พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sittiporn.s

    sittiporn.s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +748
    รูปอะไรครับคุณหนุ่ม ตอบทาง PM ก็ได้ครับ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นี่ก็บัดซบ

    อยู่แผ่นดินไทยไปทำไมก็ไม่รู้

    ฆ่าตัวตายไปเหอะ อยู่ไปก็หนักแผ่นดินเปล่าๆ


    ----------------------------------------------------

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จำคุก 20 ปี “คนถ่อย” ส่ง SMS หมิ่นเบื้องสูง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 พฤศจิกายน 2554 13:16 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT src="https://plus.google.com/_/apps-static/_/js/widget/gcm_ppb,googleapis_client,plusone/rt=j/ver=j2xxUjYQkk8.th./sv=1/am=!C0fEz9_x4jKIpDHgug/d=1/"></SCRIPT><SCRIPT src="http://platform.twitter.com/widgets.js" type=text/javascript></SCRIPT>


    <SCRIPT src="https://apis.google.com/js/plusone.js" type=text/javascript> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>

    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    จำคุก 20 ปี เฒ่า 61 ส่ง sms หมิ่นเบื้องสูง เข้ามือถือเลขาฯ อภิสิทธิ์ ศาลชี้อ้างเอามือถือไปซ่อม ส่งข้อความไม่เป็นฟังไม่ขึ้น

    วันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.311/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอำพล ตั้งนพกุล อายุ 61 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (2), (3) ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

    คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9, 11 และ 22 พ.ค.53 จำเลยใช้โทรศัพท์มือถือส่วนตัวพิมพ์ข้อความอันเป็นการจาบจ้วง ดูหมิ่นพระเกียรติยศ และหมิ่นประมาทใส่ความให้ร้ายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากนั้นจำเลยส่งข้อความดังกล่าวไปยังโทรศัพท์มือถือของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข ขณะดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 เหตุเกิดที่แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงและเขตดุสิต กทม. ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จ.สมุทรปราการ เกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาอ้างว่าขณะเกิดเหตุนำโทรศัพท์ไปซ่อมที่ร้านซ่อมโทรศัพท์แห่งหนึ่งที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล สาขาสำโรง นอกจากนี้ยังส่งข้อความสั้นผ่านทางโทรศัพท์มือถือไม่เป็น

    ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า จากการสอบสวนพบว่า โทรศัพท์และหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของจำเลย ที่จำเลยอ้างว่านำโทรศัพท์ไปซ่อมนั้น ต่อมาพนักงานสอบสวนนำตัวจำเลยไปยังห้างดังกล่าว ปรากฏว่าจำเลยอ้างว่าจำไม่ได้ว่าซ่อมที่ร้านไหน ทั้งที่จำเลยต้องไปที่ร้านซ่อมโทรศัพท์อย่างน้อย 2 ครั้ง ในวันที่ส่งซ่อมและในวันที่ไปรับโทรศัพท์คืน ส่วนที่จำเลยอ้างว่าส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือไม่เป็น และไม่ทราบว่าหมายเลขผู้รับข้อความเป็นของเลขานุการอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการง่ายที่จะกล่าวอ้าง พยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ เชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของโทรศัพท์ และซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ใช้ก่อเหตุ ข้อความมีลักษณะแสดงความอาฆาตมาดร้าย ใส่ความทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทั้งที่ข้อความดังกล่าวล้วนไม่เป็นความจริง การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง

    พิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันเป็นบทลงโทษสูงสุด ให้เรียงกระทงลงโทษ จำคุกจำเลยเป็นเวลา 5 ปี จำนวน 4 กระทง รวมจำคุกทั้งสิ้น 20 ปี


    -http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000149340-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อันตรายจากการว่าพ่อแม่ และจ้วงจาบผู้มีบุญคุณ ผู้ทรงศีล-ทรงธรรม


    อันตรายจากการว่าพ่อแม่ และจ้วงจาบผู้มีบุญคุณ ผู้ทรงศีล-ทรงธรรมโพสโดยคุณ ClassicHome

    -http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=134005.0-

    .


    ผลของการจาบจ้วงองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวนั้น ก็ไม่ต่างกับการปรามาสพระโพธิสิตว์ เพราะพระองค์ท่าน บำเพ็ญบารมี ตอนนี้ เป็นขั้นปรมัตถะปารมี พระองค์ท่านปราถนาพุทธภูมิ คือเคยอธิษฐานปราถนาเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อสงเคราะห์เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ตอนนี้เหลืออีก 5 ชาติ ตามที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุงท่านเคยพูดคุยกับองค์พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงเสด็จพระราชดำเนินไปกราบหลวงพ่อฤาษี และพระอริยะเจ้าทั้งหลาย อยู่บ่อยครั้ง พระองค์ทรงงฃสนพระทัย และฝึกวิปัสนากรรมฐาน ทรงทำความเพียรคือนั่งสมาธิ ติดต่อกัน 2-3 ชั่วโมง โดยไม่เหนื่อยเลย นี่พลตำรวจเอกวสิษฐ์ เดชกุญชร อดีตนายตำรวจประจำพระราชสำนักท่านเล่าให้ฟัง ไปอ่านเจอมา ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงงาน ไปเยี่ยมราษฎร ตามถิ่นธุรกันดาน ตลอดเวลา อย่างที่พวกเราทั้งหลายทราบกันดี พระองค์ไม่ทรงทิ้งเรื่องกรรมฐานเลย เพราะพระองค์ทรงสนพระทัยในพระพุทธศาสนามาโดยตลอด ตั้งแต่อดีตชาติ ที่เคยทรงเป็นกษัตริย์มาไม่รู้กี่ภพชาติแล้ว ทรงสนพระทัยในการฝึกสมาธิ วิปัสนากรรมฐาน พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระจริยะวัตรที่งดงาม ที่เพรียบพร้อม ทรงพระเมตตาสูงยิ่งต่อทุกๆ คน ทรงมีบารมีมาก พระองค์ปราถนาพุทธภูมิ ทรงบำเพ็ญบารมีพระโพธิสิตว์ เพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสมณโคดมบรมครู พระองค์ท่านทรงเมตตาทุกคนไม่ว่าจะเป็นภูมิมนุษย์ ภูมิสวรรค์ หรือนรกภูมิ เฉกเช่นเดียวกับที่พระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญบารมีของพระองค์เอง และจะทรงเกิดใหม่อีก 5 ชาติ เท่านั้น ฉะนั้นผู้ที่คิดจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว ก็เปรียบเสมือนปรามาสพระโพธิสัตว์ ปรามาสพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล กรรมนั้นหนักมาก และบางรายเห็นผลในชาติปัจจุบัน เพราะไปปรามาสพระองค์เข้า เมื่อบุญของผู้ไปปรามาสหมด กรรมที่ทำไว้นี่เป็นกรรมหนัก คือไปปรามาสพระเจ้าอยู่หัวเข้า กรรมส่งผลทันตาเห็น ต้องรับกรรมในชาตินี้ทันที แต่บางคนก็ยังไม่ได้รับกรรม อาจจะชาติหน้า หรืออีกไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ เพราะคนที่ไปปรามาสพระเจ้่่าอยู่หัวนี่ เป็นคนบาปหนัก หนักมาก อย่างไรก็ต้องรับกรรม เรื่องของกรรมมันซับซ้อน ไม่รู้เมื่อไหร่จะมาส่งผล ขึ้นอยู่กับบุญที่ทีพอที่จะวิ่งหนีกรรมที่ทำไว้ทันไหม ทำกรรมใดไว้ต้องรับผลของกรรมอย่างแน่นอน องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงมีภูิจิตภูมิธรรมสูงมาก หากใครที่มีบารมีน้อยกว่าพระองค์ท่าน ไปปรามาสเข้าก็จะเป็นกรรมกับคนผู้นั้น พวกเราทุกๆ คน ไม่รวมพระอริยะเจ้าทั้งหลาย นั้นบารมีน้อยกว่าพระองค์ท่านอย่างแน่นอน จึงได้เกิดมาใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรของพระองค์ท่าน พวกเรามีบุญวาสนาที่ได้เป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน จงภูมิใจในข้อนี้ คนที่ไปปรามาสหรือจาบจ้วงนั้น กรรมจะมารูปแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยค่ะ ผู้เขียนก็ตอบได้เท่าที่ทราบมา ศึกษามา และตามที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมา อนุโมทนาที่สอบถามมา สาธุค่ะ


