ขอถามเรื่องการทำบุญและการอุทิศส่วนกุศลหน่อยค่ะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย แคมป์ปิ้ง, 3 มีนาคม 2012.

  1. แคมป์ปิ้ง

    แคมป์ปิ้ง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +2
    การแบ่งบุญไปให้คนอื่นมีกี่แบบค่ะ
    1.การแผ่เมตตา การอุทิศส่วนกุศล การแผ่ส่วนกุศล
    และแบบอื่นๆที่เรียกกัน ต่างกันอย่างไรค่ะ?

    2.ถ้าเราจะอุทิศส่วนกุศลให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำได้ไหม เช่นพ่อแม่ คนที่เรารัก เพื่อนฝูง เห็นบางทีบอกว่าได้แต่ต้องให้เขาอนุโมธนา แล้วถ้าไม่มีโอกาสบอกให้เขาอนุโมทนาละค่ะ ทำยังไง? เขาก็ไม่ได้รับบุญอย่างนั้นหรอค่ะ

    3.ถ้าเราจะอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เจ้ากรรมนายเวร พูดรวมกับผู้ที่มีชีวิตเลยได้ไหมค่ะ ต้องพูดแยก หรือมีคำพูดอย่างไรที่ถูกต้อง เพราะทุกวันนี้ดิชั้นก็พูดรวมกันเลยค่ะ

    3.คำพูดที่เราจะอุทิศส่วนกุศลให้เขา พูดยังไงดีค่ะ ที่ถูกต้อง และกระชับรัดกุมเห็นอ่านมาหลายที่ก็ต่างกัน บางที่ก็ใช้เป็นบทสวดมนต์ ที่ดิชั้นพูดทุกวันนี้ก็คือ "ขอให้ส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าทำในวันนี้ อุทิศให้แก่ พ่อแม่ ครอบครัวของข้าพเจ้า ญาติสนิทมิตรสหาย เจ้ากรรมนายเวร เทวดาที่ปกรักษาคุ้มครองข้าพเจ้า สัตว์ทั้งหลาย เปรตทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นอนุโมทนา และรับกุศลผลบุญที่ด้วยเทอญ" แบบนี้ถูกผิดอย่างไรค่ะ

    4.ถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้คนที่เรารักทุกวัน เช่นเพื่อนที่เราแอบชอบ คนที่เรากำลังดูใจกันอยู่ แต่ไม่มีโอกาสบอกให้เขาอนุโมทนาบุญ อย่างนี้ มีโอกาศเหมือนกับการสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันรึป่าวค่ะ แล้วมีผลทำให้ความรักสมหวังรึป่าว

    5.การที่เราขอพรต่างๆหลังการอุทิศส่วนกุศล เช่น ขอให้ครอบครัวของข้าพเจ้ามีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง เป็นต้น อย่างนี้มีผลไหมค่ะ

    6.ถ้าเราบอกให้คนที่เราทำบุญให้เขารับรู้ พูดอย่างไรค่ะ ให้เขาอนุโมทนาสาธุ

    ใครมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมได้ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ไขข้อข้องใจมานานด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2012
  2. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    1.การแผ่เมตตา การอุทิศส่วนกุศล การแผ่ส่วนกุศล
    และแบบอื่นๆที่เรียกกัน ต่างกันอย่างไรค่ะ?

    ตามที่เข้าใจมา
    -การแผ่เมตตา
    คนที่จะแผ่เมตตาได้ ต้องบรรลุญานที่มีเมตตาเป็น(กรรม)ฐาน ซึ่งจะมีอานิสงส์ 11 ประการ คือ

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเมตตาเจโตวิมุติ อันบุคคลเสพแล้วเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้ตั้งมั่นโดยลำดับสั่งสมดีแล้ว ปรารภด้วยดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๑ ประการ
    ๑๑ ประการเป็นไฉน คือ
    ย่อมหลับเป็นสุข ๑
    ย่อมตื่นเป็นสุข ๑
    ย่อมไม่ฝันลามก ๑
    ย่อมเป็นที่รักแห่งมนุษย์ทั้งหลาย ๑
    ย่อมเป็นที่รักแห่งอมนุษย์ทั้งหลาย ๑
    เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา ๑
    ไฟ ยาพิษหรือศาตราย่อมไม่กล้ำกราย ๑
    จิตย่อมตั้งมั่นโดยรวดเร็ว ๑
    สีหน้าย่อมผ่องใส ๑
    เป็นผู้ไม่หลงทำกาละ (ตายอย่างฟุ้งซ่าน สับสน) ๑
    เมื่อไม่แทงตลอดคุณอันยิ่ง ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก ๑
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเมตตาเจโตวิมุติ อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้ตั้งมั่นโดยลำดับ สั่งสมดีแล้ว ปรารภด้วยดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๑ ประการนี้แล" (พุทธะ)

    - การที่คนอื่นๆ จะได้อานิสงส์ในบุญของคุณก็ต่อเมื่อมี มุทิตาจิต(มีการอนุโมทนา) ถ้าไม่มีมุทิตาจิตก็จะไม่ได้รับอานิสงส์

    - ส่วนกการอุทิศส่วนกุศล การแผ่ส่วนกุศล จะทำภายหลังที่เราได้ทำบุญ ซึ่งจะอุทิศบุญกุศลในขณะกรวดน้ำ ด้วยบุญกุศลนั้นจะสำเร็จผล เป็นอาหารและน้ำแก่เปรตบางชนิด

    ส่วนที่คุณกล่าวอุทิศบุญกุศลก็ถูกต้องดีแล้วล่ะครับ น่าจะใช้ได้นะ
    แต่ถ้าสวดบทกรวดน้ำเลยก็น่าจะดีกว่า

    บทกรวดน้ำ
    ปุญญัสสิทานิ กะตัสสะ ยานัญญานิ กะตานิ เม
    เตสัญจะ ภาคิโน โหนตุ สัตตานันตาปปะมาณะกา,
    สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ จงมีส่วนแห่งบุญที่ข้าพเจ้า
    ได้ทำในบัดนี้ และแห่งบุญอื่นที่ได้ทำไว้ก่อนแล้ว

    เย ปิยา คุณะวันตา จะ มัยหัง มาตาปิตาทะโย
    ทิฏฐา เม จาปยะทิฏฐา วา อัญเญ มัชฌัตตะเวริโน,
    คือจะเป็นสัตว์เหล่าใด ซึ่งเป็นที่รักใคร่และมีบุญคุณ เช่น มารดา บิดา
    ของข้าพเจ้าเป็นต้นก็ดี ที่ข้าพเจ้าเห็นแล้ว หรือไม่ได้เห็นก็ดี สัตว์เหล่าอื่น ที่เป็นกลางๆ หรือเป็นคู่เวรกันก็ดี

    สัตตา ติฏฐันติ โลกัสมิง เต ภุมมา จะตุโยนิกา
    ปัญเจกะจะตุโวการา สังสะรันตา ภะวาภะเว,
    สัตว์ทั้งหลาย ตั้งอยู่ในโลก อยู่ในภูมิทั้งสาม อยู่ในกำเนิดทั้งสี่ มีขันธ์ห้าขันธ์
    มีขันธ์ขันธ์เดียว มีขันธ์สี่ขันธ์ กำลังท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ก็ดี

