พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

มิน่า วันนี้ผมส่งรูปเด็ดๆให้พี่ ทำไมเงียบไปเรย

 

ผมมีเครื่องโมโตไม่ได้ใช้ เอาไปใช้ก่อนไหมครับ

 

สวยสมบูรณ์ งามมากเรยครับ

 

สวยๆๆๆ ตาลุงวาสนาดีจริงๆ มาเป็นชุด พิมพ์อุ้มบาตรรู้สึกว่าจะงามไม่เท่าก่อนหน้านั้นนะ พิมพ์อัครสาวกก็งามช้อย..

 

เช้าวันนี้ไปทำบุญที่ซอยสายลม เช้าวันนี้มีบวงสรวงงานวันเกิดหลวงพ่อ อาหารการกินเพียบจริงๆ ถวายสังฆทานวันนี้นอกจากจะได้รับหนังสือธรรมปฏิบัติฉบับที่ ๓๐ แล้วยังจะได้รับเหรียญยันต์ทำน้ำมนต์(พรุ่งนี้จะถ่ายภาพให้ชมกัน) ออกใหม่ครับ และบังเอิญได้รับแจกคัมภีร์อุปปาตะสันติ บทสวดมนต์มหาสันติงหลวง บทสวดเพื่อสงบเคราะห์ร้าย และสงบเคราะห์กรรม แต่งโดยพระมหามังคละสีลวังสะ ในสมัยพระเจ้าติโลกราช รชกาลที่ ๑๑ แห่งราชวงศ์มังรายระหว่าง พ.ศ.๑๙๘๕-๒๐๓๐ จำนวน ๒๗๑ คาถา ก็เป็นบทสวดที่ไม่ค่อยจะมีผู้พิมพ์เป็นธรรมทานแจกกันเท่าไหร่ครับ..

มหาสันติงหลวง.mp3

 

กูรูน้องนู๋พิจารณาแหวนทวาฯวงนี้แล้วเป็นไงบ้างครับ

 

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมามีโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ปร<WBR>ะชาชน ครั้งที่ ๒ /๒๕๕๔ บรรยายนำชมในหัวข้อเรื่อง “ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอ<WBR>ุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (พระแก้ววังหน้า)” โดย นางณัฎฐภัทร จันทวิช ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมศิลปากร โดยลงทะเบียน ณ ศาลาลงสรง ด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งช<WBR>าติ พระนคร

ผมคิดว่า ปีหน้าน่าจะมีโครงการนี้อยู่อีก ก็ต้องติดตามดูข่าวสารนี้กันต่อไป เป็นโอกาสจะได้เข้าไปชมจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม แต่วัตถุประสงค์อื่นของการเข้าไปชมคงมากกว่าการชมแบบทั่วไป

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD align=left>อยากจะให้ลองอ่านดูว่า ความยากลำบากในการเข้าไปชมพระอุโบสถวังหน้าเป็นอย่างไร ผ่านความเห็นของศิษย์สถาบันนี้กันเลย

วันที่ พฤหัสบดี ธันวาคม 2552

</TD></TR><TR><TD align=left> พิมพ์หน้านี้ | ดูบล๊อกอื่นๆ ที่ OKnation </TD></TR><TR><TD>
<CENTER>ศิลปกรรม...ในวัดพระแก้ววังหน้า

</CENTER>




ปี ๒๕๒๗ เป็นครั้งแรกที่ผมได้ย่างก้าวเข้าสู่สถานที่แห่งนี้ เพื่อสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ ในระดับศิลปศึกษาชั้นกลาง ของวิทยาลัยช่างศิลป กรมศิลปากร ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีคนมาสมัครกันเยอะมาก แต่รับได้แค่ ๒๐๐ กว่าคนเท่านั้น

และยิ่งวันสอบภาคปฏิบัติ ผมก็ทำผิดพลาดโดยตลอด ตั้งแต่วาดเส้นคนเหมือน จนถึงการเขียนสีน้ำ คือ ผมใช้สีน้ำตราม้า ๑๒ สี (ที่เด็ก ๆ เขาใช้กัน) จานสีพลาสติกทรงกลม และมีพู่กันเบอร์ ๖ เบอร์เดียว มองไปรอบข้างก็ไม่เห็นใครเขาใช้แบบผมเลย (ใจ...ลงไปที่ตาตุ่มแล้วครับ)

