เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 20 พฤศจิกายน 2011.

  1. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004

    ข้อสันณิษฐานนี้น่าคิด...ปัญหานี้มันจะมาเร็วและหนักกว่าเดิมด้วยหรือเปล่า
    ...อันนี้ก็น่าหนักใจ

    ลางสังหรณ์ว่าจะมีภัยพิบัติทางน้ำ คือดันมีลูกพุระเบิดวิ่งชนทะลุท้องมังกรยักษ์ ที่ใหญ่ที่สุดประเทศไทยด้วยนี่ซิท่าน เล่นเอาซะท้องพุงแตกหระจุย ค่าซ่อมมังกรยังเป็นสิบๆล้านบาท ไม่รวมค่าซ่อมบ้าน ค่ารักษาพยาบาลชาวบ้านอีก


    ถ้าสมมุติว่าปริมาณน้ำมันเกิดรั่วจากท้องมังกรยักษ์ แทนที่จะออกจากปากมังกร เททะลักใส่บ้านเมือง ประเภทที่ว่าตัวมังกรเองยังบังคับน้ำเอาไว้ไม่อยู่...ในปีนี้มันจะยังไงกันครับ...พี่น้องชาวไทย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2012
  2. ANAN JANG

    ANAN JANG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +175
    ยังไงก็ดำรงค์อยู่ในความดี มีจิตอาสา โลกจะหมุนได้ด้วยสามัคคีธรรมครับ สาธุ
     
  3. A เอม

    A เอม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +22
    สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับคุณToplus99และคุณ Pisi ด้วยค่ะ
    :cool::cool:
     
  4. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    #แสดงสภาวะทางสังขารจากที่สง่างามจนเหลือแต่โครงกระดูกนั่งยิ้มด้วยตาเปล่า

    ย้อนความจำถอยหลังไปร่วมนับสิบปี ในบรรยากาศภายในถ้ำช่วงตอนกลางถ้ำ มีแท่นเพื่อสถิตตั้ง องค์พระประธานเนื้อทองเหลืองขนาดหน้าตักขนาดประมาณ 3 ฟุต ประดับด้วยโคมระย้าสวยงาม

    พื้นที่ช่วงส่วนกลางของถ้ำ ถูกปรับสภาพพื้นถ้ำให้ราบเรียบ จากนั้นยกระดับสูงจากพื้นดินขึ้นอีก1 ฟุต ปูด้วยพื้นกระเบื้องแผ่นโทนสีเข้ม ด้วยเนื้อที่ทรงพื้นผ้าขนาดประมาณ 10x30 เมตร พื้นที่ขนาดนี้กว้างขวางพอที่จะรองรับบรรดาญาติธรรมจำวนร่วมร้อยกว่าคนได้สบาย จากหลายแหล่งที่มาจากจังหวัดต่างๆ เพื่อรอร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีของสำนักสงฆ์ในวันถัดมา

    ด้วยเส้นทางการเดินทางที่เข้าสู่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ค่อนข้างยากลำบาก หลายกลุ่มคณะจึงเลือกที่จะมาพักอาศัยที่สำนักสงฆ์ก่อนหนึ่งวันหรือ 2 วันก่อนกำหนดการงานทอดผ้าป่าจริง

    โดยจะพากันมาร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น ปฏิบัติธรรมกรรมฐานด้วยความที่จิตที่เป็นบุญกุศลเป็นทุนเดิม และแต่ละคนส่วนใหญ่อาจมีความรู้จักคุ้นเคยกัน มามากบ้างน้อยบ้างตามโอกาสที่ได้พบเจอ ทุกคณะที่มาต่างมีความเคารพในคุณธรรมความดีการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบของพระอาจารย์เจ้าสำนักและคณะสงฆ์ภายใต้การอบรม บ่มเพาะวิสัยคุณธรรมตามแนวทางแห่งองค์บรมครูพระศาสดาเจ้า บรรยากาศจึงเป็นไปด้วยความชื่นมื่นยิ้มแย้มแจ่มใส มีมิตรไมตรีต่อกัน

    <O:p</O:p
    แนวทางกำหนดเวลา6 โมงเย็น ถือเป็นยกแรก ทุกคนจะได้รับหนังสือสวดมนต์ เริ่มจากบทสารภัญญะบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ จากนั้นจึงเริ่มสวดทำวัตรเย็นแปล จนถึง 1 ทุ่มครึ่งจึงพัก20 นาทีถวายน้ำปานะ เข้าห้องน้ำห้องท่าตามอัธยาศัย
    <O:p</O:p
    ยกสองเริ่มอีกครั้ง 2 ทุ่ม จะเป็นบทสวด 12 ตำนานจากหนังสือมนต์พิธี โดยทั้งพระทั้งโยมสวดรวมร่วมไปพร้อมๆกัน จนถึง3 ทุ่ม พักผ่อน 10 นาที

    <O:p</O:p
    จากนั้นจึงเริ่มขึ้นบทพระกรรมฐาน โดยพระอาจารย์ท่านจะเป็นผู้ให้อารมณ์พระกรรมฐาน<O:p</O:p
    ช่วงนี้โดยทั่วไปจะเป็นช่วงที่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายจะชอบที่สุด เพราะอาจจะเริ่มล้าจากการสวดมนต์กันแล้ว เมื่อจบการปฏิบัติกรรมฐานจึงแผ่เมตตาครบทั้งสิบทิศ และบทกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลฉบับประจำสำนักปฏิบัติแห่งนี้

    ต่อมาพระอาจารย์ท่านจะเปิดโอกาสให้สอบถามข้อสงสัยผลการปฏิบัติเป็นรายบุคคลอย่างเป็นกันเอง<O:p</O:p
    จากนั้นก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย ใครจะสนทนาธรรม นอน หรือมุดถ้ำปฏิบัติธรรมสวดมนต์ ก็แท้ตามแต่ใจปารถนา

