พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    การทางพิเศษ จัดที่จอดรถ 9 แห่งหนีน้ำท่วม


    การทางพิเศษ แจ้งจัดสถานที่ที่จอดรถหนีน้ำท่วม ใต้ทางพิเศษ 9 แห่ง จำนวน 2,900 คัน ยัน ไม่อนุญาตให้จอดบนทางด่วน หวังใช้ทางช่วยเหลือผู้ประสบภัย


    การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม จัดที่จอดรถใต้ทางพิเศษไม่กีดขวางการจราจร 9 แห่ง รวม 2900 คัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากการเกิดอุทกภัยตามที่ กทพ.ได้ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจการป้องกันและการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของ กทพ. เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ใช้บริการและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากน้ำ ท่วม โดยเน้นการช่วยเหลือรถยนต์ที่ใช้ทางพิเศษที่อาจจะมีน้ำท่วมขังและการช่วย เหลือรถที่สัญจรผ่านบริเวณน้ำท่วม

    จากปัญหาภาวะน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและหลายพื้นที่ของ ประเทศไทยและมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น จนประชาชนต้องอพยพเคลื่อนย้ายทรัพย์สินและกระแสน้ำตัดขาดการจราจรในบาง พื้นที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการตำรวจจราจร การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบริษัททางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จึงได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภ.ปากเกร็ด เป็นต้น ในการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยการจัดพื้นที่ใต้ทางพิเศษเป็นที่จอดรถชั่วคราวจำนวน 9 แห่งสามารถจอดรถได้ 2900 คัน ดังนี้

    ใต้ทางด่วนด่านงามวงศ์วาน 200 คัน
    ใต้ทางด่วนด่านรัชดาภิเษก 100 คัน
    ลานกีฬาใต้ทางด่านหลังโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 200 คัน
    ที่จอดรถใต้ทางด่วนอโศก 1 300 คัน
    ใต้ต่างระดับวัชรพล ถนนรามอินทราฝั่งเหนือ200 คัน
    ใต้ทางด่วนรามอินทราตั้งแต่จุดกลับรถติดถนนรามอินทราถึงแนวคลอง 1000 คัน
    ใต้ทางด่วนด่านพระราม 9-1 จำนวน 500 คัน
    ใต้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ 100 คัน
    ใต้สะพานพระราม9ฝั่งธนบุรี 300 คัน

    ทั้งนี้ กทพ.ขอสงวนเส้นทางบนทางพิเศษทุกสาย เพื่อใช้เป็นเส้นทางส่งกำลังบำรุงวัสดุอุปกรณ์ในการช่วยเหลือผู้ประสบ อุทกภัย เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมยังคงมีความรุนแรง จนทำให้การจราจรขนส่งอาจต้องหยุดชะงัก ทางพิเศษจึงเป็นเส้นทางหลักสุดท้ายในการขนส่งความช่วยเหลือต่าง ๆ ไปยังพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนได้ จึงห้ามจอดรถทุกชนิดในทางพิเศษ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สินและอุบัติเหตุที่มีความเสี่ยงสูง โดยจะตรวจสอบจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หากพบมีรถฝ่าฝืนจะดำเนินการเคลื่อนย้ายออกจากทางพิเศษ

    โดยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ให้บริการจอดรถฟรี สำหรับผู้ประสบเหตุอุทกภัยได้ที่ ศูนย์ประสานงานการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของ กทพ.โทร.1543 ตลอด 24 ชั่วโมง


    -http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9540000131648-

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เช็คเบอร์โทรศัพท์ เช็คเว็บไซต์ตรวจสอบข้อมูลน้ำท่วม <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</td> <td class="date" align="left" valign="middle">15 ตุลาคม 2554 06:21 น.</td> </tr></tbody></table>

    ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญ

    1.สำนักนายกรัฐมนตรี 1111 กด 5
    2.สายด่วน ปภ. (กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย) 1784
    3.หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โทร 1669
    4.ศูนย์ความปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท 1146
    5.ตำรวจทางหลวง สอบถามเส้นทางน้ำท่วม ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 1193
    6.การรถไฟแห่งประเทศไทย 1690
    7.สายด่วน กฟภ. 1129
    8.ท่าอากาศยานไทย 02-535-1111
    9.สายด่วน กรมชลประทาน โทร 1460 หรือ 02 669 2560 (24 ชั่วโมงช่วงวิกฤติ)
    10.สายด่วน กรมทางหลวง 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง
    11.ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356
    12.บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) 1490

    เว็บไซต์

    1.แผนที่แสดงจุดเกิดอุทกภัยบนทางหลวงทั่วประเทศ วันที่ 10 ตุลาคม พศ. 2554 (ขัอมูลอัพเดตทุกวัน เวลา 10.00 และ 19.00 น.) http://maintenance.doh.go.th/test.html
    2.ตรวจพื้นที่น้ำท่วมทั่วประเทศ http://flood.gistda.or.th/
    3.ตรวจน้ำท่วมบนถนนใน กทม. http://dds.bangkok.go.th/Floodmon/
    4.รายงานสภาพการจราจร http://traffic.longdo.com/
    5.ตรวจวัดระดับน้ำในคลองหลัก http://dds.bangkok.go.th/Canal/index.aspx
    6.ติดตามข่าวสารน้ำท่วม http://dds.bangkok.go.th/m/index.php
    7.กรมทรัพยากรน้ำ http://www.dwr.go.th/report
    8.กรมทางหลวงชนบท http://fms2.drr.go.th/
    9.ศูนย์ประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ http://www.thaiflood.com/

    -http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000131425-

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    รพ.เด็กแนะวิธีกันไฟดูดเด็กช่วงน้ำท่วม

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 ตุลาคม 2554 23:43 น.


    ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ จำเป็นในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน แต่ถ้าเราใช้ไฟฟ้าอย่างไม่ระมัดระวังอาจทำให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์น้ำท่วมแบบนี้หลายพื้นที่อยู่ในสภาพน้ำท่วมขัง เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกไฟดูดมากยิ่งขึ้น

    พญ. พิมพ์ภัค ประชาศิลป์ชัย ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า "จาก การวิจัยพบว่าช่วงอายุที่เสี่ยงต่อการโดนไฟดูดคือกลุ่มเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบเพราะเด็กในวัยดังกล่าว มักจะซุกซน อยากรู้อยากเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว และยังไม่รู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น เช่น ใช้นิ้วมือ หรือวัตถุใกล้มือแหย่เข้าไปในปลั๊กไฟ การกัดเคี้ยวสายไฟ และการดึงปลั๊กไฟที่กำลังเสียบอยู่ และอีกช่วงอายุคือกลุ่มเด็กโต อายุ 10-14 ปี สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เด็กวัยนี้ถูกไฟดูดก็คือ การพยายามสอยว่าวหรือลูกโป่งที่ไปติดอยู่บนสายไฟแรงสูง และความประมาทเลินเล่อในการใช้ไฟฟ้า"

    <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ดังนั้นการป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุจึงสำคัญมากที่สุด และที่สำคัญรองลงมาคือการช่วยเหลือและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุไฟ ดูดขึ้น

    สำหรับวิธีป้องกันอุบัติภัยจากไฟฟ้าในเด็ก มีดังนี้

    1. คุณพ่อคุณแม่ควรจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย โดยติดตั้งปลั๊กไฟให้สูงจากระดับพื้นประมาณ 1.5 เมตร หากติดตั้งปลั๊กไฟในระดับต่ำที่เด็กเอื้อมมือถึง ควรใช้ที่ครอบปลั๊กไฟ ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านค้า หรือแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อป้องกันเด็กเอานิ้วแหย่ปลั๊กไฟ

    2. ไม่วางสายไฟหรือรางปลั๊กไฟกีดขวางทางเดินหรือผนังในจุดที่เด็กสามารถหยิบจับ ได้ เพราะเด็กอาจนำสายไฟหรือรางปลั๊กไฟมาเล่นจนถูกไฟฟ้าดูดได้

    3. ติดตั้งสายดินหรือเครื่องตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติเพื่อป้องกันการถูกไฟดูด นอกจากนี้ยังควรต้องศึกษาคู่มือการใช้ให้ดี จะช่วยให้ปลอดภัยทั้งจากไฟดูดและอัคคีภัย

    4. จัดวางเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม หลังจากใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสร็จแล้ว ให้ถอดปลั๊กเครื่องไฟฟ้าและจัดเก็บให้พ้นมือเด็ก สำรวจอยู่เสมอว่ามีสายไฟจากเครื่องใช้ไฟฟ้าห้อยลงมาจากโต๊ะ พร้อมที่จะให้เด็กเล็กดึงสายไฟเล่นจนเกิดไฟช็อต หรือดึงสายไฟจนเครื่องใช้ไฟฟ้าตกลงมาใส่ตัว

    5. ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกบ้านที่ตั้งอยู่ในบริเวณเปียกชื้น หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีน้ำเกี่ยวข้องกับระบบการทำงาน เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว เป็นต้น นอกจากนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปียกน้ำ ควรเช็ดให้แห้งก่อนใช้งาน

    6. ควรดูแลเด็กเล็กอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพังบริเวณที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า

    7. สอนให้เด็กเรียนรู้ถึงอันตรายของไฟฟ้าและการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกวิธี เช่น
    · อย่าแตะ สวิทช์ไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังเสียบปลั๊กอยู่ โดยเฉพาะในขณะที่ร่างกายเปียกชื้นหรือกำลังยืนอยู่บนพื้นเปียก
    · หากพบเห็นเสาไฟฟ้าล้ม สายไฟฟ้าแรงสูงขาดหรือหย่อนลงใกล้พื้น ไม่ควรเข้าใกล้เพราะอาจเกิดอันตรายได้ และควรรีบแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบเพื่อแจ้งแก่การไฟฟ้าทราบและแก้ไขต่อไป
    · อย่าเสียดายว่าวหรือลูกโป่งที่ติดตามสายไฟ เพราะสายไฟฟ้าแรงสูงนั้นแค่เพียงเข้าใกล้จนเกินไป ก็อาจถูกไฟช็อตอย่างรุนแรงได้

    “ในสถานการณ์น้ำท่วม มีข้อแนะนำเพิ่มเติมคือควรยกคัทเอาท์ลงทันที เมื่อน้ำท่วมเข้าบ้าน เนื่องจากการยกคัทเอาท์ลง ไฟจะตัดทันที ถ้าบ้านไหนมีการแยกคัทเอาท์ไว้เป็นชั้นก็จะทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น และอย่าแตะสวิทช์ไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังเสียบปลั๊กอยู่ในขณะที่ร่างกายเปียกชื้นหรือ กำลังยืนอยู่บนพื้นเปียก”

    สำหรับวิธีช่วยเหลือและปฐมพยาบาลเด็กถูกไฟฟ้าดูด

    กระแสไฟเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไหลผ่านจากทางเข้าลงสู่พื้นดิน หากรุนแรงจะเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก ชาทั่วร่างกาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ หมดสติ และหยุดหายใจ นอกจากนี้ กระแสไฟและความร้อนจากไฟฟ้าจะทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ทั้งผิวหนัง กล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน และเสียชีวิตเนื่องจากหัวใจหยุดเต้นอย่างเฉียบพลัน

    การช่วยเหลือ และปฐมพยาบาลเด็กถูกไฟฟ้าดูด ให้ถอดปลั๊ก และยกคัทเอาท์ลงเพื่อตัดแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้า จากนั้นใช้วัตถุที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า หรือฉนวนกันไฟฟ้า เช่น ผ้าแห้ง ไม้แห้ง เชือก สายยางพลาสติก หรือหนังสือพิมพ์ที่ม้วนเป็นแท่ง เขี่ยสายไฟให้หลุดจากตัวเด็ก หรือคล้องตัวเด็กที่ถูกไฟฟ้าดูดออกมา

