พวกที่จะไปพรหมโลก คืนหนึ่งให้สร้างความดี ๑๐ นาที เวลาตายแล้วเป็นพรหมแน่

พวกที่จะไปพรหมโลก ก็เป็นของไม่ยากนะ สัมพเกษี บอกเขานะว่า
คนที่ต้องการไปพรหมโลกน่ะ คืนหนึ่งให้สร้างความดี ๑๐ นาที ตอนกลางวันมันอาจจะเลว เอาดีกันตอนกลางคืน นั่งนับลมหายใจเข้าออกก็ตาม นั่งก็ได้ นอนก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้ นับลมหายใจเข้าออกก็ได้ หรือจะนึกถึงพระกรรมฐานกองใดกองหนึ่งก็ได้ เพียง ๑๐ นาที ให้รู้ลมหายใจเข้าออกเท่านี้ก็พอ เวลาตายแล้วเป็นพรหมแน่


ตัดมาจากที่สมเด็จพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓ ของภัทรกัป คุยกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ ผมทำแค่นี้ทุกวันเหมือนกัน โดนใจเลยมาบอกครับ

 

ผมสนใจ..และไปติดตามกระทู้ของคุณ.. ผมสงสัยว่า.. คุณจะเป็นอะไรกันแน่
ช่วยสรุปให้ฟังจะขอบคุณมาก

 

๑๐ นาทีนี้คนที่ไม่มีความเพียรก็เป็นไปได้ยาก....

โมทนาสาธุธรรมนะครับ.....

 

' สะมาหิตัง วา จิตตัง, สะมาหิตัง จิตตันติ ปะชานาติ ฯ จิตเป็นสมาธิก็รู้ชัดว่า ‘จิตเป็นสมาธิ’<O</O
อะสะมาหิตัง วา จิตตัง, อะสะมาหิตัง จิตตันติ ปะชานาติ ฯ จิตไม่เป็นสมาธิก็รู้ชัดว่า ‘จิตไม่เป็นสมาธิ’<O</O

 

อย่ามาถามเลยครับ ไม่อยากเป็นอะไร ไม่มาเกิดเท่านั้นพอ แต่บอกในสิ่งที่ทำอยู่และเป็น สิ่งที่พระพุทธ์เจ้าสอน แต่มนุษย์ปัญญาไม่ค่อยถึงกันครับ มีแต่พวกคุยนั้งสิบชั่วโมง ไม่งั้นไปพรหมไม่ได้ ต้องได้ญาณเท่านั้น พระพุทธเจ้าท่านคิดง่ายๆ นั้งสิบนาทีไปพรหมได้แล้ว ไม่ต้องมาเขียนบรรยายธรรมให้ยาวครับ ของผม อ.เจน อ.จตุพร อ.แบงค์ เจ้าอาวาสวัดมเหยงค์ท่านก็บอกไปอย่าที่พระพุทธเจ้าท่านบอกนั้นละครับ ทำแค่สิบนาทีแค่นั้น มาทำงานแล้วก็กลับ แต่กลับก็ต้องทำอย่างที่พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอก

 

อ่านดูเหมือนคนทำงานนิดเดียว แต่ฝันว่าได้เงินล้าน

 

พระุพุทธเจ้าพูดจริงๆหรือหรือเอามาจากหนังสือ หรือ หลวงพ่อพูดครับ ดูดีๆนะครับต้องแยกนะครับ เพราะสมัยนี้มีชอบมีคนอ้างชื่อพุทธเจ้าบอกนั้นบอกนี้ ต้องถามคนที่บอกด้วยครับว่าท่านทราบได้อย่างไรว่าพุทธเจ้าพูดจริงๆ

 

อยากรู้จริงหรือเปล่าหละ........