    <O:p</O:p</O:p
    ผู้เขียนเคยถามพระอาจารย์ท่านว่า<O:p</O:p
    “ทำไม ที่นี่จึงมีการสวดมนต์กันนานจัง
    <O:p</O:p
    “ที่ต้องสวดมนต์นาน นี่ถือเป็นการละลายพฤติกรรมบางอย่างไง ...เป็นกุศโลบายวิธีที่ข้ากำหนดวางเป็นแนวทางไว้ท่านตอบว่างั้น

    <O:p</O:p
    สถานที่นี่เทพเทวดาทั้งหลาย จำนวนมากท่านชอบฟังและมาร่วมอนุโมทนากันมากมาย บางครั้งชาวบังบดยังจำแลงแปลงร่างมาร่วมทำวัตรสวดมนต์กับพวกเรายังมีเลย ต้องสังเกตและใช้จิตสัมผัสเอาเองแล้วจะรู้ บรรดาชาวเทพเหล่านี้จะมีอาการสำรวม เรียบร้อยทั้งหญิงและชาย ไม่นิยมการพูดคุยกัน เสื้อผ้าชุดขาวก็แบบชาวบ้านทั่วไปนี่แหละ...
    <O:p</O:p
    ข้อดีการสวดมนต์มากๆจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้จิตไม่สอดส่าย สติไม่หลุดออกไปนอกตัว ถ้ามัวแต่หลงสติคิดนอกเรื่องนอกราว คนเรามันท่องสวดมนต์ถูกได้อย่างไร มันต้องใจจดจ่อแบบต่อเนื่องนะเดี๋ยวสวดตามคนอื่นไม่ทันอีก..
    <O:p</O:p
    ผลการสวดมนต์มันจะได้ทั้งสติและปัญญา ได้ทั้งบุญจากการระลึกบูชาคุณความดีของทั้งปวงของพระรัตนตรัย มีผลดีทั้งสุขภาพจิตและกายจะแข็งแรงเพราะการสวดมนต์ดังๆ มันจะเกิดการสั่นสะเทือนของคลื่นพลังงานลมปราณภายในร่างกาย คนมีปัญหาทางด้านสุขภาพหลายโรคจึงเป็นการรักษาตัวเองไปด้วย เป็นสั่งสมบุญบารมีไปในตัว เจ้ากรรมนายเวรก็อโหสิกรรมต่อกันง่ายขึ้น

    <O:p</O:p
    ที่สำคัญญาติโยมลูกศิษย์ สายสำนักเราส่วนใหญ่ที่มากันบ่อยๆ นี่เลยพลอยสวดมนต์เก่ง สวดได้หลายบท คล่องไปตามๆกัน
    (ก็เล่นวนสวดมนต์พิธี ทุกบทเกือบหมดทั้งเล่ม ไปยันถึงบทอภิธรรมงานศพโน่นเลย เว้นแต่บทปาฏิโมกข์มั๊ง...)<O:p</O:p

    แม้แต่โยมผู้หญิง บางทีพระวัดอื่นสวดในงานบุญที่บ้าน สวดผิดคุณเธอยังดันรู้เฉยเลย ประมาทญาติโยมสายสำนักเราไม่ได้นะ <O:p</O:p
    พระวัดไหนขี้เกียจท่องสวดบวชนาน บางทียังได้แค่บทหากินไม่กี่บท เผลอๆสู้โยมของเรายังไม่ได้เลย พระขี้เกียจไม่อายงานนี้จะไปอายงานไหนวะ..
    <O:p</O:p
    การที่จิตจดจ่อกับตัวหนังสือ ปากท่องบ่นบทสวดนานๆเข้า เมื่อถึงช่วงเวลาปฏิบัติพระกรรมฐาน จิตจะพัฒนาเข้าสู่สภาวะฌานได้ง่าย จิตดิ่งนิ่งสงบได้เร็ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2012
  5. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อ#แสดงสภาวะทางสังขารจากที่สง่างามจนเหลือแต่โครงกระดูกนั่งยิ้มด้วยตาเปล่า

    พลังสมาธิจากร่วมกันปฏิบัติธรรมร่วมกันจำนวนมากจะเกิดกำลังเสริมเป็นทวีคูณซึ่งกันและกันเป็นพลังงานฝากเก็บทิ้งไว้ในสถานแห่งนั้นๆเหมือนการชาร์ตแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ โดยมีถ้ำเป็นแหล่งกักเก็บและถ่ายเทพลังพลังจิตที่ดี กลับคืนสู่ผู้ปฏิบัติธรรมคนอื่นๆต่อไปไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นหลายๆคนที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่ ไม่ว่าจะปฏิบัติสมาธิที่จุดใดในบริเวณโดยรอบๆถ้ำแห่งนี้ สมาธิจะเข้าสู่สภาวะอารมณ์ฌานได้ดีกว่าที่บ้านหรือที่อื่นๆอย่างเห็นได้ชัด<O:p</O:p

