พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ''กิบบ์ส อควาดา'' รถสะเทินน้ำสะเทินบกจากแดนผู้ดี

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    ในช่วงที่น้ำท่วมอ่วมกันไปทั้งบ้านทั้งเมืองแบบนี้ รถยนต์ที่พอจะใช้สัญจรไปไหนมาไหนได้ ก็มีเพียงบรรดารถยกสูง และรถบรรทุกขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ถ้าระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตรขึ้นไป ทั้งรถสูงรถใหญ่ก็ไม่แน่ว่าจะลุยรอดไปได้เหมือนกัน เลยทำให้นึกถึงรถ+เรือยี่ห้อ กิบบ์ส อควาดา จากเมืองผู้ดี ที่ท่านเซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของกลุ่มเวอร์จินเคยใช้ขับข้ามช่องแคบอังกฤษ-ฝรั่งเศส เมื่อ 7 ปีก่อน

    เมื่อมองจากภายนอก กิบบ์ส อควาดาจะมีรูปร่างที่คล้าย ๆ กับรถเอ็มเอ็กซ์ 5 สปอร์ตโรดสเตอร์ของค่ายมาสด้า เพียงแต่อควาดาไม่มีประตูและหลังคา การจะเข้าจะออกจากตัวรถจึงต้องออกแรงปีนกันหน่อย

    ส่วนภายในห้องโดยสาร มีที่นั่ง 3 ที่นั่ง โดยจะจัดวางที่นั่งคนขับไว้ตรงกลาง ส่วนด้านข้างซ้ายและขวาเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย จะเป็นเบาะนั่งของผู้โดยสาร ดูแล้วก็คล้ายกับการจัดวางที่นั่งของรถซูเปอร์สปอร์ตเพื่อนร่วมชาติ แมคลาเรน เอฟ 1

    สำหรับขุมพลังของอควาดานั้น เป็นเครื่องยนต์แบบเบนซิน วี 6 ขนาด 2.5 ลิตร รหัส KV6 ของค่ายเอ็มจี โรเวอร์ ซึ่งใช้อยู่ในรถโรเวอร์ รุ่นแซดที มีแรงม้าสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที การส่งกำลังใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ ระบบขับเคลื่อนผ่านล้อหลัง ซึ่งทำให้อควาดาสามารถทำความเร็วสูงสุดบนถนนได้ 160 กม./ชม.

    ในเวลาที่ต้องขับลงน้ำก็ไม่ยุ่งยากอะไร พอเห็นน้ำ คุณก็แค่ขับอควาดาลุยลงไปเลย พอรถลอยตัวก็กดปุ่มยกล้อขึ้น โดยล้อทั้ง 4 ล้อ จะถูกพับเก็บเข้ามาไว้ในซุ้มล้อ ซึ่งจะช่วยลดแรงต้านเมื่อวิ่งในน้ำลงไปได้เยอะ จากนั้นระบบขับเคลื่อนของอควาดา จะเปลี่ยนมาใช้แบบพ่นน้ำแรงดันสูงออกทางด้านหลัง ระบบพ่นน้ำนี้ก็จะเหมือนกับที่ใช้ในเรือเจ็ตสกี โดยน้ำจะถูกดูดขึ้นมาจากทางด้านใต้ท้องรถ ผ่านใบพัดเพื่อสร้างแรงดันน้ำพ่นผ่านชุดควบคุมทิศทาง ที่จะทำงานสัมพันธ์กับพวงมาลัย สำหรับความเร็วสูงสุดในน้ำของอควาดาอยู่ที่ประมาณ 50 กม./ชม.

    นอกเหนือจากรูปแบบของรถสปอร์ตโรดสเตอร์ แบบอควาดาแล้ว กิบบ์สยังพัฒนารถรุ่นใหม่ออกมาอีก 2 รุ่น 2 แบบ คือ ควอดสกี้ซึ่งเป็นรถแบบเอทีวี หรือ รถมอเตอร์ไซค์ 4 ล้อ ที่สามารถหุบล้อเปลี่ยนเป็นเจ็ตสกีขนาด 2 ที่นั่ง และ ฮัมดิงก้า รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หน้าตาคล้าย ๆ กับ แลมโบกินี แอลเอ็ม 002 ที่กิบบ์ส หวังว่าจะเข้าตากองทัพ ด้วยความสามารถแบบรถออฟโรดที่มุดได้ทั้งในป่าเขาและหนองบึง แถมยังบรรทุกผู้โดยสารไปได้มากถึง 5 คน พร้อมช่องเก็บสัมภาระมากมาย

    สำหรับสนนราคาค่าตัวนั้น อควาดา จะอยู่ที่ประมาณ 7.50 ล้านบาท ส่วนควอดสกี้ ราคาประมาณ 1.38 ล้านบาท และ ฮัมดิงก้า ราคา 5.58 ล้านบาท แต่ราคาดังกล่าวนี้ยังไม่รวมภาษีในบ้านเรา ซึ่งถ้ามีใครสั่งเข้ามาขายราคาน่าจะสูงขึ้นอีก 3 เท่าเป็นอย่างน้อย.

    สมฤกษ์ รื่นสัมฤทธิ์


    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=521&contentId=175662-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • p18thurl.jpg
      p18thurl.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.9 KB
      เปิดดู:
      82
    • d1.JPG
      d1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      41.6 KB
      เปิดดู:
      82
    • d2.JPG
      d2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      21.6 KB
      เปิดดู:
      76
    • p18g4.jpg
      p18g4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48 KB
      เปิดดู:
      94
    • th_p18g1.jpg
      th_p18g1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.5 KB
      เปิดดู:
      950
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    วิธีปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟดูด


    [​IMG]



    ภาวะน้ำท่วมแบบนี้ หากมีผู้ถูกไฟดูด คนใกล้เคียงควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำไปส่งแพทย์อย่างไร มีมาบอก

    ท่ามกลางวิกฤติอุทกภัยขณะนี้ นอกจากต้องดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรงปลอดภัยจากโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากน้ำไม่สะอาด เช่น น้ำกัดเท้า หรือไม่ก็สัตว์ร้ายที่มากับน้ำ รวมถึงของมีคมที่อาจถูกบาดได้หากลุยน้ำโดยไม่ระวัง อันตรายที่เกิดจากการถูกไฟดูดก็นับได้ว่ามีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน หากพบคนข้าง ๆ ถูกไฟดูด จะมีวิธีช่วยเหลือหรือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนถึงมือหมออย่างไร วันนี้มีมาแนะนำ

    หากทราบว่ามีกระแสไฟฟ้าอยู่ในบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ต้องหาทางเขี่ยสายไฟฟ้าออกให้พ้นหรือตัดกระแสไฟฟ้าให้เรียบร้อยก่อนทำการ ช่วยเหลือผู้ถูกไฟดูด แล้วค่อยใช้วัตถุที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า เช่น ผ้า ไม้ ยาง พลาสติก เป็นต้น ผลักหรือดันตัวผู้ถูกไฟดูดให้หลุดออกมาอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง และรวดเร็ว

    ขั้นต่อไปให้หยุดการไหลของไฟที่ผ่านตัวคนถูกไฟดูดด้วยการนำวัตถุที่เป็นโลหะ ขนาดใหญ่ เช่น แผ่นสังกะสี วางลงพื้นดินแล้วนำตัวผู้ประสบเหตุนอนลงบนสิ่งนั้น เสร็จแล้วใช้น้ำลดผู้ถูกไฟดูดและบริเวณพื้นโดยรอบเพื่อให้ร่างกายได้คลาย ประจุไฟฟ้า วิธีนี้จะสามารถทำให้ผู้ป่วยฟื้นขึ้นมาได้ แล้วค่อยนำส่งโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ดูอาการ แต่ถ้าในกรณีที่ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว หรือไม่หายใจ ให้ปฐมพยาบาลโดยการเป่าปากหรือปั๊มหัวใจทันที ก่อนนำส่งโรงพยาบาลต่อไป.

    ขั้นตอนการเป่าปากหรือปั๊มหัวใจช่วยเหลือผู้ถูกไฟดูด



    [​IMG]



    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=175738-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cpr.jpg
      cpr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      241.9 KB
      เปิดดู:
      1,906
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ศปภ.ชี้กทม.เตรียมรับน้ำกว่า4พันลบ.ม.


    [​IMG]

    ศปภ. แถลง น้ำกว่า 4 พันล้าน ลบ.ม. จะระบายลง กทม. ชี้ บางกะปิ, บึงกุ่ม จะมีน้ำท่วมสูง 30 ซ.ม. ระบุ คลองบางซื่อระบายได้ผลดี

    ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ โฆษก ศปภ. พร้อมด้วย ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา แถลงสถานการณ์น้ำ ว่า มวลน้ำทั้งหมดที่ยังคงค้างอยู่เหนือพื้นที่ กทม.มีอยู่ประมาณ 11,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะมีการจัดการออก 3 ส่วนคือ จำนวน 1 ใน 3 ประมาณ 3-4 พันล้านลูกบาศก์เมตร จะถูกระบายไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางประกง และแม่น้ำท่าจีน ส่วนอีก 1 ใน 3 ก็จะเป็นน้ำที่ใช้ในประโยชน์ทางการเกษตรกรรม และอีก 1 ใน 3 จะถูกระบายลงมายังพื้นที่ของ กทม.ฝั่งตะวันตก และตะวันออก ส่วนการจัดการน้ำในขณะนี้ได้ถูกระบายลงมายังคลองแสนแสบ คลองประเวศบุรีรมย์ และคลองสาขาต่างๆ ของ กทม. อาจจะทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่อาศัยตลอดแนวริมคลองดังกล่าวนั้น ได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งจะสอดคล้องกับ กทม.ที่มีการประกาศพื้นที่บางแขวงของเขตประเวศ เขตสะพานสูง ให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ขณะที่จะมีมวลน้ำบางส่วน ซึมเข้ามาในพื้นที่เขตมีนบุรี สะพานสูง บึงกุ่ม บางกะปิ จะมีน้ำท่วมสูงประมาณ 20-30 ซ.ม. นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการระบายน้ำของ กทม.ในพื้นที่เขตหลกสี่ ลาดพร้าว จตุจักร ดอนเมือง และสายไหม หลังจากที่การวางแนวชะลอน้ำบิ๊กแบ็ก ทำให้ปริมาณน้ำลดลง ซึ่งมีการผันน้ำลงในคลองบางซื่อ ได้ผลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะบนถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีรังสิต และรัชดาภิเษก หากไม่มีเหตุการอื่นแทรกซ้อน คาดการณ์ว่าประมาณ 1-2 สัปดาห์ น้ำในพื้นที่ดังกล่าวจะลดลงได้ และพื้นที่ชั้นในของ กทม. น่าจะปลอดภัย
    Link : http://www.innnews.co.th/ศปภ-ชี้กทม-เตรียมรับน้ำกว่า4พันลบ-ม--320861_01.html