เมื่อเขียนเสร็จจนใกล้หมดเวลา ปรากฏว่ามือไปปัดโดนเอาแก้วใส่น้ำล้างพู่กัน หกล้มลงมาบนชิ้นงานจนทั่วเลยครับ สาวสวยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นดังนั้น จึงรีบยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ และช่วยผมซับน้ำที่เจิ่งนองออกไปอย่างรวดเร็ว

ด้วยความประหม่าและรู้สึกซาบซี้งในน้ำใจอันงดงาม จึงทำให้ผมลืมที่จะขอบคุณเธอคนนั้น เมื่อส่งผลงานแล้วจึงคิดว่า จะขอขอบคุณเธอในคราวหน้าก็แล้วกัน เมื่อวันประกาศผลมาถึง ก็ไม่ปรากฏและพบเห็นเธออีกแล้ว ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้เลยครับ...ฮือ ฮือ





เป็นความทรงจำที่สุดแสนประทับใจ และตราตรึงไว้โดยมิรู้ลืม (เศร้านิด ๆ) กับอีกเหตุการณ์หนึ่ง ก็คือ การที่ผมได้เข้าพิธีครอบครูศิลปะ ในโบสถ์แห่งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ทราบว่ารุ่นต่อ ๆ มา ได้ย้ายไปครอบครูกันที่ลาดกระบังหมดแล้วครับ

เมื่อจบชั้นกลาง ต่อชั้นสูงสาขาศิลปะไทย ผมก็ยังคงแวะเวียนเรียนที่วังหน้าแห่งนี้มาโดยตลอด หรือแม้กระทั่งสอบบรรจุเข้ารับราชการครู สังกัดกรมศิลปากร ก็ยังใช้สถานที่แห่งนี้ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปภายในโบสถ์อีกเลยครับ (ไปทีไร...ก็ปิดทุกที)

วันส่งท้ายปีเก่าปีนี้ ผมมีโอกาสได้ไปแสดงมุทิตาจิตต่อท่านอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการแล้ว ผมมองไปยังประตูโบสถ์ ก็เห็นว่าเปิดอยู่ ใจผมเด้นระทึกด้วยความดีใจ นับจากครั้งแรกมาจนถึงวันนี้...ก็เป็นเวลา ๒๕ ปีไปแล้วครับ





วัดบวรสถานสุทธาวาส หรือ วัดพระแก้ววังหน้า เป็นวัดในพระราชวังบวรสถานมงคล เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภายในพระบรมมหาราชวัง และด้วยเหตุที่เป็นวัดในวัง ดังนั้น จึงไม่มีพระภิกษุจำพรรษา

สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ซึ่งเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่การยังไม่แล้วเสร็จ พระองค์เสด็จทิวงคตเสียก่อน การก่อสร้างวัดพระแก้ววังหน้า จึงมาก่อสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับพระราชทานนามว่า วัดบวรสถานสุทธาวาส

ปัจจุบัน วัดบวรสถานสุทธาวาส ตั้งอยู่ในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป เป็นวัดที่ไม่มีการประกอบสังฆกรรมใด ๆ และถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีไหว้ครู พิธีครอบครู และพิธีมงคลต่าง ๆ ของบรรดานาฏศิลปิน ดุริยางคศิลปิน และกรมศิลปากร

ศิลปกรรมต่าง ๆ ของวัดพระแก้ววังหน้า ที่เหลืออยู่ในปัจจุบันนี้ มีเพียงพระอุโบสถเท่านั้น เป็นพระอุโบสถ จัตุรมุขสูงใหญ่ตั้งสูงตระหง่านอยู่บนฐานซึ่งมีบันไดขึ้นทั้งสี่ด้าน บริเวณฐานมีชานล้อมโดยรอบ

เสียดายที่พระอุโบสถหลังนี้ ถูกตึกสมัยใหม่บังเสียหมด จนไม่อาจชมความงามของ พระอุโบสถได้ในระยะที่เหมาะสม ในด้านรูปทรงภายนอกแล้ว ต้องนับว่าพระอุโบสถหลังนี้มีความงามสง่าแปลกตาไม่น้อย และเป็นศิลปกรรมสมัยรัชกาลที่ ๓ ที่สำคัญของวังหน้าที่ทรงสร้างขึ้น





นอกจากรูปทรงภายนอกแล้ว ภายในพระอุโบสถยังมีศิลปกรรมสำคัญที่ควรชมคือ พระพุทธรูป ซึ่งเป็น พระประธานของพระอุโบสถตั้งอยู่สุดผนังมุขด้านตะวันตก เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางห้ามสมุทร พระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ ในรัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างเพื่อสำหรับประดิษฐานในพระอุโบสถนี้

