พบปะ พูดคุย ประสาเพื่อนพ้องน้องพี่ แบบกันเอง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย tiger-k007, 6 มิถุนายน 2011.

  1. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ต่อจากเมื่อเช้าค่ะ... ปาฎิหาริย์แห่งแรงอธิษฐาน

    พระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ได้ตรัสสั่งสอนเรื่องกรรมว่า ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่หลุดพ้นจากกิเลส ก็จะต้องเกิดแล้วเกิดอีกด้วยผลกรรมของตัวเองกระทำ ถ้าทำดีก็ได้ไปเกิดในภพที่ดี ทำชั่วก็ได้ไปเกิดในภพที่ต่ำลงไปกว่ามนุษย์ ส่วนการอธิษฐานจิตนั้นคือ การตั้งใจมั่นว่าจะทำอะไรและมีความพยายามที่จะได้มาเพื่อสิ่งนั้น การกระทำนั้นจะส่งผลได้ถึงชาติปัจจุบัน ชาติหน้า และชาติภพต่อๆ ไปด้วย

    นับเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มผู้นี้ ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าและสนทนาธรรมกับพระพุทธองค์ เมื่อถามตอบปัญหาธรรมะกับพระพุทธองค์จนหายสงสัยแล้ว ก็เกิดปิติเป็นที่ชุ่มชื่นของจิตใจ หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ได้อาราธนาพระพุทธองค์พร้อมสาวก ให้เสด็จไปรับภัตตาหารที่บ้านของตนเองในวันรุ่งขึ้น

    วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ชายหนุ่ม ได้ถวายภัตตาหารแด่พระพุทธองค์ชายหนุ่มก็ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากพระพุทธเจ้าปทุมุตตระว่า ขอให้ได้เป็นนายแพทย์ประจำพระองค์ ของพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคต ซึ่งพระพุทธองค์ก็ตรัสอนุโมทนา ชายหนุ่มก็ตั้งจิตมั่นว่าจะกรทำความเพียรสั่งสมบุญบารมี เพื่อที่จะได้เป็นนายแพทย์ประจำพระองค์ในชาติต่อไป

    หลังจากภพชาตินั้นแล้ว กาลเวลาก็ได้ผ่านไปเป็นระยะเวลานานกว่าแสนกัป ชายหนุ่มได้เวียนว่าย ตาย เกิดในภพต่างๆ ตามกรรมที่ได้กระทำมาในแต่ละภพ ตามแรงอธิษฐานจิตของเขา จนในสมัยพุทธกาลชายหนุ่มก็ได้กลับมาเกิดเป็นลูกของนางสาลวดี ซึ่งเป็นนางงามเมืองใน กรุงราชคฤห์แห่งแคว้นมคธ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยพระเจ้าพิมพิสารเด็กคนนี้คือ "ชีวกโกมารภัจจ์"
     
  2. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    ทานแล้วครับ คุณ นอร์
    ชะอำวันนี้ อากาศ ครึ้มๆครับ
     
  3. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    ไชโย ครับ คุณ นวล จะหายหวัด แย้วววววววววว
    อ้าว คุณ ลับแล หวัดลงคอ หรือ ครับ
    คงจะเจ็บคอน่าดูเลยนะครับ ขอให้หายเร็วๆนะครับ
    เดี๋ยวแฟนคลับทุกๆคน จะเหงาครับ เอิ้ก เอิ้ก:cool:
     
  4. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    สวัสดีครับ พี่เสือ
    งานใหม่ลงตัว แล้วหรือยังครับ
    ขอให้รวยให้มันไปเลยนะครับ
    ปล. พระของหลวงปู่ ทิม สวยจัง กรอบก็ สวยด้วยครับ
     
  5. tiger-k007

    tiger-k007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,204
    ค่าพลัง:
    +1,597
    ขออนุโมทนาบุญกุศลของน้องชาย ให้สูงยิ่งๆขึ้นไปน่ะครับ สาธุ.....
     