    [​IMG]

    มีเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเล่าถึงองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้ค่ะ

    หลวงพ่อพูดว่า


    ....ในหลวง เคยเกิดเป็น พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า และ พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า และเคยเกิดเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าตวันอธิราช และพระเจ้าพรหมมหาราช ("พระเจ้าตวันอธิราช" ไปเกิดเป็น "พระเจ้าพรหมมหาราช") ทั้ง ๒ ครั้ง ดังนี้

    พ.ศ. ๒๔๖ สมัยสุวรรณภูมิ ในหลวงเกิดเป็นพระราชโอรสองค์แรก ของ พระเจ้าตวันอธิราช มีพระนามว่า พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า

    พ.ศ. ๙๐๐ สมัยเชียงแสน พระเจ้าตวันอธิราช เกิดเป็น "พระเจ้าพรหมมหาราช" ส่วนพระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ตามไปเกิดเป็นพระราชโอรสองค์แรกนามว่า "พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า" แต่สิ้นพระชนม์ในสมัยทรงพระเยาว์ พระราชสมบัติจึงตกแก่พระโอรสองค์รองคือ "พระเจ้าชัยสิริ" (หลวงปู่ธรรมชัย) ซึ่งเป็นต้นราชวงศ์จักรี สืบสันติวงศ์ถึงปัจจุบัน พระเจ้าพรหมมหาราช มีพระเชษฐาคือ "พระเจ้าทุกขิตะ" (หลวงปู่คำแสนเล็ก วัดดอนมูล)

    ย้อน กลับมาสมัยสุวรรณภูมิ พ.ศ.๒๔๖ พระโพธิสัตว์ทั้ง ๒ พระองค์นี้ได้บำเพ็ญบารมีร่วมกัน (พ่อ-ลูก) พระเจ้าตวันอธิราช กษัตริย์ผู้ครองกรุงสุวรรณภูมินี้ ได้วางรากฐานการสร้างพระบารมีไว้ให้พระราชโอรสของพระองค์ ในฐานะที่จะทรงเป็นกษัตริย์ต่อไปภายภาคหน้า อาทิ


    - การสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรือง ปรับปรุงกองทัพให้เข้มแข็ง ส่งเสริมอาชีพของราษฏร โรงพยาบาลเพื่อสงเคราะห์พสกนิกร ฯลฯ

    - ด้านพระพุทธศาสนา ได้โปรดสร้างวัด โรงเรียนปริยัติธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณร โดยมี พระโสณะ กับ พระอุตตระ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีการมอบ "พัศยศ" สำหรับผู้สอบบาลีได้

    - ต่อมาก็มีการแต่งตั้งพระสงฆ์ไทยขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระองค์แรกของเมืองไทย จนได้สืบต่อวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ มาจนถึงบัดนี้

    - อีกทั้งพระองค์ได้เสด็จประพาสไปยังนานาประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง และที่อยู่ห่างไกลออกไป ส่วนภายในประเทศอาณาเขตของพระองค์ ก็เสด็จเยี่ยมเยือนไปตามหัวเมืองต่าง ๆ อีกด้วย

    - พระราชจริยวัตรของพระเจ้าตวันอธิราชนี้ มีลักษณะที่ทรงปฏิบัติคล้ายกับพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวของพระเจ้ากรุงสยามทุกประการ

    - ฉะนั้น ขนบธรรมเนียมประเพณีในด้านพระศาสนา เช่น พิธีกวนข้าวทิพย์ การสวดมนต์ หรือ พิธีการนิมนต์พระไปเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้าน ตลอดถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ตามโบราณราชประเพณี เรามีการสืบทอดวัฒนธรรมอันเป็นมรดกมานานนับพันปี

    (ทั้ง หมดนี้เป็นรากฐานที่พระเจ้าตวันอธิราช วางไว้ให้พระราชโอรสคือ พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ทั้ง ๒ พระองค์ต่างก็เป็นพระโพธิสัตว์ที่บารมีเข้มข้น)
    ต่อ มา...หลังจากพระเจ้าเดือนเด่นฟ้าได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ก็ทรงมีพระราชหฤทัยที่ดำเนินรอยตามพระยุคคลบาทของสมเด็จพระราชบิดา ในฐานะที่พระองค์ก็ทรงเป็นพระโพธิสัตว์เช่นเดียวกัน และก่อนที่ พระโสณะ จะนิพพาน ก็ยังได้พยากรณ์ไว้อีกว่า


    "พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า จะมาเกิดที่ "กรุงเทพมหานคร" เมื่อนั้น "สุวรรณภูมิ" จะฟื้นชื่อมีคนรู้ทั่ว..."

    - สอดคล้องกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม องค์ปัจจุบันที่ได้ทรงตรัสพยากรณ์ไว้ดังนี้

    "ดู ก่อนอานนท์..ตถาคตสงสารสัตว์เป็นล้นพ้น ที่มีอายุขัยอยู่ใกล้ยุคกึ่งสมัย คือในหลังพุทธกาลนี้ แต่ในเวลานั้น จะมี "พระมหากษัตริย์ธรรมิกราช" ผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งจะเกิดภายในอุปถัมภ์ของ "พระมหาเถระโพธิสัตว์"

    - พระโพธิสัตว์สองพระองค์นั้น จะเสด็จเข้ามาบำรุงพระพุทธศาสนาของตถาคต สมณชีพราหมณ์จะตามเสด็จเป็นอันมาก ในระยะนี้จะเป็นยุค "ชาวศรีวิไล" ดังนี้

    (หลักฐานหนึ่ง ทางด้านโบราณวัตถุได้แก่ กระเบื้องจาร ที่ขุดได้จาก ซากเมือง คูบัว จ.ราชบุรี ก็ได้ยืนยันว่า พ่อกับลูกคู่นี้ ทรงเป็นหน่อเนื้อพระบรมพงศ์พระโพธิสัตว์ทั้งสองพระองค์ ได้ตั้งความปรารถนา "พุทธภูมิ"
    วิริยาธิกะ คือจะต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ใช้เวลา ๑๖ อสงไขย กับแสนกัปล์ จึงจะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ)
    ในชาติปัจจุบัน ของ พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า (พระบาทสมเด็จภูมิพลอดุลยเดชมหาราช)

    หลวง พ่อเคยถวายพระพรไว้ ณ พระตำหนักภุพิงค์ราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๐ ในตอนหนึ่งที่พระองค์ทรงตรัสถามหลวงพ่อว่า

    "เขาพูดกันว่าผมปรารถนาพุทธภูมิเป็นความจริงไหมครับ..?"

