาหมอเทวดาเอาเอง

    ท่านจะมีข้อห้าม แบบโบราณที่หมอเทวดา ท่านไม่ค่อยบอกใคร กลัวว่า คนป่วยจะลำบากเกินไป

    ผมก็เลยขออนุญาต ถ่ายภาพแผ่นบันทึกที่ท่าน จดรวบรวมมาจากที่ท่านพูดคุยกับ แม่หมอเทวดา เป็นสิบๆครั้ง

    ตามที่ผมได้ถอดมาทุกตัวอักษร ตามต้นฉบับเดิมของท่าน ข้างล่างนะครับ


    - ถ้ามีความศรัทธา ความเชื่อมั่น อธิฐานให้หายจากโรคอย่างเดียว
    - แต่งขันธ์ห้าเมื่อรับยา จุดธูป ๙ ดอกบอกกล่าวปู่หมอชีวกโกมารภัท หลวงปู่ใหญ่(หลวงปู่โลกเทพอุดร)และแม่หมอเทวดา
    - นึ่งยาให้สุก ประมาณ 30 นาที (เตาถ่าน, น้ำเดือด) หรือ 20-25 นาที (เตาแก๊ส, น้ำเดือด)
    - ใช้กาต้มน้ำขนาดใหญ่ ก้นกาเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 ½ นิ้ว, ใส่น้ำประมาณ 3 ½ ลิตร
    - ต้มยาครั้งแรก 12 นาที, ครั้งต่อไป 9 นาที (เตาถ่าน, น้ำเดือด) หรือ 2 ½ นาที (เตาแก๊ส, น้ำเดือด)
    - ห้ามเปลี่ยนยาวันพระ
    - กินยาแทนน้ำดื่ม ประมาณชั่วโมงละแก้ว(220 ซีซี)
    - ปลานิล, ตะเพียน, ปลาทับทิม, ปลาสร้อย(ปลาน้ำจืดมีเกล็ดตัวแบนๆ) กินได้
    - เห็ดปลูกกินได้ ถ้ากินเจจะหายเร็วขึ้น
    - ห้ามกินเนื้อสัตว์ใหญ่, สัตว์ปีก, หน่อไม้, ของหมักดอง, เหล้า, เบียร์, น้ำชา, กาแฟ, น้ำอัดลม, เครื่องดื่มชูกำลัง(เอ็ม 100,ลิโพฯ)
    - ผักเป็นเครือ เป็นเถาว์ เป็นขน เป็นแขน เป็นขา เช่น ตำลึง, ฟัก, ฟักทอง, แตงกวา ฯลฯ ห้ามกิน
    - ห้ามไปงานศพ ถ้าไปห้ามดื่ม หรือทานอาหารในงาน
    - ถ้าส่วนหนึ่งหรือส่วนใดของร่างกายเจ็บปวด หรือบวมพอง ให้ใช้ยาทา(ลูบ)ภายนอก – ให้ปัดลง(ออกไปทางปลายเท้า) อธิฐานให้หายเจ็บหายปวด
    - หางยา(ยาที่ต้มดื่มครบ7วันแล้ว) ต้มอาบ หรือ ให้คนอื่นไป อธิฐานต้มดื่มรักษาโรคต่างๆได้
    - ยาตัดราก(ยาสำหรับต้มกินมัดสุดท้าย)ต้มทาน 7 วัน, วันสุดท้าย ให้กิน 1 แก้ว แล้วค่ำหม้อยา
    - อธิฐานให้ หายจากโรคภัยต่างๆ อะไรที่ดีๆให้อธิฐานเอา
    - ยานี้ กินขณะยาเย็น ไม่ร้อนจัด ไม่เย็นจัดเกินไป
    - เบอร์โทรแม่หมอเทวดา 081-075-1477

    ท่านผู้ใดอยากได้รายละเอียด ทำตามให้ครบถ้วนก็พิจารนาเอากันนะครับ

    ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอแม่หมอเทวดา ท่านได้บอก ผู้มารับการรักษาว่า

