พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไม่น่าจะจับเป็นเลย น่าจับตายครับ




    ---------------------------------------------

    จับสองคู่หูถ่อแพตระเวนลักทรัพย์ซ้ำเติมผู้ประสบภัย!

    [​IMG]

    [​IMG]


    นครบาลแถลงโชว์จับสองคู่หู ใช้แพขนาดใหญ่ออกตระเวนลักทรัพย์ตามศูนย์อาหารภายในตลาดยิ่งเจริญ ได้ของกลางจำนวนมาก สารภาพถูกน้ำท่วมแล้วไม่มีอะไรจะกินจึงคิดขโมยสิ่งของ

    วันนี้ (3 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. แถลงผลการจับกุม นายธนพล หรือกอล์ฟ เชาวนะกิจ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/2 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา และนายพวง หอมหวน อายุ 32 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป อยู่บ้านเลขที่ 57/1 ม.3 ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการ โดยสามารถจับกุมได้ที่ภายในศูนย์อาหารตลาดยิ่งเจริญ ถนนพหลโยธิน แขวงอนุเสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.

    พล.ต.ต.อำนวยเปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้ทาง บก.น.2 ได้สนธิกำลังร่วมกับสถานีตำรวจนครบาลบางเขน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และให้ความช่วยเหลือประชาชนอยู่ที่บริเวณตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งเป็นพื้้นที่ที่มีน้ำท่วม และมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าการก่อเหตุของผู้ต้องหาเป็นการซ้ำเติมแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมเป็นอย่างมาก

    จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก โดยใช้แพโฟมขนาดใหญ่ที่ทำขึ้นมาเอง ออกตระเวนลักทรัพย์ภายในร้านค้าและศูนย์อาหารเพียงรอบเดียว แล้วลากแพออกมา พร้อมของกลางจำนวนมาก โดยจะนำของที่ได้ไปรับประทานกันเองในครอบครัวเพราะเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่อาศัยแถวตลาดยิ่งเจริญเช่นกัน

    อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.อำนวยเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทาง สน.บางเขน สามารถจับกุมนายสวัสดิ์หรือวัส วัดศรีทานัง อายุ 37 ปี พร้อมของกลางเป็นเงินจำนวน 340 บาท ได้ที่แผงจำหน่ายสินค้าประเภทเสื้อผ้า ล็อก 3 ติดศูนย์จำหน่ายอาหาร โดยจับกุมได้ที่ตลาดสะพานใหม่ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าจะนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในช่วงประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปฝากขังแล้ว

    “ในสภาวะปัจจุบันนี้ได้เกิดเหตุภัยพิบัติน้ำท่วมขึ้นอย่างร้ายแรง การลักทรัพย์ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุอุทกภัย หรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น ตามมาตรา 335 (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นโทษที่มากกว่าเหตุการณ์ปกติ โดยการลักทรัพย์ เป็นการสร้างภัยที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมาเอง” พล.ต.ต.อำนวยกล่าว

    ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุอุทกภัย หรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุน้ำท่วม พร้อมทั้งนำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



    -http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000140167-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    พระราชดำรัส ในหลวง ปี 2538 ทรงแนะสร้างฟลัดเวย์




    [​IMG]


    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/wnBFkXUeblo" frameBorder=0 width=550 height=360 allowfullscreen=""></IFRAME>​


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    เผยพระราชดำรัสในหลวง 19 กันยายน 2538 ทรงแนะให้เวนคืนที่ดินกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เพื่อสร้างฟลัดเวย์ ป้องกันการเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ

    วานนี้ (3 พฤศจิกายน) รายการข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้อัญเชิญเทปบันทึกภาพและเสียงพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระราชทานไว้ในวันที่ 19 กันยายน 2538 หลังจากที่พายุดีเปรสชั่นไรอันพัดเข้ามาจนทำให้ฝนตกหนัก ทำให้น้ำเหนือจ่อเข้าท่วมกรุงเทพฯ โดยพระองค์ได้พระราชทานคำแนะนำว่า การแก้ปัญหาอุทกภัยควรจะมีการระบายน้ำทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ คือ ทางน้ำผ่านหรือเรียกว่า ฟลัดเวย์ เพื่อไม่ให้กรุงเทพฯ ฝั่งพระนครรับภาระหนักจนเกินไป แต่ฟลัดเวย์ด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ นี้ จะต้องมีเครื่องเร่งน้ำใกล้คันกั้นน้ำด้วย เพราะคลองแสนแสบ คลองลาดพร้าว คลองประเวศ คลองบางนา คลองสำโรง ไม่สามารถรับน้ำเหนือที่มาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ ต้องเร่งระบายน้ำให้ไวที่สุด ไม่เหมือนกับเขตพระนครที่ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) สามารถรับมือได้ เนื่องจากฝนตก (วันที่ 18 กันยายน 2538) แล้วแห้งเร็ว

    ในสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 มีพื้นที่สาธารณะร่วม 5 หมื่นไร่ แต่ขณะนี้ดูแล้วเหลือเพียง 3 พันไร่เท่านั้น ดังนั้นก็ต้องกล้าที่จะแก้ปัญหาโดยการเวนคืนที่ดินฟลัดเวย์ ถ้าไม่ทำเช่นนี้ หากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำเท่ากับหายนะแน่

    อีกปัญหาหนึ่งคือ การช่วยเหลือประชาชนจากน้ำท่วมโดยการให้เงินเพื่อฟื้นตัว จะทำให้ประชาชนขวัญเสีย เพราะคิดว่าท่วมแน่ ๆ อีกทั้งการช่วยของระบบราชการคงใช้เวลาร่วมปีถึงจะเสร็จ ดังนั้นการสร้างฟลัดเวย์จะเป็นการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิด และควรจะทำกรีนเบลต์ แปลว่า แนวเขียว ในสมัย 15 ปีก่อน ทว่าตอนนี้คงทำได้ลำบากแล้ว เพราะโรงงานสร้างขวางช่องทางน้ำหมด แต่ว่าถ้าสร้างแบบมีทางน้ำแคบ ๆ แล้วใส่เครื่องเร่งน้ำลงไป ก็น่าจะทำได้อยู่



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก มติชนออนไลน์
    [​IMG]

    -http://hilight.kapook.com/view/64412-

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ทีมกรุ๊ปเผยแผนที่ล่าสุด กทม.ชั้นใน ถูกน้ำล้อม

    [​IMG]

    รูปใหญ่ -http://www.tempf.com/getfile.php?id=1089829&key=4eb248ad2f7c5-

    http://www.tempf.com/getfile.php?id=1089829&key=4eb248ad2f7c5

    http://www.teamgroup.co.th/


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก TEAM Group

    ทีมกรุ๊ป อัพเดทแผนที่ล่าสุด เผย กรุงเทพชั้นในถูกล้อม เตือนให้เตรียมความพร้อมรับมือ

    เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน บริษัททีมกรุ๊ป ได้อัพเดทแผนที่เตือนภัยน้ำท่วมจากภาพถ่ายดาวเทียม ซื่งพบว่า ผืนน้ำได้ประชิดและเกือบจะเรียกว่า "กรุงเทพชั้นในกำลังถูกล้อมเป็นวงกลม" เนื่องจากทางตอนเหนือที่น้ำทยอยลงมาและท่วมไปหลายเขตแล้ว อีกทั้งทางตอนล่างแถวสมุทรสาคร สมุทรปราการ หรือบริเวณคลองขุนราชพินิจ คลองพิทยาลงกรณ์ น้ำก็ได้เข้าท่วมหมดแล้วเช่นกัน

    จากแผนที่ดังกล่าว สิ่งที่น่าวิตก คือ คันกั้นน้ำหลายจุดได้พังลง ไม่ว่าจะเป็น สายไหม บริเวณรังสิต และแถบบริเวณคลองสามเสน ปากเกร็ด ซึ่งขณะนี้ รัฐบาล ได้ฝากความหวังไว้กับ "บิ๊กแบ็ก" กระสอบทรายยักษ์ ที่ขวางทางน้ำอยู่

    นอกจากนี้ ทีมกรุ๊ป ก็ได้ย้ำเรื่องการรั่วซึมของพนังกั้นน้ำบนคันคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ด้านตะวันตกของประตูน้าจุฬาลงกรณ์ และน้ำที่ไหลล้นจำนวนมากในพนังกั้นน้ำบนคันคลองรังสิตประยูรศักดิ์ใกล้ตลาดรังสิต ดังนั้น ผู้ที่อยู่ใกล้คลองเปรมประชากร คลองประปา ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน และผู้ที่อยู่สะพานใหม่ บางบัว บางเขน เกษตร ลาดพร้าว โชคชัยสี่ สายไหม ให้เก็บของขึ้นที่สูง ระดับน้ำท่วมจะทรงตัวอยู่จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน และหมั่นตรวจตราพนังกั้นน้ำ ระบบไฟฟ้า ประปา อุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ รวมถึงสำรองอาหาร และน้ำดื่มให้เพียงพอ ประมาณ 3 วันด้วย


    -http://www.teamgroup.co.th/-

    -http://www.tempf.com/getfile.php?id=1089829&key=4eb248ad2f7c5-

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก กรุงเทพธุรกิจ
    [​IMG]

