***เครื่องรางของขลังคณาจารย์ดัง***...Updateเริ่มหน้า 5///

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย TRUSTthanong, 28 มกราคม 2011.

  1. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    จัดส่งให้เรียบร้อยแล้วครับ
    EI426969172TH
     
  2. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ตะกรุดโทนโจรเวทย์ รุ่น สร้างโบสถ์ หลวงพ่อเงินวัดถ้ำน้ำ

    ตะกรุดโทนยาว 5 นิ้ว รุ่น สร้างโบสถ์
    จากการสอบถามหลวงพ่อ ท่านบอกว่า ท่านสร้างตะกรุดชุดนี้เพื่อจะนำปัจจัยไปสร้างโบสถ์วัดถ้ำน้ำ ราวๆปี 2530 และเมื่อหลังจากที่โบสถ์สร้างเสร็จตามความตั้งใจของท่านแล้ว ท่านได้นำตะกรุดโทนที่เหลือพร้อมกับเครื่องรางของขลังต่างๆนำไปบรรจุไว้ใต้ฐานพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานในโบสถ์ ผ่านพิธีสังฆกรรมต่างๆมามากมาย พระสงฆ์สวดมนต์ทำวัตรทุกเช้าเย็น อีกทั้งพิธีพุทธาภิเษกต่างมากมายนับสิบปี
    และท่านได้นำออกมาให้ลูกศิษย์บูชาในราวปี 2540 กว่าๆเพื่อนำปัจจัยไปบูรณะซ่อมแซมโบสถ์ ท่านจารมือ และลงมนต์อาคมสายโจรเวทย์แบบเต็มสูตร เน้นพุทธคุณแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ตามแบบฉบับสายโจรเวทย์ครับ

    [​IMG]
    ประวัติ หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี

    หลวงพ่อเงิน เกิดเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๔๗๕ ที่ จ.นครปฐม เมื่ออยู่ในวัยรุ่น ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อน้อย วัดท่ามอญ นครชัยศรี โดยเรียนวิชาจากหลวงพ่อน้อยหลายอย่าง แม้จะอยู่ในวัยรุ่น ท่านก็ถือคาถาได้ขลังมาก
    ต่อมาท่านสมัครเข้าเป็นตำรวจประจำการ อยู่สายหาข่าว และปราบปราม พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต นายตำรวจใหญ่ (ฉายา สิงห์เหนือ คู่กับ เสือใต้ คือ พล.ต.ตรี.ขุนพันธรักษ์ราชเดช) ได้ให้ลูกน้องซึ่งเป็นมือปราบชื่อดัง มาตามท่านให้ประจำอยู่ที่ จ.นครปฐม เพื่อช่วยหาข่าว ปราบก๊กโจรต่างๆ หรือพวกผู้มีอิทธิพลในทางผิดกฎหมาย ซึ่งในสมัยนั้นมีอยู่มาก
    ท่านรับราชการเป็นตำรวจประมาณ ๑๒ ปี ได้ช่วยงานของราชการมากมาย โดยเฉพาะการปลอมตัวเข้าไปหาข่าวในชุมโจร ก๊กโจร หลายครั้งหลายหนได้อยู่รอดปลอดภัยตลอดมา เพราะมีวิชาดี แถมยังได้วิชาใหม่ๆ จากชุมโจร ทุกที่ที่ไปสืบข่าว เป็นวิชาในแนวของโจรเวทย์ เริ่มตั้งแต่แต่งทัพ จับพล เสกกุมารทอง ไว้ใช้งาน เสกหุ่นพยนต์ไว้เฝ้าทรัพย์สิน ระวังภัย วิชาส่งข่าว คงกระพัน แคล้วคลาด และเมตตามหาเสน่ห์ ต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตการเป็นตำรวจ จึงได้บวชเป็นพระ เพื่อแสวงหาความสงบ และเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    โดยบวชกับหลวงพ่อน้อย วัดท่ามอญ จากนั้นได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อน้อย และเรียนวิชาการทำผงรอดกระดาน ปัถมัง กับหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม วิชาเสกตุ๊กตาทอง กับหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
    ต่อมาท่านได้ถือธุดงควัตรขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ จนได้เรียนวิชาจากครูเฒ่าฆราวาสท่านหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของท่านครูบาศรีวิชัย จนถึงปี ๒๕๒๒ ท่านได้ธุดงค์มาถึง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้บังเกิดนิมิตเป็นแสงสว่าง นำพาท่านให้เดินตามเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือถ้ำน้ำ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ท่านจึงตกลงใจสร้างวัดถ้ำน้ำ และพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้
    ที่ผ่านมาท่านได้สร้างวัตถุมงคลหลายอย่าง อาทิ พระสมเด็จบรรจุพระธาตุ เหรียญ รูปหล่อ ตะกรุดแบบต่างๆ แมวอุ้มหนู วัวธนู นางกวักมะรุมเงิน-มะรุมทอง, ตุ๊กแกมหาลาภ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง

    หลวงพ่อเงิน เป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ผู้มั่นในศีลานุวัตร มีปฏิปทาเป็นผู้ให้โดยแท้ ท่านมุ่งปฏิบัติ และเพียรฝึกฝนทางจิตอย่างเข้มแข็ง เป็นพระสงฆ์ผู้มีเมตตาอย่างที่สุด ไม่เคยบ่นว่าศิษย์ ไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยหน่าย หรือรำคาญ ใครจะให้ท่านทำอะไร ท่านจะสงเคราะห์ให้ทั้งหมด นับเป็นพระแท้ที่น่ากราบไหว้อย่างยิ่ง

    หลวงพ่อเงินได้มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ สรีระของท่านได้จัดเก็บไว้ในหีบแก้วที่วัด เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือได้กราบไหว้ต่อไป

    บูชาเพียง 1,500 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...ใส่หลอดตะกรุดพร้อมใช้
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      124.7 KB
      เปิดดู:
      388
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  3. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    วัวธนูอาถรรพ์ หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ

    วัวธนูของหลวงพ่อ(ขนาดประมาณเหรียญ 5 บาท) สร้างจากโลหะอาถรรพ์ เช่น ตะปูตอกฝาโลงผีตายโหง 7 ป่าช้า ตะปูสังฆวานร เหล็กทิ่มผีตอนเผาศพ และแผ่นยันต์นะ 108 แผ่นยันต์พุทธคุณต่างๆ หลวงพ่อเงินเรียนวิชาทำวัวธนูมากสายจากหลวงพ่อปิ่น วัดศรีษะทอง(หลวงพ่อปิ่นเป็นศิษย์เอก หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง) และเรียนวิชาวัวธนูมาจากชุมโจร วิชาวัวธนูสายโจรเวทย์นี้เน้นเฝ้าทรัพย์สิน และส่งไปทำร้ายชุมโจรที่เป็นศัตรู และตำรวจสายอาคมที่มีคอยตามจับ
    วัวธนูของท่านๆจะพันสายสิญจน์แดงอาคมด้วยท่านเองทุกตัว สายสิญจน์แดงอาคมนี้ท่านพันเพื่อเพิ่มฤทธิ์ของวัวธนู และเป็นสายสิญจน์สะกดวัวธนูเพื่อการใช้งาน
    การบูชาวัวธนู
    จุดเทียน 1 คู่ ธูป 4 ดอก ว่า พระคาถาโองการวัวธนู 7 จบ และ คาถาวัวธนู 4 จบ
    ให้ว่าคาถาในวันแรกที่นำเข้าบ้าน และทุกวันพระใหญ่ขึ้น 15 ค่ำ
    หากต้องการเพิ่มความขลัง ควรบูชาเพิ่มในวันเสาร์ และอังคาร
    จะทำให้วัวมีฤทธิ์มาก เพราะเป็นวันแข็ง
    สำหรับการบูชาใน 2 วันนี้ไม่ต้องสวดคาถาโองการวัวธนู
    สวดแค่คาถาวัวธนูอย่างเดียว
    คาถาโองการวัวธนู เป็นภาษาลาว จากคัมภีร์หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง]สวด 7 จบ
    อมโคโน งัวทะนู ผู้หน้ายาว กว้างศอก ตาปอก ฮอบเขาเสมน กูผาบสาม แผ่นฟ้าก็ตก กูผาบหก แผ่นฟ้าก็อ่อนค้อมมา
    สู่สมพานกูทั้งค่าย บ่อทำฮ้ายแก่กูสู ชาวเมืองบนแลลุ่มฟ้า ถ้วนหน้าให้มาถวาย ตัวกูมาก บ่อให้ยาก หมู่ทาสาทาสี
    ให้กูมีไซทุกค่ำซ้าว ให้กูได้เป็นเจ้า ไผจักเจ้าให้มาโลมเลี้ยงกู ให้อ่อนอ่อนฮ้อยท่อนท้าวมาถวายกูยียาบ
    กูจักผาบแพ้สับพะหมู่ศัตรู งัวทะนูเป็นวัสสุโพลาด อาจพาบแพ้เท่าซึงซม ภูอมกูจะให้นก นกก็ฮ้อง อมกูจะให้ฆ้อง
    ฆ้องก็ดัง อมกูจะให้คน คนก็ฮ้องซักไซ่คิดถึงกู ซาวซมภูฮักฮูบกูสู่คน ฮูป ปู่กูให้แทนเมืองสมพานเซืองคงขอบพัยฟ้า
    หมู่มนตรี ให้เขาอ่อนหากู ดังซ้างอ่อนขอ ให้อ่อนหากู ปานปอแสนน้ำอม โฟเฟ้าอมโพเจ้าเข่าสู่โพโซ อมเมตตัยยะ
    มาเป็นครูกู กูจักปุกงัวทะนูให้ลุก รักษาลือซา อมสวาหะ ฯ
    คาถาบูชาวัวธนู สวด 4 จบ
    อมอุดเทตะยัง สะนะทิ อมงัวทะนู ลูกแม่เฒ่า รักษาเจ้าจงดี ผีสางสะเด็ดหนี ขวักคว้าน อมโคโน มะหาโคโน
    อมโคโส มะหาโคโส สันทะ สันทิ จันติ อมมะหา หิริโอตัปปะมัมปันโน สัปปุริสาโลเก เทวะธัมมาติอุจจะเร
    เวทาสากุ กุสาทาเว ทายัสสะ ตะทะสา ทิกุกุ ทิสาสา กุตะกุ ภูตะพุ โคสวาหะ โสตถิเต โหนตุ ชัยยะ มังคะลานิ ฯ
    คาถานี้ใช้ในทางเมตตามหานิยม สวด 9 หรือสวด 108 จบ ทุกวันขึ้น 8 ค่ำ และวันขึ้น 15 ค่ำ
    สุวัณณะมุกขะวา จะงังมะ ทูสังปิยายันติ มะนุสสา จะเอกัง ปิยังเอหิฯ
    วิธีนี้ใช้ได้กับทุกสำนัก
    การเซ่นไหว้วัวธนู ท่านให้หาหญ้าคาเจ็ดก้านหรือ 7 ใบ แต่ละใบต้องทำการขมวดปลาย
    ขณะขมวดปลายนั้นให้กลั้นหายใจด้วย แล้วท่องพระคาถาอุปคุตมัดมาร ปมของทุกก้านให้เสกด้วยคาถานี้ทั้ง 7 ใบ
    ถวายพร้อมน้ำเปล่า น้ำเปล่านี้เมื่อลามาแล้ว อย่าทิ้ง ใช้ประพรมหน้าร้านขายของดีนัก หากป่วยไข้ขอมาดื่มกินจะหายเช่นกัน
    ตอนให้หญ้า คาถาอุปคุตมัดมาร ว่า
    'อิมัง อังคะพันธะนัง อธิฏฐามิ'
    คาถาวัวธนูเฝ้าบ้าน
    นะภาเวนุ นะภาเวนุ เวทาสากุ กุสาทาเว ทายัสสะ ตะทะสา ทิกุกุ ทิสาสา กุตะกุ ภูตะพุ โคสวาหะ โสตถิเต
    โหนตุ ชัยยะมังคะลานิ นุภานะเวนะ นุภานุเวนะ เวภานะนุ เวภานะนุ ภานะนุเว ภานะนุเว นะนุเวภา นะนุเวภา
    นะภาเวนุ นะภาเวนุ ฯ
    เสกพระคาถานี้ทำน้ำมนต์รดบนหลังวัวธนู แล้วรองน้ำนั้นเอาไว้ แล้วนำน้ำที่ได้ไปประพรมรอบบริเวณบ้าน จากนั้นเมื่อออกจากบ้าน ก็บอกกล่าวแก่วัวธนูให้เฝ้าบ้านให้ สวดให้น้ำให้หญ้า และก็อธิษฐานขอสิ่งที่ตั้งใจในทางสุจริต จะสำเร็จทุกประการ​