    สรุปข้อดีของสถานที่แห่งนี้คือ<O:p</O:p
    1. ภายในถ้ำมีลักษณะที่เป็นปล่องเชื่อมหากันช่วงปลายถ้ำทะลุเชื่อมออกสู่ภายนอก ทำให้อากาศถ่ายเทไม่อับชื้น เว้นแต่ในฤดูฝนพื้นดินอาจมีเฉอะแฉะบางช่วงยามในฤดูร้อนภายนอกร้อนแต่ในถ้ำจะเย็นสบายยังกับมีแอร์ปรับอากาศอยู่ภายในในฤดูหนาวในถ้ำจะอบอุ่นสบาย(จนมีใครหลายท่านชอบเข้าหลบลมหนาวเข้ามานอนภายในถ้ำกันเป็นประจำ)
    <O:p</O:p
    2. ถ้ำแห่งนี้มีพลังงานจากกำลังฌานสมาธิจาการนักปฏิบัติธรรมมายมายหลายขั้นระดับ ที่ถูกเก็บสะสมผ่านแร่ศักดิ์สิทธิมากมายทั้งในรูปประเภทพระธาตุของผู้ทรงคุณธรรม และจิตตานุภาพกลุ่มเหล็กไหลภายในถ้ำมีผลให้ธาตุขันท์ร่างกายของเราถูกปรับสภาพให้สงบใกล้เคียงตามกลุ่มพลังงานเดิมที่มีอยู่...อ๊ะอย่า..งงสงสัย
    <O:p</O:p
    3. บรรยากาศที่เงียบสงบแห่งสัปปายะ ผู้เดินทางมาปฏิบัติส่วนมากแล้วล้วนเป็นผู้มีคุณงามใฝ่ความดีคุณธรรมจึงเป็นเหมือนลักษณะนักปราชญ์ย่อมเข้าใจนักปราชญ์ด้วยกัน
    <O:p</O:p
    4. มีพลังงานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเทพ พรหมเทวดา ตลอดทั้งดวงจิตแห่งอริยะสงฆ์ทั้งหลายสื่อสารแนะนำทดสอบการประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ ( อันนี้คงแล้วแต่วิจารณญาณกันเอง)
    <O:p</O:p
    5. การสื่อสารโทรศัพท์มือถือติดต่อยากมาก ข้อดีคือไม่ต้องกังวลจากภาวะภายนอกมารบกวนการปฏิบัติธรรมแบบเสร็จสรรพ
    <O:p</O:p
    6. อาหารการกินมีให้บริโภคมีเพียงหนึ่งมื้อ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลากังวลในการกินจนเกินไป<O:p</O:p
    ส่วนใหญ่แล้วมักมาถือโอกาสบวช ชีพราห์มรับศีลแปดไปในตัวด้วยเลย... รับบุญไปเต็มๆ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เดี๋ยวมาต่อกันว่าเหตุการณ์ การแสดงสภาวะทางสรีระสังขาร จนเหลือแต่ผ้าเหลืองห่อโครงกระดูกของพระอาจารย์ มีลำดับเหตุการณ์เป็นไปอย่างไร เหลืออีกนิด โปรดอดใจรออีกหน่อย...ใกล้เข้ามาแล้ว!<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2012
  6. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อ#แสดงสภาวะทางสังขารจากที่สง่างามจนเหลือแต่โครงกระดูกนั่งยิ้มด้วยตาเปล่า


    ในช่วงที่จบการปฏิบัติธรรมกรรมฐานตามด้วยการแผ่เมตตา และบทกรวดน้ำแด่สรพสัตว์ทั้งหลายทั่วอนันตจักวาล ถือเป็นการปิดท้ายจบขบวนการทำวัตรเย็นวันนั้นแล้ว ก็ย่างเข้าสู่เวลาประมาณสี่ทุ่มเศษ
    <O:p</O:p
    ญาติธรรมส่วนหนึ่งได้แยกย้ายกลับที่พัก และบางส่วนยังคงกราบสนทนากับพระอาจารย์หน้าแท่นพระประธานกลางถ้ำสอบถามสารทุกข์สุกดิบ ด้วยความปิติยินดี เบิกบานในอารมณ์อย่างออกรสออกชาด
    <O:p</O:p
    แต่ตัวผู้เขียนยังคงนั่งบริกรรมพระกรรมฐานต่อเนื่องอีกประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงค่อยๆถอยจิตกลับสู่สภาวะปกติ แล้วจึงคลานเข้าไปกราบพระอาจารย์เพื่อร่วมวงสนทนา ท่ากลางสหธรรมคนอื่นๆที่ขณะนั้นคงเหลืออยู่อีกประมาณสิบกว่าคน
    <O:p</O:p
    แต่ด้วยสภาวะที่อยู่ทรงอารมณ์สมาธิที่แนบแน่นอยู่อยู่จึงยังไม่อาจพูดอะไรได้มากนัก คงฟังการพูดคุยกันระหว่างญาติโยมและลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดกับพระอาจารย์โดยความสำรวมสงบเงียบ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สักพักพระอาจารย์ท่านจึงหันมาถามข้าพเจ้าว่า<O:p</O:p
    “เป็นอย่างไรบ้าง ผลสมาธิครั้งนี้”
    <O:p</O:p
    “ดีครับ ภาวะความสงบ ได้กำลังดีมากเลย แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยอยากจะคุยกับใครเท่าไร จิตมันสงบอยากฟังเท่านั้น แล้วจิตมันบอกให้มองมาที่พระอาจารย์อย่างเดียวเท่านั้น” ผู้เขียนตอบ
    <O:p</O:p
    “เอาแหละงั้นดีแล้ว ...ไอ้ทิดนี่เลย! ไปหาที่สงบ เอาเทียนไปเล่มหนึ่งจุดดูแสงสว่าง ดูขอบรัศมีแสง สี ลักษณะของมันให้ดี แล้วหลับตาภานาว่า” เตโชกสิณัง ๆ“ ไปเรื่อยๆ จำให้แม่นยำ ได้ภาพติดตาภาวนาไปเรื่อยๆ แล้วค่อยกลับมาหาข้าอีกรอบ เดี๋ยวจะมีอะไรให้ดู...."
    <O:p</O:p
    พูดพลางท่านก็หันไปหยิบเทียนขนาดหนัก 1 บาทส่งให้ผู้เขียน...พร้อมอมยิ้ม ที่เป็นสัญลักษณ์อันรู้ดีว่า ยิ้มแบบนี้มันต้องมีอะไร แหงๆ
    <O:p</O:p
    เมื่อข้าพเจ้านำเทียนมาจุด จากนั้นจึงเพ่งพิจารณาแสงแห่งไฟเทียน จนเกิดนิมิตติดตา เกิดสภาวะอารมณ์ตามขั้นตอนแห่ง กสิณไฟได้ร่วมชั่วโมง
    <O:p</O:p
    อ๋อ!นี่หรือที่เขาเรียกกันว่า “ฝึกกสิณไฟ”<O:p</O:p
    เล่นเอาลืมตามองไปทิศทางไหน ก็เห็นแต่แสงเทียนแสงไฟ เต็มถ้ำไปหมด จึงทำการปรับจิตโดยแผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์ จนจิตเบาบางลงกลับสู่การทรงอารมณ์นิ่งสงบสบาย<O:p</O:p
    ผู้เขียนจึงเดินทางเข้ามาสู่วงสนทนาอีกครั้ง......

