รำลึกน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.2526

รำลึกน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.2526 ซึ่งเกิดน้ำท่วมเป็นเวลานานถึง 4 เดือน สร้างความเดือนร้อนอย่างหนัก

ภาพจาก หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์























<!-- google_ad_section_end -->

 

รำลึกน้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี 2526 (ชุด 2)

น้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี 2526 ซึ่งตามถนนเส้นสำคัญต่างๆ ทั้ง ถนนสุขุมวิท ถนนรามคำแหง เกิดน้ำท่วมสูง จนทำให้การสัญจรในเวลานั้นยากลำบาก



























<!-- google_ad_section_end -->

 

น้ำท่วม กรุงเทพ ในอดีต

​

ที่ผ่านมาพระนครบางกอกหรือกรุงเทพฯ เคยประสบอุทกภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งที่เลวร้ายที่สุดน่าจะเป็นปี น้ำท่วมกรุงเทพฯ พ.ศ. 2485 โดยครั้งนั้น น้ำได้ท่วมตามสถานที่สำคัญต่างๆ ในกรุงเทพฯ เช่น สถานีรถไฟหัวลำโพง ถนนเยาวราช อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภูเขาทอง ถนนราชดำเนิน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมถึงพระที่นั่งอนันตสมาคม

โดยมีภาพถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐาน และถูกเผยแพร่ตามอินเทอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังมี น้ำท่วม กรุงเทพฯ เกิดขึ้นอีกหลายครั้งต่อจากนั้น คือ

​

น้ำท่วม พ.ศ.2518 เนื่องจากพายุดีเปรสชั่นพาดผ่านตอนบนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีปริมาณน้ำสูงทางภาคกลางตอนบน เป็นเหตุให้น้ำไหลล้นเข้าท่วมกรุงเทพมหานคร

​

น้ำท่วม พ.ศ. 2521 เกิดจากพายุ 2 ลูก คือ “เบส” และ “คิท” พาดผ่าน ขณะเดียวกันมีปริมาณน้ำไหลบ่าจากแม่น้ำป่าสักเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดน้ำไหลบ่าจากทุ่งด้านตะวันออกของกรุงเทพมหานครเข้าท่วมพื้นที่ กรุงเทพมหานคร

​

น้ำท่วม พ.ศ. 2523 เกิดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับ สูงเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ 2.00 เมตร ประกอบกับมีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วง 4 วัน สูงถึง 200 มม. ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง

​

นํ้าท่วม พ.ศ. 2526 จากอิทธิพลของฝนและนํ้าเหนือที่ไหลลงมา ทำให้กรุงเทพฯต้องตกอยู่ในสภาพนํ้าท่วมสูงกว่า1 เมตรนานหลายเดือน

​

น้ำท่วม พ.ศ. 2529 ได้เกิดฝนตกหนักมากและตกติดต่อกัน ตั้งแต่วันที่ 8 – 10 พฤษภาคม 2529 เนื่องจากได้มีพายุจรนำฝนตกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีฝนตก 254 มม. ที่กรมอุตุนิยมวิทยา(บางกะปิ) และ 273 มม. ที่เขตราษฎร์บูรณะ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ในบางพื้นที่

​

น้ำท่วม พ.ศ. 2533 ในเดือนตุลาคมพายุโซนร้อน “อีรา” และ “โลล่า” พัดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ฝนตกหนักที่กรุงเทพมหานครถึง 617 มม.

​

น้ำท่วม พ.ศ. 2537 ได้เกิดพายุฝนฤดูร้อนถล่มกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเมื่อวันที่ 7 และ 8 พฤษภาคม 2537 วัดปริมาณฝนได้มากที่สุด คือ เขตยานนาวาได้ 457.6 มม. โดยเฉลี่ยในทั่วเขตกรุงเทพฯ มีปริมาณน้ำฝน 200 มม. มากที่สุดในประวัติการณ์ เรียกได้ว่าเป็น “ฝนพันปี” ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่สร้างความเดือดร้อนไปทั่วกรุงเทพมหา นคร

​

น้ำท่วม พ.ศ. 2538 มีฝนตกในภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากพายุหลายลูกพัดผ่าน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา และมีสภาพฝนตกหนักในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม เนื่องจากพายุ “โอลิส” ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง โดยวัดที่สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2538 มีค่าระดับสูงถึง 2.27 เมตร (รทก.) ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์(เท่าน้ำท่วมปี พ.ศ. 2485 ) ทำให้น้ำล้นคันป้องกันน้ำท่วมริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าท่วมพื้นที่ริมแม่น้ำในระดับสูงถึง 50 – 100 ซ.ม.

