ถ้าคุณสามารถแลก "วิญญาณ" กับ "ความสามารถพิเศษได้ คุณจะเลือกอะไร?

เอาง่ายๆ นะ กรณี คุณตัน
เป็นคนก่อตั้งบริษัทมาเอง
ตอนนี้ บริษัทเป็นของไผ๋?


ซาตานกำลังบีบอยู่ ให้เขาลำบาก
และเข้าสู่ทางตัน จนกว่าเขาจะยอมรับ
ภาคมืดๆ ก็จะทำให้เขาประสบความสำเร็จ
อีกครั้ง แต่ถ้าเขายอมรับวิบากกรรม เขาก็จะพ้น
จะหลุดพ้นจากวังวนนี้ และมีอิสระพอที่จะเข้าสู่ทางธรรม

 

นักธุรกิจที่ใสซื่อมือสะอาดจริงๆ น่ะ
ไม่รอดหรอก สุดท้าย หมดตัวไปบวช
คนที่อยู่รอดได้ ก็ต้องมี "เขี้ยวเล็บ" พอตัว
กันทั้งนั้น หลักการตามตำราน่ะ มันสำหรับลูกน้องใช้


แต่สำหรับเจ้านายแล้ว ใช้ "นอกตำรา" กันทั้งนั้น

 

ผมเกรงว่า ท่าน... อาจจะยังไม่เข้าใจในข้อความนะครับ...
"ชีวิตส่วนตัว" ครับ

 

เมื่อคุณถูกบีบให้ถึง "ทางตัน" เมื่อนั้นซาตานจะปรากฏ


ภาคมืดจะบีบให้คุณเข้าสู่ทางตันไปเรื่อยๆ เมื่อคุณต้องการที่
จะได้, จะมี, จะเป็น อยู่ต่อไป ภาคมืดก็จะช่วยให้คุณสำเร็จแต่
นั่นต้อง "แลก" กับอะไรบางอย่าง ซึ่งกระบวนการนี้เป็นไปเอง
ทางใจของคุณ สำเร็จด้วยใจคิดเท่านั้นเอง ไม่มีรูปธรรมให้เห็น
เหมือนในหนัง ไม่มีโรงจำนำให้เห็นชัดเจน แต่เป็นกระบวนการ
ที่เกิดขึ้นในใจของคุณ และสำเร็จด้วยใจคุณเท่านั้นเอง ง่ายจัง
ใช่ไหมครับ? ไม่ต้องเดินทางไปไหน, ไม่ต้องไปหาที่บนบานที่
ใด สิ่งที่มีฤทธิ์มากนั้น ก็มาเองเลย เพราะเขารอเวลานั้นอยู่แล้ว
และสิ่งนี้เกิดขึ้น "มากมายจนเหมือนเป็นปกติ" ของคนส่วนใหญ่
ไปแล้ว เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ตัวว่าพวกเขาไปอยู่ในภาคมืดตั้งแต่
เมื่อไร? เอาง่ายๆ เลย คนที่ใช้อินเตอร์เน็ตได้ "ทุกคน" ล้วนอยู่
ในภาคมืด มีจิตวิญญาณมืดอย่างน้อย 1 ดวงทั้งนั้น อย่าได้เห็น
ใครดีหรือเลวไปกว่ากันเลย "มืด" เหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่มี
ทางออกอย่างไร? มืดต่อไป อย่างไม่รู้ตัว หรือว่ามีสติรู้ตัวแล้วก็
หาทางออกได้? บทความนี้ก็เพียงให้คุณได้สติ ยอมรับความจริง
เท่านั้นเอง เมื่อนั้น คุณก็จะได้เดินทางออกได้อย่างถูกต้องต่อไป

 

นั่นสินะ "ชีวิตส่วนตัว" ยังไม่ใช่ "เบื้องหลัง"
เอาไว้คุณเห็นเบื้องหลังเมื่อไร ค่อยว่ากันนะ

 

