พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ดูแลสุขภาพด้วย “สมุนไพรไทย”สู้พิบัติภัยน้ำท่วม <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">19 ตุลาคม 2554 02:19 น.</td> <td align="left" valign="middle">


    </td></tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline"> นอก จากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ กรมอุตุวิทยา แจ้งเตือนว่าฤดูหนาวในปีนี้กำลังจะเริ่มแล้ว ในช่วงกลางเดือน ต.ค. - เดือนก.พ.55 และจะมีอากาศหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริเวณประเทศไทยตอนบน ทำให้เราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมสู้โรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคหวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่ พร้อมทั้งศึกษาวิธีดูแลรักษาเบื้องต้นด้วยตนเอง และคนในครอบครัวได้ด้วยสมุนไพรไทย

    ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร จากมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระอภัยภูเบศร กล่าวว่า ทั้ง จากอุทกภัยน้ำท่วมและอากาศที่เริ่มเย็นลงในช่วงนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตัวเอง โดยให้สังเกต อาการที่เกิดกับร่างกาย โรคหวัด จะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ไอ จาม น้ำมูกไหล อ่อนเพลีย ปวดศีรษะเล็กน้อย เบื่ออาหาร หรือ มีไข้ร่วมด้วย เรา สามารถใช้สมุนไพรไทยที่หาง่ายใกล้ตัว ดังนี้ ฟ้าทะลายโจร โดยตำรับยาไทย มีขนาด และวิธีการใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อการรักษา 4 วิธี คือ ยาชง ใช้ใบ 5-7 ใบ จะเป็นใบสดหรือแห้งก็ได้ แต่ใบสดจะมีสรรพคุณดีกว่า เติมน้ำเดือดลงไปจนเกือบเต็มแก้ว ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงหรือพอให้ยาอุ่นแล้วรินน้ำกิน ครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้งก่อนอาหาร

    ยาต้ม ใช้ฟ้าทะลายโจรทั้งต้นและใบจำนวน 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 3-4 แก้ว ให้เดือดนาน 10-15 นาที ถ้าต้มให้เดือดไม่นานพอ ยาจะมีกลิ่นเหม็นเขียว กินยาก ควรกินยาในขณะที่น้ำยาอุ่น กินครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้งก่อนอาหาร สามารถกลบรสขมได้ด้วยการกินของรสเปรี้ยว เค็มตาม

    ยาเม็ด นำมาทำเป็นยาเม็ดได้ด้วยการเด็ดใบสดมาล้างให้สะอาด ตากแดด 1-2 วัน จนใบแห้งกรอบสีเขียวเข้ม บดเป็นผงให้ละเอียด ปั้นกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมเป็นเม็ดขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลือง แล้วผึ่งลมให้แห้ง เพราะถ้าปั้นกินขณะที่ยังเปียกอยู่จะขมมาก กินครั้งละ 5-10 เม็ด วันละ 3-4 ครั้งก่อนอาหาร

    ยาแคปซูล ปัจจุบันเป็นที่นิยมมากเนื่องจากสะดวก ด้วยการเอาผงยาที่ได้เหมือนยาเม็ดมาปั้นเล็กๆ ใส่แคปซูลเพื่อช่วยกันรสขมของยา แคปซูลที่ใช้ ให้ใช้ขนาดเบอร์ ๐ หรือประมาณ 400-500 มิลลิกรัมของผงแห้ง กินครั้งละ 2-4 แคปซูล วันละ 3-4 ครั้งก่อนอาหาร

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขิง</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> การใช้ฟ้าทะลายโจรที่ให้ผลดีและออกฤทธิ์ได้เร็วที่สุดในการแก้ไข้ หวัดคือถ้าเริ่มรู้สึกว่าครั่นเนื้อครั่นตัวทำท่าว่าจะเป็นไข้ ให้รีบรับประทานทันที

    ฟ้าทะลายโจรนอกจากจะมีสรรพคุณในการลดไข้ แก้หวัดแล้ว ยังเป็นสมุนไพรที่สามารถรักษาอาการท้องเสียโดยไม่ทำให้หยุดถ่ายทันทีได้ วิธีใช้คือเมื่อเริ่มมีอาการให้รีบผสมผงเกลือแร่ดื่มทันทีไม่ควรรับประทานยา แก้ท้องเสียหรือยาปฏิชีวนะ แล้วใช้ฟ้าทะลายโจรขนาด 2 กรัมต่อวันแบ่งให้ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 วัน ฟ้าทะลายโจรจะทำให้การขับถ่ายเป็นปกติและมีประสิทธิภาพในการรักษาดีกว่าการ ใช้ยาปฏิชีวนะ ยกเว้น ในรายที่ติดเชื้ออหิวาตกโรค ควรนำส่งโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลโดยด่วน

    ขิง สมุนไพรในครัว ก็นำมาใช้แก้หวัดได้ เราสามารถทำน้ำขิง พิชิตหวัด และแก้ไอ ตามตำรายาพื้นบ้านไทย ได้ไม่ยากนัก ด้วยการใช้ขิงแก่สดล้างสะอาดทุบให้พอบุบ โดยไม่ต้องขูดเปลือกทิ้ง ประมาณ 1 ถ้วย น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำสะอาด 3 ลิตร ต้มให้เดือดแล้วลดไฟลง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนไปเรื่อยๆ จนน้ำขิงกลายเป็นสีเหลือง เติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งตามใจชอบ เพียงเท่านี้เราก็จะได้เครื่องดื่มที่มีสรรพคุณต้านหวัดได้

    กระเทียม สมุนไพร สารพัดประโยชน์ คู่ครัวไทยอีกหนึ่งตัว เพียงรับประทานกระเทียมสดเป็นประจำสามารถป้องกันหวัดและลดระยะเวลาการเป็น หวัดได้ ในฤดูกาลที่มีการระบาดของหวัดควรรับประทานกระเทียมในรูปแบบต่างๆเป็นประจำ กระเทียมช่วยทำให้การหายใจโล่งขึ้นอีกด้วย

    ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ยังแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรคหวัดอย่างง่ายๆ ด้วย การทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกาย ใช้ผ้าปิดปากเวลาไอจาม ล้างมือให้สะอาด ใช้ช้อนกลาง รวมทั้ง พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานเครื่องเทศที่มีรสเผ็ดร้อน สมุนไพรที่มีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย อย่าง ตระไคร้ กระเพรา บัวบก พลูคาว หรือ หอมแดง หอมใหญ่ ผักชีฝรั่ง ใบหม่อน และใบฝรั่ง ที่อุดมด้วยสาร Queritin รวมทั้งผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงๆ อย่าง มะขามป้อม มะนาว ส้ม ผลยอ หรือ ผลไม้ที่มีสีแดง เป็นสมุนไพรที่ควรจะนำมารับประทานเป็นประจำในช่วงนี้ และ ดื่มน้ำอุ่นมากๆ นอกจากนี้การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการได้รับแสงแดดบ้างจะช่วยเพิ่มวิตามินดี ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน และภูมิคุ้มกันดีขึ้น

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="360"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="360"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ยาเม็ดสมุนไพร</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นอกจากนี้ยังมีการใช้สมุนไพรทาภายนอก หากถูกแมลงสัตว์กัดต่อย มีอาการปวดบวมแดงร้อนบริเวณถูกกัดต่อย ควรรีบทำความสะอาด และใช้สำลีหรือผ้าก๊อซชุบน้ำสมุนไพรที่มีความเป็นกรด เช่น น้ำมะนาว น้ำส้ม มะขามเปียกโปะไว้ หรือ นำส่วนที่ถูกกัดจุ่มไว้จนกว่าจะหายปวด ซึ่งพิษของสัตว์มีพิษทุกชนิดเป็นสารพวกโปรตีนจึงถูกทำลายได้ด้วยสารที่มี ฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งในสมัยก่อนนิยมใช้เขาสัตว์ ขนเม่น เปลือกหอย หรืออะไรที่มีแคลเซียมฝนกับน้ำมะนาว ทาบ่อยๆ หรือใช้ มะขามเปียกผสมปูนแดงเล็กน้อย ทาแปะไว้ ซึ่งหลังถูกกัดต่อยควรรีบทำทันทีก่อนที่พิษจะก่อให้เกิดการอักเสบมากขึ้น หรืออาจใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบตำพอก เช่น ใบเสลดพังพอนทั้งตัวเมียและตัวผู้ ใบตำลึง ใบรางจืด ตำหรือปั่นให้ละเอียดผสมน้ำเล็กน้อยพอกไว้ หรือ สามารถใช้ใบรางจืดประมาณ 7-10 ใบต้มน้ำกิน แต่ถ้ามีอาการมากควรใช้การตำหรือปั่นใส่น้ำซาวข้าวกินด้วย เพื่อลดความรุนแรง

    สมุนไพรจำพวก ตะไคร้หอม ใบกระเพรา ใบเสลดพังพอนตัวผู้หรือตัวเมีย ตำ คั้นน้ำ หรือ นำไปตากในที่ร่มแล้วบดเป็นผง นำมาทาตัวเพื่อป้องกันยุงกัดได้ ยุง เป็นสัตว์พาหะที่มักจะมาพร้อมกับน้ำท่วมขัง หากยุงกัดเป็นตุ่ม บวม แดง ให้ใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบทาบริเวณที่เป็น ที่นิยมคือ ปูนแดง ซึ่งได้จากปูนขาวผสมกับขมิ้น หรืออาจใช้ผงขมิ้นละลายน้ำ ขมิ้นเป็นสีย้อมอาจทำให้เลอะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าได้ เพียงเท่านี้เราก็สามารถใช้ภูมิปัญญาไทยดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและคนในครอบ ครัวเบื้องต้นได้

    หากต้องการสอบถามเรื่องการ ใช้สมุนไพรเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โทร 037-211-288-9 ทุกวันในเวลาราชการ</td></tr></tbody></table>

    -http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000132997-


    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อีกสักพัก ผมว่าจะไปโอนเงินร่วมทำบุญ กับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์

    ผมรวบรวมได้จากเพื่อนพนักงาน 4 ท่าน จะไปร่วมทำบุญกันครับ

    ได้ตังมา 2,300 บาท (ผมเองร่วมทำบุญไป 1,000 บาท)ครับ

    มาร่วมโมทนาในมหาทานกันครับ


    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บทสัมภาษณ์ ปราโมทย์ ไม้กลัด ไขแนวทางแก้วิกฤติน้ำท่วม กทม.