​

นํ้าท่วมปี 2549 เกิดอุทกภัยใน 47 จังหวัด ทั่วประเทศ ส่งผลให้หลายพื้นที่มีสภาพน้ำท่วมขัง ประกอบกับมีการผันน้ำเข้าเก็บกักเอาไว้ในพื้นที่ว่างเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำ ท่วมโดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรในจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี และปทุมธานี รวมประมาณ 1.38 ล้านไร่ ต่อมาจังหวัดดังกล่าวไม่สามารถรับนํ้าได้ไหว นํ้าจึงไหลเข้าท่วมขังที่กรุงเทพฯ เกือบ 1 เมตร นานกว่าสัปดาห์

ขอบคุณข้อมูล PANTIP.COM : �ش�ʹ��纺������� ������ѧ���͹�Ź��س�Ҿ
ที่มา fwdder.com

 

รำลึกน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.2526
ซึ่งเกิดน้ำท่วมเป็นเวลานานถึง 4 เดือน สร้างความเดือนร้อนอย่างหนัก

ปีนั้นอยู่ในเหตุการณ์เหมือนกัน แต่ลืมๆไปแล้ว ใช้เวลาถึง 4 เดือนเลยเหรอ ตอนนั้นก็รู้สึกเดืิอดร้อนอย่างหนักจริงๆ พอเวลาผ่านไปก็ลืมๆไป ขอบคุณท่าน จขกท.นะครับ ที่นำภาพเก่ามาให้ดู พอมาเห็นภาพย้อนอดึต โห ตั้ง 4 เดืิอนเลยเหรอ
น้ำท่วม ณ.ปัจจุบันก็เดือดร้อนอย่างหนักเหมือนกัน แต่ต่อไปก็จะกลายเป็นอดีตเช่นกัน ประคับประคองตนและครอบครัวให้อยู่รอดปลอดภัยกันให้ดีๆนะครับ และ ขอให้มีคนดีคอยช่วยเหลือทุกๆท่านและทุกๆครอบครัวให้อยู่รอดปลอดภัยตลอดไปจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปรกตินะครับ

 

เกิดไม่ทัน2526คับ

 

Thank you JKGT. At that time I still was a Junior in Ramkhumhang University and I also had the experienced.I was sink in the main gate due to no thinking that the footbath near the fence is higher than the entrance about one meter then falling down 555. luckily sung up to the chest only.

 

น้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี 2526


ซอยเพชรเกษม 56 หรือ ซอยสวัสดี
รูปนี้ถ่ายในทิศทางย้อนเข้าไปในเมือง คือ หันหลังให้บางแคและหันหน้าเข้าไปหาท่าพระ
ถ้านึกไม่ออกว่าซอยนี้อยู่ตรงไหน ให้นึกถึง ฟิวเจอร์ปาร์ค บางแค ซอยนี้อยู่ตรงข้ามกันพอดี


หน้าปากซอยอีกมุมหนึ่ง คราวนี้มองออกนอกเมืองไปทางตลาดบางแค





















ขอบคุณบล็อกคุณ คนทับแก้ว

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" background=../../../images/image_new2009/indentbg-1.gif><TBODY><TR><TD class=bkk>แง้มภาพความหลัง น้ำท่วมกรุงวิกฤติ! 2526

จากไทยรัฐออนไลน์



</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%"><TBODY><TR class=bkk><TD vAlign=top colSpan=2 align=right>

​

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center><TBODY><TR><TD>ย้อนรอยน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.2526 ซึ่งเกิดน้ำท่วมในกรุงเทพฯ เป็นเวลาถึง 4 เดือน เสียหายกว่า 6 พันล้านบาท และเมื่อครั้ง พ.ศ.2538 ที่น้ำท่วมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สูงตั้งแต่ 50 ซม.-1 ม...