    [​IMG]

    ประวัติ หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี

    หลวงพ่อเงิน เกิดเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๔๗๕ ที่ จ.นครปฐม เมื่ออยู่ในวัยรุ่น ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อน้อย วัดท่ามอญ นครชัยศรี โดยเรียนวิชาจากหลวงพ่อน้อยหลายอย่าง แม้จะอยู่ในวัยรุ่น ท่านก็ถือคาถาได้ขลังมาก
    ต่อมาท่านสมัครเข้าเป็นตำรวจประจำการ อยู่สายหาข่าว และปราบปราม พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต นายตำรวจใหญ่ (ฉายา สิงห์เหนือ คู่กับ เสือใต้ คือ พล.ต.ตรี.ขุนพันธรักษ์ราชเดช) ได้ให้ลูกน้องซึ่งเป็นมือปราบชื่อดัง มาตามท่านให้ประจำอยู่ที่ จ.นครปฐม เพื่อช่วยหาข่าว ปราบก๊กโจรต่างๆ หรือพวกผู้มีอิทธิพลในทางผิดกฎหมาย ซึ่งในสมัยนั้นมีอยู่มาก
    ท่านรับราชการเป็นตำรวจประมาณ ๑๒ ปี ได้ช่วยงานของราชการมากมาย โดยเฉพาะการปลอมตัวเข้าไปหาข่าวในชุมโจร ก๊กโจร หลายครั้งหลายหนได้อยู่รอดปลอดภัยตลอดมา เพราะมีวิชาดี แถมยังได้วิชาใหม่ๆ จากชุมโจร ทุกที่ที่ไปสืบข่าว เป็นวิชาในแนวของโจรเวทย์ เริ่มตั้งแต่แต่งทัพ จับพล เสกกุมารทอง ไว้ใช้งาน เสกหุ่นพยนต์ไว้เฝ้าทรัพย์สิน ระวังภัย วิชาส่งข่าว คงกระพัน แคล้วคลาด และเมตตามหาเสน่ห์ ต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตการเป็นตำรวจ จึงได้บวชเป็นพระ เพื่อแสวงหาความสงบ และเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    โดยบวชกับหลวงพ่อน้อย วัดท่ามอญ จากนั้นได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อน้อย และเรียนวิชาการทำผงรอดกระดาน ปัถมัง กับหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม วิชาเสกตุ๊กตาทอง กับหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
    ต่อมาท่านได้ถือธุดงควัตรขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ จนได้เรียนวิชาจากครูเฒ่าฆราวาสท่านหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของท่านครูบาศรีวิชัย จนถึงปี ๒๕๒๒ ท่านได้ธุดงค์มาถึง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้บังเกิดนิมิตเป็นแสงสว่าง นำพาท่านให้เดินตามเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือถ้ำน้ำ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ท่านจึงตกลงใจสร้างวัดถ้ำน้ำ และพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้
    ที่ผ่านมาท่านได้สร้างวัตถุมงคลหลายอย่าง อาทิ พระสมเด็จบรรจุพระธาตุ เหรียญ รูปหล่อ ตะกรุดแบบต่างๆ แมวอุ้มหนู วัวธนู นางกวักมะรุมเงิน-มะรุมทอง, ตุ๊กแกมหาลาภ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง

    หลวงพ่อเงิน เป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ผู้มั่นในศีลานุวัตร มีปฏิปทาเป็นผู้ให้โดยแท้ ท่านมุ่งปฏิบัติ และเพียรฝึกฝนทางจิตอย่างเข้มแข็ง เป็นพระสงฆ์ผู้มีเมตตาอย่างที่สุด ไม่เคยบ่นว่าศิษย์ ไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยหน่าย หรือรำคาญ ใครจะให้ท่านทำอะไร ท่านจะสงเคราะห์ให้ทั้งหมด นับเป็นพระแท้ที่น่ากราบไหว้อย่างยิ่ง


    หลวงพ่อเงินได้มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ สรีระของท่านได้จัดเก็บไว้ในหีบแก้วที่วัด เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือได้กราบไหว้ต่อไป

    บูชาเพียง 900 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...เลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมใช้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.1.jpg
      2.1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.4 KB
      เปิดดู:
      287
    • 2.2.jpg
      2.2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.2 KB
      เปิดดู:
      391
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  4. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    คดหิน ของทนสิทธิ์ สุดยอดคงกระพัน สุดยอดหายาก

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>คด (ของทนสิทธิ์) ดีทางคงกระพัน ป้องกันภยันอันตรายต่าง ๆ
    ในกระบวนเครื่องรางของขลังนั้น พระเกจิอาจารย์ได้สร้างกันในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งที่เป็นสัตว์และเครื่องหมายต่าง ๆ ส่วนฉบับนี้ผู้เขียนจะมาว่าถึงของดีตามธรรมชาติบ้าง เพราะของเหล่านี้ไม่ค่อยแพร่หลายนัก หากแต่อยู่ในวงแคบและรู้จักกันน้อย ซึ่งจำพวกคดนี้ได้แก่ของที่เกิดจากตามธรรมชาติ แต่เมื่อเจริญเต็มที่แล้วกลับผิดธรรมชาติออกไป หรือแทนที่จะเป็นของธรรมดากลับกลายสภาพไปเป็นหิน หรือเป็นทองแดง หรือเป็นอย่างอื่นที่มีดังจะกล่าวต่อไปนี้

    คด คืออะไร ท่านผู้อ่านคงจะไม่รู้จักหรือแปลกใจกับเครื่องรางของขลังและเป็นของศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งซึ่งนับถือกันว่าเป็นของดีทางคงกระพันและป้องกันอันตรายอย่างเดียวกันกับเครื่องรางของขลังทั่วไปที่เคยกล่าวมาแล้ว และถ้าได้นำเอามาลงอักขระเลขยันต์และพุทธาภิเษกแล้วก็จักยิ่งทวีความขลังประสิทธิ์ยิ่งขึ้นด้วย

    คำว่า “คด” โดยความหมายธรรมดาแล้วหมายถึง คดเคี้ยวไม่ตรงหรืองอ อย่างนี้เป็นต้น แต่ตามความหมายของนักนิยมสะสมเครื่องรางของขลังนั้น เขาหมายถึงสิ่งที่ผิดปกติไปจากธรรมชาติเดิมของมัน เช่น เม็ดขนุนธรรมดาแล้วจะมีลักษณะแข็งตามธรรมชาติซึ่งจะเอาของแข็งทุบก็แตก หรือต้มก็ยุ่ยแต่บางครั้งเม็ดขนุนนั้นไม่เป็นไป ตามธรรมดา กลับแข็งเป็นหินหรือกลายเป็นทองแดงคล้ำไปซึ่งทุบไม่แตก เผาไม่เป็นไร ลักษณะคล้ายโลหะ ซึ่งเป็นการผิดธรรมชาติ

    นอกจากนี้แล้วบางทีไปเจอจอมปลวกกลางป่าหรือในไร่เอาปืนไปยิงแต่ไม่ออก เขาก็ทะลวงขุดดูตรงใจกลางรังปลวกจะมีก้อนสีดำ ๆ อยู่ก้อนหนึ่งแข็งมาก เขาก็เรียกว่า “คดปลวก” อย่างนี้เป็นต้น

    การเสาะแสวงหาคดโดยมาแล้วจะหากันไม่ค่อยได้เพราะของอย่างนี้มีน้อย และมีในบางที่บางแห่ง แล้วแต่เป็นโชคของใคร ใครก็ได้ไว้ จึงมีคำแนะนำจากคนรุ่นอาวุโสเก่าแก่ว่า เวลากินผลไม้หรือไปในที่ใดที่ผิดสังเกตกว่าที่อื่น เช่น จอมปลวกที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หรือโค่นก่อไผ่ที่ตายพรายก็คือ ยืนแห้งตาย หรืออย่างอื่น ๆ หรือไข่ไก่ที่แข็งเป็นหินตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่ไก่ ที่เรียกกันว่าไข่หินก็ได้ จะเรียกว่าอะไรก็ตามที่มันผิดธรรมชาติให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะเป็น คด ก็ได้ คดทุกชิ้นมีเทพเทวดารักษา ช่วยคุ้มครองผู้บูชาได้อย่างอัศจรรย์โดยไม่ต้องปลุกเสก

    คดชิ้นนี้เป็นคดหิน มีลักษณะของเนื้อกึ่งหินกึ่งเหล็ก เกิดเป็นลักษณะขึ้นในหินอีกทีหนึ่ง หายากมากเพราะไม่มีใครสามารถทราบได้ว่าหินก้อนใดมีคด ถ้าอยากรู้ต้องทุบ ซึ่งกว่าจะทุบหินแตกก็ลำบากเอาการอยู่ ชิ้นนี้ได้มาจากคนมอญหาของป่าแถบสังขละบุรี ป่าอาถรรพ์ จ.กาญจนบุรี ขนาดประมาณเหรียญบาท
    คดนั้นพวกโจรสมัยก่อนนิยมพกติดตัวกันมาก เพราะเครื่องรางของขลังที่เกิดขึ้นจากพลังพุทธคุณนั้น จะช่วยเหลือเมื่อไม่เกินกรรม แต่คดนั้นจะดีจะชั่วยังไงก็ช่วยครับ

    ขนาดประมาณเหรียญ 1 บาท
    บูชาเพียง 1,200 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันคดแท้ 100%
    แถมฟรี...เลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมใช้




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.5 KB
      เปิดดู:
      401
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  5. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ตะกรุดจอมนาคินทร์ วัดถ้ำแฝด กาญจนบุรี

    ตะกรุดจอมนาคินทร์
    หลวงพ่อวัชระ วัดถ้ำแฝด กาญจนบุรี ขนาดยาว 3 นิ้ว
    ลงยันต์นาคราช โภคทรัพย์ พิธียิ่งใหญ่พุทธาภิเษกที่ถ้ำแฝดในเทือกเขาแรดแดนอาถรรพ์
    ซึ่งในตำนานกล่าวว่าถ้ำแห่งนี้เป็นที่ขึ้นลงเมืองบาดาลของเหล่าพญานาค และพุทธาภิเษกครั้งที่ 2 บนเรือกลางสะดือแม่น้ำแม่กลอง
    ประธานพิธีโดยหลวงพ่อวัชระ เจ้าอาวาสวัดถ้ำแฝด เจ้าของตำนานเหล็กไหลอันโด่งดังทั่วประเทศและต่างประเทศ
    บูชาเพียง 500 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...ใส่หลอดตะกรุดพร้อมใช้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      111.3 KB
      เปิดดู:
      1,080
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  6. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    เหรียญจิ้งจก 9 หาง หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ

