สัมมาทิฏฐิสูตรว่าด้วยความเห็นชอบ

...........พี่ หม้อ อย่า ว่าผม เข้าใจ พี่หลงเลย บางอย่าง ผมก็ไม่อยากจับผิดแก มาก นะครับ เลยปล่อยผ่านไปบ้าง

 

ไม่ใช่รู้เรื่องกว่า

ความที่ แพทริก ใช้ ภาษาพุทธวัจนะ ทำให้ อาหลง จะเลือกก๊อปปี้ ตรงไหนให้
ตรงกับทิฏฐิตนก็ได้

แต่ ส่วนที่แพ้ทริก ยกมาเพื่อหวังจะยกจิต ยกกรรมฐาน ของอาหลง ให้ขึ้นสูงนั้น

ตรงนั้นถือว่า ไม่เกิดผล แต่ ไม่เสียหาย เพราะ เป็นการสร้าง วาสนา ในการ
มาเจอพุทธศาสนาในอนาคตภายหน้าโน้น

การยกพุทธพจน์จึงร่มเย็นได้ตลอด และ ยาวนาน กว่า

 

โอยยยย น้าเอก

ที่ยกมาแสดง เรื่องวิถีจิต ๗ ขณะนั้นเป็นการแสดงขั้นตอนรับอารมณ์ของจิต

วิปัสสนาเขารู้ตรงกระทบ วิญญาณก็เกิดแล้ว

ส่วนที่เจริญรู้ เป็นการเจริญกุศล ดับอกุศล ลงชวนะ

นี่ดูเป็นรึเปล่าหว่า อย่าสักว่ายกๆๆ ทำเป็นเหมือนจะรู้เรื่อง

 

แต่พี่แพรททริก ยังมีใจนะ

เมื่อคืน ยังตามไปส่องเลข ขนาดไม่ได้หยิบยื่นให้

นั่นเพราะเห็นความสำคัญ ที่ทิ้งไม่ได้ต้องเจริญควบกันไป อย่างกะม้าอาชาผู้ฝึกตนได้

 

พูดตรงๆนะ ผมไม่ค่อยได้ศึกษาพระวจนะ

และก็ซื่อสัตย์กับอารมณ์ตนเองพอตัว

ไม่จำเป็นต้องไปก๊อบอะไร ตามที่กล่าวหา

น้าเอกดูตัวเองก่อน เมื่อวานว่าเขาไม่ทำสมาธิ เช้ามาว่าไม่ใช่นักปฏิบัติ ตอนนี้มาเล่นก๊อปปี้

กลุ้มใจจริงๆ

 

อาหลงเอ้ย คนเขา ชวนให้ ยกจิตขึ้นไปในลำดับ สูงๆ

อาหลง ก็ยังม่วนอยู่กับเรื่อง โง่ๆ ล่างๆ นั่น รู้ให้ตายก็
ไม่เห็นผลหรอก

ทุกอย่างมันเป็นอุบาย และเป็น สิ่งเกิดดับ ทั้งนั้น ต่อให้
มันเป็นมรรควิถีก็เถอะ ดังนั้น สิ่งที่ละเอียด เนี่ยะ ต้องยก

พระท่านพูดเสมอ มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด มันแต่ ง่มโข่ง
แล้ว สำคัญตัวว่า รู้

เอานะ ผมได้แสดงสัตยบรรณไปแล้ว เฉลยไปก็แล้ว ถ้าไม่
เอะใจ ผมก็ถือว่า ผมฟาวล์ไปแล้ว ดังนั้น สำหรับอาหลง ผมถือว่า
หมดวาสนาต่อกัน ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องมาคุยธรรมะกัน เพราะ
ไม่มี "ธุระ" ต่อกันอีก

* * * *

ทีนี้ จะบอก แพ้ทริกไว้หน่อย จะเห็นว่า เรายกพระสัทธรรมมาก็จริง แต่ เราใช้
แล้วไม่บังเกิดผล อันนี้ จะมองเรื่อง วาสนในอนาคตอย่างเดียวก็ไม่ได้ ผม
มั่นใจว่า อีกหน่อย แพ้ทริกเองจะไม่ได้วาสนามีสัทธรรมในมือ

กล่าวคือ พอถึงที่สุด ความสามารถทางปริยัติ จะหายหมด ไม่เหลือ !!

พิจารณาตรงนี้ไว้ด้วย

------

อาศัย อะไรกล่าว อาศัย บุพกรรมของบุคลาธิษฐานของเถระสมัยพุทธกาล
กล่าว บางท่านใช้สัทธรรมเข้าปรับความรู้เพื่อน แต่ทว่า ไม่เกิดผล ( มันผลิก
เป็น ข่มเพื่อนแทน ) ตรงนี้เลยทำให้มี เศษกรรม ที่ริบทรัพย์ได้

 

แพททริกลองมองสิ่งที่ถูกบ้างสิ

อย่างน้อยก็ให้มันเสมอกับสิ่ง จับผิด

ดูเราถูกมันง่าย แต่ดูเขาผิดนั้นง่ายกว่า อย่างนั้นหรือ ^^

 