ท่ามกลางภาวะที่ทุกฝ่ายกำลังระดมสรรพกำลังป้องกันไม่ให้ น้ำปริมาณมหาศาลทะลักเข้าท่วมกรุงเทพฯ แต่เชื่อว่ามีคนกรุงอีกจำนวนไม่น้อยอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ ทั้งเมือง เหมือนในพระนครศรีอยุธยา หรือครอบคลุมศูนย์กลางทั้งด้านเศรษฐกิจและศูนย์ราชการดังเช่นที่นครสวรรค์ ซึ่งถือว่าน้ำท่วมเข้าขั้นวิกฤติ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมากแล้ว สภาพจะเป็นอย่างไร​

​

</TD></TR><TR><TD>ทั้งนี้ เท่าที่ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์สืบค้นข้อมูลได้ปรากฏว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จนถึงปัจจุบัน เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2526 ซึ่งในครั้งนั้นนับว่าน้ำท่วมกรุงเทพฯ รุนแรงมาก สาเหตุมาจากมีพายุพัดผ่านพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค. ทำให้น้ำปริมาณมหาศาลมุ่งตรงเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อจะไปออกทะเล ประกอบกับปลายเดือน ต.ค. มีพายุพัดผ่านกรุงเทพฯ โดยตรง ส่งผลให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ นานถึง 4 เดือน และมีการประเมินกันว่า ได้สร้างมูลค่าความเสียหายในขณะนั้นสูงถึงกว่า 6 พันล้านบาท

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

บ้านอยู่กรุงเทพฯ เคยประสบปัญหาที่บ้านมาแล้วสองครั้ง แต่ครั้งนี้รู้สึกกลัวที่สุด เพราะน้ำเยอะมาก ๆ แต่กำลังเฝ้าระวังอยู่ตอนนี้

งานเสริมรายได้พิเศษ งานพาร์ทไทม์ | งานนอกเวลา งานทำที่บ้าน

 

ผมว่าไทยน่าจะเอาอย่างเนเธอร์แลนด์เรื่องระบบจัดการน้ำนะครับ
แผ่นดินพวกเขาอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลเป็นสิบเมตร แต่ระบบเขาดีจริง น้ำไม่มีท่วมเลย

 

ขอบคุณครับ สำหรับภาพ
ผมเกิดปี26 พอดีครับ
แปลกนะผมไม่รู้ว่าเพราะเกิดปี 26 หรือป่าว พอมองน้ำที่มันกว้างๆ เช่นแม่น้ำ หรือ ทะเล จิตใจจะรู้สึกสบายๆ ครับ หรือเป็นกันทุกคนอยู่แล้ว

 

ที่ศิริราชยังสร้างกระสอบทรายแม<WBR>้มืดค่ำ ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น นศ.... สู้อย่างเดียว

พรุ่งนี้ มีต่อค่ะ เอากระสอบทรายไปด้วยน่ะค่ะ


ด่วน!!!!! ได้รับแจ้งมาค่ะ ที่รพ.ศิริราชต้องการกระสอบเพื่<WBR>อใส่ทรายด่วนค่ะ ขอระดมกำลังกันจัดหาด้วยค่ะ ศิริราชตอนนี้...ทรายมี คนมี กระสอบไม่มีแล้วค่ะ ใครช่วยได้ช่วยทีนะคะ <!-- google_ad_section_end -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>

 

2526 ยังจำได้ครับ เพราะเรียนรามคำแหง จะสอบวันรุ่งขึ้น พอน้ำท่วม มหาวิทยาลัยเลื่อนสอบ สุดดีใจ (เพราะอ่านหนังสือไม่ทัน)

วันถัดไปตัดสินใจกลับต่างจังหวัด ปรากฏว่าโดนคุณแม่ไล่ให้ขึ้นมาผจญน้ำท่วมอีกเพราะท่านห่วงบ้านที่ซื้อไว้ให้เราอยู่ (ทั้งๆที่ไม่มีของมีค่าอะไร เพราะเป็นแค่นักศึกษา)

 

ช่วยกระจายข่าวให้ครับ

 

ปี 26 ..... จำได้ๆๆๆๆๆ อยู่ปี 1 ราม' น่าจะเป็นเทอม 2 นะ ราม'หยุด ซุ้มที่เรานั่งอยู่ติดกะรั้วสาธิตราม' น้ำงี้ มิดหัว ปีนี้ยังนั่งลุ้นว่าจะท่วมบ้านไหม.....สงสัยจะไม่รอด อิอิ

สู้ สู้ นะคะทุกท่าน

 