    -http://www.innnews.co.th/%E0%B8%A8%E0%B8%9B%E0%B8%A0-%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%AD-%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5-%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A12%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2--320861_01.html-

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    'ปราโมทย์'ดัน3ยุทธศาสตร์จัดการน้ำ

    สัมภาษณ์พิเศษ : 'ปราโมทย์ ไม้กลัด' ดัน 3 ยุทธศาสตร์จัดการน้ำ : 'สู้ภัย-ปรับตัว-หนีภัย' : โดย 'เตชะวัฒน์ สุขรักษ์' สำนักข่าวเนชั่น



    [​IMG]






    ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการ ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารทรัพยากรน้ำ (กยน.) โดยมี นายสุเมธ ตันติเวชกุล เป็นที่ปรึกษา และมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน


    ขณะที่คณะกรรมการ ประกอบด้วย นายปราโมทย์ ไม้กลัด ,นายกิจจา ผลภาษี, นายชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล, นายนิพัทธ พุกกะณะสุต, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา, นายรอยล จิตรดอน, นายรัชทิน ศยามานนท์, นายศรีสุข จันทรางศุ, นายสนิท อักษรแก้ว, นายสมบัติ อยู่เมือง, ดร.สมิทธ ธรรมสโรช, นายอัชพร จารุจินดา รวมถึง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองนั้น แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ รวมถึงยังไม่มีการเรียกประชุมนัดแรกเพื่อวางกรอบการทำงานทั้งสิ้น
    "สำนักข่าวเนชั่น" ได้จับเข่าคุยกับหนึ่งในกรรมการชุดนี้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมานับนับสิบปี
    "ปราโมทย์ ไม้กลัด" ได้เตรียมแนวทางการบริหารจัดการน้ำซึ่งจะเสนอในการประชุมนัดแรกอย่างชัดเจน ไว้ 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ "ยุทธศาสตร์สู้ภัย ปรับตัว และหนีภัย"

    # คณะกรรมการที่ดูแลเรื่องการจัดการน้ำก่อนหน้านี้ มีมาแล้วหรือไม่ ?

    ไม่มี แต่คำว่ายุทธศาตร์แก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ต้องเป็นภาพที่มีความชัดเจน หากแก้ไขปัญหาน้ำอุทกภัย ก็จะมุ่งเรื่องปัญหาน้ำอุทกภัย แต่ในนั้นไม่ได้บอกว่าปัญหาอุทกภัย แต่ไม่เข้าใจว่า น้ำอะไร ซึ่งอยากจะอ่านคำสั่ง ว่าขอบข่ายหน้าที่คืออะไร และอยู่ที่ไหน ไม่ส่งมาให้ผมเลย ซึ่งเวลานี้เป็นเหตุการณ์น้ำมาก น้ำอุทกภัย จะไปทำน้ำทั้งระบบ จะเป๋ไปมากและงานมากขึ้น ถ้าน้ำทั้งระบบ จะเป็นเรื่องใหญ่ จะเอาเรื่องใหญ่ 2 เรื่องมาอยู่ด้วยหรืออย่างไร
    ส่วนคณะกรรมการที่เห็นนั้น ก็ไม่ใช่ ซึ่งอาจจะเหมาะกับน้ำอุทกภัยก็ได้ มองแล้วไม่ค่อยได้เรื่อง หากเป็นเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมในลุ่มน้ำทั่วประเทศ น้ำอุทกภัยเวลานี้ต้องกำหนดหลักยุทธศาสตร์ หลักคิด หลักทำ เรื่องน้ำอุทกภัย บริหารจัดการอุทกภัย ไม่ใช่แก้ปัญหาอุทกภัย ควรเป็นยุทธศาตร์จัดการปัญหาอุทกภัยมากกว่า ไม่ใช่แก้ปัญหาอุทกภัย ซึ่งปัญหาอุทกภัยแก้ไขไม่ได้ แต่ภัยที่เกิดขึ้นทั้งปัญหาน้ำมาก น้ำล้นตลิ่ง อุทกภัยที่คือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากน้ำมีปริมาณมาก ไม่สามารถบรรจุอยู่ในแม่น้ำได้ และล้นตลิ่ง จนเกิดเป็นอุทกภัย ถ้าเราจะทำยุทธศาตร์จัดการปัญหาอุทกภัยจะว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งปัญหาอุทกภัยไม่สามารถแก้ไขได้
    เป้าหมายวัตถุประสงค์จะต้องให้คนสามารถอยู่ได้ในการเกิดอุทกภัย จะเป็นแบบไหนก็ได้เสนอไปแล้วหลายอย่างว่าการเกิดอุทกภัย หากจะบริการจัดการ ก็ต้องแยกเป็น 1.บริเวณไหน ย่านไหน ก็ควรจัดเป็นชุดการสู้ภัย ที่จะแยกเป็นยุทธศาตร์การสู้ภัย ซึ่งอยากจะขูให้คณะกรรมการชุดนี้มีความเข้าใจ เพราะแต่ละคนก็ไม่ได้คลุกคลีกับเรื่องน้ำมา ไม่มีความเข้าใจ แต่จะเข้าใจว่าจะทำอย่างไรหรือแก้ไขอย่างไร ไม่ให้มีเรื่องน้ำท่วมและการป้องกัน ซึ่งไม่อยากให้ใช้การป้องกัน เพราะจะไม่สามารถทำได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการสร้างเขื่อน เพราะไม่มีสถานที่ที่จะดักน้ำทำได้แล้ว
    การเสนอให้คณะกรรมการพิจารณา ก็ต้องพูดถึงหลักคิดหลักทำในการจัดการปัญหาอุทกภัยว่าจะทำอย่างไร เพราะตั้งแต่อดีตไม่มีหลักคิด และหลักทำก็ทำแบบมั่ว จึงต้องชูประเด็นหลักคิดหลักทำว่าจะจัดการปัญหาอุทกภัยอย่างไร ซึ่งการป้องกันอุทกภัยไม่ให้เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถทำได้ แต่จะอยู่ที่เรื่องว่าจะจัดการเมื่อเกิดภัยขึ้นแล้ว จึงอยากให้มีการรับฟัง
    หลักคิดก็อยากให้เข้าใจธรรมชาติของน้ำ ธรรมชาติของภูมิศาตร์ ภูมิประเทศ ปกติที่จะเกิดอุทกภัยก็จะเกิดฝนตก พายุเข้า ทางภาคเหนือของประเทศไทย แต่ไม่ใช่พายุที่ใหญ่ ซึ่งเข้าทางภาคเหนือช่วงต้นฤดูฝน ต้นเดือนกรกฎาคม จะทำความเข้าใจในด้านของภาคเหนือ ซึ่งเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้น้ำก็จะเทมาที่ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำยมก่อน โดยเรื่องภูมิศาตร์ของประเทศมีความสำคัญที่สุด แม่น้ำปิง วัง ยม น่าน โดยเฉพาะแม่น้ำยม เมื่อเข้าพ้นจ.แพร่ ก็จะเข้าสู่ที่ราบลุ่ม หรือท้องกระทะสุโขทัยและพิษณุโลก เช่นที่ทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก เป็นท้องกระทะ แอ่งใหญ่เป็นแสนไร่ เป็นแก้มลิงธรรมชาติ ส่วนสายแม่น้ำน่าน จะมีจ.พิจิตร อ.โพธิ์ทะเล เป็นท้องกระทะเช่นกัน ไม่ต้องมีความสงสัยเลย การที่บอกว่าไม่ให้น้ำท่วม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก หรือ อ.สามง่าม จ.พิจิตร นั้นเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องรู้และทำความใจในหลักคิด
    ลักษณะน้ำท่วมขังในปัญหาอุทกภัยที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นนั้นเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้อย่าชูประเด็นอุทกภัยให้เสียเวลา เพราะน้ำจะท่วมที่ลุ่ม ที่ต่ำ คือการเป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งจะจัดการปัญหาอย่างไร และสู้ไม่ไหว

    # การบริหารจัดการน้ำในปีนี้ถือว่าผิดพลาดมั้ย ?

    จัดการไม่ได้ แต่หากเข้าใจธรรมชาติแล้วจะจัดการสภาพความเป็นอยู่อย่างไรต่างหากที่ควรดการ เพราะฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลชูประเด็นต่างๆ ก่อนหน้านี้ทั้งบางระกำโมเดล หรือเรื่องอื่นนั้น เป็นเรื่องที่ผิด ซึ่งหากไม่เข้าใจหลักคิด สื่อออกมาก็ไม่ดี
    แม่น้ำปิง วัง ยม น่าน เมื่อรวมกันที่ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ เป็นแม่เจ้าพระยา ซึ่งปากน้ำโพที่มีลักษณะเป็นช่องแคบ ทำให้น้ำล้นแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีความจุประมาณ 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาทีเท่านั้น หากเข้ามาตั้งแต่ 4,000 ลบ.ม.ต่อวินาที น้ำก็จะล้นตลิ่ง อีกทั้งเมื่อแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่อ่างทองและสิงห์บุรี นั้นจะมีลักษณะตีบ เล็ก รับน้ำได้ประมาณ 2,800 ลบ.มต่อวินาทีทำให้น้ำล้นตลิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเคยบอกแล้วว่า การเกิดอุทกภัย น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เพาะปลูก เกิดขึ้นง่ายและบ่อย ซึ่งเมื่อถึงจ.พระนครศรีอยุธยา แม่น้ำเจ้าพระยาก็จะรวมกับน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งทำให้น้ำล้นตลิ่งเป็นจำนวนมาก
    เพราะฉะนั้น การตั้งเป้าตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูจัดการน้ำนั้น รัฐบาลต้องการอะไร เช่น ยุทธศาสตร์ที่จะจัดการปัญหาอุทกภัยหรือการจัดการปัญหาอุทกภัยซึ่งต้องมีความ เข้าใจว่าป้องกันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็น ซึ่งหากเข้าใจธรรมชาติน้ำล้นตลิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีฝนตกลงมาก ก็จะกระจายไปทั่ว ซึ่งปี 2554 นี้ทุ่งลพบุรี อ.บ้านหมี่ อ.ท่าวุ้ง อ.เมือง มีคันกั้นน้ำไม่ให้เข้าท่วม แต่น้ำล้นตลิ่งน้ำยกตัวขึ้นทำให้คันกั้นน้ำสู้ไม่ไหว เช่นเดียวกันกับที่จ.นครสวรรค์