    สำหรับผู้ใหญ่ที่เข้าไปช่วยเหลือร่างกายต้องไม่เปียกชื้น และห้ามสัมผัสถูกตัวเด็กที่ถูกไฟฟ้าดูดโดยตรง เพื่อป้องกันการถูกไฟฟ้าดูด หากจะให้ดีผู้ที่ช่วยควรจะยืนอยู่บนฉนวนเช่นกัน เช่น หนังสือพิมพ์ ผ้าห่ม กล่องไม้หรือสวมรองเท้ายาง

    “หากเด็กที่ถูกไฟฟ้าดูดไม่รู้สึกตัว และหัวใจหยุดเต้น ให้นวดหัวใจ โดยนวดอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาที พร้อมทั้งผายปอด โดยถ้ามีผู้ช่วยเหลือ 1 คน ให้ทำการนวดหัวใจ 30 ครั้งและผายปอด 2 ครั้ง แต่ถ้ามีผู้ช่วยเหลือ 2 คน ให้ทำการนวดหัวใจ 15 ครั้งและผายปอด 2 ครั้ง จากนั้นให้รีบนำส่งโรงพยาบาล หรือตามหน่วยกู้ ถ้าไฟดูดไม่มาก เด็กยังมีสติ พูดโต้ตอบได้ ก็ควรตรวจตามร่างกายว่ามีบาดแผลใดๆหรือไม่ และนำส่งโรงพยาบาลต่อไป”

    พญ. พิมพ์ภัค สรุปทิ้งท้ายไว้ว่า หากคุณพ่อคุณแม่ดูแลเอาใจใส่บุตรหลานอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย จะช่วยลดความเสี่ยงอุบัติภัยจากไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กได้

    กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ


    -http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000131715-

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    หย่ากัน แต่ไม่จดทะเบียนแบ่งที่ดินกัน แล้วจะเอาที่ไปจำนองได้หรือไม่/มังกรซ่อนกาย <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">14 ตุลาคม 2554 12:26 น.</td></tr></tbody></table>

    สามี ภริยาที่จดทะเบียนสมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้นหากได้ทรัพย์สินใด มาระหว่างสมรสที่มิใช่สินส่วนตัวเดิม ทรัพย์สินเหล่านั้นย่อมตกเป็นสินสมรส แต่ทรัพย์สินบางอย่างเช่นที่ดินในหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน สามี หรือภริยาอาจให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินเพียงฝ่ายเดียว ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาคือ หากสามีหรือภริยาที่เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินฝ่ายเดียวนำที่ดินไป ก่อหนี้ผูกพันที่ดิน เช่น การจำนอง กรณีดังกล่าวนี้จะถือว่าที่ดินทั้งแปลงต้องผูกพันตกเป็นหลักประกันของเจ้า หนี้ทั้งแปลงหรือไม่ มีตัวอย่างให้ท่านได้ศึกษากันดังนี้

    นายเปรี้ยวกับนางหวานได้จดทะเบียนสมรสกันตั้งแต่ปีพ.ศ. 2515 ทั้งคู่ได้ร่วมกันซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 555 จากนายขมเพื่อปลูกสร้างบ้านเป็นที่อยู่อาศัยในราคา 1 ล้านบาท แต่ในการทำสัญญาซื้อขายนางหวานได้ให้นายเปรี้ยวแต่ผู้เดียวเป็นผู้ซื้อ โดยนายเปรี้ยวได้กู้ยืมเงินจากธนาคารมั่นคงและนำที่ดินโฉนดเลขที่ 555 จำนองไว้เป็นประกันการชำระหนี้ ซึ่งในการผ่อนชำระหนี้นายเปรี้ยวและนางหวานได้ช่วยกันผ่อนค่าที่ดินต่อ ธนาคารมั่นคงและออกเงินช่วยกันสร้างบ้านบนที่ดินดังกล่าว จนต่อมาในปี 2525 ทั้งคู่ได้ผ่อนชำระหนี้ต่อธนาคารมั่นคงครบถ้วนแล้ว ธนาคารมั่นคงได้ปลดจำนองให้แก่นายเปรี้ยว นายเปรี้ยวจึงเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 555 แต่เพียงผู้เดียวซึ่งในระหว่างที่นายเปรี้ยวกับนางหวานอยู่ด้วยกันนั้น นายเปรี้ยวประกอบธุรกิจส่วนตัวมีการหมุนเงินอยู่เสมอ

    ส่วนนางหวานนั้นรับราชการมีเงินเดือนประจำ ซึ่งตั้งแต่ปี 2525 ถึงปี 2535 นายเปรี้ยวได้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 555 จำนองต่อธนาคารหลายแห่งโดยจำนองเป็นประกันการเบิกเงินเกินบัญชี เมื่อชำระหนี้หมดก็ไถ่ถอนจำนอง เมื่อเงินไม่พอหมุนเวียนในธุรกิจก็นำไปจำนองอีก ซึ่งมีการกระทำลักษณะเช่นนี้เรื่อยมาเป็นเวลา 10 ปี

    ต่อมาในปี 2536 นายเปรี้ยวและนางหวานก็จดทะเบียนหย่ากันเพราะนางหวานเป็นห่วงว่าการทำธุรกิจ ของนายเปรี้ยวจะทำให้นายเปรี้ยวถูกฟ้องร้องหรือล้มละลาย ซึ่งจะกระทบต่อทรัพย์สินของตัวเองด้วยในช่วงเกษียน จึงตกลงหย่ากันโดยในบันทึกท้ายทะเบียนหย่านายเปรี้ยวได้ยกสินสมรสในส่วนของ ตนทั้งบ้านและที่ดินโฉนดเลขที่ 555 ให้แก่นางหวานแต่ผู้เดียว ซึ่งภายหลังจากหย่ากันได้ 2 ปี โฉนดที่ดินเลขที่ 555 ยังมิได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนเป็นชื่อของนางหวาน นายเปรี้ยวจึงได้นำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองไว้กับธนาคารยืนยาวอีกใน ปี 2538 เป็นประกันการกู้ยืมเงิน แต่คราวนี้นายเปรี้ยวไม่สามารถชำระหนี้ได้เพราะเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ทำให้ธนาคารยืนยาวฟ้องนายเปรี้ยวให้ชำระหนี้และบังคับจำนอง ศาลพิพากษาให้นายเปรี้ยวชำระหนี้กู้ยืม หากไม่ชำระหนี้ให้บังคับที่ดินโฉนดเลขที่ 555 มาขายทอดตลาดชำระหนี้ให้กับธนาคารยืนยาว นางหวานจะมาร้องขอให้ปล่อยที่ดินอ้างว่าได้มีการตกลงแบ่งสินสมรสแล้ว หรือขอให้ศาลมีคำสั่งกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด อ้างว่าเป็นสินสมรสของตนกึ่งหนึ่งได้หรือไม่

    <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> กรณีดังกล่าวนี้ศาลจะพิจารณาคำร้องของนางหวานอย่างไร เห็นได้ว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 555 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นสินสมรสของนายเปรี้ยวกับนางหวาน ซึ่งเมื่อบุคคลทั้งสองจดทะเบียนหย่ากันสินสมรสต้องแบ่งให้แก่นายเปรี้ยวกับ นางหวานคนละส่วนเท่ากันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ("ป.พ.พ.") มาตรา 1533 แม้นายเปรี้ยวและนางหวานจดทะเบียนหย่ากันเมื่อปี 2536 โดยนายเปรี้ยวทำบันทึกยกสินสมรสส่วนของตนให้แก่นางเปรี้ยว แต่เมื่อการยกให้มิได้ไปทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการให้ต่อพนักงานเจ้า หน้าที่ (กรมที่ดิน) นิติกรรมการให้จึงไม่สมบูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 525 นายเปรี้ยวจึงยังคงเป็นเจ้าของร่วม มีส่วนเท่าๆกับนางเปรี้ยว

    อย่างไรก็ตาม จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่านับแต่นายเปรี้ยวจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 555 พร้อมสิ่งปลูกสร้างต่อธนาคารมั่นคงครั้งแรกในปี 2515 ซึ่งในขณะนั้นนายเปรี้ยวกับนางหวานยังมิได้จดทะเบียนหย่ากัน และต่อมาได้มีการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและจดทะเบียนจำนองแก่นิติบุคคลอีกหลาย รายต่อเนื่องกันมาโดยตลอด จนถึงธนาคารยืนยาว เป็นระยะเวลายาวนานถึง 23 ปี ไม่ปรากฏว่านางหวานได้ใช้สิทธิโต้แย้งการทำนิติกรรมจำนองของนายเปรี้ยว จึงมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่านางหวานได้รับรู้และไม่คัดค้าน

    ดังนี้ เมื่อรับฟังไม่ได้ว่าธนาคารยืนยาวจดทะเบียนรับจำนองโดยรู้อยู่แล้วว่านาย เปรี้ยวมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่จำนองแต่ผู้เดียว (เพราะขณะนั้นนายเปรี้ยวเป็นผู้มีชื่อในโฉนดแต่ผู้เดียวและจดทะเบียนหย่ากับ นางหวานแล้ว) ข้อเท็จจริงย่อมรับฟังได้ว่าธนาคารยืนยาวรับจำนองโดยสุจริจ นิติกรรมจำนองทรัพย์สินดังกล่าวจึงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ธนาคารยืนยาวในฐานะเจ้าหนี้จำนองย่อมบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จำนองได้ทั้ง หมด เพราะสิทธิจำนองครอบไปถึงบรรดาทรัพย์สินซึ่งจำนองหมดทุกสิ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 716 และเป็นทรัพยสิทธิใช้ยันแก่นางหวานและบุคคลทั่วไปอีกทั้งถือได้ว่าการยื่นคำ ร้องคดีนี้ของนางหวานเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 4803/2553)

    มังกรซ่อนกาย
    hiddendragon2552@gmail.com

    -http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000130186-

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เก็บอาหารปลอดภัยในช่วงน้ำท่วม/Life & Family <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">14 ตุลาคม 2554 07:02 น.</td></tr></tbody></table>

    ตอนนี้หลายบ้านที่ไม่มั่นใจในคำมั่นของรัฐบาลเกี่ยวกับภาวะน้ำท่วมคง กำลังเตรียมทางหนีทีไล่ให้กับครอบครัวของตนเองอยู่อย่างแน่นอน เพราะน้ำที่ว่าจัดการได้ ๆ สุดท้ายก็เกินกำลัง และกำลังไหลบ่าทะลักเข้ามาในหลายพื้นที่ แน่นอนว่ามีหลายครอบครัวที่รีบเร่งออกไปจับจ่ายซื้อหาอาหาร ของใช้จำเป็นตามดิสเคาน์สโตร์เพื่อสำรองเอาไว้ในยามฉุกเฉิน แต่ก็มีอีกหลายสิ่งที่บางครอบครัวอาจลืมไป และเราขอเก็บมาฝากกัน เช่น

    - อย่าลืมผักผลไม้ ในช่วงน้ำท่วม บางบ้านอาจต้องหนีขึ้นชั้น 2 - 3 ของบ้าน และรับประทานแต่อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง บะหมี่สำเร็จรูป แต่ร่างกายก็ไม่ควรขาดวิตามิน และกากใยที่มีในผักผลไม้ อีกทั้งอาหารแห้งเหล่านั้นก็ไม่ดีต่อสุขภาพของคนสักเท่าใด หรือในบางครอบครัวมีผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรับประทานอาหารสำเร็จรูปติดกันนาน ๆ ได้ การมีผักผลไม้สด หรือผลไม้อบแห้งติดเอาไว้บ้างก็จะดีต่อสุขภาพมากกว่า