    และ....แล้วก็ยังมาไม่ถึงจุดสำคัญของเรื่องอีก....ลีลาหรือเกิน..!เดี๋ยวมาต่อ....
    ขอทำธุระด่วนก่อน แต่วันนี้จบแน่รับรองน่า..ไปล่ะท่านทั้งหลาย

    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2012
  7. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อ#แสดงสภาวะทางสังขารจากที่สง่างามจนเหลือแต่โครงกระดูกนั่งยิ้มด้วยตาเปล่า(ตอนจบ)

    <O:p</O< font>
    การกลับเข้ามากราบพระอาจารย์ ที่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ตามที่ท่านนัดหมายไว้ ตอนนี้แล้วผู้ร่วมสนทนาเริ่มลดจำนวนน้อยลง เหลืออยู่ประมาณไม่ถึง10คน คงเหลือเฉพาะศิษย์ที่ใกล้ชิดยังคงอยู่ เพราะเข้าสู่เวลาเที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว
    <O:p</O< font>
    พระอาจารย์ท่านนั่งอยู่บนอาสนะบนพื้นปูนปูกระเบื้องที่จุดหน้าพระประธานยกระดับเป็นขั้นเป็น3ชั้น ลดหลั่นกั้นลงมาเป็นชั้นๆกับชั้นขนมเค๊กถูกผ่าครึ่ง ท่านนั่งชั้นที่3 โดยผู้เขียนนั่งในระดับพื้นล่างห่างออกมาจากจุดที่ท่านนั่งประมาณ 1 เมตรกว่าๆ
    <O:p</O< font>
    ท่านเอ่ยปากบอกกับผู้เขียนน้ำเสียงเรียบๆ<O:p</O< font>
    “นี่พร้อมล่ะนะ.. มีรางวัลจะให้! มองดูมาที่เราให้ดีนะ”
    <O:p</O< font>
    ลูกศิษย์อีกจำนวนหนึ่งได้เริ่มให้ความสนใจว่าท่านจะแสดงหรือทำอะไรให้ดู จึงเริ่มพยายามเพ่งมองไปที่พระอาจารย์เช่นเดียวกัน
    <O:p</O< font>
    และตัวผู้เขียนจึงเริ่มนั่งจัดท่าเข้าสมาธิ ลืมตาขึ้นมองไปที่ท่านพระอาจารย์ พร้อมตรึกดูในลมหายใจแบบสบายๆจิตสงบแนบแน่น ประคองจิตด้วยสภาวะอารมณ์ฌานที่2 คือระหว่าง วิตก วิจาร ปิติ<O:p</O< font>
    พระอาจารย์ท่านก็จัดห่มผ้าจีวรสีกรักเข้ม นำผ้าสังฆาฏิพาดบ่าเรียบร้อยสง่างามสมกับพระป่าผู้ทรงธรรม เข้าสู่ท่านั่งขัดสมาธิมือขาวทับซ้าย นั่งตัวตรงค่อยปิดเปลือกตาลงช้าๆเข้าสู่สภาวะการเข้าฌานสมาธิขั้นสูงสุดแล้วกลับเข้าสู่ฌาน2 อันควรแก่การอธิษฐาน แห่งการแสดงอำนาจฤทธิ์ อิทธิวิธีญาณ
    <O:p</O< font>
    และสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของข้าพเจ้าที่เห็นเป็นภาพดังนี้
    <O:p</O< font>
    รูปร่างหน้าตาของท่านจากเดิมที่ท่านมีรูปร่างสูงใหญ่ ตามแบบคนไทยโบราณ ผิวค่อนข้างดำเกรียม

    (จากด้วยท่านถูกบิดาของท่านที่เป็นอาจารย์เป็นหมอธรรมที่โด่งดัง เรื่องไสยศาสตร์ปราบ ภูติผีวิญญาณเชี่ยวชาญเรื่องว่านยาและการตรวจสอบดวงชะตาสงเคราะห์แก่ชาวบ้านทั่วไปในและชาวเขตตำบลใกล้เคียง
    <O:p</O< font>
    ได้เคยตรวจดูลักษณะว่าลูกชายของท่านมีลักษณะของคนที่มีบารมีจะเป็นผู้นำคน ในภายภาคหน้าและด้วยพื้นวาสนาเดิมที่มีมาแต่อดีตชาติ มีพื้นฐานจิตใจแกล้วกล้า ห้าวหาญ นิสัยเป็นลูกผู้ชายใจนักเลง ไม่ยอมเกรงก้มหัวให้แก่ผู้ใดหากตนคิดว่าไม่ผิด เพื่อนฝูงมากมายและรักพี่น้องเพื่อนพ้องมาก โอกาสที่ท่านจะเสี่ยงต่อบาดเจ็บมากน้อยหรือเสียชีวิต

