หลวงปู่หล้า สนทนาธรรม กับหลวงปู่บุญฤทธิ์

โอ้วโห นี่แฟนพันธุ้แท้มังกรหยกป่าวเนี่ย

ไปอ่านมาแล้ว ลามาจักรทองเป็นถึงราชครู แปลว่ามีปัญญา

ส่วนลามะนี้ เป็นนักบวช แปลว่า มีแบบแผน

ที่สำคัญไปไหนมาไหน ต้องหิ้วจักรไปด้วย อันนี้ล่ะที่แจ่ม

เห็นลามะ ย่อมเห็นจักรทอง

 

ว่าแต่ ท่านทวด นั่นไม่เข้ามารึไง

 

ธรรมดา

ตื่นมาสร้างภาพหน่อย โดนลุงขันธ์แซวเสียลุคไปฉองวัน

ต้องโพสให้รู้ว่าตื่นเช้าหน่อย เดี๋ยวสายค่อยแวบไปนอนต่อ

 

โอยยยย เรื่อง 8เทฟอสูรมังกรฟ้า

ลามะจักรทองในเรื่อง เป็น ลามะจักรแตกก่อนไง
แต่สุดท้ายกลายเป็นจักรทองได้เพราะกลับใจ

 

สร้างภาพให้ดูดีว่างั้นเหอะ เด้วไปอาบน้ำดีกว่าลูกพี่

ลูกพี่ แปลว่า ?

 

ผมว่าเหมาะกับน้าปราบจะตาย


ส่วนน้าหม้อ นี่เลย

เนี่ยจื้ออง (เฒ่าประหลาดเซียนโสม)

 

อ๋อย อ๋อย โดนวิชาตระกูลมู่หยง เอิ๊กๆ




ว่าแต่ว่า ..คาเรคเตอร์เป็นไง เฒ่าประหลาดเซียนโสม

 

รักธรรมชาติ วันๆหมกอยู่ที่ตนสนใจ แต่เยอะ

ชอบจ่ายยาให้ชาวบ้าน แต่ลืมปรุง

 

ผู้ใด คือท่านทวด ของผู้เฒ่าหม้อ ?

 

อาหลง เอาไหมล่ะซักหม้อ เดี๋ยวไปขอแกให้ เอิ๊กๆ

ผู้เฒ่าหม้อ คงจัดให้เป็นพิเศษ

รักษาอาการหลง งงงวยโดยเฉพาะ

 

นี่พี่ซัวเจ๋งเซียมตัง ไปเปรียบอะไรกับเนี่ยจื้ออง (เฒ่าประหลาดเซียนโสม)

แทนที่จะเปรียบว่าเป็นก๊วยเจ๋ง ที่ขายกล้วยทอดตามหน้าร้าน7 24

อายแว่น

เด้วขอตัวก่อนล่ะ

 

กล้วยเจ๋ง

 

พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย สัมมาสติเป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณี นี้ ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอน ความพอใจและ ความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ย่อมพิจารณาเห็นเวทนา ในเวทนาทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติถอนความพอใจและไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห้นจิตในจิตอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติถอนความพอใจไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าวว่า สัมมาสติ...............(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)

 

มีความเพียรเครื่องเผากิเลส

อยากรู้นิยามของแต่ละคนเนอะ

เผากันยังไง บ้าง มีแต่เปรี้ยงๆ

 

พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย สัมมาสมาธิ เป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลายภิกษุในกรณี นี้ สงัดแล้ว จากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย เข้าถึง ปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปิติและสุข อันเกิด จาก วิเวก แล้วแลอยู่ เพราะความที่วิตก วิจาร ทั้งสอง ระงับลง เข้าถึง ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใส แห่ง ใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมี ขึ้น ไม่มีวิตก วิจาร มีแต่ ปิติและ สุขอันเกิด จากสมาธิแล้วแลอยู่ อนึ่งเพราะความจางคลายแห่งปิติ ย่อมเป้นผู้อยู่ อุเบกขา มีสติและ สัมปชัญญะ และ ย่อมเสวย สุขด้วย นามกาย ชนิดที่ พระอริยะเจ้า ทั้งหลายย่อมกล่าว สรรเสริยผู้ นั้น ว่า เป็นผู้อยู่ อุเบกขา มีสติอยู่เป้นปรกติสุข ดังนี้ เข้าถึง ตติยฌานแล้วแลอยู่ เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัส ทั้งสอง ในกาลก่อน เข้าถึง จตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป้นธรรมชาติ บริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่ ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าวว่า สัมมาสมาธิ.....................(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)

 

พระวจนะ เรื่อง ญานเกิดจากสมาธิของผู้ที่มีสติปัญญารักษาตน พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเจริญ สมาธิมีคุณอันไม่มีประมาณ เป็นผู้ มีปัญญา รักษา ตัว มีสติเฉพาะหน้า อยู่เถิด เมื่อเธอเจริญ สมาธิมีคุณอันไม่ประมาณ เป็นผู้มีปัญญารักษาตัว มีสติอยู่เฉพาะหน้า ญาน 5 ประการ ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียว ห้าประการอย่างไรเล่า ห้าประการ คือ ..................ญานย่อมเกิดเฉพาะ ตนนั่นเทียว ดัง นี้ว่า สมาธินี้ ให้เกิด สุขในปัจจุบันด้วย มีสุขเป็น วิบาก ต่อไปด้วย.....................ญานย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียว ดัง นี้ว่า สมาธินี้ เป็นธรรมอันประเสริฐ ปราศจาก อามิส........................ญานย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียว ดัง นี้ว่า สมาธินี้ คนชั่ว ถ่อย เสพไม่ได้..........................ญานย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียวดังนี้ว่า สมาธินี้ รำงับปราณีต ได้แล้วด้วย ปัสสัทธิ ถึงทับแล้วด้วย เอโกทิภาวะ(ความที่จิตมีธรรมอันเอก)ไม่ใช่ บรรลุได้ เพราะการ ข่มขี่และการห้ามด้วย สสังขารธรรม(เครื่องปรุงแต่ง)..................ญานย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียว ดังนี้ว่า เรามีสติเข้าถึง สมาธินี้ มีสติออกจาก สมาธินี้.......................ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเจริญสมาธิมีคุณอันไม่ประมาณ เป้นผู้ มีปัญญา รักษาตัว มีสติเฉพาะหน้า เมื่อเธอเจริญสมาธิมีคุณอันไม่ประมาณ เป็นผู้มีปัญญารักษาตัว มีสติเฉพาะหน้าอยู่ ญาน 5 ประการเหล่า นี้ ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียว อย่าง นี้แล..................(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)

 

บริขารเจ็ดของอริยสัมมาสมาธิ พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย สมาธิบริขาร 7 ประการ เหล่านี้มีอยู่ เจ็ดประการอย่างไรเล่า เจ็ดประการ คือ สัมมาทิฎฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ ...........ภิกษุ ทั้งหลาย เอกัคตาจิตที่แวดล้อมอยู่ด้วย องค์ เจ็ดประการ เหล่า นี้เราเรียกว่า อริยสัมมาสมาธิ มีที่ตั้งอาศัยบ้าง ที่มีบริขารบ้าง ดังนี้.........(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)

 

เหมือนโปรแกรม ที่ตามคำสั่งป้อน ดีนะแต่ขาดรสชาด
เพราะไม่ไปถึงใจ

 

...............ต้องซ้ำ ต้อง ค่อย ค่อย ครับลุง ก๋วยเตี๋ยวร้านใหนอร่อย ต้อง ซ้ำ................เล็กยำทุกอย่างชาม!!!!

 

-อย่างแจ้งเลยละ ท่านขันธ์