    ญาตัง เย ปัตติทานัง เม อะนุโมทันตุ เต สะยัง
    เย จิมัง นัปปะชานันติ เทวา เตสัง นิเวทะยูง,
    สัตว์เหล่าใด รู้ส่วนบุญที่ข้าพเจ้าแผ่ให้แล้ว สัตว์เหล่านั้นจงอนุโมทนา
    เองเถิด ส่วนสัตว์เหล่าใดยังไม่รู้ส่วนบุญนี้ ขอเทวดาทั้งหลายจงบอก สัตว์เหล่านั้นให้รู้

    มะยา ทินนานะ ปุญญานัง อะนุโมทะนะเหตุนา
    สัพเพ สัตตา สะทา โหนตุ อะเวรา สุขะชีวิโน
    เขมัปปะทัญจะ ปัปโปนตุ เตสาสา สิชฌะตัง สุภา,
    เพราะเหตุที่ได้อนุโมทนาส่วนบุญที่ข้าพเจ้าแผ่ให้แล้ว สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้ไม่มีเวร อยู่เป็นสุขทุกเมื่อ จงถึงบทอันเกษม กล่าวคือพระนิพพาน ความปรารถนาที่ดีงามของสัตว์เหล่านั้น จงสำเร็จเถิด

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มีนาคม 2012
  3. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    การแบ่งบุญไปให้คนอื่นมีกี่แบบค่ะ
    1.การแผ่เมตตา การอุทิศส่วนกุศล การแผ่ส่วนกุศล
    และแบบอื่นๆที่เรียกกัน ต่างกันอย่างไรค่ะ?

    การแผ่เมตตา ต่างกับการแผ่ส่วนกุศล เปรียบเทียบง่ายๆอย่างนี้

    การแผ่เมตตา คือ เราอวยพรเค้าว่า เอ้า ขอให้มีความสุขเยอะๆนะ หรือแสดงความเป็นมิตรออกไป เช่น เอ้า สบายดีไหม ดังนี้เป็นต้น

    ส่วนการแผ่ส่วนกุศล หรือจะเรียกว่าการอุทิศส่วนกุศล ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคำเดียวกัน เป็นการที่แบ่งบุญของเราให้กับผู้อื่น เปรียบเสมือน เรามีอาหารอร่อยๆ เราก็แบ่งอาหารอร่อยๆนั้นให้เพื่อน ให้คนอื่น

    จะมีอยู่คำหนึ่งก็คือ คำว่า "เบิกบุญ" ซึ่งก็คือการอุทิศส่วนกุศลนั่นเอง เพียงแต่เป็นการต่างกันเพียงแค่คำพูด ความหมายที่แท้จริงเป็นเรื่องเดียวกับการอุทิศส่วนกุศล

    การแผ่เมตตาเหมือนกับการอุทิศส่วนกุศลอย่างหนึ่งก็คือ เริ่มต้นด้วยเมตตาและกรุณา อันเป็นพรหมวิหาร 4 นั่นเอง

    2.ถ้าเราจะอุทิศส่วนกุศลให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำได้ไหม เช่นพ่อแม่ คนที่เรารัก เพื่อนฝูง เห็นบางทีบอกว่าได้แต่ต้องให้เขาอนุโมธนา แล้วถ้าไม่มีโอกาสบอกให้เขาอนุโมทนาละค่ะ ทำยังไง? เขาก็ไม่ได้รับบุญอย่างนั้นหรอค่ะ

    ทำได้ เพียงแต่การอุทิศส่วนกุศลนั้น หลักที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ จะต้องให้ผู้ที่เราให้ผลบุญนั้น "รับรู้" ถ้าเค้ารับรู้แล้ว เค้าจะรับหรือไม่รับ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เหมือนกัน เราควรจะต้องไปบอกกล่าวให้เค้ารับรู้รับทราบ เค้าจะได้โมทนาบุญนั้นกับเรา

    แต่ถ้าไม่ได้มีโอกาสบอกกล่าว เราก็อุทิศส่วนกุศลให้กับเทวดาประจำตัวเค้าก็ได้ เพราะการอุทิศบุญให้กับผู้มีกายทิพย์ เราไม่จำเป็นต้องพูดออกมา เพียงแค่นึกในใจก็ใช้ได้แล้ว

    3.ถ้าเราจะอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เจ้ากรรมนายเวร พูดรวมกับผู้ที่มีชีวิตเลยได้ไหมค่ะ ต้องพูดแยก หรือมีคำพูดอย่างไรที่ถูกต้อง เพราะทุกวันนี้ดิชั้นก็พูดรวมกันเลยค่ะ

    ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องพูดแยก ถ้าคุณใช้คำอุทิศส่วนกุศลไปแล้ว คุณเข้าใจ สบายใจ ถูกใจ และเห็นว่าครอบคลุม ก็ถือว่าการใช้คำพูดอุทิศบุญนั้น ถูกต้องทุกประการ ไม่จำเป็นต้องมาใช้รูปแบบอย่างที่คนอื่นเค้าใช้กันเสมอไป ไม่จำเป็นต้องมานั่งท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง

    3.คำพูดที่เราจะอุทิศส่วนกุศลให้เขา พูดยังไงดีค่ะ ที่ถูกต้อง และกระชับรัดกุมเห็นอ่านมาหลายที่ก็ต่างกัน บางที่ก็ใช้เป็นบทสวดมนต์ ที่ดิชั้นพูดทุกวันนี้ก็คือ "ขอให้ส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าทำในวันนี้ อุทิศให้แก่ พ่อแม่ ครอบครัวของข้าพเจ้า ญาติสนิทมิตรสหาย เจ้ากรรมนายเวร เทวดาที่ปกรักษาคุ้มครองข้าพเจ้า สัตว์ทั้งหลาย เปรตทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นอนุโมทนา และรับกุศลผลบุญที่ด้วยเทอญ" แบบนี้ถูกผิดอย่างไรค่ะ

    ก็ใช้ได้นี่ครับ

    4.ถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้คนที่เรารักทุกวัน เช่นเพื่อนที่เราแอบชอบ คนที่เรากำลังดูใจกันอยู่ แต่ไม่มีโอกาสบอกให้เขาอนุโมทนาบุญ อย่างนี้ มีโอกาศเหมือนกับการสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันรึป่าวค่ะ แล้วมีผลทำให้ความรักสมหวังรึป่าว

    ก็คงไม่ได้เป็นการสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน เพราะการสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันนั้น ต้องได้ทำบุญร่วมกันเกิดขึ้นจริงๆ เช่น ตักบาตรร่วมกัน ทอดกฐิน ทอดผ้าป่าร่วมกัน สร้างพระร่วมกัน อย่างนี้เป็นต้น

    ส่วนจะมีความรักสมหวังหรือปล่าวนั้น บอกไม่ได้หรอกครับ เพราะกรรมมีความพิสดารอย่างยิ่ง มีความละเอียดอย่างยิ่ง บางครั้งเราคิดว่าเราทำอย่างนี้ต้องได้ผลอย่างนั้นอย่างนี้ ตามที่เค้าเขียนไว้ในตำรา เค้าเอามาพูดกัน แต่มันก็อาจไม่เกิดผลอย่างนั้นก็ได้ เพราะมีปัจจัยอื่น หรือมีปัจจัยแทรกนั่นเอง