    หลวง พ่อถวายพระพรว่า...เรื่อง ปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ปรารถนามานาน..แต่เวลานี้บารมีเป็น"ปรมัตถบารมี" แล้ว ก็เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว..ไม่ใช่ไม่สำเร็จ..!

    "พุทธ ภูมิ" นี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น "วิริยาธิกะ" วิริยาธิกะนี่..ต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่บำเพ็ญมาเกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว "แสนกัป" อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ"

    ในขณะ นั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้ตรัสถามหลวงพ่อว่า "พระ เจ้าอยู่หัวก็ดี หม่อมฉันก็ดี ก็มีความเคารพในพระคุณพระราชวงศ์จักรีอยู่ตลอดเวลา ที่ท่านจะทรงสามารถจะทรงความเป็นเอกราชไว้ได้ ก็อยากจะทราบว่าทั้งสององค์นี่..จะทรงชาติกับศาสนาไว้ได้ไหม..? "

    หลวงพ่อถวายพระพรว่า "ก็ได้..ประเทศเราไม่มีเกณฑ์จะต้องตกเป็นเหยื่อคอมมิวนิสต์"
    แล้วพระองค์ก็ตรัสถามอีกว่า "ฉันทั้งสององค์นี่ ทั้งพระเจ้าอยู่หัวด้วยและฉันด้วย จะต้องตายเพราะการที่เขามุ่งจะฆ่าไหม..? "

    พอตรัสถามตรงนี้ หลวงพ่อท่านบอกว่าพระดลใจให้ตอบว่าดังนี้..

    "ก็ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่ เป็นนักรบฝีมือดีมาจากสุโขทัย และมาเกิดคราวนี้ ต้องการจะเกิดเพื่อจรรโลงให้คงอยู่ให้ชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข แล้วเรื่องอะไร..ที่ต้องตายเพราะคมอาวุธล่ะ..ถ้าจะเจ็บตายเองเป็นเรื่อง ธรรมดา และต้องตายด้วยเรื่อง "คมอาวุธ" อันนี้ไม่มี..!"

    สรุป..ในหลวง เกิดเป็นพระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ในสมัยสุวรรณภูมิ และเกิดเป็นพระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า ในสมัยเชียงแสน ปรารถนา พุทธภูมิ ประเภท วิริยาธิกะ ตอนนี้บารมีใก้ลเต็ม และต้องเกิดสร้างบารมีอีก ๕ ชาติ


    ขอบคุณที่มา : หนังสือธัมมวิโมกข์ หน้า ๙๒ ถึง ๙๕ ฉบับที่ ๒๑๒ ประจำเดือน พฤศจิกายน ๒๕๔๑...


    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อันตรายจากการว่าพ่อแม่ และจ้วงจาบผู้มีบุญคุณ ผู้ทรงศีล-ทรงธรรมโพสโดยคุณ ClassicHome

    -http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=134005.0-

    .




    ต่อค่ะ (2)

    ในหลวงจักได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคตกาล



    [​IMG]

    “เรา อย่าเห็นสิ่งปลีกย่อยดีกว่าส่วนรวมส่วนใหญ่นะ ส่วนใหญ่นั่นล่ะเป็นของสำคัญ พ่อกับแม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อะไรที่เป็นหลักของชาติ เป็นหัวใจของชาติให้พากันรักกันสงวน อย่าพากันทำลาย ลูกเต้าจะอวดดีกว่าพ่อกว่าแม่มันไม่ดีละ

    คิดดูในพุทธศาสนา พระเจ้าอชาตศัตรูทำลายพระราชบิดา ก็ไม่เห็นเจริญอะไร ท่านว่า เย เกจิ พุทธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คตา เส น เต คมิสฺสนฺ อบายภูมิ พวกสัตว์ทั้งหลายถ้านึกลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มีความเทิดทูนในสิ่งที่ดีงามที่มีคุณมีประโยชน์ทั้งหลายแล้ว ผู้นั้นเจริญ ผู้ใดไปทำลายหลักใหญ่แล้วจะเอาให้ส่วนเล็กๆนี้ขึ้นครองบ้านครองเมืองมันก็ ไม่ดี ให้พากันรักษาหลักใหญ่เอาไว้

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือ หัวใจของชาติไทยเรา นี่ให้พากันจำเอาไว้นะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนี้คือหัวใจของ ชาติไทยเรา ให้พากันเทิดทูน อย่าพากันดูถูกเหยียดหยามทำลาย เช่นอย่างจะทำลายจะไม่ให้มีพระเจ้าอยู่หัว มันคนเกิดมาแล้วพ่อแม่ตายหมด มีแต่ลูกกำพร้าหยิมแหยมๆ มันใช้ไม่ได้นะ สกุลใดที่มีคนคับแคบอยู่ในบ้านนั้นเมืองนั้นแล้วสกุลนั้นไม่เจริญ สกุลใดที่มีความกว้างขวาง มีจิตใจอันกว้างขวาง พิจารณารอบคอบเพื่อทำประโยชน์แก่ส่วนรวมผู้นั้นเป็นผู้ดี



    นี่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ของพวกเราคือหัวใจของคนไทยทั้งชาติ ให้พากันทะนุถนอมนะ อย่าพากันไปทำลาย จะมีแต่ลูกหยอมแหยมๆ พ่อแม่ผู้ให้ความร่มเย็นไม่มีมันไม่เกิดประโยชน์ อย่างไรต้องรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ ในประเทศไทยเราก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี นี้คือหัวใจของชาติให้พากันเคารพเทิดทูน อะไรที่เป็นหลักใหญ่ของชาติของส่วนรวมให้พากันรักษา พากันเทิดทูน อย่าพากันทำลายโดยอวดดี

    ดังที่ท่าน ว่าอึ่งอ่างกับวัวนั่นละ เราก็เห็นในนิทานอีสปแต่ก่อนเรียนหนังสือ อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้นนี่ วัวมันตัวขนาดไหน ลูกอยู่ในรู แม่ไปหากิน ลืมแล้วนิทานอีสป มันเป็นอย่างไรละทีนี้ (ลูกเห็นวัว พอแม่กลับมาเล่าให้แม่ฟังว่าเจอตัวอะไรไม่รู้ใหญ่มาก แม่ก็พองตัว ลูกว่าใหญ่กว่านี้อีก) ได้ไหมๆ สุดท้ายสิ่งที่ได้คือพุงแตก นี่ระวังนะ ตัวเล็กๆ อย่าไปพองตัว มันไม่สมควรจะพอง อึ่งอ่างกับวัว วัวมันตัวใหญ่ขนาดไหน อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้น มาพอง มันตัวเท่านี้ไหมๆ เรื่อย สุดท้ายเลยตาย เข้าใจไหม นี่อึ่งอ่างกับวัวมันไม่ดีอย่างนั้นละ”

    โดย...หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี


    [​IMG]

    “ในหลวงพระองค์นี้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์น๊ะ...”