    -http://hilight.kapook.com/view/63862-




    [​IMG]

    [​IMG]



    จากสถานการณ์น้ำท่วมที่นับวันจะทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างไปยังพื้นที่ต่าง ๆ และล่าสุด จังหวัดบ้านใกล้เรือนเคียง กทม. อย่างจังหวัดปทุมธานีก็ถูกน้ำไหลบ่าเข้าท่วมไปเรียบร้อยแล้ว คน กทม. จึงเกิดคำถามที่มาพร้อมกับความหวาดวิตกว่า แล้วน้ำเหล่านี้จะทะลักเข้าท่วมกทม.หรือไม่ หรือ สถานการณ์น้ำตอนนี้เป็นอย่างไร และคำถามอีกมากมายที่ประชาชนชาวกทม. ต้องการคำตอบก่อนที่จะเกิดความตื่นตระหนกไปกว่านี้

    ในวันนี้ เรามีบทสัมภาษณ์ของ คุณปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ที่ได้ให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม เกี่ยวกับการประเมินสถานการณ์น้ำใน กทม. ว่าจะรุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายวิตกหรือไม่ จากเว็บไซต์ ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง มาให้ได้อ่านกัน ซึ่งบทสัมภาษณ์ดังกล่าวคงช่วยไขความกระจ่างในวิกฤตการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ พร้อมทั้งไขข้อข้องใจให้กับชาว กทม. ทั้งหลายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

    [​IMG] อยากให้อาจารย์ประเมินสถานการณ์น้ำใน กทม. จะรุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายวิตกหรือไม่

    ปริมาณน้ำทีไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านกรมชลประทาน ผ่านสะพานพระพุทธยอดฟ้าขณะนี้เป็นกรณีเหมือนที่เคยเกิดในอดีต เป็นปกติไม่ได้มากมายชนิดที่จะต้องหวาดวิตก หากดูปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนบางไทรซึ่งเป็นต้นทางที่จะเข้า จ.ปทุมธานี นนทบุรีและกรุงเทพก็ไม่ได้มีแนวโน้มที่จะแปรผันอย่างวิปริต แล้วน้ำที่ไหลจากเจ้าพระยาที่จะเข้ากรุงเทพก็ไม่ได้ไหลพรวดพราด เหมือนน้ำที่ นครสวรรค์ และอยุธยา ระดับจะค่อยๆเปลี่ยนไป ปริมาณจะค่อยๆเปลี่ยนไป

    เวลานี้เราต้องดูระดับน้ำที่ผ่านสะพานพระพุทธยอดฟ้าว่าก็ตรวจวัดกันทุกวัน ในช่วงที่จะขึ้นสูงสุดทุกวัน ซึ่งระดับน้ำตรงนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกวัน หากมีน้ำทะเลหนุนสูงก็จะมีช่วง 14-15 ตุลาคม ซึ่งน้ำทะเล จะหนุนสูงที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าที่สันดอน ที่ช่วงนี้จะหนุนสูงกว่าปกติประมาณ 20เซนติเมตร ระดับความสูงจะค่อยๆเรียงลงมา ระดับอาจจะขึ้นสูงสุดในวันที่ 15 ตุลาคม (วันที่ 19 ตุลาคม ระดับน้ำทะเลหนุนสูงเวลา 13.02 น. ระดับ +1.00 ม.รทก. และเวลา 20.19 น. ระดับ +0.93 ม.รทก. อ้างอิงจาก ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2554 เวลา 06.00 น.)


    [​IMG] แสดงว่าปริมาณน้ำในขณะนี้ไม่น่าวิตกและไม่จำเป็นต้องประกาศแผนฉุกเฉิน

    วิเคราะห์ตัวเลขแล้วไม่เห็นจะน่าวิตกเลย และตัวเลขแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะเมื่อก่อนยิ่งกว่านี้อีก การประกาศภาวะฉุกเฉินต้องหมายความว่ากทม.ล้มระเนระนาด เอาไม่อยู่ ผมก็สงสัยว่าเอาไม่อยู่คืออะไร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม .และผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. ก็ยืนยันมาโดยตลอดว่า คันกั้นน้ำของเขาระดับที่กทม.ที่สะพานพระพุทธยอดฟ้าสูง 2.50เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง แล้วขึ้นเรื่อยไปที่ปทุมธานีและนนทบุรี แล้วยังไงต่อ จะบอกไม่แน่ใจไม่ได้ เพราะการจัดการน้ำไม่ใช่เรื่องของปีนี้ปีเดียว



    [​IMG]


    [​IMG] พายุบันยังที่กำลังจะมาทำให้คาดเดาปริมาณฝนเพิ่มขึ้นหรือไม่

    ยังไม่มาหรอก พายุจะเข้าหรือไม่ยังไม่ทราบ มันอยู่ไกลตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะมินดาเนา และเวียดนามอาจต้องรับเคราะห์ก่อนเรา ทิศทางของพายุเราจะโดนแค่หางๆ อาจจะผ่านภาคกลางหรือ กทม. ฝนตกตรงๆคงจะไม่เข้าไปที่ภาคเหนือแน่นอน เพราะร่องความกดอากาศมันเปลี่ยน ทิศทางเกิดในละติจูด 5 องศา ใกล้กับแนวศูนย์สูตรแล้ว แต่ตรงนี้จะทำให้เกิดฝนตก น้ำขัง ล้อมรอบสนามบินหนองงูเห่า ซึ่งขังก็ต้องสูบออกในพื้นที่ภาคตะวันออกนอกคันกั้นน้ำจะเกิดน้ำขัง ตั้งแต่เขต มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง บึงกุ่ม พื้นที่พวกนี้จะเกิดน้ำขัง

    ซึ่งต้องเข้าใจว่า น้ำฝนขังมันคนละน้ำกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอาจจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย เพราะฝนตกแผ่กระจายลงไปในทุ่ง ตกในกทม.ก็จะไม่ออกแม่น้ำ เพราะน้ำเยอะ ก็ต้องเกิดน้ำท่วมขัง กทม.ก็ต้องสูบออก มันแยกน้ำกันอยู่ในตัวแล้ว

    น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาจะมาจากอยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง ฝนตกในภาคกลางจะตกอยู่ในพื้นที่รวมกอง ทำให้มีน้ำขัง ออกเจ้าพระยาไม่ได้ เพราะเจ้าพระยาสูง และเหตุการณ์ที่จะเกิดไม่ใช่ 2-3วันนี้ แต่อีก 7วันข้างแน่นอน แต่ถ้าพายุมาเวียดนามจะต้องรับเคราะห์ก่อนไทย ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องมีสติแยกน้ำให้ออก ผมไม่กลัวหรอกหากฝนตกตรงๆในพื้นที่ขัง มันสูบออกได้ น้ำที่ผ่านกทม.เป็นน้ำข้างบนจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน อย่างเดียว ซึ่งยังไม่เคลื่อนลงมาเต็มๆ มันยังไม่รวมตัวเป็นจุดใหญ่ทีเดียวที่นครสวรรค์ ที่ต้องจับตาคือ แม่น้ำปิง ซึ่งเป็นสายน้ำที่แปรผัน เนื่องจากฝนตกที่ จ.กำเพชร ตาก

    เวลานี้มวลน้ำแม่น้ำปิงกำลังเคลื่อนย้ายมานครสวรรค์ ผมก็ตรวจสอบปริมาณน้ำที่นครสวรรค์ทุกชั่วโมง มันไม่มีขยับยังคงที่ 4,000ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แม่น้ำปิงมวลใหญ่มาก็ต้องขยับ แต่ตรงนี้อย่างนำไปโยงกับเขื่อนคันกั้นน้ำที่นครสวรรค์แตก เราต้องดูตัวมวลน้ำว่ามันขยับขึ้นหรือไม่ เป็น 4,600 -4,700ลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที ก็ลงมาที่เขื่อนชัยนาท ซึ่งคงที่มาหลายวันที่ระดับ 3,640ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นี่คือมวลน้ำที่จะเข้ามาต่อเนื่องที่กทม.และมวลนี้จะมาสมทบกับแม่น้ำป่าสักตอนล่าง แม่น้ำป่าสักถ้าพายุไม่เข้าปริมาณน้ำก็ลงลงทุกวัน น้ำมวลนี้ไปไหนไม่ได้ ก่อนที่มากรุงเทพ ถึงเขื่อนเจ้าพระยา เขาก็แจกมาข้างๆลง ท่าจีน บางปะกง ก็เหลือผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาในระดับคงที่


    [​IMG] ถ้าระดับน้ำไม่น่าวิตกเหตุใดประชาชนจึงแตกตื่นมาก

    ปัญหาหลักเกิดจากพื้นที่ 3จุดใหญ่ ๆ นครสวรรค์ ลพบุรี อยุธยา ระเบิดเอาไม่อยู่ คันกั้นน้ำพัง ก็เลยมาวาดภาพว่ากทม.คงจะเหมือนกัน ผมก็บอกหลายครั้งแล้วว่าไม่เหมือนมันคนละพฤติกรรมน้ำและคนละพฤติกรรมพื้นที่ บ้านหมี่ ท่าวุ้ง ลพบุรี พื้นที่เป็นท้องกะทะใหญ่ มีคันกั้นน้ำสู้ แต่ประตูระบายน้ำคันมันขาด ทำมาเป็น 10 ปีแล้ว



    [​IMG]


    [​IMG] ทำไมรัฐบาลจึงไม่อธิบายให้ประชาชนเข้าใจเหมือนอย่างที่อาจารย์กำลังอธิบาย

    ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า กรมชลประทานไปไหนหมด ทำไมไม่พูด ธรรมดาเวลาเกิดเหตุการณ์วิกฤติอย่างนี้ต้องมีแม่ทัพน้ำ คอยบัญชาเหตุการณ์วิกฤติทั้งเรื่องน้ำและที่กั้นน้ำ จะมาบอกที่โน่นที่นี่พังของประชาชนพังก็ต้องบอก ว่าที่พังของประชาชน กทม.ต้องตรวจสอบระบบคันกั้นน้ำของตัวเองว่าอยู่ดีหรือไม่ ก็ไม่พูด ผู้ว่าฯกทม.บอกว่า แข็งแรงๆ ก็ต้องกล้าฟันธง และต้องเชื่อมโยงไปที่นนทบุรี ปทุมธานีด้วยว่าสภาพคันน้ำน้ำยังดีอยู่หรือไม่ แข็งแรงหรือไม่ ตอนนี้ใครเป็นแม่ทัพน้ำ

    ในยุคก่อน ผู้หลักผู้ใหญ่ของกรมชลประทานจะมาบัญชาการเอง เพราะรู้เรื่องน้ำดีที่สุด แต่เวลานี้ไม่รู้อะไร และทำอะไรไม่ได้ นอกจากสู้ ก็ต้องถามว่าจะสู้หรือไม่ สู้ก็ต้องถามว่าสู้อย่างไร ทำไมไม่เอาเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ มาวางแนวทางกั้นน้ำฝนกทม.ที่เชื่อมกับปริมณฑล ต้องรู้ว่า น้ำท้ายคลองรังสิต เป็นอย่างไร ระบบวางไว้ให้แล้ว การป้องกันอยู่ที่ไหน ตรงไหนจำไหนต้องเสริม ต้องซ่อมแซม ขณะนี้ไม่มีใครตอบได้


    [​IMG] ขณะนี้ดูเหมือนว่าระบบการบริหารจัดการและการป้องกันน้ำของแต่ละจังหวัดล้มเป็นโดมิโน

    มันต้องล้มครับ เพราะทุกแห่งสู้น้ำหมด ผมก็บอกว่าสู้ไม่ได้ทั้งหมด เพราะน้ำไม่สามารถไปอยู่ที่ที่เคยอยู่หรือที่ที่เคยรวมกองได้ มันก็สร้างตัวเองขึ้นมาเป็นระดับน้ำสูงพลังมันก็เยอะ คันทำไว้ไม่ดีก็ล้มระเนระนาดจนดูเหมือนน้ำเยอะทั้งๆที่มวลน้ำมันก็เท่าเดิม แต่ความสูงมันเยอะ แต่ทีนี้พอมาถึงกทม.มวลน้ำก็มวลเดิม แต่ความสูงไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันแผ่กระจายลงมา สถานการณ์น้ำเป็นเรื่องที่ต้องเกาะติดเพื่อจะบอกเหตุการณ์ ว่าอะไรสำคัญที่สุด แต่ละจังหวัดที่เหตุการณ์เกิดขึ้น 10กว่าปีไม่ใครสนใจจะแก้ปัญหาเลย ไม่มีจริง เมื่อปีกลายก็มีปัญหา ให้รวมตัวสร้างหลักคิด หลักทำ