  6. Bobcats

    Bobcats เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +399
    โอ้โห ผมอนุโมทนาด้วยครับ กำลังใจเป็นเยี่ยมจริงๆ ของรักของสำคัญขนาดนี้ สาธุๆครับ:cool::cool::cool:
     
  7. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    มูลเหตุที่ทำให้เด็กคนนี้ได้นามว่า "ชีวกโกมารภัจจ์" เพราะวัยเด็กทารกของชีวกนั้น นางสาลวดีผู้เป็นแม่ต้องแอบคลอดลูกและนำชีวกไปทิ้งที่กองขยะ เพราะไม่อาจให้การมีลูกมาทำลายอาชีพและชื่อเสียงของตน เด็กคนนี้ก็ถูกเก็บมาเลี้ยงดูโดยเจ้าฟ้าชาย "อภัยกุมาร" ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพิมพิสาร เจ้าฟ้าชายอภัยกุมารเห็นว่า เด็กคนนี้มีชีวิตรอดมาจากฝูงกาที่กำลังจะรุมแทะกินร่างของเด็กน้อยจึงตั้งชื่อว่า
    "ชีวก" แปลว่า "ผู้ยังมีชีวิต" และด้วยเหตุที่เป็นผู้ที่เจ้าชายทรงชุบเลี้ยง จึงได้สร้อยตามท้ายชื่อว่า "โกมารภัจจ์" แปลว่า ผู้ซึ่งพระราชกุมารเลี้ยงดูนั้นเอง

    เมื่อเติบโตขึ้นชีวกโกมารภัจจ์ ก็ได้เดินทางไปเรียนศิลปวิทยาการต่างๆ เพื่อการเป็นแพทย์ในเมืองตักสิลาที่สำนักทิศาปาโมกข์ เป็นเวลาเจ็ดปี ซึ่งตอนที่เรียนจบได้รับคำสั่งจากพระอาจารย์ ให้ไปหาสิ่งที่ไม่อาจทำยาได้ในบริเวณ 1 โยชน์โดยรอบพระนครตักสิลา แต่ชีวกโกมารภัจจ์ไม่อาจหาได้พบ ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถนำมาทำยาได้ทั้งสิ้น เมื่อท่านบอกกับอาจารย์อย่างนั้น ท่านจึงได้สำเร็จการศึกษา

    หมอชีวกโกมารภัจจ์ เริ่มอาชีพแพทย์ ด้วยการเดินทางไปตรวจดูคนไข้ตามที่ต่างๆ จนเริ่มมีชื่อเสียง จากการรักษาโรคประชวรของกษัตริย์หลายพระองค์ เช่น พระเจ้าพิมพิสารป่วยเป็นริดสีดวง พระเจ้าจัณฑปัชโชติซึ่งป่วยเป็นโรดดีซ่าน ตลอดจนเศรษฐีผู้มีชื่อเสียงมากมายจนพระเจ้าพิมพิสารพอพระทัย ในความสามารถและความอ่อนน้อมถ่อมตนที่ไม่เคยหวังลาภยศใดๆ จึงโปรดแต่งตั้งให้เป็นแพทย์ประจำพระองค์ ชื่อเสียงของท่านขจรไปไกล ในที่สุด ความปราถนาของหมอชีวกโกมารภัจจ์ในอดีตชาติก็กลายเป็นจริง เมื่อพระพุทธโคดมถูกลอบทำร้ายจากพระเทวทัต โดยพระเทวทัตพยายามสังหารพระองค์ด้วยการจะกลิ้งหินก้อนใหญ่มาทับพระพุทธองค์ที่เขาคิฏชกูฏ
     
  8. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    55+น้อง ภณ จิตยกระดับขึ้นอีกขั้นแล้วครับ สาธุ
     
  9. ภณนาวิน

    ภณนาวิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,277
    ค่าพลัง:
    +647
    น่าจะปี 2548(ถ้าผมจำปีไม่ผิด) วันนั้นผมกลับบ้านดึกตีสองได้ กำลังกรึ่มๆเลยครับ เดินตรงซอยเปลี่ยวๆมืดๆ ว่าจะไปต่อแถวบ้านสักหน่อย เลยโดนผู้ชายตัวใหญ่มาก (มาจากไหนก็ไม่รู้) กระชากตัวผมจนล้มลงและกระชากสร้อยที่ผมใส่จนขาด