    "ถ้ากินยาของท่านมันดีขึ้น มันหาย
    ก็ขอให้บอก ให้แนะนำคนอื่นให้มารักษาด้วยนะ"


    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลทุกๆท่าน
    ขออนุโมทนา
    ขอขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา


    ท้ายนี้ ขอโหลด ภาพถ่ายทางอากาศ “บ้านแม่หมอทวดา” ให้ดูแบบละเอียดเลยนะครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2012
  19. สิงหราชพล

    สิงหราชพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +230
    เอาธรรมมะมาฝากจ๊ะเห็นคนในนี้ชอบเรื่องธรรมมะของพระพุทธเจ้ากันนะ
    กาลามสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกอีกอย่างว่า เกสปุตติยสูตร หรือเกสปุตตสูตร ก็มี) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการ ได้แก่
    1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
    2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
    3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
    4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
    5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
    6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
    7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
    8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
    9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
    10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
    ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อน ได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียกว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking) ไว้ในกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของประเทศพัฒนาแล้ว<SUP id=cite_ref-1 class=reference></SUP>
     
  20. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    คนในเว็บนี้ก็เป็นอย่างนี้ละครับ

    ขออนุญาตครับ

    คนในเว็บนี้ก็เป็นอย่างนี้ละครับ
    เที่ยวไปเตือนผู้อื่น เอ่ยอ้าง พระธรรม คำสอน เสียด้วย

    คนที่ยอมตายคาโรงพยาบาลที่เป็นโรคที่โรงพยาบาลรักษาไม่หายนั้น
    ส่วนมากก็เป็นผู้มีการศึกษาสูงๆทั้งสิ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีญาติเป็นหมอ เป็นพยาบาล

    คนเขาแนะนำด้วยความหวังดี ก็หัวเราะเยาะเย้ยเขา

    ผลก็คือ ตนเองหรือญาติของตน ก็ตายเปล่าคาโรงพยาบาล

    เมื่อไปหัวเราะเยาะเย้ยเขาแล้ว ก็หนักกว่าเดิม แม้อยากไปรักษากับหมอเทวดา
    ก็จะยาก ก็จะลำบากขึ้นไปอีก

    ที่ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพราะอยากจะสงเคราะห์
    ผู้ป่วยที่พอจะมีบุญวาสนาบารมี ความเชื่อ ความเลื่อมใสเท่านั้นนะครับ

    ไม่ได้มีความคิดที่จะมาสงเคราะห์ท่านที่เย่อหยิ่ง ทรนง ข้าเก่ง ข้าแน่แต่อย่างไร

    คนที่ไม่มีบุญบารมีที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ก็คงจะไม่ขวัญขวายหา หมอเทวดาอยู่แล้ว

    ส่วนท่านที่เที่ยวไปเตือนสติผู้อื่นนั้น ก็ขอให้พิจารนาใช้ปัญญาด้วยว่า

    ค่ารักษา 5 บาท กับค่ายา สามร้อยกว่าบาท น่าทดลองหรือไม่

    หรือจะไปฉีด ครีไม เข็มละ แสนสองต่อ ก็ตามใจครับ ไม่มีใครว่าอยู่แล้ว

    และผู้ที่เมตตาสงเคราะผู้อื่น ผู้ที่ตนรักษาจนหายแล้ว นำพาผู้อื่นมารักษานั้น
    ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง น่าชมเชยอย่างยิ่ง

    เขาก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามมีตามเกิด บอกได้ก็บอก พาไปได้ก็พาไป แนะนำได้ก็แนะนำ

    ส่วนท่านที่กระทั่งเขาแนะนำผู้อื่น ยังออกมาขวางเขานั้น
    ระวังเอานะครับ ถึงเวลาตัวเอง อาจจะไม่มีใครช่วยก็เป็นไปได้
    จะขัดจะขวางผู้อื่นยังสู้อุตสาห์ หาพระธรรมคำสอนมาออกหน้า