    -http://hilight.kapook.com/view/64383-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    แนวทางปฐมพยาบาลหลังถูกงูกัด ในภาวะน้ำท่วม





    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    เลขาธิการ สพฉ. สอนแนวทางปฐมพยาบาลเบื้องต้น หลังจากถูกสัตว์มีพิษที่มาจากอุทกภัยกัด

    ภาวะการเกิดน้ำท่วมครั้งนี้ ไม่ได้สร้างปัญหาแก่เพียงมนุษย์เท่านั้น แต่สร้างปัญหาให้แก่สัตว์ร้ายด้วยเช่นกัน อาทิ งู ตะขาบ ที่มีรังอยู่ใต้ดิน เมื่อน้ำท่วมจนหมด สัตว์เหล่านี้ก็ไม่มีที่อยู่ ไหลลอยไปกับสายน้ำ เข้าสู่พื้นที่ที่มนุษย์พักอาศัย จึงอาจจะทำให้เกิดเหตุร้ายจากสัตว์ร้ายเหล่านี้ได้ ดังนั้น นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จึงได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ขณะนี้มีผู้ประสบอุทกภัยหลายรายถูกสัตว์มีพิษที่มากับน้ำทั้งหลายกัด มากที่สุดคือ งู รองลงมาคือ ปลิง แมงป่อง และตะขาบ

    ทั้งนี้ หากถูกสัตว์ร้ายเหล่านี้กัด โดยเฉพาะงู ซึ่งเป็นสถิติถูกมันกัดอันดับหนึ่ง มีวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดังนี้

    1. ตั้งสติและตรวจสอบว่าเป็นงูมีพิษหรือไม่

    2. ล้างแผลให้สะอาด แต่ห้ามกรีดแผล ดุดแผล หรือกินยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน เพราะจะไปเสริมฤทธิ์กับพิษงู

    3. นอนนิ่ง โดยจัดส่วนที่ถูกงูกัดต่ำกว่าระดับหัวใจ อย่าเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็น

    4. ใช้ผ้าพันแผลผันเหนือแผลประมาณ 5-15 เซนติเมตร

    เมื่อทำครบขั้นตอนก็เตรียมนำผู้บาดเจ็บส่งสถานบริการสาธารณสุขโดยทันที ถ้าหากหยุดหายใจระหว่างทาง ก็ให้กดนวดหัวใจจนกว่าจะถึงมือแพทย์ หรือโทรหา 1669 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่ด้วยก็ได้

    นอกจากนี้ นพ.ชาตรี ยังให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพิษงูได้ 3 ชนิด คือ...

    1. เป็นพิษต่อระบบประสาท ทำให้เป็นอัมพาต อาจทำให้หยุดหายใจ ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง

    2. เป็นพิษต่อเลือด อาจทำให้เลือดไหลไม่หยุด ได้แก่ งูแมวเซา งูเขียวหางไหม้

    3. เป็นพิษต่อกล้ามเนื้อ ได้แก่ งูทะเล




    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก มติชนออนไลน์
    [​IMG]


    -http://health.kapook.com/view32774.html-

    .<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    นายกฯ น้อมรับทำฟลัดเวย์ ตามพระราชดำรัส




    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

    นายกรัฐมนตรี พร้อมน้อมนำพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำฟลัดเวย์แก้ปัญหาน้ำท่วมถาวร ยอมรับหนักใจทั้งเรื่องน้ำและความไม่เข้าใจของคน

    เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลจะน้อมนำพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำฟลัดเวย์แก้ปัญหาน้ำท่วมถาวร มาดำเนินการ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการที่รับผิดชอบการฟื้นฟูระบบน้ำอย่างถาวรเป็นผู้ดูแล

    พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังขอความร่วมมือจากประชาชนในการรักษาคันกั้นน้ำ เพราะการทำลายคันกั้นน้ำนอกจากจะไม่ทำให้น้ำลดลงแล้ว กลับจะยิ่งทำให้น้ำทะลักไหลแรง และขยายวงกว้างออกไป รวมทั้งทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ยากขึ้นด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่ารู้สึกหนักใจกับการแก้ปัญหา ซึ่งต้องต่อสู้กับทั้งเรื่องน้ำและเรื่องคน เป็นการทำงานที่ต้องประสานกับคนหมู่มาก มีทั้งเรื่องของความเครียดและอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงอยากขอความเห็นใจจากประชาชนด้วย พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่

    สำหรับกรณีการย้าย ศปภ. นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่ย้าย ศปภ.จากกระทรวงพลังงาน ไปที่อื่นอีกแม้ขณะนี้น้ำจะเข้ามาใกล้แล้วก็ตาม เพราะสามารถทำทางเชื่อมต่อเข้ามาได้ และหวังว่าการวางบิ๊กแบ็กจะสามารถชะลอน้ำได้


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG]

    -http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/47073/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF-%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%8C.html-

    -http://hilight.kapook.com/view/64390-

    ------------------------------------------------------------------
    ------------------------------------------------------------------


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“สุกำพล” เมินใช้ฟลัดเวย์ระบายน้ำ เชื่อวางบิ๊กแบ็กเสร็จจะเบาลง</TD><TD vAlign=baseline align=right width=102>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>4 พฤศจิกายน 2554 12:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม</TD></TR></TBODY></TABLE>

    รมว.คมนาคม เผยวางบิ๊กแบ็กเสร็จบ่ายวันนี้ เชื่อทำน้ำไหลเข้ากรุงเบาลง ระบายได้ดีขึ้น เมินใช้ฟลัดเวย์ระบายน้ำ ชี้น้ำไหลช้าและใช้เวลานาน เล็งใช้วิธีหยุดน้ำแทน โยนกทม.จัดการน้ำขังในพื้นที่ มั่นใจแผนระบบรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีคุมน้ำได้

    วันนี้ (4 พ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าในการวางแนวถุงทรายขนาดใหญ่ หรือบิ๊กแบ็ก บริเวณรางรถไฟเมืองเอก รังสิต ว่า สำหรับการดำเนินการวางบิ๊กแบ็คระยะทาง 6 กิโลเมตร จะเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายวันนี้ (4 พ.ย.) และจะได้มีการนำกระสอบทรายไปเสริมในส่วนที่บิ๊กแบ็คอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ และจะนำถังน้ำมันบรรจุทรายประมาณ 300 ใบ ไปวางเป็นกำแพงกั้นน้ำและวางกระสอบทรายอยู่ด้านบนตรงจุดทางลงดอนเมืองโทลล์เวย์ ตัดกับถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อเชื่อมต่อกับท่าอากาศยานดอนเมือง หากดำเนินการเสร็จสิ้นอาจจะมีบางจุดรั่วซึมบ้าง เพราะมีระยะทางที่ยาว ซึ่งก็ต้องแก้ไขกันไป อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกอย่างดำเนินการเสร็จสิ้น น้ำที่ไหลเข้ามาจะน้อยกว่าน้ำที่ระบายออก

    “ยืนยันว่าน้ำตรงจุดนี้จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้ข้ามไปฝั่งตะวันตก ทั้งนี้น้ำที่ระบายมี 2 ส่วน คือ 1.ดูดออกตามระบบระบายน้ำของ กทม. และ 2.สูบออกไปคลองรังสิตเพื่อออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดจะไปเสริมบิ๊กแบ็คที่บริเวณอื่น แต่จะทำการรักษาแนวคันกั้นน้ำตรงไว้ให้ดีเพื่อให้น้ำไหลลงมาน้อยที่สุด และเมื่อการวางเสร็จสิ้นสถานการณ์น้ำจะเบาบางลง” พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว

    รมว.คมนาคมกล่าวอีกว่า มีความเป็นห่วงเรื่องเส้นทางจราจร และศปภ.ได้แจ้งเตือนประชาชนไปว่าประชาชนต้องติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการเสนอให้ใช้ทางด่วนเป็นฟลัดเวย์ระบายน้ำนั้น ตนคิดว่าการที่น้ำจะเดินทางจากดอนเมืองมาถึงมักกะสันไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้น้ำที่มาทางวิภาวดีรังสิตไหลมาจากคลองระบายน้ำ ซึ่งเดินทางมาค่อนข้างช้า และใช้ระยะเวลานาน เราจึงใช้วิธีจะหยุดน้ำแทน นอกจากนี้ ในส่วนของระบบประปา ได้มีการดำเนินการกันอยู่ ยังไม่มีปัญหา และหากการวางบิ๊กแบ็คเสร็จสิ้น คลองประปาก็จะจบด้วย