    หลังจากนั้นเจ้านั่นมันก็เอาสร้อยที่ผมใส่พระองค์นี้ไปฟาดกับพื้น บอกว่าเหนียวนักหรือเมิง (มันอาจทำอะไรผมแต่ผมไม่เห็นแต่รู้สึกแปร๊บๆที่หลังเพราะแว่นผมตกไปที่พื้น และเจ็บที่หลังไปเป็นอาทิตย์) พร้อมกับจะเข้ามาเล่นงานผม ถ้าผมโดนมีหวังไม่รอดแน่ โชคดีที่คนแถวนั้นได้ยินเสียงเอะอะ เลยเปิดไฟออกมาดู และตะโกนดังๆว่า เฮ้ย ทำอะไรกัน มันตกใจเลยวิ่งหนี

    ไอ้นี่ใครก็ไม่รู้ผมไม่รู้จัก น่าจะพวกติดยา โชคดีที่รอดมาได้ สร้อยผมมันก็ไม่ได้ไป แต่พระที่ผมใส่หักครึ่งเลยครับ (คร่าวๆแค่นี้พอครับพี่)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2012
  10. จูง

    จูง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +52
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับผม สุดยอดเลยพี่ ใจพี่หล่อมาก:cool::cool:
     
  11. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    ขออนุโมทนาครับ...พระเนื้อสวยมากครับผม ทั้งฉ่ำทั้งจัดเลยครับ:cool:
     
  12. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    สังคมสมัยนี้มีคนประเภทนี้แหละครับ
    ผมเลยต้องทำตัวเหมือนโจรผู้ร้ายเข้าไปทุกที
    ไปใหนมาใหนต้องมีเพื่อนติดตัวไปด้วยเสมอครับ
    เพื่อความปลอดภัยของเราและคนในครอบครัวครับ
     
  13. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    แต่ด้วยปาฏิหาริย์แห่งบุญบารมี ทำให้พระพุทธองค์ทรงได้รับบาดเจ็บห้อเลือดที่พระบาทเท่านั้น เป็นเหตุให้พระอานนท์เข้าวังไปขอตัวหมอชีวกโกมารภัจจ์มาทำการรักษาพระพุทธองค์ได้

    และชีวกโกมารภัจจ์ก็ได้สมความปรารถตามคำอธิษฐานที่ได้ตั้งไว้ในอดีตชาติ ที่จะได้เป็นแพทย์ประจำพระองค์ได้สำเร็จ

    ท่านมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก และต้องการจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์วันละ 2-3 ครั้ง แต่เห็นว่าวัดเวฬุวันนั้นอยู่ไกลเกินไปกับพระนคร จึงสร้างวัดถวายในสวนมะม่วงของตนเองเรียกว่า ชีวกอัมพวัน หรือ ชีวกัมพวัน ที่แปลว่าสวนมะม่วงวัดของหมอชีวก ด้วยเหตุที่หมอชีวก นั้นเป็นแพทย์ประจำคณะสงฆ์ของพระพุทธองคื จึงเป็นเหตุให้มีคนมาขอบวชมากขึ้น โดยคิดอาศัยวัดเพื่อเป็นที่รักษาตัวเป็นจำนวนมาก ท่านจึงทูลขอพระพุทธเจ้าให้ทรงบัญญัติข้อห้าม ไม่ให้รับบวชต่อคนที่เจ็บป่วยด้วยโรคบางชนิดที่เป็นโรคติดต่อเพราะเกรงจะทำให้ภิกษุรูปอื่นเดือดร้อนภายหลัง

    นอกจากนั้นหมอชีวกโกมารภัจจ์ ได้กราบทูลขอพระพุทธเจ้าโปรดทรงอนุญาตให้มีที่จงกรมและเรือานไฟ สำหรับเป็นที่บริหารร่างกายของพระสงฆ์ เพื่อเป็นการช่วยรักษาสุภาพของภิกษุทั้งหลายและพระพุทธองค์ทรงให้การยกย่องหมอชีวกโกมารภัจจ์ว่าเป็น เอตทัคคะ ในด้านเป็นที่รักของปวงชนในฝ่ายฆราวาส

    แม้จะไม่ได้บวชและปฏิบัติธรรมในบวรพุทธศาสนาเลย แต่ก็ได้บำเพ็ญคุณงามความดีช่วยเหลือผู้ป่วยโดยไม่เลือกฐานะมาตลอดชีวิตจนได้กลายเป็นแพทย์ประจำตัวของพระพุทธองค์ รวมทั้งสั่งสอนคนรุ่นหลังให้รู้ถึงวิชาการแพทย์ จนกลายเป็นยุครุ่งเรืองทางการแพทย์ของชมพูทวีปอย่างแท้จริง สมควมปราถนาที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ในอดีตชาติทุกประการ ยังมีอีกหนึ่งตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ในการอธิษฐาน เพื่อจุดประสงค์อันประเสริฐ นับว่าเป็นสุดยอดแห่งการอธิษฐาน ซึ่งก็คือ
     