    ผมเจอมาเยอะแล้วครับ ทุกรูป ทุกแบบ เจอแม้กระทั่งว่า
    ศิษย์สายเทพ สายพรหม สายหมอ รักษาเขาแล้ว เขาหายแล้ว
    เขาอยู่ดีมีสุขแล้ว เขากลับไปเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี มีชีวิตต่อไป

    แต่หมอผู้รักษาก็มีชีวิตตามอัตภาพเหมือนเดิม

    บางท่านมาเงียบๆเหมือนคนยากจนค่นแค้น ผมไปทราบทีหลังว่า เป็นเศรษฐีมีเงินหลายร้อยล้าน

    ที่ผมแนะนำ แม่หมอเทวดานั้น ก็เพราะท่าน ไม่รับเงินใดๆ จากใครๆทั้งสิ้นนอกจากค่าครู 5 บาทเท่านั้น
    ท่านบอกว่าถ้าท่านรับเงินมากกว่านี้ ท่านก็จะรักษาผู้อื่นต่อไปไม่ได้

    ศิษย์สายเทพ สายพรหม สายหมอท่านอื่นๆ ก็แห่กันมาถามผมว่า
    รักษาเขาแล้ว ช่วยชีวิตเขาแล้ว แล้วเราได้อะไร
    ข้าวต้องซื้อ น้ำมันรถต้องเติม ลูกเมียต้องเลี้ยง รับแต่ค่าครูแล้วจะอยู่ได้อย่างไร

    ศิษย์สายนี้ท่านอื่นๆ ก็เลยอยู่แบบเงียบๆ รักษาคนบ้าง ไม่รักษาคนบ้าง
    ไปทำมาหากินอาชีพอื่นๆบ้าง

    บางท่านเก่งกาจถึงขั้นรักษาพระอริยสงฆ์ที่อาพาธหนัก ด้วยการรักษาแค่เพียงครั้งเดียวก็มี

    บางท่านเก่งกาจถึงขั้นรักษาพระสงฆ์สายเจ้าคาถาอาคมก็มี

    บางท่านเก่งกาจถึงขั้นไปกราบหลวงพ่อคูณ ปริสุทโท ท่านโบกมือห้ามว่า
    "อย่ากราบๆ มึงวิเศษกว่ากูก็มี"

    ท่านเหล่านี้ เฝ้ามองสังคม เฝ้ามองผู้คน แล้วท่านก็คิดคำนึงว่า
    คนอื่นนำงานของเขา เขาก็ได้รับค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ

    แล้วเราทำงานของเรา รักษาชีวิตของผู้คน เราสมควรได้ค่าตอบแทนเท่าไร
    ชีวิตคนผู้หนึ่งมีค่าเท่าไรหรือ

    ท่านเหล่านี้ถ้าท่านไม่อนุญาต ผมก็ไม่มีวันบอกไม่มีวันแนะนำให้ใคร
    เพราะผมไม่อยากมารับรู้เรื่องราว ที่ว่าช่วยชีวิตเขาแล้ว ไม่เห็นได้อะไรเลย

    ก็คงจะมีแต่ผู้มีบุญวาสนา บารมีเท่านั้นละครับ จึงจะเข้าถึงท่านเหล่านี้ได้
    หรือไม่ก็รอให้ท่านเมตตาช่วยเหลือเอง

    ส่วนท่านที่คิดว่าตัวท่านถูก ก็เชิญเที่ยวไปขัดไปขวางผู้อื่นของท่านต่อไป

    เมื่อท่านที่ไปรับการรักษา มีสามัญสำนึกบ้าง เมื่อดีขึ้นแล้ว เมื่อหายแล้ว
    ก็ออกมาบอกข่าวผู้อื่นบ้างนะครับ

    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับท่านที่มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลที่จะช่วยเหลือผู้อื่น

    สำหรับบางท่าน ก็ปล่อยให้กฏแห่งกรรมทำหน้าที่ของมันไป

    ขออนุโมทนา
    ขอขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา

     

แชร์หน้านี้

Loading...