    # แสดงว่าเขื่อนที่อยู่ทิศเหนือบริหารจัดการน้ำไม่ได้ ?

    เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิตติ์ และการสร้างเขื่อนนั้นจะใช้ดักน้ำอุทกภัย และน้ำในเขื่อนจะแห้งต่ำสุดในเดือนมิถุนายน ซึ่งภาคเหนือยังไม่เข้าฤดูฝน เหลือน้อยที่สุดเดือนกรกฎาคม แล้วจะให้จะเขื่อนปล่อยน้ำเพื่อเก็บน้ำอุทกภัยนั้น มองว่าใครจะรู้อนาคตว่าจะเกิดอุทกภัย ซึ่งไม่มีใครทราบอนาคต

    # แล้วที่เขื่อนประกาศว่าน้ำจะเกินความจุแล้ว ก็ย่อมต้องพยากรณ์ได้ระดับหนึ่ง ?

    เขื่อนสิริกิตต์ ในเดือนกรกฎาคมน้ำยังไม่มาก แต่มีการดักน้ำไว้ เพื่อไม่ให้เกิดอุทกภัยในจ.อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก แต่พอจ.น่าน น้ำท่วม ซึ่ง เขื่อนปล่อยน้ำจำนวนหนึ่งและดักไว้จำนวนหนึ่งจึงไม่ผิด การจัดเก็บน้ำในเขื่อนจะมีเกณฑ์วัดอยู่แล้ว ซึ่งตัวเขื่อนในขณะนั้นอาจจะมีน้ำ 70 เปอร์เซ็น จะระบายน้ำก็ไม่ได้ เพราะเวลาเดียวกันนั้นน้ำด้านล่างเริ่มล้นตลิ่งแล้ว พอน้ำในเขื่อนเกือบเต็มและน้ำในทุ่งมีจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องสุดวิสัย และยังบวกน้ำท้ายเขื่อนก็มีจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องของเขื่อน แต่เป็นเรื่องของน้ำทั้งหมดในลุ่มน้ำต่างๆ ที่ฝนตกเฉลี่ยแล้วเท่าๆกันทำให้น้ำล้นตลิ่ง

    # คนเลยสงสัยว่าเหตุใดเขื่อนไม่ทะยอยปล่อยไว้ แต่กลับอั้นไว้และปล่อยในครั้งเดียว ?

    ปล่อยไม่ได้ เพราะน้ำล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ด้านล่างอยู่แล้ว จึงต้องทำหน้าที่อุ้มไว้ก่อน

    # การชะลอน้ำเพื่อรอให้เกษตรกรในพื้นที่ภาคกลางเกี่ยวข้าวได้ทัน เกี่ยวกับการบริหารน้ำในเขื่อนด้วยมั้ย ?

    มองแล้วเป็นการผูกประเด็นมากกว่า จะชะลอน้ำทำไม ซึ่งชะลอการปล่อยน้ำจากเขื่อน ทั้งเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิตต์ เพื่อรอให้เกษตรกรภาคกลางเก็บเกี่ยวข้าวได้นั้น เห็นว่าเขื่อนกับพื้นที่ภาคกลางมีระยะทางไกลมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องนี้ ไม่ทราบจะเกี่ยวข้องกันอย่างไร อย่าลืมว่าจะบริหารจัดการน้ำจุดใดจุดหนึ่ง ต้องคิดว่าน้ำใช้เวลาเดินทางหลายวัน และจะมาถึงโดยตรงได้อย่างไร เพราะน้ำจะกระจายไปหลายจุด ซึ่งไม่เกี่ยวกันและไม่ตรงประเด็น ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันที่ไหน

    # รู้ปัญหาของน้ำแล้ว จะนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำอย่างไร ?

    อยากจะชวนกำหนดหลักคิดใหม่ว่าจะจัดการปัญหาอุกทกภัยอย่างไร ซึ่งแนวทางที่ 1 จะกำหนดบริเวณใดที่จะใช้ "ยุทธศาตร์สู้ภัย" ไม่ให้น้ำไปทำอันตรายในพื้นที่ปกป้อง เช่นเขตเศรษฐกิจ หรือศาลากลาง ก็มาคิดว่าสมควรจะปกป้องหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีคันกั้นน้ำปกป้องพื้นที่ มีการสูบน้ำ ให้ชัดเจน ไม่ใช่สู้กันแบบกระสอบทราย ซึ่งต้องกำหนด อาจจะเป็นหมู่บ้านก็ได้ ซึ่งเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ของพื้นที่ โดยการกำหนดยุทธศาตร์สู้ภัยก็จะเป็นหลักคิด โดยการคิดของนักเทคนิค นักการเมืองไม่ควรยุ่งกี่ยว การสู้ภัยนั้นก็ต้องมีทางน้ำให้น้ำมีทางไป การตั้งป้อมสู้อย่างเดียวนั้น สู้ไม่ไหว
    ขณะเดียวกันฝั่งธนบุรีนั้นไม่มีทางไหลของน้ำ รวมทั้งคลองแนวดิ่ง ก็ไม่มี แต่กลับกันมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำ รวมทั้งคลองต่างๆ ที่เป็นคลองชลประทาน ก็เป็นคลองแนวขวาง ซึ่งหากเข้าใจธรรมชาติและจะสู้กับน้ำก็ต้องหาทางให้น้ำไป โดยพื้นที่น้ำท่วมก็ควรซื้อกลับ หรือเวนคืน เพื่อให้เป็นทางของน้ำ ซึ่งเป็นหลักคิดว่าจะเอาอย่างไร และการเตือนภัยก็ไม่ต้องเตือน แต่หากยังเป็นอยู่อย่างนี้ น้ำก็จะยังท่วมกรุงเทพมหานคร ซึ่งการสู้ภัยก็ต้องกำหนดเขตให้ชัดเจน ซึ่งหากพื้นที่ใดไม่สู้ ก็ต้องใช้ยุทธศาตร์ปรับตัวให้อยู่ได้กับสภาพที่เป็นอยู่ จะท่วมมากหรือท่วมน้อยก็อยู่ได้ โดยเฉพาะบรรดาทุ่งต่างๆ ในภาคกลาง
    ยุทธศาสตร์ที่สองก็คือ ยุทธศาสตร์การปรับตัวให้สอดคล้องอยู่กับธรรมชาติ ก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อน โดยเฉพาะเรื่องการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน อย่าอยู่กันแบบตามใจชอบอีก ควรพัฒนาจัดการให้อยู่ได้อย่างมีความสุข พยายามให้องค์ความรู้กับประชาชน โดยยุทธศาตร์การปรับตัว เช่น ให้เริ่มทำนาหลังน้ำลด โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตชลประทานซึ่งบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางเกือบทั้งหมดอยู่ ในเขตชลประทานยอยู่แล้ว ซึ่งจะมีน้ำสนับสนุนอย่างแน่นอนและมีระยะเวลาทำ 10 เดือน ปลูกข้าวได้ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นประชาชนอยู่ในเขตชลประทาน และหากน้ำมาก็จะอยู่ได้

    # หากรัฐบาลไม่ริเริ่มบอกประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมว่าต้องปรับตัว ยุทธศาสตร์นี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ?

    ก็ต้องทำความเข้าใจกัน โดยเริ่มทำตัวอย่างโซนหรือ 2 โซน โดยมีหน่วยงานรัฐเป็นแม่งาน ทีนี้เมื่อมียุทธศาตร์สู้ภัยแล้ว ปรับตัวแล้ว ก็จะต้องมียุทธศาตร์หนีภัยด้วย โดยให้ประชาชนย้ายที่อยู่ให้ห่างจากลำธาร ลำห้วย รางน้ำ ด้วย เพราะมีบ้านประชาชนปลูกบ้านระเกะระกะ ที่สูงบ้าง ที่ลุ่มบ้าง ซึ่งการย้ายไปอยู่ที่สูงก็เพื่อป้องกันน้ำหลาก ยกตัวอย่างที่บ้านน้ำปาด อันนี้สู้ก็ไม่ได้ ปรับตัวก็ไม่ได้ ต้องหนี คือหนีไปจากที่อยู่เดิมซึ่งเป็นที่ต่ำ เขยิบออกไปให้ห่างขึ้นจากแนวทางน้ำที่ไหลจากเขาลงมา แล้วก็จัดระเบียบให้เรียบร้อย จะให้ปลูกระเกะระกะแบบเดิมไม่ได้ ส่วนพื้นที่ลุ่มก็จัดเป็นพื้นที่การเกษตรที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน

    # ทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นงานที่ต้องทำต่อเนื่อง คณะกรรมการชุดนี้จะทำไหวหรือ ?

    มองดุแล้วมันเป็นงานด่วน ลักษณะงานเข้มข้น ก็อยากจะได้องค์กรพิเศษที่เป็นองค์กรทางราชการ ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือจะมอบให้ใครก็ว่ากันไป แต่หากตั้งกระทรวงน้ำขึ้นมาใหม่ ผมก็เกรงว่ามันก็จะกลายเป็นกระทรวงน้ำเน่าไปอีก ซึ่งที่ผ่านไม่มีหลักคิด และหากไม่มีการปฏิรูปก็จะสำเร็จยาก