    จากการมีเรื่องชกต่อยตี ทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นมีมากย่อมเลี่ยงได้ยาก อย่ากระนั้นเลยในเมื่อเราเชี่ยวชาญสมุนไพรว่านยาท่านจึงพยามหาวิธีให้ลูกชายคนเล็กของท่านคือพระอาจารย์ อาบน้ำยาชุบว่านยาไพรดำทั้งหลายมาแต่ช่วงวัยเด็ก อันมีคุณเรื่องการรักษาด้านคงหนังคงเนื้อไว้

    ด้วยคงเล็งเห็นแล้วว่าลูกชายเราใจมันห้าวหาญใจนักเลงนัก หากไม่ทำวิธีนี้แล้วก็ยากจะรักษาตัวให้รอดปลอดภัยได้ท่ามกลางชีวิตที่เสี่ยงภัยอันตราย...ผิวท่านจึงออกจะดำ มากกว่าพี่น้องร่วมท้องคนอื่นๆประกอบกับการงานพัฒนาที่ท่านต้องทำงานกรำแดด โดยไม่ย่อท้อทุกวี่วัน)
    <O:p</O< font>
    เล่าเหตุการณ์ต่อเลย
    <O:p</O< font>
    เริ่มต้นการพิจารณาดูอย่างต่อเนื่องมาที่พระอาจารย์
    สิ่งปรากฏภาพนั้นคือใบหน้าของท่านเริ่มเปลี่ยนจากคนใบหน้าคางเหลี่ยม กลายเป็นคนคางมน แหลม ผิวหน้าที่เคยดำเกรียม แปรเปลี่ยนเป็นผิวขาว ดูมีน้ำมีนวลผ่องอย่างเห็นได้ถนัดตา เส้นผมเล็กดำสนิท ดูหล่อขึ้นมากๆ ผิวพรรณผ่องใส มีรัศมีเปล่งประกายจากกายร่าง<O:p</O< font>
    ท่านแสดงสภาวะรูปกาย ให้ดูสวยงามสง่าได้ประมาณ2-3นาที<O:p</O< font>
    <O:p</O< font>
    ==>จากนั้นรูปกายท่านจึงเริ่มกลับมาดำคล้ำดังเดิม จากนั้นผิวพรรณหน้าตาท่านจึงแปรเปลี่ยนกลายเป็นเริ่มผิวหยาบกร้าน เหี่ยวยานเข้าสู่วัยกลางคน หนวดเครางอกยาวขึ้น

    ==>จากนั้นก็แก่ลงๆไปอีก เป็นวัยคนชราภาพทั่วไปรุ่นผู้เฒ่ารุ่นปู่ทวด ตาทวดของเราๆท่านๆ หนวดเคราก็เริ่มลามงอกไปเรื่อยๆ เส้นผมหยาบหนา เริ่มงอกขาวโพลนทีละเส้นๆ จนขาวโพลนหมดทั้งหัว ผิวแห้ง ดวงตาลึกใบหน้าเหี่ยวย่น แก้มตอบ จนเห็นเค้าโครงกระดูกอย่างเห็นได้ชัดมาก

    =>จากนั้นใบหน้าจึงเริ่มซีดแห้งเหี่ยวลงเรื่อยๆจนแนบชิตติดโครงกระดูกใบหน้าแบบคนแก่แห้งตาย

    =>และภายหลังจึงแปรเปลี่ยนต่อไปเป็นใบหน้า เขียวดำคล้ำแบบคนตาย เนื้อเริ่มเน่าๆลงไปทุกทีๆ

    =>เกิดลักษณะอาการเนื้อใบหน้าบวมเปล่ง เนื้อเน่าพุพอง เนื้อเหลือง เนื้อเขียว เกิดน้ำเหลืองสีคล้ำ เริ่มเยิ้มไหล เริ่มแทรกออกจากใบหน้าเป็นบางจุด ไหลหยดลงจากส่วนบน ไหลหยดลงสู่เบื้องล่างของใบหน้า

    => เนื้อเน่าที่ใบหน้า เริ่มเน่าเฟะ บางส่วนประทุหลุดร่วงออกตกลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทีละชิ้นๆ อย่างช้าๆ ขนาดชิ้นละประมาณครึ่งนิ้ว แต่ชิ้นเนื้อเน่าเละหลุดร่วงลงผ่านจีวร ไปเรื่อยๆชิ้นแล้วชิ้นเล่า

    =>ท้ายสุด เมื่อเนื้อเน่าๆ หลุดหล่นเป็นชิ้นๆ หยดลงพื้นจนหมดจากใบหน้า จึงค่อยเหลือแต่หัวกระโหลกโครงกระดูกขาวโพลน ฟันหน้าหลุดร่วงเหลือบางซี่เท่านั้น

    <O:p</O< font>
    และแล้วสิ่งที่หัวกะโหลกกระดูกมนุษย์ ที่ข้าพเจ้าเห็นต่อหน้าต่อตา เพียงระยะห่างแค่เมตรเศษๆ
    ก็ดันหันมาแสยะยิ้มให้ข้าพเจ้าด้วยความสะใจ! (ท่านจะยิ้มทำไม!..ยิ้มทำไม๊...เค๊าต๊กใจ..โม๊ะเลย)

    <O:p</O< font>
    ข้าพเจ้าจึงเกิดอาการประหม่าบวกตกใจเล็กน้อย จึงพูดออกไปเสียงสูงเลยว่า<O:p</O< font>
    [B]“พระอาจารย์ครับ...เพาะ.พอออ เถอะครับ!พอแล้วครับ ชะ ชัดดด..แจ๋วเลย ...”[/B]