    หมาย เหตุสำหรับปฐมเหตุที่ทำให้พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาสกล่าวความเช่นนี้ ก็เกิดมาจากการที่ท่านได้กล่าวเตือนญาติโยมบางรายที่ไปนมัสการว่า

    “ การที่คุณเอาธนบัตรที่มีรูปในหลวงไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนั้นไม่ดีเลย เพราะในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ การเอาพระรูปของท่านไปไว้ในที่ต่ำอย่างนั้น ย่อมบังเกิดโทษเป็นอันมาก ทีหลังอย่าพากันทำ ”

    และความเป็น"พระโพธิสัตว์"ของในหลวงนั้น ก็เป็นถึงระดับ"นิยตโพธิสัตว์"ผู้เที่ยงแท้ต่อพระโพธิญาณในอนาคตกาลเบื้อง หน้าโน้นอย่างแท้จริงด้วย สมจริงดังที่หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ ได้กล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองทีเดียวว่า


    "ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนามเคยเป็นช้างนาฬาคิริง ส่วนในหลวงองค์ปัจจุบันเป็นช้างป่าเลไลยก์นะ..!!!!!"

    ภควา อันว่าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแห่งเรา ตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระนามว่า พระติสสะสัพพัญญูพุทธเจ้า เสด็จล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานสิ้นกาลช้านานแล้ว ฯ

    ใน ลำดับ นั้น อันว่าช้างปาลิไลยหัตถีตัวนี้ก็เป็นพระบรมโพธิสัตว์สร้างพระบารมีมาเป็นอัน มาก จักได้ตรัสเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระสุมงคล ในอนาคตกาลพระสุมงคลทศพลญาณเจ้านั้น มีพระองค์สูงได้ ๖๐ ศอก พระชนมายุมีประมาณแสนปีเป็นกำหนด ไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ประดับด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง ดังสีทองเป็นอันงามประดุจกลางวัน แล้วจะบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ มีประการต่างๆ ด้วยพระพุทธานุภาพ ฝูงมนุษย์ทั้งหลายในพระศาสนาของพระสุมงคล มิได้กระทำซึ่งกสิกรรม วาณิชกรรม ได้อาศัยซึ่งต้นกัลปพฤกษ์นั้น ประพฤติเลี้ยงชีวิตแห่งอาตมา มนุษย์ทั้งหลายมีความผาสุกสบาย ขวนขวายแต่การเล่นเต้นรำแต่งตัวอยู่เป็นนิจ เสมอเหมือนเทพบุตร เทพธิดา ซึ่งได้ทิพยสมบัติในสวรรค์เทวโลกฯ สมเด็จพระสุมงคลทศพลญาณเจ้า ก่อสร้างพระบารมีมาทั้ง ๑๐ ประการ จึงสำเร็จแก่พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้ ฯ อันว่ากองพระบารมีครั้งหนึ่ง พระองค์กระทำมาแต่ยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น ปรากฏเป็นปรมัตถบารมีอันยิ่งยอดอย่างเอกอุดมทาน ฯ

    เพราะด้วยเหตุที่ ท่าน เจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์(สิม พุทฺธาจาโร)ซึ่งเป็นพระขีณาสวสงฆ์ผู้ทรงญาณวิสัยอันลึกล้ำ สามารถแทงตลอดในการทุกสิ่งอัน และได้แจ้งในใจในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในอนาคตวงศ์ภายภาคหน้าเป็นอย่างดีที่สุด หลวงปู่สิมจึงได้ถวายความจงรักภักดีในพระองค์ท่านอย่างยิ่ง แม้ตราบเท่าวาระสุดท้ายแห่งชีวิตท่านอย่างน่าซาบซึ้งประทับใจที่สุด ไม่มีใดจะเทียมทันได้ ซึ่งการทั้งปวง อาจเข้าไปชมได้ในหัวข้อ"จงรักภักดีด้วยชีวิต"



    โดย...ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส

    [/b][/color]

    [​IMG]


    "พระองค์มัวแต่เป็นห่วงคนอื่น แต่ไม่ทรงห่วงพระองค์เองบ้างเลย"

    โดย...หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่


    [​IMG]


    "วันหนึ่งข้างหน้า ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก"
    หลวงพ่อมองหน้าผมแล้วย้ำว่า...

    "ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ"


    โดย...หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา
    ได้กล่าวไว้กับลูกศิษย์คนหนึ่ง เมื่อครั้งที่บวชอยู่กับท่านฯ



    [​IMG]


    เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๔๙๘ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

    ได้ปรารภกับศิษยานุศิษย์ของท่านว่า

    "มีใครเป็นห่วงพระเจ้าแผ่นดินองค์น้อย (ในหลวง) บ้าง???"

    เมื่อทุกคนกล่าวรับว่าเป็นห่วง เนื่องจากมีข่าวที่น่าเป็นกังวลมาให้ได้ยินอยู่

    คุณ แม่บุญเรือน(พระอริยะเจ้ามหาอุบาสิกา-ฆราวาสนักปฏิบัติธรรมชั้นสูงผู้เมตตา ทรงอภิญญา และฤทธิ์ปาฏิหาริย์อันน่าอัศจรรย์ยิ่งในยุคนั้น) ก็ว่าต่อไปอีกหน่อยว่า

    “ถ้าเป็นห่วง ก็ขอให้แม่อธิษฐานช่วยพระองค์ท่านซิ”

    (ตามอริยประเพณี พระอริยะจะทำการสิ่งใดโดยปราศจากเหตุ หรือไม่มีผู้อาราธนามิได้)

    เมื่อศิษย์ทุกคนกล่าวคำขอให้คุณแม่ใช้อิทธิฤทธิ์ช่วยในหลวงให้ทรงพระเจริญ
    และ แคล้วคลาดจากสรรพภยันตรายทั้งปวงแล้ว คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม จึงได้กำหนดที่จะไปเข้า "นิโรธสมาบัติ" คุ้มครองถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บ้านนาซา(เป็นเคล็ดให้เรื่องร้าย"สร่างซา"ลงไป) ของนางสาววาย(เป็นเคล็ดให้เรื่องราวที่ไม่ดีมีอันต้อง"วาย"หายสูญ ไป) วิทยานุกรณ์(น้องสาวพระมหารัชชมังคลาจารย์ วัดสัมพันธวงศ์) ที่ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง เป็นเวลาถึง ๑ ปีเต็ม โดยเวลานั้น คุณแม่บุญเรือน ได้สั่งห้ามมิให้ศิษย์คนใดเข้ามารบกวนท่านในช่วงเวลานั้นเป็นอันเด็ด ขาด...!!!