    ....................
    (สัมภาษณ์ พิเศษ : 'ปราโมทย์ ไม้กลัด' ดัน 3 ยุทธศาสตร์จัดการน้ำ : 'สู้ภัย-ปรับตัว-หนีภัย' : โดย 'เตชะวัฒน์ สุขรักษ์' สำนักข่าวเนชั่น)

    -http://www.komchadluek.net/detail/20111113/114795/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%993%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3.html-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    แนะผู้ใช้โทรศัพท์บ้าน-อินเทอร์เน็ต ขอระงับช่วงน้ำท่วมได้



    ผู้ใช้โทรศัพท์บ้านสามารถระงับชั่วคราวได้ (ไอเอ็นเอ็น)

    กสทช. ชี้ ผู้ใช้โทรศัพท์บ้าน สามารถใช้สิทธิระงับบริการชั่วคราวฟรี ช่วงน้ำท่วม

    นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ผู้บริโภคที่ใช้บริการโทรคมนาคมทุกประเภท ทั้ง โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต สามารถใช้สิทธิในการขอระงับบริการชั่วคราวได้ ซึ่งบริษัทจะกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำสุดหรือสูงสุดที่ยินยอมให้ระงับการใช้ บริการชั่วคราว และผู้ให้บริการจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้ใช้บริการไม่ได้

    ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม ที่ระบุว่า ผู้ใช้บริการโทรศัพท์บ้านและอินเทอร์เน็ตในช่วงเกิดเหตุภัยพิบัติจาก เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สามารถใช้สิทธิในการระงับบริการชั่วคราวได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

    ไอ.เอ็น.เอ็น.
    [​IMG]

    -http://hilight.kapook.com/view/64707-

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กรมชลฯ เผยน้ำถึงสมุทรปราการแล้ว



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ​

    กรมชลฯ เผยน้ำถึงสมุทรปราการแล้ว ระดมสูบระบายน้ำทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกลงอ่าวไทย มั่นใจไม่ท่วมนิคมลาดกระบัง

    วันนี้ (12 พฤศจิกายน) นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้กรมชลประทานได้เร่งระบายน้ำออกผ่านทางสถานีสูบน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้า พระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง และระบายออกสู่อ่าวไทยโดยตรง

    โดยในฝั่งตะวันออก ใช้เครื่องสูบน้ำจำนวน 216 เครื่อง และอาคารบังคับน้ำอีก 59 แห่ง ในการระบายน้ำ ส่วนฝั่งตะวันตก ใช้สถานีสูบน้ำ 53 แห่งที่มีเครื่องสูบน้ำรวม 171 เครื่อง และอาคารบังคับน้ำ จำนวน 114 แห่ง ในการระบายน้ำ นอกจากนี้ในส่วนของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ใช้คลองลัดโพธิ์ ทางจังหวัดสมุทรปราการช่วยในการระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยด้วย

    จากการติดตามข้อมูลการระบายน้ำพบว่า ในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำลงการระบายน้ำลงสู่ทะเลสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น โดยกรมชลประทานได้มีการเตรียมความพร้อมในระบบระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำ เหนือที่จะไหลลงสู่พื้นที่ จ.สมุทรปราการ และระบายออกสู่ทะเลไว้พร้อมแล้ว

    ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์น้ำในฝั่งตะวันออก พบว่าขณะ นี้ปริมาณน้ำเหนือได้ทยอยไหลเข้าสู่พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการแล้ว และกรมชลประทานได้เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยการควบคุมการเปิดปิด ประตูระบายน้ำเพื่อบังคับให้น้ำไหลเข้าสู่สถานีสูบน้ำกว่า 8 แห่งและเร่งสูบน้ำออกสู่ทะเลตลอด 24 ชั่วโมง สามารถสูบน้ำออกทะเลได้เต็มที่ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

    นอกจากนั้น ได้มีการประสานงานกับกรุงเทพมหานครเพื่อควบคุมประตูระบายน้ำบริเวณถนน ร่มเกล้าให้น้ำไหลเข้าสู่ระบบระบายน้ำและสูบออกทะเลผ่านทางสถานีสูบน้ำ พระโขนงของกรุงเทพมหานครอีกทางหนึ่งด้วย

    สำหรับนิคมอุตสาหกรรม 2 แห่งฝั่งตะวันออก คือ นิคมบางชัน และนิคมลาดกระบัง ที่กำลังตั้งรับมวลน้ำที่ไปถึง กรม ชลประทาน ได้ส่งเครื่องผลักดันน้ำไปช่วยนิคมบางชัน 2 เครื่องแล้ว ส่วนนิคมลาดกระบังนั้น เชื่อว่าจะปลอดภัยไม่ถูกน้ำท่วม เนื่องจาก ระดับน้ำที่เดินทางไปถึงแล้วสูงประมาณ 0.7 เมตรจากระดับน้ำทะเล ยังไม่ถึงระดับน้ำเตือนภัยของนิคมฯ ลาดกระบังที่ 0.9 - 1 เมตร


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG]



    -http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20111112/418973/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%AF-%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7-%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%87.html-

    -http://hilight.kapook.com/view/63831-

    .

    กรมชลฯ ชี้น้ำถึงสมุทรปราการแล้ว ยัน'ไม่ท่วมนิคมลาดกระบัง'

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


    [​IMG]

    กรมชลฯ เผยน้ำถึงสมุทรปราการแล้ว มั่นใจไม่ท่วมนิคมลาดกระบัง ระดมสูบเพิ่มทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกเร่งระบายสู่อ่าวไทย

    นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าขณะนี้กรมชลประทานได้ เร่งระบายน้ำออกผ่านทางสถานีสูบน้ำและระบายตามแรงโน้มถ่วงโลกลงสู่แม่น้ำ เจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง และการระบายออกสู่อ่าวไทยโดยตรง เพื่อลดผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในปัจจุบันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยล่าสุดในส่วนของกรมชลประทานสามารถ ระบายได้ถึงวันละ 161 ล้านลูกบาศก์เมตร และคาดว่าจะสามารถระบายได้เพิ่มขึ้นก่อนที่น้ำทะเลจะหนุนสูงอีกครั้งตั้งแต่ วันที่ 11 พ.ย. นี้
    ในฝั่งตะวันออก กรมชลประทานได้ ใช้เครื่องสูบน้ำจำนวน 216 เครื่อง และอาคารบังคับน้ำอีก 59 แห่งในการระบายน้ำ ส่วนฝั่งตะวันตก ได้ใช้สถานีสูบน้ำ 53 แห่งที่มีเครื่องสูบน้ำรวม 171 เครื่อง และอาคารบังคับน้ำ จำนวน 114 แห่ง ในการระบายน้ำ นอกจากนี้ในส่วนของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ใช้คลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทางจังหวัดสมุทรปราการช่วยในการระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยได้ถึงวันละประมาณ 60 ล้านลูกบาศก์เมตรด้วย
    ทั้งนี้ จากการติดตามข้อมูลการสูบ พบว่าในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำลงการระบายน้ำออกสู่ทะเลจะสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น เพราะสามารถเปิดอาคารควบคุมน้ำหรือประตูระบายน้ำให้น้ำไหลออกสู่ทะเลตามแรง โน้มถ่วง ดังนั้น ต้องอาศัยช่วงนี้เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้ได้มากที่สุด
    นายสุรัช ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร กล่าวว่า ระบบระบายน้ำในพื้นที่ตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ จ.สมุทรปราการ กรมชลประทานได้ มีการเตรียมความพร้อมของระบบระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลลง สู่พื้นที่ จ.สมุทรปราการ และระบายออกสู่ทะเลไว้พร้อมแล้ว โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการขุดลอกคลองและกำจัดวัชพืชในคลองสายต่างๆ เช่น คลองพระองค์ไชยานุชิต คลองจระเข้ใหญ่ คลองประเวศบุรีรมย์ เป็นต้น
    "สั่งให้เจ้าหน้าที่ได้มีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำตลอดเวลา เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์โดยการสูบน้ำผ่านสถานีสูบน้ำริม คลองชายทะเล ตามแนวถนนสุขุมวิทสายเก่าและแม่น้ำบางปะกงอย่าง เพื่อพร่องน้ำออกสู่ทะเลต่อเนื่อง"
    จากการติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันออก พบว่าขณะนี้ปริมาณน้ำเหนือได้ทยอยไหลเข้าสู่พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการแล้ว และกรมชลประทานได้ เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลผ่านระบบระบายน้ำโดยการควบคุมการ ปิด - เปิด ประตูระบายน้ำต่างๆ เช่น ประตูระบายน้ำคลองหลวงแพ่ง ประตูระบายน้ำคลองประเวศบุรีรมย์ เพื่อบังคับให้น้ำไหลเข้าสู่สถานีสูบน้ำกว่า 8 แห่ง ตลอดแนวคลองชายทะเลและแม่น้ำบางปะกง และเร่งสูบน้ำออกสู่ทะเลตลอด 24 ชั่วโมง สามารถสูบน้ำออกทะเลได้เต็มที่ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
    นอกจากนั้นยังได้ประสานงานกับกรุงเทพมหานครเพื่อควบคุมประตูระบายน้ำ บริเวณถนนร่มเกล้าให้น้ำไหลเข้าสู่ระบบระบายน้ำและสูบออกทะเลผ่านทางสถานี สูบน้ำ พระโขนงของกรุงเทพมหานครอีกทางหนึ่งด้วย
    "ศักยภาพการสูบน้ำออกสู่ทะเลของกรมชลประทานใน แต่ละวันนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลเข้าสู่ระบบสถานีสูบน้ำ จากข้อมูลเมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 11 พ.ย. พบว่าสามารถสูบและระบายน้ำผ่านสถานีสูบน้ำของกรมชลประทานและกรุงเทพมหานครได้ ประมาณ 21 ล้านลูกบาศก์เมตร" นายสุรัช กล่าว
    นายชัชวาล ปัญญาวาทีนันท์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ชลประทานเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 54 ว่ามีชาวบ้านนับพันคนเข้าไปรื้อแนวคันกั้นน้ำที่คลองรังสิต 6 ช่วงต้นคลองที่ติดกับคลองระพีพัฒน์ ดังนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่ออกไปเร่งสำรวจพื้นที่ว่าคันกั้นน้ำที่ถูกรื้อออก ไปมีช่องขาดเสียหายมากน้อยเพียงใด เพื่อมาประเมินว่าพื้นที่รังสิตเหนือ หรือคลองรังสิตคลอง 1-12 จะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใดด้วย
    สำหรับนิคมอุตสาหกรรม 2 แห่งฝั่งตะวันออก คือ นิคมบางชัน และนิคมลาดกระบัง ที่กำลังตั้งรับมวลน้ำที่ไปถึง กรมชลฯ ได้ส่งเครื่องผลักดันน้ำไปช่วยนิคมบางชัน 2 เครื่องแล้ว ส่วนนิคมลาดกระบังนั้น เชื่อว่าจะปลอดภัยไม่ถูกน้ำท่วม เพราะขณะนี้ระดับน้ำที่เดินทางไปถึงแล้วสูงประมาณ 0.7 เมตรจากระดับน้ำทะเล ยังไม่ถึงระดับน้ำเตือนภัยของนิคมฯ ลาดกระบังที่ 0.9 - 1 เมตร