    [B]<O:p</O< b>[/B]
    [COLOR=black]จากนั้นท่านพระอาจารย์จึงกลับเข้าสู่สภาวะร่างกายปกติ หัวเราะชอบใจ[/COLOR]<O:p</O< font>
    [SIZE=4][COLOR=black]ท่ามกลางความไม่เข้าใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นของบรรดาลูกศิษย์คนอื่นๆที่อยู่ในเหตุการณ์ในขณะนั้น[/COLOR][/SIZE]

    [SIZE=4][COLOR=black]<O:p</O< font>[/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=darkred][B]“เป็นไงของขวัญ ของรางวัล[/B][/COLOR][COLOR=black]” [/COLOR][COLOR=black]ท่านพูดแบบอารมณ์ดีมีเมตตา จากนั้นท่านหันไปหยิบหมากมาเคี้ยวนำตามด้วยพลูจากพานที่วางเตรียมไว้ข้างๆตัวท่าน[/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4]<O:p</O< font>

    [SIZE=4][COLOR=navy].........นับช่วงระยะเวลาที่ท่านเริ่มแสดงสภาวะทั้งหมด ตั้งแต่เป็นพระหนุ่มน้อย หน้ามนคนรูปหล่อสู่วัยกลางคน จนสู่วัยเฒ่าชราภาพ แสดงการตายแห้ง เนื้อเน่าเปื่อยผุพ้ง หลุดลุ่ย [/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4][COLOR=navy]จนกระทั่งถึงเป็นโครงหัวกระโหลกมนุษย์ ฟันหรอ มีผ้าจีวรห่อร่าง มานั่งยิ้มหวานๆให้ผู้เขียนดูจนตกใจแทบหงายหลังเนี่ย[/COLOR][/SIZE][SIZE=4][COLOR=navy] [/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4][COLOR=navy]กินระยะเวลาแสดงสภาวะนานร่วมครึ่งชั่วโมง[/COLOR][/SIZE]
    [COLOR=#000080][/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=black]<O:p</O< font>[/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=black]จากนั้นผู้เขียนจึงก้มกราบท่าน[/COLOR][COLOR=black]3[/COLOR][COLOR=black]ครั้ง ด้วยสำนึกในความเมตตาของท่านพระอาจารย์[/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4][COLOR=black]ที่ได้แสดงอำนาจสภาวะของอสุภกรรมฐาน เพื่อให้เห็นความไม่จีรังยั่งยืนของรูปกาย ให้มีจิตคลายความยึดมั่น ถือมั่นว่ามันไม่จีรังยั่งยืน อันว่าร่างกายทั้งหลายที่ใครๆหลงรูปว่าสวย ว่างามนี้ ก็เปรียบดังบ้านเรือนเป็นเพียงที่พักชั่วคราว ที่เราอยู่อาศัยที่นับวันมีแต่จะเสื่อมทรุดโทรมพุพังไปลงทุกวัน จะคงสภาพไปได้ตลอดกาลก็หาไม่ จักต้องพังพินาศลงวันใดวันหนึ่ง มิอาจคาดการณ์ได้ นั้นเอง เพื่อให้ศิษย์จอมขี้เกียจอย่างผู้เขียนได้มีกำลังใจเร่งเพียรภาวนาให้ดี หนีโลกวัฏฏะนี้ให้ได้....[/COLOR][/SIZE]

    [SIZE=4][COLOR=black](..และปัจจุบันผู้เขียนจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ดีไปกว่าเดิม ให้สมกับความกรุณาของท่าน ให้ท่านได้ชื่นใจเท่าไรเลยได้แต่อยู่ในขั้นพยายามเท่านั้น[/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4][COLOR=black]... โอ้..เวรกรรม)[/COLOR][/SIZE]