    ผู้สื่อข่าวถามว่า น้ำที่ไหลเติมลงมาอาจจะแก้ไขได้ แต่น้ำที่ขังอยู่จะทำอย่างไร รมว.คมนาคมกล่าวว่า กทม.จะต้องแก้ไขไป เมื่อถามถึงระบบการป้องกันรถไฟฟ้าใต้ดิน รมว.คมนาคม กล่าวว่า รถไฟฟ้าใต้ดินมีระบบอยู่แล้วว่าถ้าน้ำสูงเท่าใดจึงจะปิด ซึ่งมีการออกแบบกันมาอยู่แล้ว ไม่ใช่การแก้ไขเฉพาะหน้า อย่างไรก็ตาม เราจะมีการประเมินแต่ละสถานี ซึ่งขณะนี้ยังสามารถวิ่งได้อยู่ เมื่อถามว่า รัฐบาลตระหนักใช่หรือไม่ว่าหากน้ำประปาล้มเหลว คนกทม.อยู่ไม่ได้แน่ รมว.คมนาคมกล่าวว่า คลองประปายังใช้ได้ที่บางเขน มหาสวัสดิ์ ซึ่งยังใช้ได้อยู่ โดยขณะนี้เราสามารถบล็อกน้ำที่คลองบางเขนได้แล้ว



    -http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000140717-

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กรุงเทพฯ ยังวิกฤต! ผบ.ทบ. เผยมีมวลน้ำเหลืออยู่มาก



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ประยุทธ์ เผย มีมวลน้ำเหนือจากอยุธยาและคลองรังสิตอีกมาก ย้ำต้องป้องกันประตูระบายน้ำคลองสามวาให้ได้ มิเช่นนั้นนิคมฯ บางชัน ห้วยขวาง วังทองหลางพังแน่

    วานนี้ (3 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มวลน้ำเหนือที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และคลองรังสิตยังมีอยู่มาก จึงต้องระบายน้ำออกทางประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ สู่คลองหกวาให้เร็วที่สุด ส่วนประตูน้ำคลองสามวากำลังป้องกันการบุกรุกอย่างเต็มกำลัง ถ้าหากป้องกันไม่ได้ จะทำให้น้ำทะลักสู่คลองแสนแสบ เข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมบางชัน และเขตห้วยขวาง วังทองหลางด้วย ด้านกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ก็ต้องเร่งระบายน้ำสู่แม่น้ำท่าจีนให้เร็วที่สุด ก่อนที่น้ำจะท่วมสูงกว่านี้

    ผบ.ทบ. ยังกล่าวอีกว่า น้ำท่วมสนามบินดอนเมืองทำให้การขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ มีปัญหา โดยเฉพาะกระสอบทรายยักษ์ ที่ต้องนำมาสร้างแนวปิดกั้นย่านเมืองเอก เพื่อทำให้น้ำท่วมในเขตดอนเมืองลดลง ก็ต้องขนส่งผ่านรถไฟแทน

    นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้วอนขอประชาชนว่า อย่าหงุดหงิดกับเรื่องรถทหารที่รับส่งที่บางครั้งรับส่งช้าไปบ้าง เพราะรถทหารไม่ใช่รถของ ขสมก. การที่รถทหารลุยน้ำมาตลอดเดือน ทำให้ได้รับความเสียหายร้อยละ 30-40 แล้ว รถทหารจึงขาดช่วง ต้องนำรถใหม่ที่จะต้องส่งให้ต่างจังหวัดมาใช้งานก่อน




    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก มติชนออนไลน์
    [​IMG]


    -http://hilight.kapook.com/view/64394-

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เว็บแรกของโลก เช็กสุขภาพน้อง"น้ำ" เกาะติดแบบ′เรียลไทม์′

    โดย กฤตยา เชื่อมวราศาสตร์


    [​IMG]

    ภาวะน้ำท่วมปีนี้ ขยายวงกว้างและสร้างความเสียหายมากกว่าเหตุน้ำท่วมครั้งไหนๆ ในประเทศไทย

    หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาประชาชน ต่างก็ถูกจับตามอง เช่น กรมชลประทานผู้ทำหน้าที่ดูแลระบบระบายน้ำ ทั้งน้ำทุ่งและน้ำท่า จนถูกมองว่าเป็นตัวการหนึ่งของอุทกภัยปีนี้

    แต่สิ่งหนึ่งที่ไหลหลากมากับน้ำ คือความหวาดวิตกว่าคุณภาพน้ำประปาอาจด้อยคุณภาพลง

    โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกที่มีข่าวหนาหูว่า ชาวบ้านรื้อคันกั้นน้ำบริเวณริมคลองประปา ทำให้น้ำที่ท่วมขังอยู่ ซึ่งอาจมีสภาพเน่าเสียหรือมีสารพิษปนเปื้อนไหลลงสู่คลองประปา ที่กักเก็บน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาของการประปานคร หลวง (กปน.)

    ด้วยเทคโนโลยีไร้สาย ที่ครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ ทำให้คนเดินดินกินข้าวแกง สามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำได้ด้วยตัวเอง

    หลังจากที่ การประปานครหลวง โดยฝ่ายคุณภาพน้ำ ติดตั้ง ระบบตรวจสอบคุณภาพน้ำระยะไกล ตั้งแต่ปี 2544 มีเครื่องแรกอยู่ที่โรงผลิตน้ำบางเขน ซึ่งได้รับมาตรฐาน ISO/IEC 17025 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทั่งปัจจุบันที่มีระบบนี้ครบทั้ง 20 สถานี

    โดยระบบตรวจสอบคุณภาพน้ำระยะไกล ออกแบบให้เก็บข้อมูลคุณภาพน้ำทุกๆ 10 วินาที โดยวัดจากพารามิเตอร์ซึ่งรายงานตัวแปร 2 ตัวที่ชี้วัดคุณภาพของน้ำประปาคือ "ปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือ ที่มีหน่วยเป็นมิลลิกรัม/ลิตร และความขุ่นของน้ำประปา ที่มีหน่วยเป็น เอ็นทียู" แล้วรายงานผลเป็นข้อมูลดิบปราศจากการตีความ เป้าหมายของระบบนี้คือ คงคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ตลอดเวลา

    ประชาชนสามารถเข้าไปยัง เว็บไซต์ www.mwa.co.th แล้วเลื่อนไปยังมุมล่างซ้ายของหน้าเว็บเพจ คลิก "คุณภาพน้ำ ณ เวลาปัจจุบัน" ก็จะทราบทันทีว่าน้ำประปาจากสถานีที่ให้บริการ และส่งน้ำมาให้เราใช้นั้น มีคุณภาพ ความปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานต่อการอุปโภคบริโภคหรือเปล่า

    ระบบตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาระยะไกลของการประปานครหลวง จึงเป็นเว็บไซต์แห่งแรกของโลกที่แสดงผลคุณภาพน้ำประปาแบบเป็นปัจจุบัน และอัพเดตข้อมูลทุก 10 วินาที

    จงกลนี อาศุเวทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพน้ำ กปน. บอกว่าระบบการตรวจสอบคุณภาพน้ำของ กปน.และอัพเดตทุก 10 วินาทีของ กปน. เป็นระบบที่ไม่ผ่านการประมวลผลใดๆ เป็นองค์กรเดียวที่เสนอตัวเลขจริง โดยระบบนี้ได้รับการยกย่องจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี)

    เมื่อคลิกที่ "คุณภาพน้ำ ณ เวลาปัจจุบัน" จะปรากฏภาพของแผนที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของการประปานครหลวง ที่มีสถานีสูบส่งน้ำ, สถานีสูบจ่ายน้ำ และสำนัก งานประปาสาขาต่างๆ ของ กปน. บนแผนที่ โดยมีตัวเลขปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือรายงานด้วยตัวอักษรสีเขียว และความขุ่นของน้ำประปารายงานด้วยตัวอักษรสีเหลือง

    น้ำประปาที่มีความปลอดภัย ต้องมีปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลืออย่างน้อย 0.2 มิลลิกรัม/ ลิตร แต่ไม่ควรเกิน 0.5 มิลลิกรัม/ลิตร เพื่อฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ที่แฝงอยู่ในน้ำ ส่วน ค่าความขุ่นนั้นต้องมีไม่เกิน 5 หน่วยความขุ่น

    เช่น การรายงานคุณภาพน้ำประปาของสถานีสูบส่งน้ำบางเขน 3 เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 รายงานว่ามีค่าคลอรีนอิสระคงเหลือ 2.78 มิลลิกรัม/ลิตร ส่วนค่าความขุ่นอยู่ที่ 1.07 เอ็นทียู แสดงว่าน้ำประปาที่ผลิตได้ยังมีความปลอดภัย แม้ว่าจะอยู่ในภาวะน้ำท่วมก็ตาม

    หลายคนอาจกังวลว่าน้ำประปาในช่วงน้ำท่วมเช่นนี้มีคุณภาพต่ำลง เพราะประชาชนบางพื้นที่ร้องเรียนกับสายด่วน กปน. 1125 ว่า น้ำประปามีกลิ่นคลอรีนแรงขึ้น และสีเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ที่เป็นเช่นนี้เพราะการเติมสารเคมีบางชนิดเพื่อให้น้ำประปามีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน

    "การพบว่าน้ำประปามีสีเหลือง เกิดเป็นความรู้สึกไม่ดีเป็นเพราะความเชื่อและความเคยชินว่าน้ำประปาต้องใส 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่เรายอมรับว่าน้ำสีแดง น้ำสีเขียว น้ำสีดำ ซึ่งมีรสหวานว่าดื่มกินได้ แต่สำหรับน้ำประปาที่มีสีเพี้ยนเพียงนิดเดียวเรากลับไม่ยอมรับ ทั้งที่สีของน้ำไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ"