    ที่มา...หนังสืออนุสรณ์ อดีตเจ้าอาวาส วัดสารนาถธรรมาราม ระยอง พ.ศ. ๒๕๕๑

    "มีแต่คนที่ไม่ฉลาดเท่านั้น ที่จะไม่รู้ว่า ในหลวงพระองค์นี้ดีอย่างไร"

    โดย...พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สกลนคร





    .<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔

    [​IMG]

    [​IMG]




    ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔

    -------------------------------------------

    ๑. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
    ๒. ตราสัญลักษณ์แสดงความหมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยให้ปฏิบัติต่อตราสัญลักษณ์ด้วยความเคารพ ไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
    ๓. รัฐบาลขอเชิญชวนหน่วยงานและประชาชนทั่วประเทศร่วมถวายความจงรักภักดีและ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยการประดับธงชาติไทยคู่กับธงตราสัญลักษณ์ตามสถานที่ของหน่วยงานและอาคาร บ้านเรือน ทั้งนี้ ให้ประดับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ สำหรับธงตราสัญลักษณ์ต้องเป็นผืนผ้าสีเหลืองนวลซึ่งเป็นสีประจำวันพระบรมราช สมภพ
    ๔. ผู้ที่มีความประสงค์จะนำตราสัญลักษณ์ไปประดับในสิ่งของใดๆ ก็ตาม ให้แจ้งคำขออนุญาตมาที่คณะกรรมการฝ่ายพิจารณาการใช้ตราสัญลักษณ์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โทร. ๐ ๒๒๘๑ ๗๒๒๔


    ความหมายตราสัญลักษณ์
    งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ
    ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
    อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. สีเหลืองทอง อันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ อยู่กลางตราสัญลักษณ์ ขลิบรอบตัวอักษรด้วยสีทอง บนพื้นวงกลมสีน้าเงิน ล้อมรอบด้วยกรอบโค้งเรียบสีเหลืองทอง หมายความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ
    ด้านบนอักษรพระปรมาภิไธยเป็นเลข ๙ หมายถึง พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เลข ๙ นั้น อยู่ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ อันเป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์และเป็นเครื่องหมาย แห่งความเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราช
    ถัดลงมาด้านข้างซ้ายขวาของอักษรพระปรมาภิไธย มีลายพุ่มข้าวบิณฑ์สีทอง ซึ่งมีสัปตปฎลเศวตฉัตรประดิษฐานอยู่เบื้องบน ด้านนอกสุดเป็นกรอบโค้งมีลวดลายสีทองบนพื้นสีเขียว หมายถึง สีอันเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ อีกทั้งยังหมายถึงความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์และความสงบร่มเย็น
    ด้านล่างอักษรพระปรมาภิไธยเป็นรูปกระต่ายสีขาว กระต่ายนั้นทรงเครื่องอยู่ในลักษณะกำลังก้าวย่าง อันหมายถึง ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ตรงกับปีเถาะ ซึ่งมีกระต่ายเป็นเครื่องหมายแห่งปีนักษัตร โดยรูปกระต่ายอยู่บนพื้นสีน้ำเงิน มีลายกระหนกสีทอง อันหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภาร
    เบื้องล่างตราสัญลักษณ์เป็นแพรแถบสีชมพูขลิบทอง เขียนอักษรสีทอง ความว่า พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔

    สำนักนายกรัฐมนตรี
    -http://www.opm.go.th/OpmInter/content/king7cyclebirthday/-


    -http://www.most.go.th/main/index.php/organization-news/2329.html-

    .​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 84-9.JPG
      84-9.JPG
      ขนาดไฟล์:
      43.2 KB
      เปิดดู:
      651
    • logo5dec2554.png
      logo5dec2554.png
      ขนาดไฟล์:
      79 KB
      เปิดดู:
      1,267
  7. kantamatt

    kantamatt สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ที่อยู่ของผมในขณะนี้ไปรษณีย์ยังปิดทำการอยู่ เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมขัง จึงขอให้ส่งมาที่บ้านญาติของภรรยาตามที่อยู่นี้ครับ
    สุจิตรา สินทวีเลิศ (ฝากต่อน้ำ)
    14 - 16 ซ.เพชรพลอย
    ถ.สี่พระยา เขตบางรัก
    กทม. 10500

    แล้วเรื่องค่าจัดส่งผมต้องทำอย่างไรครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • slip.jpg
      slip.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.6 KB
      เปิดดู:
      65
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ค่าจัดส่งไม่ต้องครับ

    มีน้องท่านนึง แจ้งความประสงค์ที่จะจ่ายค่าจัดส่งให้แล้วครับ

    โมทนาบุญทุกประการครับ


    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จากน้องรับแขกผมครับ

    [​IMG]
    <input class="inlinemod_checkbox" name="vmessagelist[1174178]" id="vmessagelist_1174178" value="0" title="" type="checkbox"> วันนี้ 06:50 PM
    doctor182

    ขอโทษนะครับคุณ sithiphong คือที่ให้บูชาพระวังหน้า อะครับ ยังพอมีเหลือไหมครับ

    ขอบคุณครับ ขอโทษที่รบกวน



    .


    ผมให้เลือกทำบุญ 3 แห่ง

    โดยต้องทำบุญไม่น้อยกว่า 1,000 บาท ผมมอบพระวังหน้าให้ 1 องค์โดยผมจะเป็นผู้เลือกพิมพ์ให้เอง

    เมื่อทำบุญแล้วให้โพสสลิปลงในกระทู้พระวังหน้าฯนี้

    แล้ว pm ชื่อ - นามสกุล และที่อยู่ให้ผมทาง pm

    ผมจะจัดส่งพระวังหน้าไปให้

    ค่าจัดส่งไม่ต้อง ผมจ่ายให้เองครับ


    สถานที่ทำบุญ

    1.ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุง ไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ


    หรือ

    2. มูลนิธิราชประชานุเคราะห์

    [​IMG]

    [​IMG]


    3.สภากาชาดไทย

    [​IMG]


    การร่วมทำบุญเืพื่อรับพระวังหน้าในกระทู้พระวังหน้าฯและกระทู้ที่sithiphong ได้ตั้งขึ้นเพื่องานบุญทุกๆงาน

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ พระ พิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทย(วง การซื้อ-ขายพระ) ได้ หากท่านต้องการพระพิมพ์(พระเครื่องที่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่อง ของเมืองไทย (วงการซื้อ-ขายพระ) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป

    แต่ พระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่ผมมอบให้นั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่สร้างขึ้นที่วังหน้า โดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น โดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าเป็นผู้สร้าง และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (พระอุโบสถประจำวังหน้า) มีการอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) และ หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และ หรือ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) อธิษฐานจิต ระหว่างปี พ.ศ.2400- 2428 หรือ พระที่สร้างขึ้นที่วังหลวง นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ปี พ.ศ.2429-2434

    แต่ หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่ง เรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ
     
  10. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    คงมีเวลาได้ทบทวนดูว่าทำไมหนอเราจึงได้มานั่งในนี้ ปลาหมอตายเพราะปาก คนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงไม่รู้จักบุญคุณผู้มีพระคุณขนาดอายุมากแล้ว จึงต้องไปนั่งทบทวนดูตัวเองว่าทำอะไรไว้ แต่พอเข้าไปพวกข้างในรู้ว่าไปทำอะไรมาติดคุกคงยิ่งน่ากลัวกว่า
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    เหอๆๆๆ โรงพยาบาลนี้ อย่าไปใช้บริการนะครับ


    -------------------------------------------------

    กรี๊ด!!!ค่าที่จอดรถช่วงน้ำท่วมแพงทะลุหมื่น!! รพ.เอกชนดังแจงเป็นตามเงื่อนไข ไม่ได้โหดร้าย...