รัฐบาลต้องเอาจริงเรื่องเกี่ยวกับระบบน้ำของประเทศอย่างจริงจัง ทั้งป้องกันน้ำท่วมและน้ำแล้ง ทั้งระบบ น่าจะทำมาตั้งนานแล้ว คิดแต่จะทำรถไฟฟ้า 10 เส้นทางสาย ซึ่งมีประโยชน์แต่มันน้อย อย่าลืมว่าประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ต้องการน้ำมากกว่าอย่างอื่นเพราะเราต้องนำมาปลูกพืช แล้วระบบอุตสาหกรรม ฯลฯ จะตามมาเอง แต่เราไปเน้นการอุตสาหกรรมก่อน แล้วเป็นไงน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมแทบหมด ถึงนึกระบบการแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง จริง ๆ ไม่น่าหลงลืมตัวว่าเราเป็นประเทศอุตสาหกรรมเลยทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยก็ผลิตรถยนต์ เรือ เครื่องบิน ฯลฯ อะไรแทบไม่ได้เลย แต่เอาใจแต่อุตสาหกรรม อย่าลืมว่าพี่น้องเราส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรม ต้องการระบบน้ำที่ดีเป็นอย่างมาก แล้วอย่าลืมสร้างเขื่อนปิดปากแม่น้ำแต่ละสาย แล้วมีสถานีสูบน้ำที่ดีจะระบายน้ำท่วมลงทะเลได้ เมื่อเกิดน้ำแล้งก็ปิดประตูไม่ระบายน้ำลงทะเลเพื่อเก็บน้ำจึดเอาไว้ใช้ได้อีก แล้วก็ลอกคูคลอง หนองน้ำ ฯลฯ ทำเชื่อมโยงกันให้ดี ๆ แล้วจะมีน้ำเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง ๆ

 

โสภณ องค์การณ์ ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์

ถ้าเปรียบเหมือนนักมวย กรุงเทพมหานคร ได้ถูกคู่ต่อสู้ต้อนเข้ามุม รอการโดนถลุงด้วยหมัดเท้าเข่าศอก แถมด้วยกัดหู จิกลูกตา ถ่มน้ำลายใส่หน้าแบบไม่มีกติกา ระฆังช่วย

จะสะบักสะบอม ถูกน็อคถึงขั้นปางตาย หรือสิ้นลมหายใจคามุมเวที ยังไม่ชัด แต่โอกาสรอดยาก! เพียงคู่ต่อสู้คุกคามด้วยท่าทีน่าเกรงขาม แย็บเบาๆ ยังออกอาการหวาดผวา ขาป้อแป้ แม้จะพยายามดิ้น เต้นฟุตเวิร์ค โชว์ว่ายังมีเรี่ยวแรงพร้อมต่อสู้

พี่เลี้ยงไร้ฝีมือ พยายามแก้ทางมวยอย่างสะเปะสะปะ เข้าตำรารู้มากยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ เป็นพวกมีความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด จอดไม่ต้องแจว แถมขี้คุย

วิกฤติน้ำท่วมเมืองรอบนี้จึงไม่มีฮีโร่ เสนาบดีปัดสวะแบบสิ้นลาย หลังจากพยายามโชว์ฟอร์มกลวง ไม่มีประสบการณ์ คิดไปคนละทิศทาง หวังอาศัยความฟลุคเอาชนะพลังธรรมชาติ สติเลอะเลือน มีข้อเสนอแบบขี้เท่อให้ชาวบ้านได้สมเพช

ทุกวันนี้ชาวบ้านยังไม่รู้ว่าใครใหญ่ ใครมีความรู้ของจริง ที่เห็นคือพวกเต๊ะจุ๊ย และพวกอยากมีส่วนร่วม หลังจากตั้งศูนย์ปั้นภาพได้ 2 สัปดาห์ ก็สิ้นท่า ไร้ความน่าเชื่อถือ

ชาวบ้านได้เห็นนายโชว์ นางโชว์ นายโวขี้โม้ พวกโชว์โง่ด้วยศักยภาพไร้ขีดจำกัด! นอกจากโง่แล้วยังขยัน ใช้ลูกล่อลูกชนหลากสไตล์ตบตาชาวบ้าน เชลียร์ผู้นำรัฐบาล

โดยสภาพแล้วกรุงเทพฯ กำลังถูกล้อมทุกด้านด้วยมวลน้ำมหาศาล รอพลังเต็มที่เพื่อถล่มจากน้ำทะลักล้นฝั่งเจ้าพระยา และน้ำหลากทุ่งมาจากภาคเหนือ เขื่อนไม่สามารถเก็บกักได้เมื่อเขื่อนใหญ่น้อยมีน้ำเต็มถึงขีดสุด จำเป็นต้องระบายออก

อีกไม่กี่วันคงรู้! นานกว่า 2 เดือนคนไทยได้ผลัดกันเผชิญมหันตภัยร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ น้ำท่วมทั่วประเทศ ชาวบ้านทุกข์ยากลำบาก สิ้นเนื้อประดาตัว หนี้สินพอกพูน เรือกสวนไร่นาล่มหลายล้านไร่ มองไปข้างหน้าแทบไม่เห็นอนาคต