    "ส่วนคลอรีนในน้ำประปาที่ประเทศส่วนใหญ่ ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ประชาชนบางพื้นที่อาจสังเกตว่ามีกลิ่นคลอรีนแรงกว่าปกติ เป็นเพราะเติมคลอรีนปริมาณมากขึ้น เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจซึมเข้ามาในท่อ แต่ยังมีความเข้มข้นน้อยกว่าในสระน้ำหรือสวนน้ำแน่นอน"

    "การมีคลอรีนในเส้นท่อ หมายถึงเชื้อโรคต่างๆ ที่อยู่ในน้ำถูกฆ่าตายหมดแล้ว ส่วนคนที่ดื่มน้ำประปาแล้วเกิดอาการท้องเสีย เกิดจากคลอรีนทำปฏิกิริยากับเชื้อโรคที่อยู่ในกระเพาะอาหารหรือสารพิษจำพวกโลหะหนัก" จงกลนีอธิบายสภาพน้ำประปา โดยมีผู้ร่วมตรวจสอบคุณภาพน้ำทั้งกรมอนามัย กรมควบคุมโรค

    หากใครยังกังขาในคุณภาพน้ำ จะต้มก่อนบริโภคก็ได้ ไม่ว่ากัน

    ข่าวรองผู้ว่าฯกทม. ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ต้องออกมาวิงวอนประชาชนอย่าพังเขื่อนคลองประปาด้วยเกรงว่าน้ำเสียจะทะลักลงคลองประปา ส่งผลกระทบถึงการผลิตน้ำประปาทั้งระบบ ทำให้ "มติชน" แวะเข้าไปในระบบเรียลไทม์ตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาอีกครั้ง พบว่า ตัวเลขที่สถานีสูบน้ำ ที่ "มหาสวัสดิ์" ตัวเลขค่าคลอรีน ปรากฏ คำว่า Error แทน

    ผอ.จงกลนีอธิบายว่า เป็นเพราะมีการเติมสารคลอรีนจนเครื่องวัดไม่ได้ เหตุที่ต้องเติมคลอรีนเป็นจำนวนมากเพื่อว่าให้คลอรีนนั้นไปได้ถึงที่ปลายสาย

    ส่วนที่สถานีสูบน้ำ "บางเขน" ที่ค่าตัวเลขวัดความขุ่นของน้ำ ปรากฏคำว่า Error "แสดงว่าต้องมีการทำความสะอาดหัววัด" ผอ.ฝ่ายคุณภาพน้ำ กปน. บอกพร้อมกับขอตัวเพราะติดประชุมด่วน

    แม้จะฟังดูเข้าใจแบบงงๆ ก็ตาม แต่อย่างน้อยจากการแถลงข่าวประจำวันของ กปน. ในวันเดียวกัน (1 พ.ย.2554) ที่ระบุว่า กปน.ได้ระดมพนักงานทุกสายงานช่วยกันป้องกันระบบการผลิตน้ำประปาและโรงสูบทุกแห่งเต็มที่ โดยจัดแนวป้องกัน 2-3 ชั้นแล้วแต่ความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ เช่น ที่โรงงานผลิตน้ำบางเขน ซึ่งเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดผลิตน้ำวันละ 3.6 ล้าน ลบ.ม. ได้ทำแนวป้องกันถึง 3 ชั้น ทั้งการสร้างคันกั้นน้ำให้พื้นที่โดยรอบสูง 4 เมตร และระบบระบายน้ำกำลังสูงเพื่อระบายน้ำที่อาจทะลักเข้ามาในพื้นที่

    ส่วนการป้องกันหัวใจของการผลิตน้ำซึ่งอยู่ชั้นในสุด เป็นการก่อกระสอบทรายสูง 4 เมตร ป้องกันระบบผลิตน้ำ เครื่องจักรกล และระบบไฟฟ้าแรงสูงทั้งหมด ให้ผลิตน้ำได้ต่อเนื่อง

    สร้างความเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ กปน.ทุกคนเฝ้าระวังคุณภาพน้ำประปาอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ

    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320390382&grpid=01&catid=&subcatid=-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    สธ.ห่วงโรคฉี่หนูระบาดหลังน้ำลด




    เผยหนูท่อในกทม. 1 ใน 3 พาหะนำโรคฉี่หนู หวั่นป่วยถึงหมื่นราย ระบุเชื้ออยู่ในน้ำได้นานกว่า 1 เดือน

    วันนี้ (4 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข มีความเป็นห่วงเรื่องโรคฉี่หนูมาก เกรงว่าจะมีการระบาดหลังน้ำลดจึงได้มอบหมายให้ตนไปประสานกับ กทม.เพื่อรีบกำจัดขยะต่าง ๆ เพราะจากข้อมูลพบว่า ในหนูท่อที่มีมากมายในกรุง กทม.นั้น 1 ใน 3 จะเป็นพาหะโรคฉี่หนู ในขณะที่ 2 ใน 3 จะมีเชื้ออยู่ ดังนั้นเป็นเรื่องอันตรายมากหากหลังน้ำลดแล้วไม่รับเก็บขยะ เชื่อว่าจะมีผู้ป่วยมากกว่า 1 หมื่นคนอย่างแน่นอน หากกำจัดขยะไม่ดี อย่างไรก็ตามสำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามบ้านเรือนไม่ต้องตกใจเพราะถ้าอากาศร้อนเชื้อจะตาย แต่กรณีที่มีเชื้อฉี่หนูอยู่ในน้ำในดิน โคลน หรือในอุณหภูมิ 28-32 องศาเซลเซียสจะสามารถอยู่ได้นานกว่า 1 เดือน ดังนั้นใครที่มีไข้สูงเกิน 3 วัน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ตาแดง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ทั้งนี้ในส่วนของ สธ.ได้มีการจัดสรรงบประมาณ 2 ล้านบาทเพื่อซื้อรองเท้าบูทคาดว่าจะดำเนินได้เร็ว ๆ นี้ ส่วนใหญ่คงจะแจกจ่ายให้กับบุคลากรที่ปฏิบัติงานที่ต้องเดินลุยน้ำ.

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=38&contentID=174077-

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    สื่อต่างชาติชู 'ในหลวง' ทรงเตือนอุทกภัย หลาย 'รัฐบาล' เมิน

    สื่อต่างประเทศ "เอพี" รายงานบทความเชิดชูพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงมีแนว ทางแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน ถึงขนาดทรงเคยเตือนให้ระวังน้ำท่วมใหญ่ เพราะการตัดไม้ทำลายป่าทางภาคเหนือ ทำให้น้ำทะลักเข้ามาถึงอย่างรวดเร็ว ยังทรงชี้แนะให้ผันน้ำลงทะเลโดยตรงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญก็ชื่นชมพระราชดำริของพระองค์ท่านในการบริหารจัดการน้ำ กทม.ยัน บริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง ก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา และหาพื้นที่ทำแก้มลิง

    เมื่อวันที่ 3 พ.ย. สำนักข่าวเอพีรายงานบทความเรื่อง “ประเทศไทยกับพระมหากษัตริย์ผู้ทรงต่อสู้กับเรื่องน้ำ” โดยนายเดนิส ดี. เกรย์ว่า สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจากหน้าต่างชั้นที่ 16 ของโรงพยาบาลศิริราชในกรุงเทพฯ พระองค์ทรงเผชิญกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่กำลังท้าทายอย่างแท้จริง ทรงอยู่กับน้ำที่กำลังรายล้อมมากขึ้น เข้าท่วมกรุงเทพฯ หลายพื้นที่ และกระแสน้ำเอ่อล้นจากสองฟากฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นที่ประทับของพระองค์ซึ่งเสด็จมาประทับรักษาพระอาการประชวร

    บทความของเอพีรายงานต่อไปว่า น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี เป็นสิ่งที่พระองค์เพียรพยายามอย่างหนักในการป้องกันมาตลอด และทรงเคยเตือนแต่ไม่มีใครใส่ใจต่อการที่น้ำมาถึงอย่างรวดเร็ว และทรงมีแนวคิดต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเสียหายจากการหนุนของน้ำทะเลจำนวนมหาศาลในแต่ละปี และการรับมือกับฤดูน้ำหลาก

    วิกฤติน้ำท่วมในขณะนี้ของไทย ได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วเกือบ 400 ศพ และไร้ที่อยู่อาศัย 110,000 คน ซึ่งถือเป็นบทเรียนแสนแพงของการเมินเฉยคำเตือนของพระองค์ และการฝืนควบคุมพลังธรรมชาติที่มีศักยภาพเหนือกว่ากำลังคน นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า ในการจัดการกับปัญหาน้ำท่วม ไทยไม่มีใครที่มีความสามารถในการประสานงาน และวางแผนการจัดการน้ำให้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ทัดเทียมพระองค์ท่าน

    แม้ในเวลานี้ กรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทยกำลังดิ้นรนต่อสู้อย่างหนักกับมวลน้ำไหลทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งพระองค์ก็ยังทรงแนะนำถึงแนวทางการผันน้ำจากตอนเหนือลงสู่ทะเลโดยตรง ที่เป็นหนทางดีที่สุด แต่ปัจจุบันไม่เหมือนอดีต เพราะคำแนะนำของพระองค์ไม่อาจโน้มน้าวให้ภาครัฐดำเนินการตามที่รับสั่งได้