    ปิดรายการแล้วครับ
    เหรียญจิ้งจก 9 หาง หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี
    เหรียญในสายวิชาที่หลวงพ่อถนัดที่สุด และมีประสบการณ์มากที่สุด วิชามนต์จิ้งจกของหลวงพ่อเงินท่านขลังมากๆ เวลาท่านเสกวิชาจิ้งจกนั้น จะมีจิ้งจกวิ่งมาจากทั่วสารทิศเต็มพิธีไปหมด แสดงให้เห็นว่าท่านเสกจิ้งจกถึงวิชาแน่นอน เวลาท่านไปงานพุทธาภิเษกต่างๆมักมีลูกศิษย์ที่สักยันต์จิ้งจกจากสำนักต่างๆมาให้ท่านตบยันต์ที่สักเพื่อลงมนต์จิ้งจกเพิ่มให้ แต่ละคนที่ท่านตบมนต์ลงวิชาจิ้งจกเพิ่มให้ ต่างพากันของขึ้นคลานเป็นจิ้งจกกันไปแถว เห็นมากับตาหลายงานแล้วครับ
    เหรียญนี้หลวงพ่อเมตตาจารด้านหลังเหรียญเพิ่มให้ครับ
    ประสบการณ์เมตตามหานิยม มหาโชคลาภ

    [​IMG]

    ประวัติ หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี

    ลวงพ่อเงิน เกิดเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๔๗๕ ที่ จ.นครปฐม เมื่ออยู่ในวัยรุ่น ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อน้อย วัดท่ามอญ นครชัยศรี โดยเรียนวิชาจากหลวงพ่อน้อยหลายอย่าง แม้จะอยู่ในวัยรุ่น ท่านก็ถือคาถาได้ขลังมาก
    ต่อมาท่านสมัครเข้าเป็นตำรวจประจำการ อยู่สายหาข่าว และปราบปราม พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต นายตำรวจใหญ่ (ฉายา สิงห์เหนือ คู่กับ เสือใต้ คือ พล.ต.ตรี.ขุนพันธรักษ์ราชเดช) ได้ให้ลูกน้องซึ่งเป็นมือปราบชื่อดัง มาตามท่านให้ประจำอยู่ที่ จ.นครปฐม เพื่อช่วยหาข่าว ปราบก๊กโจรต่างๆ หรือพวกผู้มีอิทธิพลในทางผิดกฎหมาย ซึ่งในสมัยนั้นมีอยู่มาก
    ท่านรับราชการเป็นตำรวจประมาณ ๑๒ ปี ได้ช่วยงานของราชการมากมาย โดยเฉพาะการปลอมตัวเข้าไปหาข่าวในชุมโจร ก๊กโจร หลายครั้งหลายหนได้อยู่รอดปลอดภัยตลอดมา เพราะมีวิชาดี แถมยังได้วิชาใหม่ๆ จากชุมโจร ทุกที่ที่ไปสืบข่าว เป็นวิชาในแนวของโจรเวทย์ เริ่มตั้งแต่แต่งทัพ จับพล เสกกุมารทอง ไว้ใช้งาน เสกหุ่นพยนต์ไว้เฝ้าทรัพย์สิน ระวังภัย วิชาส่งข่าว คงกระพัน แคล้วคลาด และเมตตามหาเสน่ห์ ต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตการเป็นตำรวจ จึงได้บวชเป็นพระ เพื่อแสวงหาความสงบ และเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    โดยบวชกับหลวงพ่อน้อย วัดท่ามอญ จากนั้นได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อน้อย และเรียนวิชาการทำผงรอดกระดาน ปัถมัง กับหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม วิชาเสกตุ๊กตาทอง กับหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
    ต่อมาท่านได้ถือธุดงควัตรขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ จนได้เรียนวิชาจากครูเฒ่าฆราวาสท่านหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของท่านครูบาศรีวิชัย จนถึงปี ๒๕๒๒ ท่านได้ธุดงค์มาถึง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้บังเกิดนิมิตเป็นแสงสว่าง นำพาท่านให้เดินตามเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือถ้ำน้ำ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ท่านจึงตกลงใจสร้างวัดถ้ำน้ำ และพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้
    ที่ผ่านมาท่านได้สร้างวัตถุมงคลหลายอย่าง อาทิ พระสมเด็จบรรจุพระธาตุ เหรียญ รูปหล่อ ตะกรุดแบบต่างๆ แมวอุ้มหนู วัวธนู นางกวักมะรุมเงิน-มะรุมทอง, ตุ๊กแกมหาลาภ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง




    หลวงพ่อเงิน เป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ผู้มั่นในศีลานุวัตร มีปฏิปทาเป็นผู้ให้โดยแท้ ท่านมุ่งปฏิบัติ และเพียรฝึกฝนทางจิตอย่างเข้มแข็ง เป็นพระสงฆ์ผู้มีเมตตาอย่างที่สุด ไม่เคยบ่นว่าศิษย์ ไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยหน่าย หรือรำคาญ ใครจะให้ท่านทำอะไร ท่านจะสงเคราะห์ให้ทั้งหมด นับเป็นพระแท้ที่น่ากราบไหว้อย่างยิ่ง

    หลวงพ่อเงินได้มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ สรีระของท่านได้จัดเก็บไว้ในหีบแก้วที่วัด เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือได้กราบไหว้ต่อไป

    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...เลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมใช้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0009.jpg
      IMG_0009.jpg
      ขนาดไฟล์:
      207.8 KB
      เปิดดู:
      1,982
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2011
  7. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    แหวนจิ้งจก หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ

    แหวนจิ้งจก หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี
    สายวิชาที่หลวงพ่อถนัดที่สุด และมีประสบการณ์มากที่สุด
    วิชามนต์จิ้งจกของหลวงพ่อเงินท่านขลังมากๆ เวลาท่านเสกวิชาจิ้งจกนั้น จะมีจิ้งจกวิ่งมาจากทั่วสารทิศเต็มพิธีไปหมด แสดงให้เห็นว่าท่านเสกจิ้งจกถึงวิชาแน่นอน เวลาท่านไปงานพุทธาภิเษกต่างๆมักมีลูกศิษย์ที่สักยันต์จิ้งจกจากสำนักต่างๆมาให้ท่านตบยันต์ที่สักเพื่อลงมนต์จิ้งจกเพิ่มให้ แต่ละคนที่ท่านตบมนต์ลงวิชาจิ้งจกเพิ่มให้ ต่างพากันของขึ้นคลานเป็นจิ้งจกกันไปแถว เห็นมากับตาหลายงานแล้วครับ
    ประสบการณ์เมตตามหานิยม มหาโชคลาภ

    บูชาเพียง 500 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0013.jpg
      IMG_0013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.4 KB
      เปิดดู:
      221
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  8. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    เหรียญมหาบารมีเดชคุ้มภัย พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปัตตานี

    เหรียญมหาบารมีเดชคุ้มภัย เนื้อทองแดง
    หมายเลข 574 หลังราหูอมสุริยัน ปลุกเสกฤกษ์สุริยคราส ปี 45 เสริมดวงชะตา แก้ดวงการเงินตก ตามวิชาราหูดูดทรัพย์ เงินทองจะไม่ขาดมือ


    [​IMG]

    ประวัติพ่อท่านเขียว กิตติคุโณ วัดห้วยเงาะ ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
    ปัจจุบัน พระครูอนุศาสน์กิจจาทร หรือพ่อท่านเขียว กิตติคุโณ สิริอายุ 82 พรรษา 62
    เกิด: สิงหาคม พ.ศ.2472 ณ.ตำบลหน้าถ้ำ อ.เมืองจ.ยะลา
    โยมบิดา : ชื่อนายทอง เพ็ชรภักดี
    โยมมารดา : ชื่อ นางกิ๊ม นวลศรี
    ชีวิตวัยเด็ก : หลังจากจบ ป.4 ต้องออกจากบ้านหางานทำเลี้ยงแม่และน้องๆ เพราะบิดาท่านได้ถึงแก่กรรม
    อุปสมบท : ณ พัทธสีมา วัดบุพนิมิตร(วัดนางโอ) อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
    พระอุปัชฌาย์ : พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ
    ศึกษาธรรม : ศึกษาพระปริยัติธรรมและนักธรรม รวมทั้งในด้านการสวดมนต์พิธีต่างๆ โดยสามารถสวดพระปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ ในพรรษาที่5 นอกจากนี้ยังศึกษาสรรพวิชาจากฆราวาสที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ อีกหลายท่าน

    พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2492 ณ.พัทธสีมา วัดนางโอ
    โดยมี พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอธิการแดง ธมฺมโชโต วัดนาประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    พระอธิการดำ ติสสโร เจ้าอาวาส วัดนางโอในขณะนั้น เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์หัตถบาส เป็นพระอาจารย์ ผู้ที่ประสิทธิ์ประศาสน์ วิชาความรู้ ให้พ่อท่านเขียวมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส
    หลังจากครองผ้าเหลือง พ่อท่านเขียว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยท่านได้ใช้เวลาว่างทั้งหมด เล่าเรียนการสวดมนต์ต่างๆ และรวมถึงการสวดภาณยักษ์ แบบฉบับของภาคใต้ กระทั่งพรรษา 2 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ จ.ยะลา ครั้งถึงพรรษาที่ 3 พ่อท่านเขียว ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับ “ตาเลี่ยม”ฆราวาสที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา รวมทั้งศึกษาสรรพวิชาต่างๆจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมอีกหลายท่าน
    นอกจากนี้ พ่อท่านเขียวยังได้ศึกษาในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้เอง พ่อท่านเขียวท่านจึงสามารถ สวดปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ 5 พ่อท่านเขียว สอบได้นักธรรมโทและต่อมา ท่านได้รับตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาส วัดนางโอ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา ในระหว่างนี้ท่านเองเป็นสหธรรมมิกกับ “พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ” ด้วยความที่วัดอยู่ใกล้กัน ท่านทั้งสองจึงได้เคยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม และร่วมในพิธีกรรมต่างๆด้วยกันเสมอ
    โดยเฉพาะเมื่อคราวที่ท่านอาจารย์ทิม วัดช้างให้ สร้าง พระหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน รุ่นปี2497 เพื่อแจกแก่ผู้ที่ร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดช้างให้นั้น พ่อท่านเขียว เป็นผู้หนึ่งที่คลุกเนื้อผสมว่าน และร่วมอยู่ในพิธีกรรมเจริญพุทธมนต์ ในระหว่างที่ท่านอาจารย์ทิม อัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด เพื่อปลุกเสกพระเครื่องเนื้อว่านในคราวปี2497 และร่วมพิธีกรรมปลุกเสกอีกหลายวาระจนเมื่ออาจารย์ทิมท่านมรณภาพแล้ว ยังมีพิธีกรรมที่สำคัญอีก 1 วาระ คือปลุกเสกหลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี 2524 ปัจจุบันเป็นที่เสาะหากันมาก เพราะมีประสบการณ์คุ้มภยันตราย แคล้วคลาดปลอดภัยแก่ผู้ที่นับถือ