    - หากล่องหรือถังที่ปิดฝาได้สนิทสำหรับบรรจุอาหารแห้ง แต่ไม่ควรบรรจุจนเต็ม หรือหนักจนเกินไป ควรเหลือที่ว่างเอาไว้ด้วย เผื่อเวลาน้ำมามันจะได้ลอยตุ๊บป่อง ไม่ต้องเสียเวลาแบกหนีน้ำ หากเป็นถังที่มีหูด้วยก็จะยิ่งดี เพราะสามารถใช้เชือกร้อยเข้าด้วยกัน ลอยหนีน้ำได้ง่าย ๆ คุณจะได้มีเวลาไปยกของส่วนอื่นที่สำคัญกว่า

    - หากมีของสดในตู้เย็น เป็นไปได้ควรล้างให้สะอาด เพราะหลังจากนี้คุณอาจไม่มีน้ำสะอาดให้ล้างมากนัก แล้วก็จัดการปรุงให้อร่อย (เท่าที่เวลายังพอมี) คุณอาจยังพอเก็บไว้รับประทานได้ 1 - 2 วัน ก่อนที่จะต้องหม่ำแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือปลากระป๋อง

    - ผักสดบางชนิดเก็บไว้รับประทานได้แม้ไม่อยู่ในตู้เย็น แต่ก็ควรล้างให้สะอาด และไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 1 สัปดาห์

    - หากมีเครื่องกรองน้ำ ควรกรองน้ำเก็บไว้ให้มาก ๆ เพราะมันคือสิ่งจำเป็นสำหรับการเอาชีวิตรอดในช่วงน้ำท่วม

    - อย่าลืมซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือติดบ้านเอาไว้ด้วย สำหรับไว้ทำความสะอาดมือก่อนรับประทานอาหาร เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่มากับกระแสน้ำ แต่ไม่ควรเลือกชนิดที่มีฤทธิ์รุนแรง เพราะผิวหนังของเรานั้นไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนอิฐปูน ชั้นของผิวหนังอาจถูกทำลายได้ง่าย ๆ ยิ่งบ้านที่น้ำท่วม ผิวหนังจะเปื่อยง่ายอยู่เป็นทุนเดิม การซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรงอาจทำลายผิวหนังได้รวดเร็ว และสร้างความเจ็บปวดเพิ่มในช่วงน้ำท่วมได้

    - หากมีถัง หรือคูลเลอร์ที่สามารถเก็บกักความเย็นได้ การซื้อน้ำแข็งมาใส่ แล้วแช่อาหารบางส่วนที่ปรุงไม่ทันก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เพราะมันจะช่วยยืดอายุผักผลไม้สำหรับเก็บไว้บริโภคในยามน้ำท่วมได้นานขึ้น อีกนิด (โดยเฉพาะในบ้านที่ตู้เย็นมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถขนย้ายหนีน้ำได้ไหว หรือไม่มีกระแสไฟ ทำให้ทำความเย็นไม่ได้)

    ทีมงานหวังว่าเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะพอมีประโยชน์ และช่วยให้ครอบครัวของท่านผู้อ่านปลอดภัยในยามคับขันนี้นะคะ หรือท่านผู้อ่านท่านใดมีไอเดียดี ๆ จะร่วมแบ่งปันกันเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ทีมงานก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


    -http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000130935-

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เตือนระวัง!! เชื้อไวรัส ''อาร์เอสวี'' ติดต่อง่ายแพร่ระบาดช่วงปลายฝน

    วันอาทิตย์ ที่ 16 ตุลาคม 2554 เวลา 0:00 น


    ฤดูฝนช่วงเวลานี้อากาศมีความเปลี่ยนแปลงสัมผัสได้ทั้งความร้อนและสายลมเย็น ๆ โอกาส จะเจ็บป่วยอาจเกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุซึ่งคงต้องเฝ้าระวังดูแลสุขภาพเตรียม ความพร้อมไว้แต่เนิ่น ๆ

    เรสไพราทอรีซินซิเชียลไวรัส หรือ ไวรัสอาร์เอสวี (RSV) สาเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ทั้งส่วนบนและส่วนล่างเป็น ไวรัสที่พบแพร่ระบาดช่วงเวลานี้ที่เกิดได้ทั้งในเด็กเล็กและผู้ใหญ่ เมื่อติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจส่วนล่างผู้ติดเชื้อร้อยละ 70 มักเกิดอาการปอดบวมและหลอดลมฝอยส่วนปลายอักเสบซึ่งพบมากในเด็กที่มีอายุต่ำ กว่า 5 ขวบ!!

    นอกจากนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังมีรายงาน พบผู้ติดเชื้ออาร์เอสวีทั่วโลกกว่า 64 ล้านคนและคร่าชีวิตผู้ป่วยทั่วโลกไปแล้วกว่า 200,000 ราย ขณะที่อุบัติการณ์ของผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งนี้เพราะอาจขาดความ เข้าใจเกี่ยวกับเชื้อไวรัสอาร์เอสวี ประกอบกับเชื้อไวรัสดังกล่าวสามารถติดต่อได้ง่ายผ่านทางการสัมผัสและหายใจ ส่งผลให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในช่วงวัยเรียน

    รศ.แพทย์หญิงอรพรรณ โพชนุกูล กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และระบบทางเดินหายใจในเด็ก หัวหน้าหน่วยโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยา คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และกรรมการสมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่ง ประเทศไทย ให้ความรู้ว่า ไวรัสชนิดนี้มักแพร่ระบาดช่วงปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยและมีความชื้นสูง

    อาการที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปเมื่อติดเชื้อไวรัสช่วงแรกจะคล้ายกับไข้หวัดจะมี อาการไข้ ไอ จาม คัดจมูกน้ำมูกไหล ฯลฯ จากนั้นมีอาการไข้สูง ไอมากขึ้นมีเสมหะ ไอหอบ หายใจหอบเหนื่อยและมักหายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หน้าอกบุ๋มยุบลงโดยพบมากในเด็กเล็กซึ่งหากเด็กได้รับเชื้อจะทานอาหาร ทานนมได้ลดน้อยลง

    อีกทั้งอาจมีภาวะแทรก ซ้อนหูชั้นกลางอักเสบโดยจะมีอาการไข้ ปวดหู ฯลฯ หากปล่อยทิ้งไว้แก้วหูอาจทะลุมีปัญหาในเรื่องการได้ยิน!!

    นอกจากนี้ไวรัสอาร์เอสวียังเป็นสาเหตุของโรคปอดบวมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็น หอบหืด นอกเหนือจากเกิดขึ้นกับเด็กเล็กแล้วยังส่งผลถึงผู้ใหญ่โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ มากกว่า 60 ปีที่ต้องเฝ้าระวัง ทั้งนี้เพราะภูมิต้านทานไม่แข็งแรงรับเชื้อได้ง่าย

    “สิ่งที่ต้องเน้นย้ำในการหลีกเลี่ยงเชื้อไวรัสอาร์เอสวี คือการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ยิ่งช่วงเวลานี้ที่อากาศมีความชื้นและเปลี่ยนแปลงบ่อย หากละเลยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจจะลุกลามไปจนเกิดโรคปอดบวม ปอดอักเสบ นอกจากนี้เด็กที่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหอบ หืด”

    เชื้อไวรัสดังกล่าวสามารถติดต่อได้ง่ายทั้งการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ที่ ติดเชื้อนี้อยู่แล้วหรือมีการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งที่มีเชื้อไวรัส ผ่านทางตา จมูกหรือทางการหายใจ ดังนั้นหากเริ่มมีอาการป่วยโดยเริ่มแรกจะเหมือนไข้หวัด มีอาการไข้ต่ำ ๆ ไอ จาม ฯลฯ อย่านิ่งนอนใจควรสังเกตอาการ หากหายใจมีเสียงวี้ด ๆ หอบเหนื่อยควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยว่าลุกลามติดเชื้อไปยังทางเดิน หายใจส่วนล่างหรือไม่ หากเคยเป็นหอบและเป็นบ่อยควรพบแพทย์เพื่อป้องกันไม่ให้หอบกลายเป็นหืดใน อนาคต

    ก่อนต้องเผชิญกับภัยสุขภาพดังกล่าวการป้องกันเตรียมพร้อมไว้สิ่งนี้มีความ สำคัญซึ่งในเด็กเล็กและในผู้สูงอายุ แพทย์หญิงอรพรรณให้คำแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า หากป่วยเป็นหวัดควร สวมหน้ากากอนามัย การใช้หน้ากากอนามัยจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค ล้างมือบ่อย ๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่แออัด ส่วนช่วงเวลานี้ที่ยังคงเป็นฤดูฝนอากาศมีความชื้นหรือหากอยู่ในสถานที่ที่มี อากาศเย็นควรสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น

    ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงจากเด็กที่ป่วยเป็นไข้หวัดโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำ ตัว แต่อย่างไรแล้วต้องสังเกตอาการควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่าคิดเป็นเพียง แค่หวัดธรรมดา อีกทั้งในเรื่องสุขอนามัยควรเคร่งครัดโดยโรคดังกล่าวสามารถรักษาได้ นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่ปรุงสุกสะอาดมีประโยชน์ รวมถึงออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนเพียงพอ ฯลฯ ก็ไม่ควรละเลยเพราะข้อปฏิบัติเหล่านี้ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากภาวะเจ็บป่วย.

    เคล็ดลับสุขภาพดี แนะตั้งสติรับมือความเครียดจากภัยน้ำท่วม

    ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของไทยกำลังเผชิญกับอุทกภัยอย่างหนัก สร้างความลำบาก บอบช้ำ ทุกข์ระทม บางครอบครัวสูญเสียชีวิตญาติพี่น้องอันเป็นที่รักไป บางครอบครัวสูญเสียทรัพย์สินแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ทำให้เกิดภาวะเครียดนอนไม่หลับ บางรายถึงขั้นซึมเศร้า ท้อแท้จนอยากฆ่าตัวตายเพราะไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร!?

    นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย จิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์ แนะนำว่า ประชาชนชาวไทยต้องประสบปัญหาน้ำท่วมและเผชิญปัญหาหลายด้านไปพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นความไม่สะดวกในเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกิน การนอน รวมไปถึงการขับถ่าย นอกจากนี้ยังมีความทุกข์ใจจากทรัพย์สินที่เสียหาย ไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถยนต์ เงินทอง พื้นที่การเกษตร บางคนเจ็บป่วย สูญเสียญาติพี่น้อง ส่งผลให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรง ซึ่งอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้าตามมาได้ อย่างไรก็ตามคนเรามีความสามารถในการรับมือกับความเครียดได้ไม่เท่ากัน ทำให้แสดงออกมาได้หลายรูปแบบ เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น หายใจไม่ออก ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน บางรายรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เกิดอาการกลัว วิตกกังวลรุนแรง ตื่นตระหนก

    ดังนั้นเราจึงต้องตั้งสติเพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการปฏิบัติง่าย ๆ ดังนี้

    1. ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ให้ทำความเข้าใจและยอมรับว่าภัยพิบัติไม่ได้เกิดกับเราคนเดียว แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมกับเราอีกเยอะ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นต้องมีทางออกแต่ต้องใช้เวลาบ้าง เราท้อแท้ได้แต่อย่านานและต้องลุกขึ้นเดิน

    2. จัดลำดับความสำคัญของปัญหา เมื่อตั้งสติได้แล้วให้มองปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพื่อจัดลำดับ เช่น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ได้แก่ ที่อยู่ การกิน การนอน ห้องน้ำ การขับถ่าย การแก้ปัญหาระยะยาวเป็นเรื่องที่ไม่ด่วน ได้แก่ หลังจากนี้จะป้องกันน้ำท่วมอย่างไร การช่วยเหลือของรัฐบาลหลังน้ำลด ซึ่งเป็นเรื่องไม่ด่วนและสำคัญเท่ากับชีวิตความเป็นอยู่ก็ปล่อยวางไปก่อน เมื่อจัดลำดับได้แล้วก็ค่อย ๆ แก้ไปทีละอย่าง เพราะการแก้ปัญหาได้สำเร็จไปทีละข้อจะช่วยให้เกิดความมั่นใจ กำลังใจจะค่อย ๆ เกิดขึ้นจนกลายเป็นว่าจะสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้