เราไม่ได้มีทัศนคติเชิงลบกับภาคมืด เพียงแต่ให้คุณเข้าใจมัน


"ตัวตน" ทั้งสามมิติของเราคือ "มิติแห่งสังขาร", "มิติมืดและสว่าง"
เหมือนแสงและเงาที่ติดตัวและตามตัวเราไปทุกแห่ง ตราบใดที่เรายัง
ไม่อาจทำให้ตัวตนทั้งสาม "หลุดพ้น" ได้ ดังนั้น สิ่งที่เราจะมาเรียนรู้
กันคือ การหลอมรวมตัวตนทั้งสามมิติ" เข้าด้วยกัน เพื่อเก็บเงาตัวเอง
สิ่งที่ตัวเองทำตกค้างไว้บนโลกนี้ กลับคืนสู่บ้านเก่าของเรา เป็นการ
เก็บงานในขั้นสุดท้ายของพวกเรา ชาวต่างดาวทั้งหลาย (อย่าลืมว่า
เราไม่ได้อยู่ในโลกนี้ตลอดไป เราคือนักเดินทางที่ต้องเดินทางไปใน
จักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ อย่าหลงยึดติดโลก อย่าลืมซะละ) ดังนั้น เรา
จึงไม่ได้ต้องการให้ท่านเกิดทัศนคติเชิงลบกับอะไร เพียงแต่ให้เข้าใจ
ใน "ทุกสิ่ง" อย่างที่มันเป็น เข้าใจใน "ภารกิจของท่านเอง" ที่ต้องทำ
ในโลกนี้ ก่อนจะกลับบ้านเก่าของท่านต่อไป ดังนั้น ไม่มีอะไรดีหรีอชั่ว
ถูกหรือผิด มันเป็นเพียง "กระบวนการส่วนหนึ่งของการเกิดและดับไป"
อันเป็นธรรมดาของจักรวาลนี้ ซึ่งคุณเองอยู่ใน "ภาคส่วนหนึ่งของกิจ
ของกระบวนการเกิดดับนั้น" ซึ่งคุณถูกส่งลงมา "ทำภารกิจให้สำเร็จ"
ก่อนที่จะกลับบ้านเก่า ก็เท่านั้น ดังนั้น ไม่ต้องกลัวสิ่งใดก็ตามที่คุณจะ
ต้องเรียนรู้มัน แม้ว่ามันจะแปลกใหม่ และดูน่ากลัวในครั้งแรกพบก็ตาม

 

ตอนนี้ ทำงานประสานกับแม่
แม่บำเพ็ญธรรมมากระดับหนึ่ง
(ทำงานเป็นชาวนา อยู่กลางแจ้ง
ยากลำบากมาตลอดชีวิต)


แต่สังขารของแม่ทำกิจได้จำกัด
จิตวิญญาณมืดบางดวง ไม่อาจ
ประสานได้ หาสังขารโปรดไม่ได้


ดังนั้น เราจึงขาด "ลูกมือ" ที่ดีอยู่น่ะ

 

เป็นอำมตะคนเดียวบนโลก
คนอื่นแก่และตายไปเรื่อยๆ
คงจะไม่ดี ใช่ไหม?


ตอนนี้เลยต้องเรียนรู้วิธีเกิด
ใหม่ เพื่อปรับตัวเองให้เหมือน
เด็กที่เกิดใหม่ จะได้เรียนรู้พัฒนา
ไปพร้อมกับคนยุคใหม่ๆ ได้ ไม่ตกยุค
อยู่นาน ก็ต้องปรับตัวเข้ากับคนยุคใหม่ให้ได้


ใช่ไหม ...

 

ท่านเห็น "เบื้องหลัง" ของพวกเขา แล้วท่านเห็นพวกเขา ในฐานะที่เป็น "มนุษย์" หรือยัง? หรือท่านเห็นพวกเขาเป็นเพียงหุ่น ที่มีการกระทำเบื้องหลังที่ไม่ดี ก็เท่านั้น?

พวกเขาเหล่านั้น แตกต่างกับ "มนุษย์ทั่วไป" อย่างไร? ทำไมท่านจึงนิยมแบ่งแยกชนชั้น แบ่งแยกดีชั่ว แบ่งแยกขาวดำ?

 

สว่างรอบ ไม่ใช่สว่างแต่ด้านหน้าไง
ไม่รอบ ไม่หมด ไม่จบ ไม่ถึงนิพพานจริง
เดียวจะนิพพานหลอกๆ กันเสีย ต้องกล้าหาญ
กล้าได้ กล้าเสีย กล้าทดลองเรียนรู้กันหน่อย แบบนี้ละ


ด้านมืดของ "พระธรรม" ไม่ต่างจาก "ยาเสพติด" หรอก
พอเข้าใจไหมละ? ความหมายของธรรมะเป็นยาเสพติดน่ะ

 

ก็นั่นแหละ "มนุษย์ทั่วไป" ก็อย่างนี้แหละ

 

Big Boss เขาจะเป็นอำมตะ
เราเลยเตรียมสังขารไว้รอ ดีกว่า
ให้สังขารของพวกฝรั่งได้เอาไปใช้


ไม่ใช่หรือ?