    "ระดับน้ำที่ 0.7 เมตร กับ 0.9 เมตร แม้ว่าจะใกล้เคียงกันมาก แต่เนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มแบนกว้าง อีกทั้งขณะนี้กรมชลฯ ได้ช่วยตัดยอดน้ำที่จะไหลลงไปที่นิคมฯ ลาดกระบังทุกวัน จึงต้องใช้เวลานานกว่าน้ำจะยกระดับเพิ่มสูงขึ้นในเขตลาดกระบัง"


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ศปภ.ชี้ กทม.เตรียมรับน้ำกว่า 4 พัน ลบ.ม.


    ศปภ.ชี้ กทม.เตรียมรับน้ำกว่า 4 พัน ลบ.ม. (ไอเอ็นเอ็น)

    ศปภ. แถลง น้ำกว่า 4 พันล้าน ลบ.ม. จะระบายลง กทม. ชี้ บางกะปิ, บึงกุ่ม จะมีน้ำท่วมสูง 30 ซ.ม. ระบุ คลองบางซื่อระบายได้ผลดี

    ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ โฆษก ศปภ. พร้อมด้วย ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา แถลงสถานการณ์น้ำ ว่า มวล น้ำทั้งหมดที่ยังคงค้างอยู่เหนือพื้นที่ กทม.มีอยู่ประมาณ 11,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะมีการจัดการออก 3 ส่วนคือ จำนวน 1 ใน 3 ประมาณ 3-4 พันล้านลูกบาศก์เมตร จะถูกระบายไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางประกง และแม่น้ำท่าจีน ส่วนอีก 1 ใน 3 ก็จะเป็นน้ำที่ใช้ในประโยชน์ทางการเกษตรกรรม และอีก 1 ใน 3 จะถูกระบายลงมายังพื้นที่ของ กทม.ฝั่งตะวันตก และตะวันออก

    ส่วนการจัดการน้ำในขณะนี้ได้ถูกระบายลงมายังคลองแสนแสบ คลองประเวศบุรีรมย์ และคลองสาขาต่างๆ ของ กทม. อาจจะทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่อาศัยตลอดแนวริมคลองดังกล่าวนั้น ได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งจะสอดคล้องกับ กทม.ที่มีการประกาศพื้นที่บางแขวงของเขตประเวศ เขตสะพานสูง ให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ขณะที่จะมีมวลน้ำบางส่วน ซึมเข้ามาในพื้นที่เขตมีนบุรี สะพานสูง บึงกุ่ม บางกะปิ จะมีน้ำท่วมสูงประมาณ 20-30 ซ.ม.

    นอก จากนี้ยังกล่าวถึงการระบายน้ำของ กทม.ในพื้นที่เขตหลกสี่ ลาดพร้าว จตุจักร ดอนเมือง และสายไหม หลังจากที่การวางแนวชะลอน้ำบิ๊กแบ็ก ทำให้ปริมาณน้ำลดลง ซึ่งมีการผันน้ำลงในคลองบางซื่อ ได้ผลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะบนถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีรังสิต และรัชดาภิเษก หากไม่มีเหตุการอื่นแทรกซ้อน คาดการณ์ว่าประมาณ 1-2 สัปดาห์ น้ำในพื้นที่ดังกล่าวจะลดลงได้ และพื้นที่ชั้นในของ กทม. น่าจะปลอดภัย

    ไอเอ็นเอ็น
    [​IMG]

    -http://hilight.kapook.com/view/64706-

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ของขวัญปีใหม่! สุขุมพันธ์ ลั่น กทม.ต้องแห้งทุกซอย



    [​IMG]


    สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

    ผู้ว่าฯ กทม.ระบุ พื้นที่ฝั่งตะวันตกเจ้าพระยา พบน้ำมวลใหม่เข้าอ่วม คาดไม่ลดง่าย ลั่นให้ของขวัญปีใหม่ คนกรุงน้ำแห้งทุกซอย

    เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำบนถนนพุทธมณฑลสาย 2 และพื้นที่เขตบางแค พบว่า สถานการณ์น้ำฝั่งตะวังตก ยังคงมีน้ำมวลใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจากเดิมที่ได้ประเมินว่า อีก 2 สัปดาห์ สถานการณ์น้ำจะลดลง คงเป็นไปได้ยากแล้ว ส่วนขณะนี้สถานการณ์น้ำที่ถนนพระราม 2 นั้น ยังคงไม่เป็นปัญหา

    ขณะ ที่ฝั่งตะวันออก สถานการณ์น้ำยังคงแผ่ขยายวงกว้าง ทาง กทม.จึงได้แจ้งเตือนภายในพื้นที่เฉพาะแขวงประเวศ เขตประเวศ และเขตบางกอกใหญ่เฉพาะจุด ให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังแล้ว ส่วนปัญหาที่ประชาชนต้องการให้รื้อแนวคันบิ๊กแบ็กออก ตนอยากก็ให้มีการหารือร่วมกันระหว่าง ศปภ. กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็ประเมินสถานการณ์น้ำว่า ภายในปีใหม่นี้จะพยายามทำให้ทุกพื้นที่ของ กทม.แห้งให้ได้ เพื่อเป็นของขวัญให้กับกรุงเทพฯ

    "ผม ยังเป็นห่วงในฝั่งตะวันตกที่ยังมีปริมาณน้ำใหม่เข้ามา ส่วนฝั่งตะวันออกก็ห่วงเช่นกัน เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้างมาก อาจจะทำให้ดูแลประชาชนไม่ทั่วถึง แต่ใน ช่วงปีใหม่นี้ผมอยากจะให้ของขวัญกับประชาชน โดยตั้งเป้าจะให้ กทม.แห้งทุกพื้นที่ ไม่ใช่แค่ถนนสายหลัก แต่เป็นตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ก็จะทำให้แห้งด้วย" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไอ.เอ็น.เอ็น. และ ไทยโพสต์

    [​IMG] [​IMG]



    -http://hilight.kapook.com/view/64388-

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อ.ศศิน คาดพญาไท-ดินแดง-ห้วยขวาง น่ารอดน้ำท่วม



    [​IMG]
    "วันนี้พระรามสองน่าจะเริ่มมีปัญหาระดับน้ำ อย่างที่ว่านะครับ ถ้าลอดใต้ได้มาก สูบเสริมเยอะ ๆ ก็มีหวัง เพราะระบบคลองที่พระรามสอง มีคลองย่อย ๆ แนวตั้งมาก "

    [​IMG]
    "คาดการณ์ พระรามสอง และระดับน้ำปัจจุบัน ตอนเที่ยง ๆ นี้นะครับ"



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Sasin Chalermlarp

    อ.ศศิน คาดพญาไท-ดินแดง-ห้วยขวาง น่าจะรอดน้ำท่วม หากคลองบางซื่อรับไหว แต่รามคำแหงเป็นที่ต่ำ ไม่น่าจะพ้น ขณะที่ฝั่งตะวันตกน่าห่วง พระราม 2 น้ำมาแน่ ๆ แต่ถ้าสูบได้ก็มีหวัง

    เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน อาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ ได้โพสต์ข้อความคาดการณ์สถานการณ์น้ำท่วมในเฟซบุ๊ก Sasin Chalermlarp โดยระบุว่า หาก คลองบางซื่อสามารถรับน้ำไว้ได้ น้ำจะไม่มาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งนั่นหมายความว่า เขตพญาไท ดินแดง และห้วยขวาง จะรอดพ้นจากน้ำท่วม แต่พื้นที่รามคำแหงคงไม่รอด เพราะเป็นพื้นที่ต่ำ ขณะที่ฝั่งตะวันตกยังน่าเป็นห่วงเช่นเดิม โดยน้ำจะท่วมมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถระบายน้ำลงแม่น้ำท่าจีนได้มากน้อยแค่ไหน

    "ฟัง อ.เสรี แล้ว คิดว่า เราน่าจะ "คาดการณ์" สิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับน้ำท่วม กทม. ได้ตามสมควรครับ ผมว่าสถานการณ์ ชัดเจนว่า ถ้าคลองบางซื่อ (ในส่วนของผมเคยคิดว่าจะมาถึง คลองสามเสน) ไม่มีปัญหา น้ำจะไม่มาถึงเสาวรีย์ชัย ดังนั้น เขตพญาไท ดินแดง และ ห้วยขวาง น่าจะไม่ท่วม ถ้าระบบการสูบน้ำที่บางซื่อยังไหว"

    "เช่นเดียวกับฝั่งรามคำแหง ที่ผมคิดว่าไม่รอดแน่ เพราะเป็นที่ต่ำ จะมีน้ำซึมใต้ดินมาถึง แต่จากการที่ กทม. นำน้ำออกไปสู่แสนแสบและทุ่งตะวันออกได้มาก ดังนั้น ระบบระบายน้ำในพื้นที่ต่ำระหว่างคลองแสนแสบและคลองประเวศ เขตสวนหลวง บางกะปิ และ สะพานสูง น่าจะสู้ไหว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเพิ่มเติม ดังนั้น เขตด้านใต้ลงมาชั้นในทั้งหมด น่าจะวางใจได้ ถ้าเขตที่ว่ามาไม่ท่วม (ถึงท่วมก็เตรียมการทัน)"