    ฉายานาม เทพเจ้าฝ่ายบู๊ ของพ่อท่านเขียว เพราะท่านได้ทำนายเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ก่อนล่วงหน้า พร้อมกับสร้าง ตะกรุดพิศมรหลวงปู่ทวด แจก พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนมีเหตุการณ์ และตั้งแต่มีเหตุการณ์ยังไม่มีผู้ใดแขวน เครื่องรางของขลังของพ่อท่านเขียวแล้วสังเวยชีวิต ให้กับเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เลยแม้แต่คนเดียว ส่วนยิงไม่ออก ยิงไม่เข้า ยิงไม่ถูก หรือแม้แต่โดนระเบิดไม่เป็นไร มีให้เห็นอยู่ทุกวัน โดยที่เขาเหล่านั้นแขวนเครื่องรางของขลัง พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ เป็นส่วนมากจึงเป็นที่มาของ เทพเจ้าฝ่ายบู๊แห่งเมืองลังกาสุกะ

    บูชาเพียง 400 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...เลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมใช้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0014.jpg
      IMG_0014.jpg
      ขนาดไฟล์:
      165.8 KB
      เปิดดู:
      652
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  9. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    พระปิดตาแร่บางไผ่ วัดนครอินทร์ ปี 2549

    พระปิดตา มหาลาภ มหาอุตม์

    สร้างจากของทนสิทธิ์แร่บางไผ่

    วัดนครอินทร์ ปี 2549

    สำหรับ พระปิดตา มหาอุด แร่บางไผ่ ที่หลวงปู่จัน แห่งวัดโมลี สร้างขึ้นนั้นเป็นพระปิดตาที่ได้รับความนิยมชมชอบจากนักสะสมพระเครื่องเป็น อย่างมาก ทั้งนี้ด้วยท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้เสาะแสวงหา แร่บางไผ่ จากตำบลบางไผ่ มาสร้างพระปิดตาอันต่อมา หลวงพ่อเกิด ซึ่งติดตามท่านออกเสาะแสวงหา แร่บางไผ่ ด้วยกัน ได้สร้างพระปิดตาจาก แร่บางไผ่ ด้วยเช่นกัน
    แร่บางไผ่ อันเป็นแร่เหล็กชนิดหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้หายสาบสูญไปจากวงการพระเครื่องเป็นเวลายาวนาน กระทั่งเมื่อพระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข แห่งวัดนครอินทร์ ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งพื้นเพ เป็นคนเมืองนนท์ ได้ยินได้ฟังถึงเรื่องราวของ แร่บางไผ่ มาแต่เยาว์วัย กระทั่งเมื่ออุปสมบทเป็น พระภิกษุ ตั้งจิตอธิษฐานถ้ามีวาสนาใหได้พบ แร่บางไผ่ เพื่อจะนำมาสร้างเป็นวัตถุมงคลขึ้นมา
    แร่บางไผ่ หนึ่งเดียว แห่งเมืองนนทบุรี ได้มีการค้นพบอีกครั้งหนึ่ง โดยพระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2536 ที่คลองบางคูลัด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งได้นำมาสร้าง พระปิดตา เป็นที่เกรียวกราวในขณะนั้นเป็นอย่างมาก
    ในปี 2549 เมื่อทางวัดหนองสิม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ดำเนินการจัดสร้างเจดีย์ ห้ายอด เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และอัฐิธาตุ พระอาจารย์ มั่น ภูริทัตโต และ พระปฏิบัติกรรมฐานสายอาจารย์มั่น หากยังขาดปัจจัยในการดำเนินการ
    พระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข ได้นำแร่บางไผ่ที่ค้นพบมาสร้างวัตถุมงคล พระปิดตาแร่บางไผ่ และ รูปเหมือนหลวงพ่อทวดแร่บางไผ่ หล่อแบบโบราณขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์นำปัจจัยสร้างเจดีย์ ห้ายอด
    วัตถุมงคลที่จัดสร้างประกอบด้วย
    1. พระปิดตาแร่บางไผ่ พิมพ์ใหญ่ สร้าง 2549 องค์
    2. หลวงพ่อทวดแร่บางไผ่ สร้าง 2549 องค์
    3. หลวงพ่อทวดแร่บางไผ่ พิมพ์พิเศษฝังตะกรุดเงิน สร้าง 2549 องค์
    4. พระรอดลำพูนแร่บางไผ่ พิมพ์ใหญ่ สร้าง 2549 องค์
    3. พระนาคปรกใบมะขาม แร่บางไผ่ สร้าง 2549 องค์
    ทั้งหมดดำเนินการหล่อแบบโบราณ โดยพระอาจารย์สมศักดิ์ และ คณะศิษย์ภายในวัดนครอินทร์
    และทำพิธีพุทธาภิเษกใน วันเสาร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2549 เวลา 17.00 น. ณ วัดหนองสิม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร

    พระอาจารย์สายป่ากรรมฐาน หลวงปู่มั่น นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก อัดพลัง 4 ทิศ คือ

    1. หลวงพ่อบุญหนา ธมฺทินฺโน วัดป่าโสตถิผล สกลนคร
    2. หลวงพ่อผ่าน ปญฺญาปทีโป วัดป่าประทีบบุญญาราม สกลนคร
    3. หลวงพ่อแตงอ่อน กลฺยาณธมฺโม วัดป่าโชคไพศาล สกลนคร
    4. หลวงปู่คำพันธุ์ วัดหนองบัวสร้าง จ.สกลนคร


    พระเกจิอาจารย์อธิษฐานจิตปลุกเสก เดี่ยว ได้แก่
    4. พระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข แห่งวัดนครอินทร์ จังหวัดนนทบุรี
    5. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    6. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จังหวัดเพชรบุรี
    7. หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จังหวัดลพบุรี
    8. หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    9. หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    10. หลวงปู่เก๋ วัดปากน้ำ นนทบุรี
    เป็นต้น

    แค่เกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกก็สุดยอดแห่งยุคนี้แล้วครับ
    และขณะนี้ก็หายากมากครับ สวยงามน่าสะสมบูชามากครับ บูชาพร้อมกล่องเดิมๆจากวัดครับ


    พุทธคุณของแร่บางไผ่

    นาย นิพนธ์ เฮงเส็ง หรือ นุ เพชรัตน์ เซียนพระเครื่องของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย บอกว่า ตามคติความเชื่อเรื่องพุทธคุณของแร่บางไผ่ มีความเชื่อกันว่าความอัศจรรย์ดังกล่าวในการทำพระของหลวงปู่จันนั้น ผู้นำไปใช้นำมาเล่าขานกันต่อมาว่า คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย มั่งมีศรีสุข

    ในตำนานหลวงปู่จัน ผู้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ ท่านมีความรู้ในการเล่นแร่แปรธาตุ และรู้จักแร่ธาตุต่างๆ เป็นอย่างดี ท่านจึงนำแร่ดังกล่าวนี้มาเพื่อจะแปรธาตุให้เป็นทองคำ และท่านกล่าวไว้อีกว่า แร่นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เมตตา คงกระพันอยู่ในตัวแล้ว จึงไม่สามารถเป็นทองคำได้ ท่านจึงหันเหจากการแปรธาตุกลับมาทำเป็นพระปิดตายันต์ยุ่งที่ขึ้นชื่อลือชา นักหนา ปัจจุบันมีการเช่าบูชากันในราคาเกือบล้าน

    นอกจากนี้แล้วแร่ นั้นเสมือนมีชีวิตถ้าอยู่ตามธรรมชาติ จะต้องอยู่ในน้ำเท่านั้นจึงจะนำมาหล่อหลอมแล้วมีธาตุเหล็กเหลืออยู่ ถ้าอยู่ที่แห้งนานๆ ถึงแม้นำมาหล่อหลอมก็จะกลายเป็นเถ้า ไม่มีธาตุเหล็กหลงเหลืออยู่เลย และก่อนที่จะนำมาหลอม เมื่อนำมาจากธรรมชาติแล้ว ต้องเลี้ยงด้วยน้ำคาวปลา แร่นั้นจึงจะมีน้ำหนักสมบูรณ์ เมื่อมาหล่อหลอมก็จะไล่ขี้ออกได้ง่ายอย่างน่าอัศจรรย์

    "นักเดินไพรสมัยก่อนอมพระปิดตาแร่บางไผ่ไว้ในปาก เดินได้เป็นวันๆ ไม่ต้องกินน้ำ มีกำลังวังชา คนโบราณเอาพระแช่น้ำมันงาไว้ เอาสำลีจุ่มน้ำมางาทัดหูไป เพียงแค่นั้นก็อยู่คงแล้ว อุปเท่ห์การใช้พระแร่บางไผ่ ที่ให้คุณวิเศษอีกอย่างหนึ่งคือท่านให้เอาพระแช่น้ำผึ้งไว้ แล้วเอาน้ำผึ้งมากินทุกวัน ท่านว่าทำให้มีกำลัง ไม่เหนื่อยง่าย อายุยืน ไปไหนมาไหนก็คล่องแคล่วไม่เจ็บป่วย ที่ดินของชาวบ้านที่มีแร่บางไผ่ ไม่มีครอบครัวไหนที่ยากจนเลย มีแต่ครอบครัวมั่งคั่ง แร่บางไผ่นั้นเมื่อนำมาทำพระโดยสมบูรณ์แล้ว ต้องแช่น้ำมันงาจึงจะเกิดความสวยงาม ชุ่มฉ่ำ และดูลึกซึ้งยิ่งนัก" นุ เพชรัตน์ กล่าว


    บูชาเพียง 950 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    พร้อมกล่องเดิมจากวัด

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0016.jpg
      IMG_0016.jpg
      ขนาดไฟล์:
      267.3 KB
      เปิดดู:
      889
    • IMG_00178.jpg
      IMG_00178.jpg
      ขนาดไฟล์:
      271.2 KB
      เปิดดู:
      487
    • IMG_00133.jpg
      IMG_00133.jpg
      ขนาดไฟล์:
      269.2 KB
      เปิดดู:
      321
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  10. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>เหรียญนพรัตน์นพคุณ วัดไผ่ล้อม นครปฐม


    [​IMG]


    เหรียญ ‘นพรัตน์ นพคุณ’