 

จริงแท้ครับ สาธุ ท่านพูดถูก มนุษย์ทั่วไป ก็เป็นแบบนี้
ฉะนั้นแล้ว นี่คือความจริงสามัญพื้นฐาน เรื่องของปุถุชนธรรมดาทั่วไป
จะแสดงธรรม แสดงความรู้ในข้อนี้ ก็เหมือนเทน้ำเปล่า ผสมน้ำเปล่า บอกกล่าวในสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่ในจิตใจอยู่แล้ว
จะเรียกว่า เป็นหนึ่งในอกุศลกรรมบถ 10 ได้หรือไม่ครับท่าน?

ท่านเคย เสพติดฌาน หรือยังครับ?

 

เวลาติดสงบ อะไรมากระทบความสงบ
ก็จะไม่ชอบ เกิดประจุ - ต่อสิ่งที่ตรงข้าม
กับความสงบ เช่น คนมาพูดเสียงดังใกล้ๆ ก็
จะเดินหลบไปเลย ปลีกวิเวก หลบผู้หลบคนไปเลย


เล่าให้ฟังเล่นๆ เท่านั้นนะ ไม่ต้องคิดมาก ...

 

เตรียมสังขารของท่านไว้รองรับ "เงาของท่านเอง" เพื่ออะไร?


"จิตวิญญาณภาคมืด" เมื่อไปอยู่กับมนุษย์ๆ ส่วนใหญ่จะใช้พลังมืดไป
ในทาง "สนองกิเลสตัวเอง" เช่น เพื่อให้ตนเองได้เป็นประธานาธิบดี
เพื่อให้ประเทศของตน มีอำนาจ มีอิทธิพล ครอบงำทั่วเอเชีย เป็นต้น
ดังนั้น เราจึงต้อง "สู้" ในฐานะนักรบภาคสว่าง การต่อสู้อย่างเปิดเผย
อาจส่งผลกระทบให้มนุษย์ได้รับความเดือดร้อน ดังนั้น การสู้รบ "นอก
รูปแบบ" จึงเริ่มต้นขึ้น คือ ใช้สังขารของตนเองเป็นสนามรบ ดึงเอาสิ่ง
ที่มีพลังมืดนั้น เข้าไว้ในตัว แล้วขจัดเสียให้กลายเป็นภาคสว่าง เพื่อจะ
ได้ "ลดทอนอำนาจของฝ่ายตรงข้าม" ซึ่งใช้พลังของภาคมืดทำกิจนั้น
ซึ่งในการทำหน้าที่นี้ จะต้อง "เตรียมสังขาร" อย่างดีพร้อมก่อน และใน
การรับ "พลังภาคมืด" ก็ต้องฝึกรับจากพลังน้อยๆ ก่อน แล้วจึงค่อยทำ
ให้สว่าง เมื่อทำได้แล้ว จึงรับพลังภาคมืดที่มีพลังอำนาจมากขึ้นไปตาม
ลำดับเพื่อชำระล้างให้สว่างยิ่งขึ้นไป (ปลดปล่อย-ชำระล้าง-สร้างใหม่)

 

ส่วนตัวผมแล้ว คิดว่าแค่นี้ยังไม่ถึงระดับขั้นเสพติดครับ

 

Big Boss ในวงการสื่อบันเทิง
นี่มายากจัง อุตส่าห์เป็นทั้งนักแสดง
และผู้กำกับแล้ว ยังไม่ยอมมาง่ายๆ เลย


สงสัยพวกฮอลี่วูด เขาใช้สังขารทำงานด้านนี้
ตลอด เลยไม่ไหลมาทางสังขารเราเท่าไรเลย


(Big Boss ใหญ่ๆ จะมีอยู่ 5 ตนนะ ยกเว้นพวก
ที่อยู่ในนรกลึกๆ ได้รับการปลดปล่อยมาเพิ่มอีก)

 

แล้วคิดว่าเสพติดฌานนี่มันดีไหม?

 

หัวหน้า 1 ตน จะมาพร้อมๆ บริวารอีกมากมาย
หมายความว่าไม่ใช่แต่เรา แต่ประชาชนทั่วไปจะ
ได้รับด้วย สังขารของพวกเขาจะถูกเลือกให้รองรับ
ด้วย เพื่อชำระล้าง เคลียร์กรรมไปพร้อมๆ กัน


ดังนั้น บางทีเราจำเป็นต้องรอ หรือบางทีก็ต้อง
ช่วยดึงบริวารให้ตามๆ กันมาให้ทันกันด้วยครับ

 

ขึ้นชื่อว่าเสพติด ย่อมไม่ดีทั้งนั้น เพราะเป็นการกระทำที่ถูกชักจูงนำไปโดยกิเลส
สิ่งใดที่ชักจูงให้ท่านเปลี่ยนประเด็นพูดหรือครับ?