    พระเจ้าอยู่หัวท่านก็สร้างหลักว่า จะทำอะไรต้องเข้าใจและเข้าถึงนะ ปัญหาคือ ตอนนี้ทุกคนไม่รู้ว่าปัญหามันมาจากอะไร เพราะอะไร ธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน สภาพภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์ แต่ละพื้นที่แต่ละลุ่มน้ำแตกต่างกัน และพฤติกรรมของน้ำในแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกัน งานนี้ยังไงก็ต้องมีแม่ทัพ หากไม่มีผู้บัญชาการอย่างคนที่รู้จริงๆแล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เวลานี้แก้ปัญหาเลอะเทอะสะเปะสะปะกันไปหมด


    [​IMG] รัฐบาลยังพอมีเวลาที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหรือไม่

    ตอนนี้ทำอย่างนี้ถูกแล้ว คือ เผชิญภัย ด้วยการช่วยเหลือผู้ประชาชนไปก่อน โดยให้มหาดไทยเป็นแกน เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายรัฐบาลต้องตั้งสติว่า ในอนาคตข้างหน้าจะทำอย่างไร ไม่ใช่คิดแบบเดิม อยากจะทำอะไรต้องตั้งงบประมาณ เสนอครม.มาทำยังนี้ไม่สำเร็จ เพราะถ้าคิดโดยไม่รู้ ก็ทำอะไรไม่สำเร็จ ผมบอกได้เลยว่า สตางค์ แก้ปัญหาไม่ได้หรอก ตอนนี้หากเขื่อนหยุดพร่องน้ำลงมาก็อาจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น


    [​IMG] การตั้งศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่

    ดูองค์ประกอบแล้วไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการช่วยเหลือประชาชนก็พอไปได้ แต่ควรให้มหาดไทยเป็นผู้ดูแล เพราะตอนนี้งานหลัก คือ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยส่วนกรมชลฯควรจะถอยออกมาก่อน ส่วนกรมชลจะต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร ประเมินให้เขาให้ถูก และต้องมีกระบวนการตั้งรับที่ชัดเจน คันกั้นน้ำ ที่ไหนมีจุดอ่อน ต้องสำรวจ เฝ้าระวัง วิธีการที่ดีที่สุดในเวลานี้ คือ ปกป้องไม่ให้น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าไปในเขตเศรษฐกิจ



    [​IMG]


    [​IMG] การพบปะระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์กับยิ่งลักษณ์จะทำให้เหมือนมีการร่วมมือแก้ปัญหาหรือไม่

    แก้ปัญหาต้องดูว่าแก้ปัญหาอะไร แก้ปัญหาแบบนักการเมือง มันต้องมาแก้ปัญหาด้านเทคนิคการสู้น้ำกันก่อน ต้องเข้าใจระบบการแก้ไขปัญหาและการป้องกันของกทม. สมัยก่อนอุปกรณ์ไม่พร้อม เราก็สู้ได้ แต่ทีนี้จะสู้ไม่ได้ก็เพราะปอดแหกกัน ออกข่าวมา ระดับน้ำทะเลหนุนสูง มวลน้ำป่าสักมามากจะเกิดปัญหา พายุลูกใหม่กำลังจะเข้ามา พูดทิ้งไว้อย่างนี้ประชาชนก็กังวล


    [​IMG] แสดงว่าการแก้ไขปัญหาในอนาคตเราก็ต้องมาบริหารจัดการใหม่ โดยเฉพาะเรื่องชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม

    เราต้องเอาของจริงมาคิด ว่าตัวน้ำแต่ละปีเป็นยังไง ต้องเข้าภูมิประเทศแห่งนั้น ๆ เข้าภูมิประเทศของกทม. ทั้งฝั่งตะวันออก และตะวันตก กทม.เชื่อมกับสมุทรปราการ ออกปากอ่าว จะปกป้องกทม.ยังไงไม่ให้กระทบกับที่อื่น จะทำคันกั้นน้ำอย่างไรให้ไม่ให้กระทบถ้า อ่างทองทำคันกั้นน้ำ สิงห์บุรีทำคันกั้นน้ำ มันก็จะกระทบตลอดมาด้านล้าง กทม.เป็นพื้นที่แบนราบ ก็ต้องแยกเป็น 2ส่วนว่า ด้านตะวันออกเป็นเขตเศรษฐกิจหรือเปล่า


    [​IMG] นักการเมืองไม่ควรเข้ามายุ่งเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหรือไม่

    ถ้าเป็นเรื่องเทคนิคคงต้องปล่อยให้ผู้มีความรู้เรื่องน้ำเป็นผู้ตัดสินใจ แต่นักการเมืองต้องมาเป็นตัวช่วยในการช่วยเหลือประชาชน อนุมัติงบประมาณ พิจารณาหลักการในการแก้ไขปัญหาในครม. โดยต้องรับฟังความคิดเห็นจากนักเทคนิค แต่ขณะนี้ปัญหากลายเป็นว่าแม่ทัพน้ำในระบบราชการถูกนักการเมืองครอบงำหมดแล้ว จึงทำให้ไม่กล้าตัดสินใจทั้งที่การแก้ปัญหาอุทกภัยหรือภัยธรรมชาติ นักน้ำ ผู้เชี่ยวชาญน้ำ จะต้องเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์หลัก

    ในหลวงเคยตรัส เมื่อปี 2533 ว่า ไม่มีใครต้องการให้เกิดภัยธรรมชาติ แต่เมื่อเกิดแล้วเราต้องเข้าใจภัยธรรมชาติ และให้ภัยธรรมชาติเป็นครูที่จะสอนเรา ซึ่งผู้ปฏิบัติหรือผู้มีหน้าที่โดยตรงต้องนำไปแปลว่าจะทำอย่างไรการแก้ไขเรื่องน้ำ จะเดาส่งแบบหมอดูไม่ได้ กรมชลประทานในฐานะนักเทคนิค จะต้องมีบทบาทในการให้ความรู้ความเข้าใจกับนักการเมืองครอบงำได้ โดยนักการเมืองที่เป็นรัฐบาลจะต้องเป็นฝ่ายอำนวยการมีบทบาทในการประสานเพื่อให้อำนวยความสะดวกให้คล่องตัว


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://www.tcijthai.com/interview-piece/902-

    [​IMG]




    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    แถลงการณ์ฉบับที่ 1 โดย Thaiflood.com





    [​IMG]
    (คลิกที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดใหญ่)


    แถลงการณ์ฉบับที่ 1 โดยศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย - Thaiflood.com

    แถลงการณ์นี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ชาวกรุงเทพเตรียมรับมือสถานการณ์ในอีก 24 ชั่วโมง (ช่วยบอกต่อให้ได้มากที่สุด)

    1. เฝ้าระวังระดับน้ำที่ปากเกร็ด หากยกตัวขึ้นสูงผิดปกติ ให้เร่งเตือนชุมชนริมฝั่งเจ้าพระยาตลอดสายลงมา

    2. ชุมชนรังสิต คลอง 2-6 ทั้งนอกและในคันกั้นน้ำ ให้รีบยกของขึ้นชั้นสองทันที เฝ้าระวังจุดนี้เป็นพิเศษ

    3. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลรีบเปิดประตูระบายน้ำทุกคลองรังสิต ทำตอนนี้ยังไม่สาย ชุมชนริมคลองจะได้รับผลกระทบบ้าง

    4. ขอให้รัฐบาลเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ บอกความจริงทั้งหมดกับประชาชนเพื่อเฉลี่ยทุกข์สุข เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันได้

    5. รอฟังรายงานสถานการณ์ฉบับเต็มจากเครือข่ายภาคประชาชนได้ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส คืนนี้ เวลาประมาณ 22.00 น.

    ประกาศ ณ วันที่ 19 ต.ค. 2554 เวลา 14.40 น.



    -http://hilight.kapook.com/view/63875-



    .<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    รศ.ดร.เสรี ยัน กทม.รอดแน่ หากคันกั้นน้ำไม่มีปัญหา


    [​IMG]


    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ขอขอบคุณจาก Youtube.com โพสต์โดย thaitvnewstube

    เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร และผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นหนึ่งในวิศวกรผู้เชี่ยวชาญภัยพิบัติอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ได้ออกมาวิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมผ่านสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โดยชี้แจงว่า

    ขณะนี้ น้ำที่เข้าท่วมนวนครกำลังหลากมาด้านล่าง หากยังไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้น้ำจะเต็มนวนครทั้ง 6,000 ไร่ ความสูงประมาณ 1.5 เมตร โดยคันกั้นน้ำที่เป็นถนนทั้งสองฝั่งสายเอเชียและคลองเปรมจะตีบลงเรื่อย ๆ ทำให้น้ำมาเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งประมาณวันที่ 20 ตุลาคม น้ำจะเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และจะเข้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ในวันที่ 23 ตุลาคม โดยมีระดับความสูงของน้ำประมาณ 1 เมตร ดังนั้น ขณะนี้ทุกบ้านต้องเตรียมการ ยกทรัพย์สินอยู่ในที่สูง และย้ายรถไปไว้ที่สูง

    สำหรับการประเมินสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นในเขตกรุงเทพฯ นั้น รศ.ดร.เสรี กล่าวว่า กทม.ต้องเผชิญความเสี่ยงสูงต่อเนื่องไปอีก 10 วัน โดยขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเร่งระบายน้ำ ซึ่งทางนครสวรรค์มีระดับน้ำลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ประกอบกับช่วงนี้ประเทศไทยมีร่องความกดอากาศสูงพัดผ่านเข้ามาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก็หมายความว่า จะไม่มีฝนตกหนักอีก และอากาศจะหนาวขึ้น แต่ทั้งนี้ กทม.ก็ยังต้องเฝ้าระวังต่อไป เนื่องจากน้ำทะเลจะหนุนสูงขึ้นอีกครั้งอีกครั้งในวันที่ 27-31 ตุลาคมนี้

    ส่วนปทุมธานียังคงวิกฤติเนื่องจากมีพนังกั้นน้ำแตกหลายจุดด้วยกัน จึงทำให้คลองรังสิตรับภาระอย่างหนัก ดังนั้นขณะนี้ต้องเร่งระดมเครื่องสูบน้ำเพื่อผันลงจ.นครนายก ทั้งนี้ ต้องรักษาคันกั้นน้ำของคลองรังสิตเอาไว้ให้ได้ เนื่องจากเป็นด่านปราการสุดท้ายก่อนที่น้ำจะเข้าสู่กรุงเทพฯ ประกอบกับคันกั้นน้ำกทม. 2.50 เมตรของกทม. หากรับมือไหว กรุงเทพฯ ชั้นในก็จะปลอดภัย