    มงคลนพรัตน์คู่บุญ นพคุณคู่บารมี



    “เหรียญนพรัตน์ นพคุณ” สิ่งมงคลที่สร้างขึ้นในวาระสำคัญ.....กับ “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่หายากยิ่งในยุคนี้ และต้องถือเป็นวัตถุมงคลที่มีคุณค่าสูงสุด...ควรคู่กับทุกชีวิต ทุกเพศ ทุกวัย
    “เหรียญนพรัตน์ นพคุณ “โบราณถือว่าคู่ควรกับการบูชาคู่กายในวาระพิเศษจริงๆ
    โดยเหรียญรุ่นนี้ได้สร้างขึ้นในห้วงแห่งการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เมื่อปี พ.ศ.2549
    ในครั้งนั้นประชาชนทุกหมู่เหล่าได้สัมผัสกับ สุดยอด “เหรียญนพรัตน์ นพคุณ” มงคลนพรัตน์คู่บุญ นพคุณคู่บารมี....ที่สร้างขึ้นเพื่อประชาชนทุกชั้นวรรณะ ที่เกิดตั้งแต่วันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ (กลางวัน) พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ และพุธ (กลางคืน)
    “เหรียญนพรัตน์ นพคุณ”รุ่นนี้ สร้างขึ้นเพื่อสรรเสริญพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า ด้วยการบรรจุอัญมณีประจำวันเกิดทุกวัน ครบทั้ง 8 วัน
    วันอาทิตย์ ฝังอัญมณีสีแดง,วันจันทร์ ฝังอัญมณีสีเหลือง, วันอังคาร ฝังอัญมณีสีชมพู,วันพุธ(กลางวัน) ฝังอัญมณีสีเขียว,วันพฤหัสบดี ฝังอัญมณีสีส้ม,วันศุกร์ ฝังอัญมณีสีฟ้า,วันเสาร์ ฝังอัญมณีสีม่วง,วันพุธ (กลางคืน) ฝังอัญมณีสีดำ
    ด้านหน้าเหรียญ ตรงกลางของเหรียญทุกเหรียญ จะฝังอัญมณีสีประจำวันเกิดสำหรับผู้ครอบครองและอัญเชิญยันต์พระคาถาหัวใจ ธาตุสี่คือ นะ,มะ,พะ,ทะ และยันต์พระคาถาหัวใจยอดศีล คือ พุท์ ,ธะ,สัง,มิ รวม 8 อักขระ เพื่อเสริมชีวิตให้เข้มขลังเน้นพุทธคุณทางเมตตา
    รอบนอกอัญเชิญยันต์พระคาถาอิติปิโส แปดทิศ รวมเป็นคาถาพุทธคุณ 56 พระคาถา แบ่งเป็น 8 บทคือ
    อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา เรียกบทกระทู้ 7ตะแบกประจำอยู่ทิศบูรพา (ตะวันออก)
    ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง เรียกบทฝนแสนห่าประจำอยู่ทิศอาคเณย์ (ตะวันออกเฉียงใต้)
    ปิ สัม ระ โล ปุ สัต์ พุท์ เรียกบทนารายณ์เกลื่อนสมุทรประจำอยู่ทิศทักษิณ (ใต้)
    โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ เรียกบทนารายณ์ถอดจักรประจำอยู่ทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้)
    ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ เรียกบทนารายณขว้างจักรตรึงไตรภพประจำอยู่ทิศปัจจิม (ตะวันตก)
    คะ พุท์ ปัน ทู ทัม์ วะ คะ เรียกบทนารายณ์พลิกแผ่นดินประจำอยู่ทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ)
    วา โธ โน อะ มะ มะ วา เรียกบทตวาดหิมพานต์ประจำอยู่ทิศอุดร (เหนือ)
    อะ วิช์ สุ นุต์ สา นุส์ ติ เรียกบทนารายณ์แปลงรูปประจำอยู่ทิศอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ)
    ซึ่งเป็นพระคาถาทรงอานุภาพเอนกประการ คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายรอบด้าน จะเดินทางไกลที่เปลี่ยวคนเดียว บริกรรมคาถาอิติปิโส แปด ทิศ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
    ด้านหลังเหรียญ : ตรงกลางเหรียญมีคำว่า “พูล” มงคลนาม แปลว่า บ่อน้ำแห่งความชุ่มฉ่ำ สัญลักษณ์เทพเจ้าแห่งเมตตา อตมเถราจารย์ หลวงพ่อพูล อัตตรักโข (พระมงคลสิทธิการ วิ.) ครอบด้วยยันต์พระคาถาหัวใจพระพุทธเจ้า คือ อิ ,กะ ,วิ , ติ และยันต์พระคาถาหัวใจธาตุกรณีย์ คือ จะ,ภะ,กะ,สะ รวม 8 อักขระ ภาวนาไว้เป็นคงกระพันชาตรี สะเดาะโซ่ตรวนได้ ป้องกันคุณไสย์ เสกน้ำมนต์คลอดลูกก็ได้ เสกขมิ้นทากันขวากหนาม กินต่อสู้ชกมวยได้ เสกดินสอพองทาตัวคงทนทรหดวิเศษนัก
    รอบนอกอัญเชิญยันต์พระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า เป็นเสมือนมงกุฎสวมใส่อยู่บนศีรษะคุ้มกันอันตรายทั้งปวง บริกรรมแล้วยกมือลูบศรีษะให้ทั่ว ว่าครั้งละ 3 หนหรือ 7 หน (อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุท์นาเมอิ อิเมนาพุท์ธตังโสอิ อิโสตังพุท์ธปิติอิ)







    จัดสร้างขึ้นเพื่อน้อมระลึกวันละสังขารดับขันธ์วันสำคัญวิสาขบูชาของพระ พุทธเจ้าและในการที่หลวงพ่อพูล อัตตรักโข (พระมงคลสิทธิการ วิ.) พระอมตเถราจารย์ เทพเจ้าแห่งเมตตาบารมี จึงขนานนามเหรียญว่า “นพรัตน์ นพคุณ” เป็นมงคลนามสรรเสริญพระคุณอันยิ่งใหญ่ ความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นรัตนะอันประณีตประเสริฐสุดแวดล้อมด้วยอัญมณีสีประจำวันเกิดทุกวัน และฝังอัญมณีสีประจำวันของผู้เกิดแต่ละวันแจ่มจรัส อัญเชิญยันต์พระคาถาที่มีตำนานเล่าขานว่า “ขมังเวทย์” บริกรรมทุกเช้าค่ำ จะเจริญรุ่งเรือง ค้าขายดี มีสิริมิ่งขวัญคุ้มครองป้องกันตัว เดินทางไกลไปคนเดียว ปลอดภัยโชคดี มั่งมีศรีสุข ดังนี้
    1. 1. พระคาถาหัวใจธาตุทั้ง สี่ คือ นะ,มะ,พะ,ทะ, หมายถึง ความยิ่งใหญ่เหนือชีวิตคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นหนึ่ง เป็นเอก เสกบริกรรมได้วิเศษนัก
    2. 2. พระคาถาหัวใจยอดศีล คือ พุท์,ธะ,สัง,มิ หมายถึง ดีทางเมตตามหานิยม หรือจะบริกรรมใช้ได้รอบด้าน ล่องหนกำบัง อยู่คงกระพันก็ได้
    3. 3. พระคาถาอิติปิโส แปด ทิศ แยกแยะเป็นพระคาถาได้ 56 อักขระอัญเชิญมาคุ้มครองป้องกันทุกทิศวิเศษนัก นามเรียกแต่ละทิศล้วนทรงมหิทธิเดชานุภาพเป็นเอนกประการครอบจักรวาล
    4. 4. พระคาถายันต์หัวใจพระพุทธเจ้า คือ อิ,กะ,วิ,ติ ภาวนาให้ขึ้นใจเป็นมงคลยิ่งนักจะคิดพูดทำสิ่งใดสำเร็จ ศัตรูหมู่มารทำอะไรไม่ได้ แพ้ภัยตัวเอง
    5. 5. พระคาถายันต์หัวใจกรณีย์ คือ จะ,ภะ,กะ,สะ บริกรรมก่อนทำกิจ ทั้งปวง สำเร็จ ก้าวหน้า เงินทองไหลมา สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง
    6. 6. พระคาถายันต์พระมงกุฎพระพุทธเจ้า คือ อิติปิโสวิเสเสสอิ อิเสเสพุท์ธนาเมอิ อิเมนาพุท์ธตังโสอิ อิโสตังพุท์ธปิติอิ นี้คือยอดมงกุฏพระพุทธเจ้า
    ทุกพระคาถาภาวนาบริกรรมท่องให้ได้ มีไว้จะบังเกิดสิริมงคล โชคลาภ ทั้งตัวเราและครอบครัวจะเกิดมงคลนพรัตน์คู่บุญ นพคุณคู่บารมี ตลอดปีตลอดชีวิต

    .....................................................................​


    พิธีปลุกเสกเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.48 การปลุกเสกในแต่ละครั้ง จะใช้บทสวดนพเคราะห์ สวดธรรมจักร โดยยึดหลักครูบาอาจารย์ โดยอัญเชิญดวงวิญญาณของครูบาอาจารย์มาร่วมเพิ่มพลังพุทธคุณ ให้ “ดัง ขลัง ดี” ยิ่งๆ ขึ้นไป ​



    กล่าวสำหรับการจัดสร้างเหรียญ “นพรัตน์ นพคุณ” ครั้งนี้ มีหัวใจสำคัญอีกประเด็นหนึ่งคือ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของวัยรุ่น และให้วัยรุ่นสามารถใส่ติดกายได้ ป้องกันสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม สิ่งอันเป็นอัปมงคลทั้งหลาย ให้พ่ายแพ้และมลายหายไปจากชีวิตในที่สุด......​




    จากนั้น เหรียญรุ่นนี้ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งในวันตรุษจีนซึ่งในปีนั้นตรง กับวันเสาร์ที่ 28 ม.ค.49 และต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 9 –15 เม.ย.49 โดยเสกทุกวันรวม 8 ครั้ง สำหรับวันพุธเสก 2 รอบคือพุธกลางวันกับพุธกลางคืน พระเกจิทั้งหมดที่เข้าร่วมพิธีปลุกเสกจำนวนร่วม 100 รูป .....

    พิธีพุทธาภิเษก เหรียญนพรัตน์ นพคุณ ถือเป็นมงคลสูงสุดและเป็นการนำเข้าพิธีถึง 3 วาระ คือ ทั้งปีใหม่ไทย ปีใหม่สากล และปีใหม่จีน จึงนับได้ว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้ ครบถ้วนกระบวนความ มีพุทธคุณที่เข้มขลัง ตามแบบโบราณาจารย์อย่างแท้จริง….​






    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    บูชาเพียง 1,000 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    พร้อมกล่องเดิมๆจากวัด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0006.jpg
      IMG_0006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      180.1 KB
      เปิดดู:
      271
    • IMG_00113.jpg
      IMG_00113.jpg
      ขนาดไฟล์:
      349.9 KB
      เปิดดู:
      144
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2011
  11. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    พระผงแจกทาน
    อธิษฐานจิตเสกเดี่ยวโดย
    พระสุปฏิปันโนคณาจารย์สายหลวงปู่มั่น อริยสงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแห่งยุค
    หลวงปู่มหาเจิม ปญฺญาพโล วัดสระมงคล นครปฐม

    [​IMG]
    ชีวประวัติหลวงปู่มหาเจิม ปญฺญาพโล

    หลวง ปู่มหาเจิม นามเดิม เจิม วรรณโมฬี เกิดที่บ้านหนองแหน ต.เมืองใหม่ อ.พนมสารคาม(ปัจจุบันเป็น อ.ราชสาสน์) จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง บิดามีนามว่า นายหรุ่น วรรณโมฬี มารดามีนามว่า นางม้วน วรรณโมฬี มีพี่น้องทั้งหมด ๖ คน เป็นผู้ชาย ๔ คน ผู้หญิง ๒ คน ได้เสียชีวิตแล้วทั้งหมด ๕ คน ที่มีชีวิตอยู่ปัจจุบันเหลือหลวงปู่เพียงองค์เดียว

    การศึกษาของหลวง ปู่ในวัยเด็กต้องศึกษากับวัดที่อยู่ใกล้บ้าน โดยเรียนหนังสือมูลบทบรรพกิจของพระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยาง***ร)พออ่านออกเขียนได้เท่านั้น เพราะยังไม่มีโรงเรียนประชาบาลตั้งอยู่ในวัดสมัยนั้น และยังต้องย้ายออกจากบ้าน ห่างจากบิดามารดาและญาติพี่น้องมาอยู่ที่วัดตั้งแต่อายุประมาณ ๘ ขวบ