    3. พยายามใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ค่อย ๆ ปรับวิธีคิดและปล่อยวางเรื่องทรัพย์สินซึ่งเป็นสิ่งของนอกกาย อนาคตยังมีโอกาสหาใหม่ได้ และใช้ชีวิตที่เรียบง่ายเพื่อลดความเครียด เพราะบางคนเครียดเนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินจนไม่ยอมอพยพขึ้นไปอยู่บน พื้นที่สูงเหนือน้ำ บางครั้งเราต้องชั่งน้ำหนักระหว่างทรัพย์สินกับชีวิตและสุขภาพด้วยว่าสิ่งใด สำคัญกว่ากัน ซึ่งทรัพย์สินมีค่าก็สำคัญในระดับหนึ่งเราอาจจะรวมกลุ่มกับเพื่อนบ้านสลับ เวรยามกันเฝ้าก็ได้ อย่างน้อย ๆ ทรัพย์สินก็มีคนดูแลรวมถึงสุขภาพก็ได้รับการดูแลเช่นกันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย จนเกินไป และ

    4. เอาใจใส่ดูแลกันและกัน ข้อนี้สำคัญโดยใครที่มีจิตใจที่แข็งแรงต้องช่วยเหลือคนที่อ่อนแอด้วยการให้ กำลังใจหรือรับฟังคนที่เครียดมาก ๆ ให้ได้ระบายความรู้สึกออกมา เพราะเพียงแค่มีคนมารับฟังก็สามารถช่วยทำให้ผู้ประสบปัญหาหรือมีความเครียด รู้สึกดีได้ในระดับหนึ่ง

    ถึงแม้อุทกภัยในครั้งนี้จะรุนแรงมากและไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่เราจะผ่านพ้นไปได้ แต่ถ้าเรามีสติและยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับตั้งหลักวางแผนและให้ กำลังใจซึ่งกันและกันก็จะทำให้มีกำลังใจเดินหน้าต่อสู้กับปัญหาเพื่อผ่าน วิกฤติครั้งนี้ไปได้สำเร็จ.

    สรรหามาบอก

    - คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ขอเชิญบุคลากรและประชาชนร่วมบริจาคเงินและเครื่องอุปโภค–บริโภค เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเปิดรับบริจาคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เวลา 08.30–16.30 น. ที่โถงอาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) และคณะภาคสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ขอเชิญสมาชิกชมรมสตรีวัยทองและประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ สตรีวัยทอง ครั้งที่ 7 ในหัวข้อ “กระเป๋าตุงและปลอดมะเร็งในวัยทอง” ในวันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2554 เวลา 08.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมตรีเพ็ชร อาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ ชั้น 15 (รับจำนวนจำกัด 500 ท่าน) สอบถาม โทร. 0-2419-4657-8

    - โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จัดงานสัปดาห์เทิดพระเกียรติสมเด็จย่า ประจำปี 2554 ขอเชิญประชาชนผู้สนใจชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จย่าและบริการทางทันต กรรมฟรี ใน วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2554 เนื่องในวันทันตสาธารณสุข ประจำปี 2554 โดยมีบริการทันตกรรมแก่ผู้ใหญ่ จำนวน 400 ราย และเด็ก จำนวน 200 ราย โดยไม่คิดมูลค่า ณ คลินิกบริการสุขภาพช่องปาก อาคารราชสุดา เปิดรับคิวตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ณ โถงชั้น 1 อาคารปิยชาติ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่งานประชาสัมพันธ์ โทร. 0-2926-9310-1 ในวันและเวลาราชการ

    - โรงพยาบาลพญาไท 3 ขอเชิญร่วมกิจกรรม “Smart Brain & Spine พญาไท 3 ใส่ใจสุขภาพสมองและกระดูกสันหลัง” ภายในงานมีนิทรรศการให้ความรู้ของศูนย์สมองและระบบประสาทและให้คำปรึกษาด้าน สมองและกระดูกสันหลัง รวมทั้งกิจกรรมให้ความรู้หัวข้อเทคโนโลยีการผ่าตัดสมองและกระดูกสันหลังและ โรคความจำเสื่อมรักษาได้ สนใจร่วมงานได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2554 ณ ลาน OPD ชั้น 1 โรงพยาบาลพญาไท 3 สอบถาม โทร. 1772

    - ชมรมอายุวัฒนา โรงพยาบาลนครธน ขอเชิญผู้รักสุขภาพร่วมกิจกรรมเสวนา “หัวใจดี...มีชัยไปกว่าครึ่ง” พร้อมร่วมกันปฏิบัติธรรมและออกกำลังกายท่าฤาษีดัดตน ใน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2554 เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องประชุมทองสิมา ชั้น 4 โรงพยาบาลนครธน สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2450-9999.

    ทีมวาไรตี้


    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=169832-

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิธีทำเรือจากท่อพีวีซี

    [​IMG]


    [​IMG]

    ในยามที่น้ำเอ่อท่วมล้น จนไม่สามารถใช้รถยนต์ในการเดินทางได้ 'เรือ' จึงกลายเป็นพาหนะซึ่งเข้ามาแทนที่ เพราะเป็นของคู่กับน้ำ วันนี้คอลัมน์เกร็ดความรู้ ขอเสนอวิธีทำเรือ ไอเดียดีๆจากผู้อ่านเดลินิวส์ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประสบอุทกภัยได้ต่อเรือไว้ใช้ ไม่ต้องง้อเรือแพงๆ หรือค่าจ้างรับ-ส่งขูดเลือด

    แนวคิดการต่อเรือนี้ ผู้อ่านทางบ้านซึ่งไม่ประสงค์ออกนามบอกว่า ประยุกต์มาจากทุ่นลอยน้ำที่เคยเห็น โดยแนะนำให้ใช้วัสดุในการต่อเรือ ประกอบด้วย ท่อพีวีซีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 นิ้ว ความยาว 3 เมตร จำนวน 2-4 ท่อ ไม้กระดานหรือบานประตูที่น้ำหนักเบา กาวทาท่อพีวีซี และน็อต

    ขั้นตอนในการต่อเรือนั้นไม่ยาก ให้ขันน็อตเพื่อยึดท่อพีวีซีให้ติดกับไม้กระดานหรือบานประตู ทากาวปิดปากท่อด้วยฝาปิดท่อพีวีซีป้องกันน้ำเข้าท่อ (เพื่อความเข้าใจ ดูภาพประกอบ)

    ทั้งนี้ สามารถขยายขนาดความยาวของท่อและแผ่นไม้ได้ อีกทั้งยังสามารถติดเครื่องยนต์แบบเรือหางยาว เพิ่มความเร็วและทุ่นแรงแทนการแจวเรือด้วยไม้พายก็ย่อมได้.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=169935-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • เดลืนิวส์.JPG
      เดลืนิวส์.JPG
      ขนาดไฟล์:
      29.9 KB
      เปิดดู:
      385
    • m1.jpg
      m1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.9 KB
      เปิดดู:
      567
    • m2.jpg
      m2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.8 KB
      เปิดดู:
      543
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมขออนุญาต ขอบคุณเพื่อนผมและน้องรักผมผ่านบอร์ดครับ

    น้องปฐม ได้ส่งเสื้อชูชีพมาให้ผมและผบทบ.ผม (รวม 2 ตัว) เผื่อน้ำมามาก จะได้มีเสื้อชูชีพใส่

    ส่วนคุณPinkcivil ได้ให้ทรายผมมา ประมาณ 40 กว่าถุง ก็ได้กันที่บ้านไว้บ้าง หากว่าน้ำมามาก ก็ต้องยอมครับ และได้ให้ผมยืมเครื่องเครื่องสูบน้ำขนาดเล็กมา 1 ตัว เผื่อกั้นน้ำไม่อยู่ จะได้มีเครื่องสูบออกครับ

    ขอบคุณทั้งสองท่านด้วยครับ


    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="headline" align="left" valign="baseline">ศปภ.ลั่น กทม.ไม่จมบาดาลแน่ ชี้น้ำเหนือมวลใหญ่ไหลลงทะเลแล้ว</td> <td align="right" valign="baseline" width="102">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">16 ตุลาคม 2554 14:25 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG] โฆษก ศปภ.เผย หลังประชุมมั่นใจ น้ำไม่ท่วม กทม.แน่ ด้าน รมว.เกษตรฯ ชี้ น้ำจากทุกแหล่งที่จะไหลเข้า กทม.ในปริมาณสูงสุดระหว่างวันที่ 15-16 ต.ค.ได้ผ่าน กทม.ออกทะเลไปแล้ว ชี้ น้ำเหนือมวลใหญ่จากนครสวรรค์ไหลไปทะเลแล้วเมื่อวานนี้


    วันนี้ (16 ต.ค.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ศปภ.แถลงข่าวว่า เช้าวันนี้มีการประชุม ศปภ.โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ.เป็นประธานเพื่อตรวจสอบวิธีผันน้ำลงสู่ทะเลตามแนวทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งวิธีการจัดการเพื่อไม่ให้ประชาชนจมกับความทุกข์อันยาวนานโดยผลการ ประชุมได้แจ้งนายกฯไปแล้ว แผนของ ศปภ.เดินหน้าไปตามแนวทางที่วางไว้ และ กทม.จะไม่ท่วมแน่นอน และเช้าวันนี้นายกไปให้กำลัใจการผันน้ำลงทะเล

    ด้าน นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงว่า ตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมาทำให้ปริมาณน้ำค่อนข้างมหาศาล เขื่อนทางเหนือ คือ ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ เก็บน้ำได้ร้อยละ 99 แต่ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างดีขึ้นเขื่อนภูมิพลปล่อยน้ำวันละ 50 ล้านลูกบาศ์กเมตร สิริกิติ์ ปล่อยน้ำวันละ 20 ล้านลูกบาศ์กเมตร ป่าสักชลสิทธิ์ ปล่อยน้ำวันละ 30 ล้านลูกบาศ์กเมตร เขื่อนเหล่านี้ปล่อยน้ำน้อยลงมากแล้ว แสดงว่า น้ำทางเหนือไม่มีแล้ว ข้อสังเกตว่าน้ำจะเข้ามา กทม.จากพื้นที่ใดนั้น มีจุดสังเกตและเฝ้าระวังสองจุดคืออ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ซึ่งปริมาณแม่น้ำปิงลดลง และ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ซึ่งแม่น้ำน่านรวมกับแม่น้ำยมนั้นปริมาณน้ำลดลง เมื่อแม่น้ำทั้งหมดรวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำอยู่ที่ 4630 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำลดลงจากเมื่อวันที่15ต.ค.และทรงตัวมาหลายวันแล้ว

    นายธีระ กล่าวว่า มวลน้ำสูงสุดจากจ.นครสวรรค์ที่ไหลลงมานั้นได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.ฉะนั้น การบริหารจัดการมวลน้ำที่ผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 3,600 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที โดยจะทรงตัวในลักษณะนี้ต่อไป และตอนนี้กำลังผลักดันน้ำออกไปทางตะวันออก ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างมีปัญหาเพราะรับน้ำได้น้อย คือ 87 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที โดยสูบน้ำออกไปได้วันละ 30ล้านลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที ส่วนทางตะวันตกคือแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำน้อยนั้น สามารถระบายน้ำได้ 710 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยสูบน้ำออกไปได้วันละ 15 ล้านลูกบาศ์กเมตร และรวมกับคลองลัดโพธิ์ที่ระบายน้ำลงทะเลได้อีกวันละ 40-50 ล้านลูกบาศ์กเมตร รวมปริมาณน้ำที่ระบายลงสู่ทะเลได้วันละ 400-500 ล้านลูกบาศ์กเมตร