แต่ยังไม่ทันเสร็จก็ประชวรหนักใกล้จะสวรรคต พระองค์ทรงจบพระหัตถ์ ผ้าห่มพระประธาน พระองค์เจ้าดาราวดีไว้ ดำรัสสั่งไว้ว่า ต่อไปถ้าท่านผู้ใดเป็นใหญ่ได้ทรงบูรณะวัดนั้น ให้ถวายผ้าผืนนี้ ทูลขอให้ช่วยทรงพระให้ด้วย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจบผ้าผืนนั้น ทรงพระพุทธรูปถวาย ดังพระราชอุทิศ ของกรมพระราชวังมหาศักดิพลเสพย์






ปัจจุบันนี้ พระพุทธรูปองค์นี้ยังคงอยู่ในสภาพดี มีฐานชุกชีและบุษบกครอบ บุษบกนั้นคงเป็นฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ ๔ ขณะที่ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ที่วังหน้า

ศิลปกรรมที่นอกเหนือไปจาก พระพุทธรูปภายในพระอุโบสถ คือ จิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นจิตรกรรมเรื่อง ตำนานพระพุทธสิหิงค์ ประวัติพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ ซึ่งเป็นฝีมือช่างผสมกัน ระหว่างฝีมือช่าง ในสมัยรัชกาลที่ ๓ และรัชกาลที่ ๔





นอกจากนี้เรื่องตำนานนิทานไทยโบราณ ประวัติพระคเณศ และ ช้าง อุษฏทิศ ภาพจากวรรณคดี เรื่องอุณรุท รามเกียรติ์ นารายณ์สิบปาง ตลอดจนภาพเทพเจ้า และ อมนุษย์ของอินเดีย ทั้งที่ปรากฏในมหาภารตคัมภีร์ และคัมภีร์ปุราณะต่าง ๆ




ทวารบาลประตู



ทวารบาลหน้าต่าง






นอกจากนี้ก็มีพระราชพิธี โบราณของไทย เช่น พระราชพิธีโสกันต์ และภาพการละเล่นต่าง ๆของไทย เช่น กระตั้วแทงควาย แทงวิไสย ไต่ลวด ญวนหก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ภาพที่ปรากฏบนฝาผนังเป็นเป็นเรื่องราวต่าง ๆ จำนวนมากนี้ คงเป็นฝีมือช่างหลายคน เพราะผนังพระอุโบสถนี้กว้างใหญ่มาก มีพื้นที่สำหรับเขียนภาพได้มากมาย จึงปรากฏเรื่องราวต่าง ๆ ในลักษณะหลายเรื่องหลายรสหลายฝีมือช่าง มีทั้ง ฝีมือดีและด้อยคละเคล้ากัน









ดังที่สมเด็จกรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์นิพนธ์ไว้ว่า เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังงามเยี่ยมแห่งหนึ่งเท่าที่เหลือในปัจจุบัน เจ้าฟ้าอิศราพงศ์เป็นแม่กอง จัดช่างฝีมือเข้าเขียน มีฝีมือพระอาจารย์แดงวัดหงส์รัตนาราม เขียนภาพชนช้างไว้ห้องหนึ่ง อีกห้องหนึ่งเป็นภาพฝีมือนายมั่น คือ การทิ้งทานลูกกัลปพฤกษ์






























































































































































ดังกล่าวแล้วจะเห็นว่า วัดพระแก้ววังหน้า หรือวัดบวรสถานสุทธาวาส เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เป็นวัดในพระราชวังหน้าของพระมหาอุปราชมาถึงห้ารัชกาล แม้ปัจจุบันจะเหลือเพียงพระอุโบสถเท่านั้นก็ตาม แต่คุณค่าของศิลปกรรมนับได้ว่า มีค่าควรแก่การศึกษาหาความรู้อย่างยิ่ง

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=541320
</TR></TBODY>

 

ว่าไปแล้วน่าจะเป็นทวายุคปลายคาบเกี่ยวกับสมัยศรีวิชัยครับ ผมว่าต้องได้มาจากทางใต้มั้งครับ หุ หุ

 

แหม แหม ตาลุงกะว่าจะไม่โชว์แล้วเชียวท่านเพชร โชว์แหวนแบบนั้น อดไม่ได้ครับ เช่นกันครับ ไม่ต้องหา เห็นยังยากเลยครับ หุ หุ