ทั้งยากดีมีจนต่างหนีไม่พ้นจากอุทกภัยครั้งใหญ่ ต่างกันที่ความพร้อมและทรัพยากรสนับสนุนเพื่อบรรเทาความลำบาก ไม่ให้หนักหนาสาหัส! ถ้ามั่งคั่ง ก็ทิ้งบ้านให้บริวารดูแล แต่ตัวเองพาครอบครัวบินหนีทุกข์ไปพักผ่อนต่างประเทศ

ชาวบ้านสงสัย อัดอั้นเต็มหัวอก! นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร ใจเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งหรือ จึงไม่ประกาศภาวะฉุกเฉินให้ทหารระดมสรรพกำลังเพื่อป้องกันเมืองหลวงให้รอดจากหายนะ หลังจากล้มเหลวซ้ำซาก นิคมอุตสาหกรรม 6 แห่งจมน้ำ

เสียหายหลายแสนล้านบาท คนตกงานประมาณ 5 แสนคน สถานการณ์ยังยืดเยื้อ ไร้ทางออก มีเสียงวิจารณ์รอบทิศว่ารัฐบาลไร้ความสามารถ! สิ่งที่ประชาชนได้รับรู้ได้ยินคือคำว่าเสียใจ หลังจากหลักประกันเลื่อนลอย ไร้ราคาว่า “เอาอยู่”

แต่ละลีลามีแต่คำว่า “โมเดล” “ภาพรวม” “บูรณาการ” “ระดมสรรพกำลัง” เพื่อสร้างความประทับใจผสมกับแหกตาชาวบ้าน สุดท้ายก็เหลวเป๋ว หมดสภาพ

แต่สิ่งที่รัฐบาลกลัวคือ นักลงทุนจะย้ายไปทำมาหากินประเทศอื่นๆ หลังจากตักตวงกำไร เอาทรัพยากรแผ่นดินไทยสร้างความมั่งคั่งผ่านนโยบายส่งเสริมการลงทุน แต่คนไทยเจ้าของประเทศอยู่ในสภาพเหมือนทาสแรงงาน เป็นผู้ขออาศัยในแผ่นดินนี้

พยายามหาเหตุผลเพื่อขอกู้เงิน 4 แสนล้านบาทมาเยียวยา ส่วนหนึ่งคงเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เงินก้อนใหญ่เข้ากระเป๋านักการเมืองและหุ้นส่วนกังฉิน

ความเสียหายโดยรวม ทุกข์ของคนทั้งแผ่นดินความหายนะด้านทรัพย์สินเกิน 1 ล้านล้านบาทไปมาก นอกเหนือจากผลกระทบต่อจิตใจ ความเครียด หดหู่ ท้อแท้

เห็นสภาพเช่นนี้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ยังมองว่าไม่เป็นวิกฤติเพียงพออีกหรือ? ต้องมีครบทั้งน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุถล่ม ดินทลาย ให้หายนะกว่านี้หรือ

เหตุผลของการไม่ประกาศภาวะฉุกเฉินถูกมองว่าไม่ต้องการให้กองทัพได้หน้า ได้ใจประชาชน

กลัวว่าถ้าประกาศภาวะฉุกเฉิน ทหารจะสวมรอยจัดการนักการเมืองชั่วและขบวนการขายชาติ แดงล้มสถาบัน ตามประสาวัวสันหลังหวะ ทำให้เหลี่ยมร้ายต้องเร่ร่อนเป็นผีไร้ศาลตลอดไป มีเงินล้นฟ้าเป็นแสนล้าน แต่ยังรักษาความเค็มไว้เต็มบ้อง

คงมองว่าถ้ากรุงเทพฯ ล่มจมน้ำ ผู้ว่า กทม. ต้องเป็นแพะบูชายัญ กลายเป็นหมาหางด้วนเหมือนพรรคเพื่อเหลี่ยม และน้องสาว จากความล้มเหลวน่าอนาจ

หรือการยื้อ ไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ปล่อยให้หายนะเกิด คือแผนชั่วให้ทหารรัฐประหาร จะได้มีข้อแก้ตัว กลบความล้มเหลว อ้างว่าทหารเตะออกไป ไม่มีโอกาสทำงาน

เมื่อเป็นเช่นนี้ กรุงเทพฯ เสี่ยงต่อการจมน้ำแน่! แต่ใช่ว่ารัฐบาลจะรอด หลังจากเกิดหายนะแล้ว ความไม่พอใจอาจนำไปสู่การประท้วง การจลาจล สงครามกลางเมือง! ผลสุดท้าย ฝ่ายใดจะชนะ ขึ้นอยู่กับเวรกรรมของคนบนแผ่นดินนี้! อิอิอิ!!!