    นายธีระ กล่าวว่า ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาโซนเหนือตั้งแต่จ.สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา นั้น มีแนวโน้มลดลงและทรงตัวในลักษณะนี้ หากจะเพิ่มขึ้นบ้างที่ อ.บางไทร จ.อยุธยา นั้น ก็เป็นเพราะน้ำทะเลหนุน โดยกรมชลประทานประมาณการณ์น้ำจากทุกแหล่งที่จะไหลเข้ากทม.ในปริมาณสูงสุด ระหว่างวันที่ 15-16 ต.ค.ย้ำว่า มวลน้ำปริมาณใหญ่ที่สุดนั้นได้ผ่าน กทม.ออกทะเลไปแล้ว ประชาชนจึงสบายใจได้ เพราะระดับน้ำสูงสุดที่สะพานพุทธยอดฟ้าเมื่อเช้าวันที่ 15 ต.ค.อยู่ที่ 2.29 เมตร ซึ่งต่ำกว่าที่กรมชลประมานคาดไว้หนึ่งเซนติเมตร ปริมาณน้ำในจังหวัดต่างๆจะทรงตัวและค่อยๆ ลดลง ยืนยันได้ว่า ปริมาณน้ำสูงสุดในรอบนี้ผ่านไปแล้ว และน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาจะไม่สามารถท่วมคันกั้นน้ำของ กทม.ที่สร้างไว้สองจุดแน่นอน

    “สิ่งที่ประชาชนเป็นห่วง คือ ปริมาณน้ำที่ผ่านนิคมอุตสาหกรรมโรจนะออกไปทางอ.วังน้อย จ.อยุธยาว่าจะไหลเข้า กทม.หรือไม่ ขอให้ประชาชนสบายใจว่า รัฐบาลเตรียมแก้ไขไว้แล้ว คือทำคันกั้นน้ำและเป็นแนวทางให้ไหลลงคลองต่างๆ หากมวลน้ำผ่านถนนพหลโยธินนั้น จะมีคลองระพีพัฒน์ที่สร้างกั้นไว้ น้ำจะไหลลงคลองต่างๆคือคลองหนึ่งถึงคลองสิบ น้ำตอนนี้ไหลเข้าคลองหนึ่งค่อนข้างเยอะจนประชาชนตกใจ แต่ขอให้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าน้ำจะสูงขึ้นนั้น เพราะจะทยอยปล่อยน้ำไปคลองต่างๆ โดยน้ำจากคลองหนึ่งถึงคลองเจ็ด นั้น แต่สามารถรับไปตั้งเต่คลองแปดถึงคลองสิบมาลงคลองรังสิต โดยเมื่อน้ำลงคลองรังสิตจะสูบน้ำไปทางประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ที่คลองระพีพัฒน์ระบายน้ำให้เป็นแก้มลิงเพื่อสูบน้ำ ออกมา และใน กทม.มีคั้นกั้นน้ำจากโครงการพระราชดำริกั้นไว้ทางตะวันออก และกรมชลประทานไปกั้นเพิ่มไว้อีกชั้นหนึ่ง ยืนยันว่ารัฐบาลเตรียมแผนจัดการไว้ครบแล้ว ประชาชนมั่นใจได้”นายธีระกล่าวว่า

    นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน แถลงว่า สถานการณ์น้ำจากนี้ไป ระดับน้ำจะทรงตัว แม้ปริมาณน้ำมวลใหญ่จะไหลลงทะเลไปแล้ว เพราะตอนนี้น้ำจากท้องทุ่งกำลังจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันน้ำจากพื้นที่เฝ้าระวังคือนิคมฯไฮเทคและนิคมฯโรจนะจ.อยุธยาที่จะ ข้ามถนนมิตรภาพ อ.บางปะอิน นั้น ขอบคุณประชาชนที่ยอมให้เปิดคลองแปดถึงคลองสิบจนระบายน้ำและควบบุมทิศทางน้ำ ไปสู่ทางตะวันออกได้ จุดที่ตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ที่คลองหนึ่งกับประตูน้ำจุฬาลงกรณ์นั้น พยายามเพิ่มเครื่องสูบน้ำให้มากที่สุด และพยายามน้ำมวลน้ำขนาดใหญ่ในตอนนี้ออกไปทางประตูระบายน้ำเชียงรากน้อย หากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับต่ำกว่าน้ำในคันกั้นน้ำก็จะเปิดประตูบานนี้ เพื่อปล่อยน้ำอีกทางหนึ่ง และตอนนี้กรมชลประทานตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ 7 เครื่อง แต่ตอนนี้น้ำท่วมคันกั้นน้ำจมจึงไปเสริมคันกั้นน้ำหากเสริมได้จะเป็นช่องทาง ระบายน้ำได้อีกจากคลองระพีพัฒน์ไปยังคลองหนึ่ง จากนี้ไปน้ำทะเลจะหนุนอีกครั้งในช่วงปลายเดือน ต.ค.แนวคันกั้นน้ำชั่วคราวและกระสอบทรายที่วางไว้นั้น ขอร้องว่าประชานอย่าทำลาย จุดใดอ่อนก็จะเสริมความแข็งแรงเพื่อให้บรรเทาภาวะต่างๆลดลงไป

    นายยงศักดิ์ ขงมาก ตัวแทน กทม.แถลงว่า การเตรียมความพร้อมของ กทม.นั้น น้ำจะท่วมหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับน้ำเหนือ น้ำหนุนและน้ำฝนที่จะบรรจบกัน จนทำให้ กทม.ท่วม ประชาชนสอบถามว่าน้ำที่ท่วมขังตอนนี้เป็นน้ำเหนือหรือไม่ ขอเรียนว่า ไม่ใช่ แต่มันเป็นน้ำฝน ซึ่ง กทม.จัดการไปแล้ว และ กทม.มีเขื่อนที่รองรับน้ำทะเลหนุนได้เต็มร้อย ตอนนี้น้ำที่ไหลมาทางทิศเหนือและลงคอลหนึ่งจนประชาชนไม่ยอมให้ปิดประตูระบาย น้ำคลองหนึ่งและไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำเชียงรากนอยจนน้ำไหลบ่ามาทางตวันออก และอาจทำให้เขตดอนเมือง และสายไหม ได้รับผลกระทบ เช้าวันนี้ผู้ว่าฯ กทม.สั่งการไปว่าระดมเจ้าหน้าที่ กทม.ทั้งหมดไปสร้างแนวคันกั้นน้ำเสริมความแข็งแรงระยะทางหกกิโลเมตร และวันนี้จะดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อไม่ให้น้ำไหลมาในสองเขตดังกล่าว ทั้งนี้ จะขอความร่วมมือประชาชนไปช่วยเจ้าหน้าที่ด้วย ยืนยันกทม.ส่วนกลางนั้นขอให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ท่วม ตอนนี้มีเพียงจุดเดียวที่คลองทวีวัฒนา โดยตอนนี้กองทัพเรือส่งกำลังพลมาช่วยทำคันกั้นน้ำแล้ว

    “ทางตะวันออกคือเขตคลองสามวา ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก นั้น อาจมีน้ำสูงบ้างเพราะคลองประเวศบุรีรมย์ระบายน้ำออกไปทางประตูระบายน้ำ ลาดกระบังเพื่อนำน้ำลงแม่น้ำบางปะกง แต่ประชาชนแถวนี้สูบน้ำลงแม่น้ำดังกล่าวนั้นน้ำจะท่วมทันที เพราะประตูน้ำตรงนี้ไม่สามารถสูบน้ำได้ น้ำจะล้นไปสู่ประตูระบายน้ำพระโขนงต่อไป” นายยงศักดิ์ ระบุ


    -http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000131867-


    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    เตือนภัยกาแฟผสมยาลดความอ้วน (ไซบูทรามีน)


    “ไวอากร้า-กาแฟลดอ้วน” เกลื่อนเน็ต อย.เตือนถูกหลอก 100% เตรียมลุยกวาดล้าง

    [​IMG]

    อย.เข้มตั้งหน่วยงานเฉพาะเกาะติดการขายผลิตภัณฑ์ทุกชนิดผ่านทาง อินเทอร์เน็ตหลังระบาดอย่างหนัก โดยเฉพาะยา “ไวอะกร้า” กาแฟลดความอ้วน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พร้อมจับมือ ตำรวจ ปคบ.ปอท.และกระทรวงไอซีที ลุยกวาดล้างผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายต่อเนื่องตลอดปี 2554 เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านโลกไซเบอร์เด็ดขาด ชี้โอกาสถูกหลอกมีถึง 100 %

    ยุคการสื่อสารไร้พรมแดนทำให้เกิดช่องทางการทำมาหากินขึ้นมากมาย ใครที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเป็นประจำจะเห็นข้อความโฆษณาขายยา อาหารเสริม กาแฟลดความอ้วน และอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพคนไทยผ่านเว็บไซต์ต่างๆจนนับจำนวนไม่ได้วึ่ง การโฆษณาขายสินค้าประเภทนี้ได้ถูกจับตามองจากหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่าง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามาโดยตลอด

    ตั้งศูนย์เฝ้าระวังจ้องจับคนผิด

    ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา บอกกับ “ผู้จัดการ 360 องศารายสัปดาห์”ว่าต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีการขายผลิตภัณฑ์สินค้ามากมายโดย เฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาและอาหารเสริมสุขภาพ โดยนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 เป็นต้นมา อย.ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเนื่องจากในช่วงดังกล่าวได้รับเรื่องร้อง เรียนจากประชาชนที่หลงเข้าใจผิดไปซื้อผลิตภัณฑ์ทั้งยาและอาหารเสริมที่มีการ โฆษณาขายผ่านทางเว็บไซต์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยประชาชนที่ได้ร้องเรียนเข้ามาต่อเนื่องให้ อย.เข้าไปตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆโดยตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาได้มีการ กวาดล้างไปแล้วหลายรอบสามารถจับกุมผู้กระทำผิดและจากการตรวจสอบพบว่ามี ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกกฎหมายและไม่ได้มาตรฐานหลายร้อยรายการทีเดียว

    สืบเนื่องจากปัญหาดังกล่าวทาง อย.จึงได้ตัดสินใจตั้งศูนย์เฝ้าระวังและรับร้องเรียนผลิตภัณฑ์ทุกชนิดทั้ง อาหารและยาที่มีการโฆษณาขายผ่านสื่อต่างๆอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ยังได้เปิดช่องทางให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการซื้อสินค้า เหล่านี้ด้วยการเปิดให้มีการร้องเรียนผ่านช่องทาง 1556 ทั้งทางโทรศัพท์ อีเมลล์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี ตลอด 24 ชั่วโมง

    “การเปิดศูนย์ดังกล่าวนี้ทำให้เราได้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของผู้ ประกอบการ ผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศและยังทำให้เราสามารถตรวจสอบสินค้าเหล่านั้น ได้อย่างรวดเร็วเพราะทันทีที่มีคนร้องเรียนเข้ามาเราจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ที่ เกี่ยวข้องออกไปสืบหาข้อมูล หาข้อเท็จจริงเพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที”

    จับมือ 3 หน่วยงานตรวจเข้ม

    นอกจากนี้ อย.ยังได้ร่วมมือกับบตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองครอง ผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี (ปอท.) และกระทรวงไอซีที ช่วยกันเฝ้าระวังดูแลการโฆษณาขายสินค้าทุกชนิดทั้งอาหารและยาเพื่อไม่ให้ เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะการขายยาผ่านทางอินเทอร์เน็ตนั้นน่าเป็นห่วงที่สุด โดยเฉพาะการซื้อยาปลุกอารมณ์ทางเพศประเภท ไวอะกร้า เพราะแค่ทำการโฆษณาขายก็ผิดกฎหมายแล้วเนื่องจากตามกฎหมายแล้วการขายยาจะ อนุญาตให้ขายเฉพาะสถานที่ที่ได้รับอนุญาตเช่นร้านขายยา เท่านั้นส่วนการโฆษณาขายผ่านช่องทางอื่นถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายทั้งสิ้น