 

นำของที่จะแสนธรรมดาๆมาล่อดูของดีหายากของตาลุงข้างบ้าน ซึ่งตาลุงไม่เคยนำออกมาให้ชมกัน ก็จดจำพระทวาฯกันเอาไว้ ไปพบเจอที่ใดจะได้หาได้ไม่ผิด ยิ่งหากได้มีโอกาสไปที่วัดไอ...จะทราบได้เองว่า พระทวาฯที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร ผมมีโอกาสได้ไปที่ปราจีนบุรีอยู่หลายครั้งเมื่อหลายปีก่อน มีอยู่ ๒ ครั้งที่ไปวัดแห่งหนึ่งมีพระพุทธรูปทวาฯประดิษฐานอยู่ เห็นฉัพพรรณรังสีรอบองค์ท่านแบบตาเนื้อ แม้เวลาออกกลางแจ้งแสงสว่างนั้นก็ยังติดอยู่ในดวงตานั้นอยู่ มีโอกาสก็ไปกราบพระทวาฯกันที่ปราจีนฯครับ เอาไว้ให้ผมหาภาพพระทวาฯองค์นั้นพบก่อนจะนำมาให้ชมกัน...

 

เช้าวันนี้ว่าจะ post ภาพพระสมเด็จวังหน้าลักษณะสีประจำวัน แต่ติดธุระข้างนอกเสียก่อน เลยจะกลับไป post ภาพช่วงบ่ายๆ ระหว่างนี้คุณหนุ่มจะทักท้วงยังไงก็รีบๆหน่อยนะ เลยเวลาผม post ขึ้นบอร์ดแล้วจะไม่ทันการณ์..

ขาดสีแดงไปสีครับ พุธกลางคืนเป็นราหูสีดำ

 

9 ป่วยเพราะน้ำ(ในตัว) ขึ้น-ลง
วันจันทร์ ที่ 03 ตุลาคม 2554 เวลา 0:00 น
เนื้อหาข่าว


ในตัวเราประกอบด้วย “น้ำ” ตั้งแต่เลือดไปจนถึงน้ำเลี้ยงสมองและวุ้นหยุ่นในลูกตา ซึ่งก็มีสิทธิ์พาให้เกิดโรคจากภาวะน้ำในตัวเราขึ้น-ลงได้เช่นกัน วันนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ พร้อมเปิดเผย เรื่องราวน้ำ(ในร่างกาย)ขึ้น-ลง จะทำให้ป่วยเป็นโรคใดได้บ้าง...

โลกนี้ถ้าไม่นับโลกธรรมทั้ง 4 อันได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริฐ และความสุขแล้วสิ่งที่ขึ้นลงไปในทางตรงข้ามได้อีกก็คือ “น้ำ” ครับ ดวงจันทร์ขนาดใหญ่พอที่จะไล่ให้น้ำลงไปได้จนหาดทรายแห้ง แต่ในขณะเดียวกันยามมันอยู่ใกล้โลกก็จะดึงน้ำให้ขึ้นสูงล้นหาดได้เช่นกัน ฉันใดก็ฉันนั้นในตัวเราก็มีของเหลวที่เป็นน้ำอยู่มากอาจมีการกระเพื่อมขึ้นลงจนถึงขั้น “กระฉอก” บอกอาการป่วยได้ครับ ดังขอยกตัวอย่างน้ำขึ้นไว้ก่อนดังนี้

กรดไหลย้อน เป็นน้ำขึ้นที่ทำให้มึนเจ็บจี๊ดขึ้นยอดอก ใครเป็นแล้วจะรู้ว่าไม่ใช่โรคขำๆทำให้แน่นคล้ายจะเป็นจะตายกลายเป็นโรคทำให้ป๊อดได้เหมือนกัน มีเทคนิคสำคัญในการคุมคือนอนหมอนสูงหนุนใต้ไหล่และไม่ให้ทานมันจัด แล้วให้หากล้วยหักมุกกับกะหล่ำปลีมากินสลับกันก็จะช่วยได้ครับ

ความดันสูง โลหิตที่ขึ้นสูงตามความเสื่อมของหลอดเลือดกับความเครียดนั้นมีสิทธิ์สูงจน “ตลิ่งพัง” ได้สั่งให้สมองเป็นอัมพาตหรือขาดเลือดได้ครับ น่ากลุ้มใจตรงที่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่เห็นว่ามันเป็นโรคร้ายนี่สิครับ อยากให้ปรับอาหารลดการปรุงเค็มลงให้มากและที่สำคัญตัดบุหรี่ ลดความอ้วน ชวนกันตัดปัจจัยเสื่อมหลอดเลือดให้ได้มากที่สุดครับ