    [​IMG]





    ความน้ำ ยังไม่ทันหาย ความกลุ้มใจสารพัดค่าใช้จ่ายก็เข้ามาแทรกบานตะไท เดี๋ยวเจอเรียกเก็บค่านู่น ค่านี่ ระดับแพงหูฉี่ท้างน้านจะทำไงดีเนี่ย...!?!

    หลายท่านที่ใช้ Facebookอยู่ ขณะนี้ คงจะได้เห็นการแชร์รูปถ่ายที่เป็นใบเสร็จรับเงินชำระค่าที่จอดรถ ของโรงพยายาบาลไทยนครินทร์ ที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง (ซึ่งไม่รู้ต้นตอที่แท้จริงว่ามาจากไหน) นำมาโพสต์ไว้ พร้อมระบุข้อความ


    ค่าจอดรถหนีน้ำท่วม 10,000 บาท
    อ่านไม่ผิดหรอก.. ดูมันเถิด เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เป็น...โรงพยาบาลซะเปล่า ไร้จิตสำนึกจริงๆ หากำไรบนความเดือดร้อนของประชาชน
    ตอน แรกมันเรียก 54,000 นะ ต้องไปคุยกับผู้บริหาร เพราะที่บ้านเป็นสมาชิกของโรงพยาบาลนี้อยู่ 17 ชีวิต หลานๆ 7-8 คนก็เกิดที่นี่หมดทุกคน มีการเอาใบเสร็จของคนอื่นมาให้ดูด้วยว่าเนี่ย มีคนจ่ายสามหมื่น.. ตอนแรกให้จอดเพราะมีญาติทำงานอยู่ข้างในเค้าคุยให้ แต่แล้วพอจะเอารถออกกลับโดนเรียกเงินอย่างหน้าเลือด


    ** ข้อความข้างบนนี้เป็นของผู้ที่ประสบเหตุมาด้วยตนเอง
    ที่มา จาก Facebook November 4 at 12:22am




    ซึ่งในใบเสร็จรับเงินดังกล่าว ออกโดยบริษัทโรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด (มหาชน) ระบุวันที่ 3/11/54 เขียนว่า ได้รับเงินจาก คุณเพ็ญศรี ....... ชำระค่าที่จอดรถ (เหตุน้ำท่วม) วันเข้า 13/10/54 ออก 3/11/54 จำนวนเงิน 10,000 บาท (รวมจอด 21 วัน )

    เมื่อข้อความ รูปภาพดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็ทำให้มีผู้กดแชร์ ส่งต่อ พร้อมกับแสดงความคิดเห็นต่างๆไปเป็นจำนวนมาก ทั้งในบล็อค ตามกระทู้ ในเฟซบุ๊กฯลฯ บ้างก็ต่อว่าการกระทำของโรงพยาบาลที่ไม่เห็นใจหรืออนุโลมช่วงสภาวะน้ำท่วม บ้างก็ว่า โรงพยายบาลต้องทำตามนโยบายและเงื่อนไขของเขา

    ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ จึงได้พยายามหาข้อมูลเพื่อหาแหล่งต้นตอที่มาทางเฟซบุ๊กแต่ก็ไม่รู้ว่า คนที่โพสต์จริงๆ เป็นใคร แต่ก็ไปพบเว็บบอร์ดหนึ่งในเว็บไซต์ www.g-pra.com ซึ่งเขียนหัวเรื่องว่า อุ..แม่จ้าววว..ใจไม่แข็งทำไม่ได้

    พร้อมกับเป็นรูปใบเสร็จดังกล่าวในอีกมุมหนึ่ง ตั้งเรื่องโดยผู้ที่ใช้ชื่อว่า ร่มฉัตร โพสต์เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า


    <table align="left" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>
    </td></tr></tbody></table>
    "กลัวน้ำท่วม เอารถไปจอดหนีน้ำที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์ บางนา เสียค่าจอดรถ 50400 บาท คิดชั่วโมงละ 100 บาท วันละ 2400 ต้องขอคุยกับผู้บริหาร ก็ยังเลือกทำร้ายใจลูกค้าได้อีก จะปรับวันละ 600 บาท ประมาณหมื่นกว่าบาท แต่ให้เท่านี้เอาไหม ยังเก็บอีก โอ้วแม่เจ้า เกินไปหรือเปล่าเนี่ย ไม่เห็นใจผู้เดือดร้อนเลย ทั้งที่เราเป็นคนไข้ของโรงบาลนี้ แบบนี้สมควรยังไงดีเนี่ย"



    เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และให้ความเป็นทั้งสองฝ่าย...ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ จึงได้โทรศัพท์ไปยัง โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ที่ ได้รับการพาดพิงถึง เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล จึงได้โอนสายให้คุยกับ เจ้าหน้าที่แผนกรักษาความปลอดภัยด้านอาาคารและสถานที่ของโรงพยาบาล ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ก็ได้รับการชี้แจงว่า ทาง คณะผู้บริหารโรงพยาบาลไม่ได้มีมาตรการเปิดที่จอดรถให้กับผู้ที่ประสบภัยหรือ กลัวน้ำท่วมบ้านนำรถมาฝากจอดไว้แต่แรกอยู่แล้ว เนื่องจาก ทางโรงพยาบาลต้องสงวนสิทธิให้ผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยที่มาใช้บริการนำรถมา จอดในระยะเวลาไม่นานได้เท่านั้น แต่ในช่วงวิกฤตการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ถึง เดือนพฤศจิกายนปรากฎว่า มีผู้นำรถมาฝากจอด และแอบจอดจำนวนมาก ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ได้ให้บัตรที่จอดรถไว้กับทุกคันที่นำมาจอด โดยด้านหลังก็เขียนระบุเงื่อนไขการจอดรถชัดเจน หากเกินเวลาหรือไม่เป็นไปตามเงื่อนไขก็ต้องมีการเสียค่าปรับ เป็นระเบียบที่คนนำรถมาจอดต้องทราบกันดีอยู่แล้ว


    ส่วนกรณีดังกล่าวที่มีการนำไปโพสต์ทางอินเตอร์เน็ตนั้น เจ้าหน้าที่แผนกรักษาความปลอดภัย รพ.ไทยนครินทร์ ระบุว่า เป็นเรื่องจริง และทางโรงพยาบาลก็ได้เรียกเก็บกับผู้ที่นำมาจอดแล้วนำรูปมาโพสต์ตามจำนวนแรก ที่ว่า 50,400 บาท ซึ่งต่อมาก็มีการคุยกับทางผู้บริหาร และเช็คประวัติว่าเคยเป็นผู้ที่เคยมาใช้บริการของโรงพยาบาลบ่อยๆจริง เราก็อนุโลมลดหย่อนค่าจอดรถเหลือ 10,000 บาท ซึ่งทางผู้ที่อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมรายนั้นก็ยินยอมจ่ายและนำรถออก จากโรงพยาบาลไปแต่โดยดี