    [SIZE=4][COLOR=black]<O:p</O< font>[/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=black]จากนั้นท่านจึงหันไปถามลูกศิษย์ผู้ชายรุ่นพี่ของผู้เขียนคนหนึ่ง ที่ผ่านประสบการณ์เคยบวชที่นี่และลาสิกขาออกมาแต่งงาน เคยมีการบำเพ็ญสมาธิก่อนข้าพเจ้ามาก่อนเกือบ[/COLOR][COLOR=black]2[/COLOR][COLOR=black]ปีว่า[/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4][COLOR=black]<O:p</O< font>[/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=black][COLOR=darkred][B]“ไง...ทิดเล็ก เห็นอะไรมั่งเห็นว่ามองเราอยู่นานเหมือนกัน”[/B][/COLOR] พระอาจารย์ถามทิดเล็ก[/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4]<O:p</O< font>
    [SIZE=4][COLOR=black]“ผมเห็นแต่ว่า พระอาจารย์เปลี่ยนไปกลายเป็น...หนุ่มหล่อขาวนวลขึ้นครับ”ทิดเล็กตอบ<O:p</O< font>[/COLOR]
    [SIZE=4][B][COLOR=darkred]“ใครเห็นอะไรเพิ่มกว่านี้มั่ง?” [/COLOR][/B][/SIZE]
    [SIZE=4][B][COLOR=darkred]<O:p</O< font>[/COLOR][/B][COLOR=darkred][/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=black]“เห็นว่า ท่านหนุ่มขึ้นครับ[/COLOR][COLOR=black]/[/COLOR][COLOR=black]ค่ะ” เสียงสนับสนุนอีก[/COLOR][COLOR=black]2[/COLOR][COLOR=black]-[/COLOR][COLOR=black]3[/COLOR][COLOR=black]เสียง<O:p</O< font>[/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=black]ส่วนที่เหลือเสียงตอบเงียบกริบ ยิ้มอย่างเดียว[/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4][COLOR=black]<O:p</O< font>[/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=black][B][COLOR=darkred]“อยากรู้ว่าเราทำอะไร ให้ถามไอ้ทิด..(ผู้เขียน)นั่นนะ มันเห็นจบครบกระบวนการ”[/COLOR][/B] พระอาจารย์พูดต่อหน้าโยมลูกศิษย์คนอื่น [/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4]<O:p</O< font>
    [SIZE=4][COLOR=darkgreen]หลายคนไม่รู้ ไม่เห็นว่าพระอาจารย์ท่านแสดงสภาวะอสุภกรรมให้ดู เพราะมองไปที่ท่านก็เห็นว่าท่านนั่งหลับตานั่งท่าสมาธิเท่านั้น <O:p</O< font>[/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=darkgreen]งานนี้เล่นเอาผู้เขียนดูเท่ห์ ดูดีขึ้นมาทันทีเลย ฮิ ฮิๆ ไม่มีใครถามเราก็ไม่เล่าว่า..เห็นอะไรเพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลดีอย่างไรขึ้นมา ระหว่างผู้ถามกับผู้ตอบ[/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4]<O:p</O< font>
    [SIZE=4][COLOR=black]ทั้งนี้...ต่างคนมันก็ต่างจิตต่างใจ คิดไปกันต่างๆนาๆ สู้เอาเวลาไปปฏิบัติภาวนากรรมฐานต่อ ถ้าจะดีกว่านะเรา....[/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4]<O:p</O< font>
    [SIZE=5][COLOR=red]ไอ้รูปหัวกะโหลกนี้หรือเปล่า.....ที่ไอ้ทิดแป๋ม(อดีตพระแป๋ม)มันเห็นแล้วแหกปากซะร้องลั่น..ในถ้ำพระอาจารย์เมื่อ2ปีก่อนเราเจอเหตุการณ์นี้<O:p</O< font>[/COLOR]
    [SIZE=5][COLOR=red]...ชัวร์ป๊าบเลย![/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=5][COLOR=red]<O:p</O< font>[/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=black]แล้วเรื่องตอนต่อไป..อะไรดีหว่า[/COLOR][COLOR=black]?<O:p></O>[/COLOR][/SIZE]
    [/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2012
  8. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    :cool:ไม่ได้มาอ่านหลายวันเห็นคำตอบจากคุณ pisi รู้สึกดีใจ แม่น้องต้นต้องกราบขอบคุณมากๆค่ะ โมทนา สาธุ ด้วยนะคะ คุณpisiและคณะอาจมีความเกี่ยวข้องกับท่านมาก่อนท่านจึงดลจิตให้เข้าไปพบได้ เป็นเรื่องรู้ได้เห็นได้เฉพาะตนจริงๆ เช่นเดียวกันผู้ที่ไม่มีกิจหรือสิ่งใดเกี่ยวข้องกันมาก็คงไม่ได้พบเจอหรืออาจพบเจอในระดับความเข้มข้นที่ต่างกันดังเช่นที่เห็นและเป็นอยู่นี้คือเป็นได้เพียงผู้ติดตามอ่าน แต่คุณ pisi เป็นผู้เข้าไปพบและนำเรื่องราวที่ได้พบได้เห็นมาถ่ายทอด ต่อไปก็หวังว่าจะมีท่านผู้เกี่ยวข้องท่านอื่นที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกับคุณpisi และคุณ toplus99 มาถ่ายทอดให้รับรู้มากขึ้น...เพราะเหตุการณ์ต่างๆช่วงหลังกึ่งพระพุทธศาสนาคงจะเข้มข้นแน่นอน พระผู้มีอภิญญาท่านคงมาช่วยสงเคราะห์ผู้ที่เหมาะสมเนื่องจากเหตุคือถึงเวลาที่จะได้พบเห็นแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้แก่ท่านทั้งสอง อย่าเพิ่งรีบด่วนบ๊ายบายเลย ขอให้จิตเราบริสุทธิ์ไม่เศร้าหมองเท่านั้นเป็นพอ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2012
  9. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    อนุโทนา..ขอให้ท่านทั้งหลายจงเชื่อว่าปาฏิหารย์ ของศาสนาพุทธเรา
    ย่อมไม่สูญหายไปจากพื้นพิภพ นี้แน่นอน

    หากเราช่วยกันดูแลบำรุงพระพุทธศาสนา ปฏิบัติโน้มนำพระธรรมคำสอน มาถือปฏิบัติ มงคลทั้งปวงย่อมเกิดแก่บุคคลนั้น

    พระผู้ไม่สามารถแสดงฤทธิ์ได้ ที่เป็นระดับพระอริยบุคคล
    แต่หมดสิ้นแล้วซึ่งกิเลสก็ยังมีอยู่จริง ..เป็นเนื้อนาบุญของโลกแก่เราได้เฉกเช่นเดียวกัน

    อย่าได้มุ่งหาแต่พระผู้มีฤทธิ์อภิญญาเลย...บางครั้งผู้มีฤทธิ์อาจมีกิเลสมากกว่า
    พระที่ไม่มีฤทธิ์ก็ได้ ใช่/ไม่ใช่....เอวัง
     
  10. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    อย่าได้มุ่งหาแต่พระผู้มีฤทธิ์อภิญญาเลย...บางครั้งผู้มีฤทธิ์อาจมีกิเลสมากกว่า
    พระที่ไม่มีฤทธิ์ก็ได้ ใช่/ไม่ใช่....เอวัง<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เห็นด้วยอย่างยิ่งพระท่านก็ไม่ได้ต้องการให้ศิษย์ของท่านพบเจอแค่เรื่องอิทธิฤทธิ์ หนทางสุดท้ายคือให้เดินตามทางพระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2012
  11. น้ำใหลนิ่ง