  14. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    55+คุณ ปี้ด มีเพื่อนไปด้วย
    เพื่อนประเภทนี้ วิ่งทีละนัด หรือ วิ่งทีละเป็นชุด ครับ เอิ้ก เอิ้ก
    นึกแล้ว เสียวพิกล แหะ
     
  15. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    "การอธิษฐานเพื่อเกิดเป็นพระพุทธเจ้า"
    ย้อนกลับไปในสมัยก่อนพุทธกาลในสมัย พระเจ้าทีปังกร ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกในพุทธวงค์ ลงมาจุติเพื่อโปรดมนุษยโลกเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ขจรขจายไปไกล ซึ่งในยุคเดียวกันนี้เองก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้ถือกำเนิดในรัมมวดีนคร ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่พระพุทธเจ้าทีปังกรถือกำเนิดขึ้น

    พอเติบโตขึ้นชายหนุ่มคนนี้ก็ออกบวชเป็นชฎิลฤาษี (ผู้บำเพ็ญตบะด้วยการบูชาไฟเป็นการเผากิเลส) นามว่า สุเมธดาบส ครั้งหนึ่งมีประกาศว่าพระพุทธเจ้าทีปังกรจะเสด็จผ่านทางเพื่อโปรดแสดงธรรมเส้นทางที่เสด็จนั้นมีความยากลำบาก มีอุปสรรคมากมายและยังเป็นทางเลนที่ยากจะเสด็จผ่านไปได้ ชาวบ้านนับพันต่างก็มาร่วมใจกันแผ้วถางทางอย่างรวดเร็ว

    สุเมธดาบสซึ่งเป็นฤาษี ก็เหาะผ่านมายังทางที่กำลังแผ้วถางอย่างขะมักเขม้น ก็ลงมาสอบถามว่าคนทั้งหลายมาชุมนุมกัน ณ ที่แห่งนี้เพราะเหตุอันใดกัน เมื่อทราบว่าพระพุทธเจ้าทีปังกรจะเสด็จมาแสดงธรรมโดยผ่านเส้นทางนี้ สุเมธดาบสก็มีความยินดีที่จะช่วยทำทางให้เสร็จโดยเร็วเช่นกัน แต่ในขณะที่สุเมธดาบสกำลังจะลงมือทำทางให้ พระพุทธเจ้าทีปังกรก็เสด็จผ่านมาถึงก่อน โดยเส้นทางที่จะทำเหลืออีกเพียง 1 ช่วงตัวคนเท่านั้น สุเมธดาบสจึงถอดผ้าคลุมฤาษีของตนเองออก แล้วปูลาดลงไปที่พื้นและได้กราบนมัสการต่อพระพุทธเจ้าทีปังกร นิมนต์ให้พระพุทธองคืและพระสาวกทั้งหมดกว่า 4 แสนรูป ได้อย่างเท้าไปบนร่างกายของตนเองที่จะทำการทอดถวายเป็นสะพานแทน ด้วยจิตปราถนาถึงสัมมาโพธิญาณ ขอให้ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า

    พระพุทธเจ้าทีปังกรได้รู้เจตนาและการบำเพ็ญบารมีจึงตรัสทำนายว่า สุเมธดาบสจะได้กลายเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งนามว่า "พระพุทธโคดม" ซึ่งก็คือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรานี้เอง

    หลังจากสุเมธดาบสได้สิ้นชีวิตแล้ว ก็ได้ไปวนเวียนเกิดอีกหลายภพชาติสั่งสมบุญบารมีมาอีกยาวนาน จนในชาติสุดท้ายก็ได้บรรลุผลแห่งการอธิษฐานเมื่อครั้งอดีตสมความตั้งใจ

    จะเห็นว่าผู้ที่ขอมีความตั้งใจและมุ่งเป้าประสงค์เพื่อขอให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น อย่างหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ได้เป็นหมอประจำพระองค์และเผยแพร่วิชาแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้คนมากมาย สุเมธดาบสก็มุ่งจิตอธิษฐานเพื่อการเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อปราถนาให้คนทั้งหลายพ้นทุกข์