    "ไม่เข้าใจว่า เขาจะนำรูปใบเสร็จและข้อความไปโพสต์ต่อว่าโรงพยาบาลให้เสียชื่อเสียงทำไม เพราะแม้เขาจะเป็นลูกค้าที่มารับการใช้บริการของทางโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆก็ จริงแต่ช่วงเวลานั้น เขาไม่ได้เจ็บป่วยหรือแอดมิตต้องนอนพัก หรือเป็นอะไร แค่เอารถมาฝากจอดเฉยๆ ทางโรงพยาบาลไม่ใช่ว่าไม่เห็นใจ ไม่ได้โหดร้าย แต่เมื่อมีคนนำรถมาจอดฝากจอดเกินกำหนดเวลาก็ต้องเสียค่าปรับ นี่เป็นมาตรการแต่แรกของทางโรงพยาบาลอยู่แล้ว ค่าปรับเราก็ไม่ได้เก็บเต็มเม็ดเต็มหน่วย จริงๆต้องจ่าย 5 หมื่นด้วยซ้ำ ช่วงนั้นส่งผลให้ผู้ที่เจ็บป่วยจริงๆไม่มีที่จอดรถต้องไปจอดรถด้านนอกโรง พยาบาลได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากเช่นกัน บางคนเจ็บหนักมาก แต่เมื่อรถเข้ามาจะจอดก็เจอรถขวางจอดซ้อนคัน ต้องย้อนศรกันไปจอดที่อื่น" เจ้าหน้าที่แผนกรักษาความปลอดภัย รพ.ไทยนครินทร์ เผย


    นอกจากกรณีของร.พ.ไทยนครินทร์ดังกล่าวแล้ว ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ห้างสรรพสินค้าชื่อดังหลายแห่ง รวมทั้งโรงภาพยนต์บางแห่ง ซึ่งได้ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยจัดสรรพื้นที่จอดรถบนอาคารจอดรถไว้ให้โซนหนึ่ง และจัดโซนไว้บริการสำหรับลูกค้าที่มาจับจ่ายสินค้าหรือดูภาพยนตร์โซนหนึ่ง แต่ปรากฏว่า ยังมีประชาชนบางส่วนแอบนำรถเข้าไปจอดในพื้นที่ที่กันไว้สำหรับบริการลูกค้า ทำให้ทางเจ้าของพื้นที่ต้องออกมาติดป้ายประกาศเตือน พร้อมแจ้งให้ทราบด้วยว่าหากไม่มาเคลื่อนย้ายรถออกไปจะปรับวันละ 1,000 บาท



    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322114804&grpid=01&catid=&subcatid=-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2011
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ลุ้นแทบตาย ว่าแต่จะขึ้นบกมาทำไม ...หุ..หุ..อย่าไปลงชามเย็นตาโฟเข้าล่ะ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมpm แจ้งไปอีกครั้งแล้วในวันนี้ครับ

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    โรแมนติก! หนุ่มมะกันถ่ายรูปเล่นคำขอแฟนแต่งงาน




    328Share
    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com โพสต์โดย daviator358

    เมื่อเห็นคนรักกันได้สมหวังในความรัก ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจไปด้วยทุกครั้ง เช่นเดียวกับความรักของ ริชาร์ด และ ซาแมนธา หนุ่มสาวชาวมอนทรีออล สหรัฐฯ คู่นี้ ทั้งคู่รักกันมาถึง 6 ปี จนกระทั่งนักบินหนุ่มตัดสินใจขอแฟนสาวแต่งงานในที่สุด แต่ที่น่ารักน่าประทับใจเหนือสิ่งอื่นใด เห็นจะเป็นไอเดียสุดครีเอทของพ่อหนุ่ม ที่หาทางบอกคนรักว่า "แต่งงานกันไหม" (Will you marry me ?) ได้อย่างแสนเซอร์ไพรส์ ทำเอาสาวเจ้าร้องไห้ด้วยความตื้นตันเลยล่ะ

    ตามรายงานจากเว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ ระบุว่า คลิปขอแต่งงานสุดน่ารักนี้ถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ยูทูบเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาเท่านั้นเอง สองหนุ่มสาวทั้งคู่คบหากันมา 6 ปี ฝ่ายชายนั้นเป็นนักบิน และแฟนสาวก็มักจะติดตามเขาไปด้วยเสมอ ซึ่งการที่ได้ท่องเที่ยวต่างแดน ทำให้การเก็บภาพคู่เพื่อความประทับใจเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ทำเป็นประจำ เมื่อใช้ไอเดียนี้บวกเข้ากับความเชื่อต่อความรักที่ทั้งคู่มีร่วมกันว่า หากได้พบใครสักคนที่ใช่ ความรู้สึกนั้นจะบอกใจพวกเขาเอง ว่าเขาได้เจอคนที่จะมาอยู่เคียงข้างกันไปตลอดชีวิตแล้ว ประโยคที่ว่า "เราต่างก็รู้ตลอดมา" (ว่าเราทั้งคู่คือคนที่ใช่ของกันและกัน) หรือ "we always knew" จึงเป็นประโยคที่ทั้งสองเลือกที่จะดึงแต่ละตัวอักษรของคำออกมาเป็นพร็อพที่ ใช้ประกอบการถ่ายรูปในแต่ละสถานที่ที่ได้ไปเยี่ยมเยือน และเมื่อมาถึง "w" ตัวอักษรสุดท้ายของประโยค พ่อนักบินหนุ่มจึงได้ซ้อนแผนแสนน่ารักเพื่อขอแฟนสาวแต่งงานซะเลย

    [​IMG]

    สำหรับตัวอักษรสุดท้ายนั้น ทั้งคู่ไม่ได้ไปที่ไหนไกล แต่อยู่ในมอนทรีออลบ้านเกิดนั่นเอง หนุ่มริชาร์ดแอบวางแผนนี้เงียบ ๆ พร้อมกับความร่วมมือของเพื่อนหนึ่งราย ที่คอยเป็นมือกล้องเก็บภาพประทับใจจากระยะไกล และขอความร่วมมือจากผู้คนในบริเวณนั้นอีก 2-3 คน เพื่อให้แผนขอแฟนสาวแต่งงานครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งดูท่าทางแล้วเขาก็เตรียมการได้ดีทีเดียว เพราะสาวซาแมนธาไม่มีทีท่าว่าสงสัยติดใจอะไรเลยสักนิด เราจึงได้เห็นเธอถ่ายรูปคู่กับริชาร์ดตามปกติ พร้อมกับกระดาษแผ่นโตที่มีตัวหนังสือ"w" ซึ่งเป็นตัวอักษรสุดท้ายของคำว่า "we always knew"