ต้อหิน เรื่องนี้กินยาวมาถึงตาครับเพราะในก้อนลูกตาเรามีวุ้นใสหยุ่นอยู่ ทีนี้เมื่อมันดันเกิด “น้ำขึ้น” เพราะไหลเวียนไม่ดีจนดันอัดกันอยู่ข้างในจะทำให้ปวดลูกตา มองหน้าใครก็พร่า ที่สำคัญความดันนี้จะไปกดจอตาจนพังเกินแก้ได้ เรียกว่าเริ่มเป็นต้อหิน ควรรีบไปหาคุณหมอตาให้ท่านเช็คให้ทั้งความดันและจอตาโดยด่วนครับ

ไทรอยด์เป็นพิษ เกิดอาการปล่อยของได้เมื่อต่อมไทรอยด์ทำร้ายตัวเองโดยหลั่งเคมีกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วเผาผลาญร่างกายจนโทรมแล้วปล่อยอาการทั้งหมดให้ค้างเติ่งจนเจ้าของต่อมหงุดหงิด เมื่อไทรอยด์เป็นพิษต้องแก้ด้วยการดับเคมีพิษนั้นเสียด้วยสูตรของหมอต่อมไร้ท่อ ระหว่างนี้ขอให้ระวังกินหวานและอย่าป้อนความเครียดให้ร่างกายเพิ่มอีกครับ

อาการน้ำลงที่ตรงข้ามมีโรคที่อาจเป็นได้ดังต่อไปนี้ครับ

เลือดจาง แม้เลือดในกายจะสีเดียวกันแต่บางท่านกลับมี “น้อย” กว่าปกติ ยามน้ำ(เลือด)จางลงเช่นนี้ทำให้มีเหนื่อยง่าย ปวดหัวและรู้สึกไม่สบายตัว ต้องหาสาเหตุของมันให้ได้ก่อนว่าน้ำเลือดนั้นมันหายออกไปทางไหน จากนั้นให้หา “โฟลิก” มาบำรุงให้น้ำ(เลือด)ขึ้น อีกทั้งวิตามินบี 12 ซึ่งจะลองกินจากอาหาร “ผักเขียวจัด” ดูก่อนได้ครับ

ไทรอยด์ต่ำ น้ำลงในกรณีนี้ตรงข้ามกันพิษไทรอยด์ปล่อยของเลยครับเพราะจะทำให้เผาผลาญน้อย ซึมลง เหนื่อยง่าย ง่วงนอนทั้งวัน อาการนี้ต้องเติมไทรอยด์เข้าไปให้ “น้ำขึ้น” แต่ต้องคอยปรับครับไม่อย่างนั้นของจะขึ้นด้วย การช่วยทาน “ไอโอดีนธรรมชาติ” ก็ดีครับอาทิ เกลือไอโอดีน,สาหร่ายทะเลสัปดาห์ละ 2 ขีดเป็นอย่างต่ำ

ซึมเศร้า เหงาจิตตกเพราะเคมีสมองนามว่า “ซีโรโทนิน” เกิดพร่องขึ้นมาอุปมาได้ดั่งน้ำลงแล้วจิตก็ตกลงไปด้วยทำให้เห็นโลกรอบตัวไม่เป็นสีชมพู ดูมีแต่หนทางตันจนถึงขั้นอยากลาโลก แต่ถ้าได้ยาที่ช่วยปรับระดับน้ำในสมองให้ขึ้นมา มีเคมีร่าเริงกลับมาก็จะกลายเป็นคนปกติได้ครับ

เข้าวัยทอง ฮอร์โมนตกต่ำทำเอาซึม(เศร้า)ได้เหมือนกัน บางท่านบ่อน้ำตาแตกเพราะเกิดอาการซึมเศร้าขนาดหนักรุนแรง รวมไปถึงอาการ “วูบวาบ” หงุดหงิดง่ายกลายเป็นคนชอบเหวี่ยง เรื่องนี้เลี่ยงได้โดยการออกกำลังเรียกฮอร์โมนที่กำลังน้ำลงให้คงระดับดีไว้ ถ้าไม่ไหวอาจให้คุณหมอวัยทองช่วยได้ครับ

กระดูกพรุน เกิดจากแคลเซียมในกระดูกตกลงจากเดิม เติมเท่าไรก็อาจรั่วถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุอาทิ การออกกำลัง,อาหาร,การป่วยและเรื่องของวัยทอง อย่าไปลองของกับเรื่องกระดูกพรุนทีเดียวครับเพราะมีสิทธิ์ทำให้ล้มแล้ว “ไม่ลุก” อีกเลย.
ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์

 

พระสมเด็จวังหน้าประจำวันมีอยู่หลายพิมพ์ พิมพ์สังฆาฏิเป็นพิมพ์ที่ชอบพิมพ์หนึ่ง..