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีโครงการจัดการน้ำแห่งแรกเมื่อปี 2506 เพื่อกักเก็บน้ำจืดและป้องกันน้ำทะเลบุกรุกเข้ามาในแหล่งน้ำจืดของ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนถึงทุกวันนี้ พระองค์ทรงมีโครงการพระราชดำริมากกว่า 4,300 โครงการ และโครงการเหล่านี้ร้อยละ 40 เป็นโครงการที่เกี่ยวกับการบริหารและการจัดการแหล่งน้ำ

    นายเดวิด เบลค ผู้เชี่ยวชาญทางน้ำแห่งมหาวิทยาลัยอีสต์ แองเกลีย ในอังกฤษ ซึ่งทำวิจัยเกี่ยวกับน้ำในประเทศไทย บอกว่า นโยบายด้านการบริหารและการจัดการน้ำของไทย ส่วนใหญ่มาจากพระราชดำริ ที่ในหลวงทรงทุ่มเทมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 40 ปี ในการดำเนินการ

    ขณะที่นายโดมินิค เฟาเดอร์ บรรณาธิการ อาวุโสหนังสือเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้า
    อยู่หัว ที่กำลังจะตีพิมพ์ กล่าวว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจเอเชียเฟื่องฟู พระองค์ก็ทรงเฝ้าเตือนประชาชนเกี่ยวกับอุทกภัย การจราจรติดขัด และความทุกข์ยากต่าง ๆ

    เฟาเดอร์กล่าวต่อไปว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความมุ่งมั่นในความพยายามแก้ไขปัญหา และข้อเท็จจริงคือสิ่งที่ประชาชนกำลังได้เห็นในตอนนี้ ในหลวงทรงตั้งชื่อโครงการป้องกันน้ำท่วมว่า “แก้มลิง” โดยอธิบายจากพฤติกรรมของลิงที่พระองค์ทรงเลี้ยงครั้งยังทรงพระเยาว์ ซึ่งลิงเก็บกล้วยหรืออาหารอื่นไว้ที่กระพุ้งแก้มให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะกลืนลงคอในภายหลัง ดังนั้นเมื่อเปรียบกับน้ำที่ไหลลงจากทางเหนือ จะเข้าสู่แก้มลิง ซึ่งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ก่อนระบายลงสู่ทะเล หรือกักเก็บไว้เพื่อการชลประทาน ส่งผลให้กรุงเทพฯไม่เคยจมน้ำมาเป็นเวลานานหลายสิบปี

    อย่างไรก็ตาม นายเบลคกล่าวอีกว่า โครงการนี้จะมีชุมชนบางส่วนรอบกรุงเทพฯ ต้องเสียสละเพื่อปกป้องใจกลางเมืองหลวง และบางครั้งหน่วยราชการก็ผันน้ำเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรแทนที่จะเป็นแหล่งเก็บน้ำ แต่เวลานี้พื้นที่ที่สามารถเป็นแก้มลิงทางตะวันตก ตะวันออกและทางเหนือของเมือง กลายสภาพเป็นเขตอุตสาหกรรม บ้านเรือน สนามกอล์ฟ และสนามบินนานาชาติไปแล้ว

    ช่วงต้นปี 2514 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเตือนว่า การตัดไม้ทำลายผืนป่าในแถบภาคเหนือ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในอนาคต เนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า ไปลดประสิทธิภาพการดูดซับน้ำของดิน ซึ่งทุกวันนี้มีการยอมรับกันแล้วว่า ปัจจัยดังกล่าวมีส่วนทำให้เกิดน้ำท่วม ขณะที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เปิดเผยว่า ในหลวงทรงให้ความสำคัญต่อการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งประเทศ และส่งเสริมให้เรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็นวาระแห่งชาติ อีกทั้งพระองค์ยังทรงประดิษฐ์กังหันน้ำชัยพัฒนาต้นทุนต่ำ จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และทำให้พระองค์เป็นกษัตริย์องค์แรกของโลกที่ได้รับรางวัลเทิดพระเกียรติจากนานาชาติด้วยรางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญาจากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาไวโป

    ด้าน นายจุมพล สำเภาพล รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า การดำเนินงานของ กทม. ในการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปี 2538 นั้น กทม.ได้ดำเนินการโดยใช้มาตรการป้องกันน้ำท่วมและระบายน้ำ ในการสร้างระบบพื้นที่ปิดล้อม ประกอบด้วย แนวป้องกันน้ำเข้าพื้นที่ ระบบลำเลียงน้ำออกจากพื้นที่ และระบบพื้นที่ว่างเพื่อพักน้ำไว้ชั่วคราว โดยหลักการทำงานพื้นที่ปิดล้อมขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ ประกอบด้วยโครงสร้างถาวร คันกั้นน้ำตะวันออก แนวป้อง กันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมติดตั้งสถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ อุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ปิดล้อม และจัดหาพื้นที่แก้มลิงให้เพียงพอ

    แนวคันกั้นน้ำฝั่งตะวันออกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มีความยาว 72 กม. ความสูง 2.50 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2529 นั้น กทม. ได้ร่วมกับกรมชลประทาน ในปี 2549 ในการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมและระบบระบายน้ำเพิ่มเติม โดยก่อสร้างทำนบป้องกันน้ำไหลบ่า ตามแนวคลองแยกคลองหกวาสายล่าง คลองแสนแสบ คลองนครเนื่องเขต คลองหลวงแพ่ง ขุดลอกคลองระบายน้ำหลักหลายสาย รวมถึงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำที่คลองหกวาสายล่าง คลองแสนแสบและคลองประเวศบุรีรมย์ เพื่อช่วยระบายน้ำออกจากพื้นที่และไหลลงสู่ทะเลโดยเร็ว

    แนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ ระยะทาง 77 กม.ระดับความสูง 2.50 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง กทม. ได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นเวลา 15 ปี ตั้งแต่ปี 2539 แล้วคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2554 ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างไปแล้ว 75.8 กม. ทั้งนี้ยังคงมีอุปสรรคในการก่อสร้างเนื่องจากประชาชนในพื้นที่หลายครัวเรือนก่อสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำแม่น้ำ ทั้งนี้ กทม. ยังตั้งเป้าที่จะขยายแนวป้องกันน้ำท่วมให้มีความยาวเป็น 86 กม.

    โครงการแก้มลิงเป็นการพัฒนาพื้นที่ว่างในทำเลที่เหมาะสมมาเป็นสถานที่เพื่อเก็บกักน้ำฝนไว้ชั่วคราว รอให้ระดับน้ำในทางระบายต่ำลงแล้วจึงค่อยระบายน้ำในที่กักเก็บออกไป โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯด้านตะวันออก ซึ่ง กทม. ได้จัดหาพื้นที่แก้มลิงได้แล้ว 12.75 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเป็นพื้นที่แก้มลิงในฝั่งพระนคร 20 แห่ง เก็บกักน้ำได้ประมาณ 6.75 ล้านลูกบาศก์เมตร ฝั่งธนบุรี 1 แห่ง กักเก็บน้ำได้ประมาณ 6 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนด้านตะวันออกยังต้องหาพื้นที่เก็บกักน้ำอีก 6.25 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงจะเพียงพอในการรองรับปริมาณน้ำฝนและป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ กทม. ยังได้ประสานกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน หาพื้นที่ว่างเพิ่มเติม ซึ่งได้มา 6 แห่ง สามารถเก็บกักน้ำได้ ประมาณ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร

    ส่วนโครงการอื่น ๆ ที่เป็นการสนับสนุนระบบพื้นที่ปิดล้อมให้มีประสิทธิภาพ คือระบบระบายน้ำที่มีสถานีสูบน้ำ 150 แห่งทั่วกรุงเทพฯ อุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ 7 แห่ง และขณะนี้ได้มีการเตรียมการก่อสร้าง อุโมงค์ยักษ์อีก 3 แห่ง ได้ตั้งเป้าดำเนินการให้แล้วเสร็จในอีก 5 ปีข้างหน้า.