    จุดประสงค์แห่งการอธิษฐาน จึงเป็นเหตุผลสำคัญประการสุดท้ายที่ทำให้การอธิษฐานที่ยิ่งใหญ่เกิดความสัมฤทธิผล

    องค์ประกอบทั้งสาม เมื่อมีความบริสุทธิ์และถึงพร้อมแล้วด้วยจิตบริสุทธิ์ มีการสั่งสมบุญบารมีที่มากและมีความยาวนานพอจุดประสงค์ที่จะอธิษฐานก็มีความดีบริสุทธิ์ในเป้าหมายพร้อมสมบูรณ์เมื่อเหตุนั้นตรง ปัจจัยนั้นสมบูรณ์ ผลแห่งการอธิษฐานจึงบรรบุผลทุกประการที่ปราถนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มกราคม 2012
  16. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ตั้งจิตอธิษฐานขอพร(rose)

    วิธีการตั้งจิตอธิษฐานให้ได้ผล
    ชื่อก็บอกไว้ตั้งแต่คำแรก "ตั้งจิต" แปลว่า จิตใจต้องมีความสงบแน่วแน่เป็นสมาธิและต้องมีความตั้งมั่น จดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ไม่วอกแวกหรือซัดส่ายออกไป

    1. ทำสมาธิก่อน
    ปกติแล้วจิตของคนเรา มักจะซัดสายไปไหนต่อไหนได้ตลอดเวลาเพราะมีสิ่งเร้าที่ทำให้มันไม่อยู่นิ่งๆ โดยเฉพาะมีสิ่งเร้าต่างๆมากมายที่จะทำให้ขุ่นมัวให้ไหลไปในทางที่ต่ำลง ทำให้ความถี่ของจิตเกิดการสั่นสะเทือนด้วยความถี่ต่ำ มันจึงไม่มีอำนาจจะน้อมนำอะไรให้เกิดขึ้นมาได้ การที่จะทำให้จิตนิ่งคลื่นความถี่เรียบสงบก็คือ การทำสมาธิ

    การทำสมาธิเป็นการข่มจิต ระงับจิตใจให้แน่นิ่งอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งทางที่ง่ายและมีความปลอดภัยที่สุดคือการทำสมาธิแบบ "อานาปานสติ" คือการกำหนดลมหายใจเข้า-ออก โดยภาวนาตามลมหายใจซึ่งมีอยู่หลากหลายแบบการภาวนา เช่น การภาวนาว่า "พุท" ขณะหายใจเข้า และภาวนาว่า "โธ" ขณะหายใจออก หรือไม่ก็ "ยุบหนอ พองหนอ" ฯลฯ จนกระทั่งจิตเป็นสมาธิ แล้วจึงได้เลิกภาวนากำหนดรับรู้ที่ลมหายใจอย่างเดียว เมื่อจิตนิ่งไม่สั่นไหว ไม่คิดเรื่องอื่น จิตก็มีความบริสุทธิ์ตามสูตรองค์ประกอบเลย จากหยาบไปสู่ขั้นที่ละเอียด
     
  17. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    แหะๆๆ...ทีละนัดก็พอแล้วครับพี่รุ่ง เป็นชุดไม่ใหว ผิดกฏหมายบ้านเมืองครับ๕๕+

    แต่ของประเภทนี้ คนไม่เคยมีประสบการณ์เฉียดๆก็จะบอกว่าไม่จำเป็นต่อชีวิต

    จะมีไว้ทำไม...แต่ถ้ามันช่วยชีวิตเราหรือคนในครอบครัวให้รอดมาใด้ซักครั้ง

    จะเลิกความคิดแบบนี้ไปเลยครับ อย่างพี่สาวผมอยู่บ้านกับลูกๆและแม่บ้าน

    เพราะพี่เขยผมไปทำงานต่างจังหวัด คืนนั้นประจวบเหมาะ มีผู้ชาย๒คน

    ย่องเข้ามาเพื่อจะงัดรถหรืองัดบ้านนี้แหละครับ แต่มันตรงมาที่รถก่อน

    เดชะบุญเพิ่งถอยโคลท์ .๔๕ มาได้ไม่นาน พี่สาวผมก็เลยกดเข้าให้๒นัดซ้อนๆ
    ยิงแบบยิงไล่ เพราะกระสุนมันพุ่งลงพื้นดินตรงที่ตีนแมวสองตัวมันวิ่งนั้นแหละครับ
    มันวิ่งหางจุกตูดเลย เผ่นไม่คิดชีวิต