.....................ผมก็ดู อารมณ์ ความคิด ในสมาธิ นะครับ ตามดู ความเปลี่ยนแปลง หรือ ความไม่เปลี่ยนแปลง

 

น้าเอกไม่จำเป็นไปยกใครสูง

จะสูงก็สูงจากภูมิตน ของไม่มีในตนแล้วไปสูงตามไม่ดีหรอก

เราก็เจริญสติรู้ของเราไปเรื่อยๆนั้นแล


ขออีกอย่าง หัดพูดอะไรให้กระชับๆ เข้าใจง่ายๆหน่อย

ขี้เกียจแปลไทยเป็นไทย

 

วะซั่น ผู้รู้ อยู่นี่เอง อาการจิตหวนกลับ ต่อผัสสะเวทนา

รู้อยู่ภายใน ว่านี่ไตรลักษณ์สำแดง อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา ประมาณนั้นดิ

 

............ขอบคุณครับ ผมจะพยายามไม่ให้หายไป...ขอน้อมไปพิจารณา

 

ที่นี้ ผมพูดไปอย่างนั้น แพ้ทริก คงไม่ตกใจ ถึงกับ หยุด

เพราะ รู้อยู่แล้ว่า ให้ตามพิจารณาไว้ด้วย อันนี้มันมี
ความหมายว่าอย่างไร

เงื่อนมันจะปรากฏ ปมนั้นจะเด่น เห็นปมนั้นชัด ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย

 

................ไม่ได้หวังผลอะไรครับ ก็ มีสติ รู้ไป

 

..................คงเป็นพวก ทิฎฐิ มานะ...ให้ตามพิจารณาไว้ นี่ดีมากครับ ขอบคุณที่เตือน ผม ลืม จริงจริงครับ

 

ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค

ท่านแสดงรายละเอียดในการพิจารณาไว้แล้ว โดยความเป็นลักษณะ

ความเป็น ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ปฏิขสมุปบาท ฯลฯ

ไม่ใช่รู้เวทนา แล้วจบข่าว อย่างที่เข้าใจกัน

 

๑ ๒ เป็น เรื่องภวัง และวิบากที่เกิด กระทบทางทวาร ๖ ตรงนี้ก็มีอินทรีย์สังวรณ์

๓ ๑๑ โดยทั่วไปหากขาดสติระลึก เมื่อเกิดการกระทบอารมรณ์ จะลงวิถี จิตปรุงแต่งเป็นอกุศลจิต เสพ และบันทึกลงตทาลัมพนะ ไว้เป็นเชื้อต่อไป

ทีนี้ ที่เจริญสติรู้ผัสสะกระทบทางทวารทั้ง ๖
เป็นการเจริญกุศลระลึกรู้ตามวิถีไป จิตตัดสินที่รู้เป็นสัจจะ
เช๋น หลงเรื่องราวปรุงแต่ง สติระลึกได้โดยความเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่ง ดูความไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา

เกิดปัญญา กุศล ลงในวิถีให้จิตตัดสิน สลัดความไม่่เราออกไป เป็นการเจริญรู้กุศลในวิถี

๑๒ จิตเสพความเป็นกุศล คือปัญญาที่รู้ความเป็นจริงโดยปรมัตถ์

ตรงนี้ สัญญาทำกิจ จำกุศลไปเรียบร้อย

๑๓ ตรงนี้ เป็นบันทึกกุศล และ สั่งสมกุศลปัญญา ให้คลายภพต่อไป

๑๔ เป็นปัจจัยให้ดำรงค์ เป็นเชื้อในการเจริญกุศลจิต คลายความยึดมั่นต่อไป

 

นึกถึงพุทธภาษิตนี้

"คนเราทำบาปเองก็เศร้าหมองเอง ไม่ทำบาปก็บริสุทธิ์ด้วยตนเอง
ความบริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของมีอยู่เฉพาะตน
คนอื่นจะทำให้คนอื่นบริสุทธิ์ เป็นไปไม่ได้."

เจริญในธรรมซัวเจ๋ง แพรททริก

 

เหรอๆ อันนี้ กล่าวมาเพราะ เห็นชัดเจน แจ้งชัดเจน หรือ มั่วเอา

 

นั้นแหละ เจริญสติปัฏฐาน ยกสู่วิปัสสนาภูมิ เจริญปัญญาดับอกุศล

หยั่งปัจจัยกุศลที่ยังไท่เกิดให้เกิด

และกุศลที่เกิดแล้ว ให้เกิดยิ่งขึ้น

 

ภวังไม่เห็นหรอก ไม่มีความสามารถ

แต่วิบากของมันรู้กันได้ ก็มันกระทบอยู่ตลอด

รู้หรอว่าเดี๋ยววินาทีหน้า จะมีวิบากอะไรเกิด พวกนี้เดาไม่ได้

แต่รู้ได้ว่านี้วิบาก ตรงมันกระทบ

นี้จะพาวกมาเริ่มต้นทำไม

หากอ่านเรื่องเจตนาไปหยิบกระบอกน้ำ ที่ตอบน้ำหม้อไปก็หน้าเข้าใจสิ

จนชาวบ้านเจริญสติดับ โมหะไม่เรียบร้อยแล้ว