    “อยากเตือนประชาชนให้ระวังการซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะใน ส่วนที่เกี่ยวกับยาและอาหารเพราะโอกาสที่ท่านจะถูกหลอกมีอยู่ถึง 100 %เพราะแม้สินค้าบางตัวจะมีการขออนุญาตจาก อย.แต่ก็ไม่ควรซื้อหามาใช้เองโดยพลการเพราะหากใช้ไม่ถูกต้องอาจจะมีอันตราย ถึงชีวิตได้”

    รองเลขาธิการ อย. บอกเพิ่มเติมว่า หลังจากที่มีการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังฯและมีการร่วมมือกับตำรวจทั้งสองหน่วย งานรวมไปถึงกระทรวงไอซีทีแล้ว ปรากฏว่าได้มีการรสืบสวนสอบสวนและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายที่ผลิต นำเข้า จำหน่าย ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย ทั้งที่เป็น ยา อาหาร เครื่องสำอาง และเครื่องมือ แพทย์ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 ถึงเดือนมีนาคม 2554 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดรวม 59 ครั้ง ได้ผู้ต้องหาจำนวน 158 ราย มูลค่าของกลางกว่า 440 ล้านบาท รวมทั้ง การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อย. ในการเฝ้าระวังตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ออกสู่ท้องตลาด ทำให้สามารถตรวจยึดผลิตภัณฑ์สุขภาพของกลาง ตั้งแต่ปี 2551 - ปัจจุบัน มูลค่าของกลางกว่า 10 ล้านบาท

    “ในปี 2554 นี้ถือเป็นปีที่ อย.จะทำงานในเชิงรุกมากขึ้นเพราะเมื่อเรามีข้อมูลที่ได้รับการร้องเรียนจาก ช่องทางต่างๆที่เปิดกว้างเช่นนี้จะทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นและการเข้าถึง ผู้กระทำผิดก็ง่ายขึ้นทั้งนี้เพราะเราได้ส่งเจ้าหน้าที่ทั้งที่เป็นเจ้า หน้าที่ของ อย.และเจ้าหน้าที่ตำรวจของทั้งสองหน่วยงานลงตรวจสอบผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ผลิตทันทีที่มีเรื่องร้องเรียนมา ”

    จับตา “กาแฟลดอ้วน”เป็นพิเศษ

    ภญ.ศรีนวล กล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันปรากฏว่ามีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการลดความอ้วนออกมาจำหน่าย มากขึ้นโดยเฉพาะกาแฟลดความอ้วนจะเห็นว่ามีการโฆษณาเกินจริงผ่านทางเว็บไซต์ ต่างๆมากมาย อย.จึงมีความห่วงใยผู้บริโภคที่ไม่ได้รับรู้ข้อมูลที่แท้จริงว่าการบริโภค กาแฟเหล่านี้มากเกินไปจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ฉะนั้นจึงอยากเตือนผู้บริโภคให้จดจำกาแฟยี่ห้อดังต่อไปนี้ บราซิล เพอร์เฟ็ค สลิมมิ่ง คอฟฟี่ (Brazil Perfect Slimming Coffee) ฉลากภาษาต่างประเทศพบไซบูทรามีน , สลิมมิ่ง คอฟฟี่(Slimming Coffee) พบไซบูทรามีน , กาแฟภาษาลาติน กระป๋องสีแดง-ขาว , กาแฟมหัศจรรย์ 26 วันผอม , กาแฟมหัศจรรย์ 26 วันผอม qingshendai , กาแฟภาษาลาติน กระป๋องสีแดง-ทอง , แฟชั่น สลิมมิ่ง คอฟฟี่ (Fashion Slimming Coffee) ฉลากภาษาต่างประเทศ , แฟชั่น สลิมมิ่ง คอฟฟี่ ลี ฟาโล ทิน บอดี คอฟฟี่ (Fashion Slimming Coffee Lie Fallow Thin Body Coffee) ฉลากภาษาต่างประเทศ , สลิมมิ่ง คอฟฟี่ (Slimming Coffee) กล่องสีม่วง ฉลากภาษาต่างประเทศ , สลิมมิ่ง คอฟฟี่ (Slimming Coffee) กล่องสีม่วง-ขาว ฉลากภาษาต่างประเทศพบไซบูทรามีน , โฮล บอดี สลิมมิ่ง คอฟฟี่ เดอะ เธิร์ด เจเนเรชั่น (Whole Body Slimming Coffee the third generation) , สลิมมิ่ง คอฟฟี่ (Slimming Coffee) ฉลากภาษาต่างประเทศ และ เชอโนมีล ฟรุท ไดเอท ฟรุท คอมโพเนน สลิม แคปซูล (Chaenomeles Fruit Diet Fruit Component Slim Capsule)เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทาง อย.ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏว่ามียาลดความอ้วนซึ่งถือเป็นยาอันตรายผสมอยู่ใน ปริมาณเกินกว่ากฎหมายกำหนด

    “ขอให้ผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อซื้อกาแฟสำเร็จรูปที่โฆษณาสรรพคุณลดความ อ้วนมาบริโภคเด็ดขาด เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย หากมีส่วนผสมของยาไซบูทรามีน เพราะมีผลข้างเคียงสูง ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็ว ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆ ได้แก่ ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก เป็นต้น ซึ่งยาดังกล่าวต้องใช้โดยอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น”รองเลขาธิการ อย.กล่าวในที่สุด
    ......................................................................................................................................
    ที่มา:
    <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">16 มิถุนายน 2554 09:47 น.</td></tr></tbody></table>

    -http://www.consumerthai.org/main/index.php?option=com_content&view=article&id=1980:2011-10-11-04-18-54&catid=102:2009-11-13-05-31-43&Itemid=125-

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    อายุความของบัตรเครดิต

    วันอังคารที่ 04 ตุลาคม 2011 เวลา 16:25 ชูชาติ คงครองธรรม

    เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในปัจจุบันนี้บัตรเครดิตเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางและแพร่หลายในทุกวงการ สาเหตุก็เนื่องมาจากบัตรเครดิตสามารถที่จะตอบสนองการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ ของคนในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่จะตามมาเหมือนเงาตามตัวตามบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นนั่นก็คือ การที่คนใช้บัตรแล้วผิดนัดชำระหนี้หรือที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่า ชักดาบนั่นเอง การเริ่มนับอายุความนั้น นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่ผู้ที่ใช้บัตรเครดิตส่วนมากกลับมีความสับสนในเรื่องนี้ ในประเด็นที่ว่า อายุความจะเริ่มนับเมื่อใดและมีอายุความกี่ปี ในบัตรเครดิตโดยทั่วไปทางเจ้าหนี้ได้ทำการแจ้งกำหนดการชำระหนี้ให้แก่ ลูกหนี้ทราบอยู่แล้ว เมื่อทางลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้เมื่อใด อายุความก็จะเริ่มนับทันทีในวันถัดไป เช่นถ้าคุณใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2553 และมีใบแจ้งหนี้ให้ไปชำระหนี้ภายในวันที่ 7 ตุลาคม 2554 และถ้าคุณไม่จ่ายตามวันดังกล่าวถือว่าคุณผิดนัดชำระหนี้ อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป ซึ่งอายุความมีกำหนด 2 ปีนับตั้งแต่คุณผิดนัดชำระหนี้ครั้งสุดท้าย
    เมื่อคุณผิดนัดชำระหนี้แล้วก็จะมีการทวงถามเพื่อให้โอกาสแก่ทางลูกหนี้ ได้ทำการชำระหนี้ แต่ถ้าทวงถามแล้วยังเพิกเฉยไม่มีการชำระหนี้เจ้าหนี้ก็จะฟ้องต่อศาลเพื่อ บังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ แต่จะต้องฟ้องภายในกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่ผิดนัดชำระหนี้ครั้งสุดท้าย ซึ่งถ้าเจ้าหนี้ฟ้องภายในกำหนดก็ไม่มีปัญหาแต่หากว่าฟ้องเลยกำหนด 2 ปีมาแล้ว ก็ต้องถือว่า ขาดอายุความ

    ซึ่ง ลูกหนี้ส่วนมากจะเข้าใจว่าเมื่อขาดอายุความแล้วเจ้าหนี้ฟ้องไม่ได้ก็จบกัน แค่นั้นหรือถ้าฟ้อง ศาลก็คงจะไม่รับคำฟ้องนั้นเพราะขาดอายุความ แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจ เพราะถึงจะขาดอายุความแล้วถ้าทางฝ่ายเจ้าหนี้ยื่นฟ้อง ศาลก็จะดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมายตามขั้นตอนต่าง ๆ ต่อไป
    การที่จะให้ศาลหยิบยกเอาเรื่อง การขาดอายุความขึ้นมาพิจารณา ลูกหนี้จะต้องยื่นคำให้การในเรื่องของการขาดอายุความ ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ซึ่งศาลก็จะนำมาพิจารณาตรวจสอบดูข้อเท็จจริง และถ้าหากเป็นจริงตามที่ลูกหนี้ยื่นคำให้การต่อสู้มา ทางศาลก็จะทำการยกฟ้องต่อเจ้าหนี้ต่อไป
    ซึ่งในเรื่องนี้ได้มีกฎหมายรองรับอยู่ตามมาตรา 193/29 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า เมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความ มาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้
    ท้ายที่สุดนี้ผมก็อยากจะฝากข้อคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้เป็นข้อเตือนใจในเรื่องนี้ว่า บัตรเครดิตเหมือนดาบ 2 คม หากท่านใช้จ่ายด้วยความระมัดระวังแล้ว ท่านจะไม่ต้องมานั่งเครียดในเรื่องการใช้หนี้อย่างแน่นอน แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าท่านใช้อย่างตามใจตนเอง บัตรพลาสติกใบเล็ก ๆ นี่แหละอาจจะทำลายชีวิตคุณทั้งชีวิตก็เป็นได้
    แก้ไขล่าสุด ( วันอังคารที่ 04 ตุลาคม 2011 เวลา 17:03 )

    -http://www.consumerthai.org/main/index.php?option=com_content&view=article&id=1976:2011-10-04-09-37-01&catid=147:2011-08-30-03-45-47&Itemid=214-

    .