 

ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ไทยฟลัด ถอนตัวจากศูนย์ ศปภ.ดอนเมือง แฉถูกรัฐบาลกีดกันข้อมูล ถึงขนาดโทรศัพท์ขอเซ็นเซอร์ก่อนแถลง ซ้ำบริหารไม่เป็น ไม่แจ้งข้อมูล ปชช.เป็นระบบ ชี้ยามวิกฤตประชาชนต้องการข้อมูลเพื่อความอยู่รอด เตือนจัดการไม่เป็นระบบจะกลายเป็นภัยพิบัติ

วันนี้ (22 ต.ค.) นายปรเมศวร์ มินศิริ เจ้าของเว็บไซต์กะปุกด็อทคอม ในฐานะผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ www.thaiflood.com (ไทยฟลัดด็อทคอม) ซึ่งเกิดจากการทำงานของภาคประชาชนบนโลกอินเตอร์เน็ตที่ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) มาตั้งแต่แรก เปิดเผยเหตุผลขอถอนตัวจากศูนย์ ศปภ.ที่ดอนเมือง ว่า คงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อเพราะถูกกีดกันด้านข้อมูล และ ศปภ.ไม่ยอมรับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ถึงขนาดมีการโทรศัพท์มาขอเซ็นเซอร์ข้อมูลก่อนที่จะแถลงข่าว

นอกจากนี้ยังเห็นว่าการบริหารจัดการไม่เป็นเอกภาพ ไม่มีการแจ้งข้อมูลต่อประชาชนอย่างเป็นระบบเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้กลุ่มไทยฟลัดต้องขอแยกตัวจาก ศปภ.ไปยังตึกสำนักงานภายในอาคารไซเบอร์เวิลด์ทาวเวอร์ ถนนรัชดาภิเษก และเตือนว่าภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ยังมาไม่ถึง เมื่อบวกกับการบริหารจัดการที่ไม่เป็นระบบก็จะกลายเป็นภัยพิบัติ

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่กลุ่มไทยฟลัดได้ตัดสินใจไม่รวมงานกับ ศปภ. คือหลังจากที่กลุ่มไทยฟลัดออกแถลงการณ์เตือนสถานการณ์น้ำท่วม กทม.ออกไป กลับมีการโทรศัพท์จากภาครัฐบาลเข้ามาแสดงความไม่พอใจ อยากให้ปรับเปลี่ยนท่าทีในการออกแถลงการณ์ เช่น ข้อมูลบางอย่างก็ขอให้ส่งผ่าน ศปภ. ก่อนที่จะมีการนำเสนอ ซึ่งตนบอกว่าทำไม่ได้ เพราะยามวิกฤตประชาชนกำลังรอข้อมูลเพื่อความอยู่รอด แต่ ศปภ.กลับจะเอาข้อมูลไปกรองก่อน ซึ่งเกรงว่าข้อมูลอาจถูกบิดเบือนได้ เพราะมีความพยายามจะขอเซนเซอร์ข้อมูลของกลุ่มไทยฟลัด

นายปรเมศวร์ชี้แจงว่า กลุ่มไทยฟลัดพยายามเตือนประชาชนด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช้คำที่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการให้ข้อมูลจริงที่นำไปสู่การตัดสินใจได้ ซึ่งสิ่งที่ประชาชนไม่เคยได้รับคือมาตรการต่างๆ ของภาครัฐในการรองรับปัญหา เช่น มีการประกาศแผนอพยพแต่ไร้แผนรองรับ ทั้งที่ควรจะบอกชัดเจนก่อนว่าให้อพยพไปไหน ไม่ใช่อยู่ๆ น้ำเข้ามาแล้ว ผู้คนแตกตื่นแต่ไม่รู้ว่าจะต้องอพยพไปไหน