    คิดดูเอาเถอะ ผู้หญิงกับเด็กอยู่กันตามลำพัง แถมบ้านก็อยู่ห่างๆกัน ถ้าไม่มี
    อะไรป้องกันตัว จะทำอย่างไร รึจะพึ่งพาเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ผมเคยอ่านข่าว
    โทรแจ้งตั้งแต่ตี๓ ท่านมาถึงที่เกิดเหตุเที่ยง ผมเลยคิดว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับผม..
     
  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    2. นึกถึงบุญและความดีที่ได้กระทำมา
    บุญเป็นอาหารและปัจจัยสำคัยในการอธิษฐานจิตให้มีพลังและประสบความสำเร็จ เพราะการทำบุญและได้ระลึกถึงบุญที่ได้ทำไปแล้วนั้น เป็นการยกระดับความถี่ของจิตให้สูงขึ้น และลดแรงด้านจิตฝ่ายต่ำได้ดีด้วย จิตที่มีความถี่ของจิตให้สูงนี้จะสามารถน้อมนำสิ่งที่มุ่งมาดปราถนามาสู่เราได้ จะเห็นได้ว่าคนมักจะอธิษฐานขอพรต่างๆหลังจากทำบุญแล้ว เพราะเป็นช่วงเวลาที่จิตสงบผ่องใสกำลังมากที่สุด
     
  19. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ค่ะพี่นวลเห็นด้วยค่ะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ บางครั้งพี่กลับบ้านดึก ในกระเป๋าไม่มีปืนค่ะ แต่มีมีดคัดเตอร์ค่ะ (หากวันไหนขับมอเตอร์ไซด์นะคะ ตอนนี้รอมีดหมอพี่หนุ่มเมืองแกลงค่ะ ต้องมีอาวุธไว้ในกระเป๋าค่ะเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ทั้งสิ่งที่มองไม่เห็นและ ไว้ป้องกันตัว :d
     
  20. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    3. เชื่อมบุญกุศลกับสิ่งที่ปราถนาเอาไว้
    นึกถึงบุญยังไม่พอ ต้อง "เชื่อมบุญ" ไปยังสิ่งที่เรามุ่งความปราถนาด้วย
    เรื่องการเชื่อมบุญ...
    "การเชื่อมบุญ" ก็คือ การนำบุญที่เราไดกระทำมานั้น ส่งต่อไปยังสิ่งที่เราปราถนาเพื่อเป็นกำลังส่งให้เกิดความสัมฤทธิผล หรือส่งบุญไปให้ผู้อื่นเพื่อต้องการให้เขาเหล่านั้นมีความสุข เพราะเมื่อคนอื่นมีความสุขเราก็จะมีความสุขไปด้วยหรือจะเรียกว่า "การอุทิศบุญแบบเจาะจงก็ได้
    คนส่วนใหญ่เวลาทำบุญทำทานใดๆ แล้ว จึงต้องมีการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้คนที่ตัวเองนึกถึงหรือมีความปราถนาดีให้ เพื่อต้องการให้เขาได้รับบุญนั้นไปและเอาไปอย่างมีความสุข ดังคำกล่าวอุทิศบุญหรือบทกรวดน้ำแบบพิสดาร ยกตัวอย่างเช่น การทำบุญแล้วเชื่อมบุญไปถึงพ่อกับแม่ ให้ท่านได้รับบุญในบทกรวดน้ำก็จะมีคำกล่าวว่า
    "อิทังเม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร" ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่บิดามารดาของข้าพเจ้า

    ดังนั้นการอธิษฐานก็เช่นกัน ต้องส่งบุญไปยังสิ่งที่เราปราถนาจะได้เป็นการเชื่อมกันระหว่างจิตที่บริสุทธิ์กับสิ่งที่ปราถนาให้เชื่อมต่อติดถึงกัน ถ้ายังไม่เคยเชื่อมบุญกันมาก่อนจะได้เป็นบุญใหญ่ ถ้าเคยมีบุญร่วมกันแล้วจะได้กระตุ้นให้บุญเก่าและใหม่มารวมกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...