    ขณะที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งบริเวณบางบัวทองได้เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก และน้ำก้อนนี้จะเข้าไปที่ลาดหลุมแก้ว ไทรน้อย บางเลน และลงมาที่แม่น้ำท่าจีน จุดนี้ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับ กทม.มากเช่นกัน เพราะคลองต่าง ๆ ที่เชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนต้องรับน้ำจากทั้ง 2 ด้าน ทำให้น้ำอาจจะตลบหลังเข้ามา และเข้าท่วมฝั่งธนฯ ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นระยะ ๆ



    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/O2AcQMGkCqM?version=3&hl=th_TH&rel=0 width=600 height=477 type=application/x-shockwave-flash></EMBED>
    คลิป รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ประเมินสถานการณ์ น้ำท่วม 17/10/11

    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/XNWaCK_DB3o?version=3&hl=th_TH&rel=0 width=600 height=477 type=application/x-shockwave-flash></EMBED>
    คลิป รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ประเมินสถานการณ์ น้ำท่วม 18/10/11


    -http://hilight.kapook.com/view/63871-

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    หลากวิธีป้องกันน้ำท่วมเข้าบ้านอย่างได้ผล



    [​IMG]

    เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณอนันต์ แก้วร่วมวงศ์, คุณ ทองกาญจนา, คุณสะใภ้อินเตอร์

    น้ำทะลัก! คันกั้นน้ำแตก! ตลิ่งพัง! น้ำจ่อท่วม ...เวลานี้คงจะต้องติดตามข่าวสารอุทกภัยกันนาทีต่อนาที เพราะสถานการณ์น้ำดูจะเลวร้ายขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับใคร ที่บ้านอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม มวลน้ำยังมาไม่ถึง แต่ส่อเค้าหรือเริ่มมีน้ำส่งสัญญาณมาบ้างแล้วนั้น คงจะนิ่งนอนใจไม่ได้อีกต่อไป เพราะถ้าช้า...ไม่แน่ว่า บ้านของเราอาจจมน้ำภายในพริบตา!!!

    สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้สำหรับผู้คนในพื้นที่เสี่ยงภัย นอกจากการเตรียมอาหาร และเก็บข้าวของเตรียมพร้อมอพยพทุกเมื่อแล้ว หากยังพอมีเวลาเราสามารถป้องกันน้ำท่วมบ้านได้ ซึ่งวันนี้เรามีวิธีป้องกันไม่ให้น้ำท่วมบ้านอย่างได้ผล จากคุณ ทองกาญจนา ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์น้ำท่วมบ้านในจังหวัดเชียงใหม่ และอีกแนวคิดดี ๆ ในการป้องกันน้ำท่วมบ้านโดยไม่ใช้กระสอบทรายจาก คุณอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ มาบอกต่อ ... นอกจากนี้ยังมีวิธีดี ๆ และได้ผลของคุณสะใภ้อินเตอร์ ที่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมมาตลอด 4 ปี แต่ปีนี้มีวิธีป้องกัน และน้ำไม่ท่วมเข้าบ้านมาฝากกันจ้า


    วิธีป้องกันน้ำท่วมให้อยู่หมัด หลังน้ำท่วมมา 4 ปี by คุณสะใภ้อินเตอร์


    คุณสะใภ้อินเตอร์ผู้ที่ผ่านประสบการณ์น้ำท่วมมาถึง 4 ครั้ง น้ำได้ไหลทะลักเข้าไปในตัวบ้านจนข้างของเสียหายมาหลายครั้ง วิธีป้องกันน้ำท่วมหลายต่อหลายวิธี คุณสะใภ้อินเตอร์ก็ได้ลองทำมาหมด ไม่ว่าจะเป็นตั้งกระสอบทราย หรือดินน้ำมัน แต่วิธีเหล่านั้นก็ไม่สามารถป้องกันน้ำไม่ให้ไหลทะลักเข้ามาได้ ... มาวันนี้ จากประสบการณ์ 4 ปีที่เคยผ่านน้ำท่วมมา คุณสะใภ้อินเตอร์ จึงมีวิธีป้องกันน้ำท่วมอย่างอยู่หมัดมาฝากกันค่ะ

    [​IMG]
    สระว่ายน้ำก่อนถูกน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว 2553

    [​IMG]
    สระว่ายน้ำก่อนถูกน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว 2553

    [​IMG]

    [​IMG]
    สระว่ายน้ำก่อนถูกน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว 2553

    [​IMG]
    สภาพน้ำตอนถูกน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว 2553

    [​IMG]
    สภาพน้ำตอนถูกน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว 2553

    [​IMG]
    ปีนี้เลยกั้นเหล็กให้สูงขึ้น


    [​IMG]
    และหาวิธียึดให้ติดกำแพงเพื่อป้องกันแรงกระแทกของน้ำจากรถที่วิ่งผ่านโดยจะใช้วิธีทำเป็นเหล็กยันไว้

    [​IMG]
    แล้วยึดด้วยกลอนสองชั้น


    [​IMG]
    วิธีเข้าบ้านต้องเข้าแบบนี้ (อาจจะไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ)

    [​IMG]
    ภายในบ้านในน้ำแผ่นพลาสติกอันซิลิโคนตามร่อง

    [​IMG]
    จะเห็นได้ว่า น้ำไม่สามารถเข้าบ้านได้

    [​IMG]
    อย่าลืมอัดซิลิโคนที่ประตูหลังด้วย

    [​IMG] [​IMG]
    ภาพด้านซ้ายคือ ภาพรถที่ไม่ได้ป้องกันน้ำท่วม ส่วนภาพด้านขวาเลยหาคันยก และยกให้สูงขึ้น


    [​IMG]


    [​IMG]
    การอัดซิลิโคนตามร่อง

    [​IMG]
    ภาพน้ำท่วมเมื่อปีก่อน ๆ ใช้ดินน้ำมันอุด แต่ไม่สามารถกั้นน้ำได้

    [​IMG]
    ส่วนภาพนี้ใช้กระสอบทราย ซึ่งก็มีน้ำไหลซึมตลอดเวลา




    วิธีป้องกันไม่ให้น้ำท่วมบ้านอย่างได้ผล by คุณทองกาญจนา

    [​IMG]

    [​IMG] เตรียมการก่อน

    ประสบการณ์ จากน้ำท่วมเมื่อครั้งที่แล้ว พบว่าถึงแม้จะกั้นกระสอบทรายไว้ที่ประตูรั้ว แต่ก็ไม่สามารถกั้นน้ำเข้าบ้านได้ เพราะ (1) บริเวณสนามหญ้าและลานอิฐบล็อกภายในบริเวณบ้านจะมีน้ำปุดทะลุพื้นดินขึ้นมา (2) กระสอบทรายไม่มีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอ เมื่อถูกคลื่นที่เกิดจากรถยนต์วิ่งฝ่าเข้ามาในถนนที่น้ำท่วม จะมีแรงดันมหาศาลทำให้กำแพงกระสอบทรายพัง และน้ำไหลเข้าบริเวณบ้านได้ในที่สุด

    [​IMG] จากประสบการณ์ดังกล่าวผมได้เตรียมการไว้หลังจากน้ำลดครั้งที่แล้ว ดังนี้

    [​IMG] (1) ปรับปรุงพื้นรอบ ๆ บริเวณบ้านใหม่ โดยทำพื้นให้เรียบและเทพื้นด้วยคอนกรีตซีแพ็คลงไปจนเต็มชิดรั้วทุกด้าน

    [​IMG] (2) ทำบานเหล็กสำหรับกั้นน้ำพร้อมอุปกรณ์ติดตั้ง โดยทำกรอบรางเหล็กสำหรับสวม ติดถาวรไว้ที่ประตูรั้วบ้านทั้งซ้ายและขวา ส่วนบานเหล็กและเสาค้ำยันถอดออกได้ เพื่อให้สามารถใช้ประตูบ้านได้ในยามปกติ

    [​IMG] (3) ซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดแช่ขนาดเล็กที่เรียกว่า ไดรโว่ ราคาประมาณ 1,500-2,000 บาท เครื่องสูบน้ำชนิดนี้จะขาดตลาดทันทีที่เกิดน้ำท่วม จึงต้องซื้อเก็บไว้ล่วงหน้า แล้วก็ไม่ลืมสายไฟพร้อมปลั๊กที่จะใช้ต่อพ่วงมาจากตัวบ้านจนถึงประตูรั้ว

    [​IMG] (4) ดินน้ำมันจำนวนหนึ่ง ใช้สำหรับอุดในช่องว่างที่ประกอบบานเหล็กกั้นน้ำเข้ากับประตูรั้วบ้าน

    [​IMG] น้ำมาแล้ว

    เสียง ประกาศเตือนภัยจาก อบต. ตั้งแต่เช้า แจ้งว่าน้ำคงจะเข้าท่วมหมู่บ้านในช่วงบ่าย ขอให้ประชาชนเตรียมป้องกันทรัพย์สินของตนเอง ผมนำรถยนต์ออกจากบ้านไปจอดไว้ยังที่ปลอดภัยนอกหมู่บ้าน กลับเข้ามาก็เริ่มติดตั้งบานเหล็กเข้ากับประตูรั้วบ้าน ติดตั้งเสาค้ำยัน ใช้ดินน้ำมันอุดตามรอยต่อระหว่างบานกับกรอบรางเหล็ก นำเครื่องสูบน้ำไดรโว่มาวางไว้ใกล้ประตูรั้วในตำแหน่งที่คาดว่าน้ำจะซึมเข้า มาและท่วมขังอยู่ ต่อสายไฟพร้อมใช้งาน แล้วรอน้ำที่กำลังเริ่มไหลเข้ามาในหมู่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ

    เวลา ประมาณ 16.00 น. น้ำท่วมถนนภายในหมู่บ้านทุกถนนแล้ว มีน้ำซึมผ่านบานเหล็กที่ประตูรั้วเข้ามาในบ้านของผมปริมาณหนึ่ง แต่เมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำก็สามารถควบคุมระดับน้ำไม่ให้สูงจนเกิดความเสีย หายได้ เมื่อน้ำในถนนลดลง ผมไม่ต้องลำบากในการทำความสะอาดบริเวณบ้าน ที่มีดินโคลนตกค้างจากน้ำท่วมขัง เหมือนน้ำท่วมเมื่อครั้งก่อนอีกแล้ว

    [​IMG] ภาพบรรยากาศ

    ติดตั้งบานเหล็กเข้ากับเสาประตูรั้วบ้าน พร้อมติดตั้งเสาค้ำยัน

    [​IMG]

    เข้า-ออก จากบ้านต้องใช้เก้าอี้บันไดตัวนี้ สังเกตระดับน้ำภายนอกบ้านเริ่มสูงมากแล้ว

    [​IMG]

    ขณะที่ถนนด้าน นอกระดับน้ำสูงถึง 60 ซม. แต่ภายในบ้านมีน้ำรั่วซึมเข้ามาเพียงเท่านี้ และเมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำ น้ำก็จะแห้งภายใน 5 นาที

    [​IMG]

    ลุยน้ำออกไปถ่ายจากนอกบ้านเข้ามา สภาพประตูกั้นน้ำจะมีลักษณะนี้

    [​IMG]

    บ้านข้าง ๆ ก็ติดตั้งบานประตูกั้นน้ำเช่นเดียวกัน

    [​IMG]