    หลวง ปู่ได้บรรพชาเป็นสามเฌร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๐ อายุได้ ๑๒ ขวบ กับหลวงพ่อทองซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแสนภุมมาวาส และได้อยู่กับท่าน ๑ พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ หลวงปู่ได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ และมาอยู่ที่วัดบรมนิวาส ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยคุณย่าอิ่ม รัดสกุล เป็นผู้นำมาฝากฝังกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) และได้ญัตติเป็นธรรมยุต กับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อีกด้วย

    การ ศึกษาบาลีและนักธรรม ได้เริ่มศึกษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๑ หลวงปู่สอบบาลีไวยากรณ์ได้ที่ ๔ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ และ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ สอบได้นักธรรมเอก และหลวงปู่ยังสามารถสอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค ได้ในปีเดียวกัน

    เมื่อหลวงปู่อายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์ จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ณ พระอุโบสถวัดบรมนิวาส โดยมีพระพรหมมุนี (ติสโส อ้วน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพินิจ วิหารการ (ขำ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวินัยธรดำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ หลวงปู่ได้ออกปฏิบัติ โดยเดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือ ได้จำพรรษาที่วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ๑ พรรษา

    ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ – พ.ศ. ๒๔๘๗ จำพรรษาที่วัดป่าโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

    ปี พ.ศ. ๒๔๘๘ จำพรรษาที่วัดทิพย์วนาราม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

    ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ได้กลับมาจำพรรษาที่ วัดป่าโรงธรรมสามัคคี อีกครั้ง

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ลงมาอยู่ภาคกลาง ได้ลงไปจำพรรษาที่อ่าวยาง จ.จันทบุรี เพียงรูปเดียว

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ ได้ไปจำพรรษาที่อ่าวหมู กับ พระอาจารย์น้อย เกตุโร อยู่ ๑ พรรษา และได้เดินทางลงไปจำพรรษาที่ปักษ์ใต้ โดยได้ไปอยู่กับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (พระราชนิโรธรังสีคัมคีร์ปัญญาวิศิษฏ์) ที่จังหวัดภูเก็ต

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ จำพรรษาที่อ่าวลึก จ.กระบี่ กับอาจารย์พรหมมา

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ – พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้อยูจำพรรษาที่คลองช่องลม อ.อ่าวลึก จ.กระบี่

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ กลับมาจำพรรษาที่วัดแสนภุมมาวาส อันเป็นบ้านเกิด เพื่อเยี่ยมโปรดโยมบิดา โยมมารดา

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ กลับลงไปภาวนาที่ภาคใต้อีกครั้ง โดยจำพรราที่อ่าวลึก จ.กระบี่ ได้ ๑ พรรษา

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ จำพรรษาที่วัดอรัญญบรรพต จ.หนองคาย กับหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (พระสุธรรมคณาจารย์)

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ – พ.ศ. ๒๕๐๗ จำพรรษาที่วัดเขาแก้ว จ.จันทบุรี

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ – พ.ศ. ๒๕๑๗ จำพรรษาที่วัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี

    ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ กลับไปวัดเขาช่องลม อ.อ่าวลึก จ.กระบี่อีกครั้ง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๙ – พ.ศ. ๒๕๓๑ และในระหว่างนั้นหลวงปู่ได้ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดกระบี่ และ พังงา

    ต่อมาท่านได้มาอยู่ที่มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซอยจรัลสนิทวงค์ ๓๗ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร.

    เพื่อรักาอาการอาพาธ และมาพักอยู่กับ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท (พระครูสุทธิธรรมรังษี) ที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

    ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ – ปัจจุบัน หลวงปู่ได้รับอารธนานิมนต์มาเป็นประธานสงฆ์ วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งเดิมมีพื้นที่เป็นป่าช้าเก่า


    บูชาเพียงองค์ละ 350 บาท
    มี 2 องค์ให้เลือก
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    แถมฟรี...เลี่ยมกันน้ำพร้อมใช้ครับ
    แถมฟรี...รูปขนาด 2 นิ้วเคลือบพลาสติก หลวงปู่อธิษฐานจิตเสกเดี่ยวให้ครับ
    องค์ที่ 1
    [​IMG]


    องค์ที่ 2
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2011
  12. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    พระพุทธรัศมี ปี 2537
    พระผงแจกทานที่อธิษฐานจิตเสกเดี่ยว
    โดยพระอริยสงฆ์ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบแห่งยุค
    [​IMG]
    หลวงปู่จันทร์ศรี วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี

    “หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป” หรือ “พระอุดมญาณโมลี” เป็นพระมหาเถระสายพระป่ากรรมฐานศิษย์ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺตมหาเถระ แม่ทัพธรรมแห่งอีสานฝ่ายวิปัสสนาธุระ, เป็นพระผู้มากด้วยเมตตาที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธา และเป็นแบบอย่างอันงดงามของพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และประชาชนชาวอีสานมาอย่างยาวนาน ด้วยยึดหลักธรรมแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง มีพลังเกื้อหนุนจากธรรมะของครูบาอาจารย์ที่คอยสนับสนุนตลอดมา ปฏิปทาอันงดงามของหลวงปู่จึงเป็นครูของชีวิตที่คณะศิษยานุศิษย์ภาคภูมิใจ ยิ่ง

    หลวงปู่จันทร์ศรี มีนามเดิมว่า จันทร์ศรี แสนมงคล เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2454 ตรงกับวันอังคาร แรม 3 ค่ำ เดือน 11 ปีกุน ณ บ้านโนนทัน ต.โนนทัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายบุญสาร และนางหลุน แสนมงคล ก่อนที่โยมมารดาจะตั้งครรภ์ ในคืนวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 3 นั้น ฝันเห็นพระ 9 รูป มายืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน พอรุ่งขึ้นตรงวันขึ้น 15 ค่ำ เพ็ญเดือน 3 ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา ได้เห็นพระกัมมัฏฐาน 9 รูปมาบิณฑบาตยืนอยู่หน้าบ้าน จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงรีบจัดภัตตาหารใส่ภาชนะ ไปนั่งคุกเข่าประนมมือตรงหน้าพระเถระผู้เป็นหัวหน้า ยกมือไหว้ แล้วใส่บาตรจนครบทั้ง 9 รูป แล้วนั่งพับเพียบประนมมือกล่าวขอพรว่า

    “ดิฉันปรารถนาอยากได้ลูกชายสัก 1 คน จะให้บวชเหมือนพระคุณเจ้าเจ้าค่ะ”

    พระเถระก็กล่าวอนุโมทนา หลังจากนั้นอีก 1 เดือน นางหลุน แสนมงคล ก็ได้ตั้งครรภ์ และต่อมาก็คลอดบุตรชายรูปงามในวันอังคารที่ 10 ตุลาคม พุทธศักราช 2454

    ปัจจุบัน หลวงปู่จันทร์ศรี สิริอายุได้ 98 พรรษา 78 (เมื่อปี พ.ศ.2552) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี, ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) และที่ปรึกษามหาเถรสมาคม (มส.)

    บูชาเพียง 500 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...เลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมใช้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0018.jpg
      IMG_0018.jpg
      ขนาดไฟล์:
      156.2 KB
      เปิดดู:
      247
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2011
  13. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ผงศักดิ์สิทธิ์ พระธาตุพนม
    ใช้ผงพระธาตุที่บรรจุไว้ในพระเจดีย์ของพระธาตุพนมซึ่งมีอายุนับหลายร้อยปี นำมาใช้เป็นมวลสารสำคัญ
    เก่าๆ หายากครับ พร้อมเลี่ยมเดิมๆจากวัด

    บูชา 300 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_00017.jpg
      IMG_00017.jpg
      ขนาดไฟล์:
      227.3 KB
      เปิดดู:
      391
    • IMG_000015.jpg
      IMG_000015.jpg
      ขนาดไฟล์:
      244.4 KB
      เปิดดู:
      657
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2011
  14. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    สะเก็ดดาว หรือ อุลกมณี(Tektite)
    จัดเป็นวัถุหนึ่งที่เป็นประเภทแก้วธรรมชาติ ที่พบบนโลก ซึ่งมีด้วยกันหลายชนิดที่ ในทางภายนอกทางกายภาพแล้ว สะเก็ดดาวจะมองดูลักษณะคล้ายแก้ว ซึ่งมีสีแตกต่างกันออกไป ตามประเภทและแหล่งที่พบ อันนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงอายุของสะเก็ดดาวด้วย และนอกเหนือจากนั้นในทางอนุภาคขนาดเล็ก เมื่อทำการทดสอบแล้ว พบว่าสะเก็ดดาวมีความหล้ายคลึงกับแก้ว ประเภท Obsidian แต่ส่วนประกอบแตกต่างจากแร่ คริสตัล ทั่วไป นั้นเป็นที่มาที่ไปให้นักวิทยาศาสตร์ สงสัยและยังหาข้อสรุปไม่ได้ สะเก็ดดาวเป็นส่วนประกอบทางธรรมชาติที่ประกอบด้วยวัตถุเหมือนกัน ซึ่งเกิดจากการหลอมละลายและการผสมผสานที่ลงตัว ในสะเก็ดดาวยังพบว่ามีส่วนประกอบของน้ำและอากาศที่น้อยมาก ซึ่งสังเกตได้จากเมื่อมีการตัดทดสอบสะเก็ดดาวแล้วพบว่า ไม่มีฟองอากาศเลย แต่ผิวภายนอกมีมากมายหลายแบบ เนื้อภายในปิดสนิท สะเก็ดดาวเกิดจากการหลอมตัวที่อุณหภูมิสูงมากๆ และมีอายุยาวนานหลายแสนปี จนถึงหลายล้านปี
    สะเก็ดดาวมาจากที่ใด ไม่มีใครทราบและยืนยันได้แน่ชัด เท่าที่ทราบเวลาผ่านมามากกว่า ร้อยปี ยังไม่มีข้อสรุปมีแต่สมมติฐานเท่านั้น ซึ่งสมมติฐานที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ สมมติฐานการชนของอุกกาบาตกับโลก กระจายเป็นสะเก็ดดาวตกไปตามที่ต่างๆ ทั่วโลก
    ในหลุมดาวตก ดินและหินที่อยู่ใกล้ หลอมรวมกันเป็นน้ำร้อนเหลว บางส่วนระเหยกลายเป็นไอ คล้ายกับปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งสะเก็ดดาวอาจเกิดจากทฤษฏีนี้ และมีคำถามต่อมาว่า หากเป็นกรณีนี้จริง มักจะพบคำถามที่ว่า สะเก็ดดาวกระเด็นกระดอนไปไกลเท่าไหร่ กระโดดไปสูงเท่าไหร่ หรืออาจมีเส้นทางโครจรไป ในอวกาศแล้วตกกลับลงมา ซึ่งชิ้นส่วนที่ตกลงมาต้องมีความเร็วที่สูงมาก และมีระยะทางเคลื่อนที่ที่ไกลพอสมควร ทำให้มีเวลาที่จะ เปลี่ยนหรือสร้างรูปทรงเป็นแบบต่าง ก่อนจะตกลงมาสู่พื้นโลก ซึงจากการทดสอบพบว่า สะเก็ดดาวกลุ่ม Australasian สามารถโปรยตกออกไปได้ 1,000 กิโลเมตร จากแหล่งที่ตก หรือจากหลุมอุกกาบาต ซึ่ง ระยะนี้ เพียงพอที่จะทำให้สะเก็ดดาว สร้างแบบของตัวเอง เป็นรูปทรงแบบต่างๆ โดยรูปทรงที่ว่านี้ เกิดจากการหมุนรอบตัวเอง ด้วยความเร็วนั่นเอง ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์ ยังพบแล้วว่า ในการทดสอบ สะเก็ดดาวมีความเกี่ยวเนื่องกันกับ หินบนพื้นโลก มีการหลอมตัวคล้ายคลึงกับหินบนโลกบางชนิด แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวครับ

    สะเก็ด ดาว มีพละพลังสูงส่ง หากท่านที่สามารถจับพลังได้ทดลองจับดูจะรู้สึกร้อนมือ หรือมีบางอย่างกระตุ้นที่ฝ่ามือ หรือ ชาๆ ที่มือ สะเก็ดดาว หรือ Tektite มาจากคำว่า Tektos ในภาษากรีก แปลว่า หลอมละลาย ชื่อนี้ถูกขนานนามโดย SUESS เมื่อปี ค.ศ 1900 ท่านผู้นี้เชื่อว่าสะเก็ดดาวเป็นแร่ชนิดหนึ่ง มาจากนอกโลกหรือต่างพิภพ บางท่านเชื่อว่ามาจากดวงจันทร์ รูปลักษณ์สัณฐาน ไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลวงรูปไข่ยาวแบน แต่ที่แน่ ๆ คือที่ผิวของสะเก็ดดาวจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ ทั้งนี้เนื่องจากซิลิกา (Silica) หลอมละลายเป็นแก้วเมื่อเสียดสีกับบรรยากาศ มีขนาดความกว้าง ไม่เกิน 2 นิ้ว ที่พบเสมอ ๆ คือขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีดำ น้ำตาล หรือสีเขียว มักพบจมดินอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

    คุณสมบัติของสะเก็ดดาว

    เป็น แหล่งของศิลปศาสตร์ความรอบรู้และพลัง กระตุ้นเตือนจิตสำนึกก่อให้เกิดความจดจำอันแม่นยำ ลึกซึ้ง จึงควรใช้ขณะปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น ขณะทำสมาธิจิต การพกพาไว้กับตัวก่อให้เกิดสนามพลังแก่ออร่ารอบตัว ทำให้ออร่าเข้มเข็ง มั่นคง ปกป้องคุ้มครอง และขับไล่สิ่งที่มารุกราน ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ (วิญญาณแฝงหรือพลังแฝง)
    นำสะเก็ดดาววางไว้ ที่จักระ 6 ขณะทำสมาธิจิต หรือสรรสร้างพลังตาทิพย์ เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมแห่งธรรมชาติ เกิดความรู้ความคิดสร้างสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เหมาะกับนักออกแบบ ศิลปิน นักแสดง นักดนตรี นักศึกษาหาความรู้ ถ้าวางไว้ที่จักระ 4 หรือทำเป็นจี้ห้อยคอ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติต่าง ๆ ของจิตใจ ผู้ที่มีความรู้สึกหมดหวัง หมดอาลัยในชีวิต ถ้านำสะเก็ดดาววางไว้ที่จักระ 5 ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกล หรือติดต่อกับวิญญาณที่อยู่ต่างมิติ ( Telepathic Communication )



    การใช้สะเก็ดดาวร่วมกันกับพลอยชนิดอื่น ๆ

    ใช้ สะเก็ดดาวร่วมกับ พลอยสีม่วง จะช่วยเพิ่มพลังแก่จักระที่ 6 และ 7 เกิดการหยั่งรู้ ( Intuition ) ต่อเชื่อมกับผู้รู้และเทพเบื้องบน ใช้ร่วมกับ Rose Quartz ที่จักระ 4 ก่อให้เกิดพลังแห่งความเมตตา เหมาะแก่ผู้ที่มีอารมณ์กร้าวร้าว ดุดัน โหดร้าย เห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบผู้อื่น ใช้ร่วมกับพลอย Lapis Lazuli ก่อให้เกิดพละพลังแห่งความนึกคิดทั้งหลาย มีความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบดีขึ้น ใช้ร่วมกับ Citrine ก่อให้เกิดความนึกคิดแห่งการสรรสร้าง วางไว้ที่จักระ 6 เกิดญาณหยั่งรู้ เหมาะแก่ครูอาจารย์ และผู้ศึกษาหาความรู้

    ตามความเชื่อ

    เชื่อว่ามีเทพคุ้มครองจึงไม่แนะนำให้นำไปแกะสลักโดยไม่เชิญดวงวิญญาณออกก่อน เมื่อแกะสลักแล้วจึงค่อยเชิญดวงวิญญาณเข้าไปใหม่

    เชื่อกันว่ามีสรรคุณน้องๆเหล็กไหล แต่หาคนใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ได้น้อย

    เด่นทางด้านโชคลาภ ค้าขายจึงเรียกว่า แก้วข้าว ในทางเหนือนิยมเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง
    จะทำให้พืชพันธ์ให้ผลผลิตสูง

    เป็นนายแห่งอัญญมณีทั้งปวงช่วยขจัดพลังอัญมณีให้โทษ และเสริมฤทธิ์อัญมณีมีคุณทั้งปวง
    (ขอขอบคุณข้อมูลจากwww.esantektite.com)

    คนโบราณกาลเชื่อว่าสะเก็ดดาวคือ แก้วแห่งพระราหู ใฃ้สื่อถึงพลังทิพยฤทธิอำนาจแห่งมหาอสุรินทรเทพราหู มีผลด้านหนุนดวงชะตา กลับร้ายกลายเป็นดี เป็นมหาโชคลาภครับ
    สะเก็ดดาวทั้ง 2 ชิ้นได้แกะเป็น แก้วแห่งองค์ราหู
    และได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกมาหลายพิธี

    มี 2 องค์ให้เลือกครับ
    องค์ที่ 1
    ปิดรายการแล้วครับ
    [​IMG]

    องค์ที่ 2
    [​IMG][​IMG]

    เหลือองค์ที่ 2 ครับ
    บูชาองค์ละ 500 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2011
  15. kajit

    kajit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,656
    ค่าพลัง:
    +3,351
    สะเก็ดดาวทั้ง 2 ชิ้นได้แกะเป็น แก้วแห่งองค์ราหู

    ขอราคาหน่อยครับ
     
  16. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    อำพัน วัตถุล้ำค่าองค์พระปฐมเจดีย์ นครปฐม

    ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ วันที่ 26 มีนาคม 2552 "....อัศจรรย์กาวยางไม้อายุนับร้อยปีเป็นสีอำพัน

    เมื่อ วันที่ 25 มี.ค. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครปฐม รายงานว่าขณะนี้มีประชาชน กำลังแตกตื่นรีบไปเก็บกระเบื้องและยางไม้ ที่ปูประดับฐานบัลลังก์องค์พระปฐมเจดีย์ เรื่อยไปจนถึงยอดนภศูล (ยอดองค์พระ) เพราะกาวยางไม้ที่ติดกระเบื้องตั้งแต่สร้างองค์พระปฐมเจดีย์ สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้แข็งตัวจับกันเป็นก้อนกลมแท่งเรียว และมีสีเหลืองอำพันสวยงาม เนื่องจากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานถึง 156 ปี ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เลยนำแท่งยางไม้อำพันสีสวยงามไปแกะเป็นพระเครื่องหรือวัตถุมงคลห้อยคอ


    ขณะ ที่พระธรรมปริยัติเวที เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์เปิดเผยว่า สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี มาดำเนินการบูรณะซ่อมแซม และเปลี่ยนกระเบื้องตั้งแต่ฐานบัลลังก์ไปจนถึงยอดนพศูล เพราะของเก่ามีสภาพเสื่อมโทรม โดย กระเบื้องเก่าที่ลอกออก ทางวัดได้เก็บไว้ส่วนหนึ่งเพื่อจัดสร้างวัตถุมงคล อีกส่วนมอบให้วัดต่าง ๆ ที่จะนำไปสร้างพระเจดีย์ โดยมีมาขอ แล้วหลายวัด ส่วนที่ชาวบ้านมาเก็บกระเบื้อง และแท่งกาวยางไม้สีอำพันอายุร้อยกว่าปีไปแกะทำ เป็นวัตถุมงคลหรือพระเครื่อง ทางวัดไม่ได้หวงห้าม...."

    ยางไม้อำพันนี้ได้ผ่านการปลุกเสกมานานเป็น156 ปี ซึ่งทันพระสงฆ์ อาทิเช่น หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา และอีกมากมายสุดจะบรรบาย...เชื่อว่าความศักดิ์สิทธิ์นี้เกิดจากในคราวที่ ท่านพระเกจิอาจารย์ทั้งหลายนั้นรับกิจนิมนต์มาปลุกเสกพระหรือทำกิจกรรมในวัน สำคัญทางพระพุทธศาสนาในสมัยก่อนนั้น...และเชื่อกันว่าพุทธคุณนั้นมีครบ เครื่องครอบจักรวาล ซึ่งบางคนนำไปแกะเป็นพระ ราคาก็ขยับไปหลายพันแล้วก็มี ซึ่งขึ้นอยู่กับความสวยงามขององค์พระที่แกะออกมา... หรือบางคนนำไปใส่หลอดเป็นตะกรุดแขวนคอ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายชิ้นหลายขนาด
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    อำพันชิ้นนี้ขนาดความยาวประมาณ 1.5 นิ้ว
    ของล้ำค่า ปัจจุบันหายากมากๆ
    ขนาดยาวๆ 5 นิ้วในตลาดพระในองค์พระปฐมเจดีย์ซื้อหากันหลักพันปลายๆครับ
    บูชาเพียง 1,000 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...ใส่หลอดตะกรุดพร้อมใช้ครับ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0012.jpg
      IMG_0012.jpg
      ขนาดไฟล์:
      146.1 KB
      เปิดดู:
      418
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2011
  17. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    [​IMG]
    ราหูแกะจากไม้พยุง รุ่นมหามงคลแบ่งลาภ
    ปลุกเสกพิธียิ่งใหญ่ในวันที่ 23 กันยายน 2551
    หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู อุบลราชธานี
    สุดยอดหายาก ตอกโค๊ด "คำบุ" ตอกเลข "86" สร้างน้อยมากเพียง 16 อันเท่านั้น
    หลวงปู่คำบุเพ่งจิตตานุภาพจารมือด้านหลังพระราหูด้วยตนเอง ลงยันต์หัวใจพระราหู ยันต์โภคทรัพย์กลับดวง ก้นอุดเกศา อุดผงพุทธคุณผสมสีผึ้งนารายณ์กลืนจิตตำรับหลวงปู่คำบุที่สืบทอดมาจากสายสมเด็จลุน
    สุดยอดแห่งความหายากในตอนนี้ครับ
    ไม้พยุงที่สุดแห่งไม้มงคลในการแก้-ปรับ-เสริมฮวงจุ้ย ปัจจุบันหายากและราคาแพงมากๆ เจ้าสัวจีนนิยมนำไปปรับฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย สำนักงาน หรือทำเป็นวัตถุมงคลติดตัวเพื่อเสริมดวงเศรษฐี ดวงโภคทรัพย์ความร่ำรวยครับ

    บูชาเพียง 1,200 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...เลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมใช้ครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG.jpg
      IMG.jpg
      ขนาดไฟล์:
      152.7 KB
      เปิดดู:
      251
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  18. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    องค์ละ 500 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับ
    สะเก็ดดาวแกะเป็นรูปต่างๆยากมาก เพราะสะเก็ดดาวมีลักษณะแข็ง แต่ถ้าแกะแรงจะเปราะแตก ทำให้ไม่ได้รูปทรงที่จะแกะตามต้องการครับ
    สะเก็ดดาวถ้าแกะ 10 ชิ้น คนแกะบอกว่าจะเสียหายไปมากกว่าครึ่งครับ
     