“วานนี้ (21 ต.ค.) นายกฯ แถลงว่าจะปล่อยน้ำให้ระบายผ่าน กทม.เราก็อยากฟังแผนการระบายน้ำเพื่อที่จะได้ช่วยคิดช่วยทำ แต่ ศปภ.กลับแถลงแค่ขอเครื่องสูบน้ำจากภาคเอกชน ผมเองยังเคยเสนอแผนการระบายน้ำอย่างเป็นระบบที่คลองเปรมประชากรมาแล้ว ก็เห็นว่าที่ประชุม ศปภ.เอาไปพิจารณาและเอาไปทำ ผมก็อยากจะเห็นแผนในลักษณะเดียวกันออกมาจากรัฐบาล ผมไม่อยากเห็นเพียงว่าพอแก้ปัญหาไม่ได้เพราะไม่เป็นระบบ สุดท้ายก็มาพูดแค่ว่าเราได้ทำเต็มความสามารถแล้วเท่านั้น” นายปรเมศวร์กล่าว

 

ผู้ก่อตั้งไทยฟลัด แฉศปภ.ต่อ หมู่บ้านไหนไร้ธงแดงรถบริจาคไม่จอด ของบริจาคก่อนออกจากดอนเมืองต้องให้ส.ส.เพื่อไทยเซ็นเพื่อเลือกจุดลงของเอง อีกทั้งมีการเอาไปรวมกับคาราวานแดงที่อิมพีเรียลลาดพร้าวด้วย เชื่อมีคนฉวยโอกาสวิกฤตน้ำท่วมสร้างความแข็งแกร่งให้ตำบลแดง พร้อมลั่นทหารทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนพวกใส่เสื้อสูทเดินไปเดินมาออกกล้อง ชอบเบ่งใส่ประชาชน

วันนี้ 23 ต.ค. เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. นายปรเมศวร์ มินศิริ เจ้าของเว็บไซต์กะปุกด็อทคอม ในฐานะผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ www.thaiflood.com (ไทยฟลัดด็อทคอม) ได้เผยแพร่ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัว @ iwhale หลังจากที่ศปภ.ไม่ยอมจบ อ้างเหตุที่ไทยฟลัดถอนตัว เนื่องจากต้องการเข้าร่วมประชุมด้วย แต่ศปภ.ไม่ยอม โดยนายปรเมศวร์ ได้โต้กลับดังนี้

ไทยฟลัด (ThaiFlood.com) แจ้งขอเป็นกรรมการตัวแทนประชาชน ก่อนที่จะเข้าไปอยู่ที่ศูนย์ดอนเมือง ไม่ใช่เพิ่งขอเข้าประชุมทีหลัง เหตุผลที่ต้องการเข้าร่วมประชุมไม่ใช่แค่ขอรับฟังข้อมูลมาบอกกับประชาชน แต่เพื่อนำเสียงจากประชาชนเข้าไปแนะนำรัฐบาลที่ตนเน้นไป

รัฐบาลชุดก่อนมีกรรมการจากตัวแทนประชาชนหลายคน ไม่ใช่แค่ตนคนเดียว รัฐบาลนี้ปกปิดอะไร จึงไม่แต่งตั้งตัวแทนประชาชนเข้าร่วมทำงาน เครือข่ายภาคประชาชน ที่เคยร่วมรับมืออุทกภัยเมื่อปีก่อน ขาดโอกาสในการเข้าร่วม เพราะคนละสี ?

"การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จะต้องก้าวข้ามความเห็นต่าง หลายหมู่บ้านบ่นกันเยอะว่ารถส่งของบริจาคไม่ยอมจอด ถ้าไม่ยอมติดธงแดง" จากข้อความนี้ได้มีโปรดิวเซอร์ช่องระวังภัย ใช้ชื่อทวิตเตอร์ @Jib_Rw มาช่วยยืนยันด้วยว่า "เจอมาจริง"

นายปรเมศวร์ เผยอีกว่า รัฐบาลชุดที่แล้วไม่ใช่จะดีอะไรนักหนา แต่ตนไม่เคยเห็นการเอาขบวนเสื้อเหลือง มารับของบริจาคภาครัฐไปแจกอะไรแบบนี้เลย ตนตั้งใจจะช่วยแก้ไขปัญหาแบบก้าวข้ามสี แต่รัฐบาลคิดแบบนี้เหรือเปล่า ไม่ทราบ ตนรู้สึกยินดีกับพี่น้องเสื้อแดงที่อาสามาช่วยงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ที่กล่าวมาไม่ได้จะเหมารวมว่าทุกคน

"มีคนคิดฉวยโอกาส สร้างความเข้มแข็งให้กับ "ตำบลเสื้อแดง" ในช่วงที่มีผู้ประสบภัยมากขนาดนี้ ผ่านกลไกของรัฐ โปรดจับตาให้ดี"

นายปรเมศวร์ เผยต่อว่า ผู้ใหญ่จากศปภ.โทรมาว่า "ทำไมไม่ยอมพบกันครึ่งทางเลย" ตนตอบไปว่า ถ้าบ้านคุณน้ำท่วม มีเรือไปรับคุณแล้วส่งแค่ครึ่งทาง คุณเอาไหม การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ผมไม่ประนีประนอม "No compromise" รัฐบาลต้องทำให้เต็มที่ ผมไม่ต่อรองอะไรกับคุณทั้งนั้น!!!