    ถึงได้บอกว่า เรื่องกรรมเป็นเรื่องพิสดารอย่างยิ่ง

    5.การที่เราขอพรต่างๆหลังการอุทิศส่วนกุศล เช่น ขอให้ครอบครัวของข้าพเจ้ามีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง เป็นต้น อย่างนี้มีผลไหมค่ะ

    การที่เราขอพร ก็เปรียบเสมือนคำอธิษฐาน คำอธิษฐานจะสำเร็จผลได้ ต้องสั่งสมเหตุให้เพียงพอ สั่งสมบุญนั้นให้มีกำลังพอ ไม่งั้น ก็อาจจะเป็นความหวังล้มๆแล้งๆ

    อาทิเช่น เราอธิษฐานว่าต้องสอบหมอให้ติด แต่ไม่อ่าน หรืออ่านก็แค่เล็กน้อย อย่างนี้ไปบนบานศาลกล่าวที่ไหน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็ไม่ช่วย เพราะขนาดตัวเองยังไม่เป็นที่พึ่งของตัวเอง แล้วใครจะมาช่วยท่านเล่า

    เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้ครอบครัวมีความสุข สุขภาพแข็งแรง คนที่ฉลาดก็จะรู้ว่า เพียงคำอธิษฐานไม่เพียงพอ ต้องไปทำให้ฝันนั้นเป็นจริง เช่น ไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย ไม่ทำเรื่องไม่ดีไม่งาม ดูแลสุขภาพของคนที่รัก แนะนำคนที่รักให้รักษาสุขภาพ อย่างนี้แหละ ถึงเป็นสิ่งทีสมควรทำ

    6.ถ้าเราบอกให้คนที่เราทำบุญให้เขารับรู้ พูดอย่างไรค่ะ ให้เขาอนุโมทนาสาธุ

    เก๊าะพูดธรรมดานี่แหละว่า เอ้า วันนี้ไปทำบุญมา เอาบุญมาฝากนะ

    ถ้าคนฟังเค้าพอรู้เรื่องธรรมะบ้าง หรือหากไม่หมั่นไส้เรา เค้าก็จะกล่าวว่า "สาธุ"
     
  4. แคมป์ปิ้ง

    แคมป์ปิ้ง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณ มากๆเลยค่ะ แล้วก็ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

    แต่สงสัยข้อนึงค่ะ ตรงประโยคที่ว่า

    แต่ถ้าไม่ได้มีโอกาสบอกกล่าว เราก็อุทิศส่วนกุศลให้กับเทวดาประจำตัวเค้าก็ได้ เพราะการอุทิศบุญให้กับผู้มีกายทิพย์ เราไม่จำเป็นต้องพูดออกมา เพียงแค่นึกในใจก็ใช้ได้แล้ว

    นึกในใจอย่างไรหรอค่ะ แบบที่ดิชั้นคิดถูกรึป่าว
    ข้าพเจ้าขออุิทิศบุญกุศลให้เทวดาประจำตัวนาย........ขอท่านจงอนุโมทนาบุญด้วยเทอญ
    แบบนี้ถูกรึป่าวค่ะ หรือต้องใส่เจ้ากรรมนายเวรของเค้าไปด้วย ช่วยแนะนำอีกทีนะค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
     
  5. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,917
    ขออนุโมทนาบุญแด่คุณแคมป์ปิ้ง ด้วยครับ

    การอุทิศบุญให้กับผู้อื่น ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ มีจิตแน่วแน่ ไม่ว่าจะอุทิศให้ผู้ใดก็แล้วแต่ ถ้าเค้าสามารถรับบุญได้ บุคคลเหล่านั้นก็จะได้รับผลบุญที่ตัวเราอุทิศให้ได้ ณ เดี๋ยวนั้นเลย จะลองใช้แบบที่ผมกระทำก็ได้นะครับ เพราะผมก็ได้ศึกษามาจากผู้ที่รู้มาเหมือนกัน และก็ได้ผลจริง
    "ด้วยอำนาจบารมีแห่ง พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้ามอบให้กับเทวดาของนาย......เพื่อให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้ มีอำนาจ อิทธิฤทธิ์ ฤทธิ์เดช ที่สูงส่งและแข่งแกร่งยิ่งๆขึ้นไป และขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้พ้นจากวิบากกรรมต่างๆ ได้ไปสู่ยังภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นไป และได้พบหนทางแห่งการปรินิพพาน ด้วยเทอญ" เมื่อเราอุทิศบุญให้เสร็จพวกท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็จะได้รับผลบุญที่เราส่งให้ ณ เดี๋ยวนั้น ส่วนคำสามารถปรับไปตามสถานที่หรือผู้ที่เราต้องการจะอุทิศให้ เราจะรับรู้ได้อย่างไรว่า เค้าทั้งหลายเหล่านั้น ได้รับผลบุญของเราไหม ตอนที่เราตั้งใจอุทิศจะมีความรู้สึกว่าขนลุกหรือไม่ก็ปลื้มปิติ อะไรทำนองนี้ ยิ่งเราฝึกให้มาก ให้กับสิ่งต่างๆโดยที่เราไม่หวังสิ่งใดตอบแทน คำพวกนี้จะออกมาเอง โดยที่เราไม่ต้องจดจำ ขอให้มีสมาธิ จิตแน่วแน่ ในการอุทิศบุญ แค่นี้เราก็สามารถอุทิศให้ผู้ใดก็ได้ ทั้งผู้ที่มีชีวิตอยู่หรือผู้ที่สูญเสียไปแล้ว เค้าก็จะได้รับผลบุญนี้แบบไม่ต้องสงสัย

    ขออนุโมทนาบุญ แด่ทุกๆท่านที่ใฝ่ธรรมมะ ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. settapon

    settapon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +6
    2.ถ้าเราจะอุทิศส่วนกุศลให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำได้ไหม เช่นพ่อแม่ คนที่เรารัก เพื่อนฝูง เห็นบางทีบอกว่าได้แต่ต้องให้เขาอนุโมธนา แล้วถ้าไม่มีโอกาสบอกให้เขาอนุโมทนาละค่ะ ทำยังไง? เขาก็ไม่ได้รับบุญอย่างนั้นหรอค่ะ
    อันนี้ไม่ได้ครับ ไม่มีผลใดๆต่อผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ให้บอกกล่าวการไปสร้างกุศลผลบุญให้เขาทราบ เช่นไปถวายภัตาหารเพลพระมา ไปเวียนเทียนมา ไปใส่บาตรมา ถ้าเขามีจิตใจชื่นชมยินดีกับการทำความดีนั้น นั้นก็คือการโมทนานั้นเอง ก้คือบอกกล่าวให้ทราบถึงการไปทำบุญทำกุศลมาให้ทราบ แม้แต่ตัวเราเองเมื่อพบเห้น ทราบว่ามีผู้ก่อกุศลกรรมแม้ว่าผ่านไปแล้วก้ตาม ถ้ามีจิตใจชื่นชมยินดีกับการก่อกุศลนั้น นั้นก็คือการโมทนานั้นเอง อยู่ในบุญกิริยา10 ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ทำ บุญแบบนี้ทำได้ทุกวันทุกเวลา ไม่ใช้เงินสักบาท อย่ารอไปทำบุญใส่บาตรเราอาจตายก่อนได้ไปทำ ยังมีบุญที่เกิดจากการอุทิศส่วนกุศลอีกทำได้ทุกวัน ให้ลากมาตั้งแต่ต้นเลย ต้นอยู่ไหนก็ไม่รู้ล่ะ ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้เคยกระทำมาตั้งแต่ต้นจนกระทั้งปัจจุบัน ข้าพเจ้าขออุทิศ...ก็ว่าไป หลวงพ่อฤษีลิงดำท่านสอนเอาไว้
     