    อีกภาพหนึ่ง

    [​IMG]

    หวัง ว่าบันทึกนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่มีบ้านในหมู่บ้านจัดสรร ที่น้ำเคยท่วมแล้ว จะได้เป็นแนวทางในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านแสนรักในครั้ง ต่อไปได้บ้างตามสมควรครับ


    วิธีป้องกันน้ำเข้าบ้านง่าย ๆ แบบไม่ใช้กระสอบทราย by คุณอนันต์


    จากวิกฤติน้ำท่วม อย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปีนี้ สร้างความสูญเสียให้กับประชาชนผู้ประสบภัยในหลายพื้นที่อย่างที่ไม่เคยเกิด ขึ้นมาก่อน และหลังจากที่มีข่าวมาว่า หลายเขื่อนรองรับน้ำอย่างเต็มพิกัดแล้ว ประกอบกับสภาพอากาศที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ก็คงทำให้คนในพื้นที่เฝ้าระวังต่าง ๆ รวมถึงคนในกรุงเทพฯ ล้วนตื่นตัว และไม่รอช้าที่จะเตรียมรับมือเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันเหตุน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

    ด้วยเหตุนี้ ของที่สำคัญในการป้องกันน้ำท่วมอย่าง "กระสอบทราย" รวมถึงอิฐบล็อกต่าง ๆ จึงขาดตลาด แต่เพื่อน ๆ ก็ไม่ต้องหนักใจไป เพราะในวันนี้เรามีวิธีป้องกันน้ำเข้าบ้าน แนวคิดดี ๆ จาก คุณอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ที่จะใช้วัสดุง่าย ๆ ในการป้องกันน้ำท่วม แบบไม่ต้องใช้กระสอบทราย มาแนะนำกันค่ะ

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]




    -http://hilight.kapook.com/view/63607-

    .
     
  7. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460
    ขออนุโมทนาในมหาทานด้วยครับ
     
  8. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460
    ที่ผมอยู่ก็ได้มีการตั้งศูนย์รับบริจาคหลายจุดและได้ทยอยส่งไปเรื่อยๆ
    ตอนนี้ก็หลายวันแล้วและต่อไปอีกหลายวันครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เรียนท่านประธานชมรมพระวังหน้า , ท่านรองประธานชมรมพระวังหน้า ,ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้า , ท่านผู้สนับสนุนชมรมพระวังหน้า และท่านผู้ที่เคยร่วมทำบุญกับผมทุกๆท่าน

    ผมขอแจ้งวาระงานบุญ กฐินตกค้าง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2554

    จากจดหมายของพี่แอ๊วส่งมาให้ผมและคุณPinkcivil

    เรียนคุณหนุ่ม และ คุณPinkcivilค่ะ
    <O:p</O:p

    พี่ส่งรายละเอียดงานบุญใหญ่มาให้ค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่ล่าช้า ตามสภาพค่ะตอนนี้ ต้องคอยเช็คสถานการณ์น้ำเป็นระยะๆ เพราะบ้านอยู่ในเขตเสี่ยงเช่นกัน
    <O:p
    ปีนี้ผู้คนลำบากกันมาก พระสงฆ์ก็ยิ่งลำบากใหญ่ แต่ถึงฤดูกาลกฐิน จะมากจะน้อยอย่างไรก็คงต้องดำรงคงไว้ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชนนะคะ เราก็เลือกทำบุญที่มีอานิสงส์มากก็แล้วกันค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ปีนี้มีมหากฐินโดยเสด็จพระราชกุศลมาให้พวกเราได้ร่วมบุญกันเหมือนปีที่แล้วค่ะ คือกฐินที่ไม่มีเจ้าภาพจองใน 3 จว.ชต. และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถท่านได้เป็นองค์อุปถัมภ์อยู่<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ถือว่าเราได้ทำบุญอันยิ่งใหญ่กันนะคะ ปีนี้มีวัดตกค้างอยู่ 84 วัด ( เท่าพระชนมายุของในหลวงพอดีเลยนะคะ ) วัดทั้งหมดมีพระจำพรรษาครบ 5 รูป และพระสงฆ์อยู่ครบไตรมาส ถือว่าถวายกฐิน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เป็นการสืบต่องานพระพุทธศาสนาตามพระธรรมวินัยนะคะ พระที่ท่านจำพรรษาอยู่ใน 3 จว.ชต. นี้ถือว่าท่านต้องมีกำลังใจสูงมาก เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อชีวิต และขาดแคลนไปทุกสิ่งทุกอย่าง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เพราะคนเข้าไปทำบุญได้ยาก ปีหนึ่งก็คงมีโอกาสที่จะได้รับปัจจัยไทยธรรมสักครั้งให้สมบูรณ์แบบ เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าภัตตาหารตลอดทั้งปี รวมทั้งค่ายารักษาโรคด้วย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พี่ขอรบกวนคุณหนุ่ม ในการบอกกล่าวข่าวบุญนี้ไปยังพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ทั้งหลายนะคะ เหลือเวลาร่วมบุญแค่ประมาณ 10 วันเท่านั้นเองค่ะ !!!!<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    กราบอนุโมทนา สาธุนะคะ


    <O:p</O:p
    ------------------------------------------------------------
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2011
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียนท่านประธานชมรมพระวังหน้า , ท่านรองประธานชมรมพระวังหน้า ,ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้า , ท่านผู้สนับสนุนชมรมพระวังหน้า และท่านผู้ที่เคยร่วมทำบุญกับผมทุกๆท่าน

    ผมขอแจ้งวาระงานบุญ กฐินตกค้าง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2554

    จากจดหมายของพี่แอ๊วส่งมาให้ผมและคุณPinkcivil

    เรียนคุณหนุ่ม และ คุณPinkcivilค่ะ
    <O:p</O:p

    พี่ส่งรายละเอียดงานบุญใหญ่มาให้ค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่ล่าช้า ตามสภาพค่ะตอนนี้ ต้องคอยเช็คสถานการณ์น้ำเป็นระยะๆ เพราะบ้านอยู่ในเขตเสี่ยงเช่นกัน
    <O:p
    ปีนี้ผู้คนลำบากกันมาก พระสงฆ์ก็ยิ่งลำบากใหญ่ แต่ถึงฤดูกาลกฐิน จะมากจะน้อยอย่างไรก็คงต้องดำรงคงไว้ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชนนะคะ เราก็เลือกทำบุญที่มีอานิสงส์มากก็แล้วกันค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ปีนี้มีมหากฐินโดยเสด็จพระราชกุศลมาให้พวกเราได้ร่วมบุญกันเหมือนปีที่แล้วค่ะ คือกฐินที่ไม่มีเจ้าภาพจองใน 3 จว.ชต. และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถท่านได้เป็นองค์อุปถัมภ์อยู่<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ถือว่าเราได้ทำบุญอันยิ่งใหญ่กันนะคะ ปีนี้มีวัดตกค้างอยู่ 84 วัด ( เท่าพระชนมายุของในหลวงพอดีเลยนะคะ ) วัดทั้งหมดมีพระจำพรรษาครบ 5 รูป และพระสงฆ์อยู่ครบไตรมาส ถือว่าถวายกฐิน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เป็นการสืบต่องานพระพุทธศาสนาตามพระธรรมวินัยนะคะ พระที่ท่านจำพรรษาอยู่ใน 3 จว.ชต. นี้ถือว่าท่านต้องมีกำลังใจสูงมาก เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อชีวิต และขาดแคลนไปทุกสิ่งทุกอย่าง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เพราะคนเข้าไปทำบุญได้ยาก ปีหนึ่งก็คงมีโอกาสที่จะได้รับปัจจัยไทยธรรมสักครั้งให้สมบูรณ์แบบ เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าภัตตาหารตลอดทั้งปี รวมทั้งค่ายารักษาโรคด้วย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พี่ขอรบกวนคุณหนุ่ม ในการบอกกล่าวข่าวบุญนี้ไปยังพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ทั้งหลายนะคะ เหลือเวลาร่วมบุญแค่ประมาณ 10 วันเท่านั้นเองค่ะ !!!!<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    กราบอนุโมทนา สาธุนะคะ

    ------------------------------------------------------------

    ขอเชิญร่วมมหากุศลเป็นเจ้าภาพร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลทอดกฐินตกค้างจำนวน ๘๔ วัด ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
    <O:p</O:p
    ด้วยในกาลกฐินประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ นี้ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงมอบหมายให้กรมราชองครักษ์ดำเนินการสำรวจวัดที่ยังไม่มีเจ้าภาพจองทอดกฐิน ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งพบว่ามีวัดจำนวนทั้งสิ้น ๘๔ วัดยังไม่มีเจ้าภาพจองทอดกฐินในปีนี้ อันเป็นผลกระทบจากการก่อความไม่สงบในพื้นที่ดังกล่าว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน จำนวน ๘๔ ไตร พร้อมพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่ง ให้กรมราชองครักษ์ คณะทำงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาในบวรพุทธศาสนา อัญเชิญไปถวายวัดทั้ง ๘๔ วัด ซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษาครบจำนวน ๕ รูป และอยู่ครบถ้วนไตรมาส<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ในการนี้พระครูปภัสสรวรพินิจ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และพระธวัชชัย ชาครธัมโม ( พระอาจารย์นิล ) ได้รับเป็นเจ้าภาพร่วมในการอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน และการจัดจตุปัจจัยไทยธรรมถวายแด่วัดทั้ง ๘๔ วัด เพื่อร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลในครั้งนี้ด้วย <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จึงขอเรียนเชิญท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายร่วมเป็นเจ้าภาพมหากุศลครั้งนี้ โดยผู้รับเป็นเจ้าภาพสามารถรับเป็นเจ้าภาพได้ทั้ง ๘๔ วัด โดยร่วมบุญตามกำลังศรัทธา หรือ รับเป็นเจ้าภาพกองกฐินกองละ ๓,๐๐๐ บาท จำนวน ๕๐๐ กอง โดยในเบื้องต้น ทางวัดห้วยมงคลจะได้จัดปัจจัยถวายแต่ละวัด วัดละ ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมผ้าไตรจีวร หากมีผู้ทำบุญมาเกินกว่าจำนวนที่ได้ตั้งไว้ ทางวัดจะจัดปัจจัยเฉลี่ยเท่าๆกันถวายแด่วัดทั้งหมดจำนวน ๘๔ วัด ทั้งนี้เจ้าภาพสามารถร่วมทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศลในการร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน และถวายผ้ากฐินสำหรับทุกวัดด้วย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับรายละเอียดและกำหนดการทอดกฐินมหากุศลในครั้งนี้ มีดังนี้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1. วันอาทิตย์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ <O:p</O:p
    เวลา ๐๙.๓๐ น. ถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดวังโต้ อ. นาทวี จ. สงขลา จำนวน ๒๐ วัด<O:p</O:p
    เวลา ๑๓.๐๐ น. ถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดมุจลินทร์ จ. ปัตตานี จำนวน ๓๐ วัด<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    2. วันจันทร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔<O:p</O:p
    เวลา ๐๙.๓๐ น. ถวายผ้าพระกฐินที่วัดเขากง จ. นราธิวาส จำนวน ๓๔ วัด

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    รายชื่อวัด (ตามไฟล์แนบ ผมได้มาเพียง 80 วัดครับ)