    "แต่ในขณะเดียวกัน ด้านตะวันออกนอกคันร่มเกล้า นับว่าท่วมเต็มหลายวันแล้ว ก็คงเพิ่มระดับขึ้นที่เขตใต้ลงมาโดยเฉพาะ ลาดกระบัง พื้นที่ บางพลี บางเสาธง ของจังหวัดสมุทรปราการ คงไม่มีน้ำลงมาเร็ว เพราะถนนมอเตอร์เวย์กั้นไว้ จะลอดคลองมาได้ที่คลองลาดกระบัง คลองหนองงูเห่า คลองจรเข้ใหญ่ คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต พื้นที่ราบมาก ยังมีคลองย่อย ๆ น้ำมาไม่เยอะ ระบบสูบน้ำออกแรง ดังนั้น ไม่น่าจะท่วมหนัก เอ่อ ๆ รอบสุวรรณภูมิ ตามท่อมั้งครับ แต่ไม่ควรประมาท ว่าจะไม่ท่วมเลย ต้องตามข่าวระดับน้ำในคลองที่ผมว่ามาว่าล้นตลิ่งมาแค่ไหน"

    "ฝั่งตะวันตกยังน่าเป็นห่วงเหมือนเดิม น้ำลดเพิ่มตามการระบายลงท่าจีน ได้มากน้อย คลองสาน ธนบุรี ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ และ พระสมุทรเจดีย์ น่าจะโดนขอบ ๆ มวลน้ำ ที่ผ่านลงมาจากภาษี เจริญจอมทอง เอ่อ ตามถนซอยต่ำบ้างแค่นั้น เพราะน้ำน่าจะไหลสู่ที่ต่ำทางคลองราชมนตรี เขตบางขุนเทียน ถ้าคลองสนามชัยรับได้มาก ทำหน้าที่เป็นแก้มลิงซับน้ำ พื้นที่ล่างๆ ใต้คลองไม่น่ามีปัญหา แต่ทั้งหมดต้องไม่วางใจ เพราะน้ำฝั่งนี้ยังมากเหลือเกินครับ ปัจจัยคือ เขาระบายไปท่าจีนได้มาก ก็ท่วมน้อย แต่ถ้าท่าจีนเต็มไปได้น้อยก็ท่วมมาก ปัจจัยจากมนุษย์ ย่อมประเมินไม่ได้ชัดนักนะครับ ขึ้นกับประสิทธิภาพของเครื่องสูบและประตูระบายน้ำ"

    "ผม เป็นห่วงว่า วันนี้พระรามสองน่าจะเริ่มมีปัญหาระดับน้ำ อย่างที่ว่านะครับ ถ้าลอดใต้ได้มาก สูบเสริมเยอะ ๆ ก็มีหวัง เพราะระบบคลองที่พระรามสอง มีคลองย่อย ๆ แนวตั้งมาก เคยเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง แม้ว่าวันนี้การขุดลอกและสูบน้ำ น่าจะไม่พร้อมเท่าทางสมุทรสาคร แต่สภาพธรรมชาติธรณีสัณฐานแบบนี้ ถ้าเขตบางขุนเทียนเอาจริง อาจจะสามารถสู้ไม่ให้ท่วมก็เป็นได้"


    -http://hilight.kapook.com/view/64723-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    พระราม 2 อ่วม! น้ำลอดใต้สะพาน ทำเคหะธนฯ ท่วมเท่าเอว



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    สถานการณ์ น้ำท่วมที่บริเวณพระราม 2 ขณะนี้ ยังคงทวีความรุนแรงและได้ขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในบริเวณเคหะธนบุรี 1 น้ำเข้าท่วมเกือบเต็มพื้นที่แล้ว บางแห่งสูงถึง 1 เมตร

    โดยมีรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ (13 พฤศจิกายน) บริเวณพระราม 2 น้ำได้ทะลักลอดใต้สะพานพระราม 2 อย่างรวดเร็ว ไหลเข้าไปยังซอย 69 ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเคหะธนบุรี, โรงเรียนสวนกุหลาบธนบุรี, ห้างโลตัส ครอบคลุมกว่า 1 ตารางกิโลเมตร โดย ระดับน้ำสูงตั้งแต่ระดับหน้าแข้ง จนถึงระดับเอว บางจุดท่วมสูงถึง 1 เมตร ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 5,000 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน ซึ่งบางคนก็ไม่สามารถย้ายข้าวของได้ทัน เพราะไม่คิดว่าน้ำจะมาเร็ว และปริมาณมากขนาดนี้

    ทั้งนี้ น้ำที่ล้นพนังกั้นน้ำบริเวณหน้าสวนสมเด็จย่านั้น ได้ไหลเข้าท่วมบริเวณชุมชนเกือบเต็มพื้นที่ อีกทั้งน้ำบางส่วนได้ไหลย้อนกลับเข้าไปท่วมบริเวณชุมชนข้างห้างโลตัสแล้ว

    ขณะ เดียวกัน ในเช้าวันนี้ (13 พฤศจิกายน) ทาง กทม. ได้ประกาศอพยพ 3 ชุมชน ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ1, ทรัพย์สินพัฒนา, เชื่อมสัมพันธ์ ในแขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว


    -http://hilight.kapook.com/view/64513-

    --------------------------------------------------------


    อ่วม! 2 อำเภอสมุทรสาคร น้ำสูงเฉลี่ย 1-1.5 เมตร


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

    สมุทรสาครอ่วม 2 อำเภอ กระทุ่มแบน-อ.เมือง โดยเฉลี่ยน้ำสูง 1-1.5 เมตร เร่งระบายน้ำลงท่าจีน

    ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 พฤศจิกายนว่า ขณะนี้ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก โดย เฉพาะใน 2 อำเภอ รวม 6 ตำบล คือ ต.อ้อมน้อย ต.สวนหลวง ต.ท่าไม้ ต.แคราย เขตเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน และ ต.บางน้ำจืด ใน อ.เมือง โดยความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 1-1.5 เมตร และทางจังหวัดกำลังเร่งระบายน้ำลงคลองภาษีเจริญ เพื่อออกสู่แม่น้ำท่าจีน

    ทั้งนี้ สำหรับแนวทางรับมือน้ำท่วมที่ ต.บางน้ำจืด นั้น นายสมชาย สิริศักดิ์พบสุข นายก อบต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ระบุว่า ทาง จังหวัดได้ระบุว่า ต.บางน้ำจืด จะเป็นเขตพื้นที่รับน้ำที่ไหลงผ่าน ก่อนผันลงสู่แม่น้ำท่าจีน ดังนั้น จึงได้ประสานหน่วยงานราชการ และ อบจ. ให้มาช่วยกันขุดลอกช่องทางน้ำแล้ว แต่เมื่อน้ำหลากมาก็ยังทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งไหลท่วมบ้านเรือนประชาชน เพราะช่องคลองยังไม่พร้อมสมบูรณ์

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก กรุงเทพธุรกิจ
    [​IMG]

    -http://hilight.kapook.com/view/64640-

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ไม่ฟัง ศปภ.! ชาวบ้านรื้อบิ๊กแบ็กเอง ยาว 20 เมตร


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

    ชาว บ้านดอนเมืองชุมนุมจี้ ศปภ.รื้อบิ๊กแบ็กให้น้ำไหลลงด้านล่าง การุณรุดเคลียร์ไม่เป็นผล ก่อนมีข่าวลือศปภ.สั่งรื้อบิ๊กแบ็กแล้ว สุดท้ายแถลงกลับไม่มีคำสั่งใด ๆ ขณะที่ชาวบ้านรื้อบิ๊กแบ็กเองแล้ว

    หลัง จากที่วานนี้ (12 พฤศจิกายน) นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ได้ออกกล่าวยืนยันถึงการรื้อคันกั้นน้ำบิ๊กแบ็กของประชาชนในเขตดอนเมือง ว่าจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะได้ทำความเข้าใจกับประชาชนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    แต่ ทว่า ช่วงสายของวันนี้ (13 พฤศจิกายน) มีตัวแทนชาวบ้านแขวงสนามบินดอนเมืองกว่า 20 ชุมชน นับร้อยคนได้เข้ามาเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดแนวบิ๊กแบ็กบริเวณถนนวิภาวดีสัง สิตขาออก และอยากให้มีการลดระดับแนวบิ๊กแบกลง เพื่อจะได้ให้น้ำไหลลงมาบริเวณด้านล่างบ้าง โดยต้องการให้เปิดแนวบิ๊กแบ็กบนถนนวิภาวดีรังสิต กว้าง 10 เมตร หรือเปิดให้เรือผ่าน 2 ช่องทาง ทั้งขาเข้าและขาออก เป็นเวลา 1 เดือน

    ขณะ ที่ นายการุณ โหสกุล เมื่อได้ทราบข่าวดังกล่าว ก็รีบรุดมายังที่เกิดเหตุทันที เพื่อมาพูดคุยกับชาวบ้าน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ทั้งนี้ระดับน้ำในคันบิ๊กแบ็ก และนอกคันบิ๊กแบ็กต่างกันอยู่ที่ประมาณ 50 - 60 เซนติเมตร

    อย่าง ไรก็ตาม หลังจากที่มีการเจรจากับชาวบ้านนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็มีกระแสข่าวออกมาว่า ทาง ศปภ. มีมติให้รื้อแนวบิ๊กแบ็ก ถนนวิภาวดีรังสิตเป็นระยะทาง 30 เมตร โดยจะทำการรื้อให้แล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้ (14 พฤศจิกายน) ทำให้ประชาชนที่รวมตัวต่างพอใจผลสรุปที่ออกมาและได้แยกย้ายกันกลับบ้าน

    แต่ล่าสุด พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ยืนยันว่า ไม่ มีการสั่งการให้มีการรื้อแนวบิ๊กแบ็กระยะทาง 30 เมตร ที่สนามบินดอนเมือง ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด โดยระบุว่า ในขณะนี้ ทาง ศปภ. เพิ่งจะประชุมเสร็จ และไม่ได้มีคำสั่งใด ๆ ทั้งสิ้น