  7. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ใช่ครับ และถูกครับ คุณจะใส่เจ้ากรรมนายเวรของเค้าไปด้วยก็ได้ครับ ดูในกระทู้ใต้ลายเซ็นของผมครับ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
     
  8. settapon

    settapon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +6
    ผมสวดมนต์แล้วก้จะอุทิศส่วนกุศลปิดท้ายทุกครั้ง เพราะทุกวินาที มีการเกิดดับ มีการหมดบุญ หมดกรรมของสัตว์ เปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่ง การอุทิศส่วนกุศลก้อยุ่ในบุญกิริยา10สร้างกุศลทำได้ทุกวัน
     
  9. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288

    1.การแผ่เมตตาคือการที่เราแบ่งปันความรัก ความสงบสุขของเราออกไปให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย คือเราต้องมีความรัก ความเมตตาเกิดขึ้นก่อนจึงจะทำได้และให้ไปไม่เจาะจงเหมือนแสงของพระอาทิตย์ส่องไปทั่วทุกทิศทุกทาง ส่วนการอุทิศบุญเป็นการเจาะจงลงไปว่าเราจะส่งบุญไปให้ใครเพื่อให้เขามีความสุขมากขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลักๆ มี 2 แบบนี้

    2.สำหรับคนที่มีชีวิตเมื่อเราทำบุญ แล้วเขาอนุโมทนาบุญกับเราเขาได้บุญเต็ม แต่ถ้าอยากอุทิศบุญให้เขาให้เราอุทิศให้เทวดาประจำตัวเขาแทน เพื่อช่วยปกป้องเขาได้ดีขึ้น

    3.ถ้าเราจะอุทิศรวมๆ กันสามารถทำได้แต่จะถึงหรือไม่ หรือเขาจะรับหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    4.เวลาทำบุญหรือนั่งสมาธิให้เบิกบุญแล้วค่อยอุทิศ ถ้าไม่เบิกบุญมันจะวิ่งไปรอเราบนสวรรค์ พวกที่มารออนุโมทนาบุญจะไม่ได้รับและไม่พอใจ "ข้าพเจ้าขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เบิกบุญจากการ.... ให้แก่...."

    5.ไม่เคยลองเหมือนกัน

    6.การขอพรเหมือนกับการอธิษฐานมีผลแต่ถ้า เหตุกับผลไม่สัมพันธ์กันมันจะให้ผลไม่นาน

    7.ก็บอกเขาไปตรงๆ หรือบางทีเราอาจจะขอให้เทวดาชั้นสูงๆ อนุโมทนาบุญก็ได้ ก็ได้บุญต่อบุญอีก
     
  10. แคมป์ปิ้ง

    แคมป์ปิ้ง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +2
    อนุโมทนาสาธุ ค่้ะ กระจ่างแจ้ง ได้ความรู้ใหม่ไปเยอะเลย :cool:
     
  11. แคมป์ปิ้ง

    แคมป์ปิ้ง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +2
    อันนี้หมายถึงยังไงค่ะ พูดแยกจะดีกว่าหรอ
     
  12. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ไม่ได้มีผลแตกต่างกันครับ ไม่ว่าจะพูดแยกหรือพูดรวม

    ความหมายที่คุณสงสัยข้างตันนั้น หมายถึง การที่เราพูดรวมๆไปนั้น ผู้รับส่วนกุศลจะได้รับหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เช่น เค้าอาจไม่รับรู้ หรือรับรู้แต่ไม่ยินดีที่จะรับผลบุญ ไม่ได้เกี่ยวกับพูดแยกหรือพูดรวม ถึงต่อให้พูดแยก เค้าอาจไม่ได้รับทราบผลบุญนั้น หรืออาจไม่โมทนาบุญนั้นก็ได้

    ประเด็นจึงอยู่ที่ ผลบุญนั้นไปถึงผู้รับ และผู้รับสามารถอนุโมทนาบุญได้หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพูดแยกพูดรวม
     
  13. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    ฝนที่ตกจากฟ้า ฝนไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าตกให้เฉพาะที่ใดที่หนึ่ง หรือให้ใครเปียกคนใดคนเดียวเลย ย่อมตกทั่วถึง และเย็นไปทั่วถึง เท่าทีมีฝนตกถึงนั้น คงไม่มีฝนร้อนหรอก (แต่อาจมีฝนเป็นพิษได้ เพราะสารเคมีเยอะ ในปัจจุบันนี้มีสารระเหย มีสารเคมีเยอะ)

    เหมือนกับพลังบุญ พลังเมตตาที่เรามี ที่เราแผ่ไป ท่านเหล่านั้นย่อมได้รับตามสมควรแก่ตนเองโดยตรงและโดยอ้อม ฯ

    แม้นว่าท่านเหล่านั้นยังไม่ได้รับ ความร่มเย็นนั้นก็ย่อมกลับมาหาเราเอง
    <!--[if gte mso 9]><xml> <o:OfficeDocumentSettings> <o:AllowPNG/> </o:OfficeDocumentSettings> </xml><![endif][if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:EnableOpenTypeKerning/> <w:DontFlipMirrorIndents/> <w:OverrideTableStyleHps/> </w:Compatibility> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif][if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif][if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0in 5.4pt 0in 5.4pt; mso-para-margin-top:0in; mso-para-margin-right:0in; mso-para-margin-bottom:10.0pt; mso-para-margin-left:0in; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;} </style> <![endif]-->

    [FONT=&quot]บทแผ่บุญกุศล แผ่เมตตาของพระโพธิสัตว์พระนามว่า พระเจ้าติโลกะวิชัย (พระชาติที่พระพุทธโคดมนี้ เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าติโลกวิชัย มาก่อน)
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ว่า...ยังกิญจิ กุสะลัง กัมมัง[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot] กัตตัพพัง กิริยัง มะมะ[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot] กาเยนะ[/FONT][FONT=&quot]วาจามะนะสา[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot] ติทะเส สุคะตัง กะตัง[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot] เย สัตตา สัญญิโน อัตถิ[/FONT][FONT=&quot],[/FONT]
    [FONT=&quot]เย จะ สัตตา อะสัญญิโน[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot] กะตัง ปุญญะผะลัง[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot] มัยหัง สัพเพ[/FONT] [FONT=&quot]ภาคี ภะวันตุ เต[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot] เย ตัง กะตัง สุวิทิตัง ทินนัง [/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]ปุญญะผะลัง[/FONT]
    [FONT=&quot]มะยา[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot] เย จะ ตัตถะ นะ ชานันติ[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot] เทวา คันตวา นิเวทะยุง[/FONT][FONT=&quot],[/FONT] [FONT=&quot]สัพเพ โลกัมหิ เย สัตตา[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot] ชีวันตาหาระเหตุกา มะนุญญัง[/FONT][FONT=&quot], [/FONT]
    [FONT=&quot]โภชะนัง สัพเพ ละภันตุ [/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]มะมะ เจตะสาติ[/FONT][FONT=&quot],[/FONT]