    -------------------------------------------

    บัญชีที่ผมใช้สำหรับงานบุญนี้ ผมใช้บัญชีส่วนตัวผม

    ดังนั้น หากท่านผู้อ่านที่เคยร่วมทำบุญพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง มีความลังเล , สงสัย , เคลือบแคลง , ไม่มั่นใจ , ไม่แน่ใจ และกลัวว่าผมจะมีส่วนได้ส่วนเสียในเงินร่วมทำบุญนี้ ก็ไม่ต้องทำบุญครับ

    สำหรับท่านผู้อ่านที่เคยร่วมทำบุญพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ผมให้สิทธิในการร่วมทำบุญ แต่ผมขอให้อยู่ในดุลยพินิจของผมว่า จะให้ร่วมทำบุญได้หรือไม่ หากท่านใดที่ผมอนุญาตให้ร่วมทำบุญ ผมจะให้ท่านแจ้ง ชื่อ - นามสกุล และที่อยุ่มาให้ผมก่อน แล้วผมจะส่งหมายเลขบัญชีที่จะให้โอนเงินร่วมทำบุญไปให้อีกครั้งครับ

    ระยะเวลาในการร่วมทำบุญ สิ้นสุดในวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2554 เวลา 18.00 น.ครับ

    โมทนาบุญทุกประการ

    sithiphong
    20/10/2554

    . <O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    พี่หนุ่มเราแอบไปปลดผ้ายันต์ของพี่เพชรมาไว้ที่บ้านพี่หนุ่มดีกว่าไหมครับ 555
     
  12. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    มีอะไรที่ช่วยกันได้ก็ต้องช่วยกันครับผมยิ่งในยามไม่ปกติแบบนี้ เป็นกำลังใจให้พี่ๆทุกท่านนะครับสู้ๆ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    Thaiflood เปิดแถลงการณ์ฉบับที่ 2-3 เรื่องน้ำท่วม


    [​IMG]







    แถลงการณ์ฉบับที่ 2 โดยศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย - Thaiflood.com

    แถลงการณ์นี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ชาวกรุงเทพเตรียมรับมือสถานการณ์ในอีก 24 ชั่วโมง (ช่วยบอกต่อให้ได้มากที่สุด)

    1. ผู้ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้อื่น ให้เร่งทำภารกิจแรกคือ ดูแลครอบครัวให้ปลอดภัย ท่านจะมีแรงกายแรงใจไปช่วยคนได้อีกมาก

    2. ขอให้ทุกภาคส่วนลดภารกิจการแจกถุงยังชีพตามบ้าน เพิ่มภารกิจการสนับสนุนศูนย์พักพิงให้มีศักยภาพ รีบพาคนออกมาให้เร็ว

    3. เตรียมพลังงานสำรอง เช่น แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือชาร์จให้เต็ม ไฟฉายฉุกเฉิน ไฟแช็คจุดไฟ สำรองน้ำมันในถังที่ปลอดภัย

    4. เร่งสำรองน้ำสะอาดในภาชนะเท่าที่หาได้ เลี่ยงการบริโภคน้ำที่สงสัยว่าจะปนเปื้อนสารเคมี จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม

    5. ขอให้รัฐบาลประกาศแผนการอพยพที่มีข้อมูลละเอียดชัดเจน ต้องร่วมบูรณาการกับภาคเอกชนและประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทุกแห่ง


    ประกาศ ณ วันที่ 20 ต.ค. 2554 เวลา 16.00 น.


    [​IMG]






    -http://hilight.kapook.com/view/63908-

    .

     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    แนะวิธีหุงข้าวสวย ที่เก็บได้นานโดยไม่บูด



    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณลูกหมูใจดี

    วิกฤติน้ำท่วมในขณะนี้ ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีวี่แววว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงได้เลย บรรดาประชาชนผู้ประสบภัยหลายคนต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงที่ทางการได้จัดตั้ง รองรับไว้ แต่ก็ยังมีประชาชนบางส่วนที่ไม่สามารถอพยพออกจากพื้นที่ได้ ต้องทนอาศัยอยู่บนบ้านชั้นสอง หรือตามวัดวาอารามต่าง ๆ ทั้ง นี้ พวกของใช้ เสื้อผ้าต่าง ๆ ถ้าเก็บขึ้นไว้บนที่สูงไม่ทัน ก็ต้องจมอยู่ใต้บาดาล หรือไม่ก็ลอยไปกับกระแสน้ำ ... ประชาชนเหล่านี้ทำได้เพียง รอถุงยังชีพที่ทางรัฐบาลจะส่งมาช่วยเหลือเพียงเท่านั้น...

    มาว่ากันด้วยถุงยังชีพ ส่วนมากอาหารที่ถูกบรรจุในนั้น มักจะมีแต่ข้าวสาร บะหมี่สำเร็จรูป ที่ต้องทำให้สุกก่อนถึงจะทานได้ ทั้งนี้ผู้ประสบภัยหลาย ๆ คนที่ไม่มีครัวสำหรับหุงหาอาหาร ก็ต้องทนกินบะหมี่สำเร็จรูปดิบ ๆ หรือปลากระป๋องอย่างเดียวซึ่งไม่อิ่มท้อง ส่วนข้าวสวยบรรจุกระป๋อง ก็มีราคาแพงและปริมาณน้อย วันนี้ คุณลูกหมูใจดี จากเว็บไซต์พันทิป ก็ใจดีแนะวิธีหุงข้าวสวยที่เก็บไว้ได้หลายวันโดยไม่บูด ให้เพื่อน ๆ ทั้งหลายได้ทำกักตุนเก็บไว้เป็นเสบียง หรือว่านำไปช่วยผู้ประสบภัยก็ได้มาฝากกันค่ะ ...

    คุณลูกหมูใจดีบอกเล่าวิธีว่า ปกติที่บ้านของเขาเวลาหุงข้าวสวย จะใส่น้ำส้มสายชูลงไปด้วย 1 ช้อนชาเป็นประจำสม่ำเสมออยู่แล้ว เพราะข้าวสวยที่หุงโดยการเติมน้ำส้มสายชูลงไป สามารถอยู่ได้หลายวันโดยที่ไม่บูด ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณลูกหมูใจดีเคยหุงข้าวแล้วลืมทิ้งไว้ในหม้อข้าวนาน 4 วัน แต่เมื่อมาเปิดดูก็พบว่า ข้าวก็ยังคงอยู่ในสภาพดี ไม่บูด ไม่มีกลิ่น และไม่แฉะด้วย

    จากนั้นคุณลูกหมูใจดี ก็หุงข้าว โดยเติมน้ำส้มสายชูมาตลอด แล้วปล่อยคาหม้อทิ้งไว้ 4 - 5 วัน ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่า การหุงข้าวแล้วใส่น้ำส้มสายชู ทำให้ข้าวไม่บูดจริง แล้วสามารถนำมาทานได้ตามปกติ ส่วนวิธีทำก็ง่าย ๆ เพียงแค่เติมน้ำส้มสายชูไปประมาณ 1 ช้อนชาลงไปในหม้อหุงแล้ว และเมื่อข้าวสุกก็ตักใส่ถุง อย่าเพิ่งรัดยาง รอให้ไอน้ำระเหยก่อน เพราะถ้ารัดยางในขณะนั้นอาจจะทำให้ข้าวเป็นราได้

    เอ้า!... ใครที่อยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงก็เอาวิธีนี้ไปใช้ได้นะคะ หรือว่าใครจะนำข้าวสวยไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยก็ดีเยี่ยมไปเลยค่ะ


    -http://hilight.kapook.com/view/63865-


    .

     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    วิธีดูแลรถหลังจมน้ำ-แนะดูรถย้อมแมวขาย หลังน้ำท่วม




    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ ม.รังสิต เผยวิธีดูแลรถยนต์หลังจมน้ำ ระบุควรปลดแบตตัดการจ่ายไฟ-ถ่ายน้ำมันออกให้หมดเพราะอาจเกิดสนิม พร้อมแนะวิธีดูว่ารถมือสองว่าถูกย้อมแมวขายหลังจมน้ำหรือไม่

    ปัญหาอุทกภัยในขณะนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อทรัพย์สิน สิ่งใดสามารถเคลื่อนย้ายได้ก็ย้าย แต่ถ้าหากเคลื่อนย้ายไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้จมน้ำตามสภาพการณ์ ซึ่งถ้ามองดูแล้วทรัพย์สินจำพวกรถยนต์ เป็นทรัพย์สินที่ผู้คนหวงมากเป็นลำดับต้น ๆ เพราะมีมูลค่าสูง ไม่สามารถยกขึ้นที่สูงหนีน้ำได้และถ้าจมน้ำ ย่อมหมายถึงการเสียหายในทันที ดัง นั้นจะเห็นได้ว่า หลายคนจึงนำรถไปจอดบนอาคารสูงหนีน้ำท่วมก่อน ใครสามารถจอดทันก็โชคดี แต่ถ้าจอดไม่ทันขึ้นมาล่ะ? ก็คงหนีไม่พ้นการจมน้ำ

    ด้วยเหตุนี้ อ.รักชาติ แสงวงศ์ หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมยานยนต์และหัวหน้าศูนย์บริการยานยนต์ มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้แนะนำถึงวิธีดูแลรถยนต์หลังจากผ่านการจมน้ำเบื้องต้น ผ่านศูนย์ข่าวอาร์เอสยูนิวส์ มหาวิทยาลัยรังสิต ดังนี้

    [​IMG] ควรปลดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อนเพื่อตัดระบบการจ่ายไฟ และไม่ควรสตาร์ทรถ เนื่องจากปัจจุบันมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสมองกล ซึ่งระบบเหล่านี้จมน้ำเพียง 5 นาที ก็เกิดความเสียหาย ถ้าหากจมน้ำ 1-2 วัน ระบบอาจจะเป็นสนิมได้

    [​IMG] จากนั้นเช็คเครื่องยนต์และทำการเป่าหรือใช้สเปรย์ไล่ความชื้น เพราะในช่วงที่ดับเครื่อง กระบอกสูบบางกระบอกยังทำงาน อาจทำให้น้ำเข้าได้ และค่อยถ่ายน้ำมันทุกชนิดออกทันที เนื่องจากถ้าน้ำผสมกับน้ำมัน จะทำให้เกิดสนิม
    [​IMG] ในปกติค่าซ่อมแซมรถยนต์ที่ถูกจมน้ำ จะมีราคาประมาณ 3 แสนบาท เนื่องจากทุกอย่างจะเสียหมด และยังต้องผ่าเครื่องยนต์ดูอีกว่ามีน้ำขังหรือไม่ และแม้ว่าเสียเงินซ่อม สภาพก็ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม เพราะมีอุปกรณ์บางตัวไม่สามารถนำออกมาได้ ทั้งนี้ แนะนำว่า ควรส่งซ่อมที่ศูนย์ของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ แต่ถ้าจะซ่อมอู่ ก็ควรเลือกอู่ที่มีมาตรฐาน มีผู้เชี่ยวชาญควบคุม ถ้าหากเป็นรถยนต์ประกันชั้น 1 บริษัทประกันจะรับผิดชอบทั้งหมด

    [​IMG]

    นอกจากนี้ อ.รักชาติ ยังได้แนะนำข้อควรระวังการซื้อรถยนต์มือสองว่าเป็นรถที่ถูกน้ำท่วมหรือไม่ โดยให้สังเกตจากสิ่งต่อไปนี้...