    ทั้ง นี้ แนวบิ๊กแบ็กที่กั้นไว้นั้น เป็นแนวป้องกันเพื่อไม่ให้น้ำทะลักเข้า กทม. ส่วนถ้าจะมีการรื้อถอนนั้น จะต้องมีการหารือร่วมกันกับประชาชนในพื้นที่ด้วย

    อย่าง ไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่า ชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้เข้ารื้อบิ๊กแบ็กเป็นแนวยาวประมาณ 20 เมตรแล้ว โดยอ้างว่า ส.ส.คนหนึ่งให้รื้อ ทั้งนี้ การรื้อบิ๊กแบ็กดังกล่าวอาจจะส่งผลให้น้ำไหลท่วมกรุงเทพฯ ชั้นในได้แรงและเร็วขึ้น



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก Thai PBS และ ไอ.เอ็น.เอ็น.
    [​IMG] [​IMG]


    -http://hilight.kapook.com/view/63914-


    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย “หนุ่มดอนเมือง” ต่อย “เก่ง การุณ” ปากฉีก <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</td> <td class="date" align="left" valign="middle">13 พฤศจิกายน 2554 15:48 น.</td></tr></tbody></table>

    ตำรวจเรียก “หนุ่มดอนเมืองหมัดดุ” ชกหน้า “ส.ส.เก่ง การุณ” ปากฉีกเย็บ 5 เข็ม แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ก่อนปล่อยตัวไป โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน

    วันนี้ (13 พ.ย.) พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ดอนเมือง เปิดเผยความคืบหน้าคดีที่นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายฐิติพันธุ์ บุญใหญ่ อายุ 22 ปี ที่มีเรื่องชกต่อยกันจนนายการุณ ปากแตกต้องเย็บถึง 5 เข็ม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้เรียกนายฐิติพันธุ์ มารับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นแล้ว โดยจากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพว่า มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนายการุณ จริง เนื่องจากไม่พอใจที่นายการุณ ขับเจ็ตสกีตรวจสถานการณ์น้ำท่วมด้วยความเร็ว ทำให้เกิดคลื่นมากระทบเรือที่ตนเองกับพวกอีก 3 คนนั่งมาจนล่ม ซึ่งหลังจากสอบปากคำแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไป โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัวแต่อย่างใด เนื่องจากคดีนี้เป็นแค่เรื่องทำร้ายร่างกายกันธรรมดา

    พ.ต.อ.รังสรรค์ กล่าวว่า ส่วนการดำเนินคดีขณะนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรอใบผลพิสูจน์ตรวจร่างกายนายการุณจากแพทย์ เพื่อจะนำไปประกอบในการส่งฟ้องผู้ต้องหายังศาลแขวงต่อไป

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในสังคมออนไลน์ถึงพฤติกรรมของนายการุณ ที่ใช้เจ็ตสกีตรวจพื้นที่เขตดอนเมือง ซึ่งยังคงมีปริมาณน้ำท่วมสูง และขับเจ็ตสกีสวนกับเรือของชาวบ้านที่พายออกมาจนคลื่นจากเจ็ตสกีทำให้เรือ ชาวบ้านล่มลง ทุกคนที่โดยสารมากับเรือตกลงไปในน้ำเน่าและพาก่นด่าสาปแช่ง จากนั้นนายการุณ ได้วกเจ็ตสกีกลับมายังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยในสังคมออนไลน์ ระบุว่า มีเสียงปืนดังขึ้น แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และหลังจากนั้น เมื่อนายการุณ ขับเจ็ตสกีต่อไป ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์กลับไปทำร้ายชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บ แต่ล่าสุด เมื่อมีการแจ้งความดำเนินคดีกลับกลายเป็นฝ่ายนายการุณที่ถูกทำร้ายร่างกาย

    -http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000144816-

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า พี่เปี๊ยกครับ

    รุ่นเป็นที่รักของสามโลก ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ

    ตะกรุดโสณะ-อุึตระ ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ

    พิมพ์วัดสามปลื้มทั้ง 2 พิมพ์ ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ

    พิิมพ์ลูกอมพระปิดตา ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ

    พิมพ์เบญจภาคี ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ

    พิมพ์พระสมเด็จ ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ

    กรุวังหน้าอยุธยา ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ

    กรุกำแพงเพชร ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ

    เอ่อ พี่ครับ ก้างปลาเป็นก้างปลาอะไร หลังไมค์ครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    อ่า สุดยอดครับ สติดีมากจริงๆครับ


    -------------------------------------------

    หนุ่มมะกันมือนิ่ง เรียงหอคอย 3 พันเหรียญ บนเหรียญเดียว

    -http://hilight.kapook.com/view/64676-


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก recordsetter.com

    ใครที่ว่ามือนิ่งสุด ๆ มาเจอนายคนนี้คงต้องยอมคารวะให้สักครั้ง เพราะ "ไท สตาร์" หนุ่ม มะกัน จากรัฐแอริโซนาคนนี้ มือนิ่งขึ้นเทพ เชื่อไม่เชื่อลองดูจากผลงานของเขา ที่เรียงหอคอยรูปโคนขึ้นมา จากเหรียญตั้ง 3,118 เหรียญ แถมไม่ใช่หอคอยธรรมดา ๆ ที่มีฐานกว้างเพื่อความมั่นคง หอคอยเหรียญนับพันของนายสตาร์ มีรากฐานเล็ก ๆ จากเหรียญ 10 เซนต์เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น อุบ๊ะ !!

    สถิตินี้ถูกบันทึกบน เว็บไซต์เร็คคอร์ดเซ็ตเตอร์ดอทคอม แถมยังทุบสถิติหอคอยเหรียญเก่า ๆ ที่เคยมีมา ซึ่งล้วนแต่เป็นสถิติที่เขาสร้างขึ้นเองทั้งนั้น แต่นับว่าครั้งนี้สตาร์ทุบสถิติเดิมได้แบบแตกแหลกกระจุย จากครั้งเดิมที่เคยทำไว้ได้ที่ 1,700 เหรียญ มาครั้งใหม่นี่ตั้งสามพันกว่าเหรียญเลยทีเดียว

    หอคอยรูปโคนของสตาร์ ตั้งอย่างหมิ่นเหม่อยู่ที่ขอบโต๊ะ ซึ่งสตาร์บอกว่าถึงมันจะดูไม่ค่อยมั่นคง แต่ความจริงแล้วมุมโต๊ะนี่แหละ เป็นจุดที่แข็งแรงที่สุด ทำให้มองเห็นได้ง่ายว่า เขาสร้างหอคอยนี้ขึ้นมาบนเหรียญ 10 เซนต์เพียงเหรียญเดียวจริง ๆ แถมยังดูน่าหวาดเสียวระทึกใจดีอีกด้วย นอกจากเหรียญ 10 เซนต์หนึ่งเหรียญที่ใช้เป็นฐานแล้ว หอคอยรูปโคนนี้ยังประกอบขึ้นด้วย เหรียญยี่สิบห้าเซ็นต์ 600 เหรียญ, สิบเซนต์ 500 เหรียญ, นิกเกิล 313 เหรียญ, เพนนี 1699 เหรียญ และ เหรียญจากต่างประเทศอันได้แก่ เหรียญห้าเพนนีของอังกฤษ และเหรียญเปโซของสเปนอีกรวม 5 เหรียญ รวมแล้วก็ได้หอคอยจาก 3,118 เหรียญ พอดิบพอดี

    สตาร์ อธิบายว่า เขาค่อย ๆ วางเหรียญลงไปทีละวงทีละชั้นอย่างใจเย็น เพื่อความมั่นคงของหอคอยขนาดย่อมนี้ โดยเริ่มจากการวางเหรียญสิบเซนต์ 3 เหรียญลงไปบนเหรียญยี่สิบห้าเซนต์ 4 ชั้น จากนั้นตามด้วยเหรียญที่ใหญ่ขึ้นอีก 4 ชั้น ล้อมรอบด้วยเหรียญสิบเซนต์อีก 4 ชั้น แล้วก็เรียงลำดับต่อไป ตามขนาดของเหรียญ ตั้งแต่ เพนนี นิกเกิล และ เหรียญยี่สิบห้าเซนต์ เมื่อหอคอยเสร็จสมบูรณ์ เขายังได้กรอกเหรียญเงินต่าง ๆ ลงไปด้านในโคนอีกด้วย

    นอก จากสตาร์จะทุบสถิติเรื่องหอคอยเหรียญได้แล้ว ท่าทางหากเขาจะเอาดีเรื่องมือนิ่งละก็คงจะไปได้สวย เพราะยังมีสถิติมือนิ่งจากเขาที่ถูกบันทึกไว้ในเว็บไซต์เร็คคอร์ดเซ็ต เตอร์ดอทคอม อยู่อีกถึง 11 รายการด้วยกัน อย่าง ก่อหอคอยเหรียญที่สูงที่สุดจากเหรียญยี่สิบห้าเซนต์ถึง 117 เหรียญ และหนุ่มผู้สามารถบาลานซ์ไม้กลองบนปลายนิ้ว ในขณะที่ตัวเองยืนทรงตัวอยู่บน บอลออกกำลังกายได้นานที่สุด ถึง 28.33 วินาที เลยทีเดียวเชียว แหม.. ต่อจากนี้ไป ถ้าจะให้นึกถึงสถิติมือนิ่งแปลก ๆ คงต้องเพิ่มชื่อพ่อหนุ่ม ไท สตาร์ เข้าไปอีกคนแล้วล่ะ

    คลิปเข้าไปชมตามลิงค์ครับ

    http://hilight.kapook.com/view/64676

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    "ศศิน"วิเคราะห์ทางเดิน"น้ำ"คาดท่วมไม่ถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ ชี้ถ้าบางขุนเทียนเอาจริงพระราม2สู้ได้


    เมื่อเวลาประมาณ 11.15 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้โพสต์ข้อความ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพมหานครตามพื้นที่ต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองในชื่อ Sasin Chalermlarp (ศศิน เฉลิมลาภ) พร้อมแผนที่เส้นทางน้ำประกอบดังนี้ โดยเริ่มจากการหยิบยกคลิป ประเมินสถานการณ์น้ำจากมุมสูงในกทม. กับ ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และดารินขึ้นเฮลิคอปเตอร์เก็บภาพสถานการณ์น้ำในมุมสูงของกทม. ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ไปเมื่อเวลา19.30 น. วันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา

    มีเนื้อหา ดังนี้



    http://www3.thaipbs.or.th/floo<wbr>d54/preview.asp?newsid=C000200<wbr>4

    ฟัง อ.เสรี แล้ว คิดว่า เราน่าจะ "คาดการณ์" สิ่งต่างๆ เกี่ยวกับน้ำท่วม กทม. ได้ตามสมควรครับ ผมว่าสถานการณ์ ชัดเจนว่า ถ้าคลองบางซื่อ (ในส่วนของผมเคยคิดว่าจะมาถึง คลองสามเสน) ไม่มีปัญหา น้ำจะไม่มาถึงอนุสาวรีย์ชัย ดังนั้น เขต พญาไท ดินแดง และ ห้วยขวาง น่าจะไม่ท่วม ถ้า ระบบการสูบน้ำที่บางซื่อยังไหว เช่นเดียวกับ ฝั่งรามคำแหง ที่ผมคิดว่าไม่รอดแน่เพราะเป็นที่ต่ำ จะมีน้ำซึมใต้ดินมาถึง แต่จากการที่ กทม. นำน้ำออกไปสู่แสนแสบและทุ่งตะวันออกได้มาก ดังนั้น ระบบระบายน้ำในพื้นที่ต่ำระหว่างคลองแสนแสบและคลองประเวศ เขตสวนหลวง บางกะปิ และ สะพานสูง น่าจะสู้ไหว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเพิ่มเติม ดังนั้น เขตด้านใต้ลงมาชั้นในทั้งหมด น่าจะวางใจได้ ถ้าเขตที่ว่ามาไม่ท่วม (ถึงท่วมก็เตรียมการทัน)

    แต่ในขณะเดียวกัน ด้านตะวันออก นอกคันร่มเกล้า นับว่าท่วมเต็มหลายวันแล้ว ก็คงเพิ่มระดับขึ้นที่เขตใต้ลงมาโดยเฉพาะ ลาดกระบัง พื้นที่ บางพลี บางเสาธง ของจังหวัดสมุทรปราการ คงไม่มีน้ำลงมาเร็ว เพราะ ถนนมอเตอร์เวย์ กั้นไว้ จะลอดคลองมาได้ ที่คลองลาดกระบัง คลองหนองงูเห่า คลองจรเข้ใหญ่ คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต พื้นที่ราบมาก ยังมีคลองย่อยๆ น้ำมาไม่เยอะ ระบบสูบน้ำออกแรง ดังนั้น ไม่น่าจะท่วมหนัก เอ่อ ๆรอบสุวรรณภูมิ ตามท่อมั๊งครับ แต่ไม่ควรประมาท ว่าจะไม่ท่วมเลย ต้องตามข่าวระดับน้ำในคลองที่ผมว่ามาว่าล้นตลิ่งมาแค่ไหน

    ฝั่งตะวันตกยังน่าเป็นห่วง เหมือนเดิม น้ำลดเพิ่มตามการระบายลงท่าจีน ได้มากน้อย คลองสาน ธนบุรี ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ และ พระสมุทรเจดีย์ น่าจะโดนขอบๆมวลน้ำ ที่ผ่านลงมาจากภาษี เจริญจอมทอง เอ่อ ตามถนซอยต่ำบ้างแค่นั้น เพราะน้ำน่าจะไหลสู่ที่ต่ำทางคลองราชมนตรี เขตบางขุนเทียน ถ้าคลองสนามชัย รับได้มาก ทำหน้าที่เป็นแก้มลิงซับน้ำ พื้นที่ล่างๆ ใต้คลองไม่น่ามีปัญหา แต่ทั้งหมด ต้องไม่วางใจ เพราะน้ำฝั่งนี้ยังมากเหลือเกินครับ ปัจจัยคือ เขาระบายไปท่าจีนได้มาก ก็ท่วมน้อย แต่ถ้าท่าจีนเต็มไปได้น้อยก็ท่วมมาก ปัจจัยจากมนุษย์ ย่อมประเมินไม่ได้ชัดนักนะครับ ขึ้นกับประสิทธิภาพของเครื่องสูบและประตูระบายน้ำ


    [​IMG]


    ผมเป็นห่วงว่า วันนี้พระรามสองน่าจะเริ่มมีปัญหาระดับน้ำ อย่างที่ว่านะครับ ถ้าลอดใต้ได้มาก สูบเสริมเยอะๆ ก็มีหวัง เพราะระบบคลองที่พระรามสอง มีคลองย่อยๆ แนวตั้ง มาก เคยเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง แม้ว่าวันนี้การขุดลอก และสูบน้ำ น่าจะไม่พร้อมเท่าทางสมุทรสาคร แต่สภาพธรรมชาติ ธรณีสัณฐาน แบบนี้ ถ้า เขตบางขุนเทียนเอาจริง อาจจะสามารถสู้ไม่ให้ท่วมก็เป็นได้


    ลองประเมินแนวน้ำพระรามสองดูนะครับ จาก gamling.org ตอนเที่ยงๆนี้เอง


    [​IMG]






    .



    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1321160909&grpid=01&catid=&subcatid=-


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    s6..s6..ทำไมไม่ใส่ทีเดียวแล้วถามคำเดียวว่า ดีป่าวแรงป่าวไป..

    ป.ปลาที่ว่า ผมว่า ปลา2 นะ..ก้างเล็กแบบนั้น..
     
  17. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    แค่ได้ยินชื่อก็สุดยอดแล้วจริงไหมครับ ท่านเจ้าสัววังหน้า 555
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ๊ะ โชคดีที่ไม่ใช่ปลาท่องโก๋ อิอิ


    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    โพลระบุคนส่วนใหญ่เชื่อ มีโกงถุงยังชีพจริง


    ABACโพลไม่มีใครแก้น้ำท่วมดีกว่านายกฯ (ไอเอ็นเอ็น)

    เอแบคโพล เผยผลสำรวจ ประชาชน คิดว่า ไม่มีนักการเมืองคนใด แก้น้ำท่วมได้ดีเท่า นายกฯ "ยิ่งลักษณ์" พร้อมเชื่อมีการโกงถุงยังชีพจริง

    สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องการเมืองกับภัยพิบัติน้ำท่วม และทางออกในสายตาสาธารณชน โดยสำรวจจากประชาชนใน 17 จังหวัดทั่วประเทศ โดย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 75 คิดว่า ไม่มีนักการเมืองคนใด จะทำหน้าที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ดีกว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

    ขณะเดียวกัน ร้อยละ 51.7 เห็นว่า มีการเลือกปฏิบัติ จากฝ่ายการเมืองระดับชาติ และ ร้อยละ 55.7 เห็นว่า มีการเลือกปฏิบัติจากนักการเมืองท้องถิ่น ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 97.8 เห็นว่า ทางออกของปัญหาน้ำท่วม คือ การที่คนไทยช่วยเหลือกัน

    ย่าง ไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 63.5 คิดว่า มีการทุจริตเงินบริจาคและถุงยังชีพจริง พร้อมทั้งยังพบว่า ประชาชนร้อยละ 68.2 กังวลว่า จะมีการทุจริตงบประมาณในการเยียวยาและฟื้นฟูน้ำท่วม



    ไอ.เอ็น.เอ็น.
    [​IMG]


    -http://hilight.kapook.com/view/64722-

    -------------------------------------------------------------



    ของบริจาคทำพิษ! ปชป.จ่อยืนถอด การุณ-อนุดิษฐ์






    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Thai PBS


    ปชป.เตรียมยื่นถอดถอน การุณ อนุดิษฐ์ เหตุนำของบริจาคเก็บไว้ที่สำนักงาน คาดรวบรวมหลักฐานเสร็จภายใน 2 สัปดาห์


    วันนี้ (13 พฤศจิกายน) นาย วิรัช กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นฟ้องนาย การุณ โหสกุล ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย และ น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรณีที่ พล.ต.อ. ประชา พรมนอก รมว. กระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้บุคคลทั้งสอง สั่งอนุมัติของบริจาคภายในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) แต่บุคคลทั้งสอง กลับนำของบริจาคไปเก็บไว้ที่สำนักงานของตนเอง


    ทั้งนี้ นายวิรัช กำลังรวบรวมหลักฐานที่เป็นคำสั่งและพยานแวดล้อมเพื่อนำมาเขียนคำร้องเพื่อ ถอดถอน เนื่องจากการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 265-266 คาดว่าการรวบรวมหลักฐานน่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์




    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก กรุงเทพธุรกิจ
    [​IMG]


    -http://hilight.kapook.com/view/64719-

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [FONT=Tahoma,]ปรับตัวปรับใจในศูนย์อพยพ

    สดจากจิตวิทยา
    นฤภัค ฤธาทิพย์/กรมสุขภาพจิต


    จากการที่คนไทยประสบกับปัญหาอุทกภัยทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างต้องอพยพโยกย้ายจากบ้านเรือนของตน

    หลาย คนต้องมาอาศัยอยู่ร่วมกันในศูนย์พักพิง และการที่ผู้คนจำนวนมากมาอาศัยอยู่ด้วยกันแต่ละคนล้วนมาจากต่างที่ ต่างครอบครัว การอยู่ร่วมกันจึงอาจมีการกระทบกระทั่ง ไม่พอใจกันเกิดขึ้น ดังนั้น การอยู่ร่วมกันในศูนย์พักพิงให้มีความสุขเราจึงต้องรู้จักการปรับตัวปรับใจ โดยควรทำความรู้จักกับคนรอบข้าง หากิจกรรมทำร่วมกันหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่ทางศูนย์จัดให้ มีความเกรงใจเคารพในสิทธิของกันและกัน มีน้ำใจช่วยเหลือกัน ให้ความช่วยเหลือร่วมแรงร่วมใจกัน ที่สำคัญทำตามระเบียบและกติกาที่ทางศูนย์กำหนดเพื่อความเป็นระเบียบเรียบ ร้อยของส่วนรวม

    การอยู่ร่วมกันกับผู้คนจำนวนมากต้องอาศัยความอดทน ความพยายามในการปรับตัว เห็นอกเห็นใจ และช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน
    [/FONT]


    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hNVEUwTVRFMU5BPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHhNUzB4TkE9PQ==-

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...