    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=38&contentID=173934-

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เตือนบ้านเจอท่วมนานเสี่ยงทรุด


    วสท.เตือนน้ำท่วมบ้านนาน มีโอกาสทรุด-พังได้ เตรียมส่งทีมวิศวอาสาช่วยตรวจหลังน้ำลด


    นายธเนศ วีระศิริ เลขาธิการ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า อาคารบ้านเรือนที่แช่น้ำอยู่นานๆ จะเกิดปัญหากับโครงสร้างได้ เมื่อความชื้นจากน้ำเข้าไปทำปฏิกิริยากับเหล็กที่อยู่ด้านในเสา หรือคานที่เป็นโครงสร้างของอาคารจนทำให้เกิดสนิมขึ้นข้างใน
    เมื่อเกิดสนิมในเหล็กที่เป็นโครงสร้าง จุดสังเกตคือ การเกิดรอยแตกร้าวขึ้นตามคาน และเสา ของอาคาร ซึ่งส่งผลกระทบกับการรับน้ำหนักอาคาร หากไม่ตรวจสอบหลังน้ำลด จะเกิดปัญหาบ้านทรุด หรือเอียงได้
    นอกจากนี้ดินที่แช่น้ำอยู่นานจะเกิดการชุ่มตัวการรับแรงจะลดลง ถ้าเสาเข็มยาวไม่พอก็อาจจะเกิดปัญหาทำให้อาคารทรุดตัวลงมาได้ ส่วนอาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำอาจจะเกิดปัญหาดินทรุดตัวได้ แต่ทั้งนี้ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นล้วนแก้ไขได้ในทางวิศวกรรม แต่จำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด
    โดยขณะนี้ วสท. ได้ตั้งศูนย์ตรวจสอบอาคารด้านวิศวกรรมหลังอุทกภัยขึ้น โดยจะมีวิศวกรอาสา ให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้กับผู้ประสบภัยผ่านทางโทรศัพท์ และหลังน้ำลดจะลงไปตรวจสอบในพื้นที่ให้ด้วย สำหรับประชาชนที่ต้องการคำแนะนำ ให้โทรมาฝากชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ได้ที่ 08-0812-3733, 08-0812-3743, 08-0812-2853


    -http://www.posttoday.com/บ้าน-คอนโด/119878/เตือนบ้านเจอท่วมนานเสี่ยงทรุด-

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    คนที่เลือกเขามาบริหารประเทศคงต้องเก่งกว่านะครับพี่ท่าน คนไทยต่างกับฝรั่งตรงที่ เขาให้อภัยแต่ไม่ลืม ส่วนคนไทยไม่ให้อภัยแต่ขี้ลืม เชื่อเถอะพอผ่านช่วงนี้ไปเขาเอาเงินไปให้ พูดถึงนโยบายเพ้อฝันทำให้คนเคลิ้มกาให้อีกละครับพี่ จะไปโทษใครได้ละครับ ลงคะแนนกาเองนี่ครับ เก่งยังไงก็แพ้ลิขิตจากฟ้าจริงๆ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ถ้าอย่างนั้น ต้องฉลาดรู้(ทัน) ฉลาดคิด(เป็น) ฉลาดกา(ถูก) ใช้หรือเปล่า

    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:


    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ระวังสวมรองเท้าบูทนาน เกิดผื่นคันได้ง่าย




    ระวังสวมบู๊ตนาน เกิดผื่นคันจนได้ (ไทยโพสต์)

    ผอ.สถาบัน โรคผิวหนังเผย มีผู้ป่วยด้วยอาการผื่นคันเข้ารับการรักษาที่สถาบันแล้วกว่า 100 ราย แต่สถานการณ์ยังไม่น่าวิตก เตือนผู้สวมบูทตลอดเวลาก็อาจเกิดผื่นคันได้ง่ายเช่นกัน เพราะเท้าอับชื้น

    นพ.จิโรจ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ระหว่างเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ สถาบันโรคผิวหนังได้เปิดให้บริการประชาชนตามปกติ ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งพบว่าขณะนี้มีประชาชนป่วยด้วยอาการผื่นแพ้ ผื่นคัน ตามง่ามมือ ง่ามเท้ากันมากขึ้น เข้ารักษาที่สถาบันวันละกว่า 20 ราย ส่วนมากเกิดจากการแพ้สิ่งปฏิกูลและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร

    กรณี ที่หนักสุดเป็นผิวหนังอักเสบ ซึ่งเกิดจากดูดซับความชื้นเป็นเวลานานทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการทายา แต่บางรายมีบาดแผลเป็นแผลเปิดวงกว้าง ก็ ต้องกินยาแก้อักเสบด้วย ซึ่งจากจำนวนผู้ป่วยกว่า 100 รายที่มารักษา พบแค่ 1 รายมีอาการติดเชื้อรา จึงไม่ถือว่ามีการระบาดเกี่ยวกับโรคติดเชื้อทางผิวหนังที่รุนแรง ซึ่งแพทย์จะสั่งยาแก้ผื่นคันให้ และอาการผิวหนังติดเชื้อราจะหายไปในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์

    นพ.จิโรจกล่าวว่า ใน สภาวะเช่นนี้ การสวมใส่รองเท้าบูทเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรสวมใส่ตลอดเวลา เนื่องจากรองเท้าบูทจะเก็บความอับชื้นทำให้เท้าแฉะ เสี่ยงต่อการเกิดผื่นคันได้ง่ายเช่นกัน ไม่ต่างจากการเดินลุยน้ำสกปรก หรือแช่เท้าในน้ำนาน ๆ ดังนั้นถ้าน้ำไม่สกปรกมาก และมีสถานการณ์การท่วมแค่บางช่วง แนะนำให้ถอดรองเท้าบูทออกเพื่อให้เท้าไม่อับชื้นจนเกินไป

    "หาก มีการดูแลร่างกายที่ดีและหลีกเลี่ยงสิ่งปฏิกูลในน้ำ ก็สามารถป้องกันอาการผื่นคันได้แล้ว ดังนั้นขอให้ประชาชนเฝ้าระวังตัวเองให้มาก และพยายามแยกภาชนะหรือเครื่องใช้ไว้ในที่ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการละลายรวมกับน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน แต่กรณีมีน้ำระบายตลอดเวลาก็ไม่ถือว่าอันตราย" นพ.จิโรจ กล่าว



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://thaipost.net/x-cite/021111/47473-
    [​IMG]




    -http://health.kapook.com/view32810.html-

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    บก.จร.แจ้งเส้นทางควรเลี่ยงน้ำท่วมขัง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</td> <td class="date" align="left" valign="middle">4 พฤศจิกายน 2554 13:25 น.</td></tr></tbody></table>

    บก.จร.แจ้งเส้นทางปิดการจราจร และเส้นทางควรหลีกเลี่ยงน้ำท่วมขัง

    วันนี้ (4 พ.ย.) เวลา 10.00 น. บก.จร.แจ้งข้อมูลเส้นทางปิดการจราจร และเส้นทางควรหลีกเลี่ยงน้ำท่วมขัง มวลน้ำเข้าท่วมพื้นที่เพิ่มเติม ดังนี้

    ทิศเหนือ ถนนสายรอง ปิดการจราจรเพิ่มจำนวน 4 สาย
    1. ถ.พระยาสุเรนทร์ ปิดการจราจรตลอดสาย
    2. ถ.เทอดราชันย์ ปิดการจราจรตลอดสาย
    3. ถ.แจ้งวัฒนะ ซ.5 ปิดการจราจรตลอดสาย
    4. ถ.ช่างอากาศอุทิศ ปิดการจราจรตลอดสาย

    ทิศตะวันตก ถนนสายรอง ปิดการจราจรเพิ่ม จำนวน 11 สาย
    1. ถ.กาญจนาภิเษก จากสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถึงคลองบางไผ่
    2. ถ.ราชพฤกษ์ ตั้งแต่ตัด ถ.บรมฯ ถึงสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์
    3. ถ.สวนผัก ตั้งแต่แยกกาญจนา ถึงสะพานข้ามทางรถไฟ
    4. ถ.บางระมาด ตั้งแต่ตัด ถ.กาญจนา ถึงตัด ถ.ราชพฤกษ์
    5. ถ.ทวีวัฒนา ตั้งแต่คลองทวีวัฒนา ถึงตัด ถ.กาญจนาภิเษก
    6. ถ.ทวีวัฒนา ตั้งแต่ประตูระบายน้ำทวีวัฒนา ถึงคลองบางไผ่
    7. ถ.พุทธมณฑลสาย 1 ตั้งแต่ขนส่งรถไฟสายใต้ ถึงคลองบางไผ่
    8. ถ.ทุ่งมังกร ตั้งแต่ตัด ถ.บรมฯ ถึงตัด ถ.สวนผัก
    9. ถ.ฉิมพลี ตั้งแต่ตัดแยกทุ่งมังกร ถึงหน้าสน.ตลิ่งชัน
    10. ถ.ชัยพฤกษ์ ตั้งแต่ตัด ถ.บรมฯ ถึงตัดวัดชัยพฤกษ์
    11. ถ.บางแวก ตั้งแต่คลองทวีวัฒนา ถึงสน.บางเสาธง

    ทิศเหนือ เส้นทางควรเลี่ยง (เพิ่มเติม)
    1. ถ.พหลโยธิน จากแยกรัชโยธิน ถึงห้าแยกลาดพร้าว ระดับน้ำ 40 ซม.
    2. ถ.วิภาวดีรังสิต จากต่างระดับรัชวิภา ถึงห้าแยกลาดพร้าว ระดับน้ำ 40 ซม.
    3. ถ.บูรพา (ดอนเมือง) ระดับน้ำ 50 ซม.
    4. ถ.ลาดพร้าว จากแยกวังหิน หน้าวัดใหม่เสนา ระดับน้ำ 30 ซม.
    5. ถ.ลาดปลาเค้า ตั้งแต่แยกตัด ถ.ประเสริฐมนูญกิจ ถึงหน้าวัดลาดปลาเค้า ระดับน้ำ 30 ซม.

    ทิศตะวันออก เส้นทางควรเลี่ยง
    1. ถ.นิมิตรใหม่ มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 40 ซม.
    2. ถ.ไมยลาภ มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 50 ซม.