    อายุความของบัตรเครดิต

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อินเตอร์เน็ต แบงค์กิ้ง ปลอดภัยแค่ไหน


    สำหรับใครที่คิดจะใช้บริการ อินเตอร์เน็ต แบงค์กิ้ง หรือกำลังใช้อยู่ขณะนี้ อาจเกิดข้อสงสัยว่ามีความปลอดภัยแค่ไหนนั้น ธนาคาร แห่งประเทศไทย ออกมายืนยันเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แล้วว่าบริการอินเตอร์เน็ต แบงค์กิ้ง จากระบบของธนาคารพาณิชย์ในการทำธุรกิจกรรมทางการเงินนั้นมีความปลอดภัย นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการสาย กำกับสถาบันการเงิน (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทาง ธปท.ได้ทำการตรวจสอบระบบการให้บริการอินเตอร์เน็ต แบงค์กิ้งของธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ นั้น พบว่าระบบมีความปลอดภัยเป็นที่เชื่อถือได้ เพราะทางธนาคารแต่ละแห่งที่ให้บริการจะมีระบบป้องกันการโจรกรรมข้อมูลอยู่ แล้ว
    จากกรณีของลูกค้า 'ธนาคารกรุงเทพ' ที่ทำทำธุรกรรมการเงินด้วยช่องทาง 'อินเตอร์เน็ต แบงค์กิ้ง' แล้วเกิดความผิดพลาดด้วยการโอนเงินไปยังบัญชีของคนอื่นนั้น ตรวจสอบแล้วพบว่าคอมพิวเตอร์ของลูกค้ามีปัญหาติดไวรัส ไม่ได้เกิดแฮกเกอร์ที่เข้ามาเจาะข้อมูลของธนาคาร
    ปัจจุบันการใช้งานผ่านบริการนี้ ธนาคารยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ลูกค้ายังเข้ามาบริการในปริมาณที่เท่าเดิมไม่ได้ลดลง ยืนยันว่าลูกค้าธนาคารสามารถใช้บริการช่องทางนี้ได้ตามปกติเพียงแต่เพิ่ม ความระมัดระวังมากขึ้นกับการยืนยันข้อมูลการใช้บริการทุกครั้ง
    แต่ถึงแม้จะมีการยืนยันแล้วว่ามีความปลอดภัยจากแฮกเกอร์ แต่ผู้ใช้ก็ต้องระวังเช่นกันในการเข้าระบบ อินเตอร์เน็ต แบงค์กิ้ง เพราะคอมพิวเตอร์จะมีการถามย้ำว่าจะให้มีการจำ Username กับ Password ไว้ในเครื่องหรือไม่ สำหรับคนที่ใช้เครื่องส่วนรวมก็ต้องระวังหน่อย อาจจะเผลอกดตกลงไป เพราะเมื่อมีคนมาเปิดหน้านั้นแล้วจะเข้าสู่ระบบการทำธุรกรรมการเงินโดยทันที เพราะฉะนั้นถึงแม้จะได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยจากแฮกเกอร์ก็จริง แต่ก็ควรระวังตรงจุดนี้ด้วย
    อ้างอิงข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย19 ส.ค. 53


    -http://www.consumerthai.org/main/index.php?option=com_content&view=article&id=1354:2010-09-10-08-52-33&catid=9:2008-12-15-05-41-14&Itemid=61-

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ธีระ แถลงมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลผ่าน กทม. ไปแล้ว

    -http://hilight.kapook.com/view/63235-


    [​IMG]



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

    รม ว.เกษตรและสหกรณ์ นำทีมแถลงยันน้ำจากนครสวรรค์ก้อนใหญ่ไหลผ่าน กทม. ลงทะเลแล้ว สถานการณ์น้ำจากนี้จะเริ่มทรงตัว ก่อนมีน้ำทะเลหนุนสูงสุดอีกครั้งวันที่ 28-30 ตุลาคมนี้

    วันนี้ (16 ตุลาคม) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ (ศปภ.) นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงถึง สถานการณ์น้ำในขณะนี้ว่า มวล น้ำสูงสุดจาก จ.นครสวรรค์ ได้ไหลผ่านกรุงเทพมหานครลงสู่ทะเลเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ต้องเฝ้าระวังของ จ.นครสวรรค์ คือ อ.บรรพตพิสัย และ อ.ชุมแสง แต่ระดับน้ำมีปริมาณลดลงเรื่อย ๆ

    ด้าน นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ระดับน้ำจากนี้ไปจะทรงตัว แต่ระหว่างวันที่ 28 ถึง 30 ตุลาคมนี้ จะมีน้ำทะเลหนุนสูงสุดอีกครั้ง จึงขอให้ประชาชนอย่าทำลายแนวคันกั้นน้ำ ส่วนคันกั้นน้ำที่อ่อนขอให้เสริมให้มีความแข็งแรงมากขึ้น

    ขณะ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แสดงความมั่นใจว่า น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯ ค่อนข้างแน่นอน พร้อมกล่าวถึงการดำเนินงานของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ และยืนยันว่า ศปภ. จะดำเนินการเพื่อช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง และจะชี้แจ้งข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบต่อไป




    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ครอบครัวข่าว 3 และ ไอ.เอ็น.เอ็น.

    [​IMG] [​IMG]



    -http://hilight.kapook.com/view/63235-

    .


     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [​IMG]

    เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

    แม้ว่าทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงานจะช่วยกันเฝ้าระวังอย่างเต็มกำลัง แต่สถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ไม่อาจคาดเดาได้ง่ายนัก ข่าวคันกั้นน้ำพัง พนังกั้นน้ำแตก มีรายงานต่อเนื่องรายวัน ดังนั้นแล้ว การเตรียมรับมือดูจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในพื้นที่เสี่ยงภัยที่น้ำยังมาไม่ ถึง

    และวันนี้เรามีคำแนะนำรป้องกันน้ำท่วมสำหรับตัวอาคาร จาก สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาฝากกัน....

    เดี่ยวมาต่อด้วยรูปครับ

    -http://hilight.kapook.com/view/63725-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • article09-1.jpg
      article09-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.7 KB
      เปิดดู:
      623
    • article01-2.jpg
      article01-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.2 KB
      เปิดดู:
      639
    • article02.jpg
      article02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.4 KB
      เปิดดู:
      591
    • article03-2.jpg
      article03-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.6 KB
      เปิดดู:
      630
    • article04.jpg
      article04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.3 KB
      เปิดดู:
      640
    • article05-1.jpg
      article05-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.1 KB
      เปิดดู:
      601
    • article06.jpg
      article06.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.7 KB
      เปิดดู:
      612
    • article07-1.jpg
      article07-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.4 KB
      เปิดดู:
      618
    • article08.jpg
      article08.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.1 KB
      เปิดดู:
      618
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่านไว้เพื่อทราบกันครับ



    ------------------------------------------

    เปิดคำทำนายปี′55 "โสรัสจะ นวลอยู่" การเมืองร้อนฉ่า สุขภาพบุคคลสำคัญ และเขื่อนใหญ่ยักษ์แตก ?!!


    โสรัจจะ นวลอยู่

    แม้จะไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นหมอดูอาชีพ แต่ชื่อเสียงของ “โสรัจจะ นวลอยู่” กลับโด่งดังในฐานะนักพยากรณ์ชื่อดังมากกว่าอาชีพวิศวกรและข้าราชการกรมชล ประทานที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

    จากคอลัมน์ “ส่องราศี” ในหนังสือ นรี เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ได้ทำให้เจ้าของนาม “หมอโส” โลดแล่นเข้าสู่ยุทธจักรของการทำนายโชคชะตาราศี มาจนถึง “โสรัจ” แห่งแพรวพยากรณ์ และ “โสรัจจะ “ แห่งดวงและดาว ในนิตยสารสกุลไทย ที่ผู้คนโดยเฉพาะทั้งวัยรุ่นและผู้หลักผู้ใหญ่ติดกันงอมแงม



    <table align="left" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td></tr></tbody></table> ผูกขาดเป็นนักพยากรณ์ในหนังสือทายประจำปี “ศาสตร์แห่งโหร” ของสำนักพิมพ์ “มติชน” มาหลายปี แต่ละปีมักจะมีคำทำนายที่สร้างความฮือฮา เพราะแม่นราวจับวาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจตกต่ำ อุทกภัย อัคคีภัย ไปจนถึงการสูญเสียบุคคลสำคัญ



    ล่าสุดคำทำนายล่วงหน้าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ “มหาภิบัติภัยสึนามิ” ที่ญี่ปุ่นในปี 2554 ได้ใกล้เคียง มีผู้คนเสียชีวิตและบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก

    เช่นเดียวกับ พยากรณ์ประจำปีมะโรง พ.ศ. 2555 ของเขาในศาสตร์แห่งโหรครั้งนี้ ซึ่งเขาตั้งคำถามไว้ว่า “โลกจะถึงกาลแตกดับฤา”

    โสรัสจะทำนายว่า โลกจะสิ้นสุดก็เพราะไฟ ไฟจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้พินาศ สูญไป แต่ที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้ก็คือไฟจากกิเลสตัณหาของมนุษย์ที่กำลังแผดเผาผู้ คนให้ย่อยยับไปทุก ๆ ขณะ อยู่แล้ว เพราะบัดนี้ ผู้ปกครองประเทศ และประชาชนไม่ตั้งมั่นในศีลธรรมและกุศลจิตของชนทั้งหลายเสื่อมคลายลง ก็จะเกิดความเดือดร้อนกันไปทั่ว ข้าวยากหมากแพง เกิดการรบราฆ่าฟันกันและเกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ ไม่สามารถจะดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปได้

    “ตั้งแต่ต้นปี “พระอังคาร” หัวหน้าใหญ่บาปเคราะห์เดินขบวนอยู่ราศีสิงห์ , ราศีกันย์เกตุ, ราศีตุลย์ดาวเสาร์, ราศีพิจิกราหูล้วนเป็นขบวนดาวบาปเคราะห์ทั้งสิ้น นับเป็นขบวนผีห่าซาตานเข้ามาคร่าผลาญชีวิตชาวโลก”

    “ดาวพฤหัสบดี ดาวฝ่ายคุณธรรมความดี ย้ายเข้าสู่ราศีพฤษภ ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 เล็งพระราหู ฝ่ายอธรรม ซึ่งสถิตราศีพิจิก แบบนี้คงได้เห็นลางว่าจะมีการสัปยุทธใหญ่เกิดขึ้น”

    “พระราหูสถิตอยู่ราศีพิจิก จนกระทั่งวันที่ 10 ธันวาคม 2555 ย้ายเข้าสู่ราศีตุลย์ เล็งลัคนาดวงเมืองราศีเมษ เข้าร่วมพระเสาร์ดาวคู่มิตร จึงช่วยกันเข้าถล่มเมืองไทยอย่างแท้จริง”

    แต่ดวงดาวของโลกในปีมะโรง 2555 ที่น่าเอาใจใส่และเป็นห่วงที่สุดก็คือ ประเทศไทยเรานี่แหละ ไม่ต้องไปดูอะไรให้ไกลตัว

    ประเทศไทยในปี 2555 นี้ มีสิ่งที่น่าจะเพ่งเล็ง คือ ประเทศไทย เดือน มกราคม, กุมภาพันธ์, มีนาคม เริ่มเกิดความวิบัติทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพายุโซนร้อนหลายระลอก เป็นสิ่งวิปริตอาเพศเพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นเลย น้ำท่วมจังหวัดในภาคเหนืออย่างรุนแรงเป็นแรมเดือน แล้วก็ลามลงมาภาคกลางไปจนทั่วประเทศ และรวมทั้งภาคใต้ด้วย สูญเสียผู้คนจำนวนมากและเสียหายเงินเหลือคณานับ ไร่นา ปศุสัตว์ล่ม กรุงเทพฯ ก็จมอยู่ในน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวฝั่งธนบุรี

    และเหตุการณ์เช่นเดิมนี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในเดือน มิถุนายน, กรกฎาคม, สิงหาคม, กันยายน, ตุลาคม, พฤศจิกายน และธันวาคม ประชาชนชาวไทยที่ยากจนจำต้องเผชิญกับความทุกข์ยากที่หนักและรุนแรงกว่าปี ก่อน ๆ เสียหายยับเยินไปทั่วทุกจังหวัด และทั่วทั้งประเทศเฉลี่ยไปโดยทั่วถึงกัน เป็นทุกขภิกภัยโดยแท้

    อาถรรพ์ของดวงดาวบาปเคราะห์เสาร์อริอย่างเต็มที่ บ่งถึงว่าสภาวะของประเทศเกิดความแตกร้าวอย่างรุนแรง ไม่อาจจะผสานกันได้ แสดงให้เห็นจุดยุ่งยากของหัวหน้ารัฐบาลจะต้องเผชิญ


    ดวงเมือง แห่งยุคการคลั่งไคล้ประชาธิปไตยครึ่งใบนี้ ในเดือนมีนาคม 2555 ดาวอาทิตย์ (คือประมุขของรัฐบาล) กำลังโคจรเข้าสู่ภพวินาศนะของราศีเมษพอดี และถูกบาปเคราะห์ทำมุมกากบาด แล้วยังโดนดาวเสาร์เล็งแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น เท่านี้จะมีอะไรเหลือ