 

จริงๆ ไม่ต้องดูว่าท่านพูดจริงไหม ลองปฎิบัติเลยครับ แล้วจะรู้ วิตก วิจารย์ ปิติ สุข เอกคตา มันซึ่งอยู่ในใจไหม แค่10นาที ลองทำสักเดือนก็รู้แล้ว ไม่ต้องให้ไครบอกก็รู้ได้เองครับ

 

ผมไม่เข้าใจตรงที่ว่า ตอนกลางวันอาจจะเลว แต่ตอนกลางคืนนั้งสมาธิ10นาที ตามความเข้าใจผม ถ้าหากว่าทำเลว ก็ต้องลงนรกนะครับ หรือถ้าทำเลวแล้วนั่งสมาธิ ก็น่าจะเปนมารมากกว่าไม่น่าสำเร็จพรหมได้

 

นี่นะคุณ จขกท. คุณตัดบทหลวงพ่อมาสั้นเกินทั้งยังไม่ให้ที่มาอีก นี่เขาสอบหาไม่ได้เลยไม่เข้าใจนะ....

จะไม่ให้ที่มาให้เขาไปดูหน่อยเลย....ไอ่คำที่ว่าเลวนี่มันเลวอย่างไร...มันเลวในความหมายตรงที่ผิดศีลแล้วเลว หรือเลวในความหมายที่ว่าไม่ผิดศีลแต่จิตมันอาจติดในอกุศลบ้าง อันนี้ท่านก็เรียกเลว คือคนที่เขาดีอยู่แล้วนี่มันมีอกุศลเล็กน้อยเขาก็เรียกว่าเลวแล้วนะ...คือมันไม่ชินในความเลวเพราะเขาประคองจิตให้มันดีอยู่เป็นปกติตลอดเวลานี่นะ...ตกลงที่ท่านว่าเลวนี่มันเป็นเลวแบบใหน.....มันเลวแบบคนเลว หรือมันเลวแบบคนดี...

 

ทำไมแบ้วกันจังเน้อ เห็นบางท่านตอบกระทู้แล้ว เพลีย..!

 

อ่าวหรอ .....................ผมก้องง เลยตีความหมายผิด

(แต่เลวในความหมายที่ผมเข้าใจคือคือสร้างกรรมชั่วอ่ะ)

 

ต้องทำความเข้าใจว่านั่น คือ "กุศโลบาย" สำหรับผู้ไม่มีเวลาทำความสงบ

พูดง่ายๆคือ ความขี้เกียจแต่อยากจะไปเกิดเป็นพรหม

คราวนี้ ท่านจึงบอกให้ทำเพียงแค่ 10 นาที นั่นคือขั้นต้น
ทีนี้พอทำเป็นประจำๆ เป็นกิจวัตร เหมือนคนฝากธนาคาร มันจะไม่มีดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นมาบ้างเลยหรือไง

จากสิบ เป็นยี่สิบ สามสิบ สี่สิบ ห้าสิบ หกสิบ...หนึ่งร้อย...ก็เพียรกันไป

แล้วที่เพิ่มขึ้นมาได้ นั่นมาจากไหน หากไม่มาจากสิบ จะเห็นคุณประโยชน์มากก็จากสิบนั่นเอง
เพราะเราขยันขึ้นไง มีเงินฝากธนาคารประจำ ทั้่งยอดฝากและดอกเบี้ย มันก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อย

ก็ไม่ต่างจากอุบายบอกให้คนหากอยากไปนิพพาน ให้เริ่มมาสวดมนต์
เมื่อทำเป็นกิจวัตรเข้า จะอยู่แค่เพียงสวดมนต์นั้นหรือไง

อย่าว่าแต่เพียงทำความเพียรสิบนาทีนั้นเลย

"พุทโธ" นั้นยิ่งกว่าไปเป็นพรหม เพราะเห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่เป็นอัตตา

"เสื่อผืนหมอนใบ มาจากแดนไกล
เข้าสู่เมืองไทย ด้วยความจริงใจ
เพื่อขายเป็นใหญ่ เพื่อโกยกำไร
ซินเจีย ยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้"

 