    [​IMG] สิ่งแรกที่ตรวจได้คือ เปิดประตูรถเข้าไปจะได้กลิ่นอับในทันที เพราะน้ำท่วมไม่ใช่น้ำสะอาด ซ่อมดีอย่างไรก็ไม่สามารถลบกลิ่นอับออกไปได้ในระยะเวลาอันสั้น

    [​IMG] จากนั้นตรวจที่ระบบจ่ายไฟว่ามีความขัดข้องหรือไม่ เพราะรถยนต์ที่จมน้ำ ระบบจ่ายไฟจะมีสภาพไม่เหมือนก่อนจม

    [​IMG] สิ่งสุดท้ายที่ตรวจสอบได้คือ ดูน็อตขันเครื่องยนต์ว่าเป็นสนิมหรือไม่

    สำหรับใครที่มีแผนจะซื้อรถยนต์มือสองในระยะเวลาอันใกล้นี้ ก็คงต้องตรวจสอบกันให้ดี ๆ นะจ๊ะ จะได้ไม่ถูกหลอกซื้อรถที่จมน้ำ ไม่เช่นนั้น อาจจะต้องขับไปซ่อมไปนะเออ







    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    rsunews.net



    -http://hilight.kapook.com/view/63876-

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    เตรียมรับมือหวัด ไข้หวัดใหญ่


    ฤดูกาลฝนหนักของปีมาถึงแล้ว อากาศชื้น โรคภัยไข้เจ็บก็ชุกชุม ไข้หวัดใหญ่มาเยือนทุกปี เป็นทีต้องนอนนานเป็นอาทิตย์ หาวิธีป้องกันรับมือกันดีกว่า โรคทางเดินหายใจนี้ การติดต่อก็ผ่านจากเพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว หรือในที่ชุมชน ติดกันไปติดกันมา บางทีแค่หวัด ก็ทำให้รำคาญไปได้หลายวัน

    เพราะถ้าเป็นแล้วไม่หายง่าย ๆ การกินยาปฏิชีวนะไม่ได้ทำให้หายจากโรคแต่เป็นการบังคับให้เราพักผ่อนและฟื้น ตัวได้เร็วขึ้นการป้องกันเป็นเรื่องสำคัญ เรามาดูกันว่า เรามีวิธีรับมือกับมันอย่างไรดีอันดับแรก ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

    สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องป้องกันล่วงหน้า ป่วยไข้ไม่ได้ เช่น ต้องเดินทางไปต่างประเทศ หรือมีงานสำคัญที่ต้องระวังร่างกายให้แข็งแรง วิธีนี้มีราคาที่ต้องจ่ายแพงกว่าข้ออื่น ๆ บางคนกลัวเข็มฉีดยา วิทยาการที่ก้าวหน้า ก็มีวัคซีน แบบพ่นเข้าจมูกมาให้ใช้กัน ก็สะดวกดีนะ

    2. ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
    การติดต่อโรคไข้หวัดใหญ่นอกจากได้รับเชื้อจากอากาศแล้ว การที่ผู้ป่วยจามใส่มือตัวเองแล้ว เอามือไปจับตามที่ต่าง ๆ ทิ้งเชื้อโรคเอาไว้ตามราวจับรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือบานประตูต่าง ๆ เรามาจับตามหลัง เจ้าเชื้อโรคทั้งหลายก็เปลี่ยนมาหาเหยื่อรายใหม่ ก่อนที่มันจะเข้าสู่ร่างกายของเรา เราต้องตัดตอนมันด้วยการล้างมือทุกครั้งที่ผ่านการเดินทาง หรือก่อนกินอาหาร
    ล้างด้วยสบู่ ล้างให้ถึงข้อมือ ซอกมือ ซอกเล็บ และล้างนานพอควรถึงจะปลอดภัย นักวิชาการสาธารณสุขบอกเคล็ดลับว่าให้ล้างมือแล้วร้องเพลง แฮปปี้เบิร์ทเดย์ จนจบ จึงจะถือว่าสะอาด (แนะนำว่าร้องในใจก็พอนะจ๊ะ) แต่ถ้าหาห้องน้ำใกล้ ๆ ไม่ได้แนะนำให้พกเจลล้างมือที่เรารู้จักกันว่า Hand Sanitizer ติดกระเป๋าถือไว้ ก็จะปลอดภัยดี และขอบอกให้ช่วยกันเปลี่ยนวิธีการจามใส่ฝ่ามือตัวเองเป็นหันจามเข้าหาหัว ไหล่ตัวเอง จะปลอดภัยต่อการแพร่เชื้อได้ดี แต่ยกเว้นในกรณีที่ชอบให้หนุ่มหรือสาวคู่ควงซบไหล่ เดี๋ยวจะหาว่าเราวางยาแพร่เชื้อให้

    3. ทำความสะอาดที่ทำงานสม่ำเสมอ
    แหล่งแพร่เชื้อยอดนิยมอีกแหล่งหนึ่งก็คือที่ทำงาน โต๊ะทำงาน เมาส์ คีย์บอร์ด หรือ โทรศัพท์ เพราะมีโอกาสที่เพื่อนร่วมงานของคุณที่จะทิ้งเชื้อที่เราไม่พึงประสงค์ไว้ รอบ ๆ เครื่องใช้สำนักงาน โต๊ะทำงานของเรา วิธีป้องกันคือทำความสะอาดทุกวัน หากใช้น้ำยาฆ่าเชื้อบ้างบางโอกาสก็จะยิ่งดี หรือบางคนยอดอนามัย พกยาฆ่าเชื้อติดโต๊ะไว้เลย ฉีดเช้าฉีดเย็น

    4. ออกกำลังกาย (สร้างภูมิคุ้มกัน ปราการแข็งแกร่ง)
    ไม่ต้องสาธยายข้อดีของการออกกำลังกายกันมาก คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะทำให้การไหลเวียนของเซลล์เม็ดเลือดขาวไปได้ทั่ว ร่างกาย เพื่อต่อสู้กับบรรดาเชื้อที่แปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย แต่ถ้าเป็นไข้หวัดแล้วไม่ต้องพูดถึงการออกกำลังกาย เพราะแรงแทบจะไม่มี

    5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
    ถ้าเป็นคนนอนน้อย ร่างกายอ่อนเพลีย โอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่าย แต่ถ้านอนหลับพักผ่อนเพียงพอ กินอาหารถูกส่วน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับรองว่าปลอดภัย แต่ถ้าคุณติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ไปแล้วการนอนพักผ่อนมาก ๆ จะทำให้ฟื้นตัวเร็ว

    6. ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ
    ในช่วงอากาศแห้งแบบหน้าหนาวบ้านเรา เชื้อไข้หวัดจะสามารถแพร่กระจายไปได้ไกลและมีชีวิตอยู่ในอากาศได้นาน และเป็นช่วงเดียวกับที่จมูกเราจะค่อนข้างแห้ง หากเราสูดเข้าไปมันก็จะเจริญเติบโตได้ดี วิธีป้องกันด้วยการดื่มน้ำมาก ๆ ร่างกายเราก็จะชุ่มชื้นไม่ให้เชื้อโรคเติบโตได้ง่าย บางคนมีวิธีป้องกันไปยิ่งกว่านั้น ใช้น้ำเกลือหยดเข้าไปรูจมูกให้ชุ่มชื้นและป้องกันเชื้อโรคไปพร้อมๆ กัน

    7. ยอมเสียมารยาทไม่จับมือกับคนอื่น
    โชคดีที่วัฒนธรรมไทยไม่นิยมจับมือทักทาย แต่ในบางโอกาสมารยาทสังคมสมัยใหม่ทำให้หลีกเลี่ยงได้ยาก วิธีเลี่ยงข้อแรก ทำให้มือไม่ว่างถือของ ถือกระเป๋า ให้ไม่มีโอกาสต้องจับมือ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องรีบทำความสะอาดให้เร็วที่สุด เพราะเราไม่แน่ใจเลยว่ามือใครจะสะอาดจนดมได้ โดยเฉพาะมือนักการเมืองไทย เลี่ยงได้ขอให้เลี่ยงเต็มที่

    8. อย่าเอามือคุ้ยแคะแตะตาไชจมูก
    หลาย ๆ คนมักมีนิสัยชอบเอามือลูบหน้าลูบปากอยู่บ่อย เวลาทำงานบางทีสายตาล้าเพราะจอคอมพ์ก็เอามือขยี้ตา บางที่ก็ทำอะไรแผลง ๆ เวลาเครียด อมนิ้ว แคะเล็บมาดม
    การทำแบบนี้เป็นช่องทางอย่างดีที่ทำให้เชื้อโรคจากมือเราเข้าสู่ร่างกายได้ อย่างสะดวก เป็นอีกสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เราติดเชื้อแบบไม่รู้ตัว วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือทำมือเราให้สะอาดเสมอ ไม่ว่าจะล้างมือบ่อย ๆ หรือ ใช้เจลฆ่าเชื้อโรค

    9. ล้างมือก่อนมื้ออาหารเสมอ
    ฝึก ตัวเอง ฝึกคนในครอบครัวให้ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนมื้ออาหาร อย่าติดนิสัยใช้มือกินอาหารเพราะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พาเชื้อโรคเข้าสู่ ร่างกายเราไดง่ายที่สุด

    10. เลิกสูบบุหรี่
    บุหรี่ตัวต้นเหตุของสารพัดโรค บุหรี่ทำให้ระบบหายใจของเราไม่สมบูรณ์ เกิดการอักเสบในช่องจมูก ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เลิกเสียวันนี้แต่ถ้ายังเลิกไม่ได้ ขอให้สูบแบบไม่มีใครรับผลร้ายจากควันของคุณ


    -http://women.sanook.com/940470/%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94-%e0%b9%84%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88/-

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .



    สั่งยกรถจอดเลน 2 ทางด่วนงามวงศ์วาน-แจ้งวัฒนะแล้ว



    [​IMG]

    บริเวณทางขึ้น - ลง ทางด่วนแจ้งวัฒนะ ภาพถ่าย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2554 เวลา 06.43 น.


    [​IMG]

    บริเวณทางขึ้น - ลง ทางด่วนแจ้งวัฒนะ ภาพถ่าย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2554 เวลา 06.45 น.


    [​IMG]

    บริเวณทางขึ้น - ลง ทางด่วนแจ้งวัฒนะ ภาพถ่าย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2554 เวลา 06.46 น.


    [​IMG]

    บริเวณทางขึ้น - ลง ทางด่วนแจ้งวัฒนะ ภาพถ่าย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2554 เวลา 06.47 น.


    [​IMG]

    บริเวณทางขึ้น - ลง ทางด่วนแจ้งวัฒนะ ภาพถ่าย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2554 เวลา 07.00 น.