    [FONT=&quot]คำแปล[/FONT]

    [FONT=&quot]กุศลกรรมอย่าง[/FONT][FONT=&quot]ใดอย่างหนึ่ง เป็นกิริยาที่เราพึงทำด้วยกาย วาจา และใจ กุศลกรรมนั้นเราทำแล้วไปในไตรทศ สัตว์เหล่าใดมีสัญญา และสัตว์เหล่าใดไม่มีสัญญามีอยู่ ขอสัตว์ทั้งหมดนั้นจงเป็นผู้มีส่วนแห่งผลบุญ ที่เราทำแล้ว สัตว์เหล่าใดทราบบุญที่เราทำแล้ว เราให้ผลบุญแก่สัตว์เหล่านั้น บรรดาสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดไม่รู้ ขอทวยเทพจงไปบอกแก่สัตว์เหล่านั้น ปวง[/FONT][FONT=&quot]สัตว์ในโลกผู้อาศัยอาหารเป็นอยู่ทุกจำพวก ขอจงได้อาหารอันพึงใจ ด้วย[/FONT] [FONT=&quot]ใจของเรา[/FONT][FONT=&quot]เทอญ ฯ[/FONT]

    [FONT=&quot]ในอรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๑. พุทธวรรค ย่อ[/FONT]
    [FONT=&quot] พระผู้มีพระภาคเจ้า อันพระอานนทเถระทูลถามถึงอธิการที่พระองค์ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ทรงทำไว้ ในอดีตพระพุทธเจ้าเหล่านั้น และสมภารที่พระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิทรงทำไว้ จึงตรัสคำมีอาทิว่า สมฺโพธึ พุทฺธเสฏฺฐานํ ดังนี้.[/FONT]
    [FONT=&quot] อธิบายว่า ดูก่อนอานนท์ผู้เจริญ เธอจงฟังอปทานของเรา.[/FONT]
    [FONT=&quot] เชื่อมความว่า ดูก่อนอานนท์ ในกาลก่อนคือในกาลบำเพ็ญโพธิสมภาร เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ อภิวาทด้วยเศียรเกล้าซึ่งพระสัมโพธิญาณ คือจตุสัจมรรคญาณหรือพระสัพพัญญุตญาณ ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ประเสริฐคือผู้แทงตลอดสัจจะ ๔. ฯ[/FONT]