ข้อแสดงความเห็นหน่อยนะครับ...
การที่จะบอกว่าทำแค่10นาที่นั้น นะมันสำหรับมืออาชิพ...คือพระผู้ปฏิบัติุทุกวันเข้าฌานออกฌานจนชำนาญเป็นนวสี...ก้อทำได้....
แต่คนอย่างเราๆ ศ ิล5 ครบบ้างไม่ครบบ้าง...มานั่งสมาธิ 10 นาทีจิตยังไม่เป็น หนึ่ง ฌาน 1 ยังไม่เกิดหรอก...แต่คนปกติศิลดีปฏบิติสมาธิดี ก้อสามารถเข้าฌาน 1 2 3 4 ได้ หากฝึกมาชำนาญ....
แต่จะให้ไปเกิดเป็นพรหม...นั้น ก่อนตายจิตต้องได้ฌานที่ 1 อย่างน้อย จึงจะไปเกิดเป็นพรหม....มากน้อยขึ้นอยู่กับกำลังฌานนั้นๆ...ครับ...
หากฝึกสมาธิดี ...ทำทุกวันเข้าฌานออกฌานจนชำนาญ..เวลาตายนะจตมันจะเข้าเองอัตโนมัติ....หากไ่มีกรรมแรงมาขวางนะครับ......
.............ปฏิบติไปเถอะครับ...จุดหมายคือพระนิพพาน....
เป็นพรมหรืออรูปพรหม...ก้อต้องกลับมาเกิด....พระพุทองค์ท่านรู้ดี...ตั้งแต่เรียนฌาณและอรูปฌาน กับดาบสทั้งสอง...เมื่อท่านรู้ว่าพรมและอรูปพรหม.ต้องกลับมาเกิด...ท่านจึงออกปฏิบัติวิปัสนา...เพือละกเลสงัยครับ................สาธุ

 

แต่ผมว่า ถ้าจะทำจริงๆ ถ้าขี้เกียจนั้งสมาธิกำทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ

แต่ใช่ดูลมหายในเข้าออกก้ได

 

ให้เลวแต่ ทำอารมณ์อยู่ในญาณก็ไปพรหมครับแต่นรกก็รออยู่ให้ผลในลำดับต่อไป สาหรับคนที่ทำสมาธิทุกวัน แล้วไปทำเลวทุกวันด้วยหายังไม่เจอ ฆ่าคนมาก็ไปนิพานได้เอาเลวแบบไหนดี ไปแค่พรหมไปไม่ได้ไม่มีครับ.

คนที่ทำทุกวันไปได้99% อยากบอกว่า100% ด้วยแต่คนมักคิดว่าทำง่าย แต่ง่ายอย่างนี้ไม่มีไครทำได้สักคนที่ไม่เป็นนักบวชครับ เพราะมันต้องมีศรัทธาและความเพียรหาได้น้อยกับมนุษย์ มนุษย์ชอบคิดให้มันยาก จะได้มีเหตุุผลในการไม่ต้องทำ มันต้องสำหรับคนมีบุญเท่านั้นมันไม่จริงครับ

 

หากใครพิจารณาไม่ดี แล้ว มันจะไม่เป็นการส่งเสริม กรรมชั่วเหรอครับ
เพราะคิดว่าไปนั่งทำสมาธิแค่นี้ก็สบายแล้ว เพราะขาดข้อมูล และเหตุผลประกอบ
อย่างสมบูรณ์

 

เคยมีคนในเวปนี้แหละบอกผมว่าถ้าเปนมิจฉาทิฐิแล้วอารมอยู่ในญาณ ก็เปนมาร แสดงว่านี้ก็ผิดใช้มะคับ

อีกอย่างถ้าทำเลวแล้วกิดเป็นพรหม แต่นรกอยู่ลำดับถัดไป แล้วจะทำเลวทำไมครับเพราะยังไงก็ต้องรับ สู้ทำดีไปเลยไม่ดีกว่าหรือครับจะได้ดีทั้งต้นทั้งผลในลำดับถัดไป