    และวินาทีสำคัญก็เกิดขึ้นเมื่อแฟนหนุ่มโชว์รูปในกล้องที่เพิ่งถ่ายไปให้เธอดู ทำเอาสาวซาแมนธาเซอร์ไพรส์ระคนตื้นตันจนน้ำตาไหล เมื่อภาพที่เธอและแฟนหนุ่มเพิ่งถ่ายไปเมื่อสักครู่นี้ ไม่ได้มีแค่ตัวอักษร "w" เฉย ๆ เท่านั้น แต่มันกลับกลายเป็นตัวอักษรแรกของประโยคที่แสนสำคัญว่า "will you marry me ?" (คุณจะแต่งงานกับผมไหม) ... พร้อม ๆ กับที่ชายหนุ่มหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋าและคุกเข่าลงขอเธอแต่งงาน แล้วคำตอบคงเป็นอะไรอื่นไปไม่ได้นอกจาก "ตกลงค่ะ" พร้อมทั้งน้ำตาแห่งความปิติของซาแมนธา

    งานนี้ต้องขอขอบคุณความร่วมมือของสองสาวนิรนามที่ทำทีเป็นยืนชมวิวอยู่ด้านหลัง แล้วก็แอบกางป้ายผ้าว่า "_ill you marry me ?" มาได้พอดีกับมุมกล้องและตัว "w" ในมือของคู่รักอย่างเหมาะเหม็ง ขอบคุณเสียงปรบมือและถ้อยคำแสดงความยินดีจากนักท่องเที่ยวทั้งหลายในบริเวณนั้น ที่ยิ่งส่งให้เหตุการณ์แสนประทับใจอันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักนี้ ยิ่งชื่นมื่นน่ายินดีมากขึ้น และสุดท้ายขอขอบคุณความรักที่ทั้งสองมีให้กัน ขอบคุณความเชื่อมั่นว่าทั้งคู่ต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกัน และขอบคุณไอเดียน่ารัก ๆ นี้ของพ่อหนุ่มริชาร์ดด้วย ขอให้ทั้งคู่รักกันยาวนานตลอดไปนะจ๊ะ ^^





    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=2f8hCk2Cbtw&feature=player_embedded]Best Proposal Ever: A 6 Year Plan!! - YouTube[/ame]



    .

    -http://women.kapook.com/view33855.html-

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กรมอนามัยแนะ 5 ทางรอด ปลอดโรคช่วงน้ำท่วม



    [​IMG]


    กรมอนามัยจัดทีมลงพื้นที่ กทม. เติมความรู้ประชาชน แนะ 5 ทางรอดปลอดโรค ควบ รื้อล้างหลังน้ำลด (กรมประชาสัมพันธ์)
    ภาพประกอบโดย Lovingyou2911/Shutterstock.com , khunaspix / Shutterstock.com

    กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดทีมลงพื้นที่กรุงเทพมหานครให้ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพ พร้อมแนะ 5 ทางรอดปลอดโรค ควบคู่การแจกคู่มือ "รื้อ ล้าง หลังน้ำลด" เพื่อให้เข้าใจวิธีการทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำลดตามหลักสุขาภิบาล

    ดร.น.พ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงการจัดทีมลงพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเร่งสร้างความรู้แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพตนเองทั้งในพื้นที่น้ำท่วม ขังและน้ำลดว่า แม้ว่าขณะนี้หลาย ๆ พื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในเขตกรุงเทพมหานครกำลังกลับคืนสู่ภาวะปกติ แต่ก็มีอีกหลายพื้นที่ที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง กรมอนามัยจึงได้เร่งดำเนินการจัดทีมนักวิชาการกระจายลงพื้นที่ให้ความรู้แก่ ประชาชนในการดูแลสุขภาพตนเองให้ปลอดภัยปลอดโรคอย่างต่อเนื่องโดยการลง พื้นที่แต่ละครั้ง ได้นำสิ่งของที่จำเป็น ไปแจกจ่ายประชาชน อาทิ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ คู่มือประชาชนฉบับพกพาและคู่มือ "รื้อ ล้าง หลังน้ำลด" ซึ่งเน้นข้อปฏิบัติตนให้ปลอดภัยในช่วงน้ำท่วมและหลังน้ำลด พร้อมแนะ 5 ทางรอดปลอดโรค ประกอบด้วย

    [​IMG] 1.อย่าทิ้งขยะ อุจจาระ เศษอาหารลงในน้ำ ให้ใส่ถุงดำ มัดปากถุงให้แน่น

    [​IMG] 2.อย่าเล่นน้ำเน่าขัง เชื้อโรคอาจเข้าตาปากจมูกและบาดแผลอันตรายถึงตาย

    [​IMG] 3.กินอาหารปรุงสุกใหม่ ดื่มน้ำสะอาด

    [​IMG] 4.หลังน้ำลด ล้างบ้านเรือน ห้องสุขา ภาชนะอุปกรณ์ต่าง ๆ

    [​IMG] และ 5.ช่วยกันล้างตลาด ประปา ชุมชน และสถานที่สาธารณะตามหลักสุขาภิบาล เพื่อป้องกันโรคทางเดินอาหาร


    [​IMG]


    อธิบดีกรมอนามัยกล่าว ต่อว่า หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลายจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ประชาชนต้องคำนึงถึง การทำความสะอาดบ้านเรือนและดูแลสภาพแวดล้อมในบริเวณบ้านและชุมชน เพราะน้ำท่วมจะพัดพาสิ่งสกปรกมากจากทุกสารทิศ ทั้งโคลนตมขยะมูลฝอย วัสดุ สิ่งของต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดการหมักหมม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการระบาดของโรคได้

    ดังนั้น เพื่อสุขอนามัยที่ดีจึงต้องมีการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยให้สะอาด ปลอดภัยปราศจากเชื้อโรคและสัตว์มีพิษ รวมถึงอุบัติเหตุด้วยการปรับปรุงที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อม โดยศึกษาดูได้จากคู่มือที่ได้รับจากกรมอนามัย อาทิ ตรวจดูระบบไฟฟ้า สำรวจตรวจสอบความเสียหายของตัวบ้านและบริเวณบ้าน เตรียมการก่อนล้างโดยจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับเก็บกวาดทำความสะอาด คัดแยกขยะ ลงมือทำความสะอาดทันทีหลังน้ำลด ดูแลปรับปรุงห้องครัวภาชนะอุปกรณ์ต่าง ๆ ถ้ามีเชื้อราติดอยู่ต้องทิ้งเพื่อป้องกันปนเปื้อนในอาหาร และดูแลปรับปรุงห้องส้วมโดยทำความสะอาดชำระล้างให้ทั่วถึง

    อธิบดี กรมอนามัย กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า สุขอนามัยส่วนบุคคลนับเป็นสิ่งสำคัญในขณะล้างทำความสะอาดบ้านเรือน ควรสวมหน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดจมูก เพื่อลดการสูดดมกลิ่นที่หมักหมม หรือสารเคมีที่อาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ และสวมถุงมือทุกครั้งเมื่อล้างทำความสะอาดห้องส้วม ห้องครัว เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนเชื้อโรคที่สะสมหลังน้ำลดโดยผ่านทางมือ เมื่อมีการสัมผัสอาหารหรือสัมผัสกับผิวหนัง และหมั่นล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งหลังทำความสะอาด บ้านเรือน เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]



    -http://thaiflood.kapook.com/view34035.html-

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...