    [FONT=&quot]พุทธาปทาน[/FONT]
    [FONT=&quot]อธิบายว่า ในครั้งนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดินามว่าติโลกวิชัย ให้ยกธงทั้งปวงมี ๕ สี คือมีสี ๕ สีมีสีเขียวและสีเหลืองเป็นต้น วิจิตรคืองดงามด้วยสีหลายหลาก บนยอดไม้ บนยอดเขา คือยอดเขาหิมพานต์และเขาจักรวาลเป็นต้น บนยอดเขาสิเนรุและในที่ทั้งปวง ในจักรวาลทั้งสิ้น."[/FONT]
    [FONT=&quot] อธิบายว่า พวกคนคือคนจากโลกอื่น พวกนาคจากโลกนาค พวกคนธรรพ์และเทวดาจากเทวโลก ทั้งหมดจงมาคือจงเข้ามา. พวกคนเป็นต้นเหล่านั้นนมัสการคือทำการนอบน้อมเรา กระทำอัญชลีคือทำกระพุ่มมือ แวดล้อมเวชยันตปราสาทของเรา.[/FONT]
    [FONT=&quot] พระเจ้าจักรพรรดิติโลกวิชัยนั้น ครั้นพรรณนาอานุภาพปราสาทและอานุภาพของตนอย่างนี้แล้ว บัดนี้ เมื่อจะให้ถือเอาผลบุญที่ตนทำไว้ด้วยสมบัติ จึงกล่าวคำมีอาทิว่า ยํ กิญฺจิ กุสลํ กมฺมํ ดังนี้.[/FONT]
    [FONT=&quot] อธิบายว่า กิริยากล่าวคือกุศลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะพึงกระทำมีอยู่ กุศลกรรมที่จะพึงทำทั้งหมดนั้น เราทำแล้วด้วยกาย วาจาและใจ คือด้วยไตรทวาร ให้เป็นอันทำดีแล้วคือให้เป็นอันทำด้วยดีแล้วในไตรทศ. อธิบายว่า กระทำให้ควรแก่การเกิดขึ้นในภพดาวดึงส์.[/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อจะให้ถือเอาอีกจึงกล่าวว่า เย สตฺตา สญฺญิโน ดังนี้เป็นต้น[/FONT]
    [FONT=&quot] ในคำนั้นมีอธิบายว่า สัตว์เหล่าใดจะเป็นมนุษย์ เทวดาหรือพรหมก็ตาม ที่มีสัญญาคือประกอบด้วยสัญญามีอยู่ และสัตว์เหล่าใดที่ไม่มีสัญญาคือเว้นจากสัญญา ได้แก่สัตว์ผู้ไม่มีสัญญาย่อมมีอยู่ สัตว์เหล่านั้นทั้งหมดจงเป็นผู้มีส่วนบุญที่เรากระทำแล้ว คือจงเป็นผู้มีบุญ.[/FONT]
    [FONT=&quot] พระโพธิสัตว์เมื่อจะให้ถือเอาแม้อีก จึงกล่าวคำมีอาทิว่า เยสํ กตํ ดังนี้.[/FONT]
    [FONT=&quot] อธิบายว่า บุญที่เราทำแล้วอันชน นาค คนธรรพ์และเทพเหล่าใด รู้ดีแล้วคือทราบแล้ว เราให้ผลบุญแก่นรชนเป็นต้นเหล่านั้น นรชนเป็นต้นเหล่าใด ไม่รู้ว่าเราให้บุญที่เราทำแล้วนั้น เทพทั้งหลายจงไปแจ้งให้รู้.[/FONT]
    [FONT=&quot] อธิบายว่า จงบอกผลบุญนั้นแก่นรชนเป็นต้นเหล่านั้น.[/FONT]
    [FONT=&quot] สัตว์เหล่าใดในโลกทั้งปวงผู้อาศัยอาหารเลี้ยงชีวิต สัตว์เหล่านั้นทั้งหมดจงได้โภชนะอันพึงใจทุกอย่างด้วยใจของเรา คือด้วยจิตของเรา. อธิบายว่า จงได้ด้วยบุญฤทธิ์ของเรา.[/FONT]
    [FONT=&quot] ทานใดเราได้ให้แล้ว ด้วยจิตใจอันเลื่อมใส เรานำมาแล้ว คือยังความเลื่อมใสให้เกิดขึ้นแล้ว ในทานนั้นด้วยจิตใจ. พระสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า และพระสาวกของพระชินเจ้า เราผู้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้บูชาแล้ว.[/FONT]
    [FONT=&quot] ด้วยกรรมที่เราทำดีแล้วนั้น คือด้วยกุศลกรรมที่เราเชื่อแล้วกระทำไว้ และด้วยการตั้งเจตนาไว้ คือด้วยความปรารถนาที่ทำไว้ด้วยใจ เราละคือทิ้งร่างกายมนุษย์ ได้แก่สรีระของมนุษย์ แล้วได้ไปสู่ดาวดึงสเทวโลก.[/FONT]
    [FONT=&quot] อธิบายว่า เราได้เกิดขึ้นในดาวดึงสเทวโลกนั้น เหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นฉะนั้น.[/FONT]
    [FONT=&quot] แต่นั้น พระเจ้าจักรพรรดิติโลกวิชัยได้สวรรคตแล้ว จำเดิมแต่นั้น เรารู้จักภพ ๒ ภพ คือชาติ ๒ ชาติที่มาถึง คือความเป็นเทวดา ได้แก่อัตภาพของเทวดา และความเป็นมนุษย์ คืออัตภาพของมนุษย์. นอกจาก ๒ ชาติ เราไม่รู้จัก คือไม่เห็นคติอื่น คือความอุปบัติอื่น อันเป็นผลแห่งความปรารถนาด้วยใจคือด้วยจิต.[/FONT]
    [FONT=&quot] อธิบายว่า เป็นผลแห่งความปรารถนาที่เราปรารถนาแล้ว.[/FONT]
    [FONT=&quot] บทว่า เทวานํ อธิโก โหมิ ความว่า ถ้าเกิดในเทวดา เราได้เป็นผู้ยิ่งคือเป็นใหญ่ ได้แก่เป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าเทวดาทั้งหลาย ด้วยอายุ วรรณะ พละและเดช. ถ้าเกิดในมนุษย์ เราย่อมเป็นใหญ่ในมนุษย์ คือเป็นอธิบดี เป็นใหญ่กว่ามนุษย์ทั้งหลาย. อนึ่ง เราเป็นพระราชาผู้เพียบพร้อม คือสมบูรณ์ด้วยรูปอันยิ่ง คือด้วยรูปสมบัติ และด้วยลักษณะ คือลักษณะส่วนสูงและส่วนใหญ่ ไม่มีผู้เสมอ คือเว้นคนผู้เสมอด้วยปัญญา ได้แก่ปัญญาเครื่องรู้ปรมัตถ์ในภพที่เกิดแล้วๆ. อธิบายว่า ไม่มีใครๆ เสมอเหมือนเรา.[/FONT]
    [FONT=&quot] เพราะผลบุญอันเป็นบุญสมภารที่เรากระทำไว้แล้ว โภชนะอันประเสริฐอร่อยมีหลายอย่างคือมีประการต่างๆ รัตนะทั้ง ๗ มากมายมีประมาณไม่น้อย และผ้าปัตตุณณะและผ้าโกเสยยะเป็นต้นหลายชนิด คือเป็นอเนกประการ จากฟากฟ้าคือนภากาศมา คือเข้ามาหาเรา ได้แก่สำนักเราโดยเร็วพลัน ในภพที่เกิดแล้วๆ.[/FONT]
    [FONT=&quot] เราเหยียดคือชี้มือไปยังที่ใดๆ จะเป็นที่แผ่นดิน บนภูเขา บนอากาศ ในน้ำและในป่า ภักษาทิพย์คืออาหารทิพย์ย่อมเข้ามา คือ เข้ามาหาเรา ได้แก่สำนักเราจากที่นั้นๆ. อธิบายว่า ย่อมปรากฏขึ้น.[/FONT]
    [FONT=&quot] อนึ่ง รัตนะทั้งปวง ของหอมมีจันทน์เป็นต้นทุกอย่าง ยานคือพาหนะทุกชนิด มาลาคือดอกไม้ทั้งหมดมีจำปา กากะทิงและบุนนาคเป็นต้น เครื่องอลังการคือเครื่องอาภรณ์ทุกชนิด นางทิพกัญญาทุกนาง น้ำผึ้งและน้ำตาลกรวดทุกอย่าง ของเคี้ยวคือของควรเคี้ยวมีขนมเป็นต้นทุกชนิด ย่อมเข้ามาคือย่อมเข้ามาหาเราคือสำนักเราโดยลำดับ.[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มีนาคม 2012
  14. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,917
    ผมขออนุญาตคำของครู อาจารย์มาเปรียบเทียบให้อ่านนะครับ

    การอุทิศบุญ ๒ วิธี คือ
    ๑ อุทิศให้แบบเจาะจง
    ๒ อุทิศให้แบบไม่เจาะจง

    การอุทิศให้แบบเจาะจง คือ การส่งบุญกุศลไปให้กับบุคคลที่เราตั้งใจเอ่ยชื่อ บอกกล่าว โดยตรง เช่น พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ครู อาจารย์ ทั้งที่มีชีวิตอยู่ หรือไม่มีชีวิตอยู่ก็ตาม บุคคลที่เราเอ่ยชื่อไปเค้าก็จะได้รับผลบุญที่เราทำให้ ถ้าบุคคลเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ มันก็จะส่งผลให้ชีวิตเค้าเหล่านั้นดีขึ้น เช่น อาการป่วยดีขึ้น คนที่เคยเกลียดเราก็เริ่มจะมาดีกับเรา บุตรหลานที่เคยเกเรก็จะดีขึ้น เป็นต้น แต่ถ้าบุคคลที่เราอุทิศให้ได้เสียชีวิตไปแล้ว และสามารถรับผลบุญของเราได้(ไม่ใช่กรรมหนัก) เค้าก็จะมารับผลบุญได้เช่นกัน
    การอุทิศแบบไม่เจาะจง คือ การอุทิศที่มุ่งหวังให้กับสิ่งต่างๆทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตได้รับผลบุญที่เราทำให้ ซึ่งไม่ใช่แค่คนรู้จัก ที่รัก ที่ชอบ แม้กระทั่งสัตว์ ต้นไม้ เชื้อโรค แต่มุ่งหวังให้กับทุกๆสิ่งทุกๆอย่างๆมีความสุข พ้นจากวิบากกรรมต่างๆ

    ขอเปรียบเทียบง่ายๆในเรื่องของการอุทิศบุญ สมมุติเราทำอาหาร เป็นแกงส้ม ๑ หม้อ ถ้าเราเอาให้ทานกันแต่บุคคลภายในบ้าน เราก็จะได้ทานแกงส้มเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าเราเอาแกงส้มนั้น ไปแบ่งบ้านข้างๆคนละ ๑ ถ้วย ๓ บ้าน โดยที่เรามีจิตบริสุทธิ์คิดแบ่งปัน โดยไม่ได้คิดหวังสิ่งใดตอบแทน ถ้าเห็นผลทันตาก็ เค้าก็จะตอบแทนเรามาด้วยให้แกงที่เค้าทำเรามาคนละถ้วย ก็เท่ากับว่า เรามีแกงที่จะทานมากกว่า ๑ อย่าง แต่ถ้าอย่างช้า วันหน้าเราไม่มีแกงทานเลย เพื่อนบ้านที่เราเคยให้แกงก็อาจนำแกงเอามาให้โดยที่เราไม่คาดคิดก็ได้