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก pantip.com โพสต์โดย คุณ เฒ่าน้อย

    คน แห่จอดรถริมสะพานหนีน้ำคลองประปา ทำรถติดหนัก รองภาณุประกาศให้นำรถออกจากทางด่วน-สะพานกลับรถ ฝ่าฝืนเจอยกรถ ด้าน กทพ.รับห้ามลำบาก วอนให้จอดช่องทางฉุกเฉินทางซ้ายสุดเท่านั้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ (20 ตุลาคม) ได้มีประชาชนจำนวนมากริมคลองประปา นำรถยนต์ไปจอดทิ้งบนสะพานข้ามแยก สะพานกลับรถ และทางด่วน ทั้งในบริเวณแจ้งวัฒนะ ต่างระดับงามวงศ์วานและประชาชื่น สะพานข้ามแยกประชานุกูล สะพานข้ามต่างระดับรัชวิภา ส่งผลให้การจราจรในบริเวณดังกล่าวติดขัดอย่างหนัก

    ล่าสุด พล.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.กำกับดูแลด้านจราจร กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตระเวนประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของรถกลับไปนำรถออกมาแล้ว และประกาศว่าจะนำรถยกของทางการมายกรถที่จอดขวางเส้นทางจราจรออก โดยเฉพาะที่กลับรถแถวแฟชั่นไอส์แลนด์ สะพานข้ามต่างระดับรัชวิภา เพราะการนำรถมาจอดสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก พร้อมกับแนะนำให้นำรถไปจอดในแนวถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นจุดที่มีถนนสูง และในช่องทางคู่ขนานสามารถจอดรถได้เป็นหมื่นคัน

    ทั้ง นี้ พล.ต.ภาณุ ยังเตือนด้วยว่าไม่ให้นำรถขึ้นไปจอดบนทางยกระดับ หรือทางด่วนอย่างเด็ดขาด เพราะต้องใช้เป็นเส้นทางลำเลียงขนส่งไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน หากนำรถไปจอดขวางจะยิ่งสร้างปัญหา ดังนั้น หากมีการฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่จะยกรถไปเก็บที่สถานีตำรวจทันที

    ด้านนายมณเฑียร กุลธำรง รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ทาง กทพ.ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปจอดบนสะพานต่างระดับ และทางด่วน แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดปัญหาน้ำทะลักเข้ามายังคลองประปา ทำให้ประชาชนนำรถขึ้นมาจอดบนทางด่วนเป็นจำนวนมาก และยอมรับว่าเข้าไปห้ามลำบาก จึงต้องขอ ความร่วมมือจากประชาชนให้จอดเฉพาะช่องฉุกเฉินทางซ้ายสุดเท่านั้น แต่จอดล้ำออกมายังช่องทางที่ 2 ทาง กทพ.จำเป็นต้องใช้รถยกออกไป เพื่อเปิดทางจราจร

    อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ จส.100 ได้รายงานว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทยยืนยันจะยกรถที่จอดทิ้งบนทางด่วนช่วงงามวงศ์วานและ แจ้งวัฒนะแถวที่สองทั้งหมด เพราะเป็นสาเหตุทำให้รถติดขัดมาก


    [​IMG]

    บริเวณสะพานข้ามรัชวิภา ภาพถ่าย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2554


    [​IMG]

    บริเวณสะพานข้ามรัชวิภา ภาพถ่าย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2554


    [​IMG]

    บริเวณสะพานข้ามรัชวิภา ภาพถ่าย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2554 ​




    ทั้งนี้ กทพ.ได้จัดสถานที่จอดรถให้ใน 9 จุด ใต้ทางด่วน ซึ่งยังมีที่ว่างอยู่ถึง 2,700 คัน ประกอบด้วย

    [​IMG] 1. ใต้ทางด่วนด่านฯ งามวงศ์วาน 200 คัน
    [​IMG] 2. ใต้ทางด่วนด่านฯ รัชดาภิเษก 100 คัน
    [​IMG] 3. ลานกีฬาใต้ทางด่วนหลัง รพ.พระมงกุฎเกล้า 200 คัน
    [​IMG] 4. ที่จอดรถใต้ทางด่วนด่านฯ อโศก 1 จอดได้ 100 คัน
    [​IMG] 5. ใต้ต่างระดับวัชรพล ถนนรามอินทรา (ฝั่งเหนือ) 200 คัน
    [​IMG] 6. ใต้ทางด่วนรามอินทรา ตั้งแต่จุดกลับรถ 1,000 คัน
    [​IMG] 7. ใต้ทางด่วนด่านฯ พระราม 9-1 จอดได้ 500 คัน
    [​IMG] 8. ใต้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ 100 คัน
    [​IMG] 9. ใต้สะพานพระราม 9 ฝั่งธนบุรี 300 คัน







    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก มติชนออนไลน์ , ไทยPBS , เดลินิวส์ และ @js100radio

    [​IMG] [​IMG] [​IMG], @js100radio



    .

    -http://hilight.kapook.com/view/63823-


    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ประกันภัยมั่นใจจ่ายสินไหมรถพังได้


    ประกันภัยมั่นใจจ่ายสินไหมน้ำท่วม เบื้องต้นทิพยประกันภัยประเมินเสียหายรถยนต์กว่า 1,306.2 ล้านบาท
    วันนี้ (20 ต.ค.) นายพันธ์เทพ ชัยปริญญา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสินไหมทดแทน บริษัท วิริยะประกันภัย เปิดเผยว่า ลูกค้ารถยนต์ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมมีประมาณ 1,500-1,600 คัน คิดเป็นทุนประกันภัยประมาณ 800 ล้านบาท โดยประเมินความเสียหายของลูกค้าเบื้องต้นไว้ประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าที่ทำประกันภัยชั้น 1 ได้รับความคุ้มครองภัยธรรมชาติอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีนโยบายพักหรือผ่อนชำระเบี้ยประกัน เพราะตามพรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ระบุไว้ว่า ถ้าไม่ชำระเบี้ยตามสัญญาจะไม่คุ้มครองเจ้าของรถ ทั้งนี้เชื่อว่าปัญหาอุทกภัยจะส่งผลให้ลูกค้าหันมาทำประกันภัยชั้น 1 มากขึ้น

    สำหรับข้อแนะนำลูกค้าที่ประสบภัยน้ำท่วมนั้น จะต้องจัดเก็บทรัพย์สินที่อยู่ภายในรถยนต์ออกทั้งหมด และดึงขั้วหัวเทียนรถยนต์ออก เพราะอาจส่งผลเสียหายต่อเครื่องยนต์หากไฟเกิดสลับขั้วได้ และลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือด้วยการให้บริษัทฯ ช่วยในด้านจัดหารถยกสามารถติดต่อศูนย์คอลเซ็นเตอร์ 1557 ตลอด 24 ชม. ซึ่งอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายบ้างหากกรณีที่ลูกค้าไม่ได้แจ้งข้อมูลให้บริษัท ทราบล่วงหน้า

    นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด กล่าวว่า ได้ประเมินความเสียหายเบื้องต้นทรัพย์สินที่อยู่อาศัย ทั้งรถยนต์ บ้าน และทรัพย์สิน โรงงานและร้านค้าเป็นมูลค่า 1,306.2 ล้านบาท ซึ่งขอให้ลูกค้ามั่นใจว่าหลังจากที่น้ำลดบริษัทจะเข้าไปตรวจสภาพความเสียหาย พร้อมลูกค้า เพื่อจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับลูกค้าทันที โดยวงเงินที่จ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าประมาณ 10% มาจากบริษัท และที่เหลือมาจากบริษัทประกันภัยต่างประเทศ ทั้งนี้ยืนยันจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าไม่กระทบฐานะทางการเงินของบริษัท ลูกค้ารายใดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสามารถแจ้งข้อมูลเพื่อติดต่อเจ้า หน้าที่ได้ที่คอลเซ็นเตอร์ 1736.

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=310&contentID=171041-

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    วุ้นว่านหางฯ แก้แผลในปาก


    แม้แผลร้อนในที่เกิดขึ้นภายในช่องปากจะไม่ใช่ความผิดปกติที่ส่งผลรุนแรงต่อ สุขภาพ แต่ปัญหาที่ว่านี้ นำความรู้สึกเจ็บแสบให้กับช่องปาก ซึ่งเป็นอวัยวะส่วนที่คนเราใช้รับรสชาดอาหารต่างๆ เวลาที่เป็นแล้วจะกินอะไรก็ไม่อร่อย เผลอเอาลิ้นไปโดน ก็เจ็บแปลบแสบขึ้นมา ช่างเป็นแผลที่สร้างความรำคาญเสียจริง

    การรักษาแผลร้อนในซึ่งอยู่ในช่องปาก อันที่จริงก็พอเยียวยาได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะบ้านไหนที่ปลูกว่านหางจระเข้ไว้ ให้ไปตัดกาบว่านหางจระเข้ขนาด 2-3 นิ้ว จากนั้นนำไปล้างน้ำทำความสะอาด ใช้มีดปอกเปลือกออกแล้วล้างซ้ำอีกครั้ง ก็จะได้เนื้อวุ้นที่มีลักษณะเป็นก้อนเมือกเหนียวๆ บรรเทาอาการเจ็บและแสบลงได้ ควรทาที่แผลให้บ่อย หรือราว 4 ครั้งต่อวัน

    ทั้งนี้เนื้อวุ้นของว่านหางจระเข้นั้นกินได้ไม่อันตราย จึงสามารถหั่นเนื้อวุ้นเป็นชิ้นนำไปอมหรือเคี้ยวให้ละเอียดแล้วให้ไปสัมผัส กับแผล ลดอาการเจ็บแผล ช่วยแผลหายเร็ว

    อย่างไรก็ตาม หลังจากตัดกาบว่านหางจระเข้ออกมาแล้ว ควรนำมาใช้รักษาแผลในปากอย่างรวดเร็ว หากปล่อยไว้สรรพคุณจะเสื่อมลง.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
    -takecareDD@gmail.com-

    .

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=460&contentId=170623-

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    คุกสาวใหญ่ไปรษณีย์อมเงิน


    สั่งจำคุก 5 ปี สาวใหญ่จนท.ไปรษณีย์ไทยยักยอกเงิน เผยซื้อของจริงแค่ 1.9 พันบาท แต่เขียนเบิก 8.2 พันบาท

    วันนี้ (20 ต.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตต่อหน้าที่ อ.3020/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นางช่อผกา แพงวาปี หรือไชยศิริ อายุ 44 ปี เจ้าพนักงานธุรการระดับ 6 ของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองโดยทุจริต

    คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2553 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 17 ม.ค. -6 ก.พ. 2551 จำเลย ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลจัดทำสคริปบอร์ดประชาสัมพันธ์ขององค์การ และมีหน้าที่รับผิดชอบประดับผ้าขาว-ดำ บริเวณประตูทางเข้าของบริษัทไปรษณีย์ไทยฯ สำนักงานใหญ่ ถนนแจ้งวัฒนะ และได้บังอาจปลอมใบเสร็จรับเงินค่าซื้อผ้าขาว-ดำ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ สูงกว่าความเป็นจริง เพราะความจริงแล้วจำเลยได้ซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ไปเพียง 1,900 บาทเท่านั้น แต่จำเลยเขียนใบเสร็จเบิกเงินจำนวน 8,200 บาท ทำให้จำเลยได้เงินจำนวน 6,300 บาทเป็นของตนเองโดยทุจริต

    ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว พยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ปราศจากข้อสงสัย เห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ตามม.4 ของพ.ร.บ.ว่าความความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 พิพากษาจำคุก 5 ปี และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 6,300 บาทแก่บริษัทไปรษณีย์ไทย.

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=419&contentID=171014-


    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...