 

วันหยุดเป็นไงกันบ้างนะครับผม สบายดีไหมครับ อ้อดียามบ่ายนะครับผม
นำรูปเก็บตกมาให้เยี่ยมชมกันครับ วันหยุดไปทำความดีถวายในหลวงของเราครับผม
งานนี้มาม่าเยอะมากอันดับหนึ่งนะครับ รองลงมาคือผ้าอนามัยครับ เพราะหลังจากจัดชุดยังมีเหลือก็นำมาใส่เพิ่มกันอีกนะครับ ไปทั้งหมดสามที่ในอยุธยาครับ ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะพายเรือออกมารับสิ่งของกันนะครับ โชคดีที่ได้รถทหารมาช่วยขนส่วนใหญ่ไปนะครับ ได้ประมาณพันกว่าชุดครับ ระหว่างการเดินทางก็มีคนอื่นที่เขานำมาช่วยเช่นกันนะครับ น่าดีใจที่เราคนไทยไม่ทิ้งกันจะสีไหนก็ตามนะครับ

 

พอจะประกบตาลุงข้างบ้านไหวไม๊ครับ..s6..s6...

 

สบายมากครับ เกิดอิด -ฉาเล็กน้อยครับ ว่าแต่ยังไม่เฉลยแหวนเลยครับ หุ หุ

 

มือผมไม่ไวเท่าสายตาของตาลุงข้างบ้านจริงๆ 55555 เผลอไปหน่อย ตอน post นี่ผมไม่เห็นตาลุงเข้ามานะ พอ post เสร็จเห็นรูปกับข้อมูลไม่สัมพันธ์กัน แต่ไม่ทันตาลุงจริงๆ...

แหวนทวาฯได้จากการที่มีผู้ไปขุดพื้นที่ดินผืนหนึ่งเป็นบ้านพักชายทะเลแบบresort เห็นดินบริเวณนั้นแยกออก เลยขุดไปๆมาพบโครงกระดูก พร้อมแหวน และพระเครื่องจำนวนหนึ่ง ปรากฎว่า ใหญ่เกินกว่าขนาดนิ้ว ผู้ขุดเขาสวมใส่แหวนไม่ได้ เมื่อเทียบดูอายุของแหวนพญานาควงนี้กับแหวนสำริดสนิมเขียวบรรจุเหล็กไหลวงนี้ วงหลังอายุมากกว่ามาก น่าจะอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 14-15 วงหลังน่าจะใกล้เคียงตามที่กูรูน้องนู๋กล่าวไว้ เสียดายว่าผมจำไม่ได้ว่าเป็นชายทะเลแถบใด จากขนาดวงของแหวน ก็พอจะคาดการณ์รูปร่างของเจ้าของเดิมนั้นได้ว่ารูปร่างสูงใหญ่ขนาดไหน แต่ผมกลับสวมได้พอดี ผมได้นำไปให้ศิษย์สายหลวงปู่สรวงเช็ค เพียงยื่นส่งให้ เธอบอกให้ทราบในภายหลังว่ามีแรงปะทะอัดเข้ามาเป็นระลอก ฌาน ๒ ขึ้นมาเร็วมาก เกิดอุพเพงคาปีติ ก็ไม่ได้บอกเธอว่าคืออะไร แต่สัมผัสได้พลัง ๒ กระแส รัศมีมีสีเหลืองทองอยู่ตรงกลาง และรัศมีสีฟ้าอยู่ทางขวา ก็นับว่าถูก สีฟ้านั้นเป็นรัศมีของเหล็กไหล

<!-- google_ad_section_end -->

 

ว่าแต่องค์ไหนระหว่างท่านเพชร กับของตาลุง ผมครับ หุ หุ

 

ตาลุงช่วยดูทวาฯองค์นี้ครับ..เป็นไง ดูแล้วจาอึ้ง