    ผลของการอุทิศบุญ จะเห็นเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กรรมดีหรือกรรมไม่ดีที่เคยทำมาก่อน แต่เราก็อย่าไปสนใจผลของการกระทำ เพราะการให้เป็นการฝึกฝนให้จิตมีเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเป็นปัจจัยที่ยิ่งใหญ่ในการเข้าใจในหลักธรรมของพระพุทธองค์

    ขออนุโมทนาบุญ แด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะ ทุกๆท่าน ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. moopanda_kae

    moopanda_kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,107
    โมทนาสาธุกับทุกๆ ท่านด้วยนะคะ อธิบายได้อ่านง่ายและชัดเจนดีมากเลยค่ะ ^/\^

    ได้ผลจริงๆ ค่ะเราทำเป็นประจำทุกครั้งหลังสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ หรือในระหว่างวันถ้าว่างก็จะทำด้วยของเราไม่ค่อยเห็นชัดอาจจะเพราะไม่มีปัญหาอะไร

    แต่ที่เห็นชัดๆ เลย คือ เรื่องของเพื่อนค่ะ เพื่อนมีอาชีพค้าขายและอยู่ๆ ก็มีปัญหากับป้าที่ร้านหนังสือเพื่อนต้องฝากของเขา ก็เป็นมาเกือบปีจ่ายเงินค่าฝากก็ครบไม่เคยเบี้ยวแต่ก็ยังโดนป้าแกค่อนแขวะไม่เลิก เจ๊แกก็เลยเครียดขายของแบบไม่สบายใจ อยู่ๆ ก็มาเอ่ยปากบ่นกับเรา

    เราก็แนะนำว่าไหนๆ เจ๊ก็สวดมนต์เป็นประจำทุกวันอยู่แล้วลองโอนบุญให้ป้า ให้เทวดาป้าดูหน่อยไหม ทำบ่อยๆ เลยนะ...ได้ผลค่ะ 2 เดือนเอง ป้าแกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ตอนนี้ก็เมตตาและเอ็นดูเพื่อนมากขึ้นเพื่อนก็สบายใจขึ้นมากเลยค่ะ ^___^
     
  16. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,917
    สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญ ด้วยครับ
     
  17. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    ขอตอบตามความเห็นส่วนตัวนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณก่อนเชื่อ
    การแบ่งบุญไปให้คนอื่นมีกี่แบบค่ะ
    1.การแผ่เมตตา การอุทิศส่วนกุศล การแผ่ส่วนกุศล
    และแบบอื่นๆที่เรียกกัน ต่างกันอย่างไรค่ะ?
    ตอบ การแผ่เมตตาคือการแผ่ความรักความปราถนาดีไปสู่ผู้อื่น วัตถุประสงค์ไม่ได้เป็นการทำเพื่อแบ่งบุญไปให้คนอื่น

    ส่วนการอุทิศกุศลคือการตั้งใจเอาบุญของตนให้ผู้อื่นได้ร่วมรับผลประโยชน์ ผลความสุข เช่นเดียวกับเจ้าของบุญได้รับ โดยบุญของผู้ให้ก็ไม่ได้ลดลง ผมว่าเราจึงไม่ควรใช้คำว่าแบ่งบุญ เพราะคำว่าแบ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนว่า มีการลดลงของบุญผู้แบ่ง

    ส่วนการแผ่ส่วนกุศลก็เป็นคำเดียวกับการอุทิศกุศลครับ

    โดยมาก การแผ่เมตตา มีนัยยะที่ไม่เจาะจงผู้รับ คือเราให้กระแสความปราถนาดีของเราไปสู่สรรพสัตว์โดยไม่เลือก
    แต่การอุทิศกุศล มักมีนัยยะในการเจาะจงผู้รับ ที่เราต้องระบุผู้รับบุญ


    อุปมาการแผ่เมตตาจากแม่ไปสู่ลูก ดังเช่นแม่บอกรักลูก ลูกได้รับรู้ก็ย่อมชื่นใจและมีความสุข
    อุปมาการอุทิศบุญกุศลจากแม่ไปสู่ลูก ดังเช่นแม่บุญธรรมให้สิทธิลูกเลี้ยงในการเข้ามาอยู่อาศัยในบ้านของแม่บุญธรรม ให้ลูกได้อยู่อาศัยได้รับประโยชน์สุข ในบุญสมบัติของแม่ ได้อยู่ในบ้านอันเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของแม่ สมบัติแม่บุญธรรมก็ไม่ได้ลดลง แต่สมบัติลูกเลี้ยงกลับมีเพิ่มขึ้น

    ข้อสังเกตคือการอุทิศบุญกุศล มีความเมตตาแฝงอยู่แล้ว เพราะถ้าเราไม่รักเราไม่เมตตาเค้า เราคงอุทิศบุญให้เค้าไม่ได้


    2.ถ้าเราจะอุทิศส่วนกุศลให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำได้ไหม เช่นพ่อแม่ คนที่เรารัก เพื่อนฝูง เห็นบางทีบอกว่าได้แต่ต้องให้เขาอนุโมธนา แล้วถ้าไม่มีโอกาสบอกให้เขาอนุโมทนาละค่ะ ทำยังไง? เขาก็ไม่ได้รับบุญอย่างนั้นหรอค่ะ
    ตอบ หลักสำคัญของผู้รับการอุทิศกุศลที่เค้าจะได้รับประโยชน์คือ ขั้นต้นเค้าต้องสามารถรับรู้ได้ในบุญที่เราจะให้เค้าและขั้นต่อมาคือ เค้ายินดีกับบุญที่เราให้เค้าแค่ไหน สองขั้นตอนนี้ถ้าสมบูรณ์ ผู้รับก็จะรับประโยชน์ในบุญที่เราให้อย่างสมบูรณ์
    อุปมาเหมือนแม่จะยกที่ดินที่แม่แอบไปซื้อไว้แต่ลูกไม่รู้ เพื่อให้เป็นมรดกแก่ลูก ถ้าแม่ไม่บอกให้ลูกรับรู้ในทางใดทางหนึ่งเลย ว่าแม่จะยกที่ดินนี้ให้เป็นมรดกแก่ลูก ลูกจะมีโอกาสได้รับประโยชน์จากมรดกนี้ได้อย่างไรละครับ

    แต่คนที่ตายไปแล้วเค้ามีจิตเป็นทิพย์ เค้าจึงรับรู้เจตนาบุญของเราได้ทางกระแสจิตที่เราส่งไปให้เค้า พอเค้ารับรู้ได้ก็โมทนาได้ ก็ได้รับประโยชน์ในบุญนั้นไป
    ส่วนคนที่ยังไม่ตาย กระแสจิตเราส่งถึงเค้ายากครับ เพราะเค้ามีร่างกายที่เป็นตัวบดบังกระแสจิตของคนอื่นที่จะส่งไปถึงเค้าอยู่ การทำให้คนเป็นรับรู้ในบุญจึงจำเป็นต้องบอกไงครับ บอกแล้วถ้าเค้ายินดีในบุญแค่ไหน เค้าก็รับผลบุญผลประโยชน์ไปมากแค่นั้นละครับ