    น้ำใหลนิ่ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +79
    ขอบคุณครับท่าน toplus99 บรรยายซะได้อารมณ์อสุภกรรมฐานเลยครับ
    มาเล่าต่อนะครับ ได้กำลังใจในการปฎิบัติดีครับ:cool:

     
  12. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    [​IMG]

    งั้นเอาไปเบาะๆ

    ขอขอบคุณครับ..ขอบคุณ คุณน้ำใหลนิ่งยัง บอกว่าเล่าแล้วได้อารมณ์

    แต่ผมเวลานั้น....มันก็ออกจะกึ่งๆโมโหนิดๆ กึ่งตกใจ กึ่งปิติในอารมณ์

    ปนกันมั่วไปหมดเหมือนกันนะ...ยอมรับเลยตอนนั้น

    ก็มีคนมาทำให้ตกใจซะ.. หน้าผงะ สะดุ้งโหยงขนาดนั้น...แหมนึกแล้ว...

    อยากให้เจอกันถ้วนๆหน้า..มั่งจัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2012
  13. น้ำใหลนิ่ง

    น้ำใหลนิ่ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +79
    คุณ toplus99 ไปได้ลึกแล้วครับ โมธนาด้วยครับ

    ถ้าผมอยู่ในที่นั้นด้วยคงนั่งหองท่านเฉยๆแล้วนึกในใจว่าท่านให้มองอะไรหว่า(เพราะภูมิจิต

    เรายังไม่เข้าขั้น) อย่างดีที่สุดก็ "เห็นท่านหนุ่มขึ้น" คงได้แค่นั้น


    ผมเองยังไม่ไปถึงใหนเลยครับ


    ขอรับพรท่าน toplus99 ให้ด้วยครับที่ว่า "อยากให้เจอกันถ้วนๆหน้า..มั่งจัง"

    สาธุให้ได้เจอด้วยเถอะครับ[SIZE=4][SIZE=4][SIZE=4][SIZE=4][SIZE=4][SIZE=4][SIZE=4][SIZE=4][SIZE=4][COLOR=black][/COLOR][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE]
     
  14. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ชาวเวปพลังจิตหลายท่านอาจจะอยากทราบว่า...พระอาจารย์ท่านทำได้อย่างไร?

    ขอบอกก่อนนะว่าผมไม่ได้เกิดอาการตาฝาด จนเห็นเป็นหลอนอย่างแน่นอนครับท่าน....

    และยังมีเรื่องเล่าแบบนี้ให้ฟังอีก 2 เรื่อง!

    พระอาจารย์ท่านใช้วิธีการใดจึงสามารถทำให้เกิดภาพมายาให้ปรากฏเช่นนี้ได้..

    มีการสื่อสารระหว่างผู้แสดงสภาวะอสุภกรรรมฐานและผู้เห็นได้อย่างไร ?

    พระอาจารย์ท่านว่า...ทำง่ายนิดเดียว ใครๆก็ทำได้ ถ้า.....

    ลองทายกันดูมั๊ยว่า....ต้องทำอย่างไร ?

    ท่านบอกเคล็ดลับผมมาด้วยนะ....จะบอกให้

    =====================


    ใครรู้คำตอบ โปรดเฉลยมาได้ครับ ดูว่าจะเหมือนกันหรือเปล่า

    หรือถ้ายังไม่แน่ใจให้ลองเดาๆดูก่อนก็ได้.....ตอบดีมีรางวัลนะจะบอกให้
     
  15. aeziss

    aeziss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +1,295
    นั่งมองตัวเองในกระจกเงา
     
  16. น้ำใหลนิ่ง

    น้ำใหลนิ่ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +79
    เชื่อครับ ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของฌาน เป็นอจินไตย

    มารอฟังต่อครับ
     
  17. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    รอคนมาตอบ อีกซักราย สองราย...ก่อนนะจ๊ะ

    หนังจึงจะเริ่มฉายอีกรอบ ตอนนี้ขอหยุดพัก โฆษณาขายยาก่อน

    เตรียมจั่วหัวเรื่องรอไว้แล้ว...ได้ตามเป้าปุ๊บ ฉายปั๊บเลย!ครับพี่น้องชาวไทย
     
  18. tawansongsaeng

    tawansongsaeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +423
    ถ้าบางคนเห็น แต่บางคนไม่เห็น ก็ต้องใช้การสะกดจิตใช่ไหมครับ
    แต่ถ้าให้ทุกคนเห็นก็ต้องใช้วิชา "นารายณ์แปลงรูป"
     
  19. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    การสะกดจิต...คงไม่ใช่แน่..

    วิชานาราย์แปลงรูป...บทแปลงในห้อง อิติปิโส ผู้ที่จะใช้ได้ให้ผลสัมฤทธิ์
    ผู้ที่จะใช่ให้ได้ผลจริงคง ต้องเป็นสำเร็จอย่างน้อย สี่ธาตุหลักให้ได้เสียก่อน และต้องอยู่ในขั้นชำนาญเป็นวสีเสียด้วย เฉพาะการบริกรรมบทคาถาอย่างเดียวคงสำเร็จได้ยากเช่นกัน..วิชานี้ส่วนใหญ่มาจากสายสมเร็จลุนเมืองลาว

    สรุปว่ายังไม่ตรงเท่าไร...ขออภัย
     
  20. pisi

    pisi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +244
    ถ้าเครื่องรับสัญญานดี และ เครื่องส่งสัญญานดี ก็สามารถรับรู้และเห็นได้ดี เมื่อพระอาจารย์มีเครื่องส่งที่ดี และ คุณtoplus99 ปรับเครื่องรับได้ดี ก็เลยได้เห็นสิ่งที่พระอาจารย์ท่านทำให้ดู (ทายถูกมั้ยเอ่ย)
     

แชร์หน้านี้

Loading...