    และขณะเดียวกัน ความยุ่งยากทางการเมืองภายใน จะก่อความร้าวฉานทวีขึ้นอย่างไม่มีจบสิ้น แล้วยังมีเหตุอันร้ายแรงแก่พรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่เก่าแก่พรรคหนึ่งของ ประเทศไทย ซึ่งมีลัคนาของดวงพรรคอยู่ราศีกันย์ กำลังโดนเกตุบาปเคราะห์ทับและโดนดาวบาปเคราะห์เสาร์กับอังคารบีบข้างหน้า และข้างหลัง ก็ย่ำแย่เฉกเช่นกัน อาจถึงขั้นพรรคแตก, ล่มสลายไปหมดทางแก้ไข เป็นระยะของการปลอดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคยยึดเหนี่ยว เพราะความเสื่อมของผู้คนในพรรคนี้ก็เป็นได้ ที่ไม่จริงใจต่อประเทศชาติซ่อนเร้นมาตลอด

    เดือนเมษายน ประชาธิปไตยของไทย จะพบความประหลาดใจว่าดาวเจ้าเรือนภพที่ 11 (คือประมุขของรัฐบาล) อันเป็นดาวเสาร์ ซึ่งดาวเสาร์ประมุขรัฐบาลกำลังเดินถอยหลังกรูด ซ้ำร้ายดาวมฤตยูดาวแห่งการปฏิวัติรัฐประหารยังคงเดินโคจรอยู่ในภพวินาศนะต่อ ราศีเมษแห่งไทยสยาม เป็นการยืนยันให้เห็นความเชื่อมโยงถึงการเสื่อมอำนาจของผู้นำโดยแท้ ทุกอย่างสอดคล้องกันอย่างซับซ้อนให้เห็นเช่นนี้ จึงสำแดงให้เห็นถึงสภาวะการตึงเครียด และการเดินขบวนต่อต้านหัวหน้ารัฐบาลกับปรากฎการณ์ที่ส่อเค้าแห่งการเสื่อม อำนาจวาสนาของผู้ปกครองประเทศในระยะนี้ ประมุขรัฐบาลจึงต้องออกจากประเทศไป เหตุการณ์ทุกอย่างจึงสงบและทุเลาลง

    แม้จะมีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง มีคณะรัฐมนตรี มีสภาผู้แทนราษฎร มีศาล และมีพรรคการเมือง ล้วนมีขึ้นเพียงรูปแบบของระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาเท่านั้น แต่จิตวิญญาณยังมิได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย

    อำนาจทางการเมืองผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่ในกำมือ ของทหารกลุ่มต่าง ๆ ในระบบอำนาจนิยม และได้พัฒนาต่อ


    “ตามดวงเมืองต้องปกครองด้วยทหาร”

    ตามโบราณของการก่อตั้งดวงเมือง ท่านโหราจารย์ผูกดวงบ้านเมืองไว้กับผู้มีอำนาจในสมัยนั้น เพื่อปกป้องบ้านเมืองให้รอดพ้นจากศัตรู ผู้มีอำนาจใจสมัยโบราณก็คือ ทหารนั่นเอง เพราะฉะนั้นประเทศไทย คงหนีไม่พ้นสิ่งนี้ไปได้ นี่คือข้อเท็จจริง ดังนั้นไม่ต้องมาอ้างว่า เราเป็นประชาธิปไตย เลิกหลอกตัวเองซะทีและเชื่อไปตามที่ตัวเองหลอก เป็นความบ้าคลั่งประชาธิปไตยโดยแบบผิด ๆ ปีนี้ควรจะหันมามองความจริงและเผชิญกับมัน


    แต่อย่างไรเสียประเทศก็มีดวงดาวที่แข็งกว่า ที่มีอะไรที่หนือกว่าดวงนักการเมืองชั่วเหล่านี้ ประเทศไทยก็จะมีการพัฒนาไปตามขบวนการหรือจะเรียกว่า การเดินทางของดวงดาว ที่จะมาช่วยบ้านเมืองเอาไว้ได้ เราไม่ “สิ้นชาติ” หรอก แต่เราก็บอบช้ำจากน้ำมือผู้นำชั่วเหล่านั้นไปมากเหมือนกัน เราจะไม่ขอให้ใครหยุดทำเพื่อประเทศอีกต่อไปแล้ว ให้มันเป็นไปตามดวงดาวลิขิตไว้เช่นนี้ละ !!

    ดาวของผู้นำประเทศในปี 2555 จะเป็นดวงที่แตกไม่สามารถที่จะเข้ามาประสานต่อไปได้แล้ว ผู้คนทั้งประเทศสิ้นศรัทธาและเกลียดชัง เพราะฉะนั้นผู้นำที่เลวและไม่หวังดีต่อประเทศคิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง และพวกพ้องก็ต้องเป็นไป ดวงดาวที่โคจรเข้ามาบรรจบกันพอดี

    อีกตำราหนึ่งกล่าวว่า ปีมะโรง 2555 นี้ ปรากฎว่าบาปเคราะห์ใหญ่ยังคงเล็งกันอยู่ในราศีทวารล้วนเป็นบาปเคราะห์เบิ้ม ๆ ด้วยกันทั้งนั้น เราก็ยังคงจะต้องได้ฟังปัญหาของประเทศไทย อันขัดแย้งกันอย่างน่ากลัวต่อไป ส่วนดาวในฝ่ายคุณธรรมคือ ดาวพฤหัสบดี ก็คงโคจรเล็งกับดาวเสาร์ บาปเคราะห์อันมีสภาพตรงกันข้ามกับดาวพฤหัสบดีทุกอย่าง การผสานกลมกลืนกันย่อมจะเป็นไปได้ยาก อีกประการหนึ่ง คู่พฤหัสบดีกับเสาร์ที่เปรียบเสมือนคู่ขัดแย้งกันโดยธรรมชาติ ได้ทำมุมอับกับดาวอังคาร (ดาวเลือดสีแดงกล่ำ) อยู่ด้วย เห็นเค้าของความรุนแรงปรากฎให้เห็นทุกแง่ทุกมุม อาการประนีประนอมกันคงมองไม่เห็น การทำสงครามระหว่างสีต่าง ๆ อาจจะลามปามกลายเป็นสงครามชนชั้น กลายเป็นคนจนจะลุกขึ้นฆ่าคนรวย เพราะความกดดันความคับแค้นที่สั่งสมมานานในช่วงที่นักการเมืองชั่วสลับสับ เปลี่ยนกันขึ้นมาปกครองประเทศตลอดมาอย่างไร้คุณธรรม สงครามกลางเมือง เป็นสงครามต่อเนื่องกันไปโดยไม่มีวันจบสิ้น ปี 2555 นี้ นับเป็นปีของอะไรต่อมิอะไรผยองขึ้นมาโดยขาดคุณธรรมเป็นเครื่องนำทาง จะไปหวังอะไรที่เป็นของดีงามเข้ามาช่วยเหลือหรือคุ้มครองมิได้เลย

    บุคคลในเครื่องแบบใช้อำนาจไม่เป็นธรรมร่วมมือกับสมุนทำการย่ำยี ประชาชนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ เป็นที่ครหาไปทั่วโลก ตรงนี้เป็นจุดเปราะบาง เพราะองค์กรของโลก เช่น สหประชาชาติ ทนต่อพฤติกรรมเลวร้ายและรุนแรงเช่นนี้ไม่ไหว ต้องส่งกำลังทหารจากทั่วโลก เข้ามากวาดล้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมหาศาล และบ้านเมืองที่สวยงามของเราก็พังพินาศลงไปดูแล้วน่าเอนจอนาถเป็นที่ยิ่ง

    ประเทศไทยซึ่งหวังกันว่าจะเริ่มสันติสุขปรองดองกันเสียที ก็ดูจะเลวร้ายยิ่งไปกว่าเดิม ดาวพฤหัสบดีอยู่ในมุมบังคับเป็นกากบาท ซึ่งอังคารทับเสาร์ เป็นเรื่องที่มิอาจมีการออมชอมกันได้ง่าย ๆ ฝ่ายรัฐบาลก็มีแต่การทะเลาะเบาะแว้งกันภายใน และรวมทั้งกับพรรคที่มาร่วมรัฐบาลด้วย

    ปี 2555 นี้ ประเทศไทยระวังสุขภาพของบุคคลสำคัญต่าง ๆ เกิดการเจ็บไข้อย่างรุนแรงเกิดขึ้นแก่ผู้เป็นใหญ่ในประเทศและเกิดการสูญเสีย

    เกิด “เขื่อนยักษ์ใหญ่แตก” ทั้งหมด 2 เขื่อนใหญ่ เป็นคลื่นยักษ์เข้าถล่มสู่เบื้องล่าง ท่วมไร่นา ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้างทั้งเล็กและใหญ่ และประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนแบบไม่รู้ตัว จมน้ำหายไปหลายหมู่บ้าน ตำบล และหลายจังหวัด เสียหายต่อเนื่องมาถึงกรุงเทพมหานคร มีผู้คนล้มตายหลายหมื่นคน

    พื้นดินถล่มและทรุดตัวไปทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เราอาจจะต้องสูญเสียแผ่นดินแถบชายฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมาและจมลงสู่ใต้ทะเล

    แถบชายฝั่งทะเลอันดามันตั้งแต่เกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพุ่งเข้าถล่มครั้งใหญ่กว่าปี 2547 กวาดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวมทั้งบ้านเรือน ยานพาหนะ ลงทะเลเกือบหมดสิ้น



    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1318749055&grpid=01&catid=&subcatid=-

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คุณPinkcivil กะ คุณเพชร ว่าไงบ้างครับ

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    แผนที่พื้นที่ปลอดภัยของประเทศไทย... กรุณา save เก็บไว้
    -http://palungjit.org/threads/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%B2-save-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89.71028/-


    [​IMG]

    ภาพขยาย


    แผนที่นี้แสดงระดับความสูงทางภูมิศาสตร์ของประเทสไทย โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม มองลงมาจากอวกาศ ที่ระดับความสูง 1000 กม จากพื้นดิน.

    โดยกำหนดระดับความสูงด้วยสีต่างๆ เพื่อใช้ในการพยากรณ์พื้นที่น้ำท่วมทั่วประเทศ


    ระดับความสูง

    น้อยกว่า 1 เมตร สีน้ำเงินอ่อน
    1 เมตร สีน้ำเงินเข้ม
    5 เมตร สีแดง
    10 เมตร สีชมพูอ่อน
    20 เมตร สีชมพูเข้ม
    30 เมตร สีเขียวอ่อน
    50 เมตร สีเขียวเข้ม
    100 เมตร สีเหลืองอ่อน
    200 เมตร สีเหลืองเข้ม
    400 เมตร สีส้ม
    800 เมตร สีน้ำตาล
    1000 เมตร สีขาว

    สมมติว่า...

    - มีน้ำท่วม 10 เมตร ท่านต้องหลบไปให้พ้นพื้นที่สีชมพูอ่อน
    - หากมีน้ำท่วม 20 เมตร ท่านต้องหลบไปให้พ้นพื้นที่สีชมพูเข้ม เป็นต้น





    1. ประเทศไทย มองจากระดับความสูง 1000 กม.
    2. กรุงเทพ มองจากระดับความสูง 100 กม.
    3. กรุงเทพ มองจากระดับความสูง 200 กม.


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]




    .

    http://palungjit.org/threads/แผนที่พื้นที่ปลอดภัยของประเทศไทย-กรุณา-save-เก็บไว้.71028/

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พวกที่หากินบนความเดือดร้อนของผู้ที่ประสบอุทกภัย น่าจะออกกฎหมายใหม่ หากมีการทำผิดในกรณีนี้ ให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินไป

    ส่วนข้าราชการที่ไม่ปฎิบัติหน้าที่ น่าจะมีกฎหมายออกมาให้จำคุกอย่างเดียว

    หากมีเรื่องของการขายของแพง หรือ ไม่เป็นธรรม ให้โทร.แจ้ง 1166 สายด่วน สคบ.ครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...