    ถ้าคุณมีความจำเป็น ที่ไม่สามารถบอกคนที่มีชีวิตอยู่ให้เค้ารับรู้และโมทนาบุญของคุณได้ ก็คงต้องใช้วิธีทางอ้อมแหละครับคือให้คุณอุทิศบูญให้เทวดาประจำตัวของเค้าแทน ให้ท่านได้โมทนาและช่วยคุ้มครองคนนั้นให้ได้รับผลเช่นเดียวกับผลที่คุณจะได้รับจากบุญนั้น นับแต่บัดนี้ไป

    3.ถ้าเราจะอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เจ้ากรรมนายเวร พูดรวมกับผู้ที่มีชีวิตเลยได้ไหมค่ะ ต้องพูดแยก หรือมีคำพูดอย่างไรที่ถูกต้อง เพราะทุกวันนี้ดิชั้นก็พูดรวมกันเลยค่ะ
    ตอบ แยกท่อนพูดให้แก่เทวดาประจำตัวของผู้ที่มีชีวิตอยู่ เช่น ขออุทิศบุญนี้ให้เทวดาประจำตัวของ......ให้ท่านได้โมทนาและช่วยคุ้มครอง.....ให้ได้รับผลเช่นเดียวกับผลที่คุณจะได้รับจากบุญนี้ นับแต่บัดนี้ไป

    3.คำพูดที่เราจะอุทิศส่วนกุศลให้เขา พูดยังไงดีค่ะ ที่ถูกต้อง และกระชับรัดกุมเห็นอ่านมาหลายที่ก็ต่างกัน บางที่ก็ใช้เป็นบทสวดมนต์ ที่ดิชั้นพูดทุกวันนี้ก็คือ "ขอให้ส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าทำในวันนี้ อุทิศให้แก่ พ่อแม่ ครอบครัวของข้าพเจ้า ญาติสนิทมิตรสหาย เจ้ากรรมนายเวร เทวดาที่ปกรักษาคุ้มครองข้าพเจ้า สัตว์ทั้งหลาย เปรตทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นอนุโมทนา และรับกุศลผลบุญที่ด้วยเทอญ" แบบนี้ถูกผิดอย่างไรค่ะ
    ตอบ แนะนำบทอุทิศกุศลของวัดท่าซุงครับ ผมว่ากระชับและครอบคลุมหมด
    คำอุทิศส่วนกุศล

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วันนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้า ในครั้งนี้ด้วยเถิด
    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ..
    4.ถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้คนที่เรารักทุกวัน เช่นเพื่อนที่เราแอบชอบ คนที่เรากำลังดูใจกันอยู่ แต่ไม่มีโอกาสบอกให้เขาอนุโมทนาบุญ อย่างนี้ มีโอกาศเหมือนกับการสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันรึป่าวค่ะ แล้วมีผลทำให้ความรักสมหวังรึป่าว
    ตอบ ก็ต้องตอบว่ามีโอกาสครับ แต่ให้ใช้วิธีที่แนะนำข้างบนนะครับ แต่โอกาสของคุณจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่า คุณกับเค้าเป็นคู่กันมาในอดีตชาติมากน้อยครั้งแค่ไหน ถ้าต่อให้คุณอุทิศไปให้เทวดาที่รักษาตัวเค้า แต่วันนึงเค้าได้เจอคู่เก่าที่เคยครองกันมาเป็นหมื่นๆชาติ คุณก็สมหวังยากแล้วละครับ ไม่มีอะไรใหญ่เกินกรรมครับ ต้องทำใจครับ ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ อย่าหวังผลตอบแทนดีที่สุด

    5.การที่เราขอพรต่างๆหลังการอุทิศส่วนกุศล เช่น ขอให้ครอบครัวของข้าพเจ้ามีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง เป็นต้น อย่างนี้มีผลไหมค่ะ

    ตอบ มีผลครับ เพราะเป็นอธิษฐานบารมีในขณะที่จิตเรามีบุญใหญ่จากการอุทิศกุศลรองรับ โอกาสสำเร็จมีสูงกว่าตอนอธิษฐานขอพรลอยๆ ทั่วไปที่ไม่ได้มีกำลังบุญรองรับครับ แต่ถ้าใช้บทของวัดท่าซุงจะสำเร็จง่ายนะครับเพราะเป็นการอุทิศบุญที่แรงเพราะให้อย่างกว้างขวางไม่เลือก แล้วคุณค่อยเติมต่อท้ายท่อนสุดท้ายไปอีกว่า "หากข้าพเจ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัวได้มี..........นับตั้งแต่บัดนี้ไปจนตลอดชีวิต"

    6.ถ้าเราบอกให้คนที่เราทำบุญให้เขารับรู้ พูดอย่างไรค่ะ ให้เขาอนุโมทนาสาธุ
    ตอบ บอกว่าเราไปทำบุญ...มา เราเลยมาบอกให้เค้ายินดีในบุญนี้ไปกับเราด้วยนะ เค้าจะได้ร่วมรับความสุขในผลบุญนี้ไปกับเราด้วย
    คุณไม่ต้องให้เค้าพูดสาธุก็ได้ครับ แต่ให้ใจเค้ายินดีไปกับบุญที่เราทำเพื่อเค้า แค่นี้เค้าก็ได้บุญแล้ว จำไว้นะ ทุกอย่างสำเร็จที่ใจเป็นหลักครับ

    ใครมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมได้ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ไขข้อข้องใจมานานด้วยค่ะ[/QUOTE]
     
  18. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
     
  19. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,917
    ขออนุโมทนา แด่ทุกๆความเห็นด้วยครับ มีประโยชน์มากจริงๆ หนึ่งคน หนึ่งความคิด แต่เมื่อมารวมกัน ทำให้ปัญญาเกิดขึ้นมาทันที ซึ่งแต่ละบุคคลเป็นผู้ที่มีจิตยึดมั่น ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธองค์

    ขออนุโมทนาบุญ แด่ทุกๆท่านที่ใฝ่ในธรรมมะด้วยเทอญ
     
  20. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    เคล็ดลับ ในการทําบุญ



    ใช้ ใจ เป็นที่ตั้งของจุดประสงค์ ตั้งใจในการทํา ตั้งใจให้ ตั้งใจถึงเหตุที่ ทํา
    ไม่ว่าวิธีใหนๆ ถ้าขาด ใจ ตัวนี้ไปเเล้ว

    ผล ของการกระทํา ก็เป็นเเค่เพียง ผล

    ซึ่งมันจะต่างกันมาก กับ เมื่อเราใช้ใจประกอบลงไปที่การกระทํานั้นๆ

    เมื่อจิต มันตั้งมั่น กําลังมันก็สูงตาม ผลมันก็ สวยตามความประสงค์
     

แชร์หน้านี้

Loading...