    ทิศเหนือ เส้นทางควรหลีกเลี่ยง รถยนต์ขนนาดเล็กผ่านไม่ได้ (เพิ่มเติม)
    - ถ.นาวงประชาพัฒนา ตลอดสาย ระดับน้ำ 47 ซม.
    - ถ.คู้บอน ขาเข้า - ขาออก ตั้งแต่ ซ.คู้บอน 19 ถึงหน้าสน.คันนายาว ระดับน้ำ 30 ซม.

    -http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000140737-

    ------------------------------------------------------------

    ประกาศปิดการจราจร 29 เส้นทางน้ำท่วม! <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</td> <td class="date" align="left" valign="middle">4 พฤศจิกายน 2554 12:07 น.</td></tr></tbody></table>

    ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร ประกาศปิดการจราจร 29 เส้นทาง และเส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยงจากน้ำท่วมสูงอีก 10 เส้นทาง

    วันนี้ (4 พ.ย.) ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร กองบัญชาการตำรวจนครบาล ประกาศเส้นทางที่ปิดการจราจร และเส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยง โดยขณะนี้มีเส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยงจากน้ำท่วมสูง 10 เส้นทาง แยกเป็นด้านทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ควรหลีกเลี่ยงเส้นทาง ถนนสายไหม ขาเข้า-ขาออก น้ำท่วมขังตลอดสาย ระดับน้ำ 40-60 เซนติเมตร ถนนประเสริฐมนูญกิจ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกเกษตร ถึงแยกลาดปลาเค้า ระดับน้ำ 50 เซนติเมตร ถนนเสนานิคม 1 ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกเสนานิคม ถึงแยกวังหิน ระดับน้ำ 30 เซนติเมตร ถนนนวมินทร์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ซอยนวมินทร์ 163 ถึงแยกรามอินทรา กิโลเมตรที่ 8 ระดับน้ำ 40 เซนติเมตร ถนนรัชดาภิเษก ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกรัชโยธิน ถึงทางต่างระดับรัชวิภา ระดับน้ำ 30 เซนติเมตร บริเวณแยกวัดเสมียนนารี ระดับน้ำ 60 เซนติเมตร

    ขณะที่ด้านทิศตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ควรหลีกเลี่ยงเส้นทาง ถนนสุวินทวงศ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกไปรษณีย์มีนบุรี ถึงตัดถนนร่มเกล้า ระดับน้ำ 50 เซนติเมตร ซึ่งหากจะเดินทางไปจังหวัดฉะเชิงเทรา สามารถเลี่ยงใช้ถนนรามคำแหงเชื่อม ถนนร่มเกล้า ถนนมอเตอร์เวย์ ถนนบางนา-ตราด และทางยกระดับบูรพาวิถี ถนนราษฎร์อุทิศ มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 20-30 เซนติเมตร ถนนประชาร่วมใจ มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 20-30 เซนติเมตร ถนนหทัยราษฎร์ตัดสุวินทวงศ์ (แยกพาณิชยการมีนบุรี) ระดับน้ำ 30 เซนติเมตร

    ส่วนเส้นทางที่ต้องปิดการจราจรมีทั้งสิ้น 29 เส้นทางแล้ว แยกเป็นด้านทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ถนนสายหลัก ปิดการจราจร 5 สาย ได้แก่ ถนนวิภาวดี-รังสิต ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ซอยวิภาวดี 46 ถนนพหลโยธิน ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกอนุสรณ์สถาน ถึงแยกเสนานิคม ถนนแจ้งวัฒนะ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่วงเวียนบางเขน ถึงแยกคลองประปา ถนนรามอินทรา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกวงเวียนบางเขน ถึง กิโลเมตรที่ 4 (ซอยรามอินทรา 39) ถนนงามวงศ์วาน ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกพงษ์เพชร ถึงแยกเกษตร

    ขณะที่ ถนนสายรอง ปิดการจราจร 12 สาย ได้แก่ ถนนกำแพงเพชร 6 (ถนนโลคัลโรด) ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่หน้าหมู่บ้านเมืองเอก ถึงหน้าสถานีทุ่งสองห้อง ถนนสรงประภา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกศรีสมานถึงแยก กสบ. ถนนเชิดวุฒากาศ ถนนโกสุมร่วมใจ ถนนเดชะตุงคะ ถนนเวฬุวนาราม( วัดไผ่เขียว) ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 14 ถนนเพิ่มสิน (พหลโยธิน 54/1- ถ.สุขาภิบาล 5) ถนนสุขาภิบาล 5 ปิดการจราจรตลอดสาย ถนนเลียบคลองสอง ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกพลาธิการกองทัพอากาศ ถึงแยกสะพานปูน ถนนจันทรุเบกษา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยก โรงเรียนนายเรืออากาศ (คปอ.) ถึงแยกจันทรุเบกษา ถนนวัชรพล ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกตัดถนนเพิ่มสิน ถึงห้าแยกวัชรพล

    ด้านทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ถนนสายหลัก ปิดการจราจร 8 สาย ได้แก่ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกบางขุนนนท์ ถึง สะพานพระราม 7 ถนนสิรินธร ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกบางพลัดถึงทางต่างระดับสิรินธร ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าถึงแยกบรมราชชนนี ถนนอรุณอมรินทร์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกอรุณอมรินทร์ถึงแยก โรงพยาบาลศิริราช ถนนบรมราชชนนี ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกบรมราชชนนีถึงทางต่างระดับสิรินธร (สายใต้เก่า) ถนนทางคู่ขนานลอยฟ้า ปิดการจราจรตลอดสาย ไม่สามารถลงพื้นราบได้ ถนนบรมราชชนนี (ช่วงพุทธมณฑล) ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ แยกพุทธมณฑลสาย 4 ถึงแยก ถนนราชพฤกษ์ ถนนเพชรเกษม ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ แยกพุทธมณฑลสาย 4 ถึงพุทธมณฑลสาย 1 ส่วนถนนสายรอง ปิดการจราจร 4 สาย ได้แก่ ถนนพุทธมณฑลสาย 2 พุทธมณฑลสาย 3 ถนนอุทยาน ถนนศาลาธรรมสพน์ ปิดการจราจรตลอดสาย


    -http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000140686-

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    "คาร์รา"อวยพรคนไทยพ้นวิกฤตน้ำท่วม <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">5 พฤศจิกายน 2554 06:27 น.</td></tr></tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> คาร์ราเกอร์ แสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อแฟนๆที่โดนน้ำท่วม




    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็เป็นห่วงแฟนบอลเช่นกัน</td> </tr> </tbody></table>
    [​IMG]

    เจมี คาร์ราเกอร์ กองหลังของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ออกมาอวยพรให้แฟนบอลชาวไทยทุกคนที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัย ผ่านพ้นวิกฤตและกลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว ผ่านทางสื่อวีดีโอ LFCTV ของสโมสร



    ก่อนหน้านี้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงแฟนบอลชาวไทยที่ประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนักในเวลา นี้ให้ผ่านช่วงเวลาวิกฤตโดยเร็ว ผ่านทาง "ทวิตเตอร์" ของตัวเอง ล่าสุด เจมี คาร์ราเกอร์ กองหลังของหงส์แดง ก็ร่วมส่งข้อความให้กำลังใจแฟนบอลชาวไทยด้วยเช่นกัน

    โดยข้อความในวีดีโอ ระบุว่า "สวัสดีครับ ผม เจมี คาร์ราเกอร์ จากสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ผมใคร่ขอส่งความปรารถนาดีมายังแฟนๆที่เมืองไทย ที่ตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ผมขออวยพรให้คุณ รวมถึงเพื่อนๆและครอบครัวของคุณ กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และคุณจะไม่มีวันเดินอย่างเดียวดาย"


    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000141020-

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    สื่อนอกเผยไทยเทียบไม่ติด5อุทกภัยเลวร้ายสุดในโลก <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">5 พฤศจิกายน 2554 03:27 น.</td> </tr></tbody></table>

    <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> "เดอะ คริสเตียน ไซเอินซ์ มอนิเตอร์ - สื่อออนไลน์ต่างชาติเผยแพร่สกู๊ปจัดอันดับ 5 อุทกภัยเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก ขณะที่ปัญหาน้ำท่วมไทยแม้ก่อความเสียหายมหาศาลก็ยังเทียบไม่ได้ภัยพิบัติ ล้างผลาญเหล่านั้น

    เว็บไซต์ "เดอะ คริสเตียน ไซเอินซ์ มอนิเตอร์" ระบุในบทความเรื่อง "Thailand floods pale beside five worst floods in history" ว่าอุทกภัยในปีนี้ของไทยที่เวลานี้กำลังคุกคามกรุงเทพฯและคร่าชีวิตชาวบ้าน ไปแล้วกว่า 437 ศพ พร้อมก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล แต่ยังห่างไกลกับการได้รับจารึกว่าเป็นวิกฤตน้ำท่วมเลวร้ายที่สุดในประวัติ ศาสตร์ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเหตุอุทกภัยในสหรัฐฯจากเหตุการณ์เชื่อนเซาต์ ฟอร์ค ในจอห์นสทาวน์ มลรัฐเพนซินเวเนียแตกในวันที่ 31 พฤษภาคม 1889 หลังมีฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 2,000 ศพ

    อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ก็ยังไม่ติดอันดับอุทกภัยที่มีประชาชนต้อง สังเวยชีวิตมากสุดในประวัติศาสตร์โลกเช่นกัน และทางเว็บไซต์ เดอะ คริสเตียน ไซเอินซ์ มอนิเตอร์ จึงได้เผยถึง 5 อุทกภัยล้างผลาญชีวิตผู้คนมากที่สุด โดยทั้งหมดเกิดขึ้นที่ประเทศจีน แต่มีต้นตอแตกต่างกันออกไป

    อันดับ 5 แม่น้ำ Hong-Ru 1975
    ในเดือนสิงหาคม 1975 พายุฝนที่เทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ส่งผลให้เขื่อน 2 แห่งในแม่น้ำ Hong-Ru (ส่วนหนึ่งในระบบแม่น้ำเหลืองของจีน) แบกรับน้ำมากเกินไปจนเขื่อนแตก นำมาซึ่งกำแพงคลื่นน้ำสูงกว่า 20 ฟุตและกว้าง 7 ไมล์ ไหลบ่าด้วยความเร็ว 30 ไมล์ต่อชั่วโมง ถาโถมเข้าปลิดชีพประชาชนเกือบ 10,000 รายและอีกกว่า 11 ล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย

    อันดับ 4 แม่น้ำเหลือง 1642
    เหตุการณ์คราวนี้ไม่ใช่ฝีมือธรรมชาติแต่เกิดขึ้นจากเจตนาของมนุษย์ โดยในปีดังกล่าว กองทัพหมิง เปิดทางน้ำถล่มเมืองไคเฟิง ซึ่งเวลานั้นเป็นเมืองหลวงของจีน เพื่อขัดขวางทหารกบฏเข้ายึดเมือง สังเวยชีวิตราษฎรราว 300,000 คน

    อันดับ 3 แม่น้ำเหลือง 1938
    ปีนั้นทหารผู้รักชาติของ เจียง ไคเชก ทำลายเขื่อนกั้นน้ำใกล้เมืองไคเฟิง เพื่อสกัดกั้นการรุกคืบเข้ามาของทหารญี่ปุ่นผู้รุกราน แม้ยุทธศาสตร์นี้ได้ผล แต่ก็ต้องแลกกับ 800,000 ชีวิต

    อันดับ 2 แม่น้ำเหลือง 1887
    ตะกอนดินสีเหลืองจำนวนมหาศาลของแม่น้ำเหลือง (อันนำมาซึ่งชื่อของแม่น้ำแห่งนี้) คือสาเหตุภัยพิบัติครั้งเลวร้ายของจีนในปี 1887 ขณะที่ตะกอนสะสมตัวมานานหลายปีและระดับน้ำก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ และแม้ชาวบ้านจะสร้างแนวกั้นนำตามตลิ่งแม่น้ำให้สูง แต่บางจุดของแม่น้ำก็ยังสูงกว่าพื้นที่ราบลุ่มโดยรอบกว่า 30 ฟุต และเมื่อมีฝนฤดูใบไม้ผลิประกอบกับหิมะที่หลอมละลาย ทำให้น้ำทะลักคัน ประชาชนหลายหมื่นเสียชีวิตทันที ส่วนอีกล้านคนก็มาจบชีวิตจากนั้นด้วยภัยของความอดอยาก

    อันดับ 1 แม่น้ำเหลือง 1931
    ในเดือนสิงหาคม 1931 แม่น้ำเหลืองล้มตลิ่งและทะลักเข้าท่วมผืนดินกินเนื้อที่ 42,000 ตารางไมล์ ทำประชาชนกว่า 80 ล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย คาดหมายว่าผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วม อดอยากและโรคติดต่อมากถึง 850,000 ถึง 4 ล้านคน ทำให้มันกลายเป็นหายนะทางธรรมชาติครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์


    -http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000141007-

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ผู้ประสบภัยศูนย์พักพิงชลบุรีหมายหัวนักการเมืองเขตคลองสามวา สมัยหน้าอย่าหวังคะแนนเสียง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">4 พฤศจิกายน 2554 14:56 น.</td> </tr></tbody></table>
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    นางดวงรัตน์ ไม้เชื้อ ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเขตคลองสามวา


    [​IMG]

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>


    ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ประสบปัญหาอุทกภัยศูนย์พักพิงชลบุรี ที่อพยพมาจากปทุมธานี ด่า ส.ส., ส.ก, ส.ข.และ ผอ.เขตคลองสามวา อย่างรุนแรง หลังประสบปัญหาท่วมไม่เคยเห็นหัว เข้ามาดูแลประชาชน เผยต่อไปอย่าได้หวังว่าจะมาขอคะแนนเสียง

    วันนี้ (4 พ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก และข้าราชการได้ตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจาก เหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ กทม.และภาคกลาง

    นายวิชิต กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่จังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่รองรับผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วม จาก กทม.และภาคกลาง เพื่อแบ่งเบาผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยจัดสถานที่ในการรองรับผู้อพยพขึ้นหลายแห่งแล้ว และขณะนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก บางพระ ได้เปิดศูนย์พักพิงขึ้นอีกแห่ง เพื่อรองรับผู้เดือดร้อน

    ขณะนี้ทราบว่า มีผู้เข้ามาพักพิงที่ศูนย์แห่งนี้แล้วจำนวน 409 คน แยกเป็นชาย 169 คน หญิง 192 คน เด็กชาย 25 คน และเด็กหญิง 24 คน นอกจากนั้น ยังมีสัตว์เลี้ยงที่ต้องอพยพมาด้วย ประกอบด้วย แมว 66 ตัว สุนัข 146 ตัว และ วัว-ควาย 100 ตัว โดยสถานที่เพียงพอและสามารถรองรับจำนวนได้เพิ่มมากขึ้น

    นายวิชิต กล่าวต่อว่า ทางจังหวัดและหน่วยงานของจังหวัด พร้อมดูแลผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ โดยมีอาหาร ห้องอาบน้ำ ห้องส้วม ให้อย่างเพียงพอ และหากขาดแคลนสิ่งใดก็สามารถประสานเจ้าหน้าที่ได้ทันที ซึ่งเบื้องต้น ทราบว่า ขาดผ้าถุง, ผ้าขาวม้า, นมผงเด็กทารก และมุ้งสำหรับเด็กๆ ด้วย โดยพร้อมจะจัดหาส่วนที่ขาดแคลนให้

    ด้าน นางดวงรัตน์ ไม้เชื้อ ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเขตคลองสามวา กล่าวว่า สถานที่ที่จังหวัดชลบุรีให้การต้อนรับและดูแลอย่างดี ทั้งเรื่องอาหารการกิน ห้องอาบน้ำและห้องสุขา จึงได้คลายความวิตกกังวล และความเครียดไปได้มากหลังประสบเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้

    ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ครอบครัวและญาติพี่น้องต้องขอกล่าวโทษ กลุ่ม ส.ส. ส.ก. ส.ข.ที่ไม่ให้ความสนใจและใส่ใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประชาชน เพราะปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เขตคลองสามวานั้น หาก ส.ส. ส.ก. ส.ข.ไม่มาชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้เตรียมความพร้อม หรือวางแนวทางป้องกันและช่วยเหลือในเบื้องต้น ประชาชนคงไม่ต้องได้รับความเดือดร้อนถึงขนาดนี้ เพราะจากเหตุการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ พวกเราไม่สามารถขนย้ายสิ่งของต่างๆได้เลย ทรัพย์สินหายหมด

    “ปัญหาที่ประชาชนได้รับหนักหนาขนาดนี้ ไม่ต้องโทษใครเลยต้องโทษพวกมันพวกนักการเมือง ทั้ง ส.ส. ส.ก. ส.ข.และผู้อำนวยการเขต ไม่เคยที่จะเข้ามาดูแลทั้งก่อนและหลังน้ำท่วม หากให้ความสำคัญหรือสนใจทุกข์สุขของประชาชน พวกเราคงไม่เดือดร้อนอย่างนี้ ผิดกับที่ ชลบุรี ทางจังหวัดดูแลพวกเราเป็นอย่างดี มาแล้วรู้สึกสบายใจ แต่พอพูดถึง นักการเมืองเขตคลองสามวา แล้วปรี๊ดทุกที” นางดวงรัตน์ กล่าว

    โดยหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย คงมีประชาชนออกมารวมตัว เพื่อขับไล่ตัวแทนของประชาชนที่ได้รับการเลือกตั้งกันบ้าง เพราะไม่เคยเหลียวแล และให้การช่วยเหลือแต่อย่างไรเลย ทั้งๆ ที่มีตัวแทนเป็นจำนวนมาก ทั้ง ส.ส. ส.ก. ส.ข.และในการเลือกตั้งครั้งต่อไปคงจะไม่ไปเลือกกลุ่มดังกล่าวอีกต่อไปแล้ว เวลาหาเสียงเพื่อขอคะแนนนั้นเข้ามาหาถึงหัวบันไดบ้าน แต่พอประชาชนเดือนร้อนไม่เห็นแม้แต่เงา


    -http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000140772-

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...