นอกจากนั้นมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ @nakus32 ได้ถามว่า ของที่จะออกจากดอนเมืองได้ ส.ส.เขตต้องเป็นคนเซ็นออกจริงหรือเปล่า นายปรเมศวร์ตอบว่า จริงครับเขาเลือกจุดลงเอง

เสื้อแดงกำลังโจมตีดิสเครดิตว่าตนไม่ทำงาน จึงต้องขอชี้แจงดังนี้ นโยบายของ @nuling (นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบอกอ ลายจุด) คือ "ศปภ.ตำบล" ตนเคารพในแนวคิด แต่เห็นต่าง ตนจะหนุนให้พื้นที่ๆเข้มแข็งแล้วดูแลผู้ประสบภัยให้ได้ ไม่จัดตั้งใหม่ ทาง @nuling บอกว่าเขาจะประจำที่ดอนเมืองตลอดเวลา ส่วนผมต้องวิ่งรอกหลายที่ เช่น ศูนย์อาสาสมัครบ้านอาสาใจดี, ศูนย์กระจายความช่วยเหลือทีตจว. ติดตั้งระบบเตือนระดับน้ำที่ปากเกร็ด คลองแสนแสบ หน้าสรรพาวุธ สน.ดุสิต (เพื่อประสานกับวังสวนจิตร) และอีกหลายจุดผมไปคุมงานเอง

ศูนย์ที่พิษณุโลกส่งของด่วนผ่านนกแอร์ไปนครสวรรค์ รถจากกรุงเทพไปไม่ได้ เราส่งไปแล้วมากกว่า 50 ตัน เน้นของใช้รพ.แม่และเด็ก ในฐานะวิศวกร จากรั้วสามย่าน ตนสำรวจวางแผนการระบายน้ำในคลองด้วยตัวเอง ทำแผนเสนอรัฐบาล ถนนข้างวังสวนจิตรน้ำต้องไม่ล้นออกมา เจ้าหน้าที่รัฐเหนื่อย ทหารเหนื่อย ทุกคนเหนื่อย แต่จะเหนื่อยน้อยกว่านี้ถ้ารัฐบาลร่วมกันคิดทำเพื่อประชาชนให้มากกว่านี้ ตนไม่ได้ต้องการโฆษณาการทำงานของตัวเอง จนกระทั่งมีทวิตเสื้อแดงกล่าวหาว่าตนสร้างภาพ ไม่ทำงาน ต้องขออภัยที่จำเป็นต้องพูดบ้าง

โดยก่อนหน้านี้นายปรเมศวร์ ได้ทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์ศปภ.ด้วยว่า "ที่ผมทำงานได้เพราะได้ความร่วมมือจากข้าราชการ ทหาร ตำรวจ อาสา ที่มีจิตใจดีทั้งสิ้น นักการเมืองแย่ๆกั๊กเอาพวกพ้องอย่างเดียว"

"ชีวิตและทรัพยสินของประชาชนคนไทย กลายเป็นของเล่นของนักการเมืองเห็นแก่ตัวไม่กี่คนที่กำลังเพลินกับการใช้งบประมาณฉุกเฉิน"

"ศปภ.ส่งคนมาขู่ถึงศูนย์ มีพยานฟังเพียบ อ้างกฎหมาย อ้างชื่อนายทหาร จะให้ผมหยุดบางทวีตครับ"

นอกจากนั้นนายปรเมศวร์ได้เผยแพร่ภาพ ร่วมกับข้อความในการโต้กลับศปภ.ครั้งนี้ด้วย

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000135080

 

ทรงงานด้วยพระองค์เอง ไม่ออกข่าว ไม่ออกสื่อ

พระองค์ทรงลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยไม่บอกใคร
ไม่มีการนำเสนอข่าว แม้แต่ข่าวในพระราชสำนัก
ผม รัก สมเด็จพระเทพฯครับ ^^ มีแค่การส่งต่อๆกันใน facebook


<!--MsgFile=0-->