  19. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    เบี้ยแก้ผงพุทธคุณ
    หลวงปู่คีย์ วัดศรีลำยอง จ.สุรินทร์
    สร้างปี 2543 หายากมาก
    ฝังตะกรุด 3 กษัตริย์ และ จีวร
    [​IMG]
    หลวงปู่คีย์ กิตติญาโณ
    มีนามเดิมว่า คีย์ จงพูนศรี เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2471 ที่ ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
    ปัจจุบันอายุ 83 ปี 60 พรรษา บรรพชาและอุปสมบทเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2492 ณ วัดเพชรบุรี ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
    ท่านได้เดินทางธุดงค์เพื่อปฎิบัติวิปัสนากรรมฐานและศึกษาวิชาอาคมต่างๆ ตามแถบเทือกเขาพนมดงรักร่วมกับหลวงปู่เชิดแห่งวัดเพชรบุรีเป็นเวลาหลายปี เป็นพระเจ้าพิธีเสริมดวง เสริมบารมี สะเดาะเคราะห์ต่อชะตาราศรีด้วยการสาวน้ำตาเทียนจากบาตรน้ำมนต์ครอบลงบนศีรษะ ของผู้เข้าพิธีแต่ละคนที่เรียกว่า”ครอบมงกุฎพระเจ้า” เก่งทางเมตตามหานิยมเป็นที่เคารพสักการะของศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศ
    หลวงปู่คีย์ กิตติญาโณ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูวิสุทธิกิตติญาณ เมื่อปี 2536 และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท เมื่อปี 2542
    ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีลำยอง หมู่ที่ 4 ตำบลสมุด อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์

    บูชาเพียง 350 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0011.jpg
      IMG_0011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      143.8 KB
      เปิดดู:
      181
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2011
  20. kajit

    kajit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,656
    ค่าพลัง:
    +3,351
    <TABLE id=post5384227 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5384227 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE id=post5384227 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5384227 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->สะเก็ดดาว หรือ อุลกมณี(Tektite)
    จัดเป็นวัถุหนึ่งที่เป็นประเภทแก้วธรรมชาติ ที่พบบนโลก ซึ่งมีด้วยกันหลายชนิดที่ ในทางภายนอกทางกายภาพแล้ว สะเก็ดดาวจะมองดูลักษณะคล้ายแก้ว ซึ่งมีสีแตกต่างกันออกไป ตามประเภทและแหล่งที่พบ อันนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงอายุของสะเก็ดดาวด้วย และนอกเหนือจากนั้นในทางอนุภาคขนาดเล็ก เมื่อทำการทดสอบแล้ว พบว่าสะเก็ดดาวมีความหล้ายคลึงกับแก้ว ประเภท Obsidian แต่ส่วนประกอบแตกต่างจากแร่ คริสตัล ทั่วไป นั้นเป็นที่มาที่ไปให้นักวิทยาศาสตร์ สงสัยและยังหาข้อสรุปไม่ได้ สะเก็ดดาวเป็นส่วนประกอบทางธรรมชาติที่ประกอบด้วยวัตถุเหมือนกัน ซึ่งเกิดจากการหลอมละลายและการผสมผสานที่ลงตัว ในสะเก็ดดาวยังพบว่ามีส่วนประกอบของน้ำและอากาศที่น้อยมาก ซึ่งสังเกตได้จากเมื่อมีการตัดทดสอบสะเก็ดดาวแล้วพบว่า ไม่มีฟองอากาศเลย แต่ผิวภายนอกมีมากมายหลายแบบ เนื้อภายในปิดสนิท สะเก็ดดาวเกิดจากการหลอมตัวที่อุณหภูมิสูงมากๆ และมีอายุยาวนานหลายแสนปี จนถึงหลายล้านปี
    สะเก็ดดาวมาจากที่ใด ไม่มีใครทราบและยืนยันได้แน่ชัด เท่าที่ทราบเวลาผ่านมามากกว่า ร้อยปี ยังไม่มีข้อสรุปมีแต่สมมติฐานเท่านั้น ซึ่งสมมติฐานที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ สมมติฐานการชนของอุกกาบาตกับโลก กระจายเป็นสะเก็ดดาวตกไปตามที่ต่างๆ ทั่วโลก
    ในหลุมดาวตก ดินและหินที่อยู่ใกล้ หลอมรวมกันเป็นน้ำร้อนเหลว บางส่วนระเหยกลายเป็นไอ คล้ายกับปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งสะเก็ดดาวอาจเกิดจากทฤษฏีนี้ และมีคำถามต่อมาว่า หากเป็นกรณีนี้จริง มักจะพบคำถามที่ว่า สะเก็ดดาวกระเด็นกระดอนไปไกลเท่าไหร่ กระโดดไปสูงเท่าไหร่ หรืออาจมีเส้นทางโครจรไป ในอวกาศแล้วตกกลับลงมา ซึ่งชิ้นส่วนที่ตกลงมาต้องมีความเร็วที่สูงมาก และมีระยะทางเคลื่อนที่ที่ไกลพอสมควร ทำให้มีเวลาที่จะ เปลี่ยนหรือสร้างรูปทรงเป็นแบบต่าง ก่อนจะตกลงมาสู่พื้นโลก ซึงจากการทดสอบพบว่า สะเก็ดดาวกลุ่ม Australasian สามารถโปรยตกออกไปได้ 1,000 กิโลเมตร จากแหล่งที่ตก หรือจากหลุมอุกกาบาต ซึ่ง ระยะนี้ เพียงพอที่จะทำให้สะเก็ดดาว สร้างแบบของตัวเอง เป็นรูปทรงแบบต่างๆ โดยรูปทรงที่ว่านี้ เกิดจากการหมุนรอบตัวเอง ด้วยความเร็วนั่นเอง ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์ ยังพบแล้วว่า ในการทดสอบ สะเก็ดดาวมีความเกี่ยวเนื่องกันกับ หินบนพื้นโลก มีการหลอมตัวคล้ายคลึงกับหินบนโลกบางชนิด แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวครับ

    สะเก็ด ดาว มีพละพลังสูงส่ง หากท่านที่สามารถจับพลังได้ทดลองจับดูจะรู้สึกร้อนมือ หรือมีบางอย่างกระตุ้นที่ฝ่ามือ หรือ ชาๆ ที่มือ สะเก็ดดาว หรือ Tektite มาจากคำว่า Tektos ในภาษากรีก แปลว่า หลอมละลาย ชื่อนี้ถูกขนานนามโดย SUESS เมื่อปี ค.ศ 1900 ท่านผู้นี้เชื่อว่าสะเก็ดดาวเป็นแร่ชนิดหนึ่ง มาจากนอกโลกหรือต่างพิภพ บางท่านเชื่อว่ามาจากดวงจันทร์ รูปลักษณ์สัณฐาน ไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลวงรูปไข่ยาวแบน แต่ที่แน่ ๆ คือที่ผิวของสะเก็ดดาวจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ ทั้งนี้เนื่องจากซิลิกา (Silica) หลอมละลายเป็นแก้วเมื่อเสียดสีกับบรรยากาศ มีขนาดความกว้าง ไม่เกิน 2 นิ้ว ที่พบเสมอ ๆ คือขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีดำ น้ำตาล หรือสีเขียว มักพบจมดินอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

    คุณสมบัติของสะเก็ดดาว

    เป็น แหล่งของศิลปศาสตร์ความรอบรู้และพลัง กระตุ้นเตือนจิตสำนึกก่อให้เกิดความจดจำอันแม่นยำ ลึกซึ้ง จึงควรใช้ขณะปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น ขณะทำสมาธิจิต การพกพาไว้กับตัวก่อให้เกิดสนามพลังแก่ออร่ารอบตัว ทำให้ออร่าเข้มเข็ง มั่นคง ปกป้องคุ้มครอง และขับไล่สิ่งที่มารุกราน ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ (วิญญาณแฝงหรือพลังแฝง)
    นำสะเก็ดดาววางไว้ ที่จักระ 6 ขณะทำสมาธิจิต หรือสรรสร้างพลังตาทิพย์ เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมแห่งธรรมชาติ เกิดความรู้ความคิดสร้างสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เหมาะกับนักออกแบบ ศิลปิน นักแสดง นักดนตรี นักศึกษาหาความรู้ ถ้าวางไว้ที่จักระ 4 หรือทำเป็นจี้ห้อยคอ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติต่าง ๆ ของจิตใจ ผู้ที่มีความรู้สึกหมดหวัง หมดอาลัยในชีวิต ถ้านำสะเก็ดดาววางไว้ที่จักระ 5 ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกล หรือติดต่อกับวิญญาณที่อยู่ต่างมิติ ( Telepathic Communication )



    การใช้สะเก็ดดาวร่วมกันกับพลอยชนิดอื่น ๆ

    ใช้ สะเก็ดดาวร่วมกับ พลอยสีม่วง จะช่วยเพิ่มพลังแก่จักระที่ 6 และ 7 เกิดการหยั่งรู้ ( Intuition ) ต่อเชื่อมกับผู้รู้และเทพเบื้องบน ใช้ร่วมกับ Rose Quartz ที่จักระ 4 ก่อให้เกิดพลังแห่งความเมตตา เหมาะแก่ผู้ที่มีอารมณ์กร้าวร้าว ดุดัน โหดร้าย เห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบผู้อื่น ใช้ร่วมกับพลอย Lapis Lazuli ก่อให้เกิดพละพลังแห่งความนึกคิดทั้งหลาย มีความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบดีขึ้น ใช้ร่วมกับ Citrine ก่อให้เกิดความนึกคิดแห่งการสรรสร้าง วางไว้ที่จักระ 6 เกิดญาณหยั่งรู้ เหมาะแก่ครูอาจารย์ และผู้ศึกษาหาความรู้

    ตามความเชื่อ

    เชื่อว่ามีเทพคุ้มครองจึงไม่แนะนำให้นำไปแกะสลักโดยไม่เชิญดวงวิญญาณออกก่อน เมื่อแกะสลักแล้วจึงค่อยเชิญดวงวิญญาณเข้าไปใหม่

    เชื่อกันว่ามีสรรคุณน้องๆเหล็กไหล แต่หาคนใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ได้น้อย

    เด่นทางด้านโชคลาภ ค้าขายจึงเรียกว่า แก้วข้าว ในทางเหนือนิยมเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง
    จะทำให้พืชพันธ์ให้ผลผลิตสูง

    เป็นนายแห่งอัญญมณีทั้งปวงช่วยขจัดพลังอัญมณีให้โทษ และเสริมฤทธิ์อัญมณีมีคุณทั้งปวง
    (ขอขอบคุณข้อมูลจากwww.esantektite.com)

    คนโบราณกาลเชื่อว่าสะเก็ดดาวคือ แก้วแห่งพระราหู ใฃ้สื่อถึงพลังทิพยฤทธิอำนาจแห่งมหาอสุรินทรเทพราหู มีผลด้านหนุนดวงชะตา กลับร้ายกลายเป็นดี เป็นมหาโชคลาภครับ
    สะเก็ดดาวทั้ง 2 ชิ้นได้แกะเป็น แก้วแห่งองค์ราหู
    และได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกมาหลายพิธี

    มี 2 องค์ให้เลือกครับ
    องค์ที่ 1


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